วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1561] วันนี้มาฝึก writing กันหน่อยไหมครับ

สวัสดีครับ
ทักษะภาษาอังกฤษที่เราฝึกกันทุกวันนี้มี 4 อย่าง คือ
อ่านกับฟัง – 2 ทักษะนี้ เราต้องเข้าใจ
เขียนกับพูด
– 2 ทักษะนี้เราต้องใช้เป็น

และผมสังเกตว่า ทักษะการเขียนภาษาอังกฤษเป็นทักษะที่คนไทยอ่อนที่สุด ยากกว่าการอ่าน – ฟัง – และพูด สาเหตุหนึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าการเขียนเป็นสิ่งที่เหลือร่องรอยเป็นหลักฐาน ถ้าเขียนผิดหรือบกพร่องก็จะเป็นเอกสารถาวรให้คนที่หวังดีและชอบสอนพูดถึงหรือยกเป็นตัวอย่างได้ร่ำไป ไม่เหมือนการสนทนาถ้ารู้เรื่องแล้วก็ใช้ได้ไม่เหลือหลักฐาน

แต่เรื่องนี้ผมอยากจะให้มองอีกมุมหนึ่ง คือถ้าเราพยายามฝึกเขียนให้ดีอยู่ในระดับที่ใช้การได้จนใคร ๆ ก็ไว้ใจและพึ่งพา ก็จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เรามีสถานะทางการงานที่ดีในองค์กร เพราะเราสามารถทำสิ่งที่คนอื่นทำไม่ได้หรือทำได้แต่ไม่ดีเท่า

การเขียนให้ได้ดีหรือให้พอเพียงต่อการใช้งานแม้อาจจะยากสักหน่อย แต่ก็มีทางที่จะฝึกได้ หลักการฝึกฝนง่าย ๆ ก็คือ อ่านภาษาอังกฤษเป็นประจำ และวันหนึ่ง ๆ ให้ได้เขียนอะไรบ้าง อะไรก็ได้ (ใส่ diary) สัก 5 ประโยคก็ยังดี และทักษะการเขียนก็จะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ

และสำหรับวันนี้ผมขอแนะนำลิงค์ซึ่งมีแบบฝึกหัดพร้อมเฉลยให้ท่านฝึก writing skill ขอรับรองว่าคุณภาพดีครับ

สิ่งหนึ่งที่ผมขอเรียนไว้ตั้งแต่ต้นก็คือ เมื่อคลิกเข้าไปดูที่แบบฝึกหัดข้างล่างนี้ หลายท่านคงรู้สึกว่า “ง่าย” แต่ความง่ายนี้อาจจะง่ายต่อความ “เข้าใจ” แต่ไม่ง่ายต่อการ “ใช้เป็น” การใช้เป็นนั้นต้องมาจากการฝึกซ้อมบ่อย ๆ จนสามารถทำได้โดยอัตโนมัติ ภาษาอังกฤษเรียกการฝึกอย่างนี้ว่า drill ซึ่งแปลว่า a way of learning something by means of repeated exercises
เชิญครับ....

[1] Jumbled-Sentence Exercises
มีแบบฝึกหัดทั้งหมด 200 exercise ๆ ละ 5 ประโยค
งานของท่านคือ...
-ให้คลิกที่แต่ละคำเพื่อเรียงลำดับคำให้เป็นประโยคที่ถูกต้อง,
-ถ้าต้องการลบคำที่เรียงแล้วให้คลิก Undo,
-ถ้าต้องการให้เว็บบอกคำถัดไป ให้คลิก Hint
-เมื่อจบประโยคอย่าลืมคลิกจุด full stop หรือ เครื่องหมาย ?

เรียงจบประโยคแล้ว ให้คลิก Check เพื่อตรวจ
จะทำข้อถัดไปให้คลิก Next ที่แถบด้านบน
เชิญคลิกเข้าไปทำได้เลยครับ:
http://www.rong-chang.com/easyread/emx/contents.htm

[2] Dictation Exercises for English Learners
มีแบบฝึกหัด ทั้งหมด 200 exercise ๆ ละ 10 ประโยค โดยให้ท่านคลิกที่สามเหลี่ยมเพื่อฟังและพิมพ์ตามที่ได้ยิน ท่านสามารถฟังกี่ครั้งก็ได้ และขอแนะว่าให้ท่านฝึกฟังจนหูเกร็งสักเล็กน้อย อย่าเพิ่งใจอ่อนรีบคลิก Hint หรือ Show answers เพื่อดูเฉลย
เชิญคลิกเข้าไปทำได้เลยครับ:
http://www.rong-chang.com/eslread/eslread/dict/contents.htm

ในกรณีที่ท่านสะกดศัพท์ไม่ถูก ผมมีเว็บข้างล่างนี้เป็นตัวช่วย, เมื่อท่านพิมพ์ลงไปทีละตัว มันจะโชว์ศัพท์ตามที่ท่านพิมพ์พร้อมความหมาย ถ้าท่านไม่เจอศัพท์ที่ท่านกะไว้ แสดงว่าท่านสะกดผิด ก็ต้องเปลี่ยนการสะกดใหม่
http://www.objectgraph.com/dictionary/

แบบฝึกหัดชุดนี้ แม้จะฝึกฟังมากกว่าฝึกเขียน (คือ ฝึกเขียนตามที่ได้ยิน) แต่ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดก็คือ ท่านจะได้ฝึกการฟังเสียงท้ายคำ เช่น –s, -ed อยากจะบอกว่าการที่เราบางคนเวลาพูดและไม่ค่อยออกเสียงท้ายคำ เพราะหูเราฟังเสียงท้ายคำพวกนี้ไม่ค่อยได้ยิน ถ้าเราได้ยินเราก็จะพูด คนเรานั้นไม่ว่าจะเรียนภาษาอะไรก็ตามจะออกเสียงตามที่ได้ยิน การฟังได้ถูกต้องจึงช่วยให้พูดและเขียนได้ถูกต้องด้วยประการฉะนี้

[3] Sentence Structure Writing Practice
แบบฝึกหัดชุดนี้มีทั้งหมด 24 exercise ๆ ละ 10 ข้อ ซึ่งจะฝึกในการเขียน wh- questions, passive voice, adjective clauses, and noun clauses.

ที่ลิงค์นี้ครับ:
http://www.ego4u.com/en/cram-up/grammar/exercises

เมื่อท่านเข้าไปแล้ว และจะลงมือทำ ท่านต้องเลือก 3 อย่าง คือ
1.เลือก Tense ซึ่งมีทั้งหมด 10 Tense ดังนี้
Simple Present (600 sentences)
Present Progressive (414 sentences)
Simple Past (651 sentences)
Past Progressive (441 sentences)
Present Perfect Simple (579 sentences)
Present Perfect Progressive (168 sentences)
Past Perfect Simple (390 sentences)
Past Perfect Progressive (159 sentences)
Future I Simple will (555 sentences)
Future I Simple going to (330 sentences)
2. เลือกชนิดของประโยคที่จะฝึก ซึ่งมี 3 ประเภท ดังนี้
positive sentences:
negative sentences:
questions:
3.คลิกเลือก Level ซึ่งมี 3 – 4 Level

เมื่อเข้าไปแล้ว โจทย์จะเป็นตัวแดง เขียนไว้ทำนองนี้
Form positive sentences in Simple Present.
(ใช้คำที่ให้ไว้, สร้างเป็นประโยคบอกเล่า, ในรูป Simple Present)
Form negative sentences in Simple Past.
(ใช้คำที่ให้ไว้, สร้างเป็นประโยคปฏิเสธ, ในรูป Simple Past)
Form questions in Past Perfect Simple.
(ใช้คำที่ให้ไว้, สร้างเป็นประโยคคำถาม, ในรูป Past Perfect Simple)

ตอนลงมือทำ ให้คลิกเมาส์ที่หน้าหัวลูกศร และพิมพ์คำเพื่อสร้างประโยคตามคำสั่ง, ถ้าจะดูเฉลยก็คลิกที่ Check answers ด้านล่าง

เว็บจะ Random มาให้ทำครั้งละ 10 ประโยค เพราะฉะนั้นการฝึกแต่ละครั้งจะได้โจทย์ไม่เหมือนกัน

เมื่อทำเสร็จ ให้คลิก Check answers เพื่อดูเฉลย
ขอแนะว่าอย่าใจอ่อนรีบคลิก Show all correct answers เพื่อดูเฉลย เพราะถ้าดูเฉลยก่อนทำ เราจะไม่ได้อะไรเลยจากแบบฝึกหัดชุดนี้

แถม: ฝึก writing โดยการพิมพ์ chat กับ The robot English Tutor
http://www.rong-chang.com/tutor.htm

ศึกษาเพิ่มเติม:
http://www.rong-chang.com/
http://freeenglishstudy.blogspot.com/2007/05/writing.html
http://ninjawords.com/ (ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ที่แสดงผลเร็วมาก)

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1560] แนะนำเว็บไทยเรียนอังกฤษ dek-eng.com

สวัสดีครับ
วันนี้ขอแนะนำเว็บไทยสอนภาษาอังกฤษ คือ http://www.dek-eng.com/
มีหลายเรื่องทีเดียวครับที่มีประโยชน์และน่าสนใจ
เมื่อเข้าไปแล้ว ให้คลิกสำรวจที่เมนูคอลัมนซ้ายมือ ซึ่งมีอยู่ 9 หัวข้อตามข้างล่างนี้
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
และอีก หลาย ลิงค์ดิกชันนารีที่น่าสนใจ คือ
หมวด : Dictionary

[1559]แนะนำ Easy English Vocabulary

 คลิกลิงค์นี้

แนะนำ Easy English Vocabulary

[1558] แนะนำเว็บไทย English Test Online

สวัสดีครับ
เว็บไทย English Test Online http://www.engtest.net/ ที่จะผมจะแนะนำในวันนี้ มีทั้งของที่ต้องจ่ายเงินซื้อและของฟรี ผมขอแนะนำของฟรีแล้วกันนะครับ

[1] ทดสอบภาษาอังกฤษ (พิมพ์ชื่อ – สกุล และ email ก่อนทดสอบ)
[2] Learn English Through Songs
[3] Learn English Through Movies
[4] ถาม – ตอบ
[5] Everyday English
[6] English Idioms
[7] Reading
[8] Listening
[9] Speaking
[10] Writing
[11] Grammar
[12] Vocabulary
[13] ทุนการศึกษาต่อ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1557] ฟังภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเมืองไทย

สวัสดีครับ
ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่านเป็นเหมือนผมบ้างหรือเปล่า คือช่วงที่เรียนอยู่ในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ผมมีโอกาสฝึกอ่านเยอะแต่ฝึกฟังน้อยมาก พอมาทำงานจึงติดขัดเวลาพูดคุยกับคนต่างชาติซึ่งต้องฟัง และเมื่อฝึกฟังจากเน็ต ผมรู้สึกว่าถ้าเราได้ฟังเนื้อเรื่องที่เราคุ้นเคยก็จะช่วยให้ฟังได้รู้เรื่องง่ายขึ้น

ผมจึงพยายามหาเว็บ audio หรือ video ที่มีเรื่องเกี่ยวกับเมืองไทย ก็ได้มาข้างล่างนี้ครับ บางลิงค์อาจจะเกี่ยวกับเมืองไทยโดยตรง บางลิงค์ก็เพียงแค่กล่าวพาดพิงถึงเมืองไทย

ลิงค์เหล่านี้เป็นประโยชน์ต่อผมในการฝึก listening ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านเช่นกัน

ขอเชิญครับ...

ข่าววิทยุแห่งประเทศไทย: ดูที่คอลัมน์ขวามือ ข่าวภาคเช้า-เที่ยง-ค่ำ คลิกที่ชื่อวันซึ่งเป็นภาษาอังกฤษ เช่น Monday, Tuesday…
http://www.prd.go.th/main.php?filename=Radio_online

ข่าว CNN: ที่ลิงค์ซึ่งเป็นหัวข้อข่าว ถ้ามีไอคอนรูปกล้องนักข่าวโทรทัศน์ แสดงว่าข่าวนั้นมีคลิปวิโอข่าวให้คลิกชมด้วย
http://topics.cnn.com/topics/thailand

ข่าว BBC: เมื่อคลิกเข้าไปยังข่าวใดข่าวหนึ่งแล้ว นอกจากมีเนื้อข่าวให้อ่าน บางข่าวยังมีปุ่มให้คลิกฟังหรือชมวีดิโออีกด้วย ต้องสังเกตเอาหน่อยครับ
http://www.bbc.co.uk/search/local/thailand

ข่าว นสพ. The Nation: เมื่อคลิกเข้าไปแล้ว ที่คอลัมน์ขวามือให้คลิก see all ก็จะแสดงคลิปวีดิโอทั้งหมด
http://www.youtube.com/user/TheNationDigital

ข่าว Aljazeera: พิมพ์ Thai หรือ Thailand หรือ Bangkok ลงในช่อง NEWS CLIPS และคลิก, จะมีวีดิโอ 9 คลิปแสดง, คลิก Next ที่ด้านล่างเพื่อดูคลิปหน้าต่อไป
http://english.aljazeera.net/video/

เรื่องเกี่ยวกับเมืองไทย: จาก dailymotion.com
http://www.dailymotion.com/lang/en/search/Thailand/1
http://www.dailymotion.com/lang/en/search/Bangkok/1
http://www.dailymotion.com/lang/en/search/Thai/1

เรื่องเกี่ยวกับเมืองไทย: จาก Google video คลิก
เรื่องเกี่ยวกับเมืองไทย: จาก Google video พร้อม subtitle ภาษาอังกฤษ คลิก

แถม: 4 เว็บข้างล่างนี้มีข่าวเมืองไทยให้อ่าน แต่ไม่มีให้ฟัง
ข่าว 7 วันที่ผ่านมาเกี่ยวกับเมืองไทย จาก Google News
ข่าว 7 วันที่ผ่านมาเกี่ยวกับเมืองไทย จาก Yahoo News
telegraph.co.uk
abcnews.go.com

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1556] บางวันที่เบื่อภาษาอังกฤษ จะฝืนฟิตยังไงดี?

สวัสดีครับ
ผมเชื่อว่าไม่มีใครขยันทำงานมาก ๆ จนไม่มีวันขี้เกียจแทรกแม้แต่วันเดียว, ไม่มีใครที่ชอบกินมาก ๆ จนไม่มีมื้อที่เบื่ออาหารแม้แต่มื้อเดียว, ไม่มีใครที่ชอบเที่ยวมาก ๆ จนไม่มีวันที่อยากอยู่บ้านแม้แต่วันเดียว

การฝึกภาษาอังกฤษก็คงเช่นเดียวกัน คงไม่มีใครที่ชอบภาษาอังกฤษขนาดหนักจนไม่มีวันขี้เกียจฝึกแม้แต่วันเดียว ผมเชื่อว่า ต่อให้ชอบมากขนาดไหนก็มีวันที่เบื่อ วันที่ขี้เกียจ

ถ้าขี้เกียจวันเดียวคงไม่มีปัญหา ปัญหามันอยู่ที่กลายเป็นขี้เกียจยืดเยื้อ จากวันเดียวเป็นหลายวัน เป็นสัปดาห์ เป็นหลายสัปดาห์ และ upgrade จากขี้เกียจยืดเยื้อเป็นขี้เกียจถาวร บางทีหลายเดือนไม่ได้จับภาษาอังกฤษเลย ใครที่มีพัฒนาการเช่นนี้บ้างครับ?

โชคร้ายอยู่ตรงที่ว่า การเบื่ออังกฤษไม่เหมือนการเบื่ออาหาร เบื่ออาหารนั้นถึงเบื่อขนาดไหนก็ต้องกินบ้างเพราะถ้าไม่กินเลยมันจะหิวและทรมาน แต่ภาษาอังกฤษถ้าเบื่อมากก็ไม่อยากแตะ และถึงไม่แตะก็ไม่ตาย แถมยังอาจจะพูดอีกว่า “ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาพ่อภาษาแม่” และก็ทิ้งมันไปนาน ๆ หรือทิ้งมันไปเลย

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้ต่อว่าคนที่ไม่ชอบ เบื่อ หรือขี้เกียจฝึกภาษาอังกฤษ เพียงแต่ผมขอเสนอความเห็นสักนิดเดียวว่า แม้ว่าทุกชีวิตมีความเบื่อเป็นส่วนประกอบ แต่เราก็คงต้องฝืนใจไม่ยอมให้ความเบื่อมาเป็นนายเหนือหัว แต่การหักด้ามพร้าด้วยเข่า หักอารมณ์เบื่อด้วยการฮึดสู้ตาย อาจจะโหดร้ายกับตัวเองมากเกินไป

เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ผมขอเสนอหลักง่าย ๆ เวลาเบื่อและขี้เกียจฝึกภาษาอังกฤษ เราควรทำยังไง?
1.ฝึกสั้น ๆ เช่น อ่านเรื่องหรือประโยคสั้น ๆ, ฟังข้อความสั้น ๆ ให้แต่ละเรื่อง แต่ละตอน จบในเวลาสั้น ๆ ความรู้สึกที่ได้ทำอะไรจบหรือเสร็จ จะช่วยให้เรามีกำลังใจที่จะฝึกตอนใหม่, ประโยคใหม่, เรื่องใหม่, ต่อไปได้เรื่อย ๆ และในบล็อกนี้ก็มีอะไรสั้น ๆ อยู่มากพอสมควร ผมอยากให้ท่านทำ Favorite พวกนี้ไว้เพื่อคลิกเข้าไปฝึกเวลาเบื่อหรือไม่มีเวลาสำหรับฝึกเรื่องยาว ๆ
2.ฝึกกับสิ่งที่ชอบ เพราะถ้าชอบจะไม่เบื่อง่าย หรือหายเบื่อเร็ว ผมอยากให้ท่านตอนนี้ที่ยังไม่เบื่อ ให้สะสมเรื่องที่ท่านชอบ (และสั้น ๆ) ทำ Favorite ไว้ เมื่อวันใดไม่ค่อยมีอารมณ์ (และเวลา)ที่จะฝึกภาษาอังกฤษ ก็จะได้คลิกเข้าไปยังเว็บพวกนี้ที่รวบรวมสะสมไว้

สำหรับท่านที่เห็นประโยชน์ของการเก่งอังกฤษ ขอให้ถือว่าความรู้สึกเบื่อเป็นวิกฤตชั่วคราว และก็พยายามฝ่าฟันมันไปด้วยการฝึกเรื่องสั้น ๆ และเรื่องที่ชอบ ให้ผ่านวิกฤตความเบื่อนี้ไปได้ โดยไม่หยุดฝึกภาษาอังกฤษ เขามีภาษิตว่า มาช้าดีกว่าไม่มา ส่วนเรามีภาษิตว่า ฝึกน้อยดีกว่าไม่ฝึกเลย

ส่วนถ้าท่านถามว่า แล้วเว็บที่ว่าสั้น ๆ และน่าสนใจนั้นคือเว็บใดเล่า? ขอตอบว่าของใครของมันครับ แต่ละคนต้องหาเอาเอง ถ้าเป็นผมก็ชอบทำนองข้างล่างนี้ ถ้าท่านชอบอย่างอื่นก็ต้องลองหาเองครับ

Today's English Idiom
Today's Famous Quotation
manythings.org
a4esl.org

บางวันที่เบื่อภาษาอังกฤษ จะฝืนฟิตยังไงดี? ถ้ายังไม่รู้ ก็ลองฝืนฟิตอย่างที่ว่านี้ดูนะครับ อาจจะหายเบื่อและฟิตอังกฤษได้โดยไม่ต้องฝืน ทุกคนทำได้ครับ และก็จะได้ผลอย่างที่ตนเองทำ ท่านเชื่อผมเถอะครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1555] แนะหลายสิบเว็บดาวน์โหลด free audiobook

สวัสดีครับ
ที่บล็อกนี้ผมได้แนะนำเว็บและไฟล์สำหนับดาวน์โหลด audiobook ไว้แล้วมากพอสมควร คลิก

แต่ถ้ายังไม่จุใจหรือยังไม่โดนใจ ก็ไปที่นี่ครับ มีอีกมาก
35 Free Audiobook Sites
englishphonics.blogspot.com
englishtips.org (เว็บนี้ต้อง Register ก่อน)
Google Directory
Yahoo Directory

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1554] Homepage สำหรับผู้ศึกษาภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับ
ผมมานั่งคิดดูว่า น่าจะทำ Homepage สำหรับท่านที่ชอบภาษาอังกฤษ แต่ก็ยังคิดไม่ได้เด็ดขาดว่าควรจะทำแบบไหน อีกอย่างหนึ่ง ความรู้เรื่องการทำเว็บของผมก็จำกัดมาก เลยกลายเป็นว่าคิดได้แต่อาจจะทำไม่ได้

เอาเป็นว่า Homepage ที่ผมนำมาเสนอวันนี้ ผมทำตามอัตภาพ ถ้าชอบใจก็ลองเอาไปใช้ดูนะครับ
ผมได้ทำ Homepage ที่มี Search Box กว่า 10 ช่อง
ที่นี่ครับ: http://dictionarysearchbox.blogspot.com/

ขอชี้แจงการใช้งานแต่ละ box อย่างสั้น ๆ เรียงจากบนลงล่าง ดังนี้ครับ

E4thai.com Search
ใช้พิมพ์หาเรื่องทั้งหลายที่ผมเขียนลงในบล็อกนี้

Google Search
ใช้พิมพ์หาเรื่องในอินเตอร์เน็ต (world wide web) เมื่อต้องการจะปิดก็ให้คลิกที่ Clear Results ที่ท้ายคำว่า Search

Search Yahoo!
ลองใช้คู่กับ Google น่าจะดีนะครับ

Search Wikipedia
ค้นหาเรื่องจากเว็บ en.wikipedia.org

Answers.com
ค้นหาเรื่องจากเว็บ Answers.com เว็บนี้มีแหล่งข้อมูลสำหรับการค้นคว้ามากมายมหาศาล ทั้งภาษาอังกฤษและภาษาไทย เมื่อดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์ภาษาอังกฤษบนหน้า Answers.com จะปรากฏคำแปลคำศัพท์เป็นภาษาอังกฤษ

Longdo Dict
เปิดดิก อังกฤษ – ไทย, ไทย – อังกฤษ ที่นี่ นอกจากนี้ยังสามารถพิมพ์คำไทยเพื่อดูความหมายจากพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ได้ด้วย

Merriam – Webster,
Cambridge,
Oxford,
Longman
เป็นดิกชันนารี 4 ยี่ห้อที่มีคุณภาพสูงสุดสำหรับประกอบการศึกษาภาษาอังกฤษ นอกจากดูความหมายของศัพท์แล้ว ยังมีอื่น ๆ อีกหลายอย่าง เช่น ฟังการออกเสียงคำศัพท์, ประโยคตัวอย่าง, idiom, phrasal verb ฯลฯ

Search Collocations
น่าจะเป็นประโยชน์มากพอสมควรทีเดียวกับท่านที่ต้องเตรียมหรือแต่งประโยคภาษาอังกฤษ

Search ศัพท์ความหมายเหมือน-ต่าง
เมื่อพิมพ์ศัพท์ภาษาอังกฤษลงไป เว็บจะแสดงให้เห็นว่า คำนี้มีกี่ความหมาย และแต่ละความหมายมีศัพท์คำอื่นอะไรบ้าง ที่มีความหมายใกล้เคียงหรือตรงกันข้าม มีประโยชน์มากครับต่อการเขียนภาษาอังกฤษ

Online Reference,
Onelook
เป็นเว็บดิกชันนารี 2 เว็บ ที่รวมฐานข้อมูลไว้มากมาย มีทั้งศัพท์ทั่วไป ศัพท์เฉพาะทาง และอื่น ๆ ผมขอแนะนำให้ท่านใช้เวลาสักพักทำความคุ้นเคยกับ 2 เว็บนี้ เพราะมีประโยชน์จริง ๆ

Talking Dict พิมพ์คำศัพท์ฟังเสียงอ่าน
ต้องการรู้ว่าศัพท์คำใดออกเสียงอย่างไร พิมพ์ลงไปเลยครับ

Google Translate
มีไว้ช่วยแปลภาษาขณะต่อเน็ต โดยให้ท่านคลิกที่คำว่า Translate, พิมพ์หรือ copy-paste ข้อความ หรือ URL ลงไป, คลิกเลือก Translate from: และ Translate into: ตามที่ต้องการ, คลิก Translate เพียงเท่านี้ท่านก็จะได้รับคำแปลจาก Google ตามต้องการ (แต่ระวังสักนิดนะครับ เพราะ Google อาจจะแปลผิดหรือเพี้ยนไปบ้าง)

ImTranslator Voice
ให้ท่านพิมพ์ภาษาอังกฤษ และคลิก Say it เพื่อฟังเสียงอ่านข้อความนั้นเป็นภาษาอังกฤษ
ขั้นตอนการใช้งาน
1.พิมพ์ หรือ paste ประโยคภาษาอังกฤษ ลงไป
2.คลิก Say it
3.ถ้าต้องการฟังซ้ำ ให้คลิก เลข 1 ในรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งอยู่เยื้องขึ้นไปทางมุมบนด้านขวาของรูปหน้า
การปรับแต่งการใช้งาน....
1.ที่ปุ่มด้านบนที่เขียนว่า Language: English (male) ถ้าต้องการฟังเสียงผู้หญิงก็คลิก English (female)
2. ที่ปุ่มด้านบนที่เขียนว่า Speed 0: ถ้าต้องการให้อ่านช้าลง ก็เลือก -, 2- หรือ 3-


Search YouTube
พิมพ์คำค้นเพื่อหา clip video เพื่อการศึกษาภาษาอังกฤษจากเว็บ YouTube ได้ที่นี่ครับ

หวังว่า Homepage ที่นำมาแนะนำนี้อาจจะเป็นประโยชน์บ้าง ผมเชื่อว่าแม้บางท่านไม่ทำเป็น Homepage แต่ Search Box ที่อยู่ใน Homepage นี้ก็น่าจะเป็นประโยชน์อยู่บ้างต่อท่านที่จะศึกษาภาษาอังกฤษ

ขอเชิญครับ
http://dictionarysearchbox.blogspot.com/

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1553] เก่งอังกฤษ กับ “ประโยคตัวอย่าง” จำนวนมาก

สวัสดีครับ
พูดถึงประโยชน์ของประโยคตัวอย่างในการเรียนภาษาอังกฤษนี่นะครับ พูดได้ไม่รู้จบเพราะมันมีมาก คิดถึงตัวเราเองก็ได้ครับสมัยที่เรียนภาษาไทยมาตั้งแต่วัยทารก กว่าเราจะรู้จักภาษาไทยจนใช้ได้คล่องสักคำหนึ่ง เราได้ฟัง (และอ่าน)การใช้ศัพท์คำนั้นๆมานับครั้งไม่ถ้วน

ก็คือว่า เราได้เห็นประโยคตัวอย่างในการใช้ศัพท์คำนั้นนั่นเอง และตอนหลังถ้าเจอใครใช้ผิดเราก็บอกได้เลยว่าผิด บางทีเราก็ตอบไม่ได้ว่าเหตุใดจึงผิด รู้แต่ว่าใช้ผิดแล้วกัน การเรียนภาษาจากประโยคตัวอย่างจึงเป็นการเรียนที่เป็นธรรมชาติและได้ผลที่สุด และเราสามารถใช้วิธีนี้อย่างได้ผลในการเรียนภาษาอังกฤษเช่นกัน

ในบล็อกนี้ผมได้รวบรวมดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ ที่เรียกว่า learner’s dictionary ที่ได้รับความนิยมระดับโลก ดิกพวกนี้นอกจากให้ความหมายของคำศัพท์แล้ว ยังให้ประโยคตัวอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อการเข้าใจและใช้คำศัพท์ ลองเข้าไปทำความคุ้นเคยสักหน่อยซีครับ

Dictionary อังกฤษ - อังกฤษ
-Wordsmyth
-WordWeb

แต่แม้กระนี้ ผมก็ยังอยากจะหาเว็บที่ให้ตัวอย่างประโยคเยอะ ๆ เช่น 1 คำศัพท์มีไม่น้อยกว่า 10 ประโยคตัวอย่าง ไม่ใช่แค่ 2 – 3 ประโยค พูดตรงๆก็คือ ผมอยากจะได้เว็บที่มีประโยคตัวอย่างจำนวนมากจนจุใจ ให้เรียนจนคุ้นเคย-เข้าใจ-จำได้
ท่านผู้อ่านคงจะเห็นด้วยกับผมนะครับว่า ในการเรียนภาษา การ “จำได้” เป็นสิ่ง “จำเป็น” แต่ถ้าเราจำได้โดยการท่องอัดเข้าไป มันก็ไม่ซึมซับเข้าไปในใจเหมือนกับการจำได้โดยการคุ้นเคย และวิธีที่จะทำให้เราคุ้นเคยก็คือการเจอประโยคตัวอย่างเยอะ ๆ นั่นเอง

หลายท่านก็ได้ทำความคุ้นเคยกับศัพท์ใหม่ด้วยวิธีที่เป็นธรรมชาติจริง ๆ คืออ่านเยอะ ๆ (และฟังเยอะๆ) จนคุ้นเคยและจำได้ แต่การที่ผมหาเว็บที่มีตัวอย่างประโยคเยอะ ๆ มาให้ท่านศึกษานี้ ต้องถือว่าเป็นการศึกษาแบบธรรมชาติโดยวิธีเร่งรัดหรืออัดฉีด เหมือนรถยนต์เติมน้ำมันหัวเชื้อ ทำให้เครื่องยนต์ฟิตจัดในเวลาที่รวดเร็วกว่าปกติ

จนถึงวันนี้ ผมเจอ 3 เว็บที่มีประโยคตัวอย่างจำนวนมาก ๆ ให้ศึกษาคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
เว็บที่ 1:
http://www.yourdictionary.com/examples/
วิธีใช้: พิมพ์คำศัพท์ต่อท้าย url address
เช่น คำว่า love ก็เป็น http://www.yourdictionary.com/examples/love

เว็บที่ 2:
http://new.wordsmyth.net/?mode=rs
วิธีใช้:
1.พิมพ์คำศัพท์ในช่อง Search for entries that contain
2. ติ๊กเลือก Word(s) + Forms
3.ติ๊ก ให้มีเครื่องหมาย / หน้า Example
4.ติ๊ก เอาเครื่องหมาย / หน้า Definition ออก
5.คลิก Perform Search
6.คลิกคำศัพท์ที่ลิงค์ต้นบรรทัด ศัพท์ตัวนั้นในประโยคตัวอย่างจะมีสีเหลือง

เว็บที่ 3:
http://www.natcorp.ox.ac.uk/
พิมพ์คำศัพท์ที่ช่อง Look up และ Enter (หรือ คลิก Go), เว็บจะสุ่มประโยคตัวอย่างมาให้ดูครั้งละ 50 ประโยค, ถ้าต้องการชุดใหม่ ให้คลิก Refresh, ถ้าไม่ชอบอ่านประโยคยาว ๆ ก็เลือกอ่านเฉพาะประโยคสั้น ๆ ก็ได้

ผมขอชักชวนให้ท่านใช้เวลาสักพักหนึ่งเพื่อทำความคุ้นเคยกับเว็บแสดงประโยคตัวอย่างทั้ง 3 เว็บนี้
เมื่อศึกษาศัพท์คำใดด้วยวิธีนี้ ท่านจะ “คุ้นเคย-เข้าใจ-จำได้ และใช้เป็น” ทุกคำศัพท์ที่ท่านศึกษา ในครั้งแรก ๆ อาจจะขลุกขลักบ้าง แต่ถ้าฝึกไปเรื่อย ๆ ก็จะคล่องแคล่วมากขึ้น ผมรับรองครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1552]ฝึก ฟัง-พูด-อ่าน-เขียนกับ“หนังสืออ่านนอกเวลา”

สวัสดีครับ
สมัยผมเรียนชั้นมัธยม มีตำราประเภทหนึ่งที่เรียกกันว่า “หนังสืออ่านนอกเวลาภาษาอังกฤษ” มันชื่อว่าหนังสืออ่านนอกเวลา แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็เอามาอ่านในเวลาเรียน ผมเดาเอาว่า มันอาจจะยากเกินกว่าที่เด็กจะอ่านได้เอง ครูเลยเอามาฝึกอ่านกันในห้อง

หนังสือประเภทนี้ดีมาก ดีสำหรับผมที่เป็นเด็กในสมัยนั้น และก็ดีสำหรับผมที่เป็นผู้ใหญ่แก่ในสมัยนี้

เพราะว่าอะไร? ก็เพราะว่าหนังสือพวกนี้ เขาเขียนโดยฝรั่งที่เป็นนักการศึกษาด้านภาษา เนื้อเรื่องที่เป็น story นั้นสนุก โดยมากคือการนำต้นฉบับเดิมมาย่อหรือทำให้ง่าย และที่สำคัญคือมีการผูกเนื้อเรื่อง ผูกประโยค และใช้คำศัพท์ให้ง่าย ๆ แบ่งออกเป็นหลาย level ให้ผู้เรียนเลือกตามความเหมาะสม

ถ้าตอนนี้ท่านพ้นวัยเยาว์แล้ว และกลับไปอ่านหนังสือพวกนี้อีก ถ้าอ่านและเข้าใจ และท่านรู้สึกว่าง่าย นี่แสดงว่าท่านสอบผ่านเรื่อง reading แต่ว่าเนื้อเรื่องเดียวกันนี้แหละ ท่านจะสอบผ่านในอีก 3 ทักษะหรือเปล่า คือ

Speaking – ท่านลองประเมินตัวเองก็ได้ครับ ลองอ่านสัก 1 บทให้เข้าใจ (อ่านหลายเที่ยวก็ได้) และปิดหน้าหนังสือ และลองพูดเนื้อเรื่องบทนี้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ ในชั้นแรก ท่านอาจจะจำข้อความในหนังสือและพูดตามนั้นออกมา ส่วนในขั้นต่อมา ถ้าท่านสามารถพูดด้วยสำนวนภาษาของท่านเองได้ก็ดี ผมขอแนะนำว่า ท่านน่าจะฝึกและประเมินตัวเองในด้านนี้ ถ้า level ปัจจุบันยากเกินไปต่อการฝึก speaking ในลักษณะนี้, ก็ให้เลือก level ที่ต่ำกว่า ถ้าพูดได้ก็แสดงว่าสอบผ่าน แม้จะพูดได้ไม่ครบถ้วนก็ไม่เป็นไรครับ

ขอแนะนำว่าในการฝึก speaking ขั้นตอนนี้ ถ้าจะให้ได้ผลดีขอให้อ่านออกเสียงดัง ๆ ถ้าไม่แน่ใจในการอ่าน ก็ขอให้ใช้บริการของเว็บ text-tospeech.imtranslator.net ซึ่งผมแนะนำวิธีใช้ด้านล่าง

Writing – การฝึกและประเมินตัวเองก็ทำลักษณะเดียวกับ Speaking นั่นแหละครับ คือเมื่ออ่านบทใดบทหนึ่งแล้วก็ลองฝึกเขียน ในชั้นแรก ท่านอาจจะเขียนโดย copy ข้อความในหนังสือตามที่ท่านจำได้ ส่วนในขั้นต่อมา ถ้าท่านสามารถเขียนด้วยสำนวนภาษาของท่านเองได้ก็ดี และถ้า level ปัจจุบันยากเกินไปต่อการฝึก writing ในลักษณะนี้, ก็ให้เลือก level ที่ต่ำกว่า ถ้าเขียนได้ก็แสดงว่าสอบผ่าน แม้จะเขียนได้ไม่ครบถ้วนก็ไม่เป็นไรครับ

Listening – ในสมัยก่อนการฝึก listening กับหนังสืออ่านนอกเวลาด้วยตัวเองอาจจะทำได้ยาก แต่ตอนนี้ทำได้ครับ
เพราะหนังสือชุด
[1374]ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 4]

ที่ผมนำไฟล์มาให้ท่านดาวน์โหลดนี้ เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาประเภท audiobook คือใช้ได้ทั้งอ่านและฟัง และมีหลาย level ให้ท่านเลือกฝึกอีกด้วย ผมขอแนะนำให้ท่านเลือก level ที่ง่าย ๆ ก่อน ท่านลองคลิกฟังโดยไม่อ่าน ดูซิว่าท่านเข้าใจไหม ถ้าฟังแล้วเข้าใจแสดงว่าสอบผ่าน listening ใน level นี้ ถ้าฟังแล้วไม่เข้าใจก็อาจจะเลือก level ที่ง่ายลงไปอีก หรือลองอ่านสักเที่ยว และคลิกฟังอีกครั้งโดยไม่อ่านขณะฟัง ถ้าเข้าใจแสดงว่า listening skill ของท่านดีขึ้น คือสอบผ่าน

ผมขอแนะนำให้ท่านลองพยายามฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ ในหนังสือเล่มหนึ่ง ๆ – บทหนึ่ง ๆ ท่านอาจจะทำ reading ได้ A, แต่ listening อาจได้ B, writing อาจได้ C และ speaking อาจได้ D ขอให้พยายามทำให้สอบผ่านได้เกรด A ทั้ง reading, listening, writing และ speaking นะครับ ถ้ามันยากนักก็ start ที่ level 1 เลย ถ้า level 1 ยังทำไม่ได้ก็ลดลงไปที่ level kindergarten หรือ อนุบาล

ในบล็อกนี้ ผมมี book และ audiobook มากพอสมควรให้ท่านฝึกและทดสอบตัวเองทั้ง 4 ทักษะในลักษณะที่ว่ามานี้

เชิญดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์ข้างล่างนี้เลยครับ
[361] ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลาภ.อังกฤษ 48 เล่ม
[1207]ดาวน์โหลดหนังสืออ่านนอกเวลาภ.อังกฤษ 180 เล่ม
[1083] ดาวน์โหลดหนังสืออ่านชุด Reading A – Z

ถ้าท่านต้องการฟังเสียงอ่านประโยคภาษาอังกฤษที่พิมพ์ไว้ในหนังสือข้างบน หรือประโยคใดก็ได้ ให้ไปที่เว็บนี้และพิมพ์ประโยคที่ต้องการฟังเสียงลงไปให้เว็บอ่าน
text-to-speech.imtranslator.net
ขั้นตอนการใช้งาน
1.พิมพ์ หรือ paste ประโยคภาษาอังกฤษ ลงไป
2.ที่ปุ่มด้านบนที่เขียนว่า
Language: English (male) ถ้าต้องการฟังเสียงผู้หญิงก็คลิก English (female)
3. ที่ปุ่มด้านบนที่เขียนว่า Speed 0: ถ้าต้องการให้อ่านช้าลง ก็เลือก -, 2- หรือ 3-
4.คลิก Say it
5.ถ้าต้องการฟังซ้ำ ให้คลิก เลข 1ในรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งอยู่เยื้องขึ้นไปทางมุมบนด้านขวาของรูปหน้า

ส่วนลิงค์นี้คือ รวม audiobook ซึ่งท่านสามารถทั้งอ่านและฟัง คลิก

ขอเล่าต่อนะครับ หนังสืออ่านนอกเวลานี้ ผมเข้าใจว่า ท่านสามารถหาซื้อได้ในราคาถูก ๆ ที่ร้านขายหนังสือเก่าที่สวนจตุจักรวันเสาร์อาทิตย์
หนังสือพวกนี้ พิมพ์จำหน่ายโดยสำนักพิมพ์ที่พวกเราคงจะคุ้นชื่อกันพอสมควร ผมยกมาเป็นตัวอย่างข้างล่างนี้ ให้ท่านดูชื่อหนังสือ
Penguin Readers
Oxford Readers
Cambridge Readers
Macmillan Raders

แต่ถ้าท่านต้องการไฟล์หนังสือทั้งเล่ม (โดยมากเป็นไฟล์ pdf) ก็ไปที่ลิงค์นี้
http://englishtips.org/fiction_literature/graded-readers/
แต่การจะดาวน์โหลดได้ต้อง
register และ log-in เข้าไปก่อน มิฉะนั้นเว็บจะไม่โชว์ลิงค์ที่ให้เราคลิกดาวน์โหลด
[ถ้า font มิได้เป็นภาษาอังกฤษอ่านไม่ออก (ภาษารัสเซีย) ให้คลิกรูปธงอังกฤษที่อยู่มุมบนขวาของหน้า]

ที่เว็บ englishtips.org มีหนังสือประเภทนี้ ซึ่งเรียกว่า graded reader มากกว่า 1,000 เล่ม

ถ้าท่านต้องการอ่านเฉพาะ level ใดโดยเฉพาะ ให้พิมพ์คำว่า “level 1”, “level 2”, “level 3”, “level 4”, “level 5”, หรือ “level 6” ลงในช่อง Search ที่อยู่ในคอลัมน์ขวามือ ตอนบนของหน้า มีมากอย่างจุใจเลยครับ
-อย่าลืม log-in ก่อนนะครับ
-ให้คลิกที่ More ที่ท้ายหนังสือแต่ละเล่ม
-ถ้าไม่มีลิงค์ให้คลิกเพื่อดาวน์โหลด ให้มองหาเพื่อคลิกคำว่า I agree

ท่านผู้อ่านครับ ผมขออนุญาตฝากคำทิ้งท้ายสักนิด ผมคิดว่าขณะนี้เราไม่ได้ขาดแคลนอุปกรณ์ในการฝึกเพื่อเพิ่มพูนทักษะภาษาอังกฤษแล้วแหละครับ ปัญหาอยู่ที่ว่าเราจะยอมอดทนฝึกตัวเองเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากอุปกรณ์นี้หรือไม่ เพราะต่อให้รู้จักเว็บเรียนภาษาอังกฤษชั้นดีสักพันเว็บ และดาวน์โหลดไฟล์เรียนภาษาอังกฤษคุณภาพเยี่ยมเก็บไว้ถึงหมื่น gigabyte แต่ไม่ยอมฝึกฝนตนเองให้มากพอ อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ไร้ความหมาย

เหมือนเด็กที่อยากว่ายน้ำเป็นแต่นั่งอยู่ขอบสระทุกครั้ง ไม่ยอมลงสระเพื่อหัดว่ายน้ำ การจะว่ายน้ำเป็นไม่ได้เกิดจากปาฏิหาริย์อะไรหรอกครับ แต่เกิดจากการยอมลงสระหัดว่ายทีละนิดทีละหน่อย และวันหนึ่งก็จะว่ายเป็น

คนไทยเราจะเข้าใจและใช้ภาษาอังกฤษเป็นก็ทำนองเดียวกันแหละครับ การทำได้และทำเก่งไม่ได้เกิดจากปาฏิหาริย์ แต่เกิดจากตั้งใจฝึกฝนทำบ่อย ๆ

อย่างไรก็ตามถ้าท่านเชื่อในเรื่องปาฏิหาริย์ ท่านก็ต้องเชื่อว่ามีแต่เราเท่านั้นแหละครับที่สามารถสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นแก่ตัวเราเอง ไม่มีใครสร้างปาฏิหาริย์ให้แก่ใครได้หรอกครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

{1551} เชิญใช้บล็อกนี้เป็นที่บอกศัพท์

เชิญใช้บล็อกนี้เป็นที่บอกศัพท์

สวัสดีครับ
สาเหตุหนึ่งที่เราอ่านภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง อาจจะเป็นเพราะเราไม่รู้ศัพท์ ถ้ารู้ศัพท์คงอ่านรู้เรื่องกว่าเดิม ไม่น้อยก็มาก

เพราะฉะนั้น ผมจึงขอเชิญชวนทุกท่านที่ต้องการให้มีคนบอกศัพท์ใช้บริการของบล็อกนี้

วิธีการก็ง่าย ๆ ครับ คือ
-คลิก แสดงความคิดเห็น ท้ายบทความนี้
-copy + paste ข้อความภาษาอังกฤษที่ท่านต้องการอ่าน ลงไปในในช่อง
ฝากความคิดเห็นของคุณ
-พิมพ์อักขระที่ท่านเห็นในภาพด้านบน ลงในช่อง รหัสยืนยัน
-คลิก ไม่ระบุชื่อ
- คลิก เผยแพร่ความคิดเห็นของคุณ

(1) พอถึงเวลาอ่าน ถ้าต้องการทราบคำแปลของศัพท์ภาษาอังกฤษคำใด ก็ดับเบิ้ลคลิกที่คำนั้น
(2) บางคำถ้าไม่มีคำแปลภาษาไทยแสดง ท่านอาจจะต้องตัด -s, -es, -d, -ed, -ing, -ly, ฯลฯ ที่ท้ายคำศัพท์ออก หรือตัด im-, in-, ir-, un-, ฯลฯ ที่นำหน้าคำศัพท์ออก และ Enter
(3) สำหรับบางศัพท์ที่มีมากกว่า 1 คำ ก็ให้พิมพ์เพิ่มลงไป เพราะมันดับเบิ้ลคลิกได้ครั้งละคำเดียว

ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าข้อความจะยาวเพียงใด ท่านก็สามารถรู้ศัพท์ทุกคำ

ผมทำให้ท่านดูเป็นตัวอย่าง ใน Comment แรกข้างล่างนี้ ผมเอามาจากหนังสือพิมพ์ Bangkok Post

ท่านอาจจะต้องคลิกที่ชื่อหัวข้อข้างบนก่อน
คลิก {1551} เชิญใช้บล็อกนี้เป็นที่บอกศัพท์

ลองดูนะครับ น่าจะช่วยได้ ไม่มากก็น้อย
อ้อ! แล้วที่มุมบนซ้ายมือของบล็อกก็มี ดิก Oxford (อังกฤษ - อังกฤษ) และดิก Longdo (อังกฤษ-ไทย;ไทย-อังกฤษ) ให้ใช้นะครับ

สุดท้ายที่ต้องเรียนให้ทราบก็คือ ดิกคลิกของ Google ที่มีบริการนี้ บางทีคำแปลอาจจะผิดพลาดหรือมีให้ไม่ครบ ถ้าเจออย่างนี้ ก็อ่านคำแปลที่เป็นภาษาอังกฤษที่เขาให้มา (Web definitions หรือคลิก Show more Web definitions » )หรือใช้ดิก Oxford หรือ Longdo แล้วกันครับ

ท้ายสุดครับ: สำหรับท่านที่ต้องการขายสินค้า รบกวนอย่าเอาโฆษณามาลงนะครับ ท่านจะเห็นว่าผมไม่ได้นำเอาโฆษณามาลงแปะในบล็อกนี้ให้รำคาญใจแม้แต่ชิ้นเดียว มันเป็นความตั้งใจของผมที่จะให้บล็อกนี้เป็นแหล่งเพื่อการศึกษาอย่างแท้จริง


พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1550]เกร็ดความรู้-เกร็ดภาษาจากคำศัพท์ในดิกชันนารี

หมายเหตุ:
หลังจากที่ผมแนะนำ usage notes จาก Heinle's Newbury House Dictionary of American English ผมก็ไปเจอ usage notes จาก Oxford Dictionary ซึ่งมีประมาณ 50 คำ จึงขอนำมาแนะนำด้วย
-http://www.oxfordadvancedlearnersdictionary.com/usage_notes/
-http://translateitbangkokpost.blogspot.com/2010/08/usage-notes-from-oxford-dictionary.html

*********
สวัสดีครับ
ผมเคยแนะนำท่านผู้อ่านว่า ในดิกชันนารีสำหรับผู้ศึกษาภาษาอังกฤษ ที่เรียกว่า learner’s dictionary นั้น นอกจากความหมายของคำศัพท์แล้ว ยังมีบทเรียนและแบบฝึกฝนอีกมากมายเกี่ยวกับทักษะภาษาอังกฤษ นี่เป็นบริการเสริมของเว็บดังเหล่านี้ ที่เราสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งมีมากทั้งปริมาณและคุณภาพ ผมได้แนะนำไว้ที่ 2 ลิงค์นี้ครับ
[131] เรียน ภาษาอังกฤษ กับดิกดังระดับโลก
[1448] เรียนภาษาอังกฤษกับ 3 เว็บดังของประเทศอังกฤษ

วันนี้ผมมีเพิ่มเติมอีก 1 ลิงค์
ที่เว็บ Heinle's Newbury House Dictionary of American English เขามี usage notes ของคำศัพท์ในดิก จำนวน 308 คำ, usage notes นี้เป็นเกร็ดความรู้ หรือ เกร็ดภาษา ที่เกี่ยวข้องกับคำศัพท์ซึ่งดิกแถมเพิ่มมาให้

เท่าที่ผมลองเข้าไปสำรวจดู ก็พบว่ามีลักษณะใหญ่ ๆ ดังนี้

1.-เปรียบเทียบคำที่มีความหมายหรือการใช้ใกล้เคียงกัน
เช่น angry

2.-ชี้แจง grammar ในการใช้คำศัพท์นั้น
เช่น each

3.-ให้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับการใช้คำศัพท์
เช่น ass

4.-บอกเกร็ดประวัติของคำนั้น ๆ
เช่น country music

5.-เล่าสถานการณ์เกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ ในประเทศสหรัฐอเมริกาขณะปัจจุบันนี้
เช่น Dress code , Alzheimer's disease , casino

สิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ เกี่ยวกับ usage notes ใน Heinle's Newbury House Dictionary of American English ก็คือ เกร็ดที่เขานำมาเล่านี้ เป็นเรื่องง่าย ๆ อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที, เป็นความรู้ที่นำเอาไปพูดคุยในวงสนทนาได้, หรือถ้าเกี่ยวกับภาษา ก็เป็นจุดที่ควรระวัง เพราะอาจจะใช้กันผิดบ่อย เป็นต้น
ท่านอาจจะใช้เวลาว่าง ๆ เข้าไปคลิกเล่นอ่านดู เพลินดีครับ

วิธีเข้าไปดู
1.ไปที่ลิงค์นี้ คลิก และถ้าจะไปยัง list ในหน้าถัดไปก็ คลิก Next ที่อยู่บรรทัดล่างสุดของหน้า

2.ที่คอลัมน์ซ้ายมือใต้คำว่า
Results
Select a word in the list to view its definition
ให้คลิกคำที่ท่านต้องการจะอ่าน usage notes

3.อ่านจบแล้ว ให้คลิก Back เพื่อกลับมายังหน้าที่มี list คำศัพท์นี้, และคลิกศัพท์คำอื่นต่อไปที่ท่านสนใจ
ถ้าท่านไม่คลิก Back มันจะอยู่ในหน้า Browse the Dictionary

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1549]พูดอังกฤษ-จะถึง GOAL ได้ ต้อง TRY ก่อนเสมอ

สวัสดีครับ
มีคำถามว่า เราต้องรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษกี่คำจึงจะพอใช้ ถ้าให้ผมตอบก็จะตอบว่า ไม่ต้องเยอะหรอกครับ แค่ 1000 คำก็พอแล้ว หรือหรือรู้ถึง 2-3000 คำก็ยิ่งหรู และผมเชื่อว่าฝรั่งเขาก็คงคิดอย่างนี้เหมือนกัน จึงได้มีการทำ wordlist รวบรวมคำศัพท์ที่ใช้บ่อย ให้ผู้คนได้ศึกษา เปรียบเหมือนมีกระสุนและใช้ฝึกซ้อมยิงอยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาที่ต้องยิงจริงก็จะยิงได้คล่อง

ผมได้นำคำศัพท์ใน Wordlist เหล่านี้ ให้ท่านเข้าไปคลิกดูคำแปล อยู่ที่ข้างล่างนี้ครับ

1,500 คำ: VOA Special English คลิก 1 หรือ คลิก 2

2,000 คำ: Longman Defining Vocabulary คลิก

3,000 คำ: Merriam-Webster's Learner's Dictionary คลิก

3,000 คำ: Oxford 3000 wordlist คลิก

100 คำ: กริยาภาษาอังกฤษ: คลิก

แถม: รวม ‘คำกริยา’ ภาษาไทย เทียบ ‘verb’ ภาษาอังกฤษ

แต่ปัญหาที่ยังคงมีอยู่ก็คือ แม้จะรู้คำศัพท์ 1000 – 3000 คำเหล่านี้ หลายคนก็ยังสื่อสารพูดจาเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะอะไร?

ก็เพราะว่า เราอาจจะเพียง เข้าใจ ยังไม่สามารถ ใช้เป็น
เข้าใจ คือเข้าใจ เมื่อเราอ่าน(ด้วยตา) หรือฟัง(ด้วยหู) แต่ยังไม่สามารถ ใช้เป็นเมื่อเราต้องพูด(ด้วยปาก) หรือเขียน(ด้วยมือ)

เข้าใจนั้นเป็น ทักษะที่เราอยู่เฉย ๆ หรือ passive skill ส่วนใช้เป็น นั้น เป็นทักษะที่ต้องแสดงออก หรือ active skill

แต่ปัญหานี้มันก็มีสาเหตุให้มองเห็นได้ไม่ยาก คือ การฝึกอ่านและฝึกฟังนั้น เราสามารถฝึกได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมี partner ไม่ต้องมีครู เพียงแค่อ่านหรือฟังอยู่เรื่อย ๆ และเราก็สามารถประเมินผลได้ด้วยตัวเองว่า เราทำได้หรือไม่ ถ้าเราอ่านและฟัง และเข้าใจ ก็แสดงว่าเราทำได้ เราสอบผ่าน เราไม่ต้องรอให้คนอื่นมาให้คะแนน เพราะเราสามารถฝึกด้วยตัวเอง และประเมินตัวเองได้ นี่คือเรื่องของการอ่านด้วยตา และฟังด้วยหู

แต่อีกคู่หนึ่ง คือ การพูดด้วยปาก และการเขียนด้วยมือ อาจจะไม่ง่ายอย่างนี้ เพราะการพูดมันคือการพูดกับใคร-พูดให้ใครฟัง และการเขียนคือการเขียนถึงใคร-เขียนให้ใครอ่าน และดูเหมือนว่า การพูดและการเขียน จะไม่สามารถฝึกด้วยตัวเองโดยตลอดได้ ต้องมี partner ให้เราฝึกด้วย และpartner คนนี้แหละที่จะประเมินว่าเมื่อเราพูดและเขียน เขาสามารถฟังและอ่านรู้เรื่องหรือเปล่า

พอมองอย่างนี้ภาพที่เห็นก็ทำให้หมดหวัง เพราะคนไทยจำนวนมากไม่มีโอกาสเรียนในโรงเรียนฝรั่งหรือในหลักสูตรนานาชาติ ไม่ได้ทำงานกับฝรั่ง ตอนเป็นนักเรียนในวิชาภาษาอังกฤษครูก็พูดภาษาไทยโดยตลอด การฝึกเขียนก็น้อยมาก

ทำไปทำมา คนไทยก็เลยมีทักษะภาษาอังกฤษเพียง passive skill คืออ่าน (และฟัง)เข้าใจ แต่ไม่มี active skill คือเราไม่สามารถพูดให้คนอื่นฟังเข้าใจ และเขียนให้คนอื่นอ่านเข้าใจ เพราะเราไม่มีครูหรือ partner ที่เราจะฝึกสนทนาด้วยและประเมินเรา

ท่านผู้อ่านครับ สาเหตุที่ผมทำบล็อกนี้เพราะผมไม่เชื่อในข้อสรุปอันหดหู่ข้างบนนี้ แต่ผมเชื่อว่า แม้ไม่ได้เรียนกับฝรั่ง คนไทยก็สามารถฝึกพูดและเขียนภาษาอังกฤษได้

ครั้งล่าสุดผมได้คุยเรื่องนี้ไว้ที่ลิงค์นี้ และอยากชวนให้ท่านลองเข้าไปอ่านดู
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ “ติดเพดาน”

เกี่ยวกับเรื่องการฝึกให้เกิด active skill เพื่อให้พูดได้และเขียนได้นี้ นอกจากการฝึกตามลิงค์ข้างบนนี้ วันนี้ผมขอแนะนำอีก 3 เว็บไซต์ให้ท่านฝึกด้วย

เว็บที่ 1
1.พิมพ์คำศัพท์ 2.คลิก Examples 3.คลิก Search; อาจจะจำเป็นต้องคลิก Refresh, หรือ คลิก Examples & คลิก Search 2-3 รอบ
http://www.seasite.niu.edu:85/thai/TDReader/ThaiReader.aspx
โดยนำคำศัพท์จาก wordlist จากWebster, Oxford, Longman, VOA, 1000 verb ข้างบน พิมพ์ลงไป และศึกษาประโยคตัวอย่างที่มีแปลเทียบ ไทย – อังกฤษ ขอแนะนำว่าเว็บนี้มีประโยชน์มากครับ
ข้อสังเกต:ถ้าพิมพ์ศัพท์ภาษาอังกฤษ (เช่น forget)และเว็บไม่แสดงผล ให้ลองพิมพ์ภาษาไทย (เช่น ลืม)อาจจะได้ผล

เว็บที่ 2
ถ้าท่านต้องการฟังเสียงอ่านประโยคภาษาอังกฤษ ให้ไปที่เว็บนี้และพิมพ์ประโยคนั้นลงไป
http://text-to-speech.imtranslator.net/speech.asp?dir=en
ขั้นตอนการใช้งาน
1.พิมพ์ หรือ paste ประโยคภาษาอังกฤษ ลงไป
2.ที่ปุ่มด้านบนที่เขียนว่า Language: English (male) ถ้าต้องการฟังเสียงผู้หญิงก็คลิก English (female)
3. ที่ปุ่มด้านบนที่เขียนว่า Speed 0: ถ้าต้องการให้อ่านช้าลง ก็เลือก -, 2- หรือ
3-
4.คลิก
Say it
5.ถ้าต้องการฟังซ้ำ ให้คลิก เลข 1ในรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งอยู่เยื้องขึ้นไปทางมุมบนด้านขวาของรูปหน้า

เว็บที่ 3
รวมดิกชันนารี, พิมพ์คำศัพท์ลงไปให้หาประโยคตัวอย่างเพื่อศึกษาการใช้
-Webster Learner's dictionary
-Macmillan
-Oxford
-Longman
-Cambridge
-MSN Encarta
-Cobuild
-Newburry House

ขอสรุปขั้นตอนฝึกอีกครั้งนะครับ
1.พิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการศึกษาลงไปใน 3 เว็บที่แนะนำข้างบนนี้
2.เมื่อเห็นตัวอย่างประโยคแล้ว ให้สังเกตและจดจำการใช้
3.ฝึกฟังเสียง และฝึกพูดตาม และควรหัดพูดตามโดยไม่ต้องดู script บ้าง
4.ฝึกแต่งประโยคให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 ประโยค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรหัดแปลด้วยตัวเองจากประโยคภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยนำคำจาก wordlist มาแต่งประโยค และหัดพูดประโยคที่แต่งเองนี้ ถ้ามีผู้รู้อยู่ใกล้ ๆ ก็วานให้เขาช่วยตรวจแก้ประโยคที่เราแต่ง

ท่านผู้อ่านครับ ผมขออวยพรให้ทุกท่านที่พยายามประสบความสำเร็จ นี่เป็นคำอวยพรอันแท้จริงจากใจครับ

และเมื่อผมพูดว่า พยายาม หรือ TRY ผมหมายถึง Trust and Respect Yourself คือเชื่อมั่นและเคารพในตัวเอง เชื่อมั่นในความสามารถ และเคารพในความตั้งใจของตัวเอง หากไม่มี TRY ก็คงไม่มี GOAL - Get On And Learn คือ การก้าวหน้าและเรียนรู้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

จะถึง GOAL ได้ เราจะต้อง TRY ก่อนเสมอ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1548] ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะภาษาไทย

สวัสดีครับ
มีหลายเว็บไทยที่มีหนังสือและเสียงธรรมะให้ดาวน์โหลดไปอ่านและฟัง ผมรวบรวมมาบ้างข้างล่างนี้ครับ
http://www.dhammajak.net/book/index.php
http://www.dhammajak.net/directory/?c=15

http://www.fungdham.com/book/book.html

http://www.dhammathai.org/book/book.php

http://www.watnongpahpong.org/acebooks.php

http://www.buddhadasa.in.th/site/books.php

http://www.thammapedia.com/dhamma/dhamma_book.php

http://84000.org/tipitaka/book/

http://www.kanlayanatam.com/booknaenam.htm

http://www.jozho.net/

http://watthapra.freevar.com/goobook.html

ศึกษาเพิ่มเติม:
http://freeenglishstudy.blogspot.com/2007/05/blog-post.html

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1547] ศัพท์บัญชี ไทย <= = > อังกฤษ

สวัสดีครับ
บังเอิญผมไปเจอ คำศัพท์ทางด้านบัญชี ไทย – อังกฤษ และ อังกฤษ – ไทย จึงนำมาฝาก เผื่อจะเป็นประโยขน์บ้างต่อบางท่านที่ทำงานด้านนี้

ไทย-อังกฤษ
http://www.avpconsultant.com/accountvocabth.html
อังกฤษ-ไทย
http://www.avpconsultant.com/accountvocab.html
******

ศึกษาเพิ่มเติม:
[241] รวมหลายเว็บศัพท์เฉพาะทาง

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1546] Basic Vocabulary in Use (60 unit,pfd+mp3)

สวัสดีครับ
สิ่งที่ผมนำมาเสนอในวันนี้ คือไฟล์ pdf หนังสือชื่อ Basic Vocabulary in Use มีทั้งหมด 60 unit 169 หน้า

ใน 60 unit นี้ เขานำมาศัพท์ที่ต้องใช้พูดคุยบ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน จำนวน 1,250 คำมาแนะนำการใช้ ด้วยวิธีที่น่าเรียนอย่างมาก เช่น บอกความหมาย ให้ตัวอย่าง แสดงภาพ มีแบบฝึกหัดให้ทำ มีเฉลยให้ตรวจ และที่ดีมาก ๆ ก็คือ แทบทุกบทจะมีไฟล์ mp3 ให้ท่านคลิกฟังปรโยคบอกเล่าหรือประโยคสนทนาในหนังสือ

ดูตัวอย่างหน้าหนังสือของ unit 28 คลิก
ฟังตัวอย่าง mp3 ของ unit 28 คลิก

ผมดูแล้ว ท่านสามารถใช้ หนังสือและ mp3 ชุดนี้เป็นคู่มือในการฝึกสนทนาภาษาอังกฤษได้อย่างสบาย ๆ เพราะ
-สอนศัพท์ง่าย ๆ - ประโยคง่าย ๆ- เนื้อหาง่าย ๆ ที่ใช้บ่อย ในชีวิตประจำวัน
-ท่านสามารถฝึกอ่าน, ฝึกฟัง, ฝึกฟังและพูดตาม, ฝึกฟังและเขียนตาม (กด play และ pause)
-ถ้าไม่รู้ศัพท์คำใด คลิกที่นี่ครับ
http://www.babylon.com/define/122

เมื่อเขียนมาถึงตรงนี้ คิดถึงการฝึกภาษาอังกฤษของพวกเราคนไทย ทำให้นึกถึงชื่อของนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ “ถ้าเดินเรื่อยไปย่อมถึงปลายทาง” หรือ DESTINATIONS

ผมขออัญเชิญตอนหนึ่งในคำนำหนังสือรวมภาพถ่ายจากนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ดังนี้
“พักนี้ข้าพเจ้าต้องไปที่โน่นที่นี่มากกว่าแต่ก่อน ทั้งในและนอกประเทศ บางทีวันๆ หนึ่งไปได้ไม่ครบทุกที่ที่เตรียมไว้ บางวันดินฟ้าอากาศไม่อำนวย รถเสีย หรือมีอุปสรรคอื่นๆ ทำให้ไปไม่ถึงจุดหมายปลายทาง อุปสรรคเหล่านี้เป็นเรื่องช่วยไม่ได้จริงๆ ได้แต่คิดว่าถ้าเดินไปเรื่อยๆ ไม่ย่อท้อก็ย่อมไปถึงที่ที่เราอยากไป นี่เป็นเรื่องรูปธรรม ในทางนามธรรมคือ ความมุ่งหวัง ความสำเร็จ ถ้าเราก้าวเดินไปตามทิศทางที่ถูกต้องย่อมถึงปลายทางเข้าสักวัน จะช้าหรือเร็วก็ไม่ต้องเครียด ...”

ลิงค์ดาวน์โหลด
password ที่อาจจะต้องใส่เวลาแตกไฟล์ RAR คือ englishtips.org

ไฟล์ขนาดเต็ม
1. Book (169 pages, PDF, 49.9 MB in RAR)
ดาวน์โหลดลิงค์ใดลิงค์หนึ่ง
http://rapidshare.com/files/411603662/1122_BVIU_Book.rar.html
http://www.filesonic.com/file/16340189/BVIU%20Book.rar
http://www.fileserve.com/file/5ztRcQn

2. CD (WMA, 55.7 MB in RAR)
ดาวน์โหลดลิงค์ใดลิงค์หนึ่ง
http://rapidshare.com/files/411530463/1122_BVIU_CD.rar.html
http://www.filesonic.com/file/16340033/1122%20BVIU%20CD.rar
http://www.fileserve.com/file/xqaVU2E

ไฟล์ขนาดย่อ
1. Reduced Book (169 pages, PDF, 7.2 MB in RAR)
http://rapidshare.com/files/411596538/1122_BVIU_RB.rar.html
2. Reduced CD (WMA, 14.4 MB in RAR)
http://rapidshare.com/files/411527779/1122_BVIU_Reduced_CD.rar.html

24 สิงหาคม 2553: ถ้าลิงค์ ที่ให้ไว้ข้างบน เสีย ลองใช้ลิงค์ข้างล่างนี้นะครับ
-http://avaxsearch.com/avaxhome_search?q=%22Basic+Vocabulary+in+Use%22+&a=&c=&l=&sort_by=&commit=Search
-http://avaxhome.ws/ebooks/basic_vocabulary_in_use_book_with_answers_and_audio.html
-http://www.langacademy.net/vb/showthread.php?9658-Basic-Vocabulary-in-Use-(2010)

หรือถ้าท่านต้องการฟัง online โดยไม่ต้องดาวน์โหลด ก็คลิกลิงค์ข้างล่างนี้ เมื่อเข้าไปแล้วก็คลิกที่ปุ่ม play (เครื่องหมาย สามเหลี่ยม) ใต้คำว่า “ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้” เพื่อฟังได้ทันที

ไฟล์ mp3 มีทั้งหมด 47 unit
มี 14 ที่ไม่มี mp3 คือ unit ที่ 1, 2, 14, 16, 20, 25, 30, 31, 35, 36, 40, 42, 45, 48.
แต่ถ้าจะให้ดี ขอแนะนำให้ดาวน์โหลดไฟล์ pdf หนังสือออกมาก่อนฟัง
http://rapidshare.com/files/411596538/1122_BVIU_RB.rar.html

intro-(1)-(2)- 3- 4- 5- 6- 7- 8- 9- 10- 11- 12- 13-(14) 15- (16)17- 18- 19-(20)- 21- 22- 23- 24- (25)-26- 27- 28- 29-(30)-(31)- 32- 33- 34- (35)-(36)-37- 38- 39-(40)- 41-(42)- 43- 44- (45)-46- 47-(48)- 49- 50- 51- 52- 53- 54- 55- 56- 57- 58- 59- 60

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1545] แนะนำ หนังสือดี... EVERYDAY IDIOMS

สวัสดีครับ
หนังสือ “English for Social Interaction - EVERYDAY IDIOMS” ที่ผมจะแนะนำท่านผู้อ่านในวันนี้ มีทั้งหมด 123 หน้า รวม 30 บท

เมื่อผมอ่านสารบัญ คำนำ และบทที่ 1 จบ ผมบอกตัวเองทันทีเลยว่า เล่มนี้ต้องบอกต่อ
ท่านลองอ่าน 5 ประโยคนี้ในคำนำดูซีครับ

Learning to communicate in written, and more formal, English is much easier than learning to communicate in spoken, or informal English.

Apart from anything else, it is sometimes difficult to find teaching material that is based on up-to-date, colloquial English.

Also, less formal English is more subject to change than the formal language of written texts.

Colloquial English, being the language of everyday conversation, is subject to fashion and, accordingly, is less static.

The difficulties involved in becoming familiar with less formal English must obviously be overcome if learners are to become fluent in English. Such fluency is the ultimate goal of learning a language.


และเขาก็สรุปให้อ่านว่า ในหนังสือเล่มนี้มีอะไรบ้าง?
Thirty realistic and lively passages dealing with everyday situations

Each passage containing expressions frequently found in everyday conversation

Clear explanations of useful expressions, lots of example sentences and Language Help notes

Exercises for self-testing with answer key

เมื่อผมอ่านจบบทที่ 1 ผมก็ได้เห็นข้อดีเกี่ยวกับการศึกษา idiom หรือ สำนวนภาษาอังกฤษ จากหนังสือ English for Social Interaction - EVERYDAY IDIOMS เล่มนี้ว่า

-idiom ภาษาอังกฤษที่ควรศึกษา, จดจำ และนำเอาไปใช้นั้น ควรจะเป็น idiom ที่สามัญ เจอบ่อย ใช้บ่อย จริง ๆ เพราะถ้าเป็น idiom ที่นาน ๆ เจอสักครั้ง คนต่างชาติที่เราคุยหรือเขียนติดต่อด้วยซึ่งอาจจะไม่ใช้ฝรั่งเจ้าของภาษา อาจจะฟังหรืออ่านไม่รู้เรื่อง เพราะฉะนั้น จำไปก็เสียเที่ยว

-มีหลาย idiom ที่เราเคยเห็น แต่ไม่แน่ใจความหมาย 100 % หรือบาง idiom เราไม่เคยเห็น แต่พอเห็นปั๊บก็อาจจะเดาความหมายจากศัพท์ได้ไม่ยาก idiom พวกนี้น่าจดจำและนำไปใช้ครับ เพราะว่าถ้าเราเคยเห็นคนอื่นก็เคยเห็นเหมือนกัน และถ้าเราเดาได้พอใช้พูดออกไปคนอื่นก็คงพอจะเดาได้เช่นกัน idiom ที่ง่าย ๆ จึงช่วยให้การพูดคุยติดต่อเป็นกันเอง และแสดงถึงความคล่องแคล่วในการใช้ภาษา หรือที่ดีกว่าก็คือ เราได้รู้จักสำนวนที่ไม่ยากนักซึ่งสามารถสื่อสารได้ตรงใจ หนังสือเล่มนี้ บอกเราทั้งความหมายของ idiom และตัวอย่างการใช้ แถมด้วยแบบฝึกหัดให้เราทำพร้อมเฉลย

ผมเองเคยเห็นหนังสือ idiom ภาษาอังกฤษมาหลายเล่มที่บอกว่า เป็น idiom ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อเอาประสบการณ์ของตัวเองมาจับก็รู้สึกว่า idiom พวกนั้นเอาไปใช้ไม่ได้หรอกครับ เพราะไม่เคยพบเคยเห็น ขืนเอาไปใช้ นอกจากตัวเองงงแล้วคนฟังก็คงงงด้วย แต่ idiom ในหนังสือEnglish for Social Interaction - EVERYDAY IDIOMS เล่มนี้ ท่านสามารถจำเอาไปใช้ได้ ขอแนะนำครับ

อ่าน online ขณะต่อเน็ต คลิก
ดาวน์โหลดแล้วจึงค่อยเปิดอ่าน คลิกที่นี่ หรือ คลิกที่นี่

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1544] อ่าน-ฟัง-เรียน ภาษาอังกฤษ กับ magazine

สวัสดีครับ
นิตยสาร หรือ magazine เป็นสิ่งที่เหมาะมากในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะเนื้อหาที่สด ใหม่ น่าสนใจ และการออกแบบหน้าหนังสือหรือหน้าเว็บที่โดดเด่น ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษกับนิตยสาร หรือ magazine มีชีวิตชีวาไม่น่าเบื่อ
ในบล็อกนี้ ผมได้แนะนำเว็บเกี่ยวกับ magazine ไว้หลายครั้ง
ที่นี่ครับ

มีเว็บ ๆ หนึ่งที่มีนิตยสารดี ๆ สำหรับการเรียนภาษาอังกฤษ แต่ไม่สามารถอ่านออนไลน์ ต้องดาวน์โหลดออกมาอ่าน คือเว็บ englishtips.org
ที่ลิงค์นี้ครับ

แต่การจะดาวน์โหลดได้ต้อง register ก่อน มิฉะนั้นเว็บจะไม่โชว์ลิงค์ที่ให้เราคลิกดาวน์โหลด
-เมื่อท่าน register และ log-in แล้ว,
-ให้คลิกที่
More ที่ท้ายนิตยสารหรือหนังสือแต่ละเล่ม
-ถ้าไม่มีลิงค์ให้คลิกเพื่อดาวน์โหลด ให้มองหาคำว่า
I agree

ผมอธิบายการใช้เว็บนี้อย่างละเอียดยิบที่บทความนี้ครับ
ขุมทรัพย์ให้ท่านดาวน์โหลดไฟล์เรียนภาษาอังกฤษ

ผมขอยกตัวอย่าง magazine ที่ท่านสามารถอ่าน, บางเล่มมีไฟล์ mp3 ให้ท่านฟัง, หรือมี exercise ให้ฝึกทำ ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เรียนหรือผู้สอน ขอรับรองว่าได้รับประโยชน์แน่ ๆ ครับ

เชิญเข้าไปหาเล่มที่ท่านชอบใจเพื่อดาวน์โหลดไปศึกษา
ตอนนี้คลิกอ่านคำแนะนำก่อนก็ได้ บางฉบับเนื้อหาอ่านจะเก่าไปบ้าง แต่ถ้ามองในแง่ของการใช้เป็นอุปกรณ์ในการฝึกภาษาอังกฤษ ก็ถือว่ายังใช้ได้ดีครับ

[อ้อ! ขอเรียน 2 เรื่องครับ
1.ถ้าคลิกลิงค์ magazine เล่มใดแล้ว มีข้อความว่า Internal Server Error มันอาจจะไม่ได้ Error ก็ได้ครับ ให้คลิก Refresh สักครั้งอาจจะแก้ปัญหาได้
2.ถ้า font มิได้เป็นภาษาอังกฤษอ่านไม่ออก (ภาษารัสเซีย) ให้คลิกรูปธงอังกฤษที่อยู่มุมบนขวาของหน้า]

Reader’s Digest

The Economist 2010

Time Magazine

National Geographic Magazine

Hot English Magazine

Cool English magazine

Workplace English Training E-Magazine

The Teacher´s Magazine

I Love English Junior

Discover Magazine

ESL Magazine

Scientist Magazine

Extreme How-To Magazine

MAKE Magazine

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอังคารที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1543] การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ “ติดเพดาน”

สวัสดีครับ
วันนี้เพื่อนร่วมงานรุ่นน้องของผมถามผมว่า “ในบล็อกที่พี่ทำอยู่ มีใครถามคำถามทำนองนี้ไหม คือ เราฝึกภาษาอังกฤษมาได้สักระยะหนึ่ง ตอนระยะแรก ๆ มันก็ดูเหมือนว่ามีพัฒนาการดีขึ้นเรื่อย ๆ แต่พอมาถึงระยะหนึ่ง เรารู้สึกว่า การพัฒนามันหยุด เหมือน ‘ติดเพดาน’ และจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี ?”

ผมฟังเขาพูดและคิดตามก็เห็นว่ามีเค้าความจริงมากทีเดียว อย่างเช่นงานที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ ต้องติดต่อทางอีเมลกับหน่วยราชการในประเทศกลุ่มอาเซียนเกือบทุกวัน หรือบางครั้งบางคราวก็มีแขกจากหน่วยงานเหล่านั้นมาเยี่ยมกรมที่ผมทำงาน มีการพูดคุยกันในที่ประชุมบ้าง พาไปนอกสถานที่บ้าง หรือบางครั้งก็คุยกันทางโทรศัพท์ เห็นได้ชัดว่า งานที่พวกเราทำ เราจะอ่านเรื่องเดิม ๆ ฟังเรื่องเดิม ๆ พูดคุยเรื่องเดิม ๆ และเขียนเรื่องเดิม ๆ และดูจะเหมือนกับที่เขาตั้งข้อสังเกต คือระดับของทักษะภาษาอังกฤษที่มีอยู่มัน “ติดเพดาน” มันไม่ลดต่ำลง แต่มันก็ไม่สูงกว่าเดิม หรือถ้าหากสูงขึ้นก็น้อยมาก

ย้อนไปตอบคำถามข้างต้น ว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไรดี? ผมขอพูดตามประสาคนที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการสอน และมีประสบการณ์เพียงนิดหน่อยจากการทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษ คือผมมีความเห็นว่า ภาษาอังกฤษนั้นมีอยู่ 4 ทักษะ คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน ถ้าสิ่งที่เราฝึกฝนคุ้นเคยเป็นสิ่งเดิม คือ

-เนื้อหาเดิม ๆ เช่น อ่านเอกสารเรื่องเดิม ๆ พูดสนทนาเรื่องเดิม ๆ ฟังเรื่องเดิม ๆ เขียนเรื่องเดิม ๆ
-ความยากระดับเดิม ๆ คือ เราชักจะคุ้นเคยและทำงานได้สบาย ๆ ไม่ต้องขวนขวายอะไรมากมายนัก ก็สามารถอ่าน-เขียนและพูดคุยได้รู้เรื่อง

ถ้ายังเดิม ๆ เช่นนี้ คือ เนื้อหาเดิม ๆ และความยากระดับเดิม ๆ และเราก็พอใจกับมัน เพราะว่าแม้ทักษะของเราจะไม่ perfect แต่มันก็เพียงพอที่จะใช้ทำงาน เพียงพอที่จะใช้หาความรู้ เพียงพอที่จะใช้ติดต่อสื่อสารกับคนที่ต้องติดต่อด้วย ฯลฯ ถ้าเราพอใจเช่นนี้ก็ okay ครับ

แต่ถ้าเรารู้สึกว่า เราน่าจะปรับปรุงทักษะการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน ของเราให้ดีขึ้นในทุกทักษะหรือบางทักษะ เราก็ต้องปรับการฝึกฝนภาษาอังกฤษของเราให้เจอกับ แบบฝึกหัด, สิ่งท้าทาย, challenge, การบ้าน, งาน, test ฯลฯ ใหม่ ๆ ... ใหม่ยังไง? ก็คือ...

-เนื้อหาใหม่ ๆ คือ ฟังเรื่องใหม่ ๆ, อ่านเรื่องใหม่ ๆ, ชมวีดิโอเรื่องใหม่ ๆ สำเนียงใหม่ ๆ, เขียนไดอะรี่เนื้อหาใหม่ ๆ ในสไตล์ที่ต่างไปจากเดิม ฯลฯ
-ความยากใหม่ ๆ คือยากขึ้นกว่าเดิม แต่อย่ายากกว่าเดิมมากนัก อาจจะเพิ่มขึ้นจากเดิมสัก 1 – 2 step ให้เรื่องใหม่ ๆ หรือเรื่องที่ยากขึ้นนี้ทำให้เรางงบ้าง แต่อย่าถึงกับงงตึ้บ ฝึกกับมันจนหายงง เมื่อหายงงแล้วจึงค่อยขยับระดับการฝึกให้สูงขึ้นอีก 1-2 step ฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ

สิ่งที่ผมอยากจะให้คำแนะนำเป็นพิเศษก็คือ การฝึกที่มีการทดสอบ คือมี test, quiz, exercise หรือ lesson ให้เราทำ และมีเฉลยให้เราตรวจ

-ถ้าเป็นการฝึกอ่านและฝึกฟัง การทดสอบ จะช่วยวัดว่าเรา “เข้าใจ-ถูกต้อง” หรือไม่? ถ้าเราไม่ทดสอบ เราอาจจะไม่รู้ว่า การอ่านและการฟังของเรามี “จุดอ่อน” ที่ทำให้เราเข้าใจผิดตรงไหนบ้าง การทดสอบจะช่วยให้เรารู้ว่าเราอ่อนตรงไหน จะได้ฝึกซ้ำ ๆ ตรงนั้นเพื่อการปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ถ้าไม่ทดสอบก็ไม่รู้จุดอ่อน จึงไม่ได้ให้ความสนใจแก่จุดอ่อนเป็นพิเศษ จุดที่เคยอ่อนอย่างไรก็ยังคงอ่อนอย่างนั้น ดีไม่ดีอาจจะอ่อนยิ่งกว่าเดิม เพราะถ้าฝึกตามปกติ เราอาจจะติดนิสัยว่า เรื่องที่อ่านหรือฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็ไม่อยากจะสนใจ ไปสนใจเรื่องที่รู้เรื่องดีกว่า หลายคนมีจุดอ่อนอย่างนี้
-ถ้าเป็นการฝึกพูดและฝึกเขียน การทดสอบ จะช่วยวัดว่าเรา “ทำได้-ถูกต้อง” หรือไม่?

ผมขอแยกเรื่องการเขียนและการพูดออกจากกันนะครับ ขอว่าเรื่องการเขียนก่อน

จากประสบการณ์ส่วนตัวที่เรียนภาษาอังกฤษจากโรงเรียนและที่ฝึกเอง ทำให้ผมได้ข้อสรุปว่า การ “เรียนภาษา” ต้องอาศัยการ “เลียนแบบ” มากทีเดียว นี่ไม่ใช่เรื่องของการเรียนภาษาต่างชาติเท่านั้น แต่ทารกไทยเรียนภาษาไทย ก็ต้องอาศัยการ “เลียนแบบ” เช่นกัน

เรื่องการอ่านและการเขียนนี้เป็นของคู่กัน เราเรียนการเขียนภาษาอังกฤษจากการอ่านภาษาอังกฤษที่ฝรั่งเขียน และเราต้องเรียนทั้ง 2 วิธีควบคู่กันไป คือ

วิธีที่ 1 ด้วยวิธีธรรมชาติ: คือ อ่านเยอะ ๆ และควรเริ่มด้วยการอ่านเรื่องง่าย ๆ ก่อน ง่ายทั้งคำศัพท์ และง่ายทั้งโครงสร้างประโยค เรื่องง่าย ๆ จะทำให้เราเข้าใจและดูดซึม (เลียนแบบ)ได้ง่าย ถ้าอ่านเรื่องที่ยากเกินไป เราอาจจะพยายามจนเข้าใจได้ แต่คงยากที่จะสามารถเลียนแบบให้สามารถเขียนได้เหมือนเขา เพราะฉะนั้นควรจะอ่านเรื่องง่าย ๆ บ้าง เมื่อเราอ่านอย่างสม่ำเสมอ เราจะค่อย ๆ เลียนแบบสไตล์การเรียนที่เป็นธรรมชาติของภาษาอังกฤษไปโดยไม่รู้ตัว ถ้าใครถามว่าทำไมเขียนแบบนั้น เราอาจจะตอบว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าเมื่อต้องการสื่อสารเนื้อหาอย่างนี้ต้องเขียนอย่างนี้ ขอย้ำว่า การที่เราจะสามารถทำอย่างนี้ได้เราจะต้องอ่านเยอะ ๆ จนทำให้เราเขียนได้ถูกตามกฎเกณฑ์(เป็นส่วนใหญ่) โดยไม่จำเป็นต้องรู้กฎเกณฑ์

ข้อสรุปส่วนตัวของผมก็คือ สาเหตุที่คนไทยมี writing skill ไม่ค่อยดีนัก เพราะเราอ่านน้อยเกินไป น้อยจนเกินกว่าที่จะสามารถดูดซึมทักษะการเขียนจากการอ่านที่น้อยนิดนี้ แต่ถ้าเราอ่านมากเราก็จะเขียนได้เอง และไม่กลัวด้วยว่าเราจะเขียนผิด เพราะเราเขียนจากสไตล์การเขียนที่เราดูดซึมมาจากการอ่าน จนเป็นความมั่นใจเมื่อเราจะต้องเขียน

วิธีที่ 2 ด้วยการเรียนรู้กฎเกณฑ์ หรือ grammar: ผมอยากจะบอกว่า การเรียน grammar ไม่ใช่สิ่งที่ผิดหรอกครับ แต่ถ้าเรียน grammar ซึ่งเป็นวิธีที่ 2 อย่างเดียว โดยไม่ได้ฝึกวิธีที่ 1 คือการอ่านให้มากพอ เราก็จะเพียงเข้าใจกฏเกณฑ์การเขียน แต่ไม่สามารถเขียนได้ดังใจ

ในบล็อกนี้ ผมได้รวบรวมเว็บมากมายให้ท่าน ฝึกอ่าน และมีแบบฝึกหัด-แบบทดสอบมากมายให้ท่าน ฝึกเขียน(และดูเฉลย) ท่านเชื่อผมเถอะครับว่าถ้า ท่านใช้วิธีที่ 1 และ 2 ข้างต้น และฝึกเขียนเรื่องใหม่ ๆ, ตรวจสอบเรื่องเก่า ๆ ที่ท่านเขียนอยู่บ่อย ๆ, ดูเฉลยและแก้ไข ท่านจะค่อย ๆ เขียนได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ แม้จะไม่มีครูส่วนตัวคอยแนะนำเรื่อง writing อย่างใกล้ชิดก็ตาม ทักษะการเขียนของท่านจะ “ทะลุเพดาน” ครับ

คราวนี้มาว่าเรื่องการพูดบ้าง
ในขณะที่การเขียนคู่กับการอ่าน การพูดก็คู่กับการฟัง การอ่านช่วยในการเขียน การฟังก็ช่วยในการพูด และการฝึกก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน คือให้ฝึกฟังมาก ๆ ฟังเรื่องง่าย ๆ ก่อน ฟังแล้วพูดตามจนปากเราสามารถเลียนแบบการพูดได้เป็นธรรมชาติ และไม่กลัวด้วยว่าจะพูดผิด

หลายคนในเมืองไทยไม่เชื่อในการพูดตามสำเนียงฝรั่งจากสื่อการเรียน เช่น CD, mp3 เขาเชื่อเมื่อได้ยินเสียงผ่านฝรั่งตัวเป็น ๆ เท่านั้น

ถ้าเรามีครูเป็นฝรั่งจริง ๆ มันก็ดีอยู่หรอกครับ แต่ถ้าไม่มีเราก็ต้องพยายามใช้สื่อที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด และผมอยากจะบอกว่า คนในโลกนี้ที่พูดภาษาอังกฤษได้ มีไม่กี่คนหรอกครับที่โชคดีมีโอกาสได้เรียนกับฝรั่ง และเมื่อเราเป็นคนส่วนใหญ่ที่ไม่มีโอกาสดีอย่างนั้น เราก็ไม่ควรยอมจำนน ผมได้พูดถึงการฝึกพูด การฝึกฟังและฝึกอ่านเพื่อช่วยการฝึกพูด ขอให้ท่านฝึกเถอะครับ และทักษะการพูดของท่านจะค่อย ๆ ดีขึ้น แม้จะไม่มีครูส่วนตัวคอยสอนเรื่อง speaking อย่างใกล้ชิดก็ตาม

เทคนิคการฝึกพูด
[199] วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยไม่มีครูสอน

ฝึกฟังและอ่าน
[1056] ด/ล 'audio & picture book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 1]
[1071]ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 2]
[1364] ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 3]
[1374]ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 4]
[1194]รวมเรื่อง 'สนุกและง่าย'ที่แนะนำไว้ในบล็อกนี้
[432] เว็บ ‘อ่านข่าว-ฟังข่าว’ ง่าย ๆ
[360] เว็บเรียนภาษาอังกฤษง่าย ๆ มีบ้างไหม?

การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษที่ “ติดเพดาน” ให้ “ทะลุเพดาน” นี้ มันอาจจะไม่ง่ายนัก แต่ก็มิใช่ทำไม่ได้

ถ้าผมถามท่านว่า ท่านสามารถไหมที่จะเดินเท้าจากกรุงเทพถึงเชียงใหม่ หรือจากเชียงใหม่ถึงกรุงเทพ แว่บแรกท่านอาจจะตอบตามอัตโนมัติว่า ทำไม่ได้ เดินไม่ไหวหรอก แต่ท่านเชื่อผมเถอะครับ ท่านทำได้ เพราะท่านไม่ต้องเดินให้ถึงภายในวันเดียว ถ้าท่านเดินไปเรื่อย ๆ ย่อมถึงแน่นอน ขยันก็เดินมาก ไม่ค่อยขยันก็อาจจะเดินน้อยหน่อย แต่อย่าหยุดเดิน และตลอดเส้นทางที่ท่านเดินไปอย่างช้า ๆ นั้น ก็มีสิ่งมากมายให้ท่านมองเห็น มีเรื่องมากมายให้ท่านประสบ

ชีวิตคือเรื่องราวของทุกวัน ไม่ใช่เรื่องราวของวันเดียว
การศึกษาภาษาอังกฤษก็เป็นเรื่องราวที่ควรทำทุกวัน ไม่ใช่ทำวันเดียว
ความสำเร็จจากการใช้ชีวิต – จากการศึกษา ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกวัน มิใช่เกิดขึ้นภายในวันใดวันหนึ่งเพียงวันเดียว

เหมือนบนเส้นทางที่เราเดินเท้าผ่านไปทุกวัน...
สิ่งที่ประสบพบเห็นก็มีอยู่บนตลอดเส้นทางทุกวัน มิใช่อยู่ที่ปลายทางในวันเดียวที่เราเดินทางถึง
และเราก็เดินทางถึงแน่ ๆ ครับ ถ้าเราเดินทางทุกวัน

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com