วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2553

[1594] ฟัง – อ่าน นิทานอีสป 66 เรื่อง

สวัสดีครับ
ผมเข้าใจว่าแฟนบล็อกของผมจำนวนไม่น้อยชอบนิทานอีสป เพราะสถิติการดาวน์โหลไฟล์นิทานอีสปมีมากกว่าเรื่องอื่น ๆ หลายเรื่อง
ในบล็อกนี้ ผมได้รวบรวมนิทานอีสปให้ท่านอ่านออนไลน์ และมีให้ดาวน์โหลดไฟล์ ทั้งอ่านและฟังอีกมากพอสมควรที่ลิงค์นี้ http://tinyurl.com/265dslm

ส่วนวันนี้ มีไฟล์ใหม่มาให้ดาวน์โหลดครับ
ไปที่ลิงค์นี้ http://audiobookvault.ws/?p=660
จะมีไฟล์ Audiobook & Text นิทานอีสปจำนวน 66 เรื่อง ให้ท่านดาวน์โหลดเพื่ออ่านและฟัง

หรือถ้าท่านใดเน็ตไม่ค่อยแรง จะดาวน์โหลดไฟล์ขนาดเล็ก ก็ไปที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
ไฟล์ข้อความ
MP 3 - aesop01-10.zip
MP 3 - aesop11-20.zip
MP 3 - aesop21-30.zip
MP 3 - aesop31-40.zip
MP 3 - aesop41-50.zip
MP 3 - aesop51-60.zip
MP 3 - aesop61-66.zip

นอกจากนี้ ถ้าท่านต้องการอ่านแบบมีดิกชันนารีคอยบริการ คือเพียงดับเบิ้ลคลิกที่ศัพท์ คำแปลภาษาไทยจะปรากฎทันที เชิญคลิกที่ลิงค์นี้ครับ
http://translateitbangkokpost.blogspot.com/2010/09/aesops-fables.html

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1593] ฝึกฟังและเขียนตาม (รวมเว็บ dictation)

สวัสดีครับ
ผมเคยอ่านข้อเขียนของบางคนซึ่งบอกว่า การฝึกเขียนภาษาอังกฤษตามที่ได้ยิน ที่เรียกว่า dictation นั้น เป็นการฝึกแบบปลอม ๆ, เสียเวลามากแต่ได้ประโยชน์น้อย เขาบอกว่า คนพูดก็พูดช้าอย่างผิดธรรมชาติ, คนฟังก็ไม่ต้องใช้สมองคิดเพราะเพียงเขียนให้เหมือนที่ได้ยิน จึงไม่ได้ช่วยพัฒนาจินตนาการในการเขียนเลย

พูดไปพูดมาเหมือนกับว่า dictation เป็นการฝึกภาษาอังกฤษสำหรับผู้เรียนที่คล้าย ๆ หุ่นยนต์ เปรียบเทียบอย่างนี้อาจจะฟังเว่อไปหน่อย แต่ความหมายที่เขาวิจารณ์การฝึกแบบ dictation ก็คล้าย ๆ อย่างนี้แหละครับ

บางส่วนเขาอาจจะพูดถูกก็ได้ แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังอยากจะนำเว็บการฝึกภาษาอังกฤษแบบ dictation มาแนะนำอยู่ดี เพราะผมเห็นว่า โดยทั่วไป สิ่งที่เราได้ฝึกฟังจากเว็บ dictation จะมีการออกเสียงที่ชัดเป็นพิเศษ (หรือ ชัดผิดธรรมชาติที่ฝรั่งเขาพูดกัน) แต่ในฐานะของผู้ฝึก การ start ด้วยเสียงชัด ๆ อย่างนี้ก็ไม่น่าจะเป็นผลเสียอะไร เพราะพอหูของเราเริ่มเก่งขึ้น เราก็สามารถขยับไปฝึกฟังเสียงที่พูดแบบธรรมชาติ หรือพูดหวัด ๆ ก็ยังได้ หรือว่าฟังอย่างนี้บ้าง อย่างโน้นบ้าง ปน ๆ กันก็ได้

อีกอย่างหนึ่ง เว็บ dictation หลาย ๆ เว็บก็ทำได้น่าสนใจ เช่น แบ่งเป็นหลายระดับง่าย-ยาก, มีปุ่มให้เราคลิกฟังเป็นวรรค ๆ, บางเว็บมีให้เลือกฟังแบบธรรมดาหรือช้ากว่าธรรมดา, มีเฉลยให้ตรวจว่าเขียนถูกหรือไม่ ถ้าเรา serious เราอาจตรวจถึงขั้นว่า ท้ายเสียงคำ เช่น –s, -es, -d, -ed เราเขียนถูกต้องหรือเปล่า หรือเราอาจจะตรวจเพียงแค่ว่า ใจความที่ฟังแล้วเขียนตามมันถูกต้องหรือเปล่า อย่างนี้เป็นต้น

เว็บ dictation ข้างล่างนี้ น่าจะมีบางอย่างที่ท่านชอบและเป็นประโยชน์ ไม่มากก็น้อย
http://www.manythings.org/fq/d1/
http://www.dictationsonline.com/
http://www.teacherjoe.us/Dicts.html
http://www.englishclub.com/webguide/Listening/Dictation/
http://www.learnenglish.de/dictationpage.htm
http://www.listen-and-write.com/audio
เว็บ dictation ที่เคยแนะนำแล้วในบล็อกนี้
ศึกษาเพิ่มเติม

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2553

[1592] รวมลิงค์สอนภาษาอังกฤษดี ๆ หลายลิงค์

สวัสดีครับ
หลังจากที่แนะนำเว็บไซต์ดี ๆ และฟรี ที่สอนภาษาอังกฤษมา 4 ปีจนถึงวันนี้ ผมมีความรู้สึก 2 – 3 อย่าง คือ

1.เราไม่ขาดแคลนแหล่งดี ๆ ที่จะใช้ศึกษาภาษาอังกฤษฟรี เพราะในเน็ตมีแหล่งเหล่านี้อย่างมหาศาล

2.ปัญหาอยู่ที่ว่า
2.1 เราพร้อมหรือกระตือรือร้นที่จะศึกษาด้วยตัวเองหรือเปล่า ที่พูดเช่นนี้ก็เพราะว่า คนไทยหลายคนที่เรียนหนังสือจากโรงเรียน ไม่ถูกฝึกอย่างเพียงพอที่จะศึกษาด้วยตัวเอง เอะอะอะไรก็ต้องพึ่งครู พอไม่มีครูก็คล้าย ๆ หนทางจะตีบตัน เช่น
-เลือกหรือวางแผนไม่ถูกว่า ควรจะเรียนอะไรก่อน-หลัง
-ไม่สามารถตรวจการบ้านของตัวเอง เพราะถ้ามีครู ครูจะช่วยบอกให้ว่าอะไรถูก อะไรผิด พอเรียนด้วยตัวเองและเป็นต้องครูให้ตัวเอง ก็เลยทำไม่เป็น และชักไปไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่ในอินเทอร์เน็ต เราสามารถตรวจงานของตัวเองได้ถ้าเราไม่ท้อที่จะทำให้เป็น
-พอสงสัยขึ้นมาหลายคนเคยชินที่จะถามคนอื่น มากกว่าที่จะถามตัวเอง พอไม่มีคนอื่นให้ถาม ก็คิดถึงแต่ครู พอไม่มีครู ก็ปล่อยความสงสัยให้คาใจอยู่อย่างนั้น ผมว่านี่เป็นข้อด้อยของคนไทยหลายคนในยุคอินเทอร์เน็ต คือเขาขยันเรียนถ้ามีครู แต่ถ้าไม่มีครูก็เดินเองไม่เป็น

2.2 หลายคนขาดกำลังใจถ้าไม่มีครู ไม่มีเพื่อนเรียนด้วย ไม่มีคนเชียร์ให้กำลังใจ ไม่มีคนให้คำปรึกษา ไม่มีคนคอยตอบคำถาม ฯลฯ แต่ก็ไม่ฮึดที่จะผ่านอุปสรรคทางกาย ทางใจ ทางเทคนิค ทางทักษะพื้นฐานเหล่านี้ไปให้ได้

ที่ผมพูดมาทั้งหมดนี้ มิได้มีเจตนาจะตำหนิใคร แต่ผมเห็นว่า สังคมโลกได้ก้าวเข้าสู่ยุคที่เราต้องพึ่งตัวเอง

การเรียนภาษาอังกฤษก็เช่นดียวกันครับ แม้จะมีเน็ตช่วย แต่เราก็ต้องช่วยตัวเอง
ข้างล่างนี้เป็นรวมลิงค์สอนภาษาอังกฤษดี ๆ หลายลิงค์ที่ผมเก็บไว้ในสต็อก จะทิ้งไปก็เสียดาย ถ้าท่านเข้าไปสำรวจดูแล้วชอบใจลิงค์ใด ให้ทำ Favorite ไว้เลยนะครับ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาใหม่

อธิบายเป็นภาษาไทย
มีข้อสอบให้ดาวน์โหลด
http://www.esldesk.com/esl-links
http://lingro.com/translate/http://www.speak-read-write.com/materials.html
http://www.equisetites.de/radio.html
http://oxforddictionaries.com/page/usefullinks
http://www.wordsmyth.net/?mode=lnk
http://www.wanakam.com/tools.asp
http://researchresources.blogspot.com/
เว็บให้กำลังใจ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1591] แนะนำเว็บสำหรับเด็ก ที่น่าสนใจมาก

สวัสดีครับ
คุณวัชรเมธน์ได้กรุณาแนะนำเว็บสำหรับเด็กที่น่าสนใจมาก ผมจึงขอ copy คำแนะนำมาลงไว้ทั้งหมดเลย ข้างล่างนี้ ขอบคุณคุณวัชรเมธน์มากครับ
**********
ปกติผมจะอ่าน rss เกี่ยวกับโปรแกรมมิ่งอยู่ทุกวัน พอดีวันนี้เขามีสตัดดี้เคส เกี่ยวกับเว็บสำหรับเด็ก ผมนึกถึงคุณพิพัฒน์ทันที

http://www.smashingapps.com/2010/09/23/fun-with-learning-websites-for-kids-you-probably-havent-heard-of.html

ผมลองเข้าไปเว็บหนึ่งที่เขาแนะนำไว้
http://www.storyjumper.com/

เขามีนิทานน่าอ่านเยอะเลย เป็นภาพแอนิเมชั่นเสียด้วย ให้อ่านได้ฟรีๆ และถ้าใครอยากจะได้แบบ hard copy หรือเป็นเล่มหนังสือไว้อ่านก็สั่งซื้อได้ ถ้าอ่านบนเว็บไม่เสียอะไร แนะนำเลยครับ

วัชรเมธน์ ชิษณุคุปต์ ศรีเนธิโรทัย
ประสบการณ์คนเขียนเว็บ
จำหน่ายหนังสือราคาถูก
สินค้า-ตุ๊กตาแฮนด์เมด
**********
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1590] ฟังอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ภาษาไทย

สวัสดีครับ
วันก่อนผมแนะนำเว็บ audio newspaper ให้ท่านสามารถฟังและอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษได้พร้อม ๆ กัน
[1587] อ่าน – ฟัง audio newspaper

ส่วนวันนี้ผมมีเว็บฟังอ่านข่าวหนังสือพิมพ์ภาษาไทยมาให้ท่านฟัง โดยท่านไม่ต้องอ่านเอง
ไปที่เว็บนี้ http://nvis.nectec.or.th/
1.ที่แถบด้านบนให้ท่านคลิกเลือกหนังสือพิมพ์หรือสถานีข่าวที่ท่านต้องการ
ข่าวจาก THAIRATH -ข่าวจาก MCOT -ข่าวจาก THAIPBS -ข่าวจาก CH7 -ข่าวจาก ASTVผู้จัดการ

2.ที่คอลัมน์ซ้ายมือจะปรากฏประเภทของข่าว ทำนองข้างล่างนี้
ข่าวจาก ....
Breaking News
ข่าวการเมือง
ข่าวเศรษฐกิจ
ข่าวต่างประเทศ
ข่าวกีฬา
ข่าวบันเทิง
ข่าวการศึกษา

คลิกประเภทของข่าว ตามที่ท่านต้องการ

3. จะปรากฏหัวข้อข่าว ที่คอลัมน์ขวามือ, ให้คลิกรูปปากสีแดงเพื่อฟังข่าวที่ท่านต้องการ

วันไหนขี้เกียจใช้สายตา ใช้เว็บนี้ช่วยก็ดีเหมือนกันครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2553

[1589] Thesaurus ที่อธิบายความต่าง ในความเหมือน

สวัสดีครับ
สำหรับคนที่ชอบเรื่องภาษา ภาษาคงจะเป็นโลกที่น่าสนใจชวนให้ใคร่รู้และสืบค้นได้ไม่รู้จักจบสิ้น ยกตัวอย่างง่าย ๆ สัก 1 เรื่อง เช่น ความหมายที่เหมือนกัน คล้ายกัน ต่างกัน ของคำศัพท์ในภาษาหนึ่ง ๆ เช่น ภาษาไทย หรือถ้านำไปเปรียบเทียบกับภาษาอื่น เช่น ภาษาอังกฤษ ก็มีเรื่องให้สนใจ และฉงนไม่น้อย

ผมขอถามท่านผู้อ่านสัก 1 คำถามว่า คำว่า “กิน” ในภาษาไทย แปลว่าอะไรบ้าง (ท่านตอบก่อนที่จะอ่านบรรทัดต่อไปนะครับ)

และผมก็เข้าไปที่เว็บของราชบัณฑิตยสถาน http://rirs3.royin.go.th/
พิมพ์คำว่า กิน ลงไป และได้คำตอบดังนี้

กิน ก.
เคี้ยว เช่น กินหมาก,
เคี้ยวกลืน เช่น กินข้าว,
ดื่ม เช่น กินน้ำ,
ทําให้ล่วงลําคอลงไปสู่กระเพาะ;
โดยปริยายหมายความว่า
เปลือง เช่น กินเงิน กินเวลา,
ทําให้หมดเปลือง เช่น รถกินน้ำมัน หลอดไฟชนิดนี้กินไฟมาก;
รับเอา เช่น กินสินบน,
หารายได้ โดยไม่สุจริต เช่น กินจอบกินเสียม;
ชนะในการพนันบางอย่าง.


ท่านจะเห็นว่า คำว่า กิน ง่าย ๆ พยางค์เดียวนี้มีความหมายเกือบ 10 ความหมาย และถ้าผมมีการบ้านอีก 2 ข้อ คือ
1.ในแต่ละความหมายมีศัพท์อื่นใดบ้างที่สามารถใช้แทนคำว่า กิน
2.คำว่า กิน ควรจะแปลเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร

พออ่าน 2 คำถามนี้และพยายามคิดถึงคำตอบก็เริ่มจะปวดหัวแล้ว
แต่ถ้าท่านชอบ ท่านคงรู้สึกสนุก เพราะโลกของภาษาเป็นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาล นี่คำว่า กิน คำเดียวยังขนาดนี้ ถ้าคิดอีก 10,000 คำจะขนาดไหน

และผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงภาษาอังกฤษ คือคำว่า thesaurus คือ list ของคำศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกัน, คล้ายกัน, ต่างกัน หรือ เกี่ยวข้องกัน

ถ้าท่านผู้อ่านเปิดเอกสาร WORD และพิมพ์ภาษาอังกฤษลงไปสัก 1 คำ เช่น คำว่า love, คลิกขวาที่ love, เอาเมาส์วางที่ synonyms และคลิก Thesaurus ท่านจะเห็นว่า คำว่า love มีหลายความหมาย แต่ในแต่ละความหมายก็มีคำอีกหลายคำที่มีความหมายเหมือนหรือคล้ายกัน เราสามารถใช้บริการดูคำศัพท์อย่างนี้ได้ โดยไม่ต้องต่อเน็ต

แต่ถ้าท่านต่อเน็ตก็จะพบว่า มีเว็บอีกหลายเว็บที่ให้บริการบอกเราถึงคำศัทพ์ที่เหมือน-คล้าย-ต่าง-เกี่ยวข้อง ละเอียดกว่าบริการของ WORD โดยเมื่อเราพิมพ์คำศัพท์ลงไปแล้ว เช่นคำว่า light เขาจะบอกว่า เป็น คำประเภทอะไรบ้าง (เช่น เป็น noun, verb, adjective), แต่ละประเภทมีความหมายว่าอะไรบ้าง, และแต่ละความหมายมีศัพท์อื่นใดบ้างที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน

ท่านลองเข้าไปสำรวจที่เว็บข้างล่างนี้สัก 1 เที่ยวก่อนก็ได้ครับ แต่ละเว็บดัง ๆ ทั้งนั้น
http://thesaurus.com/
http://www.wordsmyth.net/
http://www.merriam-webster.com/thesaurus/
http://www.wordcentral.com/cgi-bin/thesaurus?book=Thesaurus&va=
http://www.thefreedictionary.com/dictionary.htm
http://dictionary.reverso.net/english-synonyms/
http://www.wordwebonline.com/
http://www.google.com/dictionary
http://www.cozyenglish.com/dictionary


งานที่ผมทำอยู่ทุกวันนี้ต้องเขียนภาษาอังกฤษอยู่บ้าง และเว็บข้างบนนี้ก็ให้ประโยชน์อยู่มากพอสมควร แต่ผมก็ยังไม่ค่อยพอใจนัก เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะว่า เขาไม่ได้บอกว่า คำหลาย ๆ คำที่เขาให้มาซึ่งเขาบอกว่ามีความหมายคล้ายกันนั้น มันคล้ายกันยังไง และในสถานการณ์ใดจึงควรใช้คำนี้หรือคำนั้นหรือคำโน้น

คำถามเช่นนี้ ถามง่ายแต่ตอบยาก ยกตัวอย่างภาษาไทยคำว่า กิน ข้างต้นก็ได้ครับ
ความหมายของคำว่า กิน ที่แปลว่า เปลือง เช่น กินเงิน กินเวลา, เราจะใช้คำว่า เสีย แทนได้ไหม เป็น เสียเงิน เสียเวลา ถ้าแทนได้ จะแทนได้ในทุกกรณีหรือเปล่า กรณีใดแทนได้ กรณีใดแทนไม่ได้ เท่านี้ก็คิดแย่แล้วครับ

แต่สิ่งที่ผมจะแนะนำท่านในวันนี้ เป็นสิ่งที่ผมชื่นชมเป็นพิเศษ คือ มีเว็บอยู่เว็บหนึ่ง เขาพยายามที่จะให้คำจำกัดความของแต่ละคำที่อยู่ในกลุ่มคำที่มีความหมายเหมือนกันหรือคล้ายกัน พูดสั้น ๆ ก็คือ ชี้ความต่างในความเหมือน อย่างเช่น คำว่า

To love or like a person: รักหรือชอบคน สามารถใช้ศัพท์ต่อไปนี้
love, care for, adore, dote on, fall in love, have a soft spot for someone, long, fall for, worship the ground someone walks on...
และศัพท์แต่ละตัวก็มีความหมาย ดังนี้
คลิก

การที่เขาพิมพ์ความหมายในหน้าเดียวกัน ให้เราสามารถอ่านเปรียบเทียบ อย่างนี้มีประโยชน์มากครับ เพราะแม้ว่าเขาจะไม่สามารถอธิบายอย่างกระจ่างแจ้ง 100 % แต่อย่างน้อยเมื่ออ่านแล้วเราก็ได้เห็นแนวทางในการเลือกคำที่เราจะใช้

ขอยกตัวอย่างคำอื่นบ้าง
To enjoy something, or to enjoy yourself: สนุกสนานกับ.... สามารถใช้ศัพท์ต่อไปนี้
like, enjoy, go in for, delight in, savour, revel in, love, have your fun, take/find pleasure in (doing) something, go out...
และศัพท์แต่ละตัวก็มีความหมาย ดังนี้
คลิก

To eat: กิน สามารถใช้ศัพท์ต่อไปนี้
eat, swallow, have, consume, taste, touch, try, manage, take, ingest
และศัพท์แต่ละตัวก็มีความหมาย ดังนี้
คลิก

นอกจากนี้ เว็บนี้ยังบอกคำที่เกี่ยวข้องหรืออยู่ในประเภทดียวกันอีกด้วย เช่นเมื่อพิมพ์คำว่า hammer ลงไป เขาก็จะแสดง
General hand tools: ซึ่งมีดังต่อไปนี้
คลิก

ผมขอชวนให้ท่านลองเข้าไปใช้บริการของเว็บนี้ ซึ่งจะช่วยให้เราเข้าใจความหมายของคำศัพท์ในเชิงเปรียบเทียบ และสามารถใช้คำศัพท์ได้ถูกต้องมากขึ้น

วิธีใช้:
1.ไปที่เว็บนี้ http://www.macmillandictionary.com/about_thesaurus.html
2.พิมพ์คำศัพท์, Enter
3.อ่านดูความหมายที่ต้องการ และคลิกที่คำว่า more สีแดง ใต้บรรทัดนี้
Synonyms or related words for this sense of คำศัพท์*
4.ถ้าต้องการศึกษาความหมายของคำใดโดยละเอียด ก็คลิกที่คำนั้น

เอาละครับ ลองเข้าไปทดลองใช้ดูนะครับ ท่านอาจจะชอบก็ได้

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1588] เกม Hangman ที่ขอแนะนำเป็นพิเศษ

สวัสดีครับ
ศัพท์เป็นสิ่งจำเป็นต่อการเรียนภาษา, การเล่นเกมช่วยให้จำศัพท์ได้ง่ายและลืมได้ยาก, เกมที่ดีควรจะเล่นท้าทายและสนุก และ Hangman เป็นเกมที่ดี

ในบล็อกนี้ ผมได้แนะนำเกม Hangman ไว้บ้างแล้ว ที่ลิงค์นี้

วันนี้ ผมไปพบเกม Hangman อีก 1 แห่งที่น่าสนใจมาก ๆ
ที่เว็บนี้ http://www.breakingnewsenglish.com/
เว็บ www.breakingnewsenglish.com/ นี้เป็นเว็บที่ดีและดังมาก ผมเคยเขียนแนะนำไว้หลายครั้ง ที่ลิงค์นี้

วันนี้ผมขอแนะนำเกม Hangman ซึ่งเป็นบริการที่เว็บนี้เพิ่งจัดให้ไม่นาน ลักษณะที่ดีมาก ๆ ของ Hangman ที่ breakingnewsenglish.com ก็คือ
-เขามี hint ซึ่งเป็นวลีภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างยาว การอ่าน hint ยาว ๆ เช่นนี้มีประโยชน์แน่ ๆ 2 อย่าง คือ 1)ได้ฝึก reading skill และ 2)มันเป็นการฝึกคิดย้อนหลังจากความหมายไปหาคำศัพท์ มันคล้าย ๆ กับตอนที่เราจะพูดภาษาอังกฤษนั่นแหละครับ คือเรามีความหมายที่เราต้องการจะสื่อ และเราก็จะนึกถึงศัพท์ที่สามารถสื่อความหมายนี้ แต่บางท่านคงจะเคยเจอปัญหานี้ คือ มีความหมายในใจแต่นึกศัพท์ที่จะสื่อสารไม่ออก การเล่น Hangman เป็นการซ้อมสมองให้หัดนึกคำศัพท์ที่ต้องการใช้สื่อสาร ถ้าเล่นบ่อย ๆ ปัญหาเรื่องนึกศัพท์ไม่ออกก็จะน้อยลง

-เกมแต่ละชุดมีศัพท์ให้หา 14 คำ ซึ่งแต่ละคำจะเกี่ยวข้องกับเนื้อข่าวที่เว็บนี้จัดให้ศึกษาในแต่ละวัน

วิธีเล่น
1.ไปที่ Homepage www.breakingnewsenglish.com/

2.เลือกคลิกที่หัวข้อข่าวใต้ LATEST LESSON หรือ RECENT LESSONS

3.เมื่อเข้าไปแล้ว จะเห็นว่าแต่ละข่าวจะมี script ข่าวให้อ่าน, มี mp3ให้ฟัง, มีไฟล์ให้ดาวน์โหลด และมีแบบฝึกหัดให้ฝึกทำ,ถ้าท่านทำแบบฝึกหัดก่อนก็จะเล่น Hangman ได้ง่ายขึ้น แต่ท่านจะเล่น Hangman ที่เกี่ยวกับข่าวนี้เลยทันทีก็ได้ โดยคลิกที่ Hangman ซึ่งอยู่ใต้ PLAY ตอนบนของหน้า

เรื่องการเล่น Hangman นี่นะครับ ผมมีข้อแนะนำนิดหน่อยเพื่อให้เล่นได้ง่ายขึ้น และได้ประโยชน์ทางภาษาจากการเล่น
1.ให้ท่านอ่านวลีภาษาอังกฤษที่เป็น Hint และสังเกตว่า สิ่งที่ Hint บอกนี้เป็นคำอะไร เช่น noun, verb, adjective, adverb ฯลฯ
-ถ้าเป็น noun เป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์
-ถ้าเป็น verb เป็น present หรือ past
เป็นต้น

2.ถ้าคิดไม่ออก ท่านอาจจะลองเติมสระ A, E, I, O, U หรือ Y ลงไปก็ได้ เพราะศัพท์แต่ละคำต้องมีสระ เมื่อเห็นตำแหน่งของสระอาจจะทำให้คิดถึงพยัญชนะตัวอื่นได้ง่ายขึ้น

3.ไม่ควรคลิก Hint ง่าย ๆ ควรออกแรงคิดสักหน่อย สิ่งที่ผมอยากจะย้ำเป็นพิเศษก็คือ ในการเล่น Hangman เช่น ในเว็บ breakingnewsenglish.com นี้ เกม Hangman 1ชุดมี 14 คำ แต่คำศัพท์ที่เราจะได้จากการเล่นมีมากกว่า 14 คำแน่ ๆ เพราะอะไรหรือครับ? ก็เพราะว่า หลังจากที่เราอ่าน Hint ซึ่งเป็นวลีภาษาอังกฤษที่เขาให้มา เราก็จะคิดถึงคำนั้นคำนี้ที่จะเติม และก็คลิกเติมลงไปซึ่งอาจจะผิดบ้างถูกบ้าง แต่ในห้วงเวลานี้ทั้งหมด ศัพท์ทั้งหลายที่เราเคยสะสมไว้ตั้งแต่อดีตหลายปีก่อนหรือชาติก่อน จะถูกปลุกให้ตื่นขึ้นและวิ่งไปวิ่งมาในสมอง เมื่อเล่นบ่อย ๆ ศัพท์ที่หลับก็จะกลายเป็นศัพท์ที่ตื่น ศัพท์ที่ไม่เคยรู้จักก็จะเริ่มรู้จัก – คุ้นเคย – จำได้ ในที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เราจะต้องออกแรงนึก – คิด – และเดา บ้าง อย่ายอมแพ้และคลิก Hint ง่ายเกินไป

สำหรับท่านที่ต้องการเล่น hangman อย่างเดียว ยังไม่อยากฝึกอย่างอื่น ๆ ที่เว็บ breakingnewsenglish.com จัดไว้ให้ ก็
เชิญคลิกที่ลิงค์นี้

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

[1587] อ่าน – ฟัง audio newspaper

สวัสดีครับ
ท่านที่เป็นแฟนบล็อกนี้จะสังแกตได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการฝึกฟังจากเว็บหรือจากไฟล์ ถ้าเป็นไปได้ผมจะพยายามหาข้อความ หรือ script มาให้ด้วย ถ้าฟังไม่ค่อยรู้เรื่องจะได้สามารถอ่านประกอบ ผมได้รวบรวมไว้ที่ลิงค์นี้
ฟัง

สำหรับความชอบส่วนตัว ผมชอบ “ข่าว” เพราะว่า
-ศัพท์ที่ใช้ในข่าวเป็นศัพท์ทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน และศัพท์เหล่านี้ก็เอาไปใช้อ่านหรือฟังเรื่องอื่น ๆ ได้ที่ไม่ใช่ข่าว
-ข่าว มีการเปลี่ยนแปลงบ่อย ไม่ซ้ำซากจำเจ ได้ทั้งความรู้ และความเพลิดเพลิน


ที่คอลัมน์ซ้ายมือของบล็อกนี้ ผมรวบรวมลิงค์ข่าวไว้ให้ท่านคลิกเข้าไปอ่านหรือฟังได้เลย
อ่าน
Bangkok Post,
Nation,
DailyXpress,
BBC,
CNN,
ANN,
norsorpor

ฟังข่าวสด
CNN,
BBC,
NPR,
ABC,
World media

ฟังข่าวสั้น
CNN,
BBC,
NPR,
VOA,
NHK
ฟัง VOA Special English

แต่ข้อที่อาจจะไม่ค่อยสะดวกของเว็บข่าวเหล่านี้ในการฝึกภาษาอังกฤษก็คือ มันมักจะมีให้เราอ่านหรือฟังอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น มีไม่มากนักที่จะมีทั้ง mp3(หรือ video) และ script ข่าว ให้เราสามารถฟังและอ่านได้พร้อมกัน พูดง่าย ๆ ก็คือ มักจะมีแค่ audio news ไม่ค่อยมี audio newspaper

วันนี้ผมจึงพยายามหาเว็บ audio newspaper ให้ท่านฝึกฟังและถ้าต้องการอ่านก็มี script ไว้บริการด้วย ได้มา 4 เว็บข้างล่างนี้ครับ

เว็บที่ 1:
http://www.newsworthyaudio.com/NewsworthyAudio.aspx
-คลิกที่ไอคอนรูปหูฟังเพื่อฟัง, และเมื่อเข้าไปที่หน้าต่างฟังแล้ว ให้คลิกที่ไอคอนปุ่มที่ 4 เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ mp3
-คลิกที่ Read เพื่ออ่าน

เว็บที่ 2:
http://www.breakingnewsenglish.com/
คลิก mp3 ใต้ LISTEN เพื่อฟัง online,
คลิกขวาที่ mp3 และคลิกซ้าย Save Target As.. เพื่อดาวน์โหลดไฟล์เก็บไว้ฟังหลาย ๆ ครั้งโดยไม่ต้องต่อเน็ต

เว็บที่ 3:
http://www.voanews.com/learningenglish/home/
สังเกตเหนือบรรทัด This is the VOA Special English Education Report.
มีคำว่า download MP3, ให้ คลิกขวาที่นั่น และคลิกซ้าย Save Target As.. เพื่อดาวน์โหลดไฟล์เก็บไว้ฟังหลาย ๆ ครั้งโดยไม่ต้องต่อเน็ต

เว็บที่ 4:
http://www.voanews.com/english/news/
สังเกตไอคอนที่ท้ายหัวข้อข่าว:
-คลิกรูปลำโพง = audio,
-คลิกรูปจอทีวี = video
-ถ้าไม่มีไอคอน รูปลำโพง หรือ รูปจอทีวี ข่าวนั้นก็แค่อ่านเฉย ๆ

คลิกเพื่อศึกษาเพิ่มเติม:
audio newspaper

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1586] ดาวน์โหลดโปรแกรมดิกชันนารี ลงโทรศัพท์มือถือ

สวัสดีครับ
ลิงค์ข้างล่างนี้แนะนำวิธีดาวน์โหลดโปรแกรมดิกชันนารีลงโทรศัพท์มือถือเพื่อใช้งาน ต้องขอเรียนว่า ผมไม่ทราบว่าทำยังไงเพราะโทรศัพท์มือถือรุ่นที่ผมใช้มันเก่ามาก มันยังใช้โทรได้แต่ลงโปรแกรมดิกไม่ได้

แต่โทรศัพท์ของหลายท่านคงจะใหม่กว่าของผม และดาวน์โหลดโปรแกรมดิกชันนารีลงเพื่อใช้งานได้ ถ้าสนใจก็ลองเข้าไปศึกษาที่ลิงค์ข้างล่างนี้ดูนะครับ

http://www.it-guides.com/index.php/freeware-download/home-education-freeware/590-thai-dictionary-for-android-mobile
http://www.cn.co.th/download/Android/CNDict_Android_Quickguide_04.pdf


http://zeedprogram.exteen.com/20090712/dictionary

http://community.siamphone.com/viewtopic.php?t=248224

http://www.huanolive.com/live/index.php?topic=315.0

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2553

[1585] ด/ล โปรแกรม Oxford Essential Dictionary

สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีโปรแกรม Oxford Essential Dictionary มาแนะนำ
ขอขอบคุณคุณพัชรามากครับที่แนะนำโปรแกรมนี้ และยังช่วย upload ไฟล์ดิกที่มีขนาดเล็กเพียง 20 MB ให้ท่านผู้อ่าน download ได้ง่าย ๆ

โปรแกรม Oxford Essential Dictionary น่าสนใจอย่างไร อ่านได้ที่ลิงค์นี้ครับ คลิก

และดาวน์โหลดไฟล์ได้ที่ลิงค์ที่ 1- 28 ข้างล่างนี้
1-2-3-4-5-6-7-8-9-10-11-12-13-14-15-16-17-18-19-20-21-22-23-24-25-26-27-28

พอดาวน์โหลดไฟล์ครบทั้งหมดแล้ว ให้แตกไฟล์ที่ ๑ เพียงไฟล์เดียว
จากนั้นไรท์ลงแผ่น และดำเนินการติดตั้ง

ดาวน์โหลดโปรแกรมไรท์ไฟล์ได้ที่นี้(สำหรับคนที่ไม่มี nero) เป็นโปรแกรมขนาดเล็ก
คลิก

สำหรับท่านที่เน็ตแรง สามารถดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ ขอเชิญที่ 2 ลิงค์นี้ครับ
คลิก Slower Download ด้านขวามือ
part1.rar
part2.rar

ในบล็อกนี้ ผมได้นำโปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษหลายโปรแกรมมาให้ท่านดาวน์โหลด
ถ้าสนใจก็เชิญคลิกครับ

สิ่งที่ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษด้วยโปรแกรมน่าสนใจก็เพราะว่า โปรแกรมมีทั้งข้อความ เสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว (วีดิโอ) เกม ให้เราสัมผัสไปพร้อม ๆ กัน และมีการโต้ตอบหรือ interaction ได้ค่อนข้างรวดเร็ว ทำให้ไม่เบื่อและสนุก

แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมขอเรียนทุกท่านที่ใช้โปรแกรมก็คือ เราควรพยายามใช้โปรแกรมให้เต็มประสิทธิภาพของมัน โดยการคลิกที่ปุ่ม Help หรือปุ่มที่เป็นเครื่องหมาย ? และพยายามอ่านให้เข้าใจโดยตลอด ยอมเสียเวลาตรงนี้สักนิดเถอะครับเพราะมันคุ้มค่า

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีบางท่านที่ลงโปรแกรมดี ๆ หลายโปรแกรมและรู้สึกว่าเครื่องอืด และแม้ว่าจะ uninstall แล้วก็ยังไม่ค่อยจะหายอืด เลยชักเข็ดไม่อยากลงโปรแกรมอะไรใหม่ ๆ อีก อันนี้น่าเห็นใจครับ ผมเองก็เจออย่างนี้อยู่บ้างเหมือนกัน เพราะว่าทุกครั้งที่จะเขียนแนะนำโปรแกรมใดผมต้องทดลองใช้งานเองก่อน เครื่องคอมฯของผมก็เลยเป็นสนามทดลองโปรแกรมสารพัดอย่าง

วิธีแก้ไขของผมก็คือ ลงโปรแกรม Revo Uninstaller ไว้ในเครื่องคอมฯ และโปรแกรมใดที่ลงไว้และเลิกใช้งานแล้ว ผมก็จะ uninstall ด้วย Revo Uninstaller ซึ่งมีประสิทธิภาพการ uninstall ได้เกลี้ยงเกลากว่าโปรแกรม Window เยอะทีเดียว ท่านใดจะลองใช้งานก็เชิญครับ
คลิกดาวน์โหลดโปรแกรม Revo Uninstaller

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

[1584] เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์กับ มสธ.

สวัสดีครับ
ท่านสามารถเรียนภาษาอังกฤษผ่านเน็ตกับมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ได้ที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.stou.ac.th/stouonline/

เมื่อเข้าไปแล้วก็ลองสำรวจดูแล้วกันครับว่าหน้าใดของเว็บที่ท่านชอบใจบ้าง
สำหรับผม มีลิงค์ข้างล่างนี้ที่ชอบใจ ลองเข้าไปดูสักหน่อยซีครับ

TV Online

วีดิโอ ภาษาอังกฤษพื้นฐาน
คลิกที่ชื่อไฟล์

ชุดฝึกอบรมออนไลน์

eTutorials/
ดูบรรทัดที่เขียนว่าภาษาอังกฤษ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1583] ดาวน์โหลดครบชุด “บ้านเล็กในป่าใหญ่”

สวัสดีครับ
หนังสือชุด “บ้านเล็กในป่าใหญ่” หรือ “Little House Series” ครบชุดมี 10 เล่ม คือ
1 บ้านเล็กในป่าใหญ่ Little House in the Big Woods
2 เด็กชายชาวนา Farmer Boy
3 บ้านเล็กในทุ่งกว้าง Little House on the Prairie
4 บ้านเล็กริมห้วย On the Banks of Plum Creek
5 ริมทะเลสาบสีเงิน By the Shores of Silver Lake
6 ฤดูหนาวอันแสนนาน The Long Winter
7 เมืองเล็กในทุ่งกว้าง Little Town on the Prairie
8 ปีทองอันแสนสุข These Happy Golden Years
9 ตามทางสู่เหย้า - On the Way Home
10 สี่ปีแรก The First Four Years


อ่านคำแนะนำ
Wikipedia
แนะนำหนังสือโดย รศ.ดร.ชุมพร ยงกิตติกุลแนะนำหนังสือโดย พรชัย จันทโสก
วันนี้ผมมีต้นฉบับภาษาอังกฤษมาให้ท่านดาวน์โหลด 9 เล่ม (ขาดเฉพาะ เล่มที่ 9 ตามทางสู่เหย้า - On the Way Home)

เชิญดาวน์โหลดไฟล์หนังสือ:
https://www.box.com/s/a64ac1739765babf503b

ดูวีดิโอคลิป YouTube:
http://www.youtube.com/watch?v=WVvQzj9M-W4&feature=youtube_gdata

อ่าน Editorial Reviews ที่เว็บ Amazon
http://www.amazon.com/Complete-Little-House-Nine-Book-Set/dp/0064400409

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1582] แนะนำหนังสือ The Top 200 Secrets of Success

สวัสดีครับ
หนังสือ The Top 200 Secrets of Success and the Pillars of Self-Mastery แต่งโดย Robin S. Sharma เป็นหนังสือหนาไม่ถึง 30 หน้า มีคำแนะนำให้คิด - รู้สึก - พูด - ทำ เพื่อปรับปรุงชีวิต อยู่ 200 ข้อ

ผมอ่านแล้วและเห็นว่าเป็นประโยชน์ ท่านสามารถนำคำแนะนำในหนังสือเล่มนี้ไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตส่วนตัว การเรียน และการทำงาน ได้ไม่มากก็น้อย

เชิญดาวน์โหลดที่ลิงค์ใดลิงค์หนึ่งข้างล่างนี้
http://www.forwardsteps.com.au/docs/Top200SecretsOfSuccess.pdf

http://www.box.net/index.php?rm=box_download_shared_file&file_id=f_333783816&shared_name=rdzemyhg90

http://www.stanford.edu/~cvkkumar/200_Success.pdf

http://kolliviews.files.wordpress.com/2009/11/the-top-200-secrets-of-success-and-the-pillars-of-self.doc

http://www.4shared.com/document/kdG5lDNs/Top_200_Secrets_Of_Success_By_.html


หรือเข้าไปที่ลิงค์นี้ เมื่อดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์ จะปรากฏคำแปลเป็นภาษาไทย
http://translateitbangkokpost.blogspot.com/2010/09/top-200-secrets-of-success-and-pillars.html

ผมขอแสดงความคิดเห็นแถมท้ายเกี่ยวกับหนังสือพวกนี้สักนิดนะครับ

คือหนังสือประเภทแนะนำการปรับปรุงตัวเองนี่นะครับ มีออกพิมพ์ขายมากทีเดียว ในร้านหนังสือบ้านเรามีทั้งที่สั่งเข้าจากเมืองนอกและที่แปลขายเป็นภาษาไทย หลายเล่มให้คำแนะนำที่ดีมาก เข้าทำนองอ่านแล้วนำไปปฏิบัติตาม จะช่วยให้งานก็สำเร็จ ใจก็เป็นสุข อะไรทำนองนี้ ซึ่งเมื่ออ่านดูโดยทั่วไปแล้ว เขาก็ไม่ได้โกหก

ที่มาของหนังสือทำนองนี้อาจจะมีหลายอย่าง เช่น หลักจิตวิทยา ประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจหรือการเมือง ปรัชญาทางศาสนา คำคมของนักคิด หรือผู้นำทางศาสนา แต่หลายเล่มอ่านแล้วก็งง เพราะแนะนำทุกเรื่องจนคำแนะนำขัดกันเอง เลยกลายเป็นว่าผู้อ่านชอบอย่างไหนก็ทำตามอย่างนั้นแล้วกัน

แต่อย่างหนึ่งที่ผมอดรู้สึกไม่ได้ก็คือ โดยทั่วไป image ของความสำเร็จหรือผู้ประสบความสำเร็จ ก็คือนักธุรกิจหรือนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง คำแนะนำที่ให้ไว้จึงเป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการแข่งขันและชนะ เพราะโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าโลกตะวันตกหรือโลกตะวันออก คือโลกของการแข่งขัน เมื่อเป็นการแข่งขัน ก็ต้องมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ หนังสือพวกนี้ก็คงกะจะช่วยให้ผู้อ่านได้หลักเกณฑ์ที่ปฏิบัติตามแล้วชนะอย่างมีความสุข และถึงแม้จะแพ้ก็แพ้อย่างไม่ทุกข์มาก

แต่เรื่องการแพ้และไม่ทุกข์นี้ คงจะทำยาก จึงเกิดสิ่งที่เราเห็น คือ ผู้คนในโลกทุกวันนี้ ซึ่งอาจจะรวมถึงคนที่อ่านหนังสือพวกนี้ด้วย มีความทุกข์ใจ เครียด และเป็นโรคประสาท รวมทั้งมีตัวเลขของคนฆ่าหรือพยายามฆ่าตัวตายมากขึ้น

มันทำให้ผมรู้สึกว่า เราควรจะต้องตอบคำถามข้อแรกให้ถูกต้องเสียก่อน เพราะถ้าคำถามข้อแรกนี้ตอบผิด ข้ออื่น ๆ ก็จะผิดหมด เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อ ๆ ไปก็จะติดผิดทุกเม็ด

อะไรคือคำถามข้อแรกที่ทุกคนควรตอบให้ถูก สำหรับผม คำถามข้อแรกที่ทุกชีวิตต้องตอบให้ถูกก็คือ เราเกิดมาทำไม คำถามนี้อาจจะใช้สำนวนอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง โดยใจความเดียวกัน เช่น อะไรคือเป้าหมายของชีวิต ชีวิตอยู่เพื่ออะไร เป็นต้น

สำหรับผม ผมเชื่อว่า คำตอบต่อคำถามที่สำคัญที่สุดในชีวิตข้อนี้ก็คือ
เส้นทางของชีวิตคือ การให้ (ทาน – help ) การไม่เบียดเบียน (ศีล – not hurt ) และ การทำใจให้สงบสุข (ภาวนา – take care of own heart) เพราะฉะนั้น ส่วนผสมของชีวิตในแต่ละวัน หรือมองว่าทั้งชีวิตก็ตาม ควรจะมีทั้ง ทาน – ศีล – ภาวนา หรือ help, not hurt, take care of own heart ทั้ง 3 ส่วน

แล้วหนังสือพวก self-development, self-improvement หรือ inspiration, motivation พวกนี้ล่ะ ให้คำแนะนำที่ตอบคำถามของชีวิตหรือเปล่า

เท่าที่ผมประเมินด้วยตัวเอง บางทีก็ตอบ บางทีก็ไม่ตอบ บางทีก็ตอบเบี้ยว ๆ

แต่ไม่ว่าท่านผู้อ่านจะเห็นด้วย - เห็นแย้ง - เห็นต่าง หรือ - เห็นตรงกันข้ามกับผม หนังสือพวกนี้ ถ้าอ่านบ้างก็มีประโยชน์ครับ

วันนี้ผมจึงเอามาแนะนำให้อ่าน 1 เล่ม ถ้าอ่านแล้วชอบใจ จะอ่านอีก 1 เล่มโดยผู้แต่งคนเดียวกันก็เชิญครับ เขาบอกว่าเป็นหนังสือดังด้วยซีครับ ชื่อ
The Monk Who Sold His Ferrari
เล่มนี้ผมยังไม่ได้อ่านครับ ท่านใดอ่านแล้วเก็บเอามาเล่าบ้างก็ดีครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2553

[1581]10 วิธีในการหาประโยคตัวอย่างภ.อังกฤษจากเน็ต

สวัสดีครับ
ในการเรียนภาษาอังกฤษ การเข้าใจและใช้ศัพท์ได้ถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญ การท่องศัพท์อาจจะช่วยให้จำได้ แต่วิธีที่ดีกว่าคือการเจอศัพท์บ่อย ๆ ในประโยคที่ใช้ศัพท์นั้น

ต่อไปนี้เป็นวีธีหาประโยคซึ่งแต่งด้วยคำศัพท์ที่เราต้องการจดจำและศึกษา ถ้าอ่านศัพท์พร้อมประโยคบ่อย ๆ จะช่วยให้ เข้าใจ + จำได้ + ใช้เป็น

1.หาศัพท์จาก learner’s dictionary
พิมพ์คำศัพท์ลงไปที่ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ในลิงค์นี้ จะเห็นทั้งความหมายและประโยคตัวอย่าง
http://dictionarysearchbox.blogspot.com/

2.มีประโยคตัวอย่างมากมายที่ wordsmyth.net
ก) ไปที่ http://new.wordsmyth.net/?mode=rs
ข) พิมพ์คำศัพท์ในช่อง Search for entries that contain
ค) ติ๊กเลือก Word(s) + Forms
ง) ติ๊ก ให้มีเครื่องหมาย / หน้า Example
จ) ติ๊ก เอาเครื่องหมาย / หน้า Definition ออก
ฉ) คลิก Perform Search เว็บจะโชว์ทุกคำศัพท์ในเว็บซึ่งมีศัพท์ที่เราต้องการศึกษาปนอยู่ในประโยคตัวอย่าง ถ้ามีเยอะอย่าลืมคลิก Next >> ที่มุมล่างขวา
ช) คลิกคำศัพท์ที่ลิงค์ต้นบรรทัด ศัพท์ตัวนั้นในประโยคตัวอย่างจะมีสีเหลือง

[ หรือจะไปที่ลิงค์นี้ Homepage แนะนำ และพิมพ์คำศัพท์ที่ใช้ช่อง Type a WORD & ENTER[Show example sentences] ก็จะได้ผลเช่นดียวกัน ]

3. http://examples.yourdictionary.com/
ประโยคตัวอย่างที่เว็บนี้แสดง มีประโยชน์มากในการศึกษา collocation คือคำศัพท์ที่มักใช้ด้วยกัน เช่น verb ตัวนี้มักตามด้วย preposition อะไร, noun ตัวนี้ มักมี adjective อะไรวางขยายอยู่ข้างหน้า เป็นต้น

4.ประโยคตัวอย่างจากหนังสือพิมพ์ The Nation
http://www.nationmultimedia.com/search/
ก) พิมพ์ศัพท์ที่ช่อง Search , Enter. ศัพท์จะปรากฏเป็นสีแดง
ข)คลิกลิงค์หัวข้อข่าว
ข้อดี คือ เนื้อหาในประโยคมักเป็นข่าวในประเทศไทย

5.ประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษจากเว็บ BBC Learning English
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/
ก) พิมพ์คำในช่อง Search, Enter
ข) เลือกคลิกลิงค์ที่ต้องการ
ค) กด Control+F และพิมพ์คำศัพท์ในช่อง Find, (คลิก Next)

6.ประโยคตัวอย่างภาษาอังกฤษจากเว็บ VOA Special English
http://www1.voanews.com/learningenglish/home/
ก) พิมพ์คำในช่อง Search ที่มุมบนขวาของหน้า, Enter
ข) เลือกคลิกลิงค์ที่ต้องการ
ค) กด Control+F และพิมพ์คำศัพท์ในช่อง Find, (คลิก Next)

7.ใช้ Search Engine ที่แสดงผลการค้นคำศัพท์เป็นประโยคเต็ม
ไปที่นี่ http://www.factbites.com/
พิมพ์คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ต้องการศึกษา

8.หาจาก Google Dictionary
ไปที่ http://www.google.com/dictionary และพิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการ
-ศัพท์ที่พิมพ์สามารถเติมท้ายได้ เช่น –s, -es, -d, -ed, -ing, -ly เป็นต้น ทำให้ได้เห็นจำนวนประโยคตัวอย่างมากขึ้น
-ดูที่ใต้บรรทัด Usage examples จะมีตัวอย่างประโยคซึ่งมีลักษณะพิเศษ คือ เป็นคำพูดของคนในข่าว
-ที่บรรทัดล่างจะเห็น เดือน วันที่ ปี ที่รายงานข่าว / ชื่อผู้พูด / แหล่างข่าว
ข้อดี จะได้ศึกษาสำนวนพูดที่ฝรั่งเขาพูดจริง ๆ อาจจะยากสักนิด แต่ก็น่าศึกษา

9.คลังศัพท์จากประเทศอังกฤษและจีน
http://www.jukuu.com/
http://www.natcorp.ox.ac.uk/
http://www.lextutor.ca/concordancers/concord_e.html
[ คลิกอ่านคำแนะนำ ]

10.ดาวน์โหลดโปรแกรม COBUILD Dictionary
http://english-for-thais-2.blogspot.com/2009/06/103-cobuild-dict.html
เมื่อติดตั้งแล้ว จะมีประโยคตัวอย่างมากมายให้ศึกษา

เพิ่ม 13 ตุลาคม 2553
11. Dictionary ที่มีประโยคตัวอย่างหลาย ๆ ประโยค
http://www.wordnik.com/
http://www.wordslike.net/

ลองใช้ดูนะครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2553

[1580] แนะนำเว็บดาวน์โหลดหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับ
ขอแนะนำอีก 1 ครั้งนะครับ หนังสือธรรมะภาษาอังกฤษ ที่บรรยายและแต่งโดยผู้รู้ชาวไทยและต่างประเทศ ทั้งพระภิกษุและฆราวาส

ขอความเจริญในธรรม และความเก่งในภาษาอังกฤษ จงมีแด่ท่านผู้อ่านทุกท่านเทอญ

เชิญดาวน์โหลดจากลิงค์ข้างล่างนี้ครับ...

http://buddhistlinks.org/eBooks.htm
http://www.accesstoinsight.org/index-title.html
เชิญอ่านหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษ 50 เล่ม
ชวนอ่านธรรมะภาษาอังกฤษ !
ดาวน์โหลดหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษกว่า 300 เล่ม
A Tree in a Forest -เหมือนกับใจ คล้ายกับจิต
เรียนภาษาอังกฤษกับธรรมะท่านอาจารย์พุทธทาส
D/Lหนังสือธรรมะของพระชาวพุทธที่ดังที่สุดในโลก
อ่าน – ฟัง “ปาฏิหาริย์แห่งการตื่นอยู่เสมอ”
http://www.golden-wheel.net/buddlinks.html
http://dharamsalanet.com/links/buddhist.htm

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1579]เว็บทดสอบความรู้ที่ใหญ่ที่สุดในเน็ต(fullwiki.org)

สวัสดีครับ
มีท่านผู้อ่านตอบ คำถามในบล็อกนี้ ว่า “ส่วนใหญ่ ท่านใช้ภาษาอังกฤษทำอะไร ?” ดังนี้
หาความรู้ 52 %
ทำงานในหน้าที่ – อาชีพ 40 %
เรียนหนังสือ (เป็นนักเรียน - นักศึกษา) 36 %

เมื่อดูจากตัวเลขก็น่ายินดี เพราะแสดงให้เห็นว่าท่านผู้อ่านจำนวนมากที่สุดได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นเครื่องมือในการแสวงหาความรู้ ผมเห็นว่าความรู้นั่นแหละครับสำคัญที่สุด สำคัญกว่าทุกสิ่ง

และถ้าถามต่อไปว่าเว็บภาษาอังกฤษที่ผู้คนเข้าไปหาความรู้ในอินเตอร์เน็ต เว็บใดที่มีผู้นิยมมากที่สุดในโลก คำถามนี้ผมเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน รู้แต่ว่าหลายคนที่ผมรู้จักเขาชอบเข้าไปที่เว็บ Wikipedia

เว็บ Wikipedia นี้เขาโฆษณาว่าเป็น the free encyclopedia that anyone can edit., 3,416,940 articles in English และถ้าดูการจัดระดับของ Google ก็ให้ PageRank ของ Wikipedia ถึง 8/10 นับว่าสูงทีเดียว
ลองคลิกเข้าไปดูก็ได้ครับ http://en.wikipedia.org/
[Wikipedia ภาษาไทย http://th.wikipedia.org/ ก็มีครับ ปัจจุบันมีมากกว่า 62,800 บทความ]

เว็บให้ความรู้อีกเว็บหนึ่ง ที่ตามความเห็นของผมน่าสนใจมากกว่า Wikipedia เสียอีก ก็คือ http://www.answers.com/ ซึ่งมีค่า Google PageRank เท่ากัน คือ 8/10 ที่น่าสนใจกว่ามีอยู่ 2 ประเด็นคือ
1.เมื่อพิมพ์คำค้นลงไป นอกจาก Answers.com จะแสดงผลการค้นหาโดยดึงเนื้อหามาจากเว็บ Wikipedia แล้ว ยังไปดึงคำตอบมาจาแหล่งข้อมูลอ้างอิงอื่น ๆ อีกหลายแหล่ง ทำให้คำตอบที่เราได้รับไม่ใช่มาจาก Wikipedia เพียงแหล่งเดียว
2.ในหน้าของ Answers.com เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่ศัพท์คำใดก็ตาม จะมีคำแปลศัพท์ปรากฏ และสามารถคลิกที่ไอคอนเพื่อฟังเสียงอ่านคำศัพท์ได้ด้วย

ผมขอชวนให้ท่านที่ยังไม่คุ้นเคยกับ Answers.com ลองเข้าไปใช้บริการดูนะครับ

สำหรับเว็บ Wikipedia นั้น แม้จะเป็นแหล่งความรู้ที่มหาศาลเพียงใดก็ตาม แต่ก็มีบางคนวิจารณ์ว่าคุณภาพของบทความยังไม่ดีพอ ลำเอียง หรือใช้เป็นแหล่งอ้างอิงยังไม่ค่อยได้ คำวิจารณ์นี้ผมยังไม่ค่อยติดใจนัก และเห็นว่า Wikipedia ก็ยังเป็นแหล่งอ้างอิงที่พออาศัยไหว้วานได้

อย่างไรก็ตาม ด้วยความสงสัยผมเลยเข้าไปหาว่ามีแหล่งค้นคว้าอ้างอิงอื่นใดอีกไหมที่พอฟัดพอเหวี่ยงกับ Wikipedia ก็ได้เว็บนี้ครับ: http://ipl2.org/ ซึ่ง Google PageRank ให้คะแนนถึง 9/10 มากกว่า Wikipedia ซึ่งได้เพียง 8/10

แต่เมื่อเข้าไปใช้บริการของ http://ipl2.org/ จึงได้รู้ว่าทำไม Wikipedia จึงน่าใช้กว่า ก็เพราะว่า Wikipedia มีบทความเยอะครอบคลุมทุกความต้องการของผู้ค้น และค้นหาง่าย เปรียบง่าย ๆ ก็น่าจะคล้าย ๆ กับร้านสะดวกซื้อซึ่งตั้งอยู่ใกล้บ้าน ขาดอะไรก็เดินเข้าไปซื้อได้ แต่ว่าคุณภาพของสินค้าบางอย่างอาจจะไม่ค่อยดีก็ได้ แต่เราก็มักไม่มีเวลาไปเลือกหาของที่ดีกว่า เว็บ Wikipedia จึงมีคนนิยมมากด้วยประการฉะนี้ แต่ถ้าท่านมีเวลา ผมขอให้ท่านลองไปใช้บริการของ http://ipl2.org/ บ้าง อาจเจอของดีบางชิ้นที่แม้จะหายากสักนิด แต่ก็คุ้มค่ากับการเสียวลาหา

ขอย้อนมาที่เว็บ Wikipedia อีกครั้ง ผมไปเจอเว็บหนึ่ง
คือเว็บนี้ http://fullwiki.org/ /
เขามีคำโฆษณาว่า...
Get the full picture on any topic. Search 14,259,811 articles

เมื่อเข้าไปที่ fullwiki.org นอกจากท่านสามารถค้นหาเรื่องได้เหมือนเว็บ Wikipedia แล้ว, เขายังมีคำถามทดสอบความรู้ของท่าน หรือ quiz ในเรื่องที่อ่าน โดยเขาบอกว่าที่เว็บนี้
We have quizzes on over 44,000 topics. That's more quizzes than the rest of the internet put together.

โดยลิงค์ที่รวม Quiz อยู่ที่ 2 ลิงค์นี้
http://quiz.thefullwiki.org/
http://www.thefullwiki.org/List_of_Quizzes

เอาง่าย ๆว่า เมื่อท่านเขาไปที่ http://fullwiki.org/ , พิมพ์คำค้นลงไป, ด้านบนของหน้าจะมี 2 ปุ่มนี้ คือ
Reference – Quiz
ถ้าคลิกที่ Quiz ก็จะมีแบบทดสอบให้ทำ (อาจจะมีบางเรื่องที่ไม่มี Quiz)

ผมเองลองเล่นทำดูแล้วก็พบว่า
-ข้อดีคือ มี Quiz เยอะมาก อย่างที่เขาโฆษณาไว้นั่นแหละ คือ We have quizzes on over 44,000 topics. That's more quizzes than the rest of the internet put together.
-แต่ข้อที่ผมกังขาก็คือคุณภาพของ Quiz ถ้าเป็นเรื่องที่เป็นความรู้ล้วน ๆ มักไม่มีปัญหา เช่น เรื่องที่เกี่ยวกับความรู้ทางวิทย่าศาสตร์ เช่น ยาพาราเซตตามอล
ที่ลิงค์นี้: Paracetamol

แต่ถ้าเป็นเรื่องซึ่งมีค่านิยม หรือ มุมมองของผู้อ่านที่แตกต่างกัน มาเกี่ยวข้อง
เช่นที่ 2 ลิงค์นี้
Prostitution_in_Thailand
Aung San Suu Kyi

เราก็อยู่ในฐานะที่ต้องฟังหูไว้หู เพราะอย่างที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่า ความรู้ที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ต มีทั้ง truth, half-truth และ untruth

อนึ่ง เมื่อวางเมาส์ที่ทุกท้ายคำถามใน Quiz จะมีคำสีแดงว่า report เราสามารถคลิกเพื่อแจ้งความคิดเห็นต่อ Quizข้อนั้นได้
เมื่อทำเสร็จแล้วก็คลิก Submit เพื่อดูว่าเราทำถูกกี่ข้อ

ถ้าต้องการทำ Quiz อื่นที่คล้าย ๆ กันก็คลิกหัวข้อใต้บรรทัดThese quizzes are similar. Try one now!

สิ่งที่ผมไม่ค่อยชอบใน Quiz ของ fullwiki.org ก็คือ เขาไม่มีเฉลย

ก่อนหน้านี้ผมเคยรวมรวมเว็บซึ่งมีคำถามทดสอบความรู้ไว้ที่ 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ ซึ่งส่วนใหญ่ทำแล้วมีเฉลย ท่านจะเข้าไปดูก็เชิญครับ
[1335] test ความรู้รอบตัวกันเล่น ๆ หน่อยซีครับ
[912]อ่าน‘ถาม-ตอบ’ ‘ข้อมูล-ข่าวสาร’ เพิ่ม‘ความรวย’

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2553

[1578] แนะนำ sing-book.blogspot.com

สวัสดีครับ
คุณพัชราได้แนะนำบล็อกนี้: http://sing-book.blogspot.com/
ผมดูแล้วเห็นว่าเป็นบล็อกที่ดี จึงนำมาแนะนำในวันนี้ ขอขอบคุณคุณพัชรามากครับ

บล็อกนี้เขาแนะนำตัวเองว่า
English Audio Book
เรียนภาษาอังกฤษด้วยเสียง ฟังเรื่องสั้นๆ ออกเสียงอ่านช้าๆ และเสียงที่ชัดเจน ได้ที่
http://sing-book.blogspot.com

เมื่อท่านเข้าไปในหน้าแรกแล้ว มองที่คอลัมน์ขวามือ จะพบเมนูต่าง ๆ ตามข้างล่างนี้
-www.effortlessenglishclub.com
-ฟังเสียงอ่านอังกฤษ
-ฟัง-อ่าน-พูดอังกฤษ
-อ่านอังกฤษเกี่ยวกับเมืองไทย
-เล่าสู่กันฟัง..ฟังภาษาอังกฤษเรื่องสั้น 38 เรื่อง
-เสียงอังกฤษ MP3+ PDF-Script


ทุกรายการมีประโยชน์อย่างที่ blogger เขาว่าไว้นั่นแหละครับ คือทุกท่านสามารถ เรียนภาษาอังกฤษด้วยเสียง ฟังเรื่องสั้นๆ ออกเสียงอ่านช้าๆ และเสียงที่ชัดเจน จากบล็อกนี้

รู้สึกว่าเกือบทุกรายการผมเคยแนะนำไว้แล้ว ยกเว้น เล่าสู่กันฟัง..ฟังภาษาอังกฤษเรื่องสั้น 38 เรื่อง ที่ยังไม่เคยแนะนำ จึงขอแนะนำในวันนี้ ด้วยความยินดีมาก ๆ และขอบคุณ blogger sing-book.blogspot.com มาก ๆ เช่นกัน

ณ วันที่แนะนำนี้ (18 กันยายน 2553) มีเรื่องสั้นที่ว่านี้อยู่ในบล็อกนี้ 38 เรื่อง ทุกเรื่องเหมาะอย่างยิ่งต่อการใช้ฝึกฟังภาษาอังกฤษสำหรับผู้เริ่มต้น เพราะ...
-เนื้อเรื่องง่าย ๆ, ใช้ศัพท์ง่ายๆ, ผูกประโยคง่าย ๆ
-บางเรื่องมี audio book และ ebook ให้ดาวน์โหลดเพิ่มเติม และมีข้อแนะนำเพิ่มเติมของ blogger ด้วย
-เสียงอ่านเรื่องสั้น เป็นเสียงอ่านช้า ๆ ฟังชัด และเป็นเสียงผู้หญิง ไม่รู้ว่าผมลำเอียงหรือเปล่าที่มักจะรู้สึกว่า เสียงเหลม ๆ ของผู้หญิงฟังได้ง่ายกว่าเสียงผู้ชายที่ทุ้ม

แต่ประเด็นที่ผมสะดุดเมื่อฟังเรื่องสั้นในบล็อกนี้เกือบครบทุกเรื่อง ก็คือ แต่ละเรื่องมีความยาวไม่เกิน 200 คำ โดยเขาใช้ simple sentence เกือบ 100 % ในการแต่งเรื่อง, ประโยค simple sentence หรือประโยคความเดียวนี่นะครับ เป็นประโยคพื้นฐานที่สุด มักจะมีโครงสร้างง่าย ๆ คือ ประธาน+กริยา+กรรม หรือ subject + verb + object

แต่โดยทั่วไปนั้น การแต่งเรื่องให้น่าอ่านจะต้องมีประโยคทั้ง 4 แบบผสมกันอย่างเหมาะสม คือ simple sentence (ประโยคความเดียว), compound sentence (ประโยคความรวม), complex sentence (ประโยคความซ้อน) และ Compound – Complex Sentence (ประโยคความผสม ) (คลิกศึกษาเพิ่มเติม) เราจะสังเกตได้ว่า เด็กที่เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจะใช้แต่ simple sentence ในการเขียนเรื่อง เพราะยังใช้ประโยคแบบอื่นไม่ค่อยเป็น

แต่เรื่องสั้นทั้ง 38 เรื่องนี้ เขาจงใจเขียนโดยให้มีแต่ simple sentence เกือบจะ 100 % และเมื่ออ่านดูแล้วหลายเรื่องก็น่าอ่านเอามาก ๆ อ่านแล้วให้ความรู้สึกอย่างไม่น่าเชื่อว่าเนื้อเรื่องง่าย ๆ จะทำได้ถึงขนาดนี้ บางเรื่องดูไร้เดียงสาแต่ก็มีสาระถ้ามองให้ลึก
ผม copy มาให้ท่านลองอ่านดู 5 – 6 เรื่อง คลิก

สรุปอีกครั้งว่า http://sing-book.blogspot.com/
มีประโยชน์สำหรับทุกท่านที่ต้องการฝึกฟัง – ฝึกอ่าน – และฝึกเขียน บล็อกนี้เป็นบล็อกที่น่าเข้าไปเยี่ยมชมครับ ผมคาดว่าจะมีเรื่องสั้นลักษณะนี้มาเพิ่มเติมเรื่อย ๆ ขอบคุณ blogger ของบล็อกมากครับ และขอบคุณคุณพัชราอีกครั้งที่แนะนำ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

[1577]A Tree in a Forest -เหมือนกับใจ คล้ายกับจิต

สวัสดีครับ
ไม่ทราบว่าท่านผู้อ่านเคยเจออย่างผมบ้างหรือเปล่า คือเพื่อนบางคนของผมเขาสนใจธรรมะของพระอาจารย์ท่านใดท่านหนึ่ง เขาก็ซื้อหนังสือธรรมะของพระอาจารย์ท่านนั้นแจกเพื่อนฝูง นี่เห็นชัดว่าเป็นความปรารถนาดี เพราะเมื่อตนเองได้รับประโยชน์จากธรรมะ ก็อยากจะให้คนอื่นได้รับประโยชน์นั้นเช่นกัน แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า เพื่อนไม่สนใจธรรมะ หรือสนใจธรรมะของพระรูปอื่น หนังสือธรรมะที่ซื้อให้เพื่อนจึงไม่ถูกเปิดอ่าน

สิ่งที่เห็นนี้ทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องราวสมัยพุทธกาลที่เคยอ่านพบในหนังสือ เขาบอกว่า เวลาที่คนซึ่งสนใจในการแสวงหาธรรมมาพบกัน เขามักจะถามกันว่า ท่านชอบใจธรรมะของใคร ใครเป็นครูเป็นอาจารย์ของท่าน

นี่แสดงชัดเลยว่า ธรรมะนั้นแม้จะเป็นของดี แต่ก็เป็นของดีที่แต่ละคนต่างก็มีสเป๊กของตัวเอง คือถ้าเป็นของดีชนิดที่เราไม่สนใจ มันก็ไม่มีประโยชน์สำหรับเรา เปรียบหยาบ ๆ น่าจะเหมือนร้านอาหาร ซึ่งมักจะมีบางร้านที่เราชอบไปกินมากกว่าร้านอื่น ร้านอาหารก็ขายอาหาร แต่เราก็เลือกที่จะกินอาหารจากบางร้าน พระก็พูดธรรมะ แต่เราก็เลือกที่จะฟังธรรมะจากพระบางรูป อาหารที่เราชอบกินเป็นเช่นไร ธรรมะที่เราชอบฟัง(หรืออ่าน)ก็เป็นเช่นนั้น

ประเด็นที่ผมอยากแสดงความเห็นก็คือ อาหารเป็นสิ่งที่เราต้องกินให้ร่างกาย ถ้าไม่กินติดต่อกันนาน ๆ ร่างกายต้องตาย ธรรมะก็เช่นกัน... เป็นสิ่งที่เราต้องกินให้จิตใจ ถ้าไม่กินติดต่อกันนาน ๆ จิตใจต้องตาย คือเป็นทุกข์... ซึ่งบ่อยครั้งเจ้าตัวก็ไม่รู้ตัวว่าทุกข์นี้เกิดจากจิตใจขาดธรรมะ มันไม่เหมือนทุกข์ทางกายซึ่งเกิดจากการขาดอาหาร ท้องหิวอาหารสังเกตง่าย แต่จิตใจหิวธรรมะสังเกตยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไม่ค่อยสังเกตจิตใจตัวเอง

เพราะฉะนั้น ในแต่ละวันที่ยังมีชีวิตอยู่นี้ แม้จะเบื่อฟัง ก็ควรได้ฟัง(หรืออ่าน)ธรรมะจากพระรูปใดรูปหนึ่งบ้าง เหมือนบางวันที่แม้จะเบื่ออาหาร ก็ควรต้องกินอาหารบ้าง

ผมชอบใจธรรมะของหลวงพ่อชา ผมรู้สึกว่าจิตใจหายหิวเมื่ออ่านธรรมะที่ท่านสอน

เป็นเวลานานพอสมควรทีเดียวครับ ที่ผมเจอหนังสือเรื่อง A Tree in a Forest ซึ่งผมก็ print ใส่กระเป๋า ไปไหนมาไหนมีเวลาว่างเมื่อใดก็หยิบออกมาอ่าน หนังสือเล่มนี้อ่านง่ายครับ เพราะเป็นคำสอนของหลวงพ่อชาที่เป็นอุปมาธรรมสั้น ๆ ที่แปลจากภาษาไทย มีกว่า 100 ตอน แต่ละตอนอ่านจบได้ในเวลาสั้น ๆ

ท่านลองคลิกดูตอนนี้เลยก็ได้ครับ
ประวัติหลวงพ่อชา และบทนำหนังสือ
ส่วนที่ 1
ส่วนที่ 2
หรือที่ลิงค์ eBook นี้ก็ได้
http://www.ajahnchah.org/pdf/tree-forest.pdf

แต่ผมเพิ่งจะรู้วันนี้เองว่า บางตอนในหนังสือเล่มนี้ได้ตีพิมพ์เป็นภาษาไทยอยู่ในหนังสือชื่อ เหมือนกับใจ คล้ายกับจิต ซึ่งบางตอนมีให้อ่านที่ 3 ลิงค์นี้
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha_58_03.htm
http://www.fungdham.com/download/book/article/cha/019.pdf
http://www.sriprawat.net/88p.pdf

ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยมีเวลา ถ้ามีเมื่อใดก็อยากจะ copy ภาษาไทยและภาษาอังกฤษมาเทียบกัน เผื่อท่านใดชอบใจธรรมะของหลวงพ่อชา และสนใจฝึกภาษาอังกฤษ ก็จะได้มีเรื่องให้อ่านคราวเดียวได้ประโยชน์ 2 อย่าง [ถ้าท่านใดมีเวลาและช่วยทำให้ได้ก็จะเป็นประโยชน์มากครับ]

ส่วนท่านใดที่ไม่ได้ชอบใจคำสอนของหลวงพ่อชาแต่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ได้ ก็ต้องถือว่าโดยทั่วไปท่านมีใจใฝ่ในธรรมในปริมาณที่สูงทีเดียว ท่านจะเลิกอ่านตรงบรรทัดนี้ก็ได้ครับ แต่ถ้าท่านจะอ่านต่อ ผมก็ขอแนะนำธรรมะภาษาไทยและภาษาอังกฤษของหลวงพ่อชาเล่มอื่น ๆ และ mp3 คำสอน ผมเองได้รับสิ่งดี ๆ จากธรรมะนี้ จึงอยากเชิญชวนให้ท่านได้รับบ้าง
ขอเชิญครับ...

ธรรมะภาษาไทย หลวงพ่อชา
http://www.fungdham.com/book/cha.html
http://www.dhammathai.org/book/bodhiyana0.php
http://www.watnongpahpong.org/acebooks.php
http://www.dharma-gateway.com/monk/preach/lp_cha/lp-cha-index.htm
http://sites.google.com/site/smartdhamma/lp_cha_teach

ธรรมะภาษาอังกฤษ หลวงพ่อชา
http://www.ajahnchah.org/book/index.php
http://www.ajahnchah.org/index2.htm
http://www.what-buddha-taught.net/
http://en.wikipedia.org/wiki/Ajahn_Chah (เลื่อนลงมาที่ External links และ Teachings)

ฟังธรรม หลวงพ่อชา
http://www.dhammathai.org/sounds/cha.php
http://www.archive.org/details/P_Cha90

วีดิโอ หลวงพ่อชา
http://www.youtube.com/watch?v=qu7mtlbVBOA

ก่อนจบ ยังมีธรรมะอีกหลากหลายให้ท่านเลือกอ่านหรือฟัง ทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ที่ลิงค์นี้ครับ
http://freeenglishstudy.blogspot.com/2007/05/blog-post.html

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

[1576]ฝึกสิ่งที่ต้อง“เข้าใจ–จำได้–ใช้เป็น” ก่อน

สวัสดีครับ
หนังสือที่ผมขอพูดถึงวันนี้ ชื่อ "speak English like an American”
มี 25 บทและมีไฟล์เสียงครบทุกบท หนังสือเล่มนี้เขานำกว่า 300 สำนวนและวลีมาผูกเป็นบทสนทนาง่าย ๆ ระหว่างพ่อ แม่ ลูกชาย ลูกสาว และคนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 4 – 5 คน และยังมีการอธิบายศัพท์ แบบฝึกหัด และเฉลย

ในคำนำของหนังสือเล่มนี้ เขาอธิบายโดยสรุปว่า สำนวนและวลีที่มีอยู่ในหนังสือเล่มนี้ไม่ใช่สำนวนใน textbook แต่เป็นสิ่งที่ท่านจะพบได้ในชีวิตประจำวันตามหน้าหนังสือ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร และโทรทัศน์ หนังสือนี้จะช่วยให้ผู้อ่าน understand and use idioms better.

ผมเองลองฟังไฟล์เสียงครบทั้ง 25 ตอนแล้ว ตอนหนึ่งยาวแค่ 1 ถึง 1 นาทีครึ่ง ฟังแล้วก็เห็นว่าเป็นสำนวนที่ไม่ยาก สามารถช่วยให้ understand and use idioms better อย่างที่เขาว่าจริง ๆ และน่าช่วยให้สามารถ "speak English like an American” ด้วยตามชื่อหนังสือ

แต่เมื่อมาคิดดูอีกที หนังสือและ mp3 ชุดนี้อาจจะแทบไม่มีประโยชน์ต่อเราเลยก็ได้ หากเราไม่ได้มีชีวิตที่ต้องเกี่ยวข้องกับคนอเมริกัน จึงไม่จำเป็นที่จะต้อง "speak English like an American” หรืออย่างผมนี่ ถึงเวลาที่ต้องพูดภาษาอังกฤษกับคนต่างชาติก็ไม่มีใครเอาสำนวนอเมริกันมาพูด ผมเองถ้ารู้สำนวนอเมริกันสักคำหนึ่งก็ไม่กล้าใส่เข้าไปในบทสนทนาเมื่อเวลาที่ต้องพูดจากับคนเอเชีย เรื่องของเรื่องก็คือ เมื่อเราพูดจาติดต่อการงาน กฎที่ต้องท่องจำขึ้นใจก็คือ ใช้สำนวนภาษาที่สุภาพ เข้าใจง่าย ที่ใคร ๆ ได้ฟังแล้วเข้าใจทันที เมื่อไม่มีใครเอาสำนวนอเมริกันมาพูด เราก็ไม่มีความจำเป็นต้อง understand and use idioms better เพื่อให้ตัวเอง "speak English like an American”

มันทำให้ผมมาถึงบทสรุปว่า สำหรับพวกเราชาวไทย เมื่อเราเรียนภาษาอังกฤษ ขอให้เราวางแผนให้ดีว่า เราควรจะเรียนอะไร ถ้าท่านบอกว่าท่านต้องใช้ทุกทักษะคือสนทนา (พูด+ฟัง), อ่าน และเขียน อันดับแรกท่านก็ควรทำให้ตัวเองคุ้นเคยกับคำศัพท์ สำนวน ภาษา ที่ท่านจำเป็นต้องเข้าใจและใช้เป็น (understand and use) ส่วนศัพท์สำนวนที่นอกขอบเขตการใช้งานนี้ ค่อยเอาไว้ศึกษาทีหลังก็ได้ ซึ่งในจำนวนนี้อาจจะรวม American idioms อยู่ด้วยก็ได้

พูดอย่างนี้ท่านอาจจะถามว่า เมื่อ idiom ไม่จำเป็นแล้ววันนี้เอาหนังสือและ mp3ชุดนี้มาแนะนำทำไม? จึงขอเรียนตอบว่า

1.การเรียนภาษาอังกฤษนั้น มีเนื้อหาอยู่หลายระดับ อันดับแรกที่สุด คือ ต้อง เข้าใจ – จำได้ – ใช้เป็น ท่านต้องหาใช้ได้ว่า สำหรับตัวท่าน มีเนื้อหาประเภทใดและมากน้อยแค่ไหน ที่ท่านต้อง เข้าใจ – จำได้ – ใช้เป็น? ถ้าท่านตอบคำถามข้อนี้ได้ไม่ชัด ก็จะทำให้การศึกษาภาษาอังกฤษของท่านไร้ทิศทาง

เพราะฉะนั้นท่านต้องตอบให้ได้ว่า ท่านจะต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อ
(1)การทำงาน
(2)การหาความรู้ หรือ
(3)การหาความเพลิดเพลิน
ถ้า (1) และ (2) สำคัญกว่า ก็ไม่ควรทุ่มเทการศึกษาภาษาอังกฤษมากเกินไปเพื่อ (3) สำนวน slang ที่รู้ไว้เพื่อให้ดูหนังรู้เรื่อง อาจจะไม่สำคัญเท่าสำนวนภาษาที่ใช้ในการทำงานหรือหาความรู้ เรื่องนี้ท่านต้องตอบตัวเองครับว่า อะไรที่เหมาะสมกับท่าน

2.แต่เรื่องที่มีความจำเป็นลำดับรองก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว อย่างเช่นชุด "speak English like an American” ในวันนี้ มันก็คงจะมีประโยชน์อยู่บ้าง เพราะการรู้ไว้ก็ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม ถ้าถึงเวลาและโอกาสที่เหมาะสม และได้ใช้พูด ก็เป็นเรื่องดี แต่สิ่งที่สำคัญลำดับรองเช่นนี้ ถ้าเราไม่ค่อยเข้าใจ – จำไม่ค่อยได้ – และใช้ไม่ค่อยเป็น ก็ไม่ต้องไป serious กับมันมากนักหรอกครับ เพราะภาษาอังกฤษที่สำคัญกว่า คือภาษาอังกฤษที่เราต้องเข้าใจ – จำได้ – ใช้เป็น

คุยมาจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าท่านใดต้องการดาวน์โหลดไฟล์หนังสือและ mp3 ชุดนี้ก็ดาวน์โหลดได้เลยครับ
Speak English Like An American


พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com