วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1368] แนะนำ blog ของ Flowery

สวัสดีครับ

ขอแนะนำเลยนะครับว่า blog ของ Flowery

ที่ลิงค์นี้ http://www.bloggang.com/viewprofile.php?id=flowerylife&action=viewprofile

มีหลายสิ่งที่น่าสนใจมาก ๆ

-เมื่อเข้าไปแล้วให้ดูแต่ละหัวข้อที่คอลัมน์ขวามือใต้ Flowery's blog, Friends' blogs และ Links

-หรือดูที่ สารบัญประจำ blog ของ Flowery

-โดยส่วนตัว ผมชอบข้างล่างนี้มากที่สุด

วันเสาร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1367] Words at Work – Business English

สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีตำราและ mp3 ภาษาอังกฤษชุด Words at Work – Vocabulary Development for Business English มาให้ท่านดาวน์โหลด

1.คำชี้แจงโดยสรุป - คลิก

2.อธิบายวิธีใช้ชุดการเรียน - คลิก

3.หนังสือ
หน้า 1 - 66 -
คลิก
หน้า 67 - 138 -
คลิก

4. Answer Keys และ Tape Scripts - คลิก

5. ไฟล์ mp3 ตาม Tape Scripts ข้างบน
Unit_1.2 - Unit_1.4
Unit_2.3 - Unit_2.8
Unit_3.4- Unit_3.5
คำชี้แจงโดยเจาะจงก็คงมีเท่านี้ แต่ผมขอคุยอะไรด้วยสักนิดนะครับ

ท่านผู้อ่านที่เข้ามาใช้บริการของบล็อกนี้คงจะสังเกตได้ไม่ยากว่า การเรียนภาษาอังกฤษที่นี่เป็น “การศึกษาด้วยตัวเอง” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “self-study

ผมเข้าใจเอาเองว่า “การศึกษาด้วยตัวเอง” ที่คนไทยส่วนใหญ่รู้จัก เริ่มเป็นรูปธรรมครั้งแรกเมื่อมีการก่อตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหง และตามด้วยมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ก็คือว่า เมื่อจำนวนอาจารย์และสถานที่เรียนมีน้อย ก็จำเป็นต้องมีการเรียนที่ครูกับศิษย์ไม่ได้เจอหน้ากันในห้องเรียน แต่ให้มีตำราและสื่อการเรียนต่าง ๆ ที่ช่วยให้ผู้เรียนได้เรียนอย่างมีประสิทธิภาพ

ผมเองเมื่อตอนที่ตั้งมหาวิทยาลัยรามคำแหงใหม่ ๆ ก็ได้ยินบางคนพูดว่า มาตรฐานการศึกษาของรามคำแหงคงจะต่ำกว่ามหาวิทยาลัยปิดอื่น ๆ เช่น จุฬาฯ, ธรรมศาสตร์ ฯลฯ แต่เวลาที่ผ่านมาก็พิสูจน์แล้วว่า คำพูดนี้ไม่จริง เพราะรามคำแหง และ มสธ.ก็เป็นมหาวิทยาลัยที่ไม่แพ้ใคร แถมในการสอบเข้าหลายหน่วยงาน, 2 สถาบันนี้มีบัณฑิตสอบเข้าไปทำงานได้มากกว่าบัณฑิตจากที่อื่นด้วยซ้ำ ประเด็นนี้ไร้ข้อสงสัยครับ
และเมื่อวันที่เมืองไทยมีอินเทอร์เน็ตใช้ ปรากฏการณ์ของ “การศึกษาด้วยตัวเอง” หรือ “self-study” ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้น เพราะอินเทอร์เน็ตนี่แหละครับ คือ เครื่องมือในการศึกษาด้วยตัวเองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในโลกนี้

แต่...
แต่ในความเห็นของผม สิ่งที่สำคัญกว่าตำรา, สำคัญกว่าสื่อการเรียนการสอนทุกชนิด ก็คือผู้เรียน

เพราะในการศึกษาด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะต้อง
-พยายามนำเอาทุกสิ่งมาเป็นสื่อการศึกษา
-พยายามใช้ทุกสถานที่เป็นห้องเรียน
-พยายามใช้ทุกผู้คนที่พบปะเกี่ยวข้องด้วยเป็นครูหรือเพื่อนร่วมชั้นเรียน (โดยอาจจะไม่ต้องไปบอกเขา)
-พยายามใช้ทุกเวลาเป็นเวลาเรียน, เวลาทำการบ้าน, และเวลาสอบ (ทั้งภาคทฤษฎี, ภาคปฏิบัติ, และการฝึกงาน พร้อมกันเลย)

ด้วยความมุ่งมั่นเช่นนี้ ผมเชื่ออย่างจริงจังว่า ทุกท่านก็จะประสบความสำเร็จในการศึกษา ไม่เพียงวิชาภาษาอังกฤษ แต่ทุกวิชาที่ท่านต้องการศึกษา

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1366] คำว่า “น่า...” 50 คำไทย แปลเป็นอังกฤษ

สวัสดีครับ

ผมมาคิดเล่น ๆ ว่าคำที่ขึ้นต้นด้วย “น่า... “ ในภาษาไทยมีสักกี่คำ และถ้าแปลเป็นภาษาอังกฤษจะแปลว่ายังไง และผมแปลได้ทันทีสักกี่คำ

พอคิดอย่างนี้ก็เลยเปิดพจนานุกรม ไทย – อังกฤษ ของ ดำเนิน – เสฐียรพงษ์ เมื่อนับดูแล้วจึงได้รู้ว่ามีประมาณ 50 คำ

ท่านดาวน์โหลดดูก็ได้ครับ ที่ลิงค์ใดลิงค์หนึ่งข้างล่างนี้

http://www.4shared.com/file/230334495/9c6bf746/_online.html

http://www.4shared.com/file/230334530/172c8174/_online.html

และที่น่าสังเกตอย่างมาก ๆ ก็คือ คำที่ขึ้นต้นด้วย “น่า... “ ทุกคำ เป็นคำที่เราเจอบ่อย ๆ ทั้งนั้น และเมื่ออ่านคำแปลภาษาอังกฤษก็พบว่าเป็นคำแปลง่าย ๆ อ่านแล้วเข้าใจได้ทันที แต่ปัญหาก็คือว่า ถ้าให้นึกเองก็นึกไม่ค่อยออก

คำพวกนี้แหละครับที่ผมจะบอกว่า เป็นคำที่ทำให้เราตายน้ำตื้น คือ คำไทยก็คำพื้น ๆ คำแปลในภาษาอังกฤษก็คำแปลพื้น ๆ พออ่านก็เข้าใจได้ทันที แต่ถ้าต้องนึกพูดทันทีกลับนึกไม่ค่อยออก อย่างไรก็ตามการได้ทบทวนบ่อย ๆ ก็น่าจะทำให้การ “นึกไม่ค่อยออก – ติดอยู่ที่ริมฝีปาก” ค่อย ๆ กลายเป็น “นึกออกทันทีที่ต้องการพูด”

ศึกษาเพิ่มเติม:

ในบล็อกนี้ ผมได้ทำ list ศัพท์ ไทย – อังกฤษ พวกนี้ไว้ให้คลกดูเล่น ๆ น่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย ต่อการฝึกพูดภาษาอังกฤษ

[7]ดาวน์โหลดไฟล์บทสนทนา แปลไทยเป็นอังกฤษ(+Test)

[1075]verb 25คำที่ช่วยท่านพูดอังกฤษได้ดังใจมากขึ้น

[407] 1,000 คำศัพท์ไทยที่ใช้บ่อย (พร้อมคำแปล)

[133]รวมคำกริยาภาษาไทย เทียบ ‘verb’ ภาษาอังกฤษ


พิพัฒน์

GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1365]อ่าน “ข่าวดัง” เมืองไทยที่รายงานในต่างประเทศ

สวัสดีครับ

ถึงไม่บอกผมก็เชื่อว่าทุกท่านทราบดีว่า วันนี้ (26 กพ 53) ข่าวที่ดังที่สุดในเมืองไทยคือข่าวอะไร

ผมต้องการจะเรียนท่านว่า ข่าวที่ดังในเมืองไทย หลายประเทศเขาก็ไม่ได้สนใจ ส่วนประเทศที่สนใจ บางประเทศก็สนใจน้อย บางประเทศก็สนใจมาก และแง่มุมที่เขาสนใจ หรือความคิดเห็นที่เขามีต่อข่าวดังในเมืองไทย อาจจะใม่ตรงกับที่คนไทยมอง

เพราะฉะนั้น การได้อ่าน “ข่าวดัง” เมืองไทยที่รายงานในต่างประเทศ ก็น่าจะมีประโยชน์ คือช่วยให้เรารู้ว่าต่างชาติเขาคิดอย่างไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองไทย

และที่ได้แน่ ๆ ก็คือ ได้พัฒนา reading skill ครับ

การอ่าน “ข่าวดัง” เมืองไทยที่รายงานในต่างประเทศ ทำง่าย ๆ อย่างนี้ครับ

1.ไปที่ www.google.com

2.คลิกที่ News

3.คลิก Advanced news search

4.การค้น...

-ในส่วน Find results ให้พิมพ์ key word ลงไป อย่างเช่นวันที่ 26 กพ 53 นี้ ท่านอาจจะพิมพ์คำว่า Thaksin

-ตรง Date เลือก last day หรือ past week

-ตรง Source Location พิมพ์ชื่อประเทศลงไป เช่น Singapore, USA, UK

ข่าวดังเมืองไทยที่รายงานในเว็บไซต์หรือหนังสือพิมพ์ต่างประเทศ บางครั้งก็เขียนโดยนักข่าวจากประเทศนั้น หรือบางครั้งก็เขียนโดยนักข่าวชาวไทย ที่ส่งข่าวไปลง

พิพัฒน์

GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1364] ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 3]

สวัสดีครับ
ในบรรดาไฟล์ที่ผมนำมาให้ท่านผู้อ่านดาวน์โหลด ชุด “ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม” เป็นชุดหนึ่งที่ผมชอบมาก เนื่องจาก
1. แบ่งระดับจากง่าย ไปยาก ให้เลือก
2. สามารถอ่านและคลิกฟังไปทีละย่อหน้า, ทีละหน้า, จะคลิกฟังซ้ำ – อ่านซ้ำ กี่ครั้งก็ได้ตามใจชอบ
3. ศัพท์ สำนวน ภาษา มาตรฐาน สามารถจดจำเอาไปใช้พูดหรือเขียนได้
4. มีความรู้แทรกอยู่ในเนื้อเรื่อง
5. มีเนื้อหาหลากหลายให้คลิกเลือกเรื่องที่เราสนใจ
ผมเคยนำมาเอาให้ท่านดาวน์โหลดแล้ว 2 ชุด

[1056] ด/ล 'audio & picture book' หลายร้อยเล่ม

[1071]ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 2]

*********
เท่าที่ผ่านมา บางท่านเจอปัญหาฟังเสียงไม่ได้ วิธีแก้ปัญหาที่เคยใช้ได้ผลก็คือ ขอให้ท่านมีโปรแกรม RealPlayer และ Foxit Reader ลงไว้ในเครื่อง แม้ว่าจะมีโปรแกรมอ่านไฟล์ pdf อื่น ๆ ลงไว้แล้วก็ตาม [ถ้าเปิดไฟล์ pdf ด้วยโปรแกรมอื่นแล้วฟังเสียงไม่ได้ ขอให้ลองเปิดด้วย Foxit Reader อาจจะใช้ได้ผล]

ดาวน์โหลดโปรแกรม Real Playerคลิกที่นี่ หรือ คลิกที่นี่

ดาวน์โหลดโปรแกรม Foxit Reader คลิกที่นี่

*********

วันนี้มีอีก 1 ชุดให้ดาวน์โหลด คือชุด California Science Leveled Readers คุณภาพไม่แพ้ 2 ชุดแรกครับ

Grade 1
http://www.4shared.com/file/229446108/69cd9337/Animal_and_Plant_Needs.html
http://www.4shared.com/file/229446089/d7d1439e/Plants_and_Animals_Meet_Their_.html
http://www.4shared.com/file/229446078/274e6fc7/Plants_and_Animals_Meet_Their_.html
http://www.4shared.com/file/229446055/6bc971f8/Seasons_and_Weather.html
http://www.4shared.com/file/229446063/a987870e/States_of_Matter_1.html
http://www.4shared.com/file/229446045/72d240b9/States_of_Matter_2.html
http://www.4shared.com/file/229446050/1ba38577/Weather_1.html
http://www.4shared.com/file/229446028/5a399b82/Weather_2.html
http://www.4shared.com/file/229446014/78a2846a/Weather_and_Water.html

Grade 2
http://www.4shared.com/file/229448378/c5d7a6ad/Weathering_Causes_Changes.html
http://www.4shared.com/file/229448384/4bf9f649/Earth_Materials_1.html
http://www.4shared.com/file/229448417/67d0a3f/Life_Cycles_2.html
http://www.4shared.com/file/229448453/657c0b22/Life_Cycles_1.html
http://www.4shared.com/file/229448478/c098b028/Earth_Materials_2.html

Grade 3
http://www.4shared.com/file/229450940/1562f9d5/Patterns_in_the_Sky_2.html
http://www.4shared.com/file/229450952/e277a9b8/Patterns_in_the_Sky_1.html
http://www.4shared.com/file/229450960/27549b57/Light_2.html
http://www.4shared.com/file/229450957/921d5d37/Light_Moves.html
http://www.4shared.com/file/229450963/be5dcaed/Light_1.html
http://www.4shared.com/file/229450968/298f1365/Energy_and_Matter_2.html
http://www.4shared.com/file/229450979/479312b2/Energy_and_Matter_1.html
http://www.4shared.com/file/229450984/beba72c0/Bouncing_Bending_and_Scatterin.html
http://www.4shared.com/file/229450995/d0a67317/Adaptions_2.html
http://www.4shared.com/file/229451010/df78517a/Adaptions_1.html

Grade 4
http://www.4shared.com/file/229455929/d3a16c5/Waves_Wind_Water_and_Ice_2.html
http://www.4shared.com/file/229455936/849e3a15/The_Pull_of_Magnets.html
http://www.4shared.com/file/229455948/2c6781d5/Waves_Wind_Water_and_Ice_1.html
http://www.4shared.com/file/229455966/f9e9ce50/Reshaping_the_Land.html
http://www.4shared.com/file/229455979/704de280/Habitats_and_Adaptations.html
http://www.4shared.com/file/229455985/fe63b264/Energy_for_Life_and_Growth_1.html
http://www.4shared.com/file/229455983/17001751/Energy_for_Life_and_Growth_2.html
http://www.4shared.com/file/229455988/80d2ced9/Electricity_and_Magnetism_2.html
http://www.4shared.com/file/229455993/e1b2610/Electricity_and_Magnetism_1.html
http://www.4shared.com/file/229456007/c5d0cd21/Ecosystems_2.html
http://www.4shared.com/file/229456016/abccccf6/Ecosystems_1.html

Grade 5
http://www.4shared.com/file/229460112/cfa847d4/Water_Cycle_Lesson_1.html
http://www.4shared.com/file/229460142/b2dfb391/The_Human_Body_Owners_Manual.html
http://www.4shared.com/file/229460151/32cdd36a/Structures_of_Living_Things_Le.html
http://www.4shared.com/file/229460155/35a01773/Solar_System_Lessons_2-3.html
http://www.4shared.com/file/229460164/698a7426/Structures_of_Living_Things_Le.html
http://www.4shared.com/file/229460170/77fc817e/Solar_System_Lesson_1.html
http://www.4shared.com/file/229460172/99f2e052/Journal_-_The_Galapagos_Island.html
http://www.4shared.com/file/229460189/89b82515/Elements_and_Compounds_Lessons.html
http://www.4shared.com/file/229460196/1c09c5/Elements_and_Compounds_Lessons.html
http://www.4shared.com/file/229460200/3afba9e0/Weather_Lessons_3-4.html
http://www.4shared.com/file/229460203/a3f2f85a/Weather_Lessons_1-2.html
http://www.4shared.com/file/229460211/54e7a837/Californias_Water.html
http://www.4shared.com/file/229460208/342021d2/Water_Cycle_Lessons_2-3.html

Grade 6

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1363]ฟังอังกฤษให้เข้าใจ–มีกำลังใจ-จำได้-ใช้เป็น

สวัสดีครับ

ท่านผู้อ่านครับ พอผมได้ยินใครพูดว่าอยากจะพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง ๆ ใจผมมักจะคิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติเลยว่า การจะพูดให้คนอื่นฟังรู้เรื่องอันดับแรกต้องฟังคนอื่นพูดแล้วรู้เรื่อง เพราะฉะนั้นฟังต้องมาก่อนพูด ควรฝึกฟังก่อนฝึกพูด หรือ ฝึกพูดกับฟังไปพร้อม ๆ กัน และในบล็อกนี้ก็ได้แนะนำหลายหลายเว็บให้ท่านฝึกฟัง online และมีไฟล์ให้ท่านดาวน์โหลดไปฝึกฟัง ที่ลิงค์นี้ครับ -ฟัง

และมีบางบทความที่ผมเน้นเป็นพิเศษกับการฟังภาษาอังกฤษความเร็วช้า ๆ หรือ slow speed บางส่วนอยู่ที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ

[176]ฝึกฟังช้า ๆ จะได้ทั้ง 'สำเนียง' และ 'สำนวนพูด'

[200] เว็บที่อ่านข่าวภาษาอังกฤษ... ช้า ๆ

[267] ถ้าท่านฟังภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง !!

[833] ฟังภาษาอังกฤษช้า ๆ มีประโยชน์มากกว่าที่คิด

[1056] ด/ล 'audio & picture book' หลายร้อยเล่ม

[1071]ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม [ชุดที่ 2]

[1214] ภาษาอังกฤษวันละเรื่อง (one story a day)

ขออนุญาตพูดสั้น ๆ อีกสักครั้งเถอะครับว่า สำหรับท่านที่เริ่มฝึกพูด เหตุใดเราจึงควรฟังภาษาอังกฤษความเร็วช้า ๆ หรือ slow speed, สาระสำคัญก็อยู่ในชื่อเรื่องนั่นแหละครับ คือ การฟังภาษาอังกฤษช้า ๆ ช่วยให้เรา

1) เข้าใจ: – ถ้ามันยากหรือเร็วเกินความสามารถของหู เราก็จะไม่เข้าใจ ถ้าไม่อึดจริงก็อาจจะหมดกำลังใจไปในเวลาอันรวดเร็ว, แต่ถ้าเราฟังและเข้าใจเป็นส่วนใหญ่ ก็จะมีกำลังใจที่จะฝึกฟังต่อไป

2) เกิดกำลังใจ:เมื่อเข้าใจ ก็จะมีกำลังใจ มีกำลังใจแปลว่าใจมีกำลัง มีกำลังที่จะจำเรื่องที่หูได้ยิน ถ้าใจไม่มีกำลังหูก็จะอ่อนแรงและจำสิ่งที่ได้ยินไม่ค่อยได้ เพราะฉะนั้นการเรียนภาษาอังกฤษโดยวิธีที่ทำให้ตัวเองมีกำลังใจจึงเป็นเรื่องจำเป็น ผมกำลังบอกว่าให้หาวิธีเรียนภาษาอังกฤษที่ทำให้เราเข้าใจซะก่อน โดย start ด้วยเรื่องง่าย ๆ หรือไม่ยากเกินไป, และ ด้วยเรื่องที่เราชอบ เมื่อเกิดความเข้าใจและสนใจ กำลังใจก็จะเกิดตามมา

3) จำได้: – ขอย้ำอีกครั้งว่า ถ้าใจไม่มีกำลังหูก็จะอ่อนแรงและจำสิ่งที่ได้ยินไม่ค่อยได้ แต่ถ้าใจมีกำลังหูก็จะแข็งแรงและจำสิ่งที่ได้ยินได้แม่นยำ

4) ใช้เป็น: - ตรงนี้แหละครับสำคัญ การที่เราจำได้ว่าเขาพูดยังไง ออกเสียงยังไง ใช้ศัพท์อะไร ผูกประโยคยังไง เราก็จะสามารถเอาสิ่งที่จำได้มาใช้ คือพูดด้วยปากของตัวเองได้ แต่ถ้าจำไม่ได้ก็คงพูดไม่ได้แม้ว่าอยากจะพูด

ขอย้ำอีกครั้งนะครับ ผมเห็นว่าการจะฝึกพูดภาษาอังกฤษให้เก่งนั้น ต้องให้ความสำคัญกับการฟังมาก ๆ และการฝึกฟังนั้น ให้เริ่มต้นด้วยการ (1) ฟังสิ่งที่เราพอจะเข้าใจได้ไม่ยาก และสนุกที่จะฟัง และเราก็จะ (2) เกิดกำลังใจ (3)จำได้ และ (4) ใช้เป็น คือพูดได้ อย่าไปเริ่มต้นด้วยเรื่องที่ยากเกินไป หรือเรื่องที่ต้องฝืนใจฟัง เพราะมันจะทำให้เรา (1)ไม่เข้าใจ (2)ไม่มีกำลังใจ (3)ไม่จำ และ (4)ไม่สามารถพูดได้แม้อยากจะพูด

และวันนี้ผมมีไฟล์ง่าย ๆ (ไม่ยากเกินไป) มาให้ท่านดาวน์โหลดเพื่อเอาไปใช้ฝึกฟัง – ฝึกอ่าน – ฝึกพูดตาม อีก 2 ชุดข้างล่างนี้ครับ

ชุดที่ 1: Flash stories for children ขอโฆษณาหน่อยนะครับว่าไฟล์ชุดนี้ดีมาก ๆ

เปิดไฟล์ด้วย IE, ถ้าจะฟังซ้ำ (เพื่อฝึกพูดตาม) ให้คลิกที่ลูกศรด้านล่าง (Replay) ขอแนะว่า ถ้าจำประโยคที่จะพูดได้แล้ว ตอนคลิกเพื่อฟังซ้ำและพูดตามนั้น ไม่ควรมองภาษาอังกฤษบนจอ

http://www.4shared.com/file/228011650/77ff07ae/stories_in_flash1.html

http://www.4shared.com/file/228012281/a0ea4e47/Stories_flash2.html

http://www.4shared.com/file/228013385/1ef9870c/Flash_stories3.html

http://www.4shared.com/file/228014492/11e0dd2/flash_stories_4.html

http://www.4shared.com/file/228015270/cda25aa7/flash_stories_5.html

http://www.4shared.com/file/228015605/f5809033/flash_stories_6.html

http://www.4shared.com/file/228015839/dd85a2d1/flash_7.html

http://www.4shared.com/file/229269395/31c02086/flash_stories_8.html


ชุดที่ 2: New concept English

มี mp3ให้ฟัง, มี text ให้อ่าน, มีแบบฝึกหัดให้ทำ ชุดนี้ยากและยาวกว่าชุดที่ 1 แต่ก็น่าสนใจครับ

http://www.4shared.com/file/228019828/f94f1cbe/new1.html

http://www.4shared.com/file/228023301/96edb3cd/new2.html

http://www.4shared.com/file/228024391/daf8303d/new3.html

http://www.4shared.com/file/228026926/f63108/new4.html

http://www.4shared.com/file/228029158/fe7fcb26/new_books.html

มาถึงบรรทัดนี้ ถ้าท่านใดยังมีคำถามว่า ก็ยังมึนงงอยู่นั่นเอง เพราะไม่รู้จะเริ่มต้นฝึกฟังที่เรื่องไหนดี ผมมีคำแนะนำที่ลิงค์นี้ครับ

[334]สองลิ่งที่ต้องทำเอง:1.วางแผน 2.ลงมือเรียน

เพิ่มเติม:

[1252] ด/ล animation น่ารัก ๆ เก็บไว้เรียนภาษาอังกฤษ


สวัสดีครับ

พิพัฒน์

GemTriple@gmail.com

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1361] อ่าน-ฟัง เรื่อง “กฎแห่งกรรม”

สวัสดีครับ

วันนี้ผมมีเว็บไซต์เกี่ยวกับ กฎแห่งกรรม มาเสนอ 3 เว็บ ครับ

เว็บที่ 1: หนังสือกฎแห่งกรรม - ธรรมปฏิบัติ เป็นหนังสือของวัดอัมพวัน สิงห์บุรี โดยพระเทพสิงหบุราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม)

http://www.jarun.org/v5/th/lrule.html

ดาวน์โหลด:หนังสือ “กฎแห่งกรรม” เล่มที่ ๑-๒๒ , หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม http://tinyurl.com/ycfvmv5

เว็บที่ 2: รายการข่าวในกลุ่มข่าว "เรื่องกฎแห่งกรรม”

http://www.siamlocalnews.com/be5000/list.php?gid=1346&issueid=614

เว็บที่ 3: ฟังคำบรรยาย "เรื่องกฎแห่งกรรม เว็บที่ 3 นี่แหละครับที่ผมชอบมากเป็นพิเศษ และขอชวนให้ทุกท่านเข้าไปคลิกฟัง ธรรมะสนุก ๆ แบบนี้ เนื้อหาโบราณ ๆ แบบนี้ น่าจะหาฟังได้ไม่ง่ายนัก

http://www.archive.org/details/LawOfKarma

เว็บที่ 4: ขอแถมเว็บภาษาอังกฤษ 1 เว็บครับ

Kamma and its Fruit by Nyanaponika Thera

http://www.accesstoinsight.org/lib/authors/nyanaponika/kammafruit.html


พิพัฒน์

GemTriple@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1360]ดาวน์โหลดหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทย 6 เล่ม

สวัสดีครับ
วันนี้ ผมมีหนังสือเกี่ยวกับเมืองไทยให้ดาวน์โหลด 6 เล่ม ข้างล่างนี้ครับ
[1] Bangkok – 45 หน้า คลิก
[2] Wiley Frommer's Thailand (6th Ed) – 418 หน้า คลิก
[3] Thailand – 89 หน้า คลิก
[4] Cooking the Thai Way – 73 หน้า คลิก
[5] Modern World Nations Thailand – 119 หน้า คลิก
[6] THAILAND A Global Studies Handbook – 306 หน้า คลิก

ศึกษาเพิ่มติม:
-http://en.wikipedia.org/wiki/Thailand
-"Thailand" ค้นจาก Google คลิก
-ข่าว Thailand ภายใน 1 เดือนที่ผ่านมา ค้นจาก Google News คลิก

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1359] แนะนำ wapedia – ดูเว็บ wikipedia ผ่านมือถือ

สวัสดีครับ

ทุกท่านคงรู้จักสารานุกรมเสรี Wikipedia

ซึ่งมีทั้งภาษาอังกฤษ: http://en.wikipedia.org

และภาษาไทย: http://th.wikipedia.org

วันนี้ผมขอแนะนำ wapedia ซึ่งก็มีเนื้อหาเหมือน Wikipedia นั่นแหละครับ เพียงแต่ว่าเขาจัด format ให้อ่านง่ายและสะดวกมากขึ้นเมื่อท่านใช้เน็ตผ่านมือถือ

เมื่อเปิดผ่านมือถือหน้าตา จะเป็นอย่างนี้ครับ

http://en.wikipedia.org/wiki/File:Wapedia.jpg

ซึ่งมีทั้งเว็บ ภาษาอังกฤษ และเว็บภาษาไทย เช่นเดียวกับ Wikipedia

เว็บภาษาอังกฤษ : http://wapedia.mobi/en/

เว็บภาษาไทย : http://wapedia.mobi/th/

พิพัฒน์

GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1358]ฉันไม่พูดซะอย่าง ใครจะมาทำอะไรฉันได้... เฮ้อ !!

สวัสดีครับ
ที่บล็อกนี้ ผมไม่เคยเชียร์ให้ท่านผู้อ่านไปเรียนที่โรงเรียนสอนภาษาแห่งใดเลย แต่มักจะมีข้อแนะนำว่า ถ้าจะเสียเงินไปเรียนทั้งที ก็ควรจะทำให้คุ้มค่าหน่อย โดยเตรียมตัวให้พร้อมและตั้งใจเรียนให้คุ้มค่ากับงินที่จ่ายและเวลาที่เสียไปกับการเรียนในห้อง และเวลาที่เสียไปกับการเดินทางซึ่งอาจจะมากกว่าเวลาที่นั่งอยู่ในห้องเรียนซะอีก

วันนี้ผมมีโอกาสได้ไปนั่งสังเกตการสอนในคอร์สสนทนาในโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และได้สัมภาษณ์ชาวอังกฤษคนหนึ่งซึ่งเป็นครูสอนวิชานั้น ผมบอกเขาว่าจะขอนำความเห็นของเขาไปลงให้ผู้อ่านบล็อกอ่าน โดยถามเขาง่าย ๆ ว่า
อะไรคือสิ่งที่ผู้เข้าเรียนคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษตามโรงเรียนสอนภาษา ควรทำและไม่ควรทำ (Do’s and Don’ts) และข้างล่างนี้คือความเห็นของเขา

สิ่งที่ควรทำ (Do’s)
1.ในการเลือกโรงเรียน ให้เลือกโรงเรียนที่เปิดสอนมานานเพราะจะมีประสบการณ์ในการสอนมากกว่าโรงเรียนที่เพิ่งเปิดสอน (ข้อนี้ฟังดูก็มีเหตุผล แต่ต้องพิจารณาร่วมกับข้ออื่น ๆ ด้วย)
2.เมื่อเราเสียเงินแล้ว เราย่อมมีสิทธิสอบถามเพื่อเลือกครูที่มีคุณสมบัติตามที่เราต้องการ เช่น ครูสอนดีไหม สนุกไหม สอนมานานแค่ไหน เข้าชั้น late และเลิกก่อนเวลาหรือเปล่า มีลักษณะที่รักการสอนหรือเปล่า ฯลฯ เรื่องพวกนี้เรามีสิทธิถาม เพราะเราเสียเงินแล้ว
3.ถ้าเป็นคอร์ส conversation ควรเจาะจงเลือกครูที่เป็น native speaker จริง ๆ เท่านั้น เช่นต้องเป็นคนอังกฤษ คนอเมริกัน ถ้าเลือกได้ไม่ควรเลือกเรียนกับครูจากฟิลิปปินส์ซึ่งทางโรงเรียนเขาคงจะจ้างมาสอนด้วยราคาที่ถูกกว่า
4.ให้เตรียมตัวทำการบ้านมาก่อน และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ให้เตรียมแต่งประโยค และซ้อมพูดออกเสียงประโยคนั้นมาจากบ้านล่วงหน้า ซึ่งเป็นประโยคคำถามที่ต้องการถามครู การเตรียมเช่นนี้ จะช่วยให้มีความมั่นในเมื่อถึงเวลาที่จะพูดในห้อง เพราะถ้ามานึกเอาหน้างานล้วน ๆ หลายครั้งก็นึกไม่ค่อยออก ก็เลยไม่ได้พูดหรือพูดได้น้อยเกินไป ยิ่งถ้านักเรียนเยอะ-เวลาน้อย มานั่งในห้องเรียนครั้งหนึ่ง ๆ อาจจะพูดได้จริง ๆ จัง ๆ แค่ 2 ประโยค ไม่คุ้มเลย !!

สิ่งที่ไม่ควรทำ (Don’ts)
1.อย่าเงียบ อย่าอาย อย่ากลัวพูดผิด ให้ตอบทุกครั้งที่ครูโยนคำถามมา ไม่ว่าจะถามเราโดยตรง หรือถามให้ทั้งห้องตอบ, ถ้าไม่ได้พูด เราก็จะพูดไม่ได้ หรือไม่ได้เรียนรู้จากการพูดผิดของเราเอง และไม่ได้ฝึกที่จะพูดใหม่เพื่อแก้ไขให้ถูก

ช่วงที่ผมนั่งสังเกตการสอนอยู่ในห้อง เห็นได้ชัดว่าคนไทยที่เรียนอยู่ในห้องมีสไตล์การพูดที่เฉื่อยชามาก คือคล้าย ๆ กับพูดพึมพำ พูดกระซิบกับตัวเองและกลัวคนอื่นได้ยิน โชคดีอย่างหนึ่งที่ครูชาวอังกฤษคนนี้เก่ง สามารถกระตุ้นให้นักเรียนกล้าพูดได้มาก แต่ผมเห็นว่าถ้าเราต้องการที่จะปรับปรุง speaking skill ของเราเอง เราควรสามารถที่จะกระตุ้นตัวเองให้กล้าพูด ไม่ใช่เอาแต่ตระเวนหาครูที่สามารถกระตุ้นให้เราหายกลัวและกล้าพูด

2. อย่าเก็บไว้ถ้าสงสัยแต่ให้ถามทันที เพราะเรามาเรียนพื่อคิดและพูด ไม่ใช่คิดและเงียบ
หนึ่งคำถามที่เราเปล่งออกไป เราได้ฝึกอย่างน้อย 3 อย่าง คือ ฝึกคิด-ฝึกพูด-และฝึกฟัง เพราะเมื่อถามครูก็จะตอบให้เราฟัง

3.อย่าเปิดดิกขณะเรียนสนทนาในห้อง ถ้าไม่รู้หรือสงสัยให้ถามครู ต้องจำขึ้นใจไว้เลยว่าในชั้นเรียน conversation ครูคือดิกที่เป็นคน จึงอย่าเปิดดิกที่เป็นเล่ม หรือ talking dict, ดิกคอมพิวเตอร์

เรื่องนี้ถ้าครูฝรั่งที่ผมสัมภาษณ์ไม่พูดขึ้นมาผมก็คงลืมไปแล้ว เพราะเคยเห็นอยู่หลายครั้งเหมือนกันที่ในคอร์สสนทนาอย่างนี้ บางคนจะเปิดดิกทุกครั้งที่ติดศัพท์ เมื่อจบการเรียนแต่ละครั้งเขาอาจจะได้ศัพท์ใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 10 คำ แต่อาจจะเอาไปใช้พูดไม่ได้เลยสักคำ

เรื่องที่ผมคุยกับครูฝรั่งคนนี้และเอามาคุยกับท่านผู้อ่านวันนี้ อันที่จริงก็เป็นเรื่องพื้น ๆ อย่างยิ่งและอาจจะแทบไม่มีอะไรใหม่ แต่มีจุดหนึ่งที่ผมต้องการชี้ให้ดูเป็นพิเศษ ก็คือว่า หลายคนบ่นว่า ครูที่สอนภาษาอังกฤษเราในชั้นประถม-มัธยมไม่มีความสามารถ สอนให้เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ตัวอย่างในชั้นเรียนที่ผมนำเอามาเล่าในวันนี้ก็ไม่ใช่เป็นเหตุการณ์เหลือเชื่อ เพราะมีให้เห็นโดยทั่วไป (ผมขอยืนยัน) นี่หมายความว่ายังไง? ก็หมายความว่า ขนาดบางคนเสียเงินเพื่อซื้อโอกาสในการได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษ ก็ยังไม่ค่อยจะยอมฝึกพูด (อย่างเต็มที่) และที่เราเรียนพูดภาษาอังกฤษมาจากโรงเรียนนั้น เรายังยืนกราน 100 % เช่นเดิมอีกหรือเปล่าที่จะบอกว่า ครูผิด ! ครูผิด ! เราไม่ผิด เพราะครูสอนภาษาอังกฤษไม่ดีทำให้เราพูดภาษาอังกฤษไม่ได้

ถ้าเรายืนกรานที่จะเงียบก็คงไม่มีใครสามารถทำให้เราพูดได้ แต่ถ้าเราเปิดใจ (และปาก)เพื่อฝึกพูดก็ไม่มีใครอีกเช่นกันที่สามารถห้ามเราได้ จริง ๆ แล้วการที่คนไทยแม้แต่ยุคใหม่นี้พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ สาเหตุมันก็อาจจะไม่ได้ซับซ้อนอะไรนักหนา แต่ละคนก็น่าจะรู้สาเหตุ แต่อาจจะไม่ค่อยอยากยอมรับเต็มปากเต็มคำนัก

เราอาจจะเปลี่ยนหลักสูตร เปลี่ยนเทคโนโลยี เปลี่ยนสื่อและอุปกรณ์การสอน และเปลี่ยนอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่างด้วยหวังว่า เราคงจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีขึ้น แต่เมื่อไม่เปลี่ยนนิสัยการฝึกพูด การเปลี่ยนทั้งหลายแหล่ที่ว่ามานี้ก็แทบจะไร้ความหมาย

ฉันไม่พูดซะอย่าง ใครจะมาทำอะไรฉันได้... เฮ้อ !!

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

[1357] วิธีหาดาวน์โหลดนิยายภาษาอังกฤษที่ต้องการ

สวัสดีครับ
การอ่านนิยายภาษาอังกฤษให้ทั้งความเพลิดเพลิน และความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่แต่งอิงเรื่องจริง หรือเอาข้อมูลจริงมาผูกเป็นนิยาย ยิ่งถ้าได้อ่านนิยายประเภทที่เราชอบ ก็จะอ่านได้ทนโดยไม่รู้สึกว่าต้องทน อ่านได้นานและรู้สึกว่าเวลาผ่านไปเดี๋ยวเดียว และได้ทักษะภาษาอังกฤษโดยไม่รู้สึกตัวว่าได้ การอ่านนิยายจึงมีประโยชน์หลายสถาน ผมจึงขอแนะนำว่า ท่านใดที่ชอบอ่านนิยายแปล ลองค่อย ๆ หาต้นฉบับภาษาอังกฤษมาอ่านดูก็ดีนะครับ หรือจะลุยอ่านภาษาอังกฤษโดยไม่ต้องอ่านฉบับแปลไทยก็ได้

ผมเองมีประสบการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ ในการอ่านนิยายภาษาอังกฤษที่ขอเล่าให้ท่านผู้อ่านฟัง คลิกที่ลิงค์นี้ ครับ

ในหาดาวน์โหลดนิยายภาษาอังกฤษที่ต้องการมาอ่านนั้น ขอเรียนให้ทราบว่า มีหลายเว็บอยู่เหมือนกันที่มีนิยายใหม่ ๆ บางเรื่องก็เป็น best seller บางเรื่องก็มีการแปลขายเป็นภาษาไทย บางเรื่องก็เป็นนิยาย classic ที่ถูกเขียนใหม่ให้ง่าย (simplified) และใช้เป็นหนังสืออ่านนอกเวลาของนักเรียนชั้นมัธยม เว็บที่ให้บริการดาวน์โหลดเช่นนี้ ส่วนใหญ่เราต้องทำ 2 อย่าง คือ
1) sign up ก่อนเพื่อให้มี username และ password เพื่อใช้ log in เข้าใช้งานเว็บ ถ้าไม่ log in เรามักจะมองไม่เห็น link ที่จะคลิกดาวน์โหลดหนังสือ
2) หนังสือที่จะดาวน์โหลดนั้น ส่วนใหญ่เขาจะนำไปฝากไว้ที่เว็บอื่น และเว็บเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ทำเช่นดียวกัน คือ ต้องให้เราผู้ใช้ sign up ก่อนเพื่อให้มี username และ password เพื่อใช้ download หนังสือ

เว็บดาวน์โหลดส่วนใหญ่ ต้องให้เราทำทั้งข้อ 1) และข้อ 2) แต่บางเว็บอาจจะแค่ ข้อ 1) ข้อเดียว

สรุปง่าย ๆ ก็คือ เวลาจะหานิยายเรื่องที่ต้องการ ก็เพียง
1).ไปที่เว็บนั้น ๆ และ log in
2). พิมพ์ชื่อผู้แต่งหรือชื่อเรื่องลงไป (อย่าพิมพ์ผิดนะครับ)
3).คลิกที่ลิงค์ดาวน์โหลดหนังสือ และ log in ที่เว็บนั้นถ้าจำเป็น
ผมเองใช้วิธีง่าย ๆ คือสมัครทุกเว็บเลยที่ใช้บริการบ่อย ๆ โดยใช้ข้อมูลการสมัครชุดเดียวกัน คือ 1. email, 2.username, 3.password(ที่ตั้งขี้นใหม่ ไม่ใช่ password ของอีเมล)

**********
ผมได้อธิบายเรื่องเหล่านี้ และแนะนำเว็บดัง ๆ พวกนี้ ไว้ที่ 4 ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
[281]ดาวน์โหลดหนังสือดี & ฟรี ที่เพิ่งวางตลาด
[1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
[1222] แนะวิธีเข้าขุมทรัพท์ 4shared.com อีกครั้ง
[1159] เข้าชมขุมทรัพย์หนังสือฟรี- อีกครั้ง
**********

ส่วนนิยายเก่า ๆ ประเภท classic ที่แต่งมาหลายสิบปีแล้ว นิยายพวกนี้หาดาวน์โหลดได้ง่ายกว่านิยายใหม่ ๆ ผมได้แนะนำไว้แล้วที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.gutenberg.org/wiki/Main_Page
http://onlinebooks.library.upenn.edu/
http://www.pagebypagebooks.com/
http://www.free-ebooks.net/
http://www.bartleby.com/
http://www.readprint.com/
http://www.baen.com/library/
http://librivox.org/ (อ่าน + ฟัง)
และอีกมากมาย ที่ลิงค์นี้

ในบล็อกนี้ มีนิยายหลายเรื่องที่เคยแนะนำให้ดาวน์โหลด ที่ลิงค์นี่ครับ
[994] เชิญอ่านนิยายภาษาอังกฤษ ฟรี!
และที่ลิงค์นี้อีกหลายเล่ม

เรื่องสุดท้ายที่ขอเรียนให้ทราบก่อนจบก็คือ มีบางเว็บที่สรุปเนื้อเรื่องนิยายเรื่องดัง ๆ ให้เราเข้าไปหาอ่านได้ ถ้าท่านใดไม่มีเวลาอ่านฉบับเต็มยาวๆ ไปที่เว็บพวกนี้ก็ดีครับ http://www.wikisummaries.org/Main_Page
http://www.wikisummaries.org/Category:Summaries

ถ้าต้องการอ่านคำบอกเล่าโดยละเอียด ไปที่ลิงค์นี้ครับ
[1058]อ่านเรื่องย่อ สารพัดหนังสือดังระดับโลกที่นี่ !

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com