สวัสดีครับ
ผมไม่ค่อยสบาย
ขอหยุดเขียนสักพัก
ดีขึ้นเมื่อไร
จะกลับมาเขียนใหม่ครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2554
วันอาทิตย์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1788] ต้องทั้ง realistic และ optimistic ในการฝึกอังกฤษ
สวัสดีครับ
จากการเขียนบล็อกนี้ ผมได้อ่านข้อความที่หลายคนเล่าปัญหาในการเรียนภาษาอังกฤษ หลายคนท้อแท้ หลายคนบ่น และก็แน่นอนว่า คนที่ท้อแท้หรือบ่นมักจะเป็นคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษอย่างที่ต้องการ คนที่เก่งได้ดังใจมักไม่ค่อยบ่น หรือไม่ท้อแท้
แต่ในโลกอินเทอร์เน็ตนี้ก็มีผู้รู้และผู้หวังดีมากมายให้คำแนะนำว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เก่ง คำแนะนำเหล่านี้มีความยาวตั้งแต่ 1 บรรทัด, 1 หน้า, จนถึง 1 เล่ม จนน่าแปลกใจว่า ทั้ง ๆ ที่คำแนะนำที่ดีก็มีมากมายเช่นนี้ ทำไมคำบ่นและคำท้อแท้ก็ยังมีให้อ่านมากมายเหมือนเดิม หรือนี่หมายความว่า คำแนะนำใช้ไม่ได้ หรือใช้ได้แต่คนไม่เอาไปใช้ หรือจริง ๆ แล้วมันมีอะไรที่มากกว่านี้ ซับซ้อนกว่านี้
อย่างไรก็ตาม วันนี้ผมขออนุญาตเขียนสิ่งที่ตัวเองคิดเกี่ยวกับการฝึกภาษาอังกฤษสักนิดนะครับ
เมื่อมองมามองไปหลายเที่ยว ผมได้ข้อสรุปว่า การที่ใครจะฝึกภาษาอังกฤษได้สำเร็จ เขาจะต้องเป็นคนที่ทั้ง realistic และ optimistic ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
Realistic คือ มองความจริงของชีวิต
Optimistic คือ มองด้านดีของชีวิต
ในระยะหลังๆ นี้ ผมได้ยินคนพูดถึงคำหลังมากกว่าคำแรก โดยแปลคำว่า optimistic ว่า คิดบวก คิดในด้านบวก หรือถ้อยคำทำนองนี้ แต่ผมได้ยินคนพูดถึงคำว่า realistic น้อยกว่า และวันนี้ผมขอพูดถึง 2 คำนี้ในการฝึกภาษาอังกฤษ
คำว่า realistic คือ มองความจริงของชีวิต เมื่อมองจริง ๆ ก็ต้องเห็น คือเห็นว่าทุกกิจกรรมของชีวิต ซึ่งรวมทั้งการฝึกภาษาอังกฤษด้วย มี 2 อย่างคู่กัน คนที่ฝึกภาษาอังกฤษก็ต้องเจอทั้ง 2 อย่าง จะเลือกเจออย่างเดียวคงยาก แม้ว่าอาจจะเจอไม่พร้อมกัน ไม่เท่ากัน เช่น
-เจอทั้งเรื่องที่เรียนแล้วรู้เรื่องและไม่รู้เรื่อง ทั้งเรื่องที่เข้าใจและไม่เข้าใจ ภาษาอังกฤษบางเรื่องอ่านแล้วรู้เรื่อง แต่บางเรื่องก็อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง คนที่ไม่ยอมเจอ 2 เรื่อง พออ่านรู้เรื่องก็ใจฟู พอไม่รู้เรื่องก็ใจแฟบ
-เจอทั้งเรื่องที่เจอแล้วจำ และเจอแล้วลืม บางคนเจอศัพท์และจำได้ก็ลิงโลด แต่เจอแล้วลืมก็หงุดหงิด นี่ก็แสดงว่ายังอยากจะเจออย่างเดียวอย่างที่ผมว่า
-เรื่องภาษาอังกฤษที่จำเป็นต้องฝึกฝน ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีทั้งเรื่องที่ชอบและไม่ชอบ ถ้าชอบแม้จะยากก็ออกแรงเยอะ แต่ถ้าไม่ชอบแม้ง่ายก็ทำเป็นสมองง่อยไม่ยอมออกแรง นี่เป็นอีก 1 ตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมรับความจริง 2 ด้านของชีวิต
-เมื่อต้องพูดให้คนอื่นฟังหรือเขียนให้คนอื่นอ่าน ในตอนแรก ๆ ปฏิกิริยาจากคนอื่นมันก็ต้องมีทั้ง 2 แบบ แต่เพราะเราอยากจะเห็นแต่ใบหน้าที่แสดงว่าชื่นชมและรู้เรื่อง ไม่อยากเห็นใบหน้าที่ออกอาการงุนงง หลายคนใจหมดแรงซะก่อนและเลือกที่จะไม่พูดและไม่เขียนซะเลย จึงไม่มีโอกาสได้เห็นปฏิกิริยาจากหน้าใครเลย ซึ่งหมายถึงไม่มีโอกาสทำให้หน้าที่งุนงงกลายเป็นหน้าที่เข้าใจ เพราะปิดโอกาสที่จะทำให้ตนเองได้เรียนรู้ภาษาจากหน้าคน
-และเมื่อเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่พูดภาษาอังกฤษ หลายคนก็อยากเด่นในสายตาของคนฟัง ไม่อยากด้อย เมื่อฝึกให้เด่นทันทีไม่ได้ก็ไม่ฝึกมันซะเลย ก็เลยด้อยอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ด้อยอยู่ตลอดไป
-คนที่ฝึกภาษาอังกฤษจะต้องเจอและยอมรับความจริงของชีวิตที่ว่า เมื่อเราอดไม่ได้ที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราก็ต้องยอมรับความจริงว่า เป็นธรรมดาที่คนเราอาจจะไม่เท่ากันหรือไม่เหมือนกัน บางคนโชคดีกว่า เช่น เกิดในครอบครัวหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้เขาเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าเรา แต่มักไม่ค่อยมองว่าบางคนก็โชคร้ายกว่าเรา เช่น คนที่ทั้งอ่อนและเกลียดภาษาอังกฤษมากกว่าเราซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยถ้าเรามองให้รอบ เพราะเราเองก็ไม่อ่อนหรือเกลียดภาษาอังกฤษมากขนาดเขา ก็ต้องถือว่าเราโชคดีกว่าเขา เพราะฉะนั้น ถ้าจะเปรียบเทียบก็ควรจะเปรียบเทียบกับทั้งคนที่โชคดีกว่าและโชคร้ายกว่าเรา จะได้ไม่มีความรู้สึกเอียง
เรื่องความจริงของชีวิตที่มีทั้ง 2 ด้านนี้ยังมีตัวอย่างอีกเยอะให้หยิบมาพูด แต่ผมขอพูดพอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ
สรุปอีกครั้งก็คือว่า เมื่อความจริงของชีวิตในการฝึกภาษาอังกฤษมีทั้ง 2 ด้าน เราก็ต้องมองให้เห็นมันทั้ง 2 ด้าน ยอมรับทั้ง 2 ด้าน และทำใจให้อยู่กลาง ๆ ไม่ว่าเจอด้านไหน ไม่ต้องไป “in” กับด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป โดยเฉพาะด้านลบของชีวิตไม่ต้องเอาใจไปแอนตี้มันมากนัก เพราะถึงอย่างไรชีวิตก็ไม่ได้มีด้านเดียว ฤดูหนาวของชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ผู้คนเกลียด แต่มีไว้เพื่อให้ผู้คนเรียนรู้ที่จะผ่านมันไปให้ได้ด้วยใจสงบ โดยไม่ต้องเกลียดมัน
ในภาษาอังกฤษมี 2 คำนี้คู่กัน คือ optimistic - มองโลกในด้านดี และ pessimistic - มองโลกในด้านร้าย
โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า เมื่อชีวิตมี 2 ด้าน เราก็ควรจะมองให้เห็นมันทั้ง 2 ด้าน คือ realistic แต่ในการฝึกภาษาอังกฤษ เราควรฝึกด้วยใจที่เชื่อว่า ความสำเร็จมากขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่นอนถ้าเราพยายามไม่ลดละ นี่คือ optimistic
ผมขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า เหมือนเราเดินจากตีนขึ้นสู่ยอดภูกระดึง บนเส้นทางที่เราเดินไปนั้นมีทั้งทางขรุขระ รก เป็นหลุมเป็นบ่อ ลื่น ชัน และก็มีทางที่ราบเรียบ และลาดเดินได้สบาย ๆ
การที่หลายคนเมื่อเจอกับทางที่ลำบากแต่ก็ยังเดินได้อย่างสนุกสนานและมีกำลังใจที่จะเดิน ก็เพราะใจของเขาไม่ได้รู้สึกแอนตี้เส้นทางที่ขรุขระ รก เป็นหลุมเป็นบ่อ ลื่น ชัน เหล่านั้น
-เมื่อใจไม่แอนตี้ก็ไม่รู้สึกต่อต้านตัวเองที่ต้องเดิน
-เมื่อเดินไป พักไป ผ่านไปได้ทีละช่วง แม้จะเหนื่อยแต่แรงก็เริ่มอยู่ตัวมากขึ้น และความสำเร็จจากการเดินผ่านไปได้ทีละช่วงก็สร้างความภูมิใจให้มากขึ้นทีละน้อย
-การเดินบนทางที่ลำบาก สอนให้ผู้เดินฉลาดในการเดิน และเดินอย่างระมัดระวัง การตั้งใจเอาชนะความลำบากที่เกิดจากการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อผ่านไปได้ก็จะค่อย ๆ ฉลาดขึ้น เพราะความลำบากสอนให้ฉลาด และจะได้ความสุขจากความสำเร็จที่พยายามด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นความสุขถาวร
ผมขอสรุปว่า เมื่อเราเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าเราจะเก่งหรือไม่เก่ง เรียนได้สำเร็จเร็วหรือช้า มีตัวช่วยในการเรียนมากหรือน้อย สิ่งนี้ไม่สำคัญเท่าการทำใจให้ realistic ต่อการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อเจอกับปัญหาหรือความลำบากก็ไม่ควรปล่อยใจไปแอนตี้มัน แต่หาทางว่าเราจะเดินไปกับมันได้อย่างไร เพราะในด้านร้ายก็มีสิ่งดีซ่อนอยู่ ความพยายามที่ต่อเนื่องจะทำให้อุปสรรคกลายเป็นความสำเร็จ เพราะอุปสรรคก็เป็นอนิจจัง มันจะไม่เป็นอุปสรรคไปตลอดกาลถ้าเราไม่ยอมแพ้มัน ในทางตรงกันข้าม เมื่อเจอด้านดีของชีวิตในการเรียนภาษาอังกฤษ เช่น อยากเรียนรู้เรื่องก็รู้เรื่อง อยากจำก็จำได้ อยากพูดอยากเขียนก็พูดได้เขียนได้ดังใจ แม้สมใจอย่างนี้ก็ไม่ควรชะล่าใจ เอ้อละเหยลอยชาย ความประมาทเช่นนี้สามารถทำให้ความก้าวหน้ากลายเป็นการหยุดนิ่งได้โดยไม่รู้ตัว
ก่อนจบผมขอยกตัวอย่างที่เจอมาด้วยตัวเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปเข้าคอร์สอบรม presentation skill ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และก็ได้เห็นว่าทุกคนที่เข้าคอร์สนั้นพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วหรือค่อนข้างคล่องแคล่ว และจากการพูดคุยก็ได้รู้ว่าแทบไม่มีใครจบเอกภาษาอังกฤษหรือเป็นนักเรียนนอกเลย แทบจะทั้งหมดคล้าย ๆ กับผมนี่แหละครับ คือเรียนภาษาอังกฤษมาด้วยตัวเอง เรียนมาอย่างเดี่ยว ๆ โดยไม่มีเพื่อน
และอีกครั้งหนึ่ง ผมไปเข้าประชุมที่ประเทศหนึ่งในเอเชียนี่แหละแต่จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน คนที่เข้าประชุมมาจากหลายประเทศ เท่าที่สังกตดูในการประชุมลักษณะนี้ ชาติที่พูดภาษาอังกฤษเก่ง ก็มักหนีไม่พ้นมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน แต่ชาติที่พูดไม่ค่อยเก่งก็จะเป็นลาว กัมพูชา และไทย แต่ปรากฏว่างวดนี้ผมเจอลาวและกัมพูชาที่พูดได้คล่องแคล่วมาก พอถามดูประสบการณ์ในการศึกษาภาษาอังกฤษก็คล้าย ๆ ผมอีกเช่นกัน คือ ฝึกเอง
ณ นาทีนี้ผมอยากจะบอกว่า ถ้าท่านมีเพื่อนที่เรียนภาษาอังฤษด้วยกัน นี่เป็นเรื่องดีครับเพราะจะได้ช่วยเหลือกัน และเป็นกำลังใจให้กันและกัน แต่เรื่องที่ท่านอาจจะไม่ค่อยได้นึกถึงก็คือ ในโลกทุกวันนี้ที่ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากขึ้นและคนจำนวนมากขึ้นฝึกภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น
ถ้าในจำนวนนี้มีท่านอยู่ด้วยคนหนึ่ง และท่านต้องฝึกภาษาอังกฤษอยู่คนเดียว ขอให้ทราบว่า ท่านมิได้เป็นคนกลุ่มน้อยหรอกครับ แต่ท่านเป็นคนกลุ่มใหญ่ในโลกนี้ที่ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ถ้าบนเส้นทางแห่งการเดินทางนี้ท่านรู้สึกเหงาเพราะฝึกอยู่คนเดียว เหมือนเดินทางอยู่คนเดียว ผมขอรับประกันว่า ที่สุดท้ายปลายทางแห่งเส้นทางการฝึกนี้ ท่านจะได้พบคนอื่นที่เดินทางอย่างท่านนี่แหละ ปลายทางที่ว่านี้ อาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ผ่านการทดสอบและได้รับคัดเลือกจากบริษัทให้เข้าไปทำงานเหมือนกัน อาจจะเป็นคนจากประเทศที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษที่ท่านพบในการประชุมนานาชาติ อาจจะเป็นคนจากประเทศที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษและท่านได้ไปเที่ยวในกรุ๊ปทัวร์เดียวกัน
ทั้ง 2 ตัวอย่างที่ผมยกมานี้เป็นเรื่อง realistic ที่รอให้ท่านทำให้มัน real ขึ้นมาเท่านั้นเอง ทำด้วยใจที่ optimistic ในการฝึกภาษาอังกฤษ
จากการเขียนบล็อกนี้ ผมได้อ่านข้อความที่หลายคนเล่าปัญหาในการเรียนภาษาอังกฤษ หลายคนท้อแท้ หลายคนบ่น และก็แน่นอนว่า คนที่ท้อแท้หรือบ่นมักจะเป็นคนที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยเก่งภาษาอังกฤษอย่างที่ต้องการ คนที่เก่งได้ดังใจมักไม่ค่อยบ่น หรือไม่ท้อแท้
แต่ในโลกอินเทอร์เน็ตนี้ก็มีผู้รู้และผู้หวังดีมากมายให้คำแนะนำว่า จะต้องทำอย่างไรเพื่อให้เก่ง คำแนะนำเหล่านี้มีความยาวตั้งแต่ 1 บรรทัด, 1 หน้า, จนถึง 1 เล่ม จนน่าแปลกใจว่า ทั้ง ๆ ที่คำแนะนำที่ดีก็มีมากมายเช่นนี้ ทำไมคำบ่นและคำท้อแท้ก็ยังมีให้อ่านมากมายเหมือนเดิม หรือนี่หมายความว่า คำแนะนำใช้ไม่ได้ หรือใช้ได้แต่คนไม่เอาไปใช้ หรือจริง ๆ แล้วมันมีอะไรที่มากกว่านี้ ซับซ้อนกว่านี้
อย่างไรก็ตาม วันนี้ผมขออนุญาตเขียนสิ่งที่ตัวเองคิดเกี่ยวกับการฝึกภาษาอังกฤษสักนิดนะครับ
เมื่อมองมามองไปหลายเที่ยว ผมได้ข้อสรุปว่า การที่ใครจะฝึกภาษาอังกฤษได้สำเร็จ เขาจะต้องเป็นคนที่ทั้ง realistic และ optimistic ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้
Realistic คือ มองความจริงของชีวิต
Optimistic คือ มองด้านดีของชีวิต
ในระยะหลังๆ นี้ ผมได้ยินคนพูดถึงคำหลังมากกว่าคำแรก โดยแปลคำว่า optimistic ว่า คิดบวก คิดในด้านบวก หรือถ้อยคำทำนองนี้ แต่ผมได้ยินคนพูดถึงคำว่า realistic น้อยกว่า และวันนี้ผมขอพูดถึง 2 คำนี้ในการฝึกภาษาอังกฤษ
คำว่า realistic คือ มองความจริงของชีวิต เมื่อมองจริง ๆ ก็ต้องเห็น คือเห็นว่าทุกกิจกรรมของชีวิต ซึ่งรวมทั้งการฝึกภาษาอังกฤษด้วย มี 2 อย่างคู่กัน คนที่ฝึกภาษาอังกฤษก็ต้องเจอทั้ง 2 อย่าง จะเลือกเจออย่างเดียวคงยาก แม้ว่าอาจจะเจอไม่พร้อมกัน ไม่เท่ากัน เช่น
-เจอทั้งเรื่องที่เรียนแล้วรู้เรื่องและไม่รู้เรื่อง ทั้งเรื่องที่เข้าใจและไม่เข้าใจ ภาษาอังกฤษบางเรื่องอ่านแล้วรู้เรื่อง แต่บางเรื่องก็อ่านแล้วไม่รู้เรื่อง คนที่ไม่ยอมเจอ 2 เรื่อง พออ่านรู้เรื่องก็ใจฟู พอไม่รู้เรื่องก็ใจแฟบ
-เจอทั้งเรื่องที่เจอแล้วจำ และเจอแล้วลืม บางคนเจอศัพท์และจำได้ก็ลิงโลด แต่เจอแล้วลืมก็หงุดหงิด นี่ก็แสดงว่ายังอยากจะเจออย่างเดียวอย่างที่ผมว่า
-เรื่องภาษาอังกฤษที่จำเป็นต้องฝึกฝน ก็เป็นธรรมดาที่ต้องมีทั้งเรื่องที่ชอบและไม่ชอบ ถ้าชอบแม้จะยากก็ออกแรงเยอะ แต่ถ้าไม่ชอบแม้ง่ายก็ทำเป็นสมองง่อยไม่ยอมออกแรง นี่เป็นอีก 1 ตัวอย่างของคนที่ไม่ยอมรับความจริง 2 ด้านของชีวิต
-เมื่อต้องพูดให้คนอื่นฟังหรือเขียนให้คนอื่นอ่าน ในตอนแรก ๆ ปฏิกิริยาจากคนอื่นมันก็ต้องมีทั้ง 2 แบบ แต่เพราะเราอยากจะเห็นแต่ใบหน้าที่แสดงว่าชื่นชมและรู้เรื่อง ไม่อยากเห็นใบหน้าที่ออกอาการงุนงง หลายคนใจหมดแรงซะก่อนและเลือกที่จะไม่พูดและไม่เขียนซะเลย จึงไม่มีโอกาสได้เห็นปฏิกิริยาจากหน้าใครเลย ซึ่งหมายถึงไม่มีโอกาสทำให้หน้าที่งุนงงกลายเป็นหน้าที่เข้าใจ เพราะปิดโอกาสที่จะทำให้ตนเองได้เรียนรู้ภาษาจากหน้าคน
-และเมื่อเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นที่พูดภาษาอังกฤษ หลายคนก็อยากเด่นในสายตาของคนฟัง ไม่อยากด้อย เมื่อฝึกให้เด่นทันทีไม่ได้ก็ไม่ฝึกมันซะเลย ก็เลยด้อยอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ด้อยอยู่ตลอดไป
-คนที่ฝึกภาษาอังกฤษจะต้องเจอและยอมรับความจริงของชีวิตที่ว่า เมื่อเราอดไม่ได้ที่จะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น เราก็ต้องยอมรับความจริงว่า เป็นธรรมดาที่คนเราอาจจะไม่เท่ากันหรือไม่เหมือนกัน บางคนโชคดีกว่า เช่น เกิดในครอบครัวหรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เอื้อให้เขาเก่งภาษาอังกฤษมากกว่าเรา แต่มักไม่ค่อยมองว่าบางคนก็โชคร้ายกว่าเรา เช่น คนที่ทั้งอ่อนและเกลียดภาษาอังกฤษมากกว่าเราซึ่งก็มีอยู่ไม่น้อยถ้าเรามองให้รอบ เพราะเราเองก็ไม่อ่อนหรือเกลียดภาษาอังกฤษมากขนาดเขา ก็ต้องถือว่าเราโชคดีกว่าเขา เพราะฉะนั้น ถ้าจะเปรียบเทียบก็ควรจะเปรียบเทียบกับทั้งคนที่โชคดีกว่าและโชคร้ายกว่าเรา จะได้ไม่มีความรู้สึกเอียง
เรื่องความจริงของชีวิตที่มีทั้ง 2 ด้านนี้ยังมีตัวอย่างอีกเยอะให้หยิบมาพูด แต่ผมขอพูดพอหอมปากหอมคอแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ
สรุปอีกครั้งก็คือว่า เมื่อความจริงของชีวิตในการฝึกภาษาอังกฤษมีทั้ง 2 ด้าน เราก็ต้องมองให้เห็นมันทั้ง 2 ด้าน ยอมรับทั้ง 2 ด้าน และทำใจให้อยู่กลาง ๆ ไม่ว่าเจอด้านไหน ไม่ต้องไป “in” กับด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป โดยเฉพาะด้านลบของชีวิตไม่ต้องเอาใจไปแอนตี้มันมากนัก เพราะถึงอย่างไรชีวิตก็ไม่ได้มีด้านเดียว ฤดูหนาวของชีวิตไม่ได้มีไว้ให้ผู้คนเกลียด แต่มีไว้เพื่อให้ผู้คนเรียนรู้ที่จะผ่านมันไปให้ได้ด้วยใจสงบ โดยไม่ต้องเกลียดมัน
ในภาษาอังกฤษมี 2 คำนี้คู่กัน คือ optimistic - มองโลกในด้านดี และ pessimistic - มองโลกในด้านร้าย
โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า เมื่อชีวิตมี 2 ด้าน เราก็ควรจะมองให้เห็นมันทั้ง 2 ด้าน คือ realistic แต่ในการฝึกภาษาอังกฤษ เราควรฝึกด้วยใจที่เชื่อว่า ความสำเร็จมากขึ้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้แน่นอนถ้าเราพยายามไม่ลดละ นี่คือ optimistic
ผมขอยกตัวอย่างเปรียบเทียบอย่างนี้ว่า เหมือนเราเดินจากตีนขึ้นสู่ยอดภูกระดึง บนเส้นทางที่เราเดินไปนั้นมีทั้งทางขรุขระ รก เป็นหลุมเป็นบ่อ ลื่น ชัน และก็มีทางที่ราบเรียบ และลาดเดินได้สบาย ๆ
การที่หลายคนเมื่อเจอกับทางที่ลำบากแต่ก็ยังเดินได้อย่างสนุกสนานและมีกำลังใจที่จะเดิน ก็เพราะใจของเขาไม่ได้รู้สึกแอนตี้เส้นทางที่ขรุขระ รก เป็นหลุมเป็นบ่อ ลื่น ชัน เหล่านั้น
-เมื่อใจไม่แอนตี้ก็ไม่รู้สึกต่อต้านตัวเองที่ต้องเดิน
-เมื่อเดินไป พักไป ผ่านไปได้ทีละช่วง แม้จะเหนื่อยแต่แรงก็เริ่มอยู่ตัวมากขึ้น และความสำเร็จจากการเดินผ่านไปได้ทีละช่วงก็สร้างความภูมิใจให้มากขึ้นทีละน้อย
-การเดินบนทางที่ลำบาก สอนให้ผู้เดินฉลาดในการเดิน และเดินอย่างระมัดระวัง การตั้งใจเอาชนะความลำบากที่เกิดจากการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อผ่านไปได้ก็จะค่อย ๆ ฉลาดขึ้น เพราะความลำบากสอนให้ฉลาด และจะได้ความสุขจากความสำเร็จที่พยายามด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นความสุขถาวร
ผมขอสรุปว่า เมื่อเราเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าเราจะเก่งหรือไม่เก่ง เรียนได้สำเร็จเร็วหรือช้า มีตัวช่วยในการเรียนมากหรือน้อย สิ่งนี้ไม่สำคัญเท่าการทำใจให้ realistic ต่อการเรียนภาษาอังกฤษ เมื่อเจอกับปัญหาหรือความลำบากก็ไม่ควรปล่อยใจไปแอนตี้มัน แต่หาทางว่าเราจะเดินไปกับมันได้อย่างไร เพราะในด้านร้ายก็มีสิ่งดีซ่อนอยู่ ความพยายามที่ต่อเนื่องจะทำให้อุปสรรคกลายเป็นความสำเร็จ เพราะอุปสรรคก็เป็นอนิจจัง มันจะไม่เป็นอุปสรรคไปตลอดกาลถ้าเราไม่ยอมแพ้มัน ในทางตรงกันข้าม เมื่อเจอด้านดีของชีวิตในการเรียนภาษาอังกฤษ เช่น อยากเรียนรู้เรื่องก็รู้เรื่อง อยากจำก็จำได้ อยากพูดอยากเขียนก็พูดได้เขียนได้ดังใจ แม้สมใจอย่างนี้ก็ไม่ควรชะล่าใจ เอ้อละเหยลอยชาย ความประมาทเช่นนี้สามารถทำให้ความก้าวหน้ากลายเป็นการหยุดนิ่งได้โดยไม่รู้ตัว
ก่อนจบผมขอยกตัวอย่างที่เจอมาด้วยตัวเอง มีอยู่ครั้งหนึ่งผมไปเข้าคอร์สอบรม presentation skill ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และก็ได้เห็นว่าทุกคนที่เข้าคอร์สนั้นพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วหรือค่อนข้างคล่องแคล่ว และจากการพูดคุยก็ได้รู้ว่าแทบไม่มีใครจบเอกภาษาอังกฤษหรือเป็นนักเรียนนอกเลย แทบจะทั้งหมดคล้าย ๆ กับผมนี่แหละครับ คือเรียนภาษาอังกฤษมาด้วยตัวเอง เรียนมาอย่างเดี่ยว ๆ โดยไม่มีเพื่อน
และอีกครั้งหนึ่ง ผมไปเข้าประชุมที่ประเทศหนึ่งในเอเชียนี่แหละแต่จำไม่ได้แล้วว่าที่ไหน คนที่เข้าประชุมมาจากหลายประเทศ เท่าที่สังกตดูในการประชุมลักษณะนี้ ชาติที่พูดภาษาอังกฤษเก่ง ก็มักหนีไม่พ้นมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ บรูไน แต่ชาติที่พูดไม่ค่อยเก่งก็จะเป็นลาว กัมพูชา และไทย แต่ปรากฏว่างวดนี้ผมเจอลาวและกัมพูชาที่พูดได้คล่องแคล่วมาก พอถามดูประสบการณ์ในการศึกษาภาษาอังกฤษก็คล้าย ๆ ผมอีกเช่นกัน คือ ฝึกเอง
ณ นาทีนี้ผมอยากจะบอกว่า ถ้าท่านมีเพื่อนที่เรียนภาษาอังฤษด้วยกัน นี่เป็นเรื่องดีครับเพราะจะได้ช่วยเหลือกัน และเป็นกำลังใจให้กันและกัน แต่เรื่องที่ท่านอาจจะไม่ค่อยได้นึกถึงก็คือ ในโลกทุกวันนี้ที่ภาษาอังกฤษมีความสำคัญมากขึ้นและคนจำนวนมากขึ้นฝึกภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้นยิ่งขึ้น
ถ้าในจำนวนนี้มีท่านอยู่ด้วยคนหนึ่ง และท่านต้องฝึกภาษาอังกฤษอยู่คนเดียว ขอให้ทราบว่า ท่านมิได้เป็นคนกลุ่มน้อยหรอกครับ แต่ท่านเป็นคนกลุ่มใหญ่ในโลกนี้ที่ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง ถ้าบนเส้นทางแห่งการเดินทางนี้ท่านรู้สึกเหงาเพราะฝึกอยู่คนเดียว เหมือนเดินทางอยู่คนเดียว ผมขอรับประกันว่า ที่สุดท้ายปลายทางแห่งเส้นทางการฝึกนี้ ท่านจะได้พบคนอื่นที่เดินทางอย่างท่านนี่แหละ ปลายทางที่ว่านี้ อาจจะเป็นเพื่อนร่วมงานที่ผ่านการทดสอบและได้รับคัดเลือกจากบริษัทให้เข้าไปทำงานเหมือนกัน อาจจะเป็นคนจากประเทศที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษที่ท่านพบในการประชุมนานาชาติ อาจจะเป็นคนจากประเทศที่ไม่ได้พูดภาษาอังกฤษและท่านได้ไปเที่ยวในกรุ๊ปทัวร์เดียวกัน
ทั้ง 2 ตัวอย่างที่ผมยกมานี้เป็นเรื่อง realistic ที่รอให้ท่านทำให้มัน real ขึ้นมาเท่านั้นเอง ทำด้วยใจที่ optimistic ในการฝึกภาษาอังกฤษ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1787] เรียนภาษาอังกฤษกับ Bangkok Post
สวัสดีครับ
อันที่จริงผมได้แนะนำหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษกับ หนังสือพิมพ์ Bangkok Post แต่วันนี้ก็อยากจะแนะนำสั้น ๆ อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเข้าไปที่ลิงค์นี้ http://www.bangkokpost.com/learning/ จะเห็น 9 ปุ่มที่ให้ท่านคลิกเพื่อศึกษา คุณภาพเยี่ยม ๆ ทั้งนั้นเลยครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
อันที่จริงผมได้แนะนำหลายครั้งแล้วเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษกับ หนังสือพิมพ์ Bangkok Post แต่วันนี้ก็อยากจะแนะนำสั้น ๆ อีกครั้งหนึ่ง
เมื่อเข้าไปที่ลิงค์นี้ http://www.bangkokpost.com/learning/ จะเห็น 9 ปุ่มที่ให้ท่านคลิกเพื่อศึกษา คุณภาพเยี่ยม ๆ ทั้งนั้นเลยครับ
- Learning from news
- Easier stuff
- For teachers
- Learning together
- Books
- Education features
- Educational institutes
- Vocabulary
- Vocabulary glossary
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1786] วิธี Search วีดิโอ โดยใช้ Category
สวัสดีครับ
เว็บวีดิโอโดยทั่วไป เช่น http://www.youtube.com/ หรือ http://video.google.com/
มักมี Search box ให้ค้นหาเรื่อง แต่หลายครั้งการค้นด้วยการดู Category สามารถได้ผลการค้นที่ถูกใจมากกว่า
[1] เว็บ http://www.youtube.com/
- คลิก Browse
- คลิก Categories
[2] เว็บ http://video.google.com/
-ดู Categories ได้ที่นี่ เข้าไปแล้วคลิกเลือก Category ที่ต้องการ
http://www.jimmyr.com/blog/Hidden_Google_Video_Categories_186_2006.php
-พิมพ์ key word เพื่อค้นเรื่อง, Enter
-และ คลิกเลือก duration, time, relevance, quality, videos, source ที่คอลัมน์ซ้ายมือ
[3] เว็บ http://video.pbs.org/
เว็บนี้ขอแนะนำเป็นพิเศษครับ เขารวบรวมวีดิโอไว้เป็นประเภท ๆ อย่างน่าสนใจมาก ๆ
คลิกเลือกที่ปุ่ม Programs, Topics, Collections
[4] เว็บhttp://video.yahoo.com
http://video.yahoo.com/explore/videos/
เลือก Categories ที่คอลัมน์ด้านขวามือของหน้า
หรือคลิก Advanced Search
[5] เว็บ http://www.myspace.com/video
คลิก Video Charts
เลือกที่ All categories และ All Languages
นอกจากนี้ยังมีเว็บที่ให้เราดูวีดิโอฟรีอีกมากมาย ก็ใช้วิธีหา Category ทำนองเดียวกนนี้แหละครับ ที่ลิงค์นี้
http://video4downloads.blogspot.com/2009/08/complete-list-of-free-video-downloading.html
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เว็บวีดิโอโดยทั่วไป เช่น http://www.youtube.com/ หรือ http://video.google.com/
มักมี Search box ให้ค้นหาเรื่อง แต่หลายครั้งการค้นด้วยการดู Category สามารถได้ผลการค้นที่ถูกใจมากกว่า
[1] เว็บ http://www.youtube.com/
- คลิก Browse
- คลิก Categories
[2] เว็บ http://video.google.com/
-ดู Categories ได้ที่นี่ เข้าไปแล้วคลิกเลือก Category ที่ต้องการ
http://www.jimmyr.com/blog/Hidden_Google_Video_Categories_186_2006.php
-พิมพ์ key word เพื่อค้นเรื่อง, Enter
-และ คลิกเลือก duration, time, relevance, quality, videos, source ที่คอลัมน์ซ้ายมือ
[3] เว็บ http://video.pbs.org/
เว็บนี้ขอแนะนำเป็นพิเศษครับ เขารวบรวมวีดิโอไว้เป็นประเภท ๆ อย่างน่าสนใจมาก ๆ
คลิกเลือกที่ปุ่ม Programs, Topics, Collections
[4] เว็บhttp://video.yahoo.com
http://video.yahoo.com/explore/videos/
เลือก Categories ที่คอลัมน์ด้านขวามือของหน้า
หรือคลิก Advanced Search
[5] เว็บ http://www.myspace.com/video
คลิก Video Charts
เลือกที่ All categories และ All Languages
นอกจากนี้ยังมีเว็บที่ให้เราดูวีดิโอฟรีอีกมากมาย ก็ใช้วิธีหา Category ทำนองเดียวกนนี้แหละครับ ที่ลิงค์นี้
http://video4downloads.blogspot.com/2009/08/complete-list-of-free-video-downloading.html
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1785] แนะนำบล็อก “20 ประโยคภาษาอังกฤษต่อวัน”
สวัสดีครับ
วันนี้ขอแนะนำบล็อก 20 English Sentences a Day !
http://20sentencesaday.blogspot.com/
บล็อกนี้เขาบอกสั้น ๆ ว่า
20 ประโยคภาษาอังกฤษต่อวัน จำไว้ใช้ในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษ
เขามีภาษาอังกฤษให้เราศึกษาวันละ 20 ประโยค
ทุกประโยคมีคำแปลภาษาไทยเทียบไว้
วันแรกที่บล็อกนี้เปิดตัว คือ Friday, January 1, 2010
จนถึงวันนี้ มีทั้งหมด 3480 ประโยคแล้วครับให้ท่านผู้อ่านศึกษา
ในฐานะคนทำบล็อกเรียนภาษาอังกฤษด้วยกัน ผมรู้สึกทึ่งบล็อกเกอร์ของบล็อกนี้อย่างยิ่ง ผมเข้าใจดีว่าการทำเนื้อหาแบบนี้ต้องมีวินัยและเหนื่อย
ขอชื่นชมอย่างจริงใจครับ ชื่นชมอย่างยิ่ง
และขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านเข้าไปใช้บริการครับ ถ้ามีความคิดเห็นอะไรก็อย่าลืมเขียนทิ้งไว้ให้บล็อกเกอร์เขาทราบด้วยนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันนี้ขอแนะนำบล็อก 20 English Sentences a Day !
http://20sentencesaday.blogspot.com/
บล็อกนี้เขาบอกสั้น ๆ ว่า
20 ประโยคภาษาอังกฤษต่อวัน จำไว้ใช้ในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษ
เขามีภาษาอังกฤษให้เราศึกษาวันละ 20 ประโยค
ทุกประโยคมีคำแปลภาษาไทยเทียบไว้
วันแรกที่บล็อกนี้เปิดตัว คือ Friday, January 1, 2010
จนถึงวันนี้ มีทั้งหมด 3480 ประโยคแล้วครับให้ท่านผู้อ่านศึกษา
ในฐานะคนทำบล็อกเรียนภาษาอังกฤษด้วยกัน ผมรู้สึกทึ่งบล็อกเกอร์ของบล็อกนี้อย่างยิ่ง ผมเข้าใจดีว่าการทำเนื้อหาแบบนี้ต้องมีวินัยและเหนื่อย
ขอชื่นชมอย่างจริงใจครับ ชื่นชมอย่างยิ่ง
และขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านเข้าไปใช้บริการครับ ถ้ามีความคิดเห็นอะไรก็อย่าลืมเขียนทิ้งไว้ให้บล็อกเกอร์เขาทราบด้วยนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1784] โปรแกรมแปลงไฟล์วีดิโอ เป็นไฟล์ media ต่าง ๆ
สวัสดีครับ
การเรียนภาษาอังกฤษของพวกเรานี่นะครับ ไฟล์วีดิโอและไฟล์ mp3 มีประโยชน์มาก แต่ว่าเราคงไม่ได้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา การดาวน์โหลดไฟล์เพื่อเอาไปชมหรือฟัง เช่น ขณะขับรถ หรือเดินทาง จึงมีประโยชน์มาก เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องแปลงไฟล์ให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้เปิดไฟล์ เช่น เครื่องเล่น CD/DVD, เครื่องเล่น mp3,Ipod, Iphone, มือถือ เป็นต้น
สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอและ mp 3 ผมได้แนะนำไว้แล้วที่ 2 ลิงค์นี้
[1169] 4 วิธีในการดาวน์โหลดวีดิโอจากเว็บ
[1093] วิธีดูด mp3 จากเว็บ (ทุกเว็บที่ต้องการดูด)
ส่วนการแปลงไฟล์นั้น มีโปรแกรมมากมายให้ใช้ วันนี้ผมขอแนะนำ 2 โปรแกรมที่ผมเห็นว่าน่าใช้ คือ
1.โปรแกรม YouTube Downloader คลิก
โปรแกรมนี้ เมื่อติดตั้งและเปิดโปรแกรมขึ้นมา ท่านจะเห็นว่ามี 2 บรรทัดให้เลือกคลิก
ถ้าต้องการดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ ให้ติ๊กบรรทัดแรกที่เขียนว่า
Download a video from YouTube or other video site
แต่ถ้าต้องการแปลงไฟล์ ให้ติ๊กบรรทัดที่สองที่เขียนว่า
Convert or play a video you have already downloaded
และคลิก Browse เพื่อหาวีดิโอที่ดาวน์โหลดไว้แล้ว
บรรทัดถัดมาที่เขียนว่า Convert video to นี่แหละครับ ที่ท่านสามารถคลิกเลือกว่าจะแปลงวีดิโอเป็นไฟล์อะไร
สุดท้ายคลิก Convert ที่บรรทัดล่างสุด
ผมยังมีอีก 1 โปรแกรมคือ Media Convert Master
คลิกอ่านคำแนะนำโปรแกรม และ การใช้
คลิกลิงค์ใดลิงค์หนึ่งเพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม: ลิงค์ 1,2, 3,หรือ 4
ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
-สามารถแปลง media file ได้หลายประเภทตามที่ท่านต้องการใช้งาน คือแปลงให้เป็นไฟล์ AVI, MP4, 3GP, MPEG, MOV, WMV, BM, SWF, AAC, AC3, MP2, MP3, AMR, WAV, VOB, ASF
-แปลงได้เร็วมาก และสามารถกำหนดคุณภาพได้ตามต้องการ ผมลองเอาวีดิโอหนังทั้งเรื่องมาแปลงเป็นเสียง mp3 (เพื่อใช้ฟังด้วย mp3 player ขณะเดินทาง) ใช้เวลาแปลงเดี๋ยวเดียว
-เป็นโปรแกรม portable คลิกใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้ง จึงไม่กินแรงเครื่องคอมฯ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
การเรียนภาษาอังกฤษของพวกเรานี่นะครับ ไฟล์วีดิโอและไฟล์ mp3 มีประโยชน์มาก แต่ว่าเราคงไม่ได้อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา การดาวน์โหลดไฟล์เพื่อเอาไปชมหรือฟัง เช่น ขณะขับรถ หรือเดินทาง จึงมีประโยชน์มาก เพราะฉะนั้นเราจึงจำเป็นต้องแปลงไฟล์ให้เหมาะกับอุปกรณ์ที่ใช้เปิดไฟล์ เช่น เครื่องเล่น CD/DVD, เครื่องเล่น mp3,Ipod, Iphone, มือถือ เป็นต้น
สำหรับการดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอและ mp 3 ผมได้แนะนำไว้แล้วที่ 2 ลิงค์นี้
[1169] 4 วิธีในการดาวน์โหลดวีดิโอจากเว็บ
[1093] วิธีดูด mp3 จากเว็บ (ทุกเว็บที่ต้องการดูด)
ส่วนการแปลงไฟล์นั้น มีโปรแกรมมากมายให้ใช้ วันนี้ผมขอแนะนำ 2 โปรแกรมที่ผมเห็นว่าน่าใช้ คือ
1.โปรแกรม YouTube Downloader คลิก
โปรแกรมนี้ เมื่อติดตั้งและเปิดโปรแกรมขึ้นมา ท่านจะเห็นว่ามี 2 บรรทัดให้เลือกคลิก
ถ้าต้องการดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ ให้ติ๊กบรรทัดแรกที่เขียนว่า
Download a video from YouTube or other video site
แต่ถ้าต้องการแปลงไฟล์ ให้ติ๊กบรรทัดที่สองที่เขียนว่า
Convert or play a video you have already downloaded
และคลิก Browse เพื่อหาวีดิโอที่ดาวน์โหลดไว้แล้ว
บรรทัดถัดมาที่เขียนว่า Convert video to นี่แหละครับ ที่ท่านสามารถคลิกเลือกว่าจะแปลงวีดิโอเป็นไฟล์อะไร
สุดท้ายคลิก Convert ที่บรรทัดล่างสุด
ผมยังมีอีก 1 โปรแกรมคือ Media Convert Master
คลิกอ่านคำแนะนำโปรแกรม และ การใช้
คลิกลิงค์ใดลิงค์หนึ่งเพื่อดาวน์โหลดโปรแกรม: ลิงค์ 1,2, 3,หรือ 4
ซึ่งมีคุณสมบัติที่น่าสนใจดังต่อไปนี้
-สามารถแปลง media file ได้หลายประเภทตามที่ท่านต้องการใช้งาน คือแปลงให้เป็นไฟล์ AVI, MP4, 3GP, MPEG, MOV, WMV, BM, SWF, AAC, AC3, MP2, MP3, AMR, WAV, VOB, ASF
-แปลงได้เร็วมาก และสามารถกำหนดคุณภาพได้ตามต้องการ ผมลองเอาวีดิโอหนังทั้งเรื่องมาแปลงเป็นเสียง mp3 (เพื่อใช้ฟังด้วย mp3 player ขณะเดินทาง) ใช้เวลาแปลงเดี๋ยวเดียว
-เป็นโปรแกรม portable คลิกใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องติดตั้ง จึงไม่กินแรงเครื่องคอมฯ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพุธที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1783] ฝันให้ไกล-ทำให้ได้ดังที่ฝัน และ รักษาใจ-เมื่อไม่ได้ดังที่ฝัน
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านครับ จากคอมเม้นต์และอีเมลที่ผมได้รับในช่วงสี่ปีที่เป็นบล็อกเกอร์ ทำให้ผมรู้สึกว่า ปัญหาของการเรียนภาษาอังกฤษ มีทั้งเรื่องยากที่เรียน และเรื่องยากที่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยากที่ใจนี่แหละครับมันยากจริง ๆ ยากที่ใจเพราะใจไม่มีกำลังจะเรียนภาษาอังกฤษ เพราะขาดกำลังใจ
มันทำให้ผมมองต่อไปว่า จริง ๆ แล้วการเรียนภาษาอังกฤษก็ไม่ต่างจากกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตคนเรา หลายกิจกรรมก็เป็นเช่นเดียวกับการเรียนภาษาอังกฤษ คือเป็นเรื่องที่ดีและควรทำ หรือจำเป็นต้องทำ ทำด้วยกำลังทั้งสาม คือ กำลังกาย กำลังสมอง และกำลังใจ และก็ดูเหมือนว่ากำลังใจจะเป็นกำลังที่สำคัญที่สุด หากขาดกำลังใจก็เท่ากับขาดสิ่งที่สำคัญที่สุด
ผมมานั่งคิดดูว่า เมื่อผู้คนขาดกำลังใจ เขาทำอย่างไรให้ได้มันมา
คำตอบแรกที่นึกออกทันทีก็คือ คนที่รักเราและเรารัก คือแหล่งของกำลังใจที่วิเศษที่สุด อาจจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน หรือคู่รักแท้ เขาช่วยเติมใจเราที่พร่องให้เต็ม ช่วยทำให้ใจที่ล้ามีเรี่ยวแรง
แต่ถ้าไม่มีคนที่รักเราและเรารักดังที่ว่านี้ล่ะ หรือมีแต่เขาอยู่ในสถานะที่ไม่อาจให้กำลังใจเรา!! เราจะได้กำลังใจมาจากไหน ดูเหมือนว่าคำตอบจะชัดเจนอยู่ในคำถามแล้ว คือ เราก็ต้องเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
แต่ก็ดูเหมือนว่า ถ้าเราเท่านั้นต้องเติมกำลังใจให้ตัวเองจนเต็ม ไม่มีใครมาช่วยเติมใจให้แม้แต่น้อย มันช่างเป็นภาวะที่น่าท้อแท้ การที่มีคนจริงคอยให้กำลังใจช่างเป็นของขวัญที่แท้จริงของชีวิต แม้จะไม่มากก็ตาม ท่านรู้สึกเหมือนผมบ้างไหมครับ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงบทเพลงให้กำลังใจ และก็พบว่า บทเพลงให้กำลังใจก็มี 2 ประเภทดุจเดียวกับคนที่ให้กำลังใจ คือ:
ประเภทแรก เพลงให้กำลังใจที่เมื่อฟังแล้วเรารู้สึกเหมือนกับว่า มีคน ๆ หนึ่งที่รักเราอย่างแท้จริงมาพูดถ้อยคำดี ๆ ที่ช่วยปลุกปลอบกำลังใจ เพลงรักจำนวนไม่น้อยมีเนื้อหาเช่นนี้
แต่ก็มีเพลงอีกประเภทหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะมิได้เป็นเช่นคนใกล้ชิดที่คอยให้กำลังใจ แต่เป็นเพียงเสียงแผ่ว ๆ ที่หาตัวตนผู้พูดไม่ได้ เป็นเสียงที่บอกให้เราเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เพราะนี่คือความจริงของชีวิต
โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่า เพลงที่เป็นเช่นคนรักมาคอยให้กำลังใจจะมีจำนวนมากกว่า ได้รับความนิยมมากกว่า มีดนตรีไพเราะกว่า และมีเนื้อร้องที่อ่อนโยนใกล้ชิดกว่า ต่างจากเพลงที่บอกให้เราเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ซึ่งมักตรงกันข้าม เพราะทำให้เรามองความจริงที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเราอาจจะไม่ค่อยอยากมองเท่าไรนัก
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกว่า แม้ว่าเพลงที่บอกให้เราเป็นกำลังใจให้ตัวเองจะไม่ค่อยอ่อนหวานหรือไพเราะนัก แต่ก็เป็นเพลงที่ช่วยทำให้เราเข้มแข็ง กระตุ้นให้เรายืนได้บนสองขาของเราเอง ทำให้เรามีสติและใจเย็นเป็นสุขอยู่ได้แม้ยังไม่สมหวัง ทำให้มีกำลังใจเพื่อผลักดันกำลังกายและกำลังสมองให้มุ่งไปสู่สิ่งที่หวัง ทำให้เราภูมิใจในความพยายามของตัวเอง ภูมิใจในความสำเร็จที่ได้รับ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
และแม้จะไม่มีความรู้ทางดนตรีแม้แต่น้อย แต่วันนี้ผมก็ทำตัวเป็นกรรมการตัดสินเพลง โดยบรรจงฟังทั้งดนตรีและเนื้อร้อง บางเพลงแม้จะเคยฟังหลายครั้งแล้ว (เช่น ทะเลใจ ของแอ๊ด คาราบาว) แต่เมื่อฟังครั้งนี้ในฐานะ “กรรมการ” จึงได้รู้สึกว่า ความไพเราะของดนตรีที่บรรเลง อาจจะดึงใจของผู้ฟังมากเกินไปจนทำให้ไม่ได้หยั่งถึงถ้อยคำของเพลงเท่าที่ควร
ถ้าให้ผมสรุปเนื้อหาของเพลงให้กำลังใจ มันคงได้เป็นถ้อยคำสั้น ๆ ว่า เป็นเพลงที่บอกให้เรา ฝันให้ไกล-ทำให้ได้ดังที่ฝัน และ รักษาใจ-เมื่อไม่ได้ดังที่ฝัน
และในที่สุดผมเลือกเพลงที่ให้กำลังใจมาได้ 5 เพลง ข้างล่างนี้ ผมหวังว่าเพลงเหล่านี้จะช่วยให้กำลังใจท่านผู้อ่านเหมือนที่ได้เป็นกำลังใจให้ผม และผมหวังอีกว่า ท่านผู้อ่านจะช่วยบอกเพลงที่ให้กำลังใจมาเพิ่มเติมให้พวกเราได้ฟังร่วมกัน
เชิญครับ...
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ท่านผู้อ่านครับ จากคอมเม้นต์และอีเมลที่ผมได้รับในช่วงสี่ปีที่เป็นบล็อกเกอร์ ทำให้ผมรู้สึกว่า ปัญหาของการเรียนภาษาอังกฤษ มีทั้งเรื่องยากที่เรียน และเรื่องยากที่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยากที่ใจนี่แหละครับมันยากจริง ๆ ยากที่ใจเพราะใจไม่มีกำลังจะเรียนภาษาอังกฤษ เพราะขาดกำลังใจ
มันทำให้ผมมองต่อไปว่า จริง ๆ แล้วการเรียนภาษาอังกฤษก็ไม่ต่างจากกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตคนเรา หลายกิจกรรมก็เป็นเช่นเดียวกับการเรียนภาษาอังกฤษ คือเป็นเรื่องที่ดีและควรทำ หรือจำเป็นต้องทำ ทำด้วยกำลังทั้งสาม คือ กำลังกาย กำลังสมอง และกำลังใจ และก็ดูเหมือนว่ากำลังใจจะเป็นกำลังที่สำคัญที่สุด หากขาดกำลังใจก็เท่ากับขาดสิ่งที่สำคัญที่สุด
ผมมานั่งคิดดูว่า เมื่อผู้คนขาดกำลังใจ เขาทำอย่างไรให้ได้มันมา
คำตอบแรกที่นึกออกทันทีก็คือ คนที่รักเราและเรารัก คือแหล่งของกำลังใจที่วิเศษที่สุด อาจจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง เพื่อน หรือคู่รักแท้ เขาช่วยเติมใจเราที่พร่องให้เต็ม ช่วยทำให้ใจที่ล้ามีเรี่ยวแรง
แต่ถ้าไม่มีคนที่รักเราและเรารักดังที่ว่านี้ล่ะ หรือมีแต่เขาอยู่ในสถานะที่ไม่อาจให้กำลังใจเรา!! เราจะได้กำลังใจมาจากไหน ดูเหมือนว่าคำตอบจะชัดเจนอยู่ในคำถามแล้ว คือ เราก็ต้องเป็นกำลังใจให้ตัวเอง
แต่ก็ดูเหมือนว่า ถ้าเราเท่านั้นต้องเติมกำลังใจให้ตัวเองจนเต็ม ไม่มีใครมาช่วยเติมใจให้แม้แต่น้อย มันช่างเป็นภาวะที่น่าท้อแท้ การที่มีคนจริงคอยให้กำลังใจช่างเป็นของขวัญที่แท้จริงของชีวิต แม้จะไม่มากก็ตาม ท่านรู้สึกเหมือนผมบ้างไหมครับ
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะคิดไปถึงบทเพลงให้กำลังใจ และก็พบว่า บทเพลงให้กำลังใจก็มี 2 ประเภทดุจเดียวกับคนที่ให้กำลังใจ คือ:
ประเภทแรก เพลงให้กำลังใจที่เมื่อฟังแล้วเรารู้สึกเหมือนกับว่า มีคน ๆ หนึ่งที่รักเราอย่างแท้จริงมาพูดถ้อยคำดี ๆ ที่ช่วยปลุกปลอบกำลังใจ เพลงรักจำนวนไม่น้อยมีเนื้อหาเช่นนี้
แต่ก็มีเพลงอีกประเภทหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะมิได้เป็นเช่นคนใกล้ชิดที่คอยให้กำลังใจ แต่เป็นเพียงเสียงแผ่ว ๆ ที่หาตัวตนผู้พูดไม่ได้ เป็นเสียงที่บอกให้เราเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เพราะนี่คือความจริงของชีวิต
โดยส่วนตัวผมรู้สึกว่า เพลงที่เป็นเช่นคนรักมาคอยให้กำลังใจจะมีจำนวนมากกว่า ได้รับความนิยมมากกว่า มีดนตรีไพเราะกว่า และมีเนื้อร้องที่อ่อนโยนใกล้ชิดกว่า ต่างจากเพลงที่บอกให้เราเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ซึ่งมักตรงกันข้าม เพราะทำให้เรามองความจริงที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเราอาจจะไม่ค่อยอยากมองเท่าไรนัก
แต่ถึงกระนั้นก็ตาม ผมก็ยังรู้สึกว่า แม้ว่าเพลงที่บอกให้เราเป็นกำลังใจให้ตัวเองจะไม่ค่อยอ่อนหวานหรือไพเราะนัก แต่ก็เป็นเพลงที่ช่วยทำให้เราเข้มแข็ง กระตุ้นให้เรายืนได้บนสองขาของเราเอง ทำให้เรามีสติและใจเย็นเป็นสุขอยู่ได้แม้ยังไม่สมหวัง ทำให้มีกำลังใจเพื่อผลักดันกำลังกายและกำลังสมองให้มุ่งไปสู่สิ่งที่หวัง ทำให้เราภูมิใจในความพยายามของตัวเอง ภูมิใจในความสำเร็จที่ได้รับ ไม่ว่าจะมากหรือน้อยก็ตาม
และแม้จะไม่มีความรู้ทางดนตรีแม้แต่น้อย แต่วันนี้ผมก็ทำตัวเป็นกรรมการตัดสินเพลง โดยบรรจงฟังทั้งดนตรีและเนื้อร้อง บางเพลงแม้จะเคยฟังหลายครั้งแล้ว (เช่น ทะเลใจ ของแอ๊ด คาราบาว) แต่เมื่อฟังครั้งนี้ในฐานะ “กรรมการ” จึงได้รู้สึกว่า ความไพเราะของดนตรีที่บรรเลง อาจจะดึงใจของผู้ฟังมากเกินไปจนทำให้ไม่ได้หยั่งถึงถ้อยคำของเพลงเท่าที่ควร
ถ้าให้ผมสรุปเนื้อหาของเพลงให้กำลังใจ มันคงได้เป็นถ้อยคำสั้น ๆ ว่า เป็นเพลงที่บอกให้เรา ฝันให้ไกล-ทำให้ได้ดังที่ฝัน และ รักษาใจ-เมื่อไม่ได้ดังที่ฝัน
และในที่สุดผมเลือกเพลงที่ให้กำลังใจมาได้ 5 เพลง ข้างล่างนี้ ผมหวังว่าเพลงเหล่านี้จะช่วยให้กำลังใจท่านผู้อ่านเหมือนที่ได้เป็นกำลังใจให้ผม และผมหวังอีกว่า ท่านผู้อ่านจะช่วยบอกเพลงที่ให้กำลังใจมาเพิ่มเติมให้พวกเราได้ฟังร่วมกัน
เชิญครับ...
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1781]ฝึกพูดตั้งคำถาม+สนทนา กับไฟล์ mp3- 68 บท
สวัสดีครับ
ด้วยความซอกแซก ผมไปเจอไฟล์ mp 3 จำนวน 68 บท มีเนื้อหาเป็นประโยคสนทนาที่ใช้บ่อยมากที่สุดในการสนทนาขั้นพื้นฐาน แต่ละบทมีความยาวไม่กี่นาที มีเนื้อหาดังนี้
-ประโยคที่ใช้ในการตั้งคำถามลักษณะต่าง ๆ โดยใช้ question word เช่น what, where, when และการตั้งคำถามโดยใช้กริยาช่วยนำหน้าประโยค เช่น is, am, are, was, were, have, has, has เป็นต้น
-ประโยคสนทนาในลักษณะที่ใช้บ่อย เช่น ประโยคปฏิเสธ,คำสั่ง,ขอร้อง,ขอให้พูดซ้ำ,แนะนำ,ขอตัว,ขออนุญาต,ขอความเห็น,ทักทาย,ประกาศ,เริ่มพูดกับคนแปลกหน้า เป็นต้น
แม้มีเพียงไฟล์ mp3 ไม่มีหนังสือให้ดูประกอบ แต่ผมก็คิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับการฝึกพูด เพราะว่าประโยคที่ให้ไว้มันง่ายจึงเข้าใจได้ไม่ยาก ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพูด ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถนึกประโยคเหล่านี้ออกและพูดออกมาได้ทันที
วิธีเตรียมตัวก็มีอยู่วิธีเดียวแหละครับ คือฝึกพูดจนคล่องปาก เมื่อคล่องปากแล้ว พอถึงเวลาที่ต้องพูด มันจะพูดออกมาได้เอง
ไฟล์ mp3 ที่ให้ดาวน์โหลดนี้ จะมีเสียงฝรั่งพูดประโยคภาษาอังกฤษ (ตามด้วยคำแปลภาษาไทย) ตอนที่ท่านฝึก ขอให้วางเมาส์ไว้ที่ปุ่ม play-pause พอฟังประโยคภาษาอังกฤษจบ ก็ให้คลิกปุ่มนี้เพื่อ pause และพูดตาม, และคลิกปุ่ม play นี้อีกครั้ง เพื่อฝึกฟังและฝึกพูดตามไปเรื่อย ๆ จนจบ ตามสูตร play-pause-repeat, play-pause-repeat ไปเรื่อย ๆ หรือถ้าท่านยังฟังไม่ค่อยชัดหู ก็ลากปุ่มให้ play ย้อนหลังก็ได้
ขอให้ท่านฝึกไปเรื่อย ๆ ทีละบท ๆ นี่เป็นการปูพื้นฐานที่ดีในการพูดสนทนา ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถพูดประโยคที่ยากกว่านี้ได้ในอนาคต
เชิญดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ครับ ขนาด 85.8 MB
คลิก
แต่เนื่องจากลิงค์ข้างบนมีขนาดใหญ่ ผมกลัวว่าบางท่านอาจจะดาวน์โหลดได้ลำบาก จึงนำมาแยกเป็นไฟล์ขนาดเล็กข้างล่างนี้ และเปลี่ยนชื่อไฟล์ (rename) เสียใหม่ โดยลิงค์ข้างบนชื่อลิงค์เป็นเพียงหมายเลข ผมจึงมาตั้งชื่อไฟล์ใหม่ โดยเติมเนื้อหาของแต่ละบทเข้าไปด้วย เช่น
บทที่ 01-ประโยคบอกเล่า
บทที่ 03-คำถาม what
บทที่ 11-คำถาม where
บทที่ 12-คำถาม when
บทที่ 61-การขอโทษ
บทที่ 62-การขออนุญาต
บทที่ 63-การสอบถามข้อมูล
เชิญดาวน์โหลดได้ข้างล่างนี้ครับ
บทที่ 1-10
บทที่ 11-20
บทที่ 21-30
บทที่ 31-40
บทที่ 41-50
บทที่ 51-60
บทที่ 61-68
ก่อนจบผมขอกล่าวว่า ถ้าท่านพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแล้ว ไฟล์ mp3 - 68 บทในชุดนี้คงเป็นของง่ายเกินไปสำหรับท่าน แต่ถ้าท่านยังพูดไม่ค่อยคล่อง จะพูดกับชาวต่างชาติทีไรต้องวอร์มเครื่องนึกก่อน start ทุกครั้ง และก็นึกไม่ค่อยออก, start ไม่ค่อยติดซะด้วยซี ถ้าอาการเป็นอย่างนี้ ลองดาวน์โหลดไฟล์ mp3 ชุดนี้ไปฝึก play-pause-repeat ดูก่อนก็ดีนะครับ ไม่เสียเวลาเปล่าแน่ ๆ
ด้วยความซอกแซก ผมไปเจอไฟล์ mp 3 จำนวน 68 บท มีเนื้อหาเป็นประโยคสนทนาที่ใช้บ่อยมากที่สุดในการสนทนาขั้นพื้นฐาน แต่ละบทมีความยาวไม่กี่นาที มีเนื้อหาดังนี้
-ประโยคที่ใช้ในการตั้งคำถามลักษณะต่าง ๆ โดยใช้ question word เช่น what, where, when และการตั้งคำถามโดยใช้กริยาช่วยนำหน้าประโยค เช่น is, am, are, was, were, have, has, has เป็นต้น
-ประโยคสนทนาในลักษณะที่ใช้บ่อย เช่น ประโยคปฏิเสธ,คำสั่ง,ขอร้อง,ขอให้พูดซ้ำ,แนะนำ,ขอตัว,ขออนุญาต,ขอความเห็น,ทักทาย,ประกาศ,เริ่มพูดกับคนแปลกหน้า เป็นต้น
แม้มีเพียงไฟล์ mp3 ไม่มีหนังสือให้ดูประกอบ แต่ผมก็คิดว่าน่าจะเพียงพอสำหรับการฝึกพูด เพราะว่าประโยคที่ให้ไว้มันง่ายจึงเข้าใจได้ไม่ยาก ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ต้องพูด ทำอย่างไรเราจึงจะสามารถนึกประโยคเหล่านี้ออกและพูดออกมาได้ทันที
วิธีเตรียมตัวก็มีอยู่วิธีเดียวแหละครับ คือฝึกพูดจนคล่องปาก เมื่อคล่องปากแล้ว พอถึงเวลาที่ต้องพูด มันจะพูดออกมาได้เอง
ไฟล์ mp3 ที่ให้ดาวน์โหลดนี้ จะมีเสียงฝรั่งพูดประโยคภาษาอังกฤษ (ตามด้วยคำแปลภาษาไทย) ตอนที่ท่านฝึก ขอให้วางเมาส์ไว้ที่ปุ่ม play-pause พอฟังประโยคภาษาอังกฤษจบ ก็ให้คลิกปุ่มนี้เพื่อ pause และพูดตาม, และคลิกปุ่ม play นี้อีกครั้ง เพื่อฝึกฟังและฝึกพูดตามไปเรื่อย ๆ จนจบ ตามสูตร play-pause-repeat, play-pause-repeat ไปเรื่อย ๆ หรือถ้าท่านยังฟังไม่ค่อยชัดหู ก็ลากปุ่มให้ play ย้อนหลังก็ได้
ขอให้ท่านฝึกไปเรื่อย ๆ ทีละบท ๆ นี่เป็นการปูพื้นฐานที่ดีในการพูดสนทนา ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถพูดประโยคที่ยากกว่านี้ได้ในอนาคต
เชิญดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ครับ ขนาด 85.8 MB
คลิก
แต่เนื่องจากลิงค์ข้างบนมีขนาดใหญ่ ผมกลัวว่าบางท่านอาจจะดาวน์โหลดได้ลำบาก จึงนำมาแยกเป็นไฟล์ขนาดเล็กข้างล่างนี้ และเปลี่ยนชื่อไฟล์ (rename) เสียใหม่ โดยลิงค์ข้างบนชื่อลิงค์เป็นเพียงหมายเลข ผมจึงมาตั้งชื่อไฟล์ใหม่ โดยเติมเนื้อหาของแต่ละบทเข้าไปด้วย เช่น
บทที่ 01-ประโยคบอกเล่า
บทที่ 03-คำถาม what
บทที่ 11-คำถาม where
บทที่ 12-คำถาม when
บทที่ 61-การขอโทษ
บทที่ 62-การขออนุญาต
บทที่ 63-การสอบถามข้อมูล
เชิญดาวน์โหลดได้ข้างล่างนี้ครับ
บทที่ 1-10
บทที่ 11-20
บทที่ 21-30
บทที่ 31-40
บทที่ 41-50
บทที่ 51-60
บทที่ 61-68
ก่อนจบผมขอกล่าวว่า ถ้าท่านพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแล้ว ไฟล์ mp3 - 68 บทในชุดนี้คงเป็นของง่ายเกินไปสำหรับท่าน แต่ถ้าท่านยังพูดไม่ค่อยคล่อง จะพูดกับชาวต่างชาติทีไรต้องวอร์มเครื่องนึกก่อน start ทุกครั้ง และก็นึกไม่ค่อยออก, start ไม่ค่อยติดซะด้วยซี ถ้าอาการเป็นอย่างนี้ ลองดาวน์โหลดไฟล์ mp3 ชุดนี้ไปฝึก play-pause-repeat ดูก่อนก็ดีนะครับ ไม่เสียเวลาเปล่าแน่ ๆ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันจันทร์ที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1780]ด/ลไฟล์ mp3,video เกรด A เพื่อการเรียนอังกฤษ ที่นี่
สวัสดีครับ
ในโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษนี่นะครับ มีเว็บและบล็อกมากมายที่ผลิตสื่อฟรีเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษ และก็มีเว็บและบล็อกอีกมากมายเช่นกัน ที่ไม่ได้ผลิตสื่อเอง แต่ไปรวบรวมของดี ๆ จากที่คนอื่นเขาทำไว้เรียบร้อยแล้ว
บล็อก www.e4thai.com/ ก็อยู่ในประเภทหลังนี่แหละครับ
เว็บที่ผมจะแนะนำในวันนี้ คือ
http://www.power-english.net/
ก็เช่นเดียวกัน คือรวบรวมของดีที่คนอื่นเขาทำไว้แล้ว ซึ่งมีเยอะทั้งปริมาณและคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟล์ mp3 และไฟล์ video จาก YouTube.com ท่านเพียงเข้าไปที่เว็บนี้เว็บเดียว ก็แทบจะเพียงพอไม่ต้องไปหาที่อื่นอีกเลย ท่านกลับไปดูที่ Homepage อีกครั้งให้ทั่วซิครับ จะเห็นว่ามีมากมายจริง ๆ
หรือจะลองคลิกดู Index ทั้ง 6 ลิงค์ข้างล่างนี้ก็ได้ มันมากซะจนน่าตกใจ เรื่องที่น่าทึ่งก็คือ เรารวบรวมไว้ให้เราอย่างดีมาก เราไม่ต้องเสียเวลาไปหาเอง
คลิก: 1- 2- 3- 4- 5 -6
สำหรับท่านที่ต้องการดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ อ่านคำแนะนำที่ลิงค์นี้ครับ
[1169] 4 วิธีในการดาวน์โหลดวีดิโอจากเว็บ
อีกอย่างหนึ่งนะครับ ถ้าเป็นลิงค์ mp3 มักเป็นอย่างนี้
-ถ้าคลิกซ้ายที่ลิงค์ ก็คือการเปิดฟัง online เลย
-ถ้าคลิกขวาที่ลิงค์, และคลิกซ้าย Save Target As… หรือ Save Link As… ท่านก็จะสามารถ save ไฟล์เพื่อเก็บไว้ใช้ในโอกาสต่อไปได้
ผมกลัวอยู่อย่างเดียวแหละครับ บางท่านดาวน์โหลดไว้อย่างไม่ยั้งคิด เห็นอะไรดีก็ดาวน์โหลดไว้จนเต็ม... จนล้น hard disk แต่ไม่ค่อยได้เจียดเวลาเข้าไปฟังหรืออ่านหรือฝึกพูด อย่างนี้ก็ได้ประโยชน์น้อยนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ในโลกอินเทอร์เน็ตเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษนี่นะครับ มีเว็บและบล็อกมากมายที่ผลิตสื่อฟรีเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษ และก็มีเว็บและบล็อกอีกมากมายเช่นกัน ที่ไม่ได้ผลิตสื่อเอง แต่ไปรวบรวมของดี ๆ จากที่คนอื่นเขาทำไว้เรียบร้อยแล้ว
บล็อก www.e4thai.com/ ก็อยู่ในประเภทหลังนี่แหละครับ
เว็บที่ผมจะแนะนำในวันนี้ คือ
http://www.power-english.net/
ก็เช่นเดียวกัน คือรวบรวมของดีที่คนอื่นเขาทำไว้แล้ว ซึ่งมีเยอะทั้งปริมาณและคุณภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไฟล์ mp3 และไฟล์ video จาก YouTube.com ท่านเพียงเข้าไปที่เว็บนี้เว็บเดียว ก็แทบจะเพียงพอไม่ต้องไปหาที่อื่นอีกเลย ท่านกลับไปดูที่ Homepage อีกครั้งให้ทั่วซิครับ จะเห็นว่ามีมากมายจริง ๆ
หรือจะลองคลิกดู Index ทั้ง 6 ลิงค์ข้างล่างนี้ก็ได้ มันมากซะจนน่าตกใจ เรื่องที่น่าทึ่งก็คือ เรารวบรวมไว้ให้เราอย่างดีมาก เราไม่ต้องเสียเวลาไปหาเอง
คลิก: 1- 2- 3- 4- 5 -6
สำหรับท่านที่ต้องการดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ อ่านคำแนะนำที่ลิงค์นี้ครับ
[1169] 4 วิธีในการดาวน์โหลดวีดิโอจากเว็บ
อีกอย่างหนึ่งนะครับ ถ้าเป็นลิงค์ mp3 มักเป็นอย่างนี้
-ถ้าคลิกซ้ายที่ลิงค์ ก็คือการเปิดฟัง online เลย
-ถ้าคลิกขวาที่ลิงค์, และคลิกซ้าย Save Target As… หรือ Save Link As… ท่านก็จะสามารถ save ไฟล์เพื่อเก็บไว้ใช้ในโอกาสต่อไปได้
ผมกลัวอยู่อย่างเดียวแหละครับ บางท่านดาวน์โหลดไว้อย่างไม่ยั้งคิด เห็นอะไรดีก็ดาวน์โหลดไว้จนเต็ม... จนล้น hard disk แต่ไม่ค่อยได้เจียดเวลาเข้าไปฟังหรืออ่านหรือฝึกพูด อย่างนี้ก็ได้ประโยชน์น้อยนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1779] pray for japan
เรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน
ผมเชื่อว่าในขณะนี้มีหน่วยงานและกลุ่มบุคคลมากมายในเมืองไทยและทั่วโลก กำลังรวบรวมความช่วยเหลือที่จะมอบให้แก่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งประสบหายนภัยจากแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554
ในฐานะเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ผมเห็นว่าเราควรแสดงน้ำใจต่อชาวญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เท่าที่เราจะช่วยเหลือได้ เป็นดอกไม้ของน้ำใจ ที่เพื่อนมนุษย์จะให้แก่กันได้
ตอนเกิดสึนามิที่ภาคใต้ของไทยเมื่อหลายปีที่แล้ว เวลานั้นนักท่องเที่ยวหลายชาติมาเสียชีวิตเพราะมาฉลองคริสตมาสที่เมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งแถบสแกนดิเนเวีย
จำได้ว่าผมได้ส่งอีเมลไปแสดงความเสียใจต่อหน่วยงานในประเทศเหล่านั้นที่หน่วยงานของผมได้ประสานงานอยู่ เขาตอบมาว่าซาบซึ้งใจยิ่งเพราะในฐานะพื้นที่ที่เกิดเหตุประเทศไทยต่างหากควรได้รับการแสดงความเสียใจอย่างมากที่สุด แต่ยังมีน้ำใจแสดงความเสียใจต่อคนจากประเทศของเขาที่มาเสียชีวิตในเมืองไทย
ผมสรุปได้อย่างสั้น ๆ ว่าน้ำใจที่มีให้แก่กันในเวลาที่ผู้คนทนทุกข์และต้องการกำลังใจเป็นน้ำใจที่มีคุณค่ามากที่สุด
แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศร่ำรวยแต่ผมก็เชื่อว่าเขาก็ต้องการการแสดงน้ำใจจากชาวโลก ผมขอชักชวนให้ท่านผู้อ่านได้ร่วมกันแสดงน้ำใจช่วยเหลือประเทศญี่ปุ่น มากหรือน้อยอย่างไรตามแต่ท่านจะพิจารณาครับ
และถ้าจะกรุณา ขอให้ส่งลิงค์นี้ไปยังคนอื่นที่ท่านรู้จัก เพื่อจะได้ร่วมกันให้กำลังใจและความช่วยเหลือแก่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งกำลังประสบชะตากรรมจากธรรมชาติขณะนี้
http://english-for-thais-2.blogspot.com/2011/03/1779-pray-for-japan.html
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมเชื่อว่าในขณะนี้มีหน่วยงานและกลุ่มบุคคลมากมายในเมืองไทยและทั่วโลก กำลังรวบรวมความช่วยเหลือที่จะมอบให้แก่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งประสบหายนภัยจากแผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554
ในฐานะเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ผมเห็นว่าเราควรแสดงน้ำใจต่อชาวญี่ปุ่นครั้งนี้ ไม่ว่าจะมากหรือน้อย เท่าที่เราจะช่วยเหลือได้ เป็นดอกไม้ของน้ำใจ ที่เพื่อนมนุษย์จะให้แก่กันได้
ตอนเกิดสึนามิที่ภาคใต้ของไทยเมื่อหลายปีที่แล้ว เวลานั้นนักท่องเที่ยวหลายชาติมาเสียชีวิตเพราะมาฉลองคริสตมาสที่เมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งแถบสแกนดิเนเวีย
จำได้ว่าผมได้ส่งอีเมลไปแสดงความเสียใจต่อหน่วยงานในประเทศเหล่านั้นที่หน่วยงานของผมได้ประสานงานอยู่ เขาตอบมาว่าซาบซึ้งใจยิ่งเพราะในฐานะพื้นที่ที่เกิดเหตุประเทศไทยต่างหากควรได้รับการแสดงความเสียใจอย่างมากที่สุด แต่ยังมีน้ำใจแสดงความเสียใจต่อคนจากประเทศของเขาที่มาเสียชีวิตในเมืองไทย
ผมสรุปได้อย่างสั้น ๆ ว่าน้ำใจที่มีให้แก่กันในเวลาที่ผู้คนทนทุกข์และต้องการกำลังใจเป็นน้ำใจที่มีคุณค่ามากที่สุด
แม้ญี่ปุ่นจะเป็นประเทศร่ำรวยแต่ผมก็เชื่อว่าเขาก็ต้องการการแสดงน้ำใจจากชาวโลก ผมขอชักชวนให้ท่านผู้อ่านได้ร่วมกันแสดงน้ำใจช่วยเหลือประเทศญี่ปุ่น มากหรือน้อยอย่างไรตามแต่ท่านจะพิจารณาครับ
และถ้าจะกรุณา ขอให้ส่งลิงค์นี้ไปยังคนอื่นที่ท่านรู้จัก เพื่อจะได้ร่วมกันให้กำลังใจและความช่วยเหลือแก่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งกำลังประสบชะตากรรมจากธรรมชาติขณะนี้
http://english-for-thais-2.blogspot.com/2011/03/1779-pray-for-japan.html
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1778]"Yes! You Can" โดย ฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล
สวัสดีครับ
ข้อความต่อไปนี้ผมลอกจาก ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ น่าสนใจมาก ๆ
เชิญศึกษาได้เลยครับ - พิพัฒน์
* * * * *
ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ได้จัดทำรายการสอนภาษาอังกฤษ Yes! You Can. ซึ่งดำเนินรายการโดยคุณฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล แพร่ภาพทางช่อง TPBS เวลา 17.55-18.00 น. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2552 ถึงวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553 โดยเนื้อหารายการแบ่งเป็น 6 หมวดอุตสาหกรรมคือ อาหาร,ท่องเที่ยว,วิทยาศาสตร์สุขภาพ,แฟชั่น,เทคโนโลยีสารสนเทศ,ยานยนต์ หมวดละ 15 ตอน รวม 90 ตอน ดังต่อไปนี้
1 อาหารไทยลือเลื่อง -food
2 คุณค่าดีมีในอาหารไทย- food
3 ไหว้...เอกลักษณ์ไทย - tour
4 แนะนำเมืองท่องเที่ยว - tour
5 เมื่อป่วยในต่างแดน - health
6 ปวดฟันในต่างแดน -health
7 ลูกค้าอยากตัดผม...ต้องถามอย่างไร - fashion
8 สีผมไม่โดนใจ…มีทางแก้ - fashion
9 e-library ตัวช่วยในการหาหนังสือ - it
10 ต้อนรับลูกค้าชาวต่างชาติให้ประทับใจ - it
11 เครื่องยนต์ร้อนจัดต้องทำอย่างไร -auto
12 ตรวจเช็ครถก่อนขับทางไกล -auto
13 เที่ยวภูเขาหรือทะเล - tour
14 บอกทางซ้าย ขวา - tour
15 จองห้อง+แพคเกจสปา ทางโทรศัพท์ - health
16 บริการอย่างเต็มใจที่สปาไทย - health
17 สมุนไพรไทย...อาหารจานผัด - food
18 สมุนไพรไทย...อาหารจานต้ม - food
19 เมื่อลูกค้าเข้าร้านเพชร -fashion
20 อยากซื้อสร้อย...ขอต่อหน่อย - fashion
21 ซื้อรถเลือกอย่างไรดี - auto
22 แนะนำวิธีใช้รถช่วงรันอิน - auto
23 เลือกซื้อคอมพิวเตอร์อย่างไรดี - it
24 อุปกรณ์เสริมสำคัญอย่างไร -it
25 ส้มตำ...แซ่บหลาย -food
26 กินปลาให้อร่อยต้องมีวิธี - food
27 ก่อนนวดทำอย่างไร - health
28 ปวดหลังนวดไทยช่วยได้ - health
29 แฮร์ทรีทเมนท์คืออะไร - fashion
30 แนะนำทำไฮไลท์ให้โดนใจลูกค้า - fashion
31 เที่ยวตลาดน้ำยามเช้า - tour
32 ขอความเห็นนักท่องเที่ยว - tour
33 พรีเซนต์งานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ - it
34 วิธีการซื้อของทางอินเตอร์เน็ต - it
35 รถไฮบริด - auto
36 ความเร็วตามพิกัด - auto
37 แนะนำวิธีการหั่นผัก - food
38 ต้มยำทะเล...ทำได้ง่ายจัง - food
39 เพชรแตกต่างที่ 4 C -fashion
40 เลือกซื้อพลอย - fashion
41 พร้อมก่อนเที่ยว - tour
42 สงกรานต์...ปีใหม่ไทย - tour
43 วิธีการขายของทางอินเตอร์เน็ต - it
44 โหลดรูปภาพจากกล้อง หรือมือถือลงคอมพิวเตอร์ - it
45 นวดไทยเสน่ห์จับใจ - health
46 นวดไทยเสน่ห์จับใจ - health
47 ดูแลเกียร์อัตโนมัติ - auto
48 เบรกเสียต้องรีบซ่อม -auto
49 ข้าวเหนียวมะม่วง…นางเอกของหวานไทย - food
50 พริกแกงของไทย - food
51 ยานี้กินแล้วง่วงนะคะ - health
52 แพ้อาหารในต่างแดน - health
53 เตรียมตัวไปวัด - tour
54 ทำบุญตักบาตร - tour
55 เขียน e-mail ติดต่องานง่ายสบายใจ - it
56 เขียน e-mail ถึงเพื่อนต่างชาติ - it
57 ทำอย่างไรเมื่อให้ลูกค้ารอนาน -fashion
58 เมื่อสินค้ามีปัญหา -fashion
59 เติมลมยางสำคัญอย่างไร - auto
60 รู้ได้อย่างไรว่าโช้คอัพเสีย - auto
61 ไทยฟรุ๊ต...สุดยอด -tour
62 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล - tour
63 ข้อมูลสุขภาพสำคัญต่อการนวด - health
64 เก็บค่าบริการอย่างสุภาพ - health
65 แจ้งราคาก่อนให้บริการทำผม - fashion
66 จ่ายเงินที่ร้านเสริมสวย - fashion
67 แกงเขียวหวาน...เอกลักษณ์แกงกะทิไทย - food
68 รับจองโต๊ะพูดอย่างไร - food
69 เมื่อต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง - auto
70 ใช้รถสาธารณะดีกว่าขับรถเอง - auto
71 รับมือไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวร้าย - it
72 ดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ไม่ให้ป่วย - it
73 เมื่อฝรั่งเป็นมังสวิรัติ - food
74 วิธีปรุงแกงกะทิ - food
75 ทำเล็บให้ชาวต่างชาติ - fashion
76 นวดเท้าเพื่อสุขภาพที่ดี - health
77 เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อม - auto
78 อุปกรณ์ซ่อมรถ - auto
79 กินอย่างไทย - tour
80 ครกและสาก ตำระบือโลก - food
81 อัญมณีของไทย - fashion
82 การดูแลอัญมณี - fashion
83 เคล็ดลับติดต่องานให้ได้ใจลูกค้า - it
84 อ่าน-เขียน Web Board บนอินเตอร์เน็ต - it
85 ขอวัดไข้หน่อย - health
86 หอมสปาไทยดีต่อสุขภาพ - health
87 ขับรถแบบประหยัดน้ำมัน - auto
88 ไปตลาดนัดจตุจักร - tour
89 เสน่ห์กรุงเทพราตรี - tour
90 ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ถูกวิธี ง่ายดีไม่มีสะดุด -it
เชิญคลิก:http://www.eldc.go.th/eldc3/page/tv/index.jsp
แถม:
ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ได้จัดทำรายการ OK! I get it. ดำเนินรายการโดยครูเคท เนตรปรียา ( มุสิกไชย ) ชุมไชโย เผยแพร่ทางสถานีวิทยุคลื่น 101.5 MHz ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.40-9.45 น. ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 โดยเนื้อหารายการเป็นการใช้ภาษาอังกฤษทั่วไปในชีวิตประจำวัน
รวมทั้งหมด 30 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 : ยานพาหนะ
ตอนที่ 2 : กริยาที่ใช้กับยานพาหนะ
ตอนที่ 3 : ป้ายตามท้องถนน
ตอนที่ 4 : ถนน
ตอนที่ 5 : ส่วนประกอบรถยนต์
ตอนที่ 6 : อาหารประเภทเนื้อสัตว์
ตอนที่ 7 : อาหารประเภทผัก
ตอนที่ 8 : อาหารประเภทผลไม้
ตอนที่ 9 : การทำอาหาร
ตอนที่ 10 : อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร
ตอนที่ 11 : ร่างกายของเรา
ตอนที่ 12 : อาการไข้
ตอนที่ 13 : กีฬา
ตอนที่ 14 : งานอดิเรก
ตอนที่ 15 : อารมณ์
ตอนที่ 16 : เครื่องใช้สำนักงาน
ตอนที่ 17 : รับโทรศัพท์
ตอนที่ 18 : โทรโทรศัพท์
ตอนที่ 19 : การฝากข้อความ
ตอนที่ 20 : เขียนจดหมาย/ไปรษณีย์
ตอนที่ 21 : การท่องเที่ยว
ตอนที่ 22 : วัฒนธรรมไทย
ตอนที่ 23 : มารยาทสากล
ตอนที่ 24 : สภาพดินฟ้าอากาศ
ตอนที่ 25 : ซื้อของ
ตอนที่ 26 : เสื้อผ้า
ตอนที่ 27 : บรรยายลักษณะสิ่งของ
ตอนที่ 28 : ประเทศผู้ผลิต
ตอนที่ 29 : แต่งหน้า
ตอนที่ 30 : ทำผม
คลิก: http://www.eldc.go.th/eldc3/page/radio/index.jsp
ข้อความต่อไปนี้ผมลอกจาก ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ น่าสนใจมาก ๆ
เชิญศึกษาได้เลยครับ - พิพัฒน์
* * * * *
ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ได้จัดทำรายการสอนภาษาอังกฤษ Yes! You Can. ซึ่งดำเนินรายการโดยคุณฮาร์ท สุทธิพงศ์ ทัดพิทักษ์กุล แพร่ภาพทางช่อง TPBS เวลา 17.55-18.00 น. ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน 2552 ถึงวันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2553 โดยเนื้อหารายการแบ่งเป็น 6 หมวดอุตสาหกรรมคือ อาหาร,ท่องเที่ยว,วิทยาศาสตร์สุขภาพ,แฟชั่น,เทคโนโลยีสารสนเทศ,ยานยนต์ หมวดละ 15 ตอน รวม 90 ตอน ดังต่อไปนี้
1 อาหารไทยลือเลื่อง -food
2 คุณค่าดีมีในอาหารไทย- food
3 ไหว้...เอกลักษณ์ไทย - tour
4 แนะนำเมืองท่องเที่ยว - tour
5 เมื่อป่วยในต่างแดน - health
6 ปวดฟันในต่างแดน -health
7 ลูกค้าอยากตัดผม...ต้องถามอย่างไร - fashion
8 สีผมไม่โดนใจ…มีทางแก้ - fashion
9 e-library ตัวช่วยในการหาหนังสือ - it
10 ต้อนรับลูกค้าชาวต่างชาติให้ประทับใจ - it
11 เครื่องยนต์ร้อนจัดต้องทำอย่างไร -auto
12 ตรวจเช็ครถก่อนขับทางไกล -auto
13 เที่ยวภูเขาหรือทะเล - tour
14 บอกทางซ้าย ขวา - tour
15 จองห้อง+แพคเกจสปา ทางโทรศัพท์ - health
16 บริการอย่างเต็มใจที่สปาไทย - health
17 สมุนไพรไทย...อาหารจานผัด - food
18 สมุนไพรไทย...อาหารจานต้ม - food
19 เมื่อลูกค้าเข้าร้านเพชร -fashion
20 อยากซื้อสร้อย...ขอต่อหน่อย - fashion
21 ซื้อรถเลือกอย่างไรดี - auto
22 แนะนำวิธีใช้รถช่วงรันอิน - auto
23 เลือกซื้อคอมพิวเตอร์อย่างไรดี - it
24 อุปกรณ์เสริมสำคัญอย่างไร -it
25 ส้มตำ...แซ่บหลาย -food
26 กินปลาให้อร่อยต้องมีวิธี - food
27 ก่อนนวดทำอย่างไร - health
28 ปวดหลังนวดไทยช่วยได้ - health
29 แฮร์ทรีทเมนท์คืออะไร - fashion
30 แนะนำทำไฮไลท์ให้โดนใจลูกค้า - fashion
31 เที่ยวตลาดน้ำยามเช้า - tour
32 ขอความเห็นนักท่องเที่ยว - tour
33 พรีเซนต์งานอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ - it
34 วิธีการซื้อของทางอินเตอร์เน็ต - it
35 รถไฮบริด - auto
36 ความเร็วตามพิกัด - auto
37 แนะนำวิธีการหั่นผัก - food
38 ต้มยำทะเล...ทำได้ง่ายจัง - food
39 เพชรแตกต่างที่ 4 C -fashion
40 เลือกซื้อพลอย - fashion
41 พร้อมก่อนเที่ยว - tour
42 สงกรานต์...ปีใหม่ไทย - tour
43 วิธีการขายของทางอินเตอร์เน็ต - it
44 โหลดรูปภาพจากกล้อง หรือมือถือลงคอมพิวเตอร์ - it
45 นวดไทยเสน่ห์จับใจ - health
46 นวดไทยเสน่ห์จับใจ - health
47 ดูแลเกียร์อัตโนมัติ - auto
48 เบรกเสียต้องรีบซ่อม -auto
49 ข้าวเหนียวมะม่วง…นางเอกของหวานไทย - food
50 พริกแกงของไทย - food
51 ยานี้กินแล้วง่วงนะคะ - health
52 แพ้อาหารในต่างแดน - health
53 เตรียมตัวไปวัด - tour
54 ทำบุญตักบาตร - tour
55 เขียน e-mail ติดต่องานง่ายสบายใจ - it
56 เขียน e-mail ถึงเพื่อนต่างชาติ - it
57 ทำอย่างไรเมื่อให้ลูกค้ารอนาน -fashion
58 เมื่อสินค้ามีปัญหา -fashion
59 เติมลมยางสำคัญอย่างไร - auto
60 รู้ได้อย่างไรว่าโช้คอัพเสีย - auto
61 ไทยฟรุ๊ต...สุดยอด -tour
62 1 ผลิตภัณฑ์ 1 ตำบล - tour
63 ข้อมูลสุขภาพสำคัญต่อการนวด - health
64 เก็บค่าบริการอย่างสุภาพ - health
65 แจ้งราคาก่อนให้บริการทำผม - fashion
66 จ่ายเงินที่ร้านเสริมสวย - fashion
67 แกงเขียวหวาน...เอกลักษณ์แกงกะทิไทย - food
68 รับจองโต๊ะพูดอย่างไร - food
69 เมื่อต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง - auto
70 ใช้รถสาธารณะดีกว่าขับรถเอง - auto
71 รับมือไวรัสคอมพิวเตอร์ตัวร้าย - it
72 ดูแลรักษาคอมพิวเตอร์ไม่ให้ป่วย - it
73 เมื่อฝรั่งเป็นมังสวิรัติ - food
74 วิธีปรุงแกงกะทิ - food
75 ทำเล็บให้ชาวต่างชาติ - fashion
76 นวดเท้าเพื่อสุขภาพที่ดี - health
77 เมื่อแบตเตอรี่ใกล้เสื่อม - auto
78 อุปกรณ์ซ่อมรถ - auto
79 กินอย่างไทย - tour
80 ครกและสาก ตำระบือโลก - food
81 อัญมณีของไทย - fashion
82 การดูแลอัญมณี - fashion
83 เคล็ดลับติดต่องานให้ได้ใจลูกค้า - it
84 อ่าน-เขียน Web Board บนอินเตอร์เน็ต - it
85 ขอวัดไข้หน่อย - health
86 หอมสปาไทยดีต่อสุขภาพ - health
87 ขับรถแบบประหยัดน้ำมัน - auto
88 ไปตลาดนัดจตุจักร - tour
89 เสน่ห์กรุงเทพราตรี - tour
90 ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ถูกวิธี ง่ายดีไม่มีสะดุด -it
เชิญคลิก:http://www.eldc.go.th/eldc3/page/tv/index.jsp
แถม:
ศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ ได้จัดทำรายการ OK! I get it. ดำเนินรายการโดยครูเคท เนตรปรียา ( มุสิกไชย ) ชุมไชโย เผยแพร่ทางสถานีวิทยุคลื่น 101.5 MHz ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.40-9.45 น. ตั้งแต่วันที่ 27 ตุลาคม 2551 ถึงวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 โดยเนื้อหารายการเป็นการใช้ภาษาอังกฤษทั่วไปในชีวิตประจำวัน
รวมทั้งหมด 30 ตอน ดังนี้
ตอนที่ 1 : ยานพาหนะ
ตอนที่ 2 : กริยาที่ใช้กับยานพาหนะ
ตอนที่ 3 : ป้ายตามท้องถนน
ตอนที่ 4 : ถนน
ตอนที่ 5 : ส่วนประกอบรถยนต์
ตอนที่ 6 : อาหารประเภทเนื้อสัตว์
ตอนที่ 7 : อาหารประเภทผัก
ตอนที่ 8 : อาหารประเภทผลไม้
ตอนที่ 9 : การทำอาหาร
ตอนที่ 10 : อุปกรณ์บนโต๊ะอาหาร
ตอนที่ 11 : ร่างกายของเรา
ตอนที่ 12 : อาการไข้
ตอนที่ 13 : กีฬา
ตอนที่ 14 : งานอดิเรก
ตอนที่ 15 : อารมณ์
ตอนที่ 16 : เครื่องใช้สำนักงาน
ตอนที่ 17 : รับโทรศัพท์
ตอนที่ 18 : โทรโทรศัพท์
ตอนที่ 19 : การฝากข้อความ
ตอนที่ 20 : เขียนจดหมาย/ไปรษณีย์
ตอนที่ 21 : การท่องเที่ยว
ตอนที่ 22 : วัฒนธรรมไทย
ตอนที่ 23 : มารยาทสากล
ตอนที่ 24 : สภาพดินฟ้าอากาศ
ตอนที่ 25 : ซื้อของ
ตอนที่ 26 : เสื้อผ้า
ตอนที่ 27 : บรรยายลักษณะสิ่งของ
ตอนที่ 28 : ประเทศผู้ผลิต
ตอนที่ 29 : แต่งหน้า
ตอนที่ 30 : ทำผม
คลิก: http://www.eldc.go.th/eldc3/page/radio/index.jsp
วันเสาร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1777]เรียนภ.อังกฤษกับชื่อเครื่องใช้ในบ้าน-สำนักงาน
สวัสดีครับ
ครูท่านหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้ว สอนห้องผมตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมว่า ตอนอยู่ว่าง ๆ ในบ้านก็ลองมองไปรอบ ๆ แล้วนึกดูซิว่า พวกข้าวของเครื่องใช้ที่เห็นอยู่ในบ้านมันมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไง ถ้าไม่รู้ก็ลองไปหาดูในดิกชันนารี ทำไปบ่อย ๆ ก็จะรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
ผมรู้สึกว่า นี่เป็นคำสอนที่มีประโยชน์มากเลยครับ สมัยผมเป็นเด็กช่วยพ่อแม่ขายของชำที่บ้าน ก็ได้อ่านป้ายสินค้าที่เป็นภาษาอังกฤษ ตอนเด็กสมัยนั้นก็จะสะดุดตาเฉพาะข้อความตัวโต ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเก็บมาได้หลายคำ
อีกอย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก คือ ตอนนั่งรถผ่านไปตามถนนหนทาง เมื่อเห็นป้ายก็ลองแปลเป็นภาษาอังกฤษ ลองนึกว่า ถ้าเรานั่งมากับฝรั่งและต้องอธิบายให้เขารู้ความหมายของพวกป้ายเหล่านี้ จะอธิบายได้ไหม เอาแค่ให้รู้เรื่องก็พอ ไม่ต้องคำนึงถึงสำนวนที่สละสลวยถูกแกรมมาร์หรอกครับ เพียงแค่นี้ถ้าไม่เคยฝึกก็ยังยากเอาการอยู่นะครับ
วันนี้ ผมเลยลองไปหาเว็บที่ขายสินค้าประเภท ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านและในสำนักงาน ซึ่งมีทั้งเว็บภาษาอังกฤษและภาษาไทย ประโยชน์ของเว็บพวกนี้ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ มีภาพประกอบชื่อสินค้า ช่วยให้เข้าใจทันทีและจำได้ง่าย ผมหามาทั้งเว็บภาษาอังกฤษและภาษาไทย และรู้สึกเลยว่า หากต้องการศึกษาภาษาอังกฤษถ้าฝึกกับเว็บภาษาอังกฤษน่าจะดีกว่า เพราะเว็บภาษาไทยมักช่วยเราได้ไม่ดีนักในการเรียนรู้ศัพท์ แต่ผมก็หามาให้ท่านผู้อ่านดูทั้ง 2 ภาษาเลย
เครื่องใช้ภายในบ้าน
เว็บภาษาอังกฤษ: http://www.homedepot.com/
เว็บภาษาไทย: http://www.homepro.co.th/
เครื่องใช้ภายในสำนักงาน
เว็บภาษาอังกฤษ: http://www.officedepot.com/
เว็บภาษาไทย: http://www.officedepot.co.th/
ท่านสามารถหาได้ 2 แบบ คือคลิกดูชื่อสินค้าตามเมนูหรือรายการต่าง ๆ ที่เว็บทำไว้ให้ หรือพิมพ์ชื่อเครื่องใช้สัก 1 คำ ลงไปในช่อง Search ก็ได้
ลองดูนะครับ การได้เห็นชื่อคำศัพท์และภาพด้วยตาของเรา, ได้อ่านออกเสียงด้วยปากของเรา ยิ่งถ้าได้เชียนลงสมุดจดศัพท์ด้วยมือของเราเอง จะทำให้เราจำศัพท์ข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ได้เร็ว-และจำได้นาน ลองเล่นดูนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ครูท่านหนึ่งผมจำชื่อไม่ได้แล้ว สอนห้องผมตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมว่า ตอนอยู่ว่าง ๆ ในบ้านก็ลองมองไปรอบ ๆ แล้วนึกดูซิว่า พวกข้าวของเครื่องใช้ที่เห็นอยู่ในบ้านมันมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่ายังไง ถ้าไม่รู้ก็ลองไปหาดูในดิกชันนารี ทำไปบ่อย ๆ ก็จะรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นอีกเยอะ
ผมรู้สึกว่า นี่เป็นคำสอนที่มีประโยชน์มากเลยครับ สมัยผมเป็นเด็กช่วยพ่อแม่ขายของชำที่บ้าน ก็ได้อ่านป้ายสินค้าที่เป็นภาษาอังกฤษ ตอนเด็กสมัยนั้นก็จะสะดุดตาเฉพาะข้อความตัวโต ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังเก็บมาได้หลายคำ
อีกอย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก คือ ตอนนั่งรถผ่านไปตามถนนหนทาง เมื่อเห็นป้ายก็ลองแปลเป็นภาษาอังกฤษ ลองนึกว่า ถ้าเรานั่งมากับฝรั่งและต้องอธิบายให้เขารู้ความหมายของพวกป้ายเหล่านี้ จะอธิบายได้ไหม เอาแค่ให้รู้เรื่องก็พอ ไม่ต้องคำนึงถึงสำนวนที่สละสลวยถูกแกรมมาร์หรอกครับ เพียงแค่นี้ถ้าไม่เคยฝึกก็ยังยากเอาการอยู่นะครับ
วันนี้ ผมเลยลองไปหาเว็บที่ขายสินค้าประเภท ข้าวของเครื่องใช้ในบ้านและในสำนักงาน ซึ่งมีทั้งเว็บภาษาอังกฤษและภาษาไทย ประโยชน์ของเว็บพวกนี้ที่น่าสนใจที่สุดก็คือ มีภาพประกอบชื่อสินค้า ช่วยให้เข้าใจทันทีและจำได้ง่าย ผมหามาทั้งเว็บภาษาอังกฤษและภาษาไทย และรู้สึกเลยว่า หากต้องการศึกษาภาษาอังกฤษถ้าฝึกกับเว็บภาษาอังกฤษน่าจะดีกว่า เพราะเว็บภาษาไทยมักช่วยเราได้ไม่ดีนักในการเรียนรู้ศัพท์ แต่ผมก็หามาให้ท่านผู้อ่านดูทั้ง 2 ภาษาเลย
เครื่องใช้ภายในบ้าน
เว็บภาษาอังกฤษ: http://www.homedepot.com/
เว็บภาษาไทย: http://www.homepro.co.th/
เครื่องใช้ภายในสำนักงาน
เว็บภาษาอังกฤษ: http://www.officedepot.com/
เว็บภาษาไทย: http://www.officedepot.co.th/
ท่านสามารถหาได้ 2 แบบ คือคลิกดูชื่อสินค้าตามเมนูหรือรายการต่าง ๆ ที่เว็บทำไว้ให้ หรือพิมพ์ชื่อเครื่องใช้สัก 1 คำ ลงไปในช่อง Search ก็ได้
ลองดูนะครับ การได้เห็นชื่อคำศัพท์และภาพด้วยตาของเรา, ได้อ่านออกเสียงด้วยปากของเรา ยิ่งถ้าได้เชียนลงสมุดจดศัพท์ด้วยมือของเราเอง จะทำให้เราจำศัพท์ข้าวของเครื่องใช้พวกนี้ได้เร็ว-และจำได้นาน ลองเล่นดูนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันศุกร์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1776]ภาพถ่ายดาวเทียม ก่อน-หลัง หายนภัยที่ญี่ปุ่น
สวัสดีครับ
หนังสือพิมพ์ New York Times ของประเทศสหรัฐอเมริกา ลงภาพภาพถ่ายจากดาวเทียม เปรียบเทียบพื้นที่ก่อนและหลังการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น
Satellite Photos of Japan, Before and After the Quake and Tsunami
เมื่อเข้าไปแล้ว จะมีภาพทั้งหมด 20 ภาพให้ดู
วันที่มุมบนซ้ายของภาพ คือก่อนเหตุการณ์
วันที่มุมบนขวาของภาพ คือหลังเหตุการณ์
จะมีทั้งหมด 4 พื้นที่ ให้ดู คือ
[1] Fukushima Daiichi Nuclear Plant (1 ภาพ)
Japan's largest ongoing threat is at this nuclear power plant. There have been explosions at four of its six reactors and all four have released some radioactive material.
[2] North of Sendai (6 ภาพ)
This area, which includes Minamisanriku and the Onagawa nuclear plant, was closest to the epicenter of the quake. In Minamisanriku alone, more than 10,000 people are missing.
[3] Sendai (10 ภาพ)
Sendai's city center, about 7 miles inland, remained largely intact after the quake, but there was massive damage along the coast. Much of the airport, which is less than a mile from the water, was also destroyed.
[4] Iwaki area (3 ภาพ)
Whole neighborhoods were in ruin and cars and debris were piled high around Iwaki.
-ให้ใช้เมาส์ลากสไลด์ไปทางขวาสุด จะเห็นภาพก่อนเกิดหายนภัย
-ให้ใช้เมาส์ลากสไลด์ไปทางซ้ายสุด จะเห็นภาพหลังเกิดหายนภัย
http://www.nytimes.com/interactive/2011/03/13/world/asia/satellite-photos-japan-before-and-after-tsunami.html?src=tptw
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
หนังสือพิมพ์ New York Times ของประเทศสหรัฐอเมริกา ลงภาพภาพถ่ายจากดาวเทียม เปรียบเทียบพื้นที่ก่อนและหลังการเกิดแผ่นดินไหวและสึนามิที่ญี่ปุ่น
Satellite Photos of Japan, Before and After the Quake and Tsunami
เมื่อเข้าไปแล้ว จะมีภาพทั้งหมด 20 ภาพให้ดู
วันที่มุมบนซ้ายของภาพ คือก่อนเหตุการณ์
วันที่มุมบนขวาของภาพ คือหลังเหตุการณ์
จะมีทั้งหมด 4 พื้นที่ ให้ดู คือ
[1] Fukushima Daiichi Nuclear Plant (1 ภาพ)
Japan's largest ongoing threat is at this nuclear power plant. There have been explosions at four of its six reactors and all four have released some radioactive material.
[2] North of Sendai (6 ภาพ)
This area, which includes Minamisanriku and the Onagawa nuclear plant, was closest to the epicenter of the quake. In Minamisanriku alone, more than 10,000 people are missing.
[3] Sendai (10 ภาพ)
Sendai's city center, about 7 miles inland, remained largely intact after the quake, but there was massive damage along the coast. Much of the airport, which is less than a mile from the water, was also destroyed.
[4] Iwaki area (3 ภาพ)
Whole neighborhoods were in ruin and cars and debris were piled high around Iwaki.
-ให้ใช้เมาส์ลากสไลด์ไปทางขวาสุด จะเห็นภาพก่อนเกิดหายนภัย
-ให้ใช้เมาส์ลากสไลด์ไปทางซ้ายสุด จะเห็นภาพหลังเกิดหายนภัย
http://www.nytimes.com/interactive/2011/03/13/world/asia/satellite-photos-japan-before-and-after-tsunami.html?src=tptw
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1775] แนะนำ 2 เว็บดิกชันนารีทางธุรกิจ+คลิปวีดิโอ
สวัสดีครับ
ดิกชันนารี ที่มีฐานข้อมูลเป็นพัน ๆ แหล่ง มีศัพท์ทางวิชาการมากมายหลายสาขา พูดง่าย ๆ ว่า หาคำไหนก็เจอคำนั้น ผมขอแนะนำ 3 เว็บนี้
www.onelook.com
www.yourdictionary.com
www.dictionary.reference.com
แต่วันนี้ผมขอแนะนำดิกชันนารีเฉพาะแวดวงธุรกิจอีก 2 เว็บ คือ businessdictionary.com และ investorwords.com
จุดที่น่าสนใจของทั้ง 2 เว็บดิกชันนารีที่แนะนำนี้ก็คือ
1.ให้คำอธิบายคำศัพท์ที่ชัดเจน และมีการแยกเป็น subject ให้ท่านที่สนใจเข้าไปศึกษาเฉพาะเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างเจาะจง
2.มีคลิปวีดิโอประกอบคำศัพท์ คือแต่ละคำศัพท์เมื่อให้คำนิยามเป็นข้อความแล้ว ก็มักจะมีวีดิโอที่เกี่ยวข้องให้คลิกชมด้วย
สำหรับท่านที่ทำงานหรือกำลังศึกษาเกี่ยวกับด้านธุรกิจ คลิปวีดิโอนี้น่าจะมีประโยชน์มาก แต่สำหรับพวกเราที่กำลังศึกษาภาษาอังกฤษ การได้ชมวีดิโอนี้ นอกจากได้ความรู้ทางธุรกิจ ยังได้ฝึกการฟังอีกด้วย
ขอเชิญครับ….
businessdictionary.com
www.businessdictionary.com
videos
by subject
most-popular-terms
funny definitions
investorwords.com
www.investorwords.com
videos
by subject
most-popular-terms
funny definitions
ศึกษาเพิ่มเติม: เว็บดิกชันนารีอีกประมาณ 100 เว็บที่เกี่ยวกับ Business
คลิก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ดิกชันนารี ที่มีฐานข้อมูลเป็นพัน ๆ แหล่ง มีศัพท์ทางวิชาการมากมายหลายสาขา พูดง่าย ๆ ว่า หาคำไหนก็เจอคำนั้น ผมขอแนะนำ 3 เว็บนี้
www.onelook.com
www.yourdictionary.com
www.dictionary.reference.com
แต่วันนี้ผมขอแนะนำดิกชันนารีเฉพาะแวดวงธุรกิจอีก 2 เว็บ คือ businessdictionary.com และ investorwords.com
จุดที่น่าสนใจของทั้ง 2 เว็บดิกชันนารีที่แนะนำนี้ก็คือ
1.ให้คำอธิบายคำศัพท์ที่ชัดเจน และมีการแยกเป็น subject ให้ท่านที่สนใจเข้าไปศึกษาเฉพาะเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างเจาะจง
2.มีคลิปวีดิโอประกอบคำศัพท์ คือแต่ละคำศัพท์เมื่อให้คำนิยามเป็นข้อความแล้ว ก็มักจะมีวีดิโอที่เกี่ยวข้องให้คลิกชมด้วย
สำหรับท่านที่ทำงานหรือกำลังศึกษาเกี่ยวกับด้านธุรกิจ คลิปวีดิโอนี้น่าจะมีประโยชน์มาก แต่สำหรับพวกเราที่กำลังศึกษาภาษาอังกฤษ การได้ชมวีดิโอนี้ นอกจากได้ความรู้ทางธุรกิจ ยังได้ฝึกการฟังอีกด้วย
ขอเชิญครับ….
businessdictionary.com
www.businessdictionary.com
videos
by subject
most-popular-terms
funny definitions
investorwords.com
www.investorwords.com
videos
by subject
most-popular-terms
funny definitions
ศึกษาเพิ่มเติม: เว็บดิกชันนารีอีกประมาณ 100 เว็บที่เกี่ยวกับ Business
คลิก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1774]แนะนำเว็บช่องทีวีภ.อังกฤษสำหรับเด็กผ่านเน็ต
สวัสดีครับ
ผมรวบรวมช่องทีวีภาษาอังกฤษสำหรับเด็กผ่านเน็ต จาก 4 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และ ออสเตรเลีย
ถ้าดูแล้วติด ๆ ขัด ๆ ลงทุนติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็ดีนะครับ
เว็บพวกนี้ไม่ได้ช่วยฝึกภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ครับ
เมื่อเข้าไปแล้ว เขาจะโชว์ผลอย่างนี้ครับ
Search Results
Showing 1 - 15 of …. records returned
Results Page: 1 2 3 4 5 ..... Next
ให้ท่าน (กด Shift และ) คลิก WATCH NOW ช่องที่ท่านต้องการชม
เชื่อว่าจะต้องมีอย่างน้อย 1 ช่อง ที่ท่านชอบ หรือเด็กของท่านชอบ
ขอเชิญครับ....
Kids – English – United States
Kids – English – United Kingdom
Kids – English – Australia
Kids – English – Canada
Kids – English – All Countries link 1
Kids – English – All Countries link 2
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมรวบรวมช่องทีวีภาษาอังกฤษสำหรับเด็กผ่านเน็ต จาก 4 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และ ออสเตรเลีย
ถ้าดูแล้วติด ๆ ขัด ๆ ลงทุนติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็ดีนะครับ
เว็บพวกนี้ไม่ได้ช่วยฝึกภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเท่านั้น ผู้ใหญ่ก็ใช้ได้ครับ
เมื่อเข้าไปแล้ว เขาจะโชว์ผลอย่างนี้ครับ
Search Results
Showing 1 - 15 of …. records returned
Results Page: 1 2 3 4 5 ..... Next
ให้ท่าน (กด Shift และ) คลิก WATCH NOW ช่องที่ท่านต้องการชม
เชื่อว่าจะต้องมีอย่างน้อย 1 ช่อง ที่ท่านชอบ หรือเด็กของท่านชอบ
ขอเชิญครับ....
Kids – English – United States
Kids – English – United Kingdom
Kids – English – Australia
Kids – English – Canada
Kids – English – All Countries link 1
Kids – English – All Countries link 2
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1773]ดูทีวี–ฟังวิทยุ ภาษาอังกฤษทั่วโลกผ่านเน็ต
สวัสดีครับ
การดูทีวี หรือ ฟังวิทยุ ที่เป็นภาษาอังกฤษ ทั่วโลก ผ่านเน็ต แม้จะทำได้ แต่ก็อาจเจอข้อขัดข้องบางอย่าง เช่น
1.ถ้าเน็ตเราช้า อาจชมหรือฟังไม่ได้ หรือได้แต่ไม่ชัด ติดขัด เพราะฉะนั้น ผมจึงขอแนะนำว่า ถ้าไม่ลำบากเกินไป ก็ลงทุนติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็ดีครับ
2.เราสามารถชมหรือฟังเว็บในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น อังกฤษ อเมริกา ได้ดีกว่าเว็บในประเทศไม่ค่อยรวย เพราะฉะนั้น ถ้าเจอเว็บใดและชอบใจก็ทำ Favorite หรือ Bookmark ไว้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาค้นหาใหม่
เว็บฟังวิทยุ
[1] http://broadcast-live.com/english.html
[2] http://www.live-radio.net/worldwide.shtml
http://www.live-radio.net/SearchStations.php3
เมื่อเลือกถึงช่องที่ต้องการแล้ว ให้คลิก Live Feed:
เว็บดูทีวี
[1] http://www.tvover.net/TVStation,search,0-0-0-0-0.aspx
เมื่อเข้าไปแล้ว ให้เลือกใน 3 ช่องนี้
Category, Language (เลือก English), Country
และคลิก Search
เขาจะโชว์ผล Search Results อย่างนี้
Showing 1 - 15 of …. records returned
Results Page: 1 2 3 4 5 ..... Next
ให้คลิก WATCH NOW
ยกตัวอย่าง การเลือก
News – English – United States
http://www.tvover.net/TVStation,search,1-1-1-0-0.aspx
News – English – United Kingdom
http://www.tvover.net/TVStation,search,2-1-1-0-0.aspx
Kids – English – United States
http://www.tvover.net/TVStation,search,1-1-7-0-0.aspx
Kids – English – United Kingdom
http://www.tvover.net/TVStation,search,2-1-7-0-0.aspx
Kids – English – Australia
http://www.tvover.net/TVStation,search,5-1-7-0-0.aspx
Kids – English – Canada
http://www.tvover.net/TVStation,search,4-1-7-0-0.aspx
[2] http://broadcast-live.com/television/index.html
[3] http://www.livetvcenter.com/
คลิกชื่อประเทศที่คอลัมน์ซ้ายสุด, คลิกสถานีที่คอลัมน์ถัดมา
[4] http://www.channelchooser.com/tv/world
เลือกตัวอักษร, เลือกประเทศ, เลิอกช่องที่ด้านล่างของหน้า
[5] http://wwitv.com/portal.htm
http://wwitv.com/television/index.html
[6 http://www.internettvlist.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
การดูทีวี หรือ ฟังวิทยุ ที่เป็นภาษาอังกฤษ ทั่วโลก ผ่านเน็ต แม้จะทำได้ แต่ก็อาจเจอข้อขัดข้องบางอย่าง เช่น
1.ถ้าเน็ตเราช้า อาจชมหรือฟังไม่ได้ หรือได้แต่ไม่ชัด ติดขัด เพราะฉะนั้น ผมจึงขอแนะนำว่า ถ้าไม่ลำบากเกินไป ก็ลงทุนติดตั้งอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงก็ดีครับ
2.เราสามารถชมหรือฟังเว็บในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น อังกฤษ อเมริกา ได้ดีกว่าเว็บในประเทศไม่ค่อยรวย เพราะฉะนั้น ถ้าเจอเว็บใดและชอบใจก็ทำ Favorite หรือ Bookmark ไว้เลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาค้นหาใหม่
เว็บฟังวิทยุ
[1] http://broadcast-live.com/english.html
[2] http://www.live-radio.net/worldwide.shtml
http://www.live-radio.net/SearchStations.php3
เมื่อเลือกถึงช่องที่ต้องการแล้ว ให้คลิก Live Feed:
เว็บดูทีวี
[1] http://www.tvover.net/TVStation,search,0-0-0-0-0.aspx
เมื่อเข้าไปแล้ว ให้เลือกใน 3 ช่องนี้
Category, Language (เลือก English), Country
และคลิก Search
เขาจะโชว์ผล Search Results อย่างนี้
Showing 1 - 15 of …. records returned
Results Page: 1 2 3 4 5 ..... Next
ให้คลิก WATCH NOW
ยกตัวอย่าง การเลือก
News – English – United States
http://www.tvover.net/TVStation,search,1-1-1-0-0.aspx
News – English – United Kingdom
http://www.tvover.net/TVStation,search,2-1-1-0-0.aspx
Kids – English – United States
http://www.tvover.net/TVStation,search,1-1-7-0-0.aspx
Kids – English – United Kingdom
http://www.tvover.net/TVStation,search,2-1-7-0-0.aspx
Kids – English – Australia
http://www.tvover.net/TVStation,search,5-1-7-0-0.aspx
Kids – English – Canada
http://www.tvover.net/TVStation,search,4-1-7-0-0.aspx
[2] http://broadcast-live.com/television/index.html
[3] http://www.livetvcenter.com/
คลิกชื่อประเทศที่คอลัมน์ซ้ายสุด, คลิกสถานีที่คอลัมน์ถัดมา
[4] http://www.channelchooser.com/tv/world
เลือกตัวอักษร, เลือกประเทศ, เลิอกช่องที่ด้านล่างของหน้า
[5] http://wwitv.com/portal.htm
http://wwitv.com/television/index.html
[6 http://www.internettvlist.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1772] ศึกษา verb 1,904 คำที่ใช้บ่อย
สวัสดีครับ
ผมมานั่งถามตัวเองว่า มีวิธีใดที่จะแนะนำท่านผู้อ่านถึงวิธีจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด
พอผมตั้งต้นที่จะคิดเพื่อตอบคำถามนี้ ก็มีอีก 1 คำถามแทรกเข้ามาในใจว่า ทำไมถึงต้องจำให้ได้เร็วที่สุด ก็ทีศัพท์ภาษาไทยเรายังไม่เห็นต้องรีบจำให้ได้เยอะ ๆ ภายในเวลาอันรวดเร็ว เราก็ยังจำได้เพียงพอต่อการใช้ แล้วทำไมภาษาอังกฤษเราต้องรีบจำด้วย
พอถึงตรงนี้ผมสามารถตอบตัวเองได้อย่างแน่ใจเลยว่า การที่เรารู้ศัพท์ภาษาไทยได้อย่างเพียงพอ ก็เพราะเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติแบบไทย ๆ จึงทำให้เรารู้ศัพท์ภาษาไทยเพียงพอต่อการสื่อสารด้วยภาษาไทย แต่ในชั้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย มิได้มีสิ่งแวดล้อมอย่างเพียงพอที่จะทำให้เราจำศัพท์ภาษาอังกฤษได้มากจนพอใช้
คำถามที่รอคำตอบสุดท้ายก็คือ เมื่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงพอ ทำให้เรารู้ศัพท์ไม่พอเพียง เราจะต้องทำอย่างไรจึงจะรู้ศัพท์เพิ่มมากขึ้นจนพอใช้ และต้องรู้อย่างรวดเร็วด้วย เพราะการเรียนหรือการงานบังคับให้เราต้องรู้อย่างเร่งรัด มิใช่รู้ไปทีละคำ ๆ ตามความเร็วธรรมชาติ เราจึงต้องจำศัพท์ให้ได้รวดเร็วกว่าปกติ เพื่อชดเชยกับเวลาในอดีตที่เราจำศัพท์ได้ช้ากว่าปกติ
เราต้องทำอย่างไร?
ท่านผู้อ่านครับ ท่านอย่าต่อว่าผมเลยนะครับ ถ้าผมจะบอกท่านอย่างตรงไปตรงมาว่า ผมไม่รู้จริง ๆ ครับว่าจะต้องทำยังไง
ผมรู้แต่ว่า ผมเองก็ลองทำมาทุกวิธีแหละครับ ทั้ง อ่าน – เดา – จด – ท่อง (ในใจ-ออกเสียง) ทำด้วยใจรัก(ฉันทะ), ทำบ่อย ๆ (วิริยะ), ทำด้วยสมาธิ(จิตตะ), และทำไปคิดไปว่าทำยังไงจึงจะได้ผลดีที่สุด(วิมังสา) นี่เป็นทฤษฎีที่ผมรู้ และแม้ว่าจะทำไม่ได้ทุกครั้ง ก็พยายามทำให้ได้มากที่สุด
วันนี้ผมมี verb 1.904 คำที่ใช้บ่อยมาให้ท่านศึกษา แต่ละคำมีประโยคตัวอย่างให้ดู ผมหวังว่าท่านจะศึกษาโดยการอ่าน – เดา – จด – ท่อง ด้วยใจรัก(ฉันทะ), ด้วยการทำบ่อย ๆ (วิริยะ), ด้วยสมาธิ(จิตตะ), และด้วยการพิจารณาว่าต้องฝึกจำอย่างไรที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับท่าน(วิมังสา)
ผมมีไฟล์อยู 3 ชุด
ชุดที่ 1 เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ จะมีคำแปลภาษาไทยปรากฏ [คลิกฟังเสียงคำอ่าน และ ฝึกพูดตาม] คลิก
ชุดที่ 2 เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ จะมีคำแปลภาษาอังกฤษปรากฏ จาก Oxford Dictionary [คลิกฟังเสียงคำอ่าน และ ฝึกพูดตาม] คลิก
ชุดที่ 3 เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ และคลิก Definition จะมีคำแปลภาษาอังกฤษปรากฏ จาก Cambridge Dictionary [คลิกฟังเสียงคำอ่าน และ ฝึกพูดตาม] คลิก
วิธีศึกษา
1.อ่านประโยค และจับให้ได้ว่า คำไหนเป็น verb
2.แปลประโยคให้ได้ใจความ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง verb แปลว่าอะไร? ถ้าไม่รู้ก็พยายามเดา
3.ดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์ เพื่อดูความหมาย [คลิกฟังเสียงอ่านและออกเสียงตามด้วย]
4.แปลให้ได้ความอย่างกระจ่างอีกครั้งหนึ่ง
ผมหวังว่า Double-Click Dictionary ทั้ง3 ชุดนี้ จะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ท่าน อ่าน – เดา – จด – ท่อง verb 1,904 คำนี้ได้อย่างรวดเร็ว และพอเพียงต่อการใช้ เพื่อชดเชยกับวันคืนในอดีตที่บางท่านอาจจะจำศัพท์ได้ช้าและน้อยเกินไป
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมมานั่งถามตัวเองว่า มีวิธีใดที่จะแนะนำท่านผู้อ่านถึงวิธีจำคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้ได้อย่างรวดเร็วที่สุด
พอผมตั้งต้นที่จะคิดเพื่อตอบคำถามนี้ ก็มีอีก 1 คำถามแทรกเข้ามาในใจว่า ทำไมถึงต้องจำให้ได้เร็วที่สุด ก็ทีศัพท์ภาษาไทยเรายังไม่เห็นต้องรีบจำให้ได้เยอะ ๆ ภายในเวลาอันรวดเร็ว เราก็ยังจำได้เพียงพอต่อการใช้ แล้วทำไมภาษาอังกฤษเราต้องรีบจำด้วย
พอถึงตรงนี้ผมสามารถตอบตัวเองได้อย่างแน่ใจเลยว่า การที่เรารู้ศัพท์ภาษาไทยได้อย่างเพียงพอ ก็เพราะเราอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติแบบไทย ๆ จึงทำให้เรารู้ศัพท์ภาษาไทยเพียงพอต่อการสื่อสารด้วยภาษาไทย แต่ในชั้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษที่โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย มิได้มีสิ่งแวดล้อมอย่างเพียงพอที่จะทำให้เราจำศัพท์ภาษาอังกฤษได้มากจนพอใช้
คำถามที่รอคำตอบสุดท้ายก็คือ เมื่อสิ่งแวดล้อมไม่เพียงพอ ทำให้เรารู้ศัพท์ไม่พอเพียง เราจะต้องทำอย่างไรจึงจะรู้ศัพท์เพิ่มมากขึ้นจนพอใช้ และต้องรู้อย่างรวดเร็วด้วย เพราะการเรียนหรือการงานบังคับให้เราต้องรู้อย่างเร่งรัด มิใช่รู้ไปทีละคำ ๆ ตามความเร็วธรรมชาติ เราจึงต้องจำศัพท์ให้ได้รวดเร็วกว่าปกติ เพื่อชดเชยกับเวลาในอดีตที่เราจำศัพท์ได้ช้ากว่าปกติ
เราต้องทำอย่างไร?
ท่านผู้อ่านครับ ท่านอย่าต่อว่าผมเลยนะครับ ถ้าผมจะบอกท่านอย่างตรงไปตรงมาว่า ผมไม่รู้จริง ๆ ครับว่าจะต้องทำยังไง
ผมรู้แต่ว่า ผมเองก็ลองทำมาทุกวิธีแหละครับ ทั้ง อ่าน – เดา – จด – ท่อง (ในใจ-ออกเสียง) ทำด้วยใจรัก(ฉันทะ), ทำบ่อย ๆ (วิริยะ), ทำด้วยสมาธิ(จิตตะ), และทำไปคิดไปว่าทำยังไงจึงจะได้ผลดีที่สุด(วิมังสา) นี่เป็นทฤษฎีที่ผมรู้ และแม้ว่าจะทำไม่ได้ทุกครั้ง ก็พยายามทำให้ได้มากที่สุด
วันนี้ผมมี verb 1.904 คำที่ใช้บ่อยมาให้ท่านศึกษา แต่ละคำมีประโยคตัวอย่างให้ดู ผมหวังว่าท่านจะศึกษาโดยการอ่าน – เดา – จด – ท่อง ด้วยใจรัก(ฉันทะ), ด้วยการทำบ่อย ๆ (วิริยะ), ด้วยสมาธิ(จิตตะ), และด้วยการพิจารณาว่าต้องฝึกจำอย่างไรที่ได้ผลดีที่สุดสำหรับท่าน(วิมังสา)
ผมมีไฟล์อยู 3 ชุด
ชุดที่ 1 เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ จะมีคำแปลภาษาไทยปรากฏ [คลิกฟังเสียงคำอ่าน และ ฝึกพูดตาม] คลิก
ชุดที่ 2 เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ จะมีคำแปลภาษาอังกฤษปรากฏ จาก Oxford Dictionary [คลิกฟังเสียงคำอ่าน และ ฝึกพูดตาม] คลิก
ชุดที่ 3 เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ และคลิก Definition จะมีคำแปลภาษาอังกฤษปรากฏ จาก Cambridge Dictionary [คลิกฟังเสียงคำอ่าน และ ฝึกพูดตาม] คลิก
วิธีศึกษา
1.อ่านประโยค และจับให้ได้ว่า คำไหนเป็น verb
2.แปลประโยคให้ได้ใจความ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง verb แปลว่าอะไร? ถ้าไม่รู้ก็พยายามเดา
3.ดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์ เพื่อดูความหมาย [คลิกฟังเสียงอ่านและออกเสียงตามด้วย]
4.แปลให้ได้ความอย่างกระจ่างอีกครั้งหนึ่ง
ผมหวังว่า Double-Click Dictionary ทั้ง3 ชุดนี้ จะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ท่าน อ่าน – เดา – จด – ท่อง verb 1,904 คำนี้ได้อย่างรวดเร็ว และพอเพียงต่อการใช้ เพื่อชดเชยกับวันคืนในอดีตที่บางท่านอาจจะจำศัพท์ได้ช้าและน้อยเกินไป
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1771] เว็บเพลง
สวัสดีครับ
ผมไม่ใช่นักฟังเพลง แต่ถ้าเวลาที่อยากฟังเพลง ก็ไปหาง่าย ๆ ที่ 2 เว็บนี้
http://www.youtube.com/
http://www.4shared.com/
แต่ไม่กี่วันนี้มีนักดนตรีคนหนึ่งบอกผมว่า เว็บนี้มีเพลงมากมายให้ฟัง
http://beemp3.com/
วิธีฟังและดาวน์โหลด
1)พิมพ์ชื่อเพลง หรือชื่อนักร้อง หรือชื่ออัลบั้ม, Enter
2)ที่คอลัมน์ซ้ายของหน้า คลิกชื่อเพลงที่ต้องการที่บรรทัดแรก (song)
[และ เติม code ที่คอลัมน์ขวาของหน้า, Enter]
3)ที่ด้านขวาของหน้า คลิกปุ่ม Play รูปสามเหลี่ยม เพื่อฟัง
4)ถ้าต้องการดาวน์โหลดเพลง
มองที่ด้านขวาของหน้า
ถ้าใช้ browser Firefox หรือ Google Chrome ให้คลิกขวาที่ชื่อเพลง และะคลิกซ้าย Save Link As..
ถ้าใช้ browser IE ให้คลิกขวาที่ชื่อเพลง และะคลิกซ้าย Save Target As..
ที่บรรทัด เช่น Download Elizabeth Mitchell - You Are My Sunshine .mp3
ผมลองหาดูไม่กี่เพลงที่รู้จัก ก็หาเจอ เลยนำมาแนะนำท่านผู้อ่านด้วย
และอยากขอด้วยว่า ถ้าท่านใดทราบเว็บที่มีเพลงให้ฟังเยอะ ๆ เรียกว่า หาเพลงไหนก็เจอเพลงนั้น ไม่ผิดหวัง ถ้ารู้ช่วยแจ้งผมด้วยนะครับ
แนะนำเพิ่มเติม 21 มีนาคม 2554:
http://www.index-of-mp3.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมไม่ใช่นักฟังเพลง แต่ถ้าเวลาที่อยากฟังเพลง ก็ไปหาง่าย ๆ ที่ 2 เว็บนี้
http://www.youtube.com/
http://www.4shared.com/
แต่ไม่กี่วันนี้มีนักดนตรีคนหนึ่งบอกผมว่า เว็บนี้มีเพลงมากมายให้ฟัง
http://beemp3.com/
วิธีฟังและดาวน์โหลด
1)พิมพ์ชื่อเพลง หรือชื่อนักร้อง หรือชื่ออัลบั้ม, Enter
2)ที่คอลัมน์ซ้ายของหน้า คลิกชื่อเพลงที่ต้องการที่บรรทัดแรก (song)
[และ เติม code ที่คอลัมน์ขวาของหน้า, Enter]
3)ที่ด้านขวาของหน้า คลิกปุ่ม Play รูปสามเหลี่ยม เพื่อฟัง
4)ถ้าต้องการดาวน์โหลดเพลง
มองที่ด้านขวาของหน้า
ถ้าใช้ browser Firefox หรือ Google Chrome ให้คลิกขวาที่ชื่อเพลง และะคลิกซ้าย Save Link As..
ถ้าใช้ browser IE ให้คลิกขวาที่ชื่อเพลง และะคลิกซ้าย Save Target As..
ที่บรรทัด เช่น Download Elizabeth Mitchell - You Are My Sunshine .mp3
ผมลองหาดูไม่กี่เพลงที่รู้จัก ก็หาเจอ เลยนำมาแนะนำท่านผู้อ่านด้วย
และอยากขอด้วยว่า ถ้าท่านใดทราบเว็บที่มีเพลงให้ฟังเยอะ ๆ เรียกว่า หาเพลงไหนก็เจอเพลงนั้น ไม่ผิดหวัง ถ้ารู้ช่วยแจ้งผมด้วยนะครับ
แนะนำเพิ่มเติม 21 มีนาคม 2554:
http://www.index-of-mp3.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1770] news & view เกี่ยวกับไทย จากแหล่งข่าวโลก
สวัสดีครับ
ผมเคยเขียน 2 บทความนี้ คือ
1)‘ตามข่าว’ เพื่อไม่ ‘ตกข่าว’ แต่ ‘ไม่มีเวลา’ จะทำยังไง
ซึ่งพูดถึงการใช้ Google Search หาข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยจากสำนักข่าว BBC, CNN, Aljazeera และ Asia News Network และ
2) ประเทศอื่นลงข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยยังไงบ้าง?
ซึ่งพูดถึงการใช้ Google Search หาข่าวภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเมืองไทยที่ตีพิมพ์ หรือโพสต์ในเว็บในประเทศต่าง ๆ
วันนี้ผมขอพูดอีกเรื่องหนึ่ง คือ การติดตามข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยที่รายงานโดยสำนักข่าวหรือนิตยสารข่าวระดับโลก ได้แก่ Time, Newsweek, The Economist, USA Today และ Washington Post
ก่อนจะเข้าเรื่องผมขอพูดอะไรสักนิดนะครับ
เรื่องข่าวนี่นะครับ ทุกวันนี้ด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีทำให้ “ข่าว” เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทุกวันนี้แม้การรายงานข่าวจะมิได้เป็นอุดมคติอย่างที่หลายคนหวัง แต่ผมก็เชื่อว่า ข่าวจะมีบทบาทต่อทุกสังคมมากขึ้น ๆ และจะส่งผลในทางที่ดี โดยผมมีความเห็นว่า...
1.ทุกวันนี้ ข่าวที่เกี่ยวกับเมืองไทย มิใช่รายงานโดยหนังสือพิมพ์ไทย เว็บไทย หรือคนไทย เท่านั้น แต่เป็นหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ เว็บต่างประเทศ และชาวต่างประเทศด้วย ที่สำคัญคือ รายงานด้วยภาษาต่างประเทศ คือภาษาอังกฤษ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หนักแน่นว่า ถ้าเราต้องการรู้จักตัวเราเอง ผ่านเนื้อข่าว (news) และความเห็น (view) ของคนทั่วโลก เราต้องอ่านและฟังภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง
2.เราสนใจข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยที่สำนักข่าวดังระดับโลกรายงานก็เพราะว่า ข่าวที่เกี่ยวกับเมืองไทยอาจจะเกิดขึ้นในเมืองไทย หรือเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ ที่คือ news และเมื่อมีข่าวก็ต้องมีความเห็นของแหล่งข่าว (view) ซึ่งอาจจะเห็นหมือนหรือเห็นต่างจากเราก็ได้
3.ทุกวันนี้ แม้เราจะเข้าถึงข่าวได้อย่างมากมาย แต่คุณภาพของข่าวก็ยังน่าเป็นห่วง การ (1)ปิดข่าว, (2)รายงานข่าวเพียงด้านเดียว หรือ(3)บิดเบือนข่าว ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกแห่ง ผู้นำของทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา หรือด้อยพัฒนา ต่างก็ทำทั้ง 3 เรื่องนี้ เพื่อหลอกคนในประเทศของตัวเอง และคนประเทศอื่น เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน หรือของประเทศตน ยิ่งถ้าบวกการให้ความเห็น (view) ที่มุ่งชักจูงให้คนคล้อยตามเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน หรือของประเทศตน ก็ทำให้ชวนรู้สึกว่า การไม่ติดตามข่าวสารการเมืองในประเทศหรือต่างประเทศ อาจจะดีเหมือนกัน เพราะจะได้ไม่เครียดและไม่ถูกหลอก แต่คงไม่ได้หรอกครับ !!
4.เพราะอย่างที่บอกแล้ว ผมยังมองในแง่ดีครับ คือมองว่า ไม่ว่าข่าวในประเทศที่คนมีอำนาจในประเทศหนึ่งๆ หรือข่าวต่างประเทศที่ประเทศมหาอำนาจหนึ่ง ๆ พยายามจะปิดบัง, บิดเบือน, หรือหลอกคนในประเทศ หรือชาวต่างประเทศ แต่สักวันหนึ่งความจริงก็ต้องปรากฏ และจะปรากฏเร็วขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งนี้เพราะอิทธิพลของเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คืออินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ
5.และเมื่อความจริงปรากฏ แนวทางการปกครองประเทศก็จะเปลี่ยนไป คือเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศนั้นซึ่งรู้ข้อมูลที่เคยถูกปิดบัง, บิดเบือน, หรือหลอกลวง ผมเชื่อว่านี่คือกระแสโลก ซึ่งได้แสดงรูปธรรมให้เห็นแล้วในหลายประเทศที่มีการประท้วงผู้นำอยู่ขณะนี้
6.สำนักข่าวดังที่ผมยกตัวอย่างในวันนี้ คือ Time, Newsweek, The Economist, USA Today และ Washington Post ก็ไช่ว่าจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง บางครั้งก็ถูกวิพากย์วิจารณ์ว่าเสนอข่าวและความเห็นอย่างบิดเบือนผิดเพี้ยน (ผมได้นำลิงค์ของ Wikipedia ซึ่งบางบทความก็มีข้อความวิจารณ์สำนักข่าวเหล่านี้ด้วย แต่ Wikipedia เองก็เคยถูกวิจารณ์ว่า บางครั้งก็ลงบทความที่บิดเบือนผิดเพี้ยนเช่นกัน)
แต่การแก้ปัญหาโดยการไม่ติดตามข่าว คงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ผมว่าวิธีแก้ปัญหาที่เราพอจะทำได้ก็คือ
1)อ่านและฟังข่าวจากหลายแหล่ง
2)ศึกษาภูมิหลังและความเป็นมาของแต่ละประเทศ [ ลิงค์ 1 ลิงค์ 2 ] และ
3)ใช้วิจารณญาณในการรับฟังและเลือกเชื่อ, เลือกไม่เชื่อ,หรือ เลือกที่จะยังไม่ปักใจในทางใดทางหนึ่ง
ข้อที่น่าสนใจของสำนักข่าวดังที่ผมยกมานี้ น่าจะมีดังต่อไปนี้
1)เขามี database ขนาดใหญ่ให้เราได้สืบค้นย้อนหลังไปนาน ๆ แต่ถ้าเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาไทย มักจะมีให้ย้อนหลังไม่เยอะ
2)มีทั้งเนื้อข่าว วีดิโอข่าว ภาพข่าว ให้เราค้น โดยมี Search และ Menu ในหน้าเว็บ ให้ค้นได้อย่างง่ายดาย
3)สำนักข่าวพวกนี้ มักจะมีนักข่าวต่างชาติหรือนักข่าวชาวไทย ประจำอยู่ในประเทศไทย (หรือประเทศใกล้เคียง) เก็บข่าวและส่งไฟล์ไปให้สำนักงานใหญ่เพื่อ post ลงเว็บให้คนทั่วโลกอ่าน คุณภาพของข่าวที่เขารายงาน จะสะท้อนถึงคุณภาพของนักข่าวและมุมมองของเขา ซึ่งเขาอาจจะมีมุมมอง (view)ที่ต่างจากเราก็ได้ นี่เป็นเรื่องธรรมดา เราควรยอมรับได้, แต่เขาไม่ควรรายงานเนื้อข่าว (news) อย่าง ปิดบัง, บิดเบือน, หรือหลอกลวง ซึ่งเราหรือใครก็ยอมรับไม่ได้
ปรากฏการณ์ที่น่าเศร้าซึ่งเกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศก็คือ มีผู้ปกครองบางประเทศที่ไม่ชอบนักข่าวต่างประเทศ เพราะแสดง view ที่เขาไม่อยากให้แสดง, หรือรายงาน news ที่เขาไม่อยากให้รายงาน แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
การที่ผมชวนท่านผู้อ่านให้พยายามศึกษาภาษาอังกฤษ เพื่ออ่านและฟังข่าวภาษาอังกฤษให้รู้เรื่องก็เพราะว่า
-เราจะได้ฟังหรืออ่าน news ใหม่ ๆเกี่ยวกับเมืองไทยเราเอง ที่ไม่มีในข่าวภาษาไทย
-เราจะได้ฟังหรืออ่าน view เกี่ยวกับเมืองไทย ที่อาจจะต่างไปจากความเห็นที่แสดงในภาษาไทย
ผมว่านี่เป็นสิ่งวิเศษนะครับที่ทักษะภาษาอังกฤษและอินเทอร์เน็ตมีให้แก่เราในโลกยุคนี้
ขอเชิญชมนิตยสารข่าวระดับโลกที่ผมแนะนำได้เลยครับ
http://www.time.com/
http://www.time.com/time/magazine/asia/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.newsweek.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.economist.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.usatoday.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
www.washingtonpost.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://english.aljazeera.net/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.cnn.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.bbc.co.uk/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.reuters.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www3.nhk.or.jp/daily/english/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
สำนักข่าวในประเทศจีน
http://english.news.cn/
http://www.xinhuanet.com/english2010/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://english.cntv.cn/01/index.shtml
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
หาข่าวจาก Search Engine
http://news.google.com/
http://news.yahoo.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมเคยเขียน 2 บทความนี้ คือ
1)‘ตามข่าว’ เพื่อไม่ ‘ตกข่าว’ แต่ ‘ไม่มีเวลา’ จะทำยังไง
ซึ่งพูดถึงการใช้ Google Search หาข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยจากสำนักข่าว BBC, CNN, Aljazeera และ Asia News Network และ
2) ประเทศอื่นลงข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยยังไงบ้าง?
ซึ่งพูดถึงการใช้ Google Search หาข่าวภาษาอังกฤษเกี่ยวกับเมืองไทยที่ตีพิมพ์ หรือโพสต์ในเว็บในประเทศต่าง ๆ
วันนี้ผมขอพูดอีกเรื่องหนึ่ง คือ การติดตามข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยที่รายงานโดยสำนักข่าวหรือนิตยสารข่าวระดับโลก ได้แก่ Time, Newsweek, The Economist, USA Today และ Washington Post
ก่อนจะเข้าเรื่องผมขอพูดอะไรสักนิดนะครับ
เรื่องข่าวนี่นะครับ ทุกวันนี้ด้วยอิทธิพลของเทคโนโลยีทำให้ “ข่าว” เปลี่ยนไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทุกวันนี้แม้การรายงานข่าวจะมิได้เป็นอุดมคติอย่างที่หลายคนหวัง แต่ผมก็เชื่อว่า ข่าวจะมีบทบาทต่อทุกสังคมมากขึ้น ๆ และจะส่งผลในทางที่ดี โดยผมมีความเห็นว่า...
1.ทุกวันนี้ ข่าวที่เกี่ยวกับเมืองไทย มิใช่รายงานโดยหนังสือพิมพ์ไทย เว็บไทย หรือคนไทย เท่านั้น แต่เป็นหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ เว็บต่างประเทศ และชาวต่างประเทศด้วย ที่สำคัญคือ รายงานด้วยภาษาต่างประเทศ คือภาษาอังกฤษ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หนักแน่นว่า ถ้าเราต้องการรู้จักตัวเราเอง ผ่านเนื้อข่าว (news) และความเห็น (view) ของคนทั่วโลก เราต้องอ่านและฟังภาษาอังกฤษให้รู้เรื่อง
2.เราสนใจข่าวเกี่ยวกับเมืองไทยที่สำนักข่าวดังระดับโลกรายงานก็เพราะว่า ข่าวที่เกี่ยวกับเมืองไทยอาจจะเกิดขึ้นในเมืองไทย หรือเกิดขึ้นที่ไหนก็ได้ในโลกนี้ ที่คือ news และเมื่อมีข่าวก็ต้องมีความเห็นของแหล่งข่าว (view) ซึ่งอาจจะเห็นหมือนหรือเห็นต่างจากเราก็ได้
3.ทุกวันนี้ แม้เราจะเข้าถึงข่าวได้อย่างมากมาย แต่คุณภาพของข่าวก็ยังน่าเป็นห่วง การ (1)ปิดข่าว, (2)รายงานข่าวเพียงด้านเดียว หรือ(3)บิดเบือนข่าว ยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกแห่ง ผู้นำของทุกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว กำลังพัฒนา หรือด้อยพัฒนา ต่างก็ทำทั้ง 3 เรื่องนี้ เพื่อหลอกคนในประเทศของตัวเอง และคนประเทศอื่น เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน หรือของประเทศตน ยิ่งถ้าบวกการให้ความเห็น (view) ที่มุ่งชักจูงให้คนคล้อยตามเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน หรือของประเทศตน ก็ทำให้ชวนรู้สึกว่า การไม่ติดตามข่าวสารการเมืองในประเทศหรือต่างประเทศ อาจจะดีเหมือนกัน เพราะจะได้ไม่เครียดและไม่ถูกหลอก แต่คงไม่ได้หรอกครับ !!
4.เพราะอย่างที่บอกแล้ว ผมยังมองในแง่ดีครับ คือมองว่า ไม่ว่าข่าวในประเทศที่คนมีอำนาจในประเทศหนึ่งๆ หรือข่าวต่างประเทศที่ประเทศมหาอำนาจหนึ่ง ๆ พยายามจะปิดบัง, บิดเบือน, หรือหลอกคนในประเทศ หรือชาวต่างประเทศ แต่สักวันหนึ่งความจริงก็ต้องปรากฏ และจะปรากฏเร็วขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ทั้งนี้เพราะอิทธิพลของเทคโนโลยี โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คืออินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ
5.และเมื่อความจริงปรากฏ แนวทางการปกครองประเทศก็จะเปลี่ยนไป คือเปลี่ยนไปตามความต้องการของผู้คนส่วนใหญ่ในประเทศนั้นซึ่งรู้ข้อมูลที่เคยถูกปิดบัง, บิดเบือน, หรือหลอกลวง ผมเชื่อว่านี่คือกระแสโลก ซึ่งได้แสดงรูปธรรมให้เห็นแล้วในหลายประเทศที่มีการประท้วงผู้นำอยู่ขณะนี้
6.สำนักข่าวดังที่ผมยกตัวอย่างในวันนี้ คือ Time, Newsweek, The Economist, USA Today และ Washington Post ก็ไช่ว่าจะบริสุทธิ์ผุดผ่อง บางครั้งก็ถูกวิพากย์วิจารณ์ว่าเสนอข่าวและความเห็นอย่างบิดเบือนผิดเพี้ยน (ผมได้นำลิงค์ของ Wikipedia ซึ่งบางบทความก็มีข้อความวิจารณ์สำนักข่าวเหล่านี้ด้วย แต่ Wikipedia เองก็เคยถูกวิจารณ์ว่า บางครั้งก็ลงบทความที่บิดเบือนผิดเพี้ยนเช่นกัน)
แต่การแก้ปัญหาโดยการไม่ติดตามข่าว คงไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง ผมว่าวิธีแก้ปัญหาที่เราพอจะทำได้ก็คือ
1)อ่านและฟังข่าวจากหลายแหล่ง
2)ศึกษาภูมิหลังและความเป็นมาของแต่ละประเทศ [ ลิงค์ 1 ลิงค์ 2 ] และ
3)ใช้วิจารณญาณในการรับฟังและเลือกเชื่อ, เลือกไม่เชื่อ,หรือ เลือกที่จะยังไม่ปักใจในทางใดทางหนึ่ง
ข้อที่น่าสนใจของสำนักข่าวดังที่ผมยกมานี้ น่าจะมีดังต่อไปนี้
1)เขามี database ขนาดใหญ่ให้เราได้สืบค้นย้อนหลังไปนาน ๆ แต่ถ้าเป็นหนังสือพิมพ์ภาษาไทย มักจะมีให้ย้อนหลังไม่เยอะ
2)มีทั้งเนื้อข่าว วีดิโอข่าว ภาพข่าว ให้เราค้น โดยมี Search และ Menu ในหน้าเว็บ ให้ค้นได้อย่างง่ายดาย
3)สำนักข่าวพวกนี้ มักจะมีนักข่าวต่างชาติหรือนักข่าวชาวไทย ประจำอยู่ในประเทศไทย (หรือประเทศใกล้เคียง) เก็บข่าวและส่งไฟล์ไปให้สำนักงานใหญ่เพื่อ post ลงเว็บให้คนทั่วโลกอ่าน คุณภาพของข่าวที่เขารายงาน จะสะท้อนถึงคุณภาพของนักข่าวและมุมมองของเขา ซึ่งเขาอาจจะมีมุมมอง (view)ที่ต่างจากเราก็ได้ นี่เป็นเรื่องธรรมดา เราควรยอมรับได้, แต่เขาไม่ควรรายงานเนื้อข่าว (news) อย่าง ปิดบัง, บิดเบือน, หรือหลอกลวง ซึ่งเราหรือใครก็ยอมรับไม่ได้
ปรากฏการณ์ที่น่าเศร้าซึ่งเกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศก็คือ มีผู้ปกครองบางประเทศที่ไม่ชอบนักข่าวต่างประเทศ เพราะแสดง view ที่เขาไม่อยากให้แสดง, หรือรายงาน news ที่เขาไม่อยากให้รายงาน แม้จะเป็นเรื่องจริงก็ตาม
การที่ผมชวนท่านผู้อ่านให้พยายามศึกษาภาษาอังกฤษ เพื่ออ่านและฟังข่าวภาษาอังกฤษให้รู้เรื่องก็เพราะว่า
-เราจะได้ฟังหรืออ่าน news ใหม่ ๆเกี่ยวกับเมืองไทยเราเอง ที่ไม่มีในข่าวภาษาไทย
-เราจะได้ฟังหรืออ่าน view เกี่ยวกับเมืองไทย ที่อาจจะต่างไปจากความเห็นที่แสดงในภาษาไทย
ผมว่านี่เป็นสิ่งวิเศษนะครับที่ทักษะภาษาอังกฤษและอินเทอร์เน็ตมีให้แก่เราในโลกยุคนี้
ขอเชิญชมนิตยสารข่าวระดับโลกที่ผมแนะนำได้เลยครับ
http://www.time.com/
http://www.time.com/time/magazine/asia/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.newsweek.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.economist.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.usatoday.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
www.washingtonpost.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://english.aljazeera.net/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.cnn.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.bbc.co.uk/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www.reuters.com/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://www3.nhk.or.jp/daily/english/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
สำนักข่าวในประเทศจีน
http://english.news.cn/
http://www.xinhuanet.com/english2010/
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
http://english.cntv.cn/01/index.shtml
บทความที่เกี่ยวข้องใน wikipedia
หาข่าวจาก Search Engine
http://news.google.com/
http://news.yahoo.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1769] ติดตามข่าวแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นอย่างใกล้ชิด
สวัสดีครับ
ข่าวการเกิดแผ่นดินไหวและ tsunami ที่ญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 สร้างความสนใจและสลดใจไปทั่วโลก
ทุกครั้งที่มีข่าวดังทำนองนี้ และท่านต้องการติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด จากหลาย ๆ แหล่งข่าว ผมขอแนะนำให้ใช้บริการของ Google
ไปที่ http://www.google.com/ และพิมพ์ key word ลงไป
ในกรณีนี้ คือ Japan earthquake
ให้มองที่คอลัมน์ซ้ายมือ
ถ้าต้องการอ่านข่าว ให้คลิกที่ News
ถ้าต้องการ ดูวีดิโอข่าว ให้คลิกที่ Videos
ถ้าต้องการ ดูภาพข่าวให้คลิกที่ Images
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ข่าวการเกิดแผ่นดินไหวและ tsunami ที่ญี่ปุ่นเมื่อวันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554 สร้างความสนใจและสลดใจไปทั่วโลก
ทุกครั้งที่มีข่าวดังทำนองนี้ และท่านต้องการติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด จากหลาย ๆ แหล่งข่าว ผมขอแนะนำให้ใช้บริการของ Google
ไปที่ http://www.google.com/ และพิมพ์ key word ลงไป
ในกรณีนี้ คือ Japan earthquake
ให้มองที่คอลัมน์ซ้ายมือ
ถ้าต้องการอ่านข่าว ให้คลิกที่ News
ถ้าต้องการ ดูวีดิโอข่าว ให้คลิกที่ Videos
ถ้าต้องการ ดูภาพข่าวให้คลิกที่ Images
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2554
[1768]มีหูอยู่คู่เดียว ฟังไม่รู้เรื่องก็ต้องฝึกฟัง
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านบางท่านเขียนถึงผม แสดงความหนักใจในทำนองนี้ว่า ได้รับมอบหมายงาน(ใหม่) ให้มีหน้าที่ติดต่อกับชาวต่างประเทศ แต่ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องแถมพูดก็ไม่ได้ดังใจ จึงบอกผมว่า “ขอให้อาจารย์ช่วยแนะนำวิธีพูดและฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว ?” ขอเรียนท่านผู้อ่านว่า พอผมเจอคำถามทำนองนี้ทีไร ผมชะงักทุกที เพราะในชีวิตนี้ไม่เคยเป็นอาจารย์ใครมาก่อนเลย
และพอเจออีกคำถามหนึ่งคือ “ขอให้ช่วยแนะนำโรงเรียนสอนภาษาที่สามารถสอนพูดและฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว” คำถามนี้ก็ทำให้ผมชะงักเท่ากัน เพราะในชีวิตนี้เคยเรียนกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษมาน้อย จึงไม่กล้าแนะนำว่าที่ไหนดี- ไม่ดี
ท่านผู้อ่านครับ สิ่งที่ผมเล่าในบล็อกนี้เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ เป็นปัญหาส่วนตัวของผมและของคนร่วมสมัยที่เรียนภาษาอังกฤษอย่างคนในยุคเก่า (ที่เรียนในเมืองไทย,ครูไทย,หลักสูตรภาษาไทย) แต่โชคดีมาเจอวิธีแก้ปัญหาอย่างคนในยุคใหม่ คือยุคที่มีอินเทอร์เน็ตใช้ แต่ก็ต้องเรียนด้วยตัวเอง ไม่มีครูคอยสอน ไม่มีเพื่อนเป็นกำลังใจให้กันและกัน และเมื่อผมมาเป็น blogger คุยกับท่านผู้อ่าน หลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า วิธีที่ผมแนะนำส่วนใหญ่เป็นวิธีเรียนที่แห้งแล้ง เพราะผมแทบไม่เคยบอกให้พึ่งครูหรือเอาเพื่อนเป็นที่พิง แต่ทุกอย่างต้องพึ่งพิงตัวเอง
ผมจึงอยากจะบอกว่า ไม่ว่าท่านจะผ่านการเรียนมาอย่างไร ขอให้ถือว่าการเรียนด้วยตัวเองคือการเรียนตลอดชีวิต และวันนี้มีอินเทอร์เน็ตใช้ ท่านก็ต้องออกแรงทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งครูและเพื่อนของท่าน อย่าทำตัวเป็นศิษย์นั่งไม่ออกแรงรอให้ครูเข้ามาถามว่า เธอเข้าใจตรงนี้หรือเปล่า เธอสงสัยตรงนั้นหรือเปล่า เข้าใจแล้วใช่ไหม? เก่งมาก!! อินเทอร์เน็ตเป็นครูที่เก่งแต่นักเรียนต้องเข้าไปถามและซักไซ้ซอกแซกเอาเอง การเรียนกับครูอินเทอร์เน็ตนั้น ถ้าเรียนอย่างรีรอก็จะไม่ได้รับ แต่ถ้าเรียนอย่างรุกก็จะได้ความรู้
ถึงตรงนี้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงพระเยซุซึ่งดำรัสว่า
“Ask and it will be given to you; seek and you will find; knock and the door will be opened to you. For everyone who asks receives; the one who seeks finds; and to the one who knocks, the door will be opened. Source
ในที่นี้ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่า พระเยซุคืออินเทอร์เน็ต แต่ต้องการบอกว่า ถ้าท่านต้องการเรียนให้สำเร็จ ท่านต้องมีจิตวิญญาณของความกระหายใฝ่รู้ เหมือนนักเดินเรือสมัยโบราณที่ต้องการไปยังเมืองทางทิศเหนือ แม้เห็นเพียงแผ่นฟ้าและแผ่นน้ำกับเข็มทิศอันนิดเดียว ก็ยังเขื่อปักใจว่าสักวันหนึ่งเขาต้องเดินเรือไปถึงเมืองนั้นที่วันนี้มองไม่เห็น... ถ้าเดินทางไม่หยุดและไม่ยอมแพ้ต่อคลื่นลมที่โหมกระหน่ำทุกวัน
ตอนนี้ ผมขอ copy ข้อความในย่อหน้าแรกมา paste ไว้ตรงนี้อีกครั้ง
ท่านผู้อ่านบางท่านเขียนถึงผม แสดงความหนักใจในทำนองนี้ว่า ได้รับมอบหมายงาน(ใหม่) ให้มีหน้าที่ติดต่อกับชาวต่างประเทศ แต่ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องแถมพูดก็ไม่ได้ดังใจ หนักใจจังจะทำยังไงดี?
ผมขอคุยด้วยอย่างคนที่ไม่ใช่ครู และไม่มีครูคนไหนที่จะยกมาแนะนำ แต่ขอพูดอย่างคนที่เคยเจอปัญหาคล้าย ๆ กันว่า ไม่มีทางอื่นหรอกครับ นอกจากฝึกไปเรื่อย ๆ ถ้าเราเชื่อว่าความสำเร็จไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็ลอยมาหาเรา แต่ให้เราฝ่าฟันเข้าไปหา เราก็ต้องฝ่าฟันครับ เรือมีแล้ว เสบียงมีแล้ว เข็มทิศมีแล้ว ถ้าไม่ยอมออกเรือ กลัวที่จะฝ่าคลื่นและลม เมื่อต้องจอดเรือทอดสมออยู่ที่นี่จนท้องเรือผุก็คงโทษใครไม่ได้หรอกครับ นอกจากเราเจ้าของเรือ
ให้หูของเราได้ฝึกฟังไปเรื่อย ๆ เถอะครับ แล้วมันจะค่อย ๆ รู้เรื่องมากขึ้น ๆ มีคนงานอย่าเพิ่งไปดูถูกเขาว่าทำงานไม่ได้ถ้าเขายังไม่ได้ลองทำ แต่ถ้าทำแล้วก็ยังทำได้ไม่ดี ก็ต้องใช้ให้เขาทำงานอยู่นั่นเองแหละครับ เพราะว่าในที่สุดเขาก็ต้องทำได้และทำเป็น แม้จะช้าไปบ้าง เรามีคนงานอยู่คนเดียวก็ต้องใช้คน ๆ นี้แหละครับ เรามีหูอยู่คู่เดียวไว้สำหรับฟัง ก็ต้องใช้หูคู่นี่แหละครับ
ใน 3 เว็บแรก ผมขอแนะนำเว็บที่เข้าใจว่า น่าจะฟังง่าย ๆ และมีเนื้อหาง่าย ๆ คือเว็บอ่านข่าวในประเทศ ซึ่งเป็นข่าวที่เราน่าจะคุ้นเคยและเดาเนื้อเรื่องได้มากกว่าข่าวต่างประเทศ
เว็บที่ 1: เว็บของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ซึ่งมี 3 เวลา คือ เช้า เที่ยง เย็น
http://www.prd.go.th/main.php?filename=Radio_PRD
ที่คอลัมน์ขวามือ คลิกที่ monday, tuesday,.... sunday
เว็บนี้ ผมใช้เปิดได้ด้วย IE อย่างเดียว
เว็บที่ 2 เว็บของหนังสือพิมพ์ The Nation
http://www.nationmultimedia.com/home/podcast/podcastall.xml
เว็บที่ 3 เว็บของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post
http://www.bangkokpost.com/learning/
http://www.bangkokpost.com/learning/easier-stuff
เมื่อเข้าไปแล้ว หาให้พบบรรทัดข้างล่างนี้ เพื่อคลิกฟัง
Click button to listen to ... and rightclick to download
เว็บที่ 4 เว็บสำนักข่าว BBC
http://www.bbc.co.uk/worldservice/audioconsole/?stream=live
สำหรับนักศึกษา http://www.bbc.co.uk/podcasts/genre/learning
http://www.bbc.co.uk/worldservice/
คลิกไอคอนรูปลำโพงสีแดง
เว็บที่ 5 เว็บสำนักข่าว CNN
http://edition.cnn.com/services/podcasting/index.html
http://edition.cnn.com/video/
ข่าวสั้น http://edition.cnn.com/services/podcasting/popups/cnn.news.update.html
http://www.studentnews.cnn.com/studentnews/
เว็บที่ 6 เว็บสำนักข่าว Aljazeera
http://english.aljazeera.net/watch_now/
http://english.aljazeera.net/video/
http://english.aljazeera.net/programmes/listeningpost/
เว็บที่ 7 เว็บ National Public Radio ของสหรัฐอเมริกา
http://www.npr.org/audiohelp/progstream.html
http://www.npr.org/podcasts/
http://www.npr.org/rss/podcast/podcast_directory.php
http://www.npr.org/rss/podcast/podcast_directory.php?type=topic
เว็บที่ 8 รวมเว็บฟังข่าวง่าย - ข่าวช้า – ข่าวสั้น
http://english-for-thais-2.blogspot.com/2011/01/1704.html
แถม:
[1422] อ่านข้อมูลเบื้องหลังข่าว
[1515] วิธีหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ท่านผู้อ่านบางท่านเขียนถึงผม แสดงความหนักใจในทำนองนี้ว่า ได้รับมอบหมายงาน(ใหม่) ให้มีหน้าที่ติดต่อกับชาวต่างประเทศ แต่ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องแถมพูดก็ไม่ได้ดังใจ จึงบอกผมว่า “ขอให้อาจารย์ช่วยแนะนำวิธีพูดและฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว ?” ขอเรียนท่านผู้อ่านว่า พอผมเจอคำถามทำนองนี้ทีไร ผมชะงักทุกที เพราะในชีวิตนี้ไม่เคยเป็นอาจารย์ใครมาก่อนเลย
และพอเจออีกคำถามหนึ่งคือ “ขอให้ช่วยแนะนำโรงเรียนสอนภาษาที่สามารถสอนพูดและฟังภาษาอังกฤษให้ได้ผลอย่างรวดเร็ว” คำถามนี้ก็ทำให้ผมชะงักเท่ากัน เพราะในชีวิตนี้เคยเรียนกับโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษมาน้อย จึงไม่กล้าแนะนำว่าที่ไหนดี- ไม่ดี
ท่านผู้อ่านครับ สิ่งที่ผมเล่าในบล็อกนี้เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษ เป็นปัญหาส่วนตัวของผมและของคนร่วมสมัยที่เรียนภาษาอังกฤษอย่างคนในยุคเก่า (ที่เรียนในเมืองไทย,ครูไทย,หลักสูตรภาษาไทย) แต่โชคดีมาเจอวิธีแก้ปัญหาอย่างคนในยุคใหม่ คือยุคที่มีอินเทอร์เน็ตใช้ แต่ก็ต้องเรียนด้วยตัวเอง ไม่มีครูคอยสอน ไม่มีเพื่อนเป็นกำลังใจให้กันและกัน และเมื่อผมมาเป็น blogger คุยกับท่านผู้อ่าน หลายครั้งก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่า วิธีที่ผมแนะนำส่วนใหญ่เป็นวิธีเรียนที่แห้งแล้ง เพราะผมแทบไม่เคยบอกให้พึ่งครูหรือเอาเพื่อนเป็นที่พิง แต่ทุกอย่างต้องพึ่งพิงตัวเอง
ผมจึงอยากจะบอกว่า ไม่ว่าท่านจะผ่านการเรียนมาอย่างไร ขอให้ถือว่าการเรียนด้วยตัวเองคือการเรียนตลอดชีวิต และวันนี้มีอินเทอร์เน็ตใช้ ท่านก็ต้องออกแรงทำให้อินเทอร์เน็ตเป็นทั้งครูและเพื่อนของท่าน อย่าทำตัวเป็นศิษย์นั่งไม่ออกแรงรอให้ครูเข้ามาถามว่า เธอเข้าใจตรงนี้หรือเปล่า เธอสงสัยตรงนั้นหรือเปล่า เข้าใจแล้วใช่ไหม? เก่งมาก!! อินเทอร์เน็ตเป็นครูที่เก่งแต่นักเรียนต้องเข้าไปถามและซักไซ้ซอกแซกเอาเอง การเรียนกับครูอินเทอร์เน็ตนั้น ถ้าเรียนอย่างรีรอก็จะไม่ได้รับ แต่ถ้าเรียนอย่างรุกก็จะได้ความรู้
ถึงตรงนี้ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงพระเยซุซึ่งดำรัสว่า
“Ask and it will be given to you; seek and you will find; knock and the door will be opened to you. For everyone who asks receives; the one who seeks finds; and to the one who knocks, the door will be opened. Source
ในที่นี้ผมไม่ได้ต้องการจะบอกว่า พระเยซุคืออินเทอร์เน็ต แต่ต้องการบอกว่า ถ้าท่านต้องการเรียนให้สำเร็จ ท่านต้องมีจิตวิญญาณของความกระหายใฝ่รู้ เหมือนนักเดินเรือสมัยโบราณที่ต้องการไปยังเมืองทางทิศเหนือ แม้เห็นเพียงแผ่นฟ้าและแผ่นน้ำกับเข็มทิศอันนิดเดียว ก็ยังเขื่อปักใจว่าสักวันหนึ่งเขาต้องเดินเรือไปถึงเมืองนั้นที่วันนี้มองไม่เห็น... ถ้าเดินทางไม่หยุดและไม่ยอมแพ้ต่อคลื่นลมที่โหมกระหน่ำทุกวัน
ตอนนี้ ผมขอ copy ข้อความในย่อหน้าแรกมา paste ไว้ตรงนี้อีกครั้ง
ท่านผู้อ่านบางท่านเขียนถึงผม แสดงความหนักใจในทำนองนี้ว่า ได้รับมอบหมายงาน(ใหม่) ให้มีหน้าที่ติดต่อกับชาวต่างประเทศ แต่ฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่องแถมพูดก็ไม่ได้ดังใจ หนักใจจังจะทำยังไงดี?
ผมขอคุยด้วยอย่างคนที่ไม่ใช่ครู และไม่มีครูคนไหนที่จะยกมาแนะนำ แต่ขอพูดอย่างคนที่เคยเจอปัญหาคล้าย ๆ กันว่า ไม่มีทางอื่นหรอกครับ นอกจากฝึกไปเรื่อย ๆ ถ้าเราเชื่อว่าความสำเร็จไม่ได้อยู่ดี ๆ ก็ลอยมาหาเรา แต่ให้เราฝ่าฟันเข้าไปหา เราก็ต้องฝ่าฟันครับ เรือมีแล้ว เสบียงมีแล้ว เข็มทิศมีแล้ว ถ้าไม่ยอมออกเรือ กลัวที่จะฝ่าคลื่นและลม เมื่อต้องจอดเรือทอดสมออยู่ที่นี่จนท้องเรือผุก็คงโทษใครไม่ได้หรอกครับ นอกจากเราเจ้าของเรือ
ให้หูของเราได้ฝึกฟังไปเรื่อย ๆ เถอะครับ แล้วมันจะค่อย ๆ รู้เรื่องมากขึ้น ๆ มีคนงานอย่าเพิ่งไปดูถูกเขาว่าทำงานไม่ได้ถ้าเขายังไม่ได้ลองทำ แต่ถ้าทำแล้วก็ยังทำได้ไม่ดี ก็ต้องใช้ให้เขาทำงานอยู่นั่นเองแหละครับ เพราะว่าในที่สุดเขาก็ต้องทำได้และทำเป็น แม้จะช้าไปบ้าง เรามีคนงานอยู่คนเดียวก็ต้องใช้คน ๆ นี้แหละครับ เรามีหูอยู่คู่เดียวไว้สำหรับฟัง ก็ต้องใช้หูคู่นี่แหละครับ
ใน 3 เว็บแรก ผมขอแนะนำเว็บที่เข้าใจว่า น่าจะฟังง่าย ๆ และมีเนื้อหาง่าย ๆ คือเว็บอ่านข่าวในประเทศ ซึ่งเป็นข่าวที่เราน่าจะคุ้นเคยและเดาเนื้อเรื่องได้มากกว่าข่าวต่างประเทศ
เว็บที่ 1: เว็บของสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ซึ่งมี 3 เวลา คือ เช้า เที่ยง เย็น
http://www.prd.go.th/main.php?filename=Radio_PRD
ที่คอลัมน์ขวามือ คลิกที่ monday, tuesday,.... sunday
เว็บนี้ ผมใช้เปิดได้ด้วย IE อย่างเดียว
เว็บที่ 2 เว็บของหนังสือพิมพ์ The Nation
http://www.nationmultimedia.com/home/podcast/podcastall.xml
เว็บที่ 3 เว็บของหนังสือพิมพ์ Bangkok Post
http://www.bangkokpost.com/learning/
http://www.bangkokpost.com/learning/easier-stuff
เมื่อเข้าไปแล้ว หาให้พบบรรทัดข้างล่างนี้ เพื่อคลิกฟัง
Click button to listen to ... and rightclick to download
เว็บที่ 4 เว็บสำนักข่าว BBC
http://www.bbc.co.uk/worldservice/audioconsole/?stream=live
สำหรับนักศึกษา http://www.bbc.co.uk/podcasts/genre/learning
http://www.bbc.co.uk/worldservice/
คลิกไอคอนรูปลำโพงสีแดง
เว็บที่ 5 เว็บสำนักข่าว CNN
http://edition.cnn.com/services/podcasting/index.html
http://edition.cnn.com/video/
ข่าวสั้น http://edition.cnn.com/services/podcasting/popups/cnn.news.update.html
http://www.studentnews.cnn.com/studentnews/
เว็บที่ 6 เว็บสำนักข่าว Aljazeera
http://english.aljazeera.net/watch_now/
http://english.aljazeera.net/video/
http://english.aljazeera.net/programmes/listeningpost/
เว็บที่ 7 เว็บ National Public Radio ของสหรัฐอเมริกา
http://www.npr.org/audiohelp/progstream.html
http://www.npr.org/podcasts/
http://www.npr.org/rss/podcast/podcast_directory.php
http://www.npr.org/rss/podcast/podcast_directory.php?type=topic
เว็บที่ 8 รวมเว็บฟังข่าวง่าย - ข่าวช้า – ข่าวสั้น
http://english-for-thais-2.blogspot.com/2011/01/1704.html
แถม:
[1422] อ่านข้อมูลเบื้องหลังข่าว
[1515] วิธีหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)