วันจันทร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[1456]รู้คำแปลศัพท์ทันที เมื่ออ่านเว็บ...แค่คลิก

สวัสดีครับ

ผมกำลังจะบอก ว่า ด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยี ทำให้การฝึก Reading ที่คนรุ่นใหม่ ทุกวันนี้ใช้ ไม่จำเป็นต้องเหมือนกับวิธีที่คนรุ่นผมใช้ ใช่แล้วครับ ผมกำลังพูดถึงเรื่องประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต

สมัยที่ผมเรียนหนังสือ อาจารย์จะสอนว่า ไม่จำเป็นต้องเปิดดิกทุกคำที่ไม่รู้ ศัพท์ตัวไหนพอเดาได้ก็เดากันไป ขืนเปิดศัพท์ทุกตัวจะทำให้การอ่านสะดุด และไม่ได้ฝึกทักษะในการเดาความหมาย และทำให้เสียรสของเนื้อเรื่องที่อ่าน แต่เมื่อฝึกอ่านไปเรื่อย ๆ แม้จะไม่ค่อยได้เปิดดิก reading skill ก็จะเกิดขึ้น คือ เราจะค่อย ๆ จำศัพท์ได้มากขึ้น เดาศัพท์ได้มากขึ้น จับความหมายหรือประเด็นได้ดีขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ครูรุ่นผมก็สอนให้ท่องศัพท์ด้วย เพราะว่าถ้าอาศัยเพียงการเจอศัพท์บ่อย ๆ จากการอ่าน ก็จะต้องผ่านศัพท์แต่ละคำจากการอ่านบ่อยมากจนจำได้ แต่ถ้าเป็นศัพท์พื้นฐานครูจะสอนให้ท่องมันเข้าไปเลย เพราะศัพท์เหล่านี้จะเป็นพื้นให้ผู้เรียนใช้เป็นฐานในการเดาศัพท์ที่ยากขึ้น ไป เข้าทำนองใช้ศัพท์ต่อศัพท์ โดยศัพท์สามัญที่เราท่องจำไว้จะช่วยให้เราอ่านหนังสือพอที่จะเดาและเข้าใจ ความได้ เมื่อฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ คือ ท่อง+จำ+อ่าน+เดา reading skill ก็ จะพัฒนาไปตามลำดับ

นั่นคือวิธีที่ผมเรียน และก็ต้องบอกว่าเป็นวิธีที่ได้ผลครับ

แต่ ณ นาทีนี้ผมกำลังจะบอกว่า ด้วยประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต การฝึก reading skill ของ คนรุ่นใหม่มีทางเลือกมากขึ้น

ก็คือว่า คนรุ่นผมเมื่ออ่านภาษาอังกฤษก็อ่านจากหน้าหนังสือ เมื่อจะเปิดดิกก็จะเปิดดิกชันนารีที่เป็นเล่มหนังสือ และพูดได้เลยว่า ความสามารถในการเปิดเล่มดิกชันนารีและพลิกไปยังหน้าซึ่งมีศัพท์ที่ต้องการ ได้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งที่ต้องฝึกฝนกันนานพอสมควร หลายคนเรียนจบมหาวิทยาลัยโดยไม่มีทักษะนี้ กว่าจะเปิดเจอศัพท์แต่ละคำต้องใช้เวลานาน เพราะนาน ๆ จะเปิดสักครั้ง

แต่ทุกวันนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว คนรุ่นใหม่อ่านภาษาอังกฤษจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และเมื่อจะหาคำศัพท์จากดิกก็เพียงแค่คลิกที่คำศัพท์นั้น ความหมายก็ปรากฏให้เห็นทันที นี่คือการปฏิวัติการอ่านภาษาอังกฤษเลยครับ

อาจารย์บางท่านอาจจะเห็นว่า ความสะดวกสบายเช่นนี้มีผลเสีย คือทำให้ผู้เรียนไม่ได้ฝึกฝนทักษะการเดาศัพท์จาก context หรือข้อความที่ แวดล้อมเพราะคลิกปั๊บก็รู้ปุ๊บ ไม่จำเป็นต้องเค้นสมองเดา และก็ไม่จำเป็นต้องท่องจำอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะคลิกปั๊บก็รู้ปุ๊บอีกเช่นกัน

แต่ผมกำลังจะบอกว่า ความสะดวกเช่นนี้ก็มีแง่ดีของมันอยู่เหมือนกัน คือ มันช่วยให้เราอ่านได้เร็วขึ้น ถึงเปิด(คลิก)ดิก-ก็ไม่สะดุด ทำให้อ่านได้ยาวและนาน ในขณะที่คนรุ่นก่อนจำและรู้ศัพท์ได้ด้วยการท่องและเดา คนสมัยนี้อาจจะจำและรู้ศัพท์ได้ด้วยการคลิกดูความหมายได้ทันทีทันใด เมื่อคลิกบ่อยและเห็นบ่อยก็จะค่อย ๆ จำได้มากขึ้นเรื่อย ๆ และตอนหลัง ๆ ก็ไม่ต้องคลิกดูคำนั้นอีก

จึงสรุปได้ว่า สิ่งที่ต่างกันคือวิธีการฝึกที่สมัยนี้ใช้เทคโนโลยีมากกว่า แต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือ ต้องใช้ความพยายามเต็มที่เหมือนกัน เพื่อให้จำศัพท์ได้และอ่านรู้เรื่อง

ฉะนั้น ในเมื่อทุกวันนี้มีเทคโนโลยีให้เราใช้ เราก็ควรใช้มันให้เป็นประโยชน์ วันนี้ผมจึงขอแนะนำ click dict เพียงแค่คลิ กที่คำศัพท์ คำแปลก็ปรากฏ

[1] ดิกอังกฤษ ไทย

ไปที่เว็บนี้ http://www.thaibuddy.com/

และดาวน์โหลดโปรแกรม My Dictionary 3.5 หลังจากที่ติดตั้งเรียบร้อยแล้ว เวลาใช้งานก็เพียงวางเมาส์บนคำศัพท์ และกด Alt+S, ถ้าต้องการเปิดดิกก็กด Alt+D ง่ายมากครับ

ฐานข้อมูลของดิกโปรแกรม นี้ มาจาก 3 แหล่ง คือ Lexitron (L), Dict Hope (H) และ ดิก Nontri (N) เมื่อ กด Alt+S ให้แสดงความหมาย ให้ท่านดูที่บรรทัดที่ขึ้นต้นด้วยตัว H เพราะมีคำ อ่านให้อยู่ที่บรรทัดนี้

[2] ดิกอังกฤษ อังกฤษ

ผม อยากจะบอกว่า ถ้าเราต้องการให้ทักษะภาษาอังกฤษ ทั้งการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน ดีขึ้นมาก มากๆ และมาก ๆ ๆ เราควรพยายามฝึกใช้ดิกอังกฤษ-อังกฤษ ให้ชำนาญ เพราะการใช้ดิกอังกฤษ อังกฤษ จะช่วยให้เราฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อคิดเป็นภาษาอังกฤษได้ ก็ไม่ยากที่จะพูดและเขียนเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าทุกครั้งที่จะพูดหรือเขียนต้องผ่านภาษาไทยในสมองก่อน มันเสียเวลามาก แต่ดิกอังกฤษ อังกฤษ ที่เราค่อย ๆ ฝึกใช้ให้ชำนาญนี่แหละครับจะช่วยให้เราก้าวข้ามกำแพงแห่งภาษาไทยไปได้

และเนื่องจากท่านอาจจะใช้ browser ต่าง ยี่ห้อกัน วันนี้ผมจึงขอแนะนำ click-dict สำหรับใช้แต่ละ browser ซึ่งเป็นไฟล์ add-on ขนาด เบามาก จึงไม่ทำให้การใช้เน็ตช้าลง

{1} สำหรับ browser Internet Explorer

ติดตั้ง add-on dictionary ที่ลิงค์นี้

http://files.db3nf.com/Dictionary.exe

เมื่อติดตั้งเสร็จ เวลาใช้งานให้ดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ (หรือไฮไลต์), คลิกขวา, และคลิกที่ Dictionary คำแปลจะปรากฏในหน้าต่างใหม่ ซึ่งมีไอคอนให้คลิกฟังคำอ่าน ทั้งสำเนียงอเมริกันและอังกฤษ

{2} สำหรับ browser Firefox

(สำหรับท่านที่ต้องการติดตั้งโปรแกรม Browser Firefox คลิกที่นี่ครับ

http://download.cnet.com/mozilla-firefox/?tag=mncol)

มี add-on 2 ตัว ท่านจะติดตั้งตัวใดตัวหนึ่ง หรือทั้ง 2 ตัวก็ตามใจชอบครับ


ตัวที่ 1 คลิกที่ลิงค์นี้และติดตั้งจน เสร็จ

https://addons.mozilla.org/en-US/firefox/downloads/latest/735/addon-735-latest.xpi?src=addondetail

เวลาใช้งาน ให้กด Alt และดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ คำแปลจะปรากฏในหน้าต่างเล็ก ซึ่งมักจะมีไอคอนรูปลำโพงให้คลิกฟังเสียงอ่านคำศัพท์ด้วย

ตัวที่ 2 คลิ กที่ลิงค์นี้และติดตั้งจนเสร็จ

http://ftp.rz.tu-bs.de/pub/mirror/mozdev.org/dictionarysearch/dictionarysearch_latest.xpi

เวลาใช้งาน ให้ดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ (หรือไฮไลต์), คลิกขวา, คลิก Search Dictionary for “xxxxx” คำแปลจะปรากฏใน tab ใหม่ ซึ่งมีไอคอนให้คลิกฟังคำอ่านทั้งสำเนียงอเมริกันและอังกฤษ เมื่อจะเลิกใช้ก็คลิก X ที่ tab

{3} สำหรับ browser Google Chrome

ผมอธิบายวิธีการติดตั้งและการใช้ไว้อย่างละเอียดแล้วที่ลิงค์นี้

[1452] Google Chrome แปลศัพท์ทุกเว็บ-ทุกคำ ทันที


ตามความเห็นส่วนตัว ถ้าพูดถึงคุณภาพของดิก ผมเห็นว่า COBUILD Dictionary ที่มากับ browser Google Chrome เป็นดิกที่มีคุณภาพดีและเหมาะกับการฝึกเรียนภาษาอังกฤษมากที่สุด

แต่กระนั้นก็ตาม ดิกที่มากับ Internet Explorer และ Firefox ก็มีคุณภาพที่ดีครับ

ผมหวังว่า add-on dictionary ที่แนะนำในวันนี้น่าจะเป็นประโยชน์มากพอสมควร ทีเดียวถ้าใช้มันอย่างเต็มที่

พิพัฒน์

GemTriple@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[1455]เขาให้ผมไปพูดเรื่อง การเรียนภ.อังกฤษผ่านเน็ต

สวัสดีครับ
สุดสัปดาห์หน้าอาจารย์สอนภาษาอังกฤษที่อำเภอสามชุก จังหวัดสุพรรณบุรี เขาเชิญให้ผมไปเป็นวิทยากรการอบรม 1 วันในหัวข้อ การเรียนภาษาอังกฤษผ่านเน็ต

ผมกะจะพูดเรื่อง การ search ข้อมูลจากเน็ต ก็เอาประสบการณ์ในการทำบล็อกนี่แหละครับไปพูด และจะแนะนำเทคนิคบางอย่างและเว็บไซต์บางเว็บที่คิดว่าเป็นประโยชน์ แต่เนื่องจากมีเวลาแค่วันเดียวก็คงพูดอะไรได้ไม่มากนัก

เรื่องที่ผมจะแนะนำไม่มีอะไรใหม่ ผมพูดไว้หมดแล้วในบล็อกนี้ แต่คัดเลือกมาเฉพาะที่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์และใช้งานได้ทันที ทั้งต่อครูและต่อนักเรียน และวันนี้ก็ขอเอามาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังด้วยแล้วกันครับ เผื่อบางท่านอาจจะสนใจ

การ save ไฟล์วีดิโอ
การ save ไฟล์ mp3
การใช้ Google Chrome Browser บอกศัพท์ทุกคำบนหน้าเว็บ
วิธีการติดตั้งโปรแกรม
การทำ screensaver อัลบั้มภาพ - หรือลิงค์นี้
การแปลศัพท์ อังกฤษ – ไทย online บน webpage
พิมพ์ข้อความให้เว็บอ่านออกเสียง

เว็บแนะนำ ลิงค์ 1 - -ลิงค์ 2

ข้อสอบ ภาษาอังกฤษ
ประถม-มัธยม
entrance ลิงค์ 1
entrance ลิงค์ 2

ทดสอบ – ฝึก คำศัพท์
ศัพท์ Oxford 3000 คำ
ศัพท์ Longman 2000 คำ
ศัพท์ VOA 1500 คำ
แบบทดสอบศัพท์ภาษาอังกฤษ ระดับต้น จากฐานข้อมูล 900 ข้อ
แบบทดสอบศัพท์ภาษาอังกฤษ (ศัพท์ยาก) จากฐานข้อมูล 9,000 คำ

เกม 20 คำถาม
คุยกับหุ่นยนต์
ดาวน์โหลดตำราภาษาไทยสอนภาษาอังกฤษ 60 เล่ม

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[1454] เที่ยวพุทธสถาน On the Trail of the Buddha

สวัสดีครับ
เพิ่งผ่านวันวิสาขบูชามาเมื่อวาน วันนี้ผมขอพูดอะไรนิดหน่อยเกี่ยวกับพุทธสถานนะครับ หลังจากที่ได้พูดเรื่อง [1451]หนังสือ - วีดิโอ ธรรมะ (ไทย + อังกฤษ) มาเมื่อ 2-3 วันที่แล้ว

นิตยสาร Newsweek ฉบับ 24-31 พฤษภาคม 2010 ได้ลงบทความเรื่อง On the Trail of the Buddha โดยเล่าเรื่องที่การรถไฟแห่งประเทศอินเดียได้จัดนำเที่ยวโดยรถไฟหรู อาหารและที่พักพร้อม ผ่านพุทธสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาทางตอนเหนือของอินเดีย 13 แห่ง เริ่มต้นการเดินทางจากนิวเดลี ไปพุทธคยา ผ่านซากปรักหักพังเมืองนารันทา พาราณสี สารนาถ กุสินารา สาวัตถี ทัชมาฮาล กลับนิวเดลี รวมระยะการเดินทางกว่า 3,000 กม.
ลองอ่านดูซีครับ น่าสนใจดี คลิกที่ลิงค์นี้

สถานที่ดังกล่าวนี้ ผมเคยไปเที่ยวมาแล้วหลายแห่ง แต่ไปโดยแบกเป้ต่อรถโดยสารสาธารณะทุกประเภทด้วยตัวเอง ได้บรรยากาศการเดินทางที่เป็นอินเดียขนานแท้ และใช้เงินไม่กี่บาท แต่ถ้าไปแบบแบกเป้อีกตอนนี้คงไม่ไหวแล้ว เพราะสังขารเริ่มโทรม

เคยได้ยินใครพูดไหมครับ ถ้าตอนนี้พอจะเที่ยวได้ก็เที่ยวเถอะครับ เพราะว่าถ้าจะรอให้พร้อมทุกอย่างคงจะไม่ได้เที่ยวกันเลย ตอนวัยหนุ่มสาวเริ่มต้นทำงาน- มีเวลา มีแรง แต่ไม่มีเงิน, พอทำงานไปได้พักหนึ่งเริ่มอายุมากขึ้น – มีแรง มีเงิน แต่ไม่มีเวลา, ครั้นพอแก่ถึงวัยเกษียณ – มีเวลา มีเงิน แต่ไม่มีแรง เพราะฉะนั้น เรื่องพุทธสถานนี่นะครับ ถ้าพอจะไปนมัสการได้ก็ไปเถอะครับ ถ้ารอจนถึงวัยที่หมดแรง ถึงมีเงินก็คงไม่ได้เที่ยว หรือเที่ยวก็อาจจะไม่เพลิดเพลินเท่าที่ควร

ในชื่อเรื่องเดียวกันนี้ คือ On the Trail of the Buddha ผมค้นมาได้อีก 2 บทความ แต่เนื้อหาคนละอย่าง ลองอ่านดูซีครับ
On the Trail Of the Buddha 1
On the Trail Of the Buddha 2

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[1453 ] แนะนำหนังสือ The Top 50 Questions Kids Ask

สวัสดีครับ

เมื่อผมดาวน์โหลดหนังสือ The Top 50 Questions Kids Ask (Pre –K Through 2nd Grade) และคลิกอ่านก็ได้รับคำอธิบายว่า หนังสือเล่มนี้ให้คำแนะนำวิธีพูดคุยตอบปัญหาลูกซึ่งมีอายุอยู่ในช่วงประมาณก่อนเข้าเรียนอนุบาลจนถึง ป.2 โดยคำตอบที่เรามีให้ต่อคำถามของลูกนี้ จะช่วยส่งเสริมให้ลูกเติบโตทางด้านอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิด และในขณะเดียวกัน ก็ช่วยให้เราและลูกสามารถสื่อสารกันได้อย่างรู้เรื่อง ไม่เฉพาะในปัจจุบันแต่ยาวไกลไปในอนาคตด้วย ทำให้ทั้งลูกและเรา ไม่รู้สึกหงุดหงิดและเบื่อหน่าย เมื่อลูกวัยเล็กขนาดนั้นถามเราและเราต้องตอบคำถามของแก โดยหลาย ๆ คำถามเราก็ชักจนแต้ม ไม่รู้ว่าควรจะตอบยังไง หนังสือเล่มนี้จะช่วยบอกเราว่า ทำไมแกจึงถามแบบนั้น และเราควรจะตอบแบบไหน หรือควรจะต้องทำอะไร

หน้าตาของหนังสือเป็นอย่างนี้ครับ

http://www.ebook3000.com/The-Top-50-Questions-Kids-Ask_58918.html


เนื้อหาที่สำคัญมี 10 บท ดังนี้

Chapter 1: Nag, Nag, Nag

Chapter 2: Getting Out in the World

Chapter 3: Setting Limits and Boundaries

Chapter 4: "I'm Scared"

Chapter 5: Little Kids Can Be Spiritual

Chapter 6: Step-by-Step Separation

Chapter 7: Does Money Grow on Trees?

Chapter 8: Growing Up

Chapter 9: Just between You and Me

Chapter 10: One Last Question

ผมเองลองอ่านหนังสือนี้ดูบ้างแล้ว เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกอายุขนาดนี้ ก็เลยเอามาแนะนำ สำนวนภาษาก็อ่านไม่ยากครับ


คลิกดาวน์โหลด ลิงค์ใดลิงค์หนึ่งข้างล่างนี้

http://www.upload-thai.com/download.php?id=b30cc951a5409bb1041eb872ab4f8329

http://uploading.com/files/get/42cf1e8m/

http://uploading.com/files/42cf1e8m/1402219156_KidsAsk.rar/

http://www.megaupload.com/?d=BSD3OAHI


พิพัฒน์

GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[1452] Google Chrome แปลศัพท์ทุกเว็บ-ทุกคำ ทันที

สวัสดีครับ

แม้อินเตอร์เน็ตจะมีให้ dictionary online ฟรี ๆ แต่บางทีการใช้มันก็น่ารำคาญเพราะต้องทำหลายขั้นตอน เช่น พออ่านเว็บและเจอศัพท์ที่ต้องการเปิดดิก ก็ต้อง (1)copy คำศัพท์ (2)เปิดหน้าต่างใหม่ (3) paste คำศัพท์ลงไปในช่อง search dict (4) กด Enter (5) พออ่านคำแปลแล้วก็ต้อง close หรือ minimize หน้าต่างดิก… การต้องทำหลายขั้นตอนอย่างนี้ทำให้การอ่านสะดุด และไม่อยากใช้ Dict online แม้จะฟรีก็ตาม

แต่วันนี้ผมโชคดีที่คุณ วัชรเมธน์ ชิษณุคุปต์ ศรีเนธิโรทัย webmasterผู้ใจดีจากเว็บ
select2web.com ได้กรุณาแจ้งให้ผมทราบว่า ท่านที่ใช้ browser Google Chrome สามารถดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ และจะปรากฏ pop-up คำแปลโชว์ให้เห็นทันที, และพอคลิกที่อื่นในหน้านั้น pop-up ก็จะหายไป เท่ากับเราสามารถรู้คำศัพท์โดยไม่ต้องยุ่งยากกับการคลิกถึง 5 ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้น

ผมเองลองใช้งานดูแล้วก็พบว่า นอกจากขั้นตอนการติดตั้งจะง่ายแสนง่ายแล้ว dictionary ที่เป็นค่า default ของ Google Chrome Dictionary ยังเป็นดิกชันนารีคุณภาพดีที่มีชื่อดังระดับโลก คือ COBUILD Dictionary นอกจากนี้ ถ้าเป็นคำเฉพาะ เช่น ชื่อคน สถานที่ เมือง ฯลฯ ที่ไม่มีใน database ของดิก, Google Chrome Dictionary ก็ยังไปตระเวณหาคำอธิบายจากเว็บต่าง ๆ มาโชว์ให้เราดู เยี่ยมมาก ๆ เลยครับ

ด้วยเครื่องมือตัวนี้ ท่านจะมีตัวช่วยที่วิเศษมากในการพัฒนาคำศัพท์ และ reading skill และจะช่วยให้การอ่านหน้าภาษาอังกฤษผ่านเน็ตของท่านเป็นไปอย่างสะดวกและไหลลื่น

ผมขอแนะนำไปทีละขั้นเลยนะครับ

[1].ถ้าคอมฯของท่านยังมิได้ติดตั้ง browser Google Chrome ก็คลิกที่ลิงค์นี้เพื่อติดตั้ง แต่ถ้าติดตั้งแล้วก็ไปที่ข้อ 2 ได้เลย
http://www.google.com/chrome/?hl=en
เมื่อติดตั้งเสร็จแล้วให้เปิด browser Google Chrome ขึ้นมาเลย

[2].ไปที่ลิงค์นี้
https://chrome.google.com/extensions/detail/mgijmajocgfcbeboacabfgobmjgjcoja
และคลิก Install (Google Dictionary)
เมื่อ install เสร็จแล้ว ท่านจะเห็นว่า ที่ปลายช่อง URL มีไอคอน Google Dictionary เป็นรูป Aa สีแดง

[3].ตอนนี้ก็ถึงขั้นตอนทดลองใช้งาน ให้ไปที่หน้าเว็บภาษาอังกฤษ เช่น http://www.cnn.com/ หรือ http://www.bangkokpost.com/

-ให้ท่านดับเบิ้ลคลิก ศัพท์คำก็ได้ (ที่ไม่ใช่ลิงค์), pop-up คำแปลก็จะโผล่ให้เห็นทันที (ถ้า pop-up มี font ตัวเล็กเกินไปอ่านไม่ชัด ให้กด Control+, ถ้าจะย่อ font ก็กด Control -)

-ถ้าคำแปลนี้ยังมิใช่ความหมายที่ท่านต้องการ ให้ท่าน
XX คลิกที่ More>> ที่มุมล่างขวา หรือ
XX คลิกที่ไอคอนรูป Aa สีแดง ที่ปลายช่อง URL
ก็จะโชว์หน้าต่างใหญ่ขึ้นมาใหม่ แสดงทุกคำแปลโดยสมบูรณ์

-ที่หน้าต่างใหญ่นี้ ท่านยังสามารถพิมพ์หาความหมายศัพท์คำอื่น และคลิก Define

-สำหรับคำในหน้าเว็บที่เป็น two-word verb ถ้าการดับเบิ้ลคลิกทั้ง 2 คำทำได้ลำบาก ก็ให้ท่าน highlight และคลิกที่ไอคอนรูป Aa สีแดง

-ยังมีอีก 1 วิธีในการ set การแสดงผล คือแทนที่จะเป็น ดับเบิ้ลคลิก ก็ให้เป็น Control+ดับเบิ้ลคลิก, วิธีทำก็ง่าย ๆ คือคลิกขวาที่ ไอคอนรูป Aa สีแดง, คลิก Options และคลิกเลือกปุ่มที่ 2 คือ Display on Ctrl + double-clicking a word และคลิก Save, pop-up ที่แสดงโดยวิธี Control+ดับเบิ้ลคลิก นี้น่าสนใจตรงที่ว่า จะแสดงทุกความหมายในคราวเดียว และอาจจะมีปุ่มลำโพงให้คลิกฟังเสียงอ่านด้วย (ท่านจะเลือกกลับไปเป็น ดับเบิลคลิก เหมือนเดิมก็ได้)

ขอเรียนว่า ณ ตอนนี้ ยังไม่มีบริการแปลศัพท์อังกฤษเป็นไทย (ในอนาคตอาจจะมี) แต่แค่นี้ก็ต้องถือว่าให้ความสะดวกมากขึ้นเยอะทีเดียว

ก่อนจบขอแถม 1 เรื่อง คือผมยังห่วงว่า หลายท่านที่ใช้ browser Internet Explorer (IE) จนคุ้น อาจจะรู้สึกว่า browse Google Chrome ใช้งานไม่สะดวก ทั้ง ๆ ที่หลายคนก็พูดตรงกันว่า Chrome เปิดหน้าเว็บได้เร็วกว่า IE เยอะ ณ ขั้นแรกนี้ผมขอแนะนำ 2 จุดแล้วกันครับ คือ

-ที่ปลายช่อง URL ท่านจะเห็นไอคอนรูปแผ่นกระดาษพับริมบนขวา และรูปประแจ ให้ท่านคลิกดูคำสั่งใช้งานที่ 2 ไอคอนนี้ก่อน

-ไปที่ลิงค์นี้ http://www.google.com/support/chrome/bin/topic.py?topic=14675
และอ่านคำแนะนำในการใช้ Google Chrome

หรือจะทำอย่างนี้ก็ได้ครับ ถ้าหน้าใดที่ท่านต้องการอ่านโดยมี dictionary ของ Google Chrome เป็นผู้ช่วย ท่านก็เปิดด้วย Google Chrome, ส่วนตอนอื่น ๆ ก็เปิดด้วย IE อย่างที่ท่านคุ้นเคย อย่างนี้น่าจะได้นะครับ

หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ทดสองใช้ดูนะครับ ผมเห็นเองว่ามีประโยชน์มากทีเดียว ซึ่งสรุปได้ง่าย ๆ 2 ข้อว่า
1. ท่านจะได้รู้ศัพท์ที่ท่านไม่รู้ หรือไม่แน่ใจในความหมาย
2.แม้ว่าเป็นศัพท์ที่ท่านรู้ความหมายแล้ว แต่เพียงแค่ดับเบิ้ลคลิก ท่านก็จะได้เห็นคำนิยามศัพท์เป็นประโยคเต็ม ๆ ที่เขียนโดยใช้โครงสร้างง่าย ๆ ใช้ศัพท์ง่าย ๆ อ่านแล้วเข้าใจง่าย ลักษณะประโยคเช่นนี้แหละครับที่ท่านสามารถเลียนแบบและจดจำ เพื่อนำเอาไปพูดหรือเขียนได้เป็นอย่างดี ถ้าวันหนึ่งได้คลิกสัก 10 คำศัพท์ ได้ศึกษา 10 ประโยค ได้พูดออกเสียงตาม 10 ประโยค ก็ถือว่าได้ไม่น้อยเลยครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[1451]หนังสือ - วีดิโอ ธรรมะ (ไทย + อังกฤษ)

สวัสดีครับ
วันนี้ได้รับเมลส่งต่อจากท่านผู้หวังดี ส่งลิงค์ ดาวน์โหลดฟรี หนังสือธรรมะดี ๆ กว่า 40 เรื่อง มาให้ จึงขอนำมาฝากท่านผู้อ่านด้วย

ขอให้ท่านผู้ส่งเมล ท่านผู้อ่าน และท่านผู้รจนาหนังสือธรรมะ จงมีชีวิตที่อยู่เย็นเป็นสุขโดยทั่วกันครับ

ที่ลิงค์นี้
http://www.oknation.net/blog/print.php?id=512526

ผมหามาได้เพิ่มเติมอีก 2 ลิงค์
-คู่มือดับทุกข์

-จากเว็บไซต์ ชมรมกัลยาณธรรม
http://www.kanlayanatam.com/booknaenam.htm
http://www.kanlayanatam.com/tammabook.htm

ที่เว็บชมรมกัยาณธรรมนี้ ยังมีธรรมะภาษาอังกฤษจากพระภิกษุและผู้รู้ชาวไทยด้วย
หนังสือ
วีดิโอ
ถาม – ตอบ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1450] แนะนำ 10 เทคนิคการใช้ Internet Explorer

สวัสดีครับ
Browser ที่เราใช้เปิดหน้าเว็บนี้มีหลายยีห้อ เช่น Internet Explorer (IE), Firefox, Google Chrome แต่ที่คนไทยใช้กันมากที่สุดคงจะเป็น Internet Explorer

วันนี้ผมมี tip เล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใช้ Internet Explorer มาฝาก คงจะช่วยให้ใช้งานเน็ตได้สะดวกหรือเร็วขึ้นบ้าง ไม่มากก็น้อย ที่ 2 ลิงค์นี้ครับ

10 เทคนิคการใช้ Internet Explorer
ความรู้ เทคนิค ของ Internet Explorer

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอังคารที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

[1449] ประสบการณ์การฝึกฟังภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับ
วันนี้ผมขอเล่าประสบการณ์การฝึกฟังภาษาอังกฤษของตัวเองสักหน่อยนะครับ

ผมจบปริญญาตรีเมื่อเกือบ 30 ปีที่แล้วด้วย listening skill ที่แย่มาก ๆ ทั้งนี้ก็เพราะว่า สมัยที่ผมเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับประถม มัธยม จนจบมหาวิทยาลัย ทักษะหลักที่ผมได้มีอย่างเดียว คือ การอ่าน หรือ reading skill ส่วนทักษะอื่น ๆ คือ การฟัง-พูด-เขียน ผมมีน้อยมาก น้อยจริง ๆ และเมื่อทำงานมาได้ประมาณ 10 ปี จู่ ๆ ผมก็เปลี่ยนงานใหม่ โดยงานใหม่ที่ผมรับผิดชอบจำเป็นต้องใช้ listening – speaking และ writing skill ด้วย ผมจึงจำเป็นต้องฝึก 3 skill นี้ให้มีมากพอที่จะใช้งานได้ ปัญหาก็คือ ผมจะฝึกยังไงดี? ตอนนั้นอายุของผมปาเข้าไปตั้ง 35 ปีแล้ว

วิธีหลักที่ผมฝึก listening skill ก็คือฟังช่องข่าวภาษาอังกฤษ BBC และ CNN จากเคเบิ้ลทีวีช่อง UTV ที่ผมรับที่บ้าน (ตอนหลังช่อง UTVมารวมกับ ช่อง IBC เป็นช่อง UBC ทุกวันนี้) และตอนนั้นก็ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ในเมืองไทย สิ่งที่จะใช้ฝึกฟังจึงไม่มีหลากหลายเช่นทุกวันนี้

แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า แม้ผมจะรู้ศัพท์เยอะพอสมควรเพราะได้ฝึกมาจาก reading skill ที่ค่อย ๆ สะสมมาหลายปี แต่เมื่อฝึกฟังอยู่นานก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง หรือรู้เรื่องน้อยนิดเดียวจนรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่ฝึกฟังภาษาอังกฤษ และหลายต่อหลายครั้งที่ผมถามคนที่เขาเก่งภาษาอังกฤษว่าทำยังไงจึงจะฟังรู้เรื่องเร็ว ๆ? คำตอบที่ได้รับมักเหมือนกันทุกครั้ง คือ “ฝึกฟังไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละ” ผมก็อดทนฝึกฟังไปเรื่อย ๆ ตามที่เขาแนะนำ ฟังตั้งนานสองนานแล้วก็ยังไม่รู้เรื่อง ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า มันก็คงรู้เรื่องได้แค่เรี่ย ๆ ดินอย่างนี้แหละ คงหวังมากกว่านี้ไม่ได้หรอก

ทุกวันนี้น้อง ๆ รุ่นหลังโชคดีกว่าผมที่มีอินเตอร์เน็ตช่วยให้ฝึก listening skill ได้ผลง่ายกว่าและเร็วกว่า แต่ถึงยังไงผมก็เชื่อว่าความรู้สึกท้อแท้และเบื่อหน่ายในการฝึกฟังภาษาอังกฤษที่ผมเคยรู้สึก หลายท่านในวันนี้ก็อาจจะรู้สึกเหมือนที่ผมเคยรู้สึกในวันโน้น และอะไรล่ะคือคำแนะนำของผมในวันนี้

คำแนะนำของผมก็คือ “ฝึกฟังไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละ” - - เป็นคำแนะนำเดียวกันกับที่ผมเคยได้รับ และเป็นคำแนะนำเดียวที่ได้ผล ศักดิ์สิทธิ์ และขลัง !!

เรื่องของเรื่องก็คือว่า ผมใจร้อนมากเกินไป จึงทำให้รู้สึกว่าการอดทนฟังสักครึ่งชั่วโมงยาวนานถึงครึ่งวัน และขณะที่ฟัง ผมก็ไม่ได้ฟังเฉย ๆ แต่ฟังไปบ่นไปในใจ จริง ๆ แล้ว ถ้าผมทำใจให้สงบ และฟังเฉย ๆ โดยไม่บ่นแทรกเข้ามาทุกครั้งที่อดทนฟัง ผมก็จะได้รับตามที่เขาบอกไว้ คือ “เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละ”

ถ้าอนุญาตให้ผมพูดตรง ๆ ก็ต้องขอพูดว่า หลายคนที่ฝึกภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ผลก็เพราะไม่อดทน แต่การที่คนยุคนี้ไม่อดทนก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะเราเกิดมาและมีชีวิตอยู่ในยุคที่สินค้าและบริการทุกอย่างที่ผลิตออกมาให้เราซื้อเน้นเรื่องเร็ว ทันใจ ไม่ต้องรอ เราก็เลยไม่อยากรอ ไม่อยากทน ถ้าต้องทนก็จะเป็นทุกข์ทันที จึงไม่อยากทน ไม่อยากเป็นทุกข์ และไม่อยากทำ ทักษะที่อยากได้จึงไม่เกิด

แต่ท่านอย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ วันนี้ผมมิได้ตั้งใจจะมาตั้งหน้าตั้งตาต่อว่าท่านผู้อ่านที่ไม่ทนฝึก listening skill และแม้ผมจะยืนบันคำแนะนำเดิมคือ “ฝึกฟังไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละ” ผมก็ขอเล่าเพิ่มเติมประสบการณ์ที่ผมใช้ฝึกควบคู่ไปกับคำแนะนำประโยคนี้ ที่ว่า “ฝึกฟังไปเรื่อย ๆ ....” นี้ คือฝึกอย่างไร?

ผมมีประสบการณ์ที่อยากแบ่งปันใน 6 เรื่องต่อไปนี้ว่า ในการฝึกฟังภาษาอังกฤษนั้น .....
1.ฟังอะไร?
2.ฟังบ่อยเพียงใด – นานเพียงใด?
3.ฟังที่ไหน?
4.ฟังด้วยอุปกรณ์เสริมอะไรบ้าง?


และที่สำคัญที่สุดคือ 2 ข้อสุดท้ายนี้
5.ฟังอย่างไร?
6.ฟังเสร็จแล้วทำอะไรต่อไป?

* * * * * * * * * *
ณ ตอนนี้ผมขอว่าไปทีละข้อเลยนะครับ โดยแต่ละข้อขอพูดสั้น ๆ
1.ฟังอะไร?
-อย่าฟังเรื่องยากเกินไป
-อย่าฟังภาษาอังกฤษที่พูดเร็วเกินไป จนฟังแทบไม่รู้เรื่องเอาเลย
-อย่าเริ่มฝึกด้วยการฟังเรื่องที่เราไม่ชอบ

2.ฟังบ่อยเพียงใด – นานเพียงใด?
-พยายามหาเวลาให้ได้ทุกวันที่จะฟัง
-ฟังอย่างน้อย 20 นาทีติดต่อกัน

3.ฟังที่ไหน?
-ฟังในสถานที่ที่ไม่ทำให้หูและตาเสียสมาธิจากการฟัง ถ้าสมาธิถูกแบ่งไปมิได้อยู่ที่หูครบ 100 % เพื่อรับฟังเสียงภาษาอังกฤษ ก็หวังได้ยากว่าการฟังจะได้ผล 100 %

4.ฟังด้วยอุปกรณ์เสริมอะไรบ้าง?
-การใช้หูฟังเป็นบางครั้งบางคราว, การมีดิกอังกฤษ-อังกฤษ และดิกอังกฤษ-ไทย อยู่ใกล้มือ และเปิดเท่าที่จำเป็น, และการมี script บทที่ฟัง คงจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย

5.ฟังอย่างไร? นี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด
สมาธิคือหัวใจของการฟัง เพราะฉะนั้นให้ฟังด้วยใจที่เป็นสมาธิเต็มร้อย คือ ไม่มีสิ่งที่พระท่านเรียกว่า ‘นิวรณ์’ เช่น
-ไม่ฟังไปกินไป
-ไม่ทำอย่างอื่นที่เพลิน ๆ ขณะฟัง
-ไม่ฟังไปอยากไป เช่น อยากรู้เรื่องเร็ว ๆ อยากรู้เรื่องเดี๋ยวนี้ อยากรู้เรื่องทุกคำทุกประโยค ความอยากทำให้เสียสมาธิ ยิ่งอยากมากยิ่งเสียสมาธิมาก และไม่ได้อย่างที่อยาก
-ไม่อึดอัดรำคาญใจเมื่อฟังไม่รู้เรื่อง ทำใจเย็น ๆ โดยไม่ต้องรำคาญ ความรำคาญใจทำให้เสียสมาธิ ยิ่งรำคาญมากยิ่งเสียสมาธิมาก เมื่อเสียสมาธิจะทำให้หูหย่อนประสิทธิภาพในการฟัง
-อย่าง่วง เลือกเวลาฝึกฟังที่ไม่ง่วง ถ้านั่งฟังแล้วง่วงก็ให้ยืนฟัง การล้างหน้าอาจช่วยให้หายง่วงบ้าง
-ไม่ต้องคิดมากตอนฟัง ไม่คิดเรื่องอื่น ไม่คิดถึงอดีต ไม่คิดไปในอนาคต
-ถ้ามีภาษาไทยโผล่เข้ามาในความคิดขณะที่ฟัง พยายามหยุดคิดเป็นภาษาไทย แต่อาจจะพูด(ในใจ)ตามเสียงภาษาอังกฤษที่กำลังฟัง แม้อาจจะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็ตาม
-ไม่ต้องสงสัยว่าเมื่อไรจะฟังรู้เรื่องซะที ความสงสัยเช่นนี้ทำให้เสียสมาธิ

6.ฟังเสร็จแล้วทำอะไรต่อไป?
-ฝึกฟังเสร็จแล้ว-ฝึกอ่าน: ถ้ามี script ลองอ่านดูซิว่า สิ่งที่เราฟังมันถูกต้องตาม script หรือไม่
-ฝึกฟังเสร็จแล้ว-ฝึกพูด: อาจจะฟังไปพูดตามไป หรือเมื่อฟังเสร็จแล้วให้พูดเล่าเรื่องที่ฟัง โดย copy ข้อความที่ได้ฟัง หรือพูดสรุปเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำนวนภาษาของตัวเองก็ได้
-ฝึกฟังเสร็จแล้ว-ฝึกเขียน: โดยเขียน copy ข้อความที่ได้ฟัง หรือเขียนสรุปเป็นภาษาอังกฤษด้วยสำนวนภาษาของตัวเองก็ได้

ผมหวังว่าประสบการณ์ส่วนตัวเล็กน้อย ๆ นี้คงจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านที่กำลังฝึก listening skill บ้าง และสุดท้ายที่ขอฝากอีกครั้งก็คือ “ฝึกฟังไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็รู้เรื่องเองแหละ” ครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com