วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1109] ดาวน์โหลดหนังสือ Say It Like Obama

สวัสดีครับ
หนังสือเล่มที่ผมขอแนะนำให้ท่านดาวน์โหลดวันนี้ ชื่อ Say It Like Obama มีเนื้อหาทั้งหมด 10 บท หนา 242 หน้า โดยวิเคราะห์เจาะลึกวิธีการกล่าวสุนทรพจน์ของประธานาธิบดี Barack Obama ของประเทศสหรัฐอเมริกา

หนังสือเล่มนี้ดียังไง อ่านคำวิจารณ์ได้ที่นี่ครับ
http://tinyurl.com/lwnf3g

และดาวน์โหลดไปอ่านได้ที่นี่ครับ
http://tinyurl.com/nq2ydd

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1108] ด/ล Little English (Picture) Dictionary

สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีหนังสือ Little English (Picture) Dictionary มาฝาก

ดิกเล่มนี้มีเพียง 112 หน้า เป็นหนังสือศัพท์หมวดย่อย ๆ โดยแต่ละหมวดมีภาพ, คำศัพท์, คำอธิบายศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ บางคำก็แสดงตัวอย่างการใช้คำศัพท์ด้วย

สำหรับท่านที่เริ่มหัดใช้ดิกชันนารี อังกฤษ - อังกฤษ ฝึกกับดิกเล่มนี้เหมาะมากครับ เพราะว่าเป็นศัพท์ง่าย ๆ และเราอาจจะรู้ความหมายของศัพท์อยู่แล้ว แต่เราอาจจะไม่คุ้นเคยลักษณะการอธิบายคำศัพท์ด้วยภาษาอังกฤษ การพลิกอ่านไปทีละหน้าสองหน้า จะทำให้เราได้ประโยชน์หลายอย่าง เช่น
1. ได้ทบทวนศัพท์เก่า,
2. ได้รู้ศัพท์ใหม่ ทั้งศัพท์ที่เป็น head word และศัพท์ที่ใช้อธิบาย head word,
3. ได้ฝึกการอ่านประโยคสั้น ๆ ทำให้ไม่เบื่อ
4. ได้ "ฝึกเดา" เพราะการอ่านข้อความซึ่งใช้อธิบายศัพท์ที่เรารู้อยู่แล้ว และมีภาพประกอบ ทำให้การเดาเป็นเรื่องง่าย การฝึกเช่นนี้ ทำให้เราเข้าใจข้อความที่อ่าน เมื่อเข้าใจแล้วก็ไม่ยากที่จะจดจำ style ที่ได้อ่านเอาไปใช้พูดหรือเขียน
5. ถ้าท่านถือโอกาสอ่านประโยคสั้น ๆ เหล่านี้ไปด้วย ก็เป็นการฝึกพูดไปในตัว

ถ้าท่าน print หน้า - หลัง ออกมาก็ใช้กระดาษไม่ถึง 60 แผ่น เย็บเป็นเล่มพกใส่กระเป๋าติดตัวไว้ นั่งอยู่ว่าง ๆ ที่ไหนก็หยิบขึ้นมาอ่านได้ไมเสียเวลาเปล่าครับ

เชิญดาวน์โหลดครับ
ลิงค์ที่ 1
ลิงค์ที่ 2

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1107] วิธีพูด-ท่องศัพท์-เรียนอังกฤษ ให้เก่ง

สวัสดีครับ
ผมไปพบ 3 บทความที่ให้คำแนะนำในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ เห็นว่าน่าสนใจดีเลยเอามาฝากครับ

10 วิธีพูดให้สำเนียงเหมือนฝรั่ง
16 วิธีท่องศัพท์ภาษาอังกฤษ ข้อคิดจาก 3 กูรู
คำแนะนำการพัฒนาภาษาอังกฤษ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1106] แนะนำเว็บ $treet English

สวัสดีครับ
ผมไปเจอเว็บนี้ครับ $treet English http://streetenglish.exteen.com/

เขาเขียนไว้ที่หัวเว็บว่า...
“เดินเท้าไปเรื่อย ๆ
เรียนสำนวนและแสลง
ภาษาอังกฤษข้างถนนแบบแนว ๆ”


มีหลายหัวข้อที่น่าสนใจครับ เลยเอามาฝาก

· Blog Map รวมทุกเอนทรี่ ไว้ที่นี่ที่เดียว
· รวมสำนวน และ แสลง
· Movie
· Music
· รวมไวยากรณ์ Grammar

ศึกษาเพิ่มเติม:
คอลัมน์ให้ความรู้ พูดคุย ถาม-ตอบ ภาษาอังกฤษ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1105] อ่านประวัติ-ฟังเพลง Michael Jackson

สวัสดีครับ
ท่านที่ต้องการอ่านประวัติของ Michael Jackson เชิญคลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

1.อ่านประวัติ จาก wikipedia คลิก
2. ไฟล์ในข้อ 1 แต่แสดงคำแปลเมื่อวางเมาส์บนคำศัพท์ คลิก
3. ฟังเพลงของ Michael Jackson จาก YouTube คลิก
4. เว็บของ Michael Jackson คลิก
5. จาก Google Search คลิก

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1104] ด/ล CD dict: Oxford, Cambridge, NHD

สวัสดีครับ
เมื่ออ่านภาษาอังกฤษจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะขณะต่อเน็ตหรือไม่ได้ต่อเน็ต ผมมักจะเปิดหน้าต่างโปรแกรมดิกชันนารีไว้ด้วย เพราะมันช่วยอำนวยความสะดวกในการแปลศัพท์ และโปรแกรมที่ผมเห็นว่าใช้งานได้สะดวกมาก ๆ คือ
1. ดิกอังกฤษ – ไทย คือโปรแกรม Dict Loy อ่านแนะนำการติดตั้งและใช้งานที่ ลิงค์นี้
2. ดิกอังกฤษ – อังกฤษ คือโปรแกรม wordweb

ข้อดีของโปรแกรมคือ ใช้งานได้โดยไม่ต้องต่อเน็ต เพียงคลิกที่คำศัพท์ก็จะมีหน้าต่างแปลคำศัพท์ผุดขึ้นมาให้เห็น ไม่ต้องเสียเวลาในการเปิดดิก

แต่ถ้าผมต้องการคำแปลศัพท์โดยละเอียด, อ่านคำอธิบายการใช้ศัพท์, ศึกษาประโยคตัวอย่างที่ใช้ศัพท์คำนั้น ฯลฯ ผมก็มีโปรแกรมดิกชันนารียี่ห้อดัง ๆ เช่น Oxford, Longman, COBUILD, Cambridge เป็นต้น ไว้ใช้งาน โปรแกรมพวกนี้มักขายมาพร้อมกับดิกเล่ม และมีเวอร์ชั่นใหม่ ๆ ออกมาเรื่อย ๆ คือปรับปรุงคุณภาพของดิกตัวเองให้ดีกว่าเดิม และให้เหนือกว่าดิกยี่ห้ออื่น เราคนซื้อก็เลยได้ใช้โปรแกรมดิกที่มีคุณภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ น่าใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น นอกจากมีข้อความให้อ่านและสามารถ search ได้อย่างสะดวกกว่าการเปิดพลิกหาศัพท์จากดิกเล่มแล้ว โปรแกรมพวกนี้ยังมีเสียงอ่านคำศัพท์หรืออ่านทั้งประโยคให้ฟัง, มีภาพให้ดู, มีแบบฝึกหัดให้ลองทำพร้อมเฉลย, มีเกมภาษาให้เล่น น่าดึงดูดใจอย่างยิ่งครับ

พูดง่าย ๆ ก็คือ CD Dictionary อำนวยความสะดวกอย่างยิ่งในการศึกษาภาษาอังกฤษ ทั้งในเรื่องศัพท์ การแต่งประโยค การฟังการออกเสียง การใช้คำศัพท์ให้ถูกหลักแกรมมาร์ และการฝึกฝนให้ชำนาญ และแม้ว่าจะมีเว็บมากมายอธิบายการใช้คำศัพท์ มันก็ไม่สะดวกเท่ากับการใช้ CD Dictionary เป็นที่ปรึกษา

แต่ปัญหาหรือข้อหงุดหงิดใจที่ผมพบบ่อย ๆ ก็คือ เนื่องจากเป็นโปรแกรมขนาดใหญ่ ขนาด 600 – 700 MB เมื่อติดตั้งแล้วถ้าคอมฯของท่านกำลังน้อย โปรแกรมอาจจะฉุดให้เครื่องคอมฯของท่านทำงานได้ช้าลง ยิ่งถ้าลงหลายโปรแกรม คอมฯก็ยิ่งอืดมากขึ้น จนหลายครั้งเมื่อใช้ไปได้สักระยะหนึ่ง ผมต้องตัดสินใจถอนการติดตั้ง (หรือ uninstall) CD Dictionary บางโปรแกรมหรือทุกโปรแกรมออก ก็เลยไม่ใช้โปรแกรมดิกขนาดยักษ์ ใช้แต่ขนาดย่อม คือ Dict Loy และ wordweb ดังที่กล่าวแล้ว เพราะแม้ว่าจะให้ข้อมูลที่น้อยกว่า แต่ก็ใช้งานได้สะดวกกว่า และไม่ทำให้เครื่องคอมฯ อืด

เพิ่งไม่กี่วันนี่แหละครับที่ผมทดลองดึงไฟล์เสียงออกจากโปรแกรม CD Dictionary ทำให้โปรแกรมมีขนาดเล็กลงมาก ๆ และผมคิดว่าท่านสามารถลงติดตั้งเพื่อใช้งานได้โดยไม่ทำให้เครื่องคอมฯทำงานอืด และเนื่องจากโปรแกรมมีขนาดเล็กลงมาก จึงไม่ยากนักที่จะดาวน์โหลดไปใช้งาน ทั้งนี้ท่านขาดไป 1 อย่างคือเปิดฟังเสียงไม่ได้ แต่คุณสมบัติอย่างอื่น ๆ ของโปรแกรมยังคงมีให้ท่านใช้อย่างครบถ้วน

โปรแกรม CD Dictionary ชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกที่กล่าวมานี้ ผมเคยแนะนำมาแล้ว 1 โปรแกรม คือ COBUILD Dictionary

วันนี้ผมขอแนะนำอีก 5 โปรแกรมคือ
[1] Cambridge Advanced Learner’s Dictionary (ขนาด 99.44 MB)
คลิกดาวน์โหลด
-ในขั้นตอนการติดตั้ง เมื่อถึงหน้า Setup Type ให้ท่านเลือก Modified (เลือกอยู่แล้ว) ท่านไม่สามารถใช้เวอร์ชั่น Full เพราะผมดึงเอาไฟล์เสียงออกแล้ว
-ทุกคำในหน้าต่างดิกเป็นลิงค์ เมื่อคลิกจะแสดงความหมายของคำนั้น

[2] Dictionary Oxford Advanced Genie (ขนาด 14.58 MB) โปรแกรมเป็นหน้าต่างเล็ก ๆ ที่ท่านสามารถดึงไปวางไว้ที่ตำแหน่งใดก็ได้บนหน้าจอ
คลิกดาวน์โหลด
-ในขั้นตอนการติดตั้ง เมื่อถึงหน้า Setup Type ให้ท่านเลือก Normal (เลือกอยู่แล้ว) ท่านไม่สามารถใช้เวอร์ชั่น Full เพราะผมดึงเอาไฟล์เสียงออกแล้ว
-เมื่อเปิดหน้าโปรแกรม Oxford Genie ขึ้นมาแล้ว มีวิธีใช้ดังนี้ (1)ที่ขอบขวาให้ท่านคลิกเครื่องหมาย +/- เพื่อให้ดิกแสดง / ไม่แสดง ประโยคตัวอย่าง (2)ที่ขอบขวาด้านล่าง ให้คลิกสามเหลี่ยมหัวชี้ขึ้น / ลง เพื่อเลื่อนข้อความที่ต้องการอ่าน (3)คลิกปุ่มสีเลืองที่กรอบล่าง เพื่อตั้งค่าต่าง ๆ (4)ทุกคำในหน้าต่างดิกเป็นลิงค์ เมื่อคลิกจะแสดงความหมายของคำนั้น

[3] PopUp New Oxford Dictionary of English
http://dl1.s31.ifile.it/fhganlrm/b00007e8bh.rar
(วิธีใช้:ไฮไลต์ที่คำศัพท์, copy, ศัพท์และความหมายจะปรากฏในหน้าต่างดิก)

[4] Oxford Dictionary 10th Edition
http://rs329.rapidshare.com/files/138709509/Oxford_Dictionary_10th_edition.rar

[5] Newbury House Dictionary (ขนาด 10.3 MB)
คลิกดาวน์โหลด
สำหรับโปรแกรมนี้ เมื่อติดตั้งแล้วอาจเจอข้อความ “This program requires at least 3 MB of free virtual memory to run” ก็ต้องแก้ปัญหาที่คอมฯของท่าน

สุดท้ายนี้ผมอยากจะพูดว่า จากประสบการณ์ในการเป็นคนบ้าดิก มาหลายปี ทำให้ผมได้ข้อสรุปว่า
1. ดิกดี ๆ แม้มีประโยชน์แน่ ๆ แต่ถ้าเราไม่ชอบหรือไม่ถูกโฉลกกับดิกนั้น เราก็ไม่อยากจะใช้และไม่ได้รับประโยชน์จากมัน
2. เราจึงควรผ่านประสบการณ์การใช้ดิกหลาย ๆ เล่ม, หลาย ๆ เว็บ, หลาย ๆ โปรแกรม จนเราเลือกได้อันที่ถูกใจเรามากที่สุด 1 อัน, 2 อัน, หรือ 3 อัน แล้วก็ใช้ประโยชน์จากอันนั้นแหละครับ การเลือกจนได้เจอของที่ถูกใจนี้เป็นเรื่องที่ต้องลงทุนเสียเวลากับมันสักเล็กน้อย แต่ประโยชน์ที่ได้รับคุ้มค่าครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1103]ด/ล คลังประโยคตัวอย่างมหึมา จาก COBUILD Dict

สวัสดีครับ
ทุกท่านทราบดีแล้วว่าในการศึกษาภาษาอังกฤษนั้น ไม่ว่าจะเป็นการฟัง พูด อ่าน หรือเขียน ต้องฝึกใช้บ่อย ๆ จึงจะคล่อง เพราะฉะนั้นถ้าเราอ่านและฟังบ่อย ๆ ก็จะช่วยให้เราพูดและเขียนได้ง่ายขึ้น เพราะว่าความรู้ความชำนาญในเรื่องความหมายของศัพท์ การใช้ศัพท์ การผูกคำศัพท์ให้เป็นวลีและประโยค ที่เราได้มาจากการอ่านนั้น มีประโยชน์อย่างยิ่ง

ผมพูดถึงการศึกษาคำศัพท์จากประโยคตัวอย่างไว้หลายครั้งแล้ว ประโยคเหล่านี้หาได้มากมายและง่ายดายจากอินเตอร์เน็ต ได้แนะนำไว้บ้างแล้วที่หัวข้อข้างล่างนี้
http://www.natcorp.ox.ac.uk/
macmillan dictionary
[134]ใช้ดิก Babylon.com(+ดิก Loy มีประโยคตัวอย่าง)
[251]พจนานุกรม ไทยเป็นอังกฤษ-พร้อมประโยคตัวอย่าง
[915] "Jukuu" ดิกใช้เรียนภาษาอังกฤษจากปักกิ่ง
[60] เปิดประตูเข้าไปดูคลังศัพท์ของฝรั่งทางเน็ต
[362]หาประโยคตัวอย่าง Th-En & En-Th ได้จากที่ไหน

แต่ผมก็ยังเป็นห่วงหลายท่านที่ไม่สะดวกในการต่อเน็ตบ่อย ๆ ทำให้ไม่สามารถเห็นประโยคตัวอย่างได้เร็วทันใจ คิดหาวิธีอยู่นานทีเดียวว่าจะทำยังไงดี ในที่สุดก็ได้คำตอบ คือผมมี CD COBUILD ดิกชันนารีคุณภาพดังระดับโลก ก็จะเอาไฟล์ใน CD นี่แหละมาให้ท่านดาวน์โหลดไปศึกษาประโยคตัวอย่าง รับรองว่าท่านไม่ผิดหวังเด็ดขาด เพราะ โปรแกรม COBUILD dictionary นี้มีฐานข้อมูลมากถึง 5 ฐาน มีประโยคตัวอย่างมากมายมหาศาลให้ท่านคลิกศึกษาได้อย่างจุใจ ดังนี้ครับ

1. English Dictionary (ดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ)
2. Thesaurus (แสดงคำศัพท์ที่เหมือน คล้าย แตกต่าง)
3. English Usage (แสดงการใช้คำศัพท์ในลักษณะต่าง ๆ หรืออาจเป็นข้อควรระวัง หรือคำเตือนในการใช้)
4. English Grammar (แสดงแกรมมาร์ที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์)
5. Wordbank (แสดงตัวอย่างประโยคการใช้คำศัพท์ที่อยู่ในฐานข้อมูล Wordbank ซึ่งมีประมาณ 5 ล้านคำ)

ปัญหาก็คือ CD นี้ไฟล์โตมากประมาณ 600 MB ท่านคงดาวน์โหลดไม่ไหวแน่ และผมเองก็ไม่มีที่ฝากไฟล์ที่ใหญ่ขนาดนี้ ผมจึงต้องแก้ปัญหาโดยดึงเอาไฟล์เสียงออกเหลือแต่ไฟล์ข้อความ ประมาณ 90 MB, เมื่อบีบแล้วก็เหลือประมาณ 50 MB คิดว่าท่านคงพอจะดาวน์โหลดได้ คลิกดาวน์โหลด COBUILD 2001 (53.91 MB)

ผมยังมีอีกเวอร์ชั่นหนึ่ง คือ COBUILD 2003 ซึ่งดีกว่าเวอร์ชั่น 2001 คือมีฐานข้อมูล wordbank ที่ใหญ่และดีกว่า แต่ข้อที่ด้อยกว่าก็คือไม่มีฐานข้อมูลThesaurus, English Usage และ English Grammar ท่านใดต้องการดาวน์โหลดไว้ด้วยก็เชิญครับ
คลิกดาวน์โหลด COBUILD 2003

ผมได้อธิบายการติดตั้งและการใช้งานไว้อย่างละเอียด
เชิญคลิกดาวน์โหลด ครับ

สำหรับท่านที่ต้องการดาวน์โหลดโปรแกรม talking dictionary เพื่อเก็บไว้ฟังเสียงอ่านคำศัพท์ คลิกดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[342] ติดตั้ง pop-up talking dict. ไว้ประจำเครื่อง
[1066]โปรแกรมFree Dict ที่ใช้งานโดยไม่ต้องติดตั้ง [โปรแกรมที่ 1]

สุดท้ายครับ ท่านที่ใช้ high speed internet และไม่มีปัญหาในการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ซึ่งมีทั้งข้อความและเสียงอ่านคำศัพท์ เชิญดาวน์โหลด COBUILD dictionary ได้ที่นี่ครับ
password ตอน extract ไฟล์ คือ englishtips.org
#1 rapidshare.com
#2 rapidshare.com
#3 rapidshare.com
#4 rapidshare.com
#5 rapidshare.com
#6 rapidshare.com

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1102] ด/ล โปรแกรมรวมหลายไฟล์วีดิโอเข้าด้วยกัน

สวัสดีครับ
ผมไปได้ โปรแกรมที่สามารถรวมไฟล์วีดิโอหลาย ๆ ไฟล์เข้าด้วยกัน และ support วีดิโอหลาย format เช่น flv, wmv, mp4, 3gp
มันน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง เช่น เราไปเจอวีดีโอขนาดสั้น ๆ จะได้รวมเป็นไฟล์เดียวกัน, burn ลงแผ่น และคลิกครั้งเดียวดูได้ตลอดเรื่องหรือตลอดไฟล์ยาว ๆ เลย ท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษน่าจะนำเอาไปใช้ช่วยทำสื่อการสอนได้

โปรแกรมที่ 1: Ultra video-Flv Joiner ขนาด 8.77 MB
คลิกดาวน์โหลด ลิงค์ที่ 1 หรือ คลิกดาวน์โหลด ลิงค์ที่ 2
โปรแกรม Ultra video-Flv Joiner นี้ สามารถปรับให้ไฟล์มีคุณภาพสูงกว่าไฟล์เดิมได้ด้วย น่าใช้ครับ

ตอนแตกไฟล์หรือใช้งาน ถ้าคอมฯ มันฟ้องว่า โปรแกรมนี้มีไวรัส ไม่ต้องสนใจนะครับ เพราะมันไม่มี ให้คลิก ignore ได้เลย

โปรแกรมที่ 2: ImTOO Video Joiner ขนาด 9 MB
คลิกดาวน์โหลด
อ่านคำแนะนำโปรแกรม คลิก

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

คลิกดูสารบัญหัวข้อที่ 1101 - 1200

[1101] ด/ล Test ภาษาอังกฤษ 864 ชุด พร้อมเฉลย

สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีไฟล์ English Test จำนวน 864 ชุดมาให้ท่านดาวน์โหลดไปศึกษา ดังนี้ครับ

384 English Grammar Tests
321 Business English Tests
35 English Synonym Tests
60 Errors in English Usage Tests
64 English Idiom and Expression Tests

ถ้าท่านจะดาวน์โหลดคราวเดียวทั้ง 5 ชุด ก็คลิกที่ลิงค์ใดลิงค์หนึ่งขางล่างนี้
ลิงค์ที่ 1 หรือ ลิงค์ที่ 2

แต่ถ้าจะดาวน์โหลดทีละไฟล์ ก็คลิกข้างล่างนี้
384 English Grammar Tests
321 Business English Tests
64 English Idiom and Expression Tests
35 English Synonym Tests
60 Errors in English Usage Tests

และเนื่องจากในไฟล์มีเพียงเฉลย (Answers) แต่ไม่มีการอธิบายเฉลย เพราะฉะนั้นท่านอาจจะต้องไปหาศึกษาเพิ่มเติมได้ที่รวมลิงค์ข้างล่างนี้
แกรมมาร์- ศัพท์ -Test -ดิก

ตอนนี้ผมขอคุยนิดนึงนะครับ .....

สมัยเป็นนักเรียน เพื่อนของผมหลายคนไม่ชอบภาษาอังกฤษ บอกว่าไม่ชอบท่องจำ ฟังน้ำเสียงคล้าย ๆ กับว่าคนเรียนภาษาอังกฤษมีสมองเกรด B ไม่เหมือนพวกเขาที่ถนัดวิชาพวกฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์ ที่ใช้สมองเกรด A ซึ่งต้องคิดค้นไม่ใช่เอาแต่ท่องจำ เพราะไม่ว่าจะเป็นศัพท์หรือแกรมมาร์มันต้องจำทั้งนั้น และถ้าจะจำให้ได้มาก ๆ และเร็ว ๆ ก็ต้องท่องโดยไม่ต้องคิดอะไรมาก ตอนที่ผมอยู่ในวัยแรกรุ่นที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษก็รู้สึกต่ำต้อยไปกับคำวิจารณ์เทือกนี้อยู่บ้าง

แต่เมื่อผมโตขึ้นผมจึงได้รู้ว่า คำวิจารณ์เหล่านั้นอาจจะ ‘ถูก’ แต่ ‘ไม่ครบ’ (=ไม่ถูก) ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1. ภาษานั้น ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย อังกฤษ หรือภาษาใด ๆ ในโลกนี้ เป็นเรื่องของการเข้าใจ (เมื่ออ่านและฟัง) และใช้เป็น (เมื่อพูดและเขียน) และทำไมเราคนไทยจึงไม่ต้องเปิดพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถานเพื่อท่องศัพท์, ไม่ต้องอ่านตำราหลักภาษาไทยของพระยาอุปกิตศิลปสารเพื่อให้เข้าใจไวยากรณ์, ที่ไม่ต้องก็เพราะว่าเมื่อเราโตขึ้นมา เราก็ค่อย ๆ เรียนและรู้, เราได้ใช้-และใช้ได้-และใช้เป็น, ทักษะภาษาไทยทั้งการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน จึงเกิดขึ้นและอยู่กับเราโดยอัตโนมัติ เจ้าของภาษาจึงไม่จำเป็นต้องท่องหรือใช้ความยายามอะไรเลยก็สามารถเข้าใจและใช้เป็นภาษาแม่ของตัวเอง

ข้อความในย่อหน้าข้างบนที่เป็นตัวเอน เป็นข้อความที่ผมแกล้งพูดเองแต่ก็ไม่เห็นด้วยทั้งหมด [คือมัน ‘ถูก’ แต่ ‘ไม่ครบ’ (=ไม่ถูก) ] เพราะแม้จะเป็นภาษาไทยที่เราคุ้นเคยกับมันมาตั้งแต่เกิดนี่แหละ คนไทยหลายคนเมื่ออ่านและฟังภาษาไทยก็ไม่ค่อยเข้าใจ จะกล่าวไปใยถึงการพูดและเขียน ท่านไม่เคยพบหรือครับ เราฟังบางคนพูดอยู่ตั้งครึ่งวันยังไม่รู้เลยว่าพี่แกต้องการพูดอะไร นี่เอาแค่ภาษาไทยเท่านั้นแหละครับ ไม่ต้องกล่าวไกลไปถึงภาษาอังกฤษหรอก

ผมกำลังจะบอกว่า การเรียนภาษาอะไรก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาต่างประเทศ จุดเริ่มไม่น่าจะอยู่ที่การจำโดยบีบอัดเข้าไปในสมอง แต่อยู่ที่....
[1]. มีความสนใจ ซึ่งจะทำให้สังเกต และก็จะเข้าใจ ถ้าตั้งหน้าตั้งตาแต่จะจำ โดยมิได้สนใจและสังเกต สิ่งที่จำไว้ยิ่งมากอาจจะยิ่งมึน และเป็นการจำที่ลืมง่าย แต่ถ้า start จากสนใจ-สังเกต-เข้าใจ ก็จะจำได้ง่ายและลืมยาก ภาษาไทยที่เราใช้อยู่ทุกวันเป็นเช่นนี้ ภาษาอังกฤษที่นาน ๆ จะใช้สักทีก็เป็นเช่นดียวกัน

[2]. มีการฝึกใช้ให้คล่องแคล่ว สมัยผมเรียนอยู่ชั้นประถม-มัธยม วิชาเรียงความเป็นวิชาที่เพื่อน ๆไม่กี่คนชอบ คนที่เขียนเรียงความได้ดีก็จะถูกคนที่เก่งวิชาฟิสิกส์หรือคณิตศาสตร์ (พวกมันสมองเกรด A) แซวเอาว่าเป็นเจ้าสำบัดสำนวน ไม่ได้มีความสามารถอะไรมากไปกว่านั้น แต่ ณ บรรทัดนี้ผมก็ขอยืนยันอย่างเดิมอีกแหละครับว่า บทแซวเหล่านี้อาจจะ‘ถูก’ แต่ ‘ไม่ครบ’ (=ไม่ถูก) เพราะการเขียนเรียงความเรื่องหนึ่ง ๆ นอกจากจำวัตถุดิบไว้ในสมองและดึงออกมาเขียนให้ได้แล้ว ยังต้องเขียนให้คนเข้าใจ – สนใจ – หรือถึงขั้นสุขใจ ที่ได้อ่าน นี่ต้องอาศัยการฝึกฝนอยู่พอสมควร มิใช่เกิดขึ้นได้โดยอัตโนมัติหรือโชคช่วย ภาษาไทยเป็นเช่นนี้ ภาษาอังกฤษย่อมเป็นเช่นนี้เช่นกัน

แล้ว test ทั้งหลายที่ผมนำเอามาให้ทุกท่านดาวน์โหลดล่ะครับ มันมีประโยชน์ยังไง ผมเอามาเพื่อหวังให้ท่านท่องจำหรือครับ? คำตอบก็คือ ถูกครับแต่ถูกไม่ครบ !

เรื่องของเรื่องก็คือว่า คนอังกฤษอเมริกันเขาอาจจะไม่มีความจำเป็นเลยที่ต้องฝึกภาษากับ test พวกนี้เพราะเขาโตมากับมัน แต่เราคนต่างชาติถ้าได้เรียนรู้ฝึกฝนก็จะมีประโยชน์ เพรามันคือการประมวลประเด็นหรือแง่มุมทางภาษาที่ใช้บ่อยหรือทำผิดบ่อย เอามาไว้ในที่เดียวกัน และจริง ๆ แล้วถ้าเราอ่านหรือฟังภาษาอังกฤษบ่อย ๆ เราก็จะเจอสิ่งที่ยู่ใน test เหล่านี้แหละครับกระจัดกระจายอยู่ในหน้าหนังสือ วิทยุ ทีวี หรือ mp3 แต่ถ้าความสามารถในการสังเกตของเรามันน้อย เราก็จะจับแง่มุมทางภาษาเหล่านี้ได้น้อย ฉะนั้น พอได้อ่านสิ่งที่เจ้าของภาษาเขาประมวลไว้ให้ เราก็สบาย! เพราะมีคนทำข้อ 1 ให้แล้ว

แต่เราก็สบายแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นแหละครับ เพราะสิ่งที่เราจะได้และเข้าใจจาก test หรือหนังสือเหล่านี้ยังไม่ใช่ของจริงซะทีเดียว ของจริงก็คือสิ่งที่เราได้อ่านจริง ๆ - ได้ฟังจริง ๆ – ได้พูดจริง ๆ – และได้เขียนจริง ๆ นั่นคือเราต้องทำข้อ 2

สรุปได้สั้น ๆ ว่า การจะเรียนภาษาให้ได้ดี สำหรับคนที่ในอดีตไม่มีโอกาสคลุกคลีกับภาษาอังกฤษ แต่ในปัจจุบันจำเป็นต้อง “เข้าใจ และ ใช้เป็น” ก็คงต้องทำทั้ง 2 อย่างนี้ไปพร้อมกัน คือ (1) สนใจ-สังเกต- ก็จะเข้าใจ และจำได้ไปเอง และ (2) ฝึกฝนจนเก่งขึ้นเอง จากการใช้งานจริง ๆ เสริมด้วยการทำ test

ขอย้อนกลับไปพูดถึงเพื่อนของผมที่เคยบอกว่าตัวเองเก่งฟิสิกส์และคณิตศาสตร์และดูแคลนอังกฤษ แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะ ถึงวันนี้ก็ต้องย้อนกลับมาพยายามเรียนภาษาอังกฤษ ต้องใช้ ‘มันสมองเกรด B’ที่ไม่ชอบใช้ในสมัยนั้น!

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1100] โปรแกรมฟรี แปลง word เป็น pdf


คลิก

โปรแกรมแปลง pdf เป็น word คุณภาพดี


[1099] ภาษาอังกฤษเกี่ยวกับธุรกิจ นำเข้า – ส่งออก

สวัสดีครับ
มีท่านผู้อ่านให้ผมช่วยหาเว็บสอนภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับธุรกิจการนำเข้า – ส่งออก (import - export) ผมหาแล้วได้มาข้างล่างนี้ อาจไม่ตรงกับที่ต้องการนัก แต่คิดว่าอาจจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ท่านใดรู้เว็บ (ฟรี) เกี่ยวกับเรื่องนี้ กรุณาแจ้งด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

[1] ภาษาอังกฤษพื้นฐานเพื่อการส่งออก

[3] Free B2B Definitions Glossary

[4] A-Z Dictionary of Export, Trade and Shipping Terms

[5] รวม Business Dictionary หลายเว็บ
- รวมลิงค์ที่ 1
- รวมลิงค์ที่ 2

[6] [1028] ภาษาอังกฤษธุรกิจ (business English)

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1098] ทุกอย่างที่อยากรู้ ป้อนคำถาม ให้ Google ตอบ

สวัสดีครับ
วิธีที่ง่ายที่สุดวิธีหนึ่งในการค้น หรือ search ใน Google ก็คือ
1.พิมพ์เป็นประโยคคำถามลงไปตรง ๆ
2.พิมพ์เป็นวลีหรือประโยคบอกเล่า แล้วเติมเครื่องหมายดอกจัน ( * ) ตรงที่หมายให้เป็นคำตอบ ทำนองให้ Google เติมคำในช่องว่าง
3.พิมพ์เป็นวลียาว ๆ ที่ชัดเจนลงไป โดยให้จินตนาการว่า สิ่งที่เราพิมพ์ลงไปจะเป็นส่วนหนึ่งของคำถามที่คนเขามักจะถามกันในเน็ต หรือเป็นส่วนหนึ่งของบทความ, เนื้อข่าว, หรือเรื่องราว ที่ผู้เขียนมักจะเขียนในสไตล์นี้

มี code บางตัวที่น่าจำไว้ใช้ เช่น
1.พิมพ์เครื่องหมาย ~ ไว้หน้าคำค้น เช่น ~study, Google ก็จะค้นหาคำที่มีความหมายเหมือนหรือคล้าย ๆ กับ study ด้วย เช่น learn How to ~study English *
2.พิมพ์ intitle:คำค้น จะทำให้ได้คำค้นที่อยู่ในชื่อเรื่อง คือระบุขอบเขตของการค้นให้กระชับขึ้น
3.พิมพ์วลีค้นในเครื่องหมายพูด เช่น “ประโยคสนทนา” จะทำให้ Google ค้นวลีนี้เด๊ะเลย
เช่น intitle:"ประโยคสนทนา"

เมื่อ Google แสดงผลการค้นแล้ว การจะเลือกข้อมูลจากเว็บใด อาจจะพิจารณาดังนี้
1.ดูบุคลิกของเว็บว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน เช่น เป็นเว็บของมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษา หรือเว็บทางวิชาการ หรือเป็นเว็บขายสินค้า
2.ไม่ว่าเว็บใดก็ตาม ข้อมูลที่แสดงอาจจะปน ๆ กันทั้ง เรื่องจริง เรื่องจริงปนเท็จ เรื่องเท็จ หรือถ้าเป็นเรื่องแสดงความคิดเห็น อาจจะมีทั้งที่แสดงความคิดเห็นอย่างบริสุทธิ์ใจแต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง หรือให้ข้อมูลที่ถูกต้องแต่ไม่จริงใจให้ไม่ครบ เพราะต้องการให้เราคล้อยตามเพียงข้อมูลด้านที่เขาเสนอ ต้องระวังหน่อยครับ
3.คำตอบที่เราได้รับอาจจะยังไม่มีคำตอบที่ชัดเจน หรือยังขัดแย้งกันอยู่ อ่านไว้ก็ประเทืองสติปัญญาดีครับ

เอาละครับ ท่านลองคลิกที่คำค้นข้างล่างนี้ ที่ผมพิมพ์ลงใน Google คงจะทำให้เห็น idea อะไรบางอย่างเกี่ยวกับการค้นหาสิ่งที่ต้องการรู้โดยอาศัย Google เชิญครับ

The longest river in the world is *
The capital of Fiji is *
The oldest person in the world is *
How long is the great wall of China?
Who was the 10th president of the USA?
Who is the most beautiful woman in the world?
* is the hottest place in the world
the heaviest man in the world
Thailand is famous for *
How many islands are there in Thailand ? ตัวอย่างที่เลือก
The richest ~person in Thailand * ตัวอย่างที่เลือก
The poorest ~person in Thailand *
The oldest ~person in Thailand *

หรือเราอาจจะต้องการรู้ว่า ผู้คนให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องราวบางอย่างไว้อย่างไรบ้าง ก็หาได้
happiness is *
intitle:happiness is *

love is *
intitle:love is *

"I love you because" *

How to live a happy life *

the most popular free English-study website in the world
popular free online English language games *

สำหรับการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ผมลองหาดู ได้ผลข้างล่างนี้ครับ
how to improve English skills *
วิธีเก่งภาษาอังกฤษ*

the best ways to remember vocabulary *
วิธีจำศัพท์*

the best ways to improve writing skill *
the best ways to improve speaking skill *
the best ways to improve reading skill *
the best ways to improve listening skill *
the best ways to ~study grammar *

เคล็ดเพิ่มเติมในการ Search Google คลิก

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1097]Longman Photo Dictionary of American English

สวัสดีครับ
หนังสือ Longman Photo Dictionary of American English มีทั้งสิ้น 146 หน้า ในจำนวนนี้มีหน้าที่แสดงภาพคำศัพท์ 110 หน้า ลักษณะที่น่าสนใจของหนังสือเล่มนี้ก็คือ
1. เป็นหนังสือภาพศัพท์ที่ส่วนใหญ่เป็นภาพถ่าย ไม่ใช่ภาพวาด จึงสมจริงมาก
2. รวมรวมภาพศัพท์ไว้ถึง 17 หมวดใหญ่ และหลายสิบหมวดย่อย
3. รวม 4 สิ่งไว้ด้วยกัน คือ คำศัพท์ – ภาพศัพท์ – เสียงอ่านคำศัพท์ และแบบฝึกหัดสั้น ๆ ให้ฝึก

Longman Photo Dictionary of American English จึงมีประโยชน์มากในฐานะเครื่องมือที่ช่วยให้เรารู้ศัพท์ได้ง่ายและจำศัพท์ได้เร็วและนาน เนื่องจากมีภาพประกอบที่จัดรวมเป็นหมวดหมู่ และมีเสียงอ่านให้เราฟังและฝึกออกเสียงตาม เพราะฉะนั้น ถ้าเราศึกษาและฝึกฝนด้วยความตั้งใจ เราจะได้เห็นภาพจนติดตา- ได้ยินเสียงจนติดหู และสามารถฝึกออกเสียงถามได้จนติดปาก เมื่อครบทั้ง ติดตา-ติดหู-ติดปาก เรื่องศัพท์ที่คิดว่ายากก็น่าจะไม่ยากนักดังที่คิด

ศัพท์ 10 หมวดมีดังนี้ครับ
1 NUMBERS, TIME, HOLIDAYS, ETC.
2 PEOPLE
3 HOUSING
4 WORK/OCCUPATIONS
5 THE BODY
6 HEALTH
7 CLOTHES AND FASHION
8 SCHOOL
9 FOOD
10 TRANSPORTATION
11 COMMUNITY
12 SPORTS
13 RECREATION
14 ANIMALS/PETS
15 THE ENVIRONMENT
16 COMPUTERS, 16 COMPUTERS, HOME AND OFFICE ELECTRONICS
17 EXPRESSING ONESELF

→  ดาวน์โหลด

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1096]ถ้าท่านเครียดเพราะเรียนอังกฤษ เชิญทางนี้ครับ

สวัสดีครับ
เรียนอังกฤษเหนื่อยนัก พักสักหน่อยดีไหมครับ
คลิก
ลิงค์ที่ 1
ลิงค์ที่ 2
ลิงค์ที่ 3
ลิงค์ที่ 4
ลิงค์ที่ 5

ถ้ายังไม่จุใจ ยังมีอีกเยอะ ที่ 2 ลิงค์นี้ครับ
Playlists
Channels

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1095] เชิญอ่าน-ฟัง “Buddha” โดย Karen Armstrong

สวัสดีครับ
หนังสือประวัติพระพุทธเจ้าที่ฝรั่งเขียนนั้นมีมากมาย แต่ผมเข้าใจว่าที่เป็นหนังสือขายดีเข้าขั้น bestseller มีไม่มากนัก “Buddha” โดย Karen Armstrong เป็นหนังสือพุทธประวัติเล่มหนึ่งที่เป็น bestseller

นอกจากประโยชน์ที่จะได้รับ คือ reading skillจากการอ่านหนังสือ Buddha ความยาว 187 หน้า และ listening skill จากการฟังmp3 ความยาว 6 ชั่วโมง 32 นาที ผมยังเห็นประโยชน์อย่างอื่นอีกจากการศึกษาพุทธประวัติที่คนแต่งเป็นคนคริสต์ (อดีตแม่ชีคาทอลิก) แต่งเรื่องพุทธให้คนอ่านส่วนใหญ่ที่เป็นชาวคริสต์

ขอขยายความอย่างนี้ครับ พุทธประวัติที่เรารู้จักดีในเมืองไทยส่วนมากที่สุดจะถูกเรียบเรียงและเล่าขานโดยทั้งพระและฆราวาสที่เป็นชาวพุทธ หนังสืออ้างอิงต้นตอก็คือพระไตรปิฎก และเพราะเหตุที่เป็นชาวพุทธที่เปี่ยมด้วยศรัทธาในพระพุทธเจ้า ประวัติที่ถูกเขียนหรือเล่าจึงมักเป็นเพียงเอามาถ่ายถอดต่อ น้อยนักที่จะตีความอย่างโต้แย้งขัดกับมติของอาจารย์โบราณ และถ้ามีท่านใดแต่งเป็นนิยายก็แทบไม่มีเลยที่จะผูกเรื่องด้วยจินตนาการที่ทำให้คนอ่านรู้สึกว่า แปลก – ไม่เคยได้ยิน – หรือเป็นไปไม่ได้

แต่ถ้าเป็นพุทธประวัติที่คนแต่งไม่ใช่ชาวพุทธ เนื้อหาหรือนัยะของเรื่องก็อาจจะต่างออกไป มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมไปอบรมที่อินเดียและได้อ่านพุทธประวัติที่แขกฮินดูเขียน มีเยอะจริง ๆ ที่มักจะเหมาว่าพระพุทธเจ้าเป็นปางหนึ่งของพระเจ้าชาวแขกองค์ใดองค์หนึ่ง หรือคำสอนของพระพุทธเจ้าก็เป็นการเอาปรัชญาของฮินดูมาดัดแปลง พออ่านมาก ๆ เข้าผมก็เลยเลิกอ่านพุทธประวัติที่แขกเขียน

ครั้นผมได้อ่านพุทธประวัติที่ฝรั่งเขียนบ้างก็ได้พบแง่มุมที่ต่างออกไปทั้งที่น่าสนใจและไม่น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่การกล่าวอ้างที่น่าขำที่สุด คือเหมาอย่างแขกว่าพระพุทธเจ้าเป็นศาสดาพยากรณ์องค์หนึ่งของ God ที่เขานับถือและพยายามพูดตีความให้พุทธศาสนาเป็นส่วนย่อย ๆ ของคริสต์ศาสนาที่ยิ่งใหญ่, นอกจากนี้ฝรั่งก็ยังมองพุทธศาสนาว่าเป็นหลักจิตวิทยาที่ยิ่งใหญ่และพระพุทธเจ้าก็เป็นนักจิตวิทยาที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง แนวการมองเช่นนี้ดูเหมือนจะได้รับการยอมรับกันมากแม้แต่ในหมู่คนไทย ทำให้เกิดผลอย่างน้อย 2 อย่าง, อย่างที่ 1 คนไทยจำนวนไม่น้อยเห็นว่าพุทธศาสนาก็ไม่ได้มีอะไรที่ดีวิเศษมากเกินกว่าจิตวิทยา และลำพังถ้าปฏิบัติให้ถูกหลักจิตวิทยาก็เพียงพอแล้วสำหรับการใช้ชีวิต และอย่างที่ 2 ที่ตามมาก็คือ มีเรื่องราวมากมายที่จิตวิทยาของฝรั่งเอื้อมมือไปไม่ถึง และคนไทยมากมายที่หยุดอยู่แค่นั้นก็ได้แค่นั้น

ข้อความข้างบนเหมือนผมกำลังจะบอกว่าฝรั่งนั้นสติปัญญาตื้นเขินไม่รู้จักพุทธศาสนาอันล้ำเลิศ มิได้ครับ! ผมมิได้หมายความเช่นนั้นเลย! ผมกำลังจะพูดต่อไปว่า โลกตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกานั้น บางคนที่ศึกษาจริงเรื่องของพุทธ ทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ เมื่อเราอ่านสิ่งที่เขาพูดและเขียน เราอาจจะได้พบมุมมองที่สด – แปลก – ใหม่ ที่เราไม่เคยได้ยินผู้รู้ชาวไทยพูดถึงหรือตีความมาก่อนหรือพูดไว้แต่ก็น้อย เช่น เขาศึกษาประวัติพระพุทธเจ้าจากแหล่งต่าง ๆ ที่มิใช่เพียงจากพระไตรปิฎก และอธิบายให้เห็นภาพที่กว้างขวางขึ้นซึ่งรวมเรื่องสังคม การเมือง วัฒนธรรม เศรษฐกิจ ภูมิศาสตร์ เทคโนโลยี ฯลฯ เข้าไปด้วย และการตีความของเขาก็อาจจะต่างหรือถึงขั้นแย้งกับสิ่งที่เราเชื่อเพราะเขาไม่ได้มีศรัทธาต่อพุทธศาสนาเป็นพื้นฐานอย่างคนไทย การตีความเช่นนี้อาจจะทำให้เรารับไม่ได้ หรือบางคนอาจถึงขั้นโกรธ หงุดหงิด รำคาญ มันเหมือนกับที่ท่านอาจารย์พุทธทาสเคยตีความลักษณะของไม้กางเขนว่า แนวตั้งคือรูปตัว I คือ “ฉัน” ส่วนแนวขวาง คือการตัด “ฉัน” ให้หมดไป คือทำลาย “อัตตา” ให้หมดไป หมดตัวตน เป็นอนัตตา การตีความเช่นนี้ทำให้ชาวคริสต์จำนวนไม่น้อยรับไม่ได้ หรือบางคนอาจถึงขั้นโกรธ หงุดหงิด รำคาญ ได้เช่นกัน

ผมลองอ่านและฟัง Buddha โดย Karen Armstrong ดูแล้วบางตอน ขอสรุปสั้น ๆ อย่างนี้ครับ ถ้าจะเอาประโยชน์ในแง่การฝึกภาษาอังกฤษ ท่านได้แน่ ๆ ครับ ศัพท์หลายคำเราอาจจะไม่คุ้นเคยแต่ขอบอกว่าก็มิใช่ศัพท์ที่สูงเกินไป การรู้ศัพท์พวกนี้จะทำให้เรามีทักษะในการรับรู้เรื่องราวและรสชาติของภาษาที่สูงขึ้นไปอีกระดับหนึ่ง ส่วนสำเนียงการอ่านก็น่าฟังทีเดียวครับ สำหรับเนื้อเรื่องนั้นน่าสนใจครับ น่าสนใจยังไงขอให้ท่านอ่านเอง-ฟังเองแล้วกันครับ

หนังสือ Buddha ยาวเพียง 187 หน้า (ในหนังสือที่เขาพิมพ์ขาย) และ mp3 ความยาว 6 ชั่วโมง 32 นาที นั้นแบ่งเป็นไฟล์สั้น ๆ 39 ไฟล์ ถ้าท่านฟังวันละไฟล์แค่ประมาณเดือนเดียวก็จบแล้ว

การเรียนภาษาอังกฤษนั้นทุกคนยอมรับแล้วว่าไม่มีวันหยุดต้องเรียนกันไปเรื่อย ๆ แต่มีวิธีการง่าย ๆ วิธีหนึ่งที่ผมขอแนะ ก็คือ พยายาม [1]กำหนดอะไรสักอย่างหนึ่ง [2] สักปริมาณหนึ่ง และ[3]กำหนดช่วงเวลาหนึ่งที่กะว่าจะศึกษาให้เสร็จ อาจจะเป็นเรื่องการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน หรือหลายอย่างปนกันก็ได้ เช่น จะใช้เวลาในเดือนนี้อ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบ หรือฟังและพูดตามไฟล์ mp3 ชุดนี้ให้จบ การศึกษาอย่างมี deadline เช่นนี้ จะช่วยให้เราฝึกภาษาอย่างคนที่ให้สัญญากับตัวเอง และถ้าทำได้ไม่ผิดสัญญา ก็จะเกิดการพัฒนาและเป็นกำลังใจให้ตัวเอง

จะเริ่มต้นที่การอ่านและฟัง “Buddha” โดย Karen Armstrong ก็ไม่เลวนะครับ

Buddha by Karen Armstrong
ดาวน์โหลดหนังสือ
อ่านคำแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ

ดาวน์โหลดไฟล์ mp3
B01- B02 - B03 - B04 - B05 - B06 - B07 - B08 - B09 - B10 - B11 - B12 -B13 - B14 - B15 - B16 - B17 - B18 - B19 - B20 - B21 -B22 - B23 - B24 - B25 - B26 - B27 - B28 - B29 - B30 - B31 - B32 - B33 - B34 - B35 - B36 - B37 - B38 - B39

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1094] ขอพูดเรื่อง ‘essay’ อีกครั้ง

สวัสดีครับ
เรียงความ หรือ essay ดูเหมือนจะเป็นวิชาที่มีคนชอบไม่มาก และผลกรรมอันนี้ก็ตามมารังควาญเวลาที่ต้องสอบเรียนต่อ สอบเข้าทำงาน หรือสอบชิงทุนไปต่างประเทศ ผมเข้าใจว่า ที่คนเกลียด essay ก็เพราะว่ามันยากแบบไม่สนุก คือต้องอาศัยทั้งศัพท์ ไวยากรณ์ และเนื้อหา แล้วก็ต้องเอาทั้งสามสิ่งนี้มาบวกกันให้คนอ่านที่เป็นคนตรวจหรือพิจารณาพอใจ และความพอใจนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะวัดกันได้เที่ยงตรงหรือตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เรียงความ หรือ essay ก็เลยยากทำให้คนไม่อยากยุ่ง

แต่ผมขออนุญาตเรียนอะไรอย่างหนึ่งนะครับ ไม่ใช่เรื่องของการสอบหรอกครับ แต่เป็นเรื่องของการทำงาน ในหน่วยงานหนึ่ง ๆ ที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษนั้น ผมสังเกตว่า ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่คนไทยอ่อนที่สุด ยากกว่าการอ่านและการสนทนา สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าการเขียนเป็นสิ่งที่เหลือร่องรอยเป็นหลักฐาน ถ้าเขียนผิดหรือบกพร่องก็จะเป็นเอกสารถาวรให้คนที่ชอบจับผิดพูดถึงได้ร่ำไป ไม่เหมือนการสนทนาถ้ารู้เรื่องแล้วก็ใช้ได้ไม่เหลือหลักฐาน

แต่เรื่องนี้ผมอยากจะให้มองอีกมุมหนึ่ง คือถ้าท่านพยายามฝึกเขียนให้ดีอยู่ในระดับที่ใช้การได้จนใคร ๆ ก็ไว้ใจและพึ่งพา ก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ท่านมีสถานะทางการงานที่ดีในองค์กร เพราะท่านสามารถทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้หรือทำได้แต่ไม่ดีเหมือนที่ท่านทำ เพราะฉะนั้นการฝึกเขียน essay ให้ชำนาญเป็นเรื่องที่คุ้มค่าครับ

ผมเคยรวบรวมตำราและคู่มือเกี่ยวกับการเขียน essay ไว้ที่ลิงค์นี้
[341] ดาวน์โหลดตำราและตัวอย่างการเขียน essay

วันนี้ผมมีมาเพิ่มเติม

[1] หนังสือ Longman Essay Activator
เขาขึ้นหน้าปกว่า “YOUR KEY TO WRITING SUCCESS”
คลิกดาวน์โหลด
http://rapidshare.com/files/177622181/LEA_final.pdf

[2] หนังสือ Longman Essential Activator
เขาขึ้นหน้าปกว่า “Put Your Ideas Into Words”
คลิกดาวน์โหลด
http://rapidshare.com/files/216950451/LEA.rar

[3] เว็บแนะนำการเขียน essay
http://linkby.googlepages.com/essayedge-free-lesson

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1093] วิธีดูด mp3 จากเว็บ (ทุกเว็บที่ต้องการดูด)

สวัสดีครับ

[เรื่องที่เขียนวันนี้รับการเอื้อเฟื้อความรู้จาก อ. กวิน อัชฌารจเรข ขอขอบพระคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงครับ]

ไฟล์ที่น่าดึงดูดใจและชวนให้ไม่เบื่อในการเรียนภาษาอังกฤษ คือไฟล์ภาพเคลื่อนไหว (video) และไฟล์เสียง (mp3)
ผมได้แนะนำการดูดหรือดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ ที่ลิงค์นี้
[968]ดาวน์โหลดวีดิโอจากเน็ต & TV โดยใช้ RealPlayer

ส่วนไฟล์ mp3 นั้น หลายเว็บก็ยอมให้เราดาวน์โหลดได้ง่าย ๆ เช่น เว็บในลิงค์ข้างล่างนี้
[121] ดาวน์โหลด MP3 ใส่ CD ไปเปิดฟังในรถ
[234] เว็บสำหรับท่านที่ใช้ iPod หรือ MP3 Player
[59] ฝึกฟัง-พูด-อ่าน-เขียนอังกฤษจากเว็บ podcast

แต่ก็มีเว็บอีกมากมายที่มีเสียง mp3 ให้เราฟังขณะต่อเน็ต แต่ไม่ยอมให้เราดาวน์โหลดง่าย ๆ เช่น ลิงค์ประเภทข้างล่างนี้
1. เว็บดังที่มีไฟล์คุณภาพดี
http://www.esl-lab.com/
http://www.englishtown.com/
http://www.bbc.co.uk/thai/learningenglish/

2. เว็บข่าวสด หรือ live news ทั้งหลาย เช่น ข่าว CNN

3. เว็บ talking dictionary เราจะดาวน์โหลดเสียงคำอ่านมาฟังเองหรือให้ลูกศิษย์ฟังก็ทำไม่ค่อยได้
[15] ใช้ Talking Dict จากหน้าคอมฯ
[388] เว็บออกเสียงศัพท์ สำเนียง อเมริกัน และ อังกฤษ

4. เว็บที่เป็น Text-To-Speech คือ เราพิมพ์ประโยคภาษาอังกฤษลงไป เว็บก็อ่านให้เราฟัง แต่เราอยากได้ไฟล์เสียงอ่านนี้ไปฝึกฟังตอนไม่ได้ต่อเน็ต หรือใส่เครื่องเล่น mp3 เพื่อฝึกฟังขณะเดินทาง ก็ทำไม่ได้ เช่นที่เว็บนี้
พิมพ์แล้วคลิก Sat it! http://text-to-speech.imtranslator.net/

5. หรือแม้แต่เว็บวีดิโอ เช่น YouTube.com บางทีเราก็อยากได้เป็นไฟล์ mp3 มากกว่าไฟล์วีดิโอ เพราะจะได้ใส่เครื่องเล่น mp3 ไปเปิดฟังได้ง่าย ๆ

วันนี้ผมมีวิธีแก้ปัญหานี้ โดยติดตั้งโปรแกรม Freecorder Toolbar (ขนาด 11.63 MB) คลิกดาวน์โหลด

ส่วนวิธีใช้งาน ผมอธิบายอย่างละเอียดพร้อมแสดงภาพ ที่ลิงค์นี้ คลิก

มีอีกเรื่องหนึ่งที่ผมขอเรียนให้ทราบ คือสำหรับท่านที่เน็ตไม่ค่อยดีทำให้เสียงที่ได้ฟังจากเว็บก็อาจจะติด ๆ ขัด ๆ หรือเว้นวรรคเสียงว่างไปเฉย ๆ พอ record ออกมาก็จะได้เสียงอย่างนี้ ฟังแล้วไม่รื่นหู อย่างนี้ต้องแก้ไขหน่อย โดย
1. เปิดโปรแกรม Nero (ท่านต้องมีโปรแกรมนี้ลงไว้ในเครื่องคอมฯ)
2. ไปที่ สร้างและแก้ไข, แก้ไขและบันทึกไฟล์, และคลิก ตกลง สัก 2 ครั้ง
3. ลากไฟล์ mp3 ที่ record ไว้มาปล่อยที่หน้าต่างของ Nero
4. ใช้เมาส์ลากบริเวณที่ว่าง ๆ (คือเป็นช่วงเวลาที่ไม่มีเสียง) ให้เป็นไฮไลต์สีฟ้า และคลิกรูปกรรไกร, และคลิกรูปแผ่น diskette เพื่อ save
เท่านี้เองครับ

ผมหวังว่าท่านจะได้เครื่องมืออีก 1 ชนิดที่ช่วยพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ได้ดังใจและเพลิดเพลินมากขึ้น

แถม: เว็บสำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่ง

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

* * * * *
หมายเหตุ:
ผมเขียนแนะนำ Freecorder Toolbar ได้ไม่กี่ชั่วโมงก็เจออีก 1 Toolbar ชื่อ Ask and Record Toolbar ซึ่งมีปุ่มให้เลือกทั้ง Save Video และ Record Audio เลยลองใช้ดู เข้าท่าครับ ท่านใดจะลองก็ได้ครับ
คลิกดาวน์โหลด:
http://applian.com.s3.amazonaws.com/ATBSetup.exe

[1092] ด/ล ไฟล์ mp3 จาก Englishtown.com

สวัสดีครับ
เว็บ http://www.englishtown.com/ เป็นเว็บเรียนภาษาอังกฤษที่น่าสนใจมากและผมเคยแนะนำไว้ที่ลิงค์นี้
[207] Englishtown.com - - อีก 1 เว็บดีที่ขอแนะนำ

สิ่งที่ผมชอบก็คือ ไฟล์เสียงของเว็บนี้เป็นบทสนทนาที่เราสามารถฝึกหัดจดจำเอาไปใช้ได้ แถมยังมีคำแปลเป็นภาษาไทยให้อีกด้วย

ผมได้รับการเอื้อเฟื้อจากท่านผู้ใจดีมอบไฟล์ mp3 พร้อม text (อังกฤษ+ไทย)จาก Englishtown.com มาให้ จึงขอนำมาให้ท่านดาวน์โหลดข้างล่างนี้ และต้องขอขอบพระคุณท่านผู้ใจดีท่านนั้นไว้อย่างสูง

คำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใช้ไฟล์ชุดนี้ก็คือ
1. เมื่อเข้าไปในโฟลเดอร์ของบทเรียนแต่ละวันแล้วให้คลิก new หรือ new- - -1
2. ถ้าต้องการฟังซ้ำให้กด Refresh ที่ browser ที่ท่านใช้ หรือกด F5 ก็ได้
3. Text ที่มีให้ดู จะเรียงลำดับตามหลายเลข 1, 2, 3…. ท่านสามารถปรับขนาดให้เล็กลงด้วยการกด Control ค้างไว้และกดเครื่องหมายลบ(-)ที่ keyboard, และปรับขนาดให้ใหญ่ขึ้นด้วยการกด Control ค้างไว้และกดเครื่องหมายบวก(+)
4. อย่าเพิ่งรีบไปดูภาษาไทยที่เขาแปลไว้ ให้พยายามแปลด้วยตัวเองจนสุดความสามารถก่อน
5. Speed ของ mp3 ค่อนข้างเป็นธรรมชาติของเจ้าของภาษา ซึ่งอาจจะเร็วไปหน่อยสำหรับเรา ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะเราจะได้เรียนภาษาอังกฤษที่เขาใช้พูดกันจริง ๆ

อันที่จริงแต่ละคนก็มีสไตล์การเรียนที่ต่างกันไป แต่ถ้าเป็นผม ผมจะเรียนไปตามลำดับอย่างนี้ครับ
1. ฟังเฉย ๆ โดยไม่ต้องอ่าน แม้จะยังจำศัพท์/สำนวนไม่ค่อยได้ก็ไม่เป็นไร แต่ให้คุ้นเคยกับสำเนียงไว้ก่อน ฟังหลาย ๆ เที่ยว
2. อ่าน text ภาษาอังกฤษ และพยายามแปลด้วยตัวเองจนสุดความสามารถ
3. ถ้าแปลได้ไม่ตลอด จึงค่อยอ่านภาษาไทยที่เขาแปลไว้ให้
4. คลิกฟัง โดยขณะที่ฟัง ไม่ต้องดู text ฟังหลาย ๆ เที่ยว
5. แล้วจึงค่อยมาฟังพร้อมดู text (ภาษาอังกฤษ)เพื่อเช็คดูว่าตรงไหนที่ฟังไม่รู้เรื่อง

เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ

February-2005
March-2005
April-2005
November-2005
December-2005

January-2006
February-2006
March2006
April-2006
May-2006
June-2006
December-2006

January-2007
February-2007
March-2007

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2552

[1091] ด/ล “1000+ Pictures for Teachers to Copy”

สวัสดีครับ
ผมไปเจอหนังสือชื่อ “1000+ Pictures for Teachers to Copy” และรู้สึกว่าน่าสนใจมาก เห็นชื่อเรื่องตอนแรกก็คิดว่า คงมีภาพสวย ๆ ให้ copy ซึ่งอาจารย์สอนภาษาอังกฤษสามารถนำไปใช้ทำสื่อการสอนได้ แต่เมื่อเปิดดูแล้วถึงได้รู้ว่า เขาแสดงการวาดภาพสายเส้นในลักษณะต่าง ๆ และอธิบายวิธีวาดด้วย

มี 6 บทดังนี้ครับ
1 How to draw
2 Settings
3 Topics, behaviour, notions
4 Illustrated vocabulary and grammar
5 Pictures for composition
6 Some basic ways of using

ที่ผมติดใจมากก็คือการวาดหน้าคนที่อยู่ในอารมณ์ต่าง ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่า เพียงตวัดเส้นให้เปลี่ยนไปนิดเดียวจะสามารถแสดงอารมณ์และบุคลิกที่ต่างออกไปได้มากมาย คำอธิบายของผู้แต่งทำให้เราอยากลองวาดดูบ้าง ซึ่งก็ไม่น่าจะวาดยากเกินไป แต่ถ้าไม่อยากวาดจะ copy จากหนังสือไปใช้เลยก็ได้

เชิญคลิกดูตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เลยครับ คลิก
เชิญดาวน์โหลดหนังสือทั้งเล่มได้ที่นี่ครับ คลิก

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1090] "อ่านดิกเล่น" เป็น "งานอดิเรก"

สวัสดีครับ
หากได้ยินว่าใคร “อ่านดิก” เป็นงานอดิเรก เราอาจจะนึกว่าคน ๆ นี้เป็นคนแปลก เพี้ยนนิด ๆ หรือทำอะไรผิดมนุษย์มนา ให้ผมแย้งนิดนึงนะครับ เขาคนนั้นอาจจะไมได้ผิดปกติอะไรหรอกครับ และการ “อ่านดิก” ก็มีประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว บางทีวิธีนี้อาจเป็นวิธีฟิตอังกฤษที่ได้ผลสำหรับเราก็ได้ ถ้าหลาย ๆ วิธีที่เคยลองใช้มาแล้วไม่ได้ผล

ผมได้ยินหลายคนบ่นให้ฟังว่า ฝึกอ่านภาษาอังกฤษมาตั้งนานแล้วแต่ก็ยังอ่านไม่รู้เรื่อง อาจจะจับเรื่องได้บ้างแต่ก็ได้ไม่ละเอียด ไม่รู้จะทำยังไง

ตามความเห็นของผม การอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องน่าจะมาจากสาเหตุอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างข้างล่างนี้
- ไม่รู้ความหมายของศัพท์ สำนวน วลี สแลง
- ไม่รู้แกรมมาร์หรือโครงสร้างของประโยคชัดเจน ยิ่งประโยคยาว ๆ ยิ่งงง ไม่รู้ว่าอะไรเป็นประธาน-กริยา-กรรม ยิ่งเป็นส่วนขยายยิ่งชวนงงหนักขึ้น ไม่รู้อะไรขยายอะไร ขยายกันไปขยายกันมา 5 – 6 ทอด จับต้นชนปลายไม่ถูก
- อาจจะรู้ความหมายแต่เนื้อเรื่องที่อ่านยากเกินไป ถึงแม้ว่าอาจจะแปลเป็นคำ ๆ หรือแปลทั้งประโยคได้ แต่ก็ยังอ่านไม่รู้เรื่อง ตีความไม่ออก เหมือนคนทั่วไปอ่าน ตำราด้านกฎหมาย การแพทย์ เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ ที่เขียนเป็นภาษาไทยแท้ ๆ อ่านได้ แต่ก็ไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้นถ้าไปเจอยากอย่างนี้ที่เป็นภาษาอังกฤษยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เมื่อเจอ 3 ปัญหาสามัญข้างต้น ผมก็มักจะเสนอ 3 วิธีสามัญเพื่อห้ำหั่นปัญหา ดังต่อไปนี้
-เริ่มต้นด้วยเรื่องที่ไม่ยากเกินไป คือ ศัพท์สำนวนไม่ยาก แกรมมาร์ไม่ยาก เนื้อเรื่องไม่ยาว-ไม่ยาก-และไม่ยุ่งจนเกินไป ค่อย ๆ อ่านไต่ไปเรื่อย ๆ
-เริ่มต้นด้วยเรื่องที่รักจะอ่าน จะช่วยให้อ่านได้นาน ไม่เบื่อง่าย ไม่ทรมาน เข้าใจง่าย และมีกำลังใจที่จะอ่าน
-ไม่ต้องหักโหมแต่ห้ามห่างเหิน ฝึกอ่านวันละไม่ต้องมาก เช่น ครึ่งชั่วโมง แต่ต้องอ่านทุกวัน ถ้าวันนี้ไม่มีเวลาหรือขี้เกียจอ่าน พรุ่งนี้ต้องอ่านชดเชย

และการ “อ่านดิกชันนารี” อาจจะเป็นวิธีที่ท่านใช้ได้ผลในการฝึก reading skill โดยฝึกกับดิกชันนารีง่าย ๆ คือ Longman New Junior English Dictionary
ที่ท่านสามารถดาวน์โหลดได้จากลิงค์ข้างล่างนี้

การอ่านดิกชันนารีให้เป็นประโยชน์ต่อการฟิตภาษาอังกฤษ ควรฝึกอย่างนี้

1.ให้อ่านประโยคตัวอย่าง: การอ่านดิกไม่ใช่การท่องดิก การท่องดิกเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเพราะมันจำไม่ได้ แต่การอ่านดิกให้ท่านกวาดสายตาไปจับที่ประโยคตัวอย่างซึ่งมักเป็นตัวเอน และพยายามอ่านให้เข้าใจไปทีละประโยค ในกรณีเช่นนี้ ภาระเฉพาะหน้าของท่านคือ ต้องรู้ศัพท์ รู้สำนวน รู้แกรมมาร์หรือโครงสร้างประโยค และต้องรู้จักตีความให้รู้เรื่อง แต่ทั้งนี้ก็เป็นภาระสั้น ๆ คืออ่านให้เข้าใจเพียงคราวละ 1 ประโยคเท่านั้น ซึ่งในดิกก็ให้ศัพท์สำนวน-ไวยากรณ์-เนื้อเรื่องที่ง่าย ๆ การฝึกในข้อนี้เรื่องที่ขอเน้นก็คือ อย่าเริ่มด้วยการพยายามจำศัพท์ แต่เริ่มด้วยการอ่านประโยคตัวอย่าง และจึงค่อยตามด้วยการศึกษาคำศัพท์

2.ไม่ต้องศึกษาเรียงไปตามลำดับหน้า: ให้กระโดดไปกระโดดมาได้ตามใจชอบ

3.เมื่อเจอศัพท์ใหม่ก็ไม่ต้องบีบสมองให้จำให้ได้: แต่ควรจะอ่านประโยคตัวอย่างออกมาดัง ๆ อย่างน้อย 1 ครั้ง การอ่านเช่นนี้มีประโยชน์หลายอย่าง เช่น ช่วยฝึกการพูด ช่วยทำให้จำศัพท์และสไตล์ของภาษาซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการเขียน เป็นการจำที่เป็นธรรมชาติ และได้ผลดีกว่าการท่องศัพท์เป็นคำ ๆ หลายเท่า

4.หรืออาจจะเริ่มต้นด้วยการดูศัพท์ตัวดำที่เป็นคำต้นที่เรารู้ความหมายอยู่แล้ว: การอ่านประโยคตัวอย่างที่แสดงคำศัพท์ซึ่งเรารู้ความหมายอยู่แล้ว จะช่วยให้เราแปลประโยคนั้นได้ง่ายขึ้น หลังจากนี้จึงค่อยขยับไปยังศัพท์อื่น ๆ ที่เราไม่แน่ใจหรือไม่รู้จักความหมาย, reading skill ที่เราค่อย ๆ สะสมจากการ train ตัวเองด้วยการเริ่มอ่านจากประโยคที่ง่าย ๆ จะช่วยให้เราปีกกล้าขาแข็ง สามารถอ่านเรื่องที่ยากขึ้นและไม่รู้สึกว่ายากนัก

5.ไม่ต้องรู้สึกหงุดหงิดเมื่ออ่านได้ช้าไม่ทันใจ ฝึกอ่านไปเรื่อย ๆ ก็จะค่อย ๆ อ่านได้เร็วขึ้นเอง

เชิญดาวน์โหลด Longman New Junior English Dictionary ได้เลยครับ
ลิงค์ที่ 1 หรือ ลิงค์ที่ 2

Longman New Junior English Dictionary มีศัพท์และวลีประมาณ 1,000 คำ มีตัวอย่างประโยคอธิบายคำศัพท์อย่างชัดเจน และแม้จะเป็นศัพท์เพียงแค่ 1,000 คำ ถ้าจำได้และใช้เป็นก็จะมีประโยชน์ต่อการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน อย่างมหาศาล

ผมยังมี dictionary อีกหลายเล่มที่สามารถช่วยท่านในการฟิดภาษาอังกฤษ ตามวิธีที่คุยกันมาข้างต้น

NTC's Pocket Dictionary of Words and Phrases link 1

NTC's - American Idioms Dictionary link 1

NTC's Dictionary of Easily Confused Words link 1

NTC's Dictionary of American Slang and Colloquial Expressions
link 1 หรือ link 2

NTC's Super-Mini English Idioms Dictionary
link 1 หรือ link 2
* * * * *

* * * * *


* * * * *



พิพัฒน์
Gemtriple@gmail.com