สวัสดีครับ
ปีใหม่ 2552 นี้ผมก็จะมีอายุครบ 50 ปีแล้ว คำว่า “แก่” น่าจะเป็นคำที่พอจะเอามาใช้ได้ ในระยะหลัง ๆ นี้ คนขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง, คนขาย CD ที่ห้างพันทิพย์, พ่อค้าแม่ค้าขายอาหารตามถนนหนทาง และหมอที่โรงพยาบาล ใช้สรรพนามเรียกผมว่า “ลุง” มากขึ้น ผมรู้สึกว่าถ้าเขาเรียกว่า “น้า” น่าจะเหมาะสมมากกว่า แต่ถึงอย่างไรผมก็คงจะค้านสายตากรรมการไม่ได้ เมื่อส่วนใหญ่ตัดสินว่าผมถึงระดับ “ลุง” แล้ว ผมจะไปเกณฑ์ให้เขาเรียกว่าพี่ น้า อา ก็กระไรอยู่ สงสัยผมจะแก่ถึงระดับลุงจริง ๆ
ผมไม่ได้รังเกียจความแก่ เหมือนที่ผมไม่ได้รังเกียจมะม่วงสุก ชอบซะอีกด้วย ถ้าการทำให้ใครเกิดมาเป็นคนคือการขายสินค้า ผมก็เห็นว่าธรรมชาติเป็นพนักงานขายที่ดีมาก คือมีบริการหลังการขายอย่างต่อเนื่องตลอดอายุการใช้งานของสินค้า คนที่ถึงวัย “ลุง” และสินค้าเริ่มจะเสื่อมคุณภาพเพราะใช้งานมานาน ก็มีบริการซ่อมแซมหรือชดเชย เช่น ทำให้รู้จักคิดมากขึ้น ทำให้ใจเย็นขึ้น ทำให้รู้จักปล่อยวางสิ่งต่าง ๆ ที่เคยยึดมั่นอย่างเหนียวแน่น ฯลฯ ยังคงทำอะไรต่ออะไรเหมือนเดิมแต่ด้วยใจที่ไม่เหมือนเดิมเพราะวันคืนที่ล่วงไปทำให้ใจเริ่ม “สุก” มากขึ้น มันไม่ต่างจากมะม่วงที่ผมเปรียบเทียบข้างต้น
แม้ว่าการคิดถึงความไม่แน่นอนของชีวิตเป็นนิสัยอย่างหนึ่งที่ผมเขียนเล่าไว้ใน เรื่องส่วนตัวที่ผมอยากเล่า แต่ความแก่ที่มาพร้อมกับความเสื่อมของสังขารทำให้ผมคิดถึงความสิ้นไปของสังขารบ่อยขึ้น และเริ่มคิดมากขึ้นว่าควรจะใช้ชีวิตที่เหลือนี้อย่างไรให้ดีที่สุด เมื่อเกจ์ที่หน้าปัดบอกว่าน้ำมันเหลือไม่ถึงครึ่งถัง มันก็เป็นธรรมดาที่ผมในฐานะคนขับต้องวางแผนว่าเส้นทางที่จะ “ท่องเที่ยว” ต่อไปก่อนที่น้ำมันจะหมดถังควรจะเป็นเส้นทางไหนดี รถชีวิตคันนี้ไม่มีปั๊มให้แวะเติมน้ำมันซะด้วยซี ขืนวิ่งสะเปะสะปะออกนอกเส้นทางบ่อย ๆ หรือวิ่งเร็วเกินไปเครื่องยนต์ก็จะกินน้ำมันมากโดยไม่จำเป็น สรุปก็คือด้วยวัย “ลุง” ขณะนี้ผมคิดถึงความตายบ่อยขึ้น ในขณะเดียวกันผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน
ผมคงไม่ใช่คนเดียวที่ถามตัวเองด้วยคำถามทำนองนี้ คนเราเกิดมาทำไม เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร สิ่งใดที่มีคุณค่าสูงสุดในชีวิต ชีวิตที่ดีควรเป็นอย่างไร ฯลฯ ผมถามตัวเองด้วยคำถามเหล่านี้ตั้งแต่ผมยังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย และก็ถามตัวเองมาเรื่อย ๆ และก็พบคำตอบมาเรื่อย ๆ เช่นกัน เป็นคำตอบที่ผู้อื่น เช่น พระภิกษุที่ผมเคารพบูชาช่วยตอบให้ หรือเป็นคำตอบที่ผมตอบตัวเอง คำตอบเหล่านี้น่าพอใจ แต่ก็ไม่ทำให้ผมหยุดแสวงหาคำตอบ ยังสงสัยว่าทำไมผมจึงต้องถามตัวเองด้วยคำถามเดิม ๆ และก็มักจะได้คำตอบเดิม ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดถาม มันน่าจะเป็นเพราะว่า สิ่งที่รับคำตอบคือ “สมอง” ไม่ใช่ “ใจ” เมื่อผมสงสัย – ผมสงสัยด้วยใจ เมื่อได้รับคำตอบที่สมองพอใจ แต่ใจยังไม่พอใจ ใจจึงถามคำถามเดิมซ้ำ ๆ ซาก ๆ อยู่อย่างนั้น
วันนี้ วันที่ถึงวัยใกล้น้ำมันหมดถัง รถชีวิตไม่รู้ว่าจะวิ่งไปได้อีกไกลแค่ไหน จะได้กินลมชมวิวแวะเที่ยวสถานที่ตามรายทางอีกสักกี่แห่ง รถจะเสียกลางทางวิ่งต่อไปไม่ได้แม้น้ำมันยังไม่หมด และจะซ่อมได้หรือเปล่า ผมไม่รู้อะไรเลย แต่อย่างน้อย ณ วันนี้ ผมรู้แล้วว่า ชีวิตไม่ต้องการอะไร และชีวิตต้องการอะไร มันเป็นคำตอบที่ “ใจ” ได้รับ และทำให้รู้สึก “พอใจ” ในชีวิต
ในฐานะชาวไทยด้วยกัน และในฐานะคนเขียนบล็อก ขออนุญาตให้ผมเล่าสู่กันฟังเรื่องราวอื่น ๆ บ้างแล้วกันนะครับ นอกจากหน้าที่ ‘บ๋อยเสิร์ฟเว็บ’ ที่ทำอยู่ตามปกติ เรื่องที่จะเล่าเป็นคำตอบส่วนตัวที่ทำให้ผมรู้สึกพอใจในชีวิต ถ้าคำตอบนี้เป็นคำตอบของหลายท่านอยู่แล้วก็แสดงว่าผมมีเพื่อนร่วมเดินทางในเส้นทางของมนุษยชาติอันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ ไม่มากก็น้อย
สองคำถามข้างต้น คือ หนึ่ง ชีวิตไม่ต้องการอะไร และสอง ชีวิตต้องการอะไร ผมขอไล่ไปทีละคำถามนะครับ
ชีวิตไม่ต้องการอะไร? ท่านคงเคยเห็นตุ๊กตาจีนมงคลที่เรียกว่า ‘ฮก ลก ซิ่ว’ กันแล้วนะครับ ผู้รู้ ให้ความหมายของ ‘ฮก ลก ซิ่ว’ ไว้ว่า
“ฮก เทพแห่งบุญวาสนาและบารมี เพียบพร้อมด้วยบุตร หลาน ลักษณะชายวัยกลางคน หน้าตาอิ่มเอิบอุ้มเด็ก
ลก เทพแห่งลาภยศและความมั่นคั่งด้วยทรัพย์ ลักษณะชายวัย กลางคน สูงใหญ่ สง่างามแต่งกายด้วยเครื่องยศสูงสุด
ซิ่ว เทพแห่งอายุยืนยาว ลักษณะชายวัยชรามีหนวดเครายาว หน้าตาอิ่มเอิบยิ้มแย้มร่างกายอันแข็งแรงสมบูรณ์”
พูดอีกอย่างหนึ่ง ‘ฮก ลก ซิ่ว’ คือ อำนาจ ทรัพย์ และสุขภาพ ซึ่งเป็น 3 สิ่งสุดปรารถนาของมนุษย์ ท่านจะเห็นตามคตินิยมของจีน ‘ฮก’ นั้นจะสวมหมวกยศของขุนนางจีน เพราะเป็นตำแหน่งของอำนาจ ส่วน ‘ลก’ นั้นดูเหมือนจะเป็นพ่อค้า ปัจจุบันน่าจะใช้คำว่า ‘นักธุรกิจ’ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์สินเงินทองหรือความร่ำรวย และ ‘ซิ่ว’ เป็นรูปชายชรา หัวล้านและมีหนวดเคราขาวยาวแสดงถึงสุขภาพดีและอายุยืน ผมฟังความหมายของ ‘ฮก ลก ซิ่ว’ เช่นนี้มานานแล้ว และก็ถามตัวเองว่า มันคือสิ่งสูงสุดในชีวิตหรือเปล่า ถามไปถามมา ถามมาถามไปหลายรอบ – หลายสิบรอบ ก็ได้คำตอบว่า ถ้าฮกลกซิ่วมันผ่านเข้ามาในชีวิตผม หรือผมได้ทำสิ่งใดโดยสุจริตทำให้ตัวเองได้ฮกลกซิ่ว ผมก็จะรับมันไว้ แต่จะให้ผมใช้ชีวิตอย่างกระหืดกระหอบ อย่างสูญเสียความสุจริต และใช้เวลามากเกินพิกัดอันเหมาะสมเพื่อให้ได้ฮกลกซิ่วมาครอบครอง ผมไม่ลงทุนถึงขนาดนั้นหรอกครับ เพราะแม้ว่าอำนาจและทรัพย์จะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิต แต่ถ้าได้มาโดยทุจริต หรือต้องใช้เวลากับการแสวงหามันมากเกินไปจนไม่มีเวลาไปแสวงหาสิ่งอื่นที่สูงกว่า ฮกและลกก็ทำพิษให้ชีวิตได้ง่าย ๆ ส่วนซิ่วหรืออายุยืนและสุขภาพดี ซึ่งหมายถึงมีเวลาและสภาพร่างกายที่ช่วยให้เสวยสุขจากฮกและลกได้เนิ่นนาน นี่เป็นสิ่งที่ดีและไม่ควรปฏิเสธ แต่เราน่าจะมองให้สูงขึ้นไปกว่านี้ว่า เราน่าจะใช้ซิ่วคืออายุยืนและสุขภาพดีนี้ไปกับสิ่งที่มีคุณค่ามากกว่า ไม่ใช่ขลุกอยู่กับฮกและลกอย่างหน้ามืดตามัว
สรุปก็คือสำหรับผมแล้ว ‘ฮก ลก ซิ่ว’ หรือ ‘อำนาจ ทรัพย์ และสุขภาพดี’ เป็นสิ่งอำนวยความสะดวกหรือเฟอนิเจอร์ของชีวิต แต่ไม่ใช่สิ่งสูงสุดในชีวิต และแม้จะหามาได้โดยสุจริต ก็ไม่ควรทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับมันจนมองไม่เห็นสิ่งอื่นที่สูงกว่า ถ้าตอบคำถามข้างต้น ชีวิตไม่ต้องการอะไร? ก็ตอบว่า ชีวิตของผมไม่ต้องการฮกลกซิ่วที่เป็นอุปสรรคต่อการได้รับสิ่งที่สูงกว่าฮกลกซิ่ว
และอะไรอีกล่ะที่ชีวิตไม่ต้องการ? สมัยอยู่มหาวิทยาลัย เวลาที่อาจารย์ส่วนมากที่สุดจะพูดถึงความต้องการของมนุษย์ ผมเห็นอาจารย์นึกถึงอะไรกันไม่เป็นเลย นอกจากยกทฤษฎีความต้องการ 5 อย่าง ของ Maslow ขึ้นมาพูด สรุปก็คือ คนเรามีความต้องการจากต้นไปหาปลายอยู่ 5 อย่าง และต้องได้รับอย่างแรกก่อนจึงจะแสวงหาอย่างหลัง ความต้องการทั้ง 5 อย่าง คือ (1) ความต้องการทางกายภาพ เช่น อาหาร อากาศ น้ำ ที่อยู่อาศัย (2) ความต้องการความมั่นคงปลอดภัยในด้านต่าง ๆ ของชีวิต (3) ความต้องการความรักจากคนที่ติดต่อสัมพันธ์ด้วย เช่น ครอบครัว คู่ครอง เพื่อนฝูง (4) ความต้องการความรู้สึกภาคภูมิใจในความสามารถของตัวเองและการได้รับความเคารพนับถือจากผู้อื่น และ (5) ความต้องการที่จะบรรลุศักยภาพสูงสุดที่ตัวเองมี เช่น ความรู้ ศิลปะ การเข้าถึงความสงบทางใจ การเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า ฯลฯ
ผมได้ฟังอาจารย์หลายคณะเล็กเชอร์เกี่ยวกับความต้องการ 5 ขั้นของมาสโลว์นี้บ่อยมาก และผมก็เห็นว่ามาสโลว์แกก็คงพูดไม่ผิดหรอก แต่มันมีอะไรที่สูงไปกว่านี้หรือเปล่า เพราะอย่างน้อยใน 4 ข้อแรกของแก คนกับสัตว์ก็ไม่ต่างกันเลย และคนเราเกิดมาเพื่อสิ่งเหล่านี้เท่านั้นหรือ?
สรุปก็คือ ทั้งทฤษฎี ‘ฮก ลก ซิ่ว’ ของจีนซึ่งเป็นโลกตะวันออก และทฤษฎีบันได 5 ขั้นของมาสโลว์ซึ่งเป็นตัวแทนของโลกตะวันตก ไม่ได้ให้คำตอบอะไรแก่ชีวิตผมเลย หรือให้แต่ผมยังไม่รู้สึกพอใจ ผมยังรู้สึกอยู่เสมอว่า ชีวิตที่ดีควรมีอะไรที่ดีกว่านี้ สูงกว่านี้
และก็มาถึงคำถามที่สอง คือ ชีวิตต้องการอะไร? ผมเคยได้ยินคนจำนวนไม่น้อยที่นับถือพุทธศาสนาพูดในทำนองว่า คนเราเกิดมาแล้วควรทำบุญหรือทำความดีให้เยอะ ๆ พยายามทำความดีทุกวัน เพราะเราไม่รู้ว่าเราจะมีชีวิตถึงพรุ่งนี้ให้ได้ทำความดีอีกหรือเปล่า ความดีจะทำให้เราได้รับความสุขในชีวิตนี้และในชาติหน้าหลังจากตายไปแล้ว คำอธิบายหรือทฤษฎีทำนองนี้ดีกว่าทฤษฎีฮกลกซิ่วหรือทฤษฎีของมาสโลว์หลายสิบเท่า เพราะมันเท่ากับวางเป้าหมายของชีวิตไว้บนสิ่งที่ดีงาม และมีแต่คนเท่านั้นแหละครับที่มีความสามารถคิดถึงแต่สิ่งที่ดีงามอย่างนี้ได้ และความดีงามก็ทำให้ชีวิตมีความสุข สุขเพราะได้ทำให้คนอื่นมีความสุข ไม่ใช่สุขเพราะแสวงหาความสุขใส่ตัวเอง เป็นปีติสุขที่เกิดขึ้นมาในใจ
แต่ผมก็เห็นคนเป็นจำนวนมากที่แม้พยายามทำความดีแล้วก็ยังไม่มีความสุข พอมีเรื่องที่กระทบกระเทือนใจก็ยังเป็นทุกข์และ “ทำใจ” ไม่ได้ และดูเหมือนความดีทั้งหลายแหล่ที่เขาทำไว้ไม่สามารถเป็นปราการป้องกันความทุกข์ได้เลย นี่แสดงว่าการทำความดีไม่ได้ช่วยให้คนเราพบกับความสุขที่แท้จริงหรืออย่างไร?
ชีวิตของผมวนเวียนอยู่กับคำถาม – คำตอบ ดังกล่าวอยู่นานทีเดียว นานเท่าช่วงอายุการทำงานหลังจบจากมหาวิทยาลัยประมาณ 20 – 30 ปีก็ว่าได้ ถ้ามองย้อนหลังผมก็อยากจะสรุปว่า หนังสือที่เราอ่าน, ครูบาอาจารย์ที่เราได้ฟังธรรม, ผู้คนที่เราติดต่อสัมพันธ์ด้วย, สถานที่ต่าง ๆ ที่เราได้ไปเยือน, และปัญหาอุปสรรค ความไม่ราบรื่นและไร้สาระทั้งหลายที่ได้ผ่านพบ ทำให้วันหนึ่งผมสะดุดขึ้นมาในใจถึงคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กว่า การทำบุญ หรือ ‘บุญกิริยาวัตถุ’ มีอยู่ 3 อย่าง คือ
1) ทาน – คือการให้
2) ศีล – การรักษาศีล และ
3) ภาวนา – คือการภาวนา หรือการดูแลรักษาใจให้สงบ
มันทำให้ผมนึกถึงศัพท์ภาษาอังกฤษ 3 คำขึ้นมาทันที คือ help, hurt, และ heart
Help – ให้วันหนึ่ง ๆ ได้ทำอะไรอย่างน้อย 1 อย่างที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ เราอาจจะทำอะไรปกติเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่วันนี้เราจะทำอย่างตั้งใจให้เพื่อนมนุษย์โดยทั่วไปได้รับประโยชน์ ถ้าเราต้องตายในวันนี้อย่างศพไร้ญาติหรือซากศพสูญหาย ไม่มีใครทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ก็ไม่มีอะไรให้เราต้องวิตกกังวล เพราะสิ่งดีที่เราทำเมื่อยังมีชีวิตมีมากพอโดยไม่ต้องรอบุญที่คนอื่นจะส่งไปให้
Hurt - อย่าให้เรามีชีวิตที่ hurt หรือทำร้ายผู้อื่นเลย ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายด้วยกาย (ฆ่า, ทำร้าย, โกง) ทำร้ายด้วยวาจา (พูดโกหก, ให้ร้าย, ติฉินนินทา) หรือทำร้ายด้วยใจ (โกรธ เกลียด พยาบาท อาฆาต อิจฉาริษยา) ถ้าเราต้องตายในวันนี้และนรกมีจริง เราก็ไม่กลัวจะตกนรก เพราะเราไม่ได้ทำอะไรในที่ซ่อนเร้นหรือเปิดเผย ที่ hurt หรือทำร้ายคนอื่น นรกจึงไม่ใช่ที่อยู่สำหรับเรา
Heart – รักษาใจตัวเองไว้ให้ดี เมื่อเกิดความรู้สึกนึกคิดขึ้นมาในใจก็มีสติ และไม่ปล่อยให้ความรู้สึกนึกคิดนั้นทำร้ายใจ แต่มีสติรู้เท่าทันและปล่อยวาง รักษาใจให้อยู่ในสภาพดีดังเดิม
ผมจึงได้รู้สึกว่า คำสอนสามัญที่ผมได้ยินพระเทศน์ตั้งแต่วัยเด็ก คือ เรื่องทาน – help others, ศีล – do not hurt anyone, และ heart – take care of the heart คือคำตอบของชีวิตทุกชีวิต และข้อปฏิบัติทั้ง 3 ข้อนี้ต่างก็เอื้อเฟื้อเกื้อหนุนกัน ทำให้ชีวิตพบกับความดี ความงาม และความสุขที่แท้จริง คำสอนนี้มีวางอยู่แล้วข้างหน้า – แต่เรามองไม่เห็น, มีพระเทศน์ให้ฟังบ่อย ๆ – แต่เราไม่ได้ยิน ที่เป็นเช่นนี้อาจจะเป็นเพราะเรา ‘อยาก’ มากเกินไปจึงไม่พบคำตอบของชีวิต หรือหากพบก็อาจจะเป็นคำตอบลวง ๆที่เรายึดถือเป็นคำตอบจริง ๆ
ตามธรรมเนียมฝรั่ง พอถึงวันปีใหม่เขาจะมี New Year’s Resolution คือสัญญาที่เราให้ไว้กับตัวเองว่า เราจะ start doing something good และ stop doing something bad และแม้เราจะไม่ใช่ฝรั่งแต่เป็นชาวพุทธเคารพบูชาพระพุทธเจ้า ผมก็ขอชักชวนให้ท่านตั้ง New Year’s Resolution ที่จะ
- help others– do not hurt anyone และ
-take care of the heart
ผมเชื่อว่าปีใหม่ของเราจะเป็นปีที่มีความหมาย ให้ความสุข ความดี และความงาม แก่ชีวิตของเรามากกว่าเดิม นี่เป็นของขวัญวันปีใหม่ที่เราทุกคนสามารถมอบให้แก่ตัวเอง แต่จริง ๆ แล้วมันคือของขวัญวันปีใหม่ที่เราให้แก่ทุกคนที่เราติดต่อสัมพันธ์ด้วย
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันพุธที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2551
วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[917]แยกเว็บยาก-เว็บง่ายให้ท่านฝึกฟัง-แวะก่อนครับ
สวัสดีครับ
เว็บข้างล่างนี้ผมแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1) เว็บสำหรับท่านที่รู้สึกว่าตัวเอง ‘ฟังไม่รู้เรื่องเลย’ และ
2) เว็บสำหรับท่านที่รู้สึกว่าตัวเอง ‘เริ่มฟังรู้เรื่องบ้าง’
สำหรับกลุ่มแรก ผมได้รวบรวมเว็บไว้ในบทความที่ได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้ ในเว็บจะมีให้ท่านคลิกฟังทีละคำ หรือ ทีละประโยค และส่วนใหญ่จะมี Script ให้ท่านอ่านด้วย ท่านจะฝึกฟังก่อนอ่าน ฟังพร้อมอ่าน หรือ อ่านก่อนฟัง ก็เลือกเอาตามสะดวกครับ
(1) [11] ขึ้นบันไดทีละขั้น.. ฟังอังกฤษทีละคำ..
(2) [51] ฝึกฟังอังกฤษให้รู้เรื่อง [เมื่อคลิกเข้าไปแล้ว ให้ฝึกข้อ 1-3 ก่อนที่จะไปข้ออื่น ๆ ]
(3) [112] ฝึกฟังทีละประโยคสั้น ๆ พร้อมอ่าน script
(4) [910]ฝึก ฟัง–พูด,ทีละคำ–ทีละประโยคกับ Talking Dict
สำหรับกลุ่มที่สอง ผมนำเว็บที่เนื้อหายาวขึ้นมาให้ท่านฟัง แต่เป็นเว็บที่ฟังง่าย สบายหู ใช้ศัพท์ง่าย ๆ รูปประโยคง่าย ๆ บางเว็บพูดช้ากว่าปกติ บางเว็บพูดด้วยความเร็วปกติแต่ออกเสียงชัดมาก โดยทั้ง 7 เว็บที่ผมคัดมาแล้วข้างล่างนี้ ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ครบถ้วน คือ
- มี script ของเนื้อเรื่องที่ฟัง
-เนื้อหามีการ update หรือเอาของใหม่มาเพิ่มอยู่เรื่อย ๆ บางเว็บมีการ update ทุกวัน
- นอกจากฝึกการฟังแล้ว บางเว็บเนื้อหายังอธิบายการใช้ศัพท์สำนวนภาษาอังกฤษ หรือให้ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ หรือยกเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาสัมภาษณ์หรือพูดคุยกันในลักษณะไม่เป็นทางการ
- สามารถคลิกฟังขณะต่อเน็ต หรือจะดาวน์โหลดไฟล์ mp 3 เก็บไว้ฟังครั้งต่อ ๆ ไปโดยไม่ต้องต่อเน็ตก็ได้ (ผมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าทั้ง 7 เว็บข้างล่างนี้สามารถดาวน์โหลดไฟล์ mp3ได้แน่ ๆ ถ้าท่านหาไม่เจอลิงค์ที่จะคลิกดาวน์โหลดว่าอยู่ตรงไหน พยายามหาอีกนิดนึงเถอะครับ รับรองว่าเจอแน่ ถ้าเจอแล้ว ก็คลิกขวา, คลิกซ้าย Save Target As... และ Save)
และผมได้เอาตัวอย่างเว็บละ 2 ตอนมาให้ท่านลองฟัง+ลองอ่าน ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะหวังว่า จะมีเว็บใดเว็บหนึ่งที่ถูกใจท่าน และท่านก็จะเลือกฝึกภาษาอังกฤษกับเว็บนั้น เรื่องนี้มันก็เป็นอะไรที่แปลกอยู่เหมือนกันนะครับ ผมขอเปรียบเทียบอย่างนี้ครับ คนบางคนไม่เคยอ่านหนังสือนิยายมาทั้งชีวิต แต่มีวันหนึ่งหยิบหนังสือนิยายเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านโดยไม่ใส่ใจอะไรนัก อ่านไปได้แค่หน้าเดียวเท่านั้นแหละครับ,,, ติด... และหลังจากนั้นก็เป็นนักอ่านนิยายของนักประพันธ์คนนั้นและคนอื่น ๆ เรื่อยมา นี่แสดงว่าช่องทางที่เข้าไปนั้นเป็นช่องทางที่เขาพอใจ ผมเองมีความหวังอยู่ลึก ๆ ว่า ท่านผู้อ่านของผมที่ไม่ค่อยชอบภาษาอังกฤษ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าภาษาอังกฤษมีประโยชน์และมีความสำคัญ จะได้พบเว็บดีที่ถูกใจสักเว็บหนึ่ง และ.... ติด... และมีความสุข+ความพยายามโดยอัตโนมัติที่จะทำให้ตัวเองเก่งภาษาอังกฤษ ผมหวังอยู่เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้แหละครับ
เอาละครับ ขอเชิญเข้าไปชมเว็บทั้ง 7 ได้เลยครับ
(1) eslpod.com
Ex 1: English Café 170
Ex 2: ESL Podcast 438 – Renting an Apartment
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (19.6 MB)
(2) VOA special english
Ex 1: Finding Uses for Marginal Lands
Ex 2: Music for a Day When Memories and Hopes Meet at Midnight
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (4.5 MB)
(3) breakingnewsenglish.com/
Ex 1: Mexican beauty queen arrested
Ex 2: Huge discounts in New Year sales
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (1.8 MB)
(4) china232.com
http://www.china232.com/lessons.php
Ex 1: http://www.china232.com/111-financial-crisis.php
Ex 2: http://www.china232.com/112-sleep.php
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (21.9 MB)
(5) businessenglishpod.com/
Ex 1: BEP 45 CC - Socializing: Keeping a Conversation Going
Ex 2: BEP 44 INT - Socializing: Striking Up a Conversation
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (20.1 MB)
(6) bbc learningenglish
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/downloads.shtml
(การดาวน์โหลด mp3 ให้คลิกขวาที่ไอคอนสีส้มลูกศรสีแดงหัวลง, , คลิกซ้าย Save Target As…, Save)
Ex 1:
Dec 30 - Keep your English up to date audio 624 K
Dec 30 - Keep your English up to date script 31 K
Dec 30 - Keep your English up to date lesson plan 75 K
Ex 2:
Dec 30 - The Flatmates audio 2.6 MB
Dec 30 - The Flatmates language point 74 K
Dec 30 - The Flatmates quiz 75 K
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (3.1 MB)
(7) elllo.org
http://www.elllo.org/english/0901.htm
(การดาวน์โหลด mp3 ให้มองที่คอลัมน์ขวามือใต้คำว่า Audio MP3, ให้คลิกขวาที่ Interview และ Audio Notes, คลิกซ้าย Save Target As…, Save)
Ex 1: 936 Chinese New Year
Ex 2: 935 Santi Time
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (1.5 MB)
ศึกษาเพิ่มเติม:
[59] ฝึกฟัง-พูด-อ่าน-เขียนอังกฤษจากเว็บ podcast
[234] เว็บสำหรับท่านที่ใช้ iPod หรือ MP3 Player
[278]เว็บภาษาอังกฤษที่ง่าย และ สนุก
[200] เว็บที่อ่านข่าวภาษาอังกฤษ... ช้า ๆ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
เว็บข้างล่างนี้ผมแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
1) เว็บสำหรับท่านที่รู้สึกว่าตัวเอง ‘ฟังไม่รู้เรื่องเลย’ และ
2) เว็บสำหรับท่านที่รู้สึกว่าตัวเอง ‘เริ่มฟังรู้เรื่องบ้าง’
สำหรับกลุ่มแรก ผมได้รวบรวมเว็บไว้ในบทความที่ได้เขียนไว้ก่อนหน้านี้ ในเว็บจะมีให้ท่านคลิกฟังทีละคำ หรือ ทีละประโยค และส่วนใหญ่จะมี Script ให้ท่านอ่านด้วย ท่านจะฝึกฟังก่อนอ่าน ฟังพร้อมอ่าน หรือ อ่านก่อนฟัง ก็เลือกเอาตามสะดวกครับ
(1) [11] ขึ้นบันไดทีละขั้น.. ฟังอังกฤษทีละคำ..
(2) [51] ฝึกฟังอังกฤษให้รู้เรื่อง [เมื่อคลิกเข้าไปแล้ว ให้ฝึกข้อ 1-3 ก่อนที่จะไปข้ออื่น ๆ ]
(3) [112] ฝึกฟังทีละประโยคสั้น ๆ พร้อมอ่าน script
(4) [910]ฝึก ฟัง–พูด,ทีละคำ–ทีละประโยคกับ Talking Dict
สำหรับกลุ่มที่สอง ผมนำเว็บที่เนื้อหายาวขึ้นมาให้ท่านฟัง แต่เป็นเว็บที่ฟังง่าย สบายหู ใช้ศัพท์ง่าย ๆ รูปประโยคง่าย ๆ บางเว็บพูดช้ากว่าปกติ บางเว็บพูดด้วยความเร็วปกติแต่ออกเสียงชัดมาก โดยทั้ง 7 เว็บที่ผมคัดมาแล้วข้างล่างนี้ ส่วนใหญ่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ครบถ้วน คือ
- มี script ของเนื้อเรื่องที่ฟัง
-เนื้อหามีการ update หรือเอาของใหม่มาเพิ่มอยู่เรื่อย ๆ บางเว็บมีการ update ทุกวัน
- นอกจากฝึกการฟังแล้ว บางเว็บเนื้อหายังอธิบายการใช้ศัพท์สำนวนภาษาอังกฤษ หรือให้ความรู้ในเรื่องต่าง ๆ หรือยกเอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาสัมภาษณ์หรือพูดคุยกันในลักษณะไม่เป็นทางการ
- สามารถคลิกฟังขณะต่อเน็ต หรือจะดาวน์โหลดไฟล์ mp 3 เก็บไว้ฟังครั้งต่อ ๆ ไปโดยไม่ต้องต่อเน็ตก็ได้ (ผมขอยืนยันอีกครั้งหนึ่งว่าทั้ง 7 เว็บข้างล่างนี้สามารถดาวน์โหลดไฟล์ mp3ได้แน่ ๆ ถ้าท่านหาไม่เจอลิงค์ที่จะคลิกดาวน์โหลดว่าอยู่ตรงไหน พยายามหาอีกนิดนึงเถอะครับ รับรองว่าเจอแน่ ถ้าเจอแล้ว ก็คลิกขวา, คลิกซ้าย Save Target As... และ Save)
และผมได้เอาตัวอย่างเว็บละ 2 ตอนมาให้ท่านลองฟัง+ลองอ่าน ที่ทำอย่างนี้ก็เพราะหวังว่า จะมีเว็บใดเว็บหนึ่งที่ถูกใจท่าน และท่านก็จะเลือกฝึกภาษาอังกฤษกับเว็บนั้น เรื่องนี้มันก็เป็นอะไรที่แปลกอยู่เหมือนกันนะครับ ผมขอเปรียบเทียบอย่างนี้ครับ คนบางคนไม่เคยอ่านหนังสือนิยายมาทั้งชีวิต แต่มีวันหนึ่งหยิบหนังสือนิยายเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านโดยไม่ใส่ใจอะไรนัก อ่านไปได้แค่หน้าเดียวเท่านั้นแหละครับ,,, ติด... และหลังจากนั้นก็เป็นนักอ่านนิยายของนักประพันธ์คนนั้นและคนอื่น ๆ เรื่อยมา นี่แสดงว่าช่องทางที่เข้าไปนั้นเป็นช่องทางที่เขาพอใจ ผมเองมีความหวังอยู่ลึก ๆ ว่า ท่านผู้อ่านของผมที่ไม่ค่อยชอบภาษาอังกฤษ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าภาษาอังกฤษมีประโยชน์และมีความสำคัญ จะได้พบเว็บดีที่ถูกใจสักเว็บหนึ่ง และ.... ติด... และมีความสุข+ความพยายามโดยอัตโนมัติที่จะทำให้ตัวเองเก่งภาษาอังกฤษ ผมหวังอยู่เล็ก ๆ น้อย ๆ แค่นี้แหละครับ
เอาละครับ ขอเชิญเข้าไปชมเว็บทั้ง 7 ได้เลยครับ
(1) eslpod.com
Ex 1: English Café 170
Ex 2: ESL Podcast 438 – Renting an Apartment
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (19.6 MB)
(2) VOA special english
Ex 1: Finding Uses for Marginal Lands
Ex 2: Music for a Day When Memories and Hopes Meet at Midnight
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (4.5 MB)
(3) breakingnewsenglish.com/
Ex 1: Mexican beauty queen arrested
Ex 2: Huge discounts in New Year sales
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (1.8 MB)
(4) china232.com
http://www.china232.com/lessons.php
Ex 1: http://www.china232.com/111-financial-crisis.php
Ex 2: http://www.china232.com/112-sleep.php
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (21.9 MB)
(5) businessenglishpod.com/
Ex 1: BEP 45 CC - Socializing: Keeping a Conversation Going
Ex 2: BEP 44 INT - Socializing: Striking Up a Conversation
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (20.1 MB)
(6) bbc learningenglish
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/downloads.shtml
(การดาวน์โหลด mp3 ให้คลิกขวาที่ไอคอนสีส้มลูกศรสีแดงหัวลง, , คลิกซ้าย Save Target As…, Save)
Ex 1:
Dec 30 - Keep your English up to date audio 624 K
Dec 30 - Keep your English up to date script 31 K
Dec 30 - Keep your English up to date lesson plan 75 K
Ex 2:
Dec 30 - The Flatmates audio 2.6 MB
Dec 30 - The Flatmates language point 74 K
Dec 30 - The Flatmates quiz 75 K
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (3.1 MB)
(7) elllo.org
http://www.elllo.org/english/0901.htm
(การดาวน์โหลด mp3 ให้มองที่คอลัมน์ขวามือใต้คำว่า Audio MP3, ให้คลิกขวาที่ Interview และ Audio Notes, คลิกซ้าย Save Target As…, Save)
Ex 1: 936 Chinese New Year
Ex 2: 935 Santi Time
ถ้าต้องการดาวน์โหลดทั้ง script และ mp3 คลิกที่นี่ครับ (1.5 MB)
ศึกษาเพิ่มเติม:
[59] ฝึกฟัง-พูด-อ่าน-เขียนอังกฤษจากเว็บ podcast
[234] เว็บสำหรับท่านที่ใช้ iPod หรือ MP3 Player
[278]เว็บภาษาอังกฤษที่ง่าย และ สนุก
[200] เว็บที่อ่านข่าวภาษาอังกฤษ... ช้า ๆ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[916]วิธีทำ“แถบศัพท์วิ่ง”ขึ้นใช้เองที่คอมฯ ของท่าน
หมายเหตุ: ตอนนี้ไฟล์ Crack ใช้ไม่ได้แล้ว จึงใช้ได้แต่ตัวโปรแกรมที่เป็น Trial Version อายุการใช้งาน 30 วัน
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนประจำบล็อกนี้คงจะสังเกตได้ว่า ผมให้ความสำคัญกับเรื่องคำศัพท์อย่างมาก ถ้าจำศัพท์ได้ – ใช้ศัพท์เป็น เรื่องอื่น ๆ ในการศึกษาภาษาอังกฤษก็ดูจะง่ายขึ้นเยอะ ผมจึงได้รวบรวม 20 วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยหวังว่าอาจจะมีอยู่หลายวิธีที่ท่านผู้อ่านเอาไปใช้แล้วได้ผล
และก็มีวิธีจำศัพท์อยู่วิธีหนึ่งที่ผมเสนอแทรกไว้ คือการทำให้ศัพท์มันวิ่งที่หน้าจอ เวลาที่เราพักงานก็มองไปที่หน้าจอ ดูศัพท์มันวิ่งไปเรื่อย ๆ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ถ้าดูบ่อย ๆ ก็จะจำได้มากขึ้นเอง ด้วยวิธีนี้ผมได้ทำศัพท์วิ่งหน้าจอให้ท่านใช้ไว้แล้ว 3 ชุดข้างล่างนี้
1. ของ Oxford: [62] ดูศัพท์วิ่ง 3000 คำ – ช่วยให้จำ ได้เร็ว ๆ
2. ของ ดร. อาภรณ์ พฤกษะศรี:[187] ดูตัววิ่ง ‘ศัพท์คำพ้อง’ 3,000 คำ บนหน้าจอ
3. ของสำนักข่าว VOA: [41] จำศัพท์วิ่ง 1,500 คำ จากหน้าคอมฯ
แต่ข้อจำกัดของศัพท์วิ่งที่ว่านี้มีอย่างน้อย 2 ประการ คือ
1. เราไม่สามารถดูศัพท์วิ่งไปพร้อม ๆ กับใช้หน้าจอทำงาน เพราะศัพท์มันวิ่งบนหน้าจอ
2. เราไม่สามารถกำหนดเนื้อหาเองได้ เช่น ถ้าท่านมีศัพท์สัก 20 คำที่ต้องการจำให้ได้ ท่านจะทำยังไง?
เมื่อได้รับคำแนะนำจากคุณ BUBE เกี่ยวกับโปรแกรมที่จะใช้ และคำอธิบายวิธีการใช้โปรแกรมจาก ‘อาจารย์ต้น’ เมื่อเอามารวมกันแล้วจึงเป็นเนื้อหาที่ผมจะเขียนในวันนี้ คือ การทำ “แถบศัพท์วิ่ง” ขึ้นใช้เอง แบนเนอร์ที่ว่านี้
1. จะเป็นแถบพาดไว้บนสุดของหน้าจอ ท่านสามารถเหลือบดูคำศัพท์ – คำแปล ไปพร้อมกับทำงานอื่น ๆ บนหน้าจอ และจะต่อเน็ตหรือไม่ต่อเน็ตก็ได้ทั้งนั้น
2. ท่านสามารถทำเนื้อหาที่ต้องการให้มันวิ่งได้เอง จะมาก น้อย จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาอย่างไรท่านทำได้เองทั้งนั้น
ท่านลองไปที่เว็บหนังสือพิมพ์ The Nation คลิก และที่ใต้แถบสีน้ำเงินของหน้า ท่านเห็นข่าววิ่งไหมครับ ผมกำลังจะแนะนำให้ท่านทำ “แถบศัพท์วิ่ง” ทำนองนี้ แต่ดีกว่าตรงที่ว่า
1. มันจะเป็นแถบที่ไปอยู่บนสุดของหน้า จึงไม่เกะกะอะไรเลย
2. ท่านสามารถสร้างเนื้อหาที่จะให้มันวิ่งได้ตามใจท่าน
คำแนะนำข้างล่างนี้ ผมขอแนะนำให้ท่าน print ออกมา และค่อย ๆ ทำตามไปทีละข้อ แม้อาจจะดูยาวไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ยากครับ เริ่มเลยนะครับ
1. ขั้นตอนการทำไฟล์ข้อความที่จะวิ่ง:
ให้ท่านใช้ notepad ทำรายการคำศัพท์ที่ท่านต้องการจะให้เป็นศัพท์วิ่ง สมมุติว่ามี 10 คำดังนี้ (ขอย้ำว่า ให้ใช้ notepad เท่านั้น, ใช้ WORD ไม่ได้นะครับ)
dog = สุนัข ……… cat = แมว……… horse = ม้า……….duck = เป็ด………. hen = แม่ไก่……….fish = ปลา……….snake = งู……….bird = นก……….tiger = เสือ……….lion = สิงโต
เมื่อพิมพ์ใส่ใน notepad ก็จะได้รูปร่างอย่างนี้ (คลิก)
2. ขั้นตอนการดาวน์โหลด(ให้คลิก Save ตอนดาวน์โหลด):
ให้ท่านดาวน์โหลดโปรแกรม TextTickerTrialSetup (คลิกที่นี่)
3. ขั้นตอนการติดตั้ง หรือ install
3.1 ไปที่โปรแกรม TextTickerSetup.exe และดับเบิ้ลคลิก
3.2 คลิก Next, I accept…, Next, Next, Yes, Next, Install, finish
4. ขั้นตอนการใช้งาน
4.1 ถึงตอนนี้ ถ้าท่านเหลือบไปดูที่ด้านบนสุดของหน้า อาจจะมีแถบสีเทาปรากฏขึ้น, ถ้าไม่มี ให้คลิก Start, All Programs, Text Ticker, Text Ticker แถบสีเทาก็จะปรากฏขึ้น
4.2 คลิกขวาที่แถบสีเทานี้, คลิกซ้าย Load File, และให้ไปที่ โฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ notepad 10animals.txt ไว้, ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ 10animals.txt, ก็จะเห็นศัพท์ชื่อสัตว์ทั้ง 10 คำวิ่งที่แถบนั้น
4.3 ต่อจากนี้ไป ท่านจะทำไฟล์ notepad ในลักษณะเดียวกันนี้กี่ไฟล์ก็ได้ หรือจะแก้ไขไฟล์เดิมก็ทำได้ หากท่านต้องการให้เกิดการเว้นวรรคระหว่างข้อความหรือระหว่างคำ ต้องพิมพ์อะไรลงไป เช่น - - - - - - - หรือ _ _ _ _ _ _ ถ้าเว้นวรรคเฉย ๆ ใน notepad ถึงตอนมันวิ่ง มันจะไม่เว้นวรรคให้
4.4 ถ้าท่านจะเปลี่ยนชุดของตัววิ่ง ก็ทำเหมือนเดิม คือ คลิกขวาที่แถบสีเทา, คลิก Load File, และให้ไปที่ไฟล์ notepad อันใหม่, ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ใหม่นี้
ผมขอเอาไฟล์ที่ผมทำไว้แล้วมาให้ท่านซ้อมมือ อันดับแรกก็ดาวน์โหลดซะก่อน
-ศัพท์พื้นฐาน Oxford 3000 คำ (คลิกดาวน์โหลด)
-ศัพท์คำพ้อง อังกฤษ – ไทย – อังกฤษ 3000 คำ (คลิกดาวน์โหลด)
-ศัพท์พื้นฐานของสำนักข่าว VOA 1500 คำ (คลิกดาวน์โหลด)
เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ก็ลองซ้อมมือเปลี่ยนชุดคำศัพท์วิ่งให้คล่อง
ผมหวังว่าท่านจะได้เครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งในการจำคำศัพท์ และจริง ๆ แล้ว ท่านจะใช้จำอย่างอื่นก็ได้ เช่น จำบทกลอนเพราะ ๆ ที่ท่านต้องการจะจำ หรือท่านจะจับเอาอะไรมาวิ่งก็ได้ทั้งนั้นครับ
ขอให้ท่านจำศัพท์ได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกมาก ๆ ตามที่ท่านต้องการครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านที่เป็นแฟนประจำบล็อกนี้คงจะสังเกตได้ว่า ผมให้ความสำคัญกับเรื่องคำศัพท์อย่างมาก ถ้าจำศัพท์ได้ – ใช้ศัพท์เป็น เรื่องอื่น ๆ ในการศึกษาภาษาอังกฤษก็ดูจะง่ายขึ้นเยอะ ผมจึงได้รวบรวม 20 วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ โดยหวังว่าอาจจะมีอยู่หลายวิธีที่ท่านผู้อ่านเอาไปใช้แล้วได้ผล
และก็มีวิธีจำศัพท์อยู่วิธีหนึ่งที่ผมเสนอแทรกไว้ คือการทำให้ศัพท์มันวิ่งที่หน้าจอ เวลาที่เราพักงานก็มองไปที่หน้าจอ ดูศัพท์มันวิ่งไปเรื่อย ๆ จำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ถ้าดูบ่อย ๆ ก็จะจำได้มากขึ้นเอง ด้วยวิธีนี้ผมได้ทำศัพท์วิ่งหน้าจอให้ท่านใช้ไว้แล้ว 3 ชุดข้างล่างนี้
1. ของ Oxford: [62] ดูศัพท์วิ่ง 3000 คำ – ช่วยให้จำ ได้เร็ว ๆ
2. ของ ดร. อาภรณ์ พฤกษะศรี:[187] ดูตัววิ่ง ‘ศัพท์คำพ้อง’ 3,000 คำ บนหน้าจอ
3. ของสำนักข่าว VOA: [41] จำศัพท์วิ่ง 1,500 คำ จากหน้าคอมฯ
แต่ข้อจำกัดของศัพท์วิ่งที่ว่านี้มีอย่างน้อย 2 ประการ คือ
1. เราไม่สามารถดูศัพท์วิ่งไปพร้อม ๆ กับใช้หน้าจอทำงาน เพราะศัพท์มันวิ่งบนหน้าจอ
2. เราไม่สามารถกำหนดเนื้อหาเองได้ เช่น ถ้าท่านมีศัพท์สัก 20 คำที่ต้องการจำให้ได้ ท่านจะทำยังไง?
เมื่อได้รับคำแนะนำจากคุณ BUBE เกี่ยวกับโปรแกรมที่จะใช้ และคำอธิบายวิธีการใช้โปรแกรมจาก ‘อาจารย์ต้น’ เมื่อเอามารวมกันแล้วจึงเป็นเนื้อหาที่ผมจะเขียนในวันนี้ คือ การทำ “แถบศัพท์วิ่ง” ขึ้นใช้เอง แบนเนอร์ที่ว่านี้
1. จะเป็นแถบพาดไว้บนสุดของหน้าจอ ท่านสามารถเหลือบดูคำศัพท์ – คำแปล ไปพร้อมกับทำงานอื่น ๆ บนหน้าจอ และจะต่อเน็ตหรือไม่ต่อเน็ตก็ได้ทั้งนั้น
2. ท่านสามารถทำเนื้อหาที่ต้องการให้มันวิ่งได้เอง จะมาก น้อย จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงเนื้อหาอย่างไรท่านทำได้เองทั้งนั้น
ท่านลองไปที่เว็บหนังสือพิมพ์ The Nation คลิก และที่ใต้แถบสีน้ำเงินของหน้า ท่านเห็นข่าววิ่งไหมครับ ผมกำลังจะแนะนำให้ท่านทำ “แถบศัพท์วิ่ง” ทำนองนี้ แต่ดีกว่าตรงที่ว่า
1. มันจะเป็นแถบที่ไปอยู่บนสุดของหน้า จึงไม่เกะกะอะไรเลย
2. ท่านสามารถสร้างเนื้อหาที่จะให้มันวิ่งได้ตามใจท่าน
คำแนะนำข้างล่างนี้ ผมขอแนะนำให้ท่าน print ออกมา และค่อย ๆ ทำตามไปทีละข้อ แม้อาจจะดูยาวไปสักหน่อยแต่ก็ไม่ยากครับ เริ่มเลยนะครับ
1. ขั้นตอนการทำไฟล์ข้อความที่จะวิ่ง:
ให้ท่านใช้ notepad ทำรายการคำศัพท์ที่ท่านต้องการจะให้เป็นศัพท์วิ่ง สมมุติว่ามี 10 คำดังนี้ (ขอย้ำว่า ให้ใช้ notepad เท่านั้น, ใช้ WORD ไม่ได้นะครับ)
dog = สุนัข ……… cat = แมว……… horse = ม้า……….duck = เป็ด………. hen = แม่ไก่……….fish = ปลา……….snake = งู……….bird = นก……….tiger = เสือ……….lion = สิงโต
เมื่อพิมพ์ใส่ใน notepad ก็จะได้รูปร่างอย่างนี้ (คลิก)
2. ขั้นตอนการดาวน์โหลด(ให้คลิก Save ตอนดาวน์โหลด):
ให้ท่านดาวน์โหลดโปรแกรม TextTickerTrialSetup (คลิกที่นี่)
3. ขั้นตอนการติดตั้ง หรือ install
3.1 ไปที่โปรแกรม TextTickerSetup.exe และดับเบิ้ลคลิก
3.2 คลิก Next, I accept…, Next, Next, Yes, Next, Install, finish
4. ขั้นตอนการใช้งาน
4.1 ถึงตอนนี้ ถ้าท่านเหลือบไปดูที่ด้านบนสุดของหน้า อาจจะมีแถบสีเทาปรากฏขึ้น, ถ้าไม่มี ให้คลิก Start, All Programs, Text Ticker, Text Ticker แถบสีเทาก็จะปรากฏขึ้น
4.2 คลิกขวาที่แถบสีเทานี้, คลิกซ้าย Load File, และให้ไปที่ โฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ notepad 10animals.txt ไว้, ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ 10animals.txt, ก็จะเห็นศัพท์ชื่อสัตว์ทั้ง 10 คำวิ่งที่แถบนั้น
4.3 ต่อจากนี้ไป ท่านจะทำไฟล์ notepad ในลักษณะเดียวกันนี้กี่ไฟล์ก็ได้ หรือจะแก้ไขไฟล์เดิมก็ทำได้ หากท่านต้องการให้เกิดการเว้นวรรคระหว่างข้อความหรือระหว่างคำ ต้องพิมพ์อะไรลงไป เช่น - - - - - - - หรือ _ _ _ _ _ _ ถ้าเว้นวรรคเฉย ๆ ใน notepad ถึงตอนมันวิ่ง มันจะไม่เว้นวรรคให้
4.4 ถ้าท่านจะเปลี่ยนชุดของตัววิ่ง ก็ทำเหมือนเดิม คือ คลิกขวาที่แถบสีเทา, คลิก Load File, และให้ไปที่ไฟล์ notepad อันใหม่, ดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ใหม่นี้
ผมขอเอาไฟล์ที่ผมทำไว้แล้วมาให้ท่านซ้อมมือ อันดับแรกก็ดาวน์โหลดซะก่อน
-ศัพท์พื้นฐาน Oxford 3000 คำ (คลิกดาวน์โหลด)
-ศัพท์คำพ้อง อังกฤษ – ไทย – อังกฤษ 3000 คำ (คลิกดาวน์โหลด)
-ศัพท์พื้นฐานของสำนักข่าว VOA 1500 คำ (คลิกดาวน์โหลด)
เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ก็ลองซ้อมมือเปลี่ยนชุดคำศัพท์วิ่งให้คล่อง
ผมหวังว่าท่านจะได้เครื่องมืออีกชิ้นหนึ่งในการจำคำศัพท์ และจริง ๆ แล้ว ท่านจะใช้จำอย่างอื่นก็ได้ เช่น จำบทกลอนเพราะ ๆ ที่ท่านต้องการจะจำ หรือท่านจะจับเอาอะไรมาวิ่งก็ได้ทั้งนั้นครับ
ขอให้ท่านจำศัพท์ได้มากขึ้นกว่าเดิมอีกมาก ๆ ตามที่ท่านต้องการครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[915] "Jukuu" ดิกใช้เรียนภาษาอังกฤษจากปักกิ่ง
สวัสดีครับ
ผมเขียนบทความทำหน้าที่เป็น “บ๋อยเสิร์ฟเว็บ” อยู่ที่บล็อกนี้มาได้ 2 ปีเต็มแล้ว มีบุคคลที่ผมต้องขอบคุณอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือ webmaster ทั้งหลายทั้งชาวไทยและต่างประเทศซึ่งจัดทำเว็บคุณภาพดีให้ผมเอามาแนะนำท่านผู้อ่าน และกลุ่มที่ 2 ก็คือท่านผู้อ่าน เพราะถ้าไม่มีท่านผู้อ่านผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาเว็บที่หาได้ไปเสิร์ฟใคร
มีบางครั้งบางคราวที่ผมได้เว็บคุณภาพเกรด A มาโดยไม่คาดฝัน และวันนี้ผมก็จะแนะนำเว็บที่ว่านี้อีก 1 เว็บ คือ http://www.jukuu.com/ ซึ่งดูเหมือนเป็นเว็บภาษาจีน เว็บนี้ Beijing University of Posts and Telecommunications เป็นเจ้าภาพในการจัดทำ และแม้ว่าจะเป็นเว็บดิกชันนารี อังกฤษ – จีน (คงจะรวม ดิกจีน – อังกฤษ ด้วย) แต่เราคนไทยก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ ขอให้ท่านใจเย็น ๆ อ่านตามผมไปทีละข้อแล้วกันครับ ผมเองก็อ่านภาษาจีนไม่ออก ให้ Google ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ก็ไม่แน่ใจว่าแปลถูกหรือเปล่า เริ่มเลยนะครับ
1. เป็น Talking Dictionary: เมื่อท่านพิมพ์ศัพท์ภาษาอังกฤษลงไป และ enter ท่านจะเห็นไอคอนรูปลำโพงที่มุมขวาด้านบนของหน้า คลิกที่ลำโพงจะมีเสียงอ่านคำที่ท่านพิมพ์
2. เป็นเว็บที่มีตัวอย่างประโยคจำนวนมากที่สุดให้เราศึกษา: ที่กลางหน้าลงมาเรื่อย ๆ ท่านจะเห็นตัวอย่างการใช้คำในประโยคหรือวลี และเมื่อเลื่อนลงมาถึงบรรทัดล่าง ท่านอาจจะเห็นบรรทัดนี้
1 [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10]
ให้ท่านคลิกดูตัวอย่างประโยคไปได้อีกเรื่อย ๆ ผมดูข้อความในประโยคตัวอย่างแล้ว ถือว่าใช้ได้เลยครับ ไม่ยากเกินไป ไม่ยาวเกินไป
3. บางประโยคมีเสียงอ่านให้ฟังทั้งประโยค: ก็คือประโยคที่มีไอคอนรูปลำโพงท้ายประโยคนั้นแหละครับ ท่านจะได้ฝึก listening skill (ลองฝึกฟังโดยไม่มองประโยคดูบ้างก็ดีครับ), ถ้าฟังแล้วพูดตามก็ได้ฝึก speaking skill, ถ้าฟังแล้วเขียนลงสมุดแล้วตรวจดูกับประโยคที่หน้าจอ ก็จะได้ฝึก writing skill แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ท่านก็น่าจะอ่านและแปล/ตีความประโยคนั้นให้เข้าใจอย่างชัดเจนซะก่อน ก็จะได้ฝึก reading skill สรุปก็คือได้ฝึกทุกทักษะเลยครับ
4. ช่วยนักศึกษาทำการบ้านที่ครูให้เอาคำศัพท์ไปแต่งประโยค: ที่พิเศษก็คือ เมื่อท่านพิมพ์ศัพท์ 2 คำ หรือ 3 คำ ลงไป เว็บนี้จะไปหาใน database ของเขาที่มีคำศัพท์เหล่านี้อยู่ในประโยคเดียวกัน ท่านลองดูเอาเองก็ได้ครับ ลองพิมพ์คำ
ชุดที่ 1: dog street
ชุดที่ 2: love play
การบ้านพวกนี้ บางทีก็ทำให้ผู้ปกครองปวดหัว เพราะครูสั่งให้ลูกทำ ลูกทำไม่ได้ก็เอามาให้พ่อแม่ช่วยทำ ถ้าท่านเป็นพ่อแม่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เว็บนี้อาจจะช่วยท่านได้ แต่ยังไงก็สอนให้ลูกคิดด้วยตัวเองมาก่อนดีกว่า เราทำให้ทันทีเลยเดี๋ยวเด็กจะไม่ค่อยคิด
5. เว็บนี้เป็นดิกชันนารีที่ช่วยเรื่อง collocation ด้วย: collocation คืออะไร?– ผมได้คำอธิบายจากที่นี่ http://www.dicthai.com/collocation.php ซึ่งบอกว่า “Collocation เป็นการเชื่อมคำ การจัดวางคำ หรือกลุ่มคำ (รวมทั้ง idioms) ที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันในประโยคต่างๆ ที่เจ้าของภาษานิยมใช้ และเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งคำที่ใช้ร่วมกันนั้น จะใช้คำอื่นแทนหรือสลับตำแหน่งกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าคำที่จะใช้แทนจะมีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันก็ตาม” ถ้าอ่านแล้วยังงงๆ เชิญ คลิกที่นี่ http://www.dicthai.com/collocation.php เพื่ออ่านคำอธิบายเพิ่มเติมครับ
ท่านลองใช้ดูก็ได้ครับ ไปที่เว็บนี้ http://www.jukuu.com/ และพิมพ์คำว่า beautiful ลงไป และให้ดูที่คอลัมน์ที่ชิดด้านขวาของหน้า ตั้งแต่บนลงล่างท่านจะเห็นสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
i. คำศัพท์พิมพ์สีแดง, ตามด้วยโฟเนติกส์แสดงคำอ่าน, และตามด้วยไอคอนรูปลำโพงให้ท่านคลิกฟังเสียงอ่าน
ii. ความหมายของคำศัพท์ เป็นภาษาจีนผมอ่านไม่ออก ถ้าท่านก็อ่านไม่ออกเช่นเดียวกัน ก็ไม่ต้องสนใจครับ
iii. ที่ตามลงมาอีก 3 – 4 กลุ่มนี่แหละครับที่น่าสนใจ
-กลุ่มแรกมีคำว่า beautifully, beautifulness นี่แสดงว่าเขาเอาคำว่า beautiful ไปผันโดยเติม –ly และ –ness
- ต่อมาก็มีอีกกลุ่ม มีคำว่า very most more so how as really extraordinarily less always ท่านจะสังเกตเห็นได้ว่า คำเหล่านี้เป็นคำ adverb ที่มักใช้ควบคู่กับ beautiful
- กลุ่มคำถัดลงไป คือ woman girl flower scenery day place city thing garden country ก็คล้าย ๆ กับข้างบนนั่นแหละครับ ต่างกันพียงว่า คำเหล่านี้เป็นคำ noun ที่มักใช้ควบคู่กับ beautiful
- กลุ่มสุดท้ายมีคำว่า make bring look summer นี่เป็น verb ที่มักใช้ควบคู่กับ beautiful
คำ collocation ที่ใช้กับ beautiful ทั้งหมดข้างต้นนี้ ถ้าท่านสงสัยว่ามันใช้คู่กันยังไง ก็ลองคลิกคำนั้นดู ก็จะเห็นตัวอย่างที่มันใช้คู่กัน
6. เขาอนุญาตให้เราดาวน์โหลดไฟล์ของดิกชันนารีนี้: คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด หรือ คลิกที่นี่ก็ได้ครับ
เป็นไฟล์ Setup ดิกชันนารีที่ชื่อว่า Jukuu.v1.1.exe มีขนาดใหญ่ถึง 83.5 MB ตอนดาวน์โหลดคงตองใช้เวลานานหน่อย หรือวานให้เพื่อนที่ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยดาวน์โหลดให้ พอดาวน์โหลดเสร็จและถึงขั้นตอนการติดตั้งนี่แหละครับที่ผมงงอยู่บ้าง เพราะมันเป็นภาษาจีนอ่านไม่ออกเลย แต่ผมก็คลิกตกลงไปเรื่อย ๆ ตอนหลัง ๆ ของการติดตั้งเจอปัญหาอะไรก็ไม่รู้เพราะผมอ่านไม่ออก ผมเลยคลิก ignore ไปทุกครั้ง สุดท้ายก็ติดตั้งสำเร็จ และต้องถือว่าคุ้มค่ากับความพยายามครับ เพราะได้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ถึง 83 MB ที่เราสามารถศึกษาประโยคตัวอย่างได้อย่างมากมาย โดยไม่ต้องต่อเน็ต
ผมคิดว่า ท่านลองเสียเวลาสักพักศึกษาเว็บนี้ และศึกษาโปรแกรมที่ดาวน์โหลดและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว อาจจะมีประโยชน์อื่น ๆ อีกที่ผมมองไม่เห็น
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
ผมเขียนบทความทำหน้าที่เป็น “บ๋อยเสิร์ฟเว็บ” อยู่ที่บล็อกนี้มาได้ 2 ปีเต็มแล้ว มีบุคคลที่ผมต้องขอบคุณอยู่ 2 กลุ่ม กลุ่มที่ 1 คือ webmaster ทั้งหลายทั้งชาวไทยและต่างประเทศซึ่งจัดทำเว็บคุณภาพดีให้ผมเอามาแนะนำท่านผู้อ่าน และกลุ่มที่ 2 ก็คือท่านผู้อ่าน เพราะถ้าไม่มีท่านผู้อ่านผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาเว็บที่หาได้ไปเสิร์ฟใคร
มีบางครั้งบางคราวที่ผมได้เว็บคุณภาพเกรด A มาโดยไม่คาดฝัน และวันนี้ผมก็จะแนะนำเว็บที่ว่านี้อีก 1 เว็บ คือ http://www.jukuu.com/ ซึ่งดูเหมือนเป็นเว็บภาษาจีน เว็บนี้ Beijing University of Posts and Telecommunications เป็นเจ้าภาพในการจัดทำ และแม้ว่าจะเป็นเว็บดิกชันนารี อังกฤษ – จีน (คงจะรวม ดิกจีน – อังกฤษ ด้วย) แต่เราคนไทยก็สามารถใช้ประโยชน์ได้ ขอให้ท่านใจเย็น ๆ อ่านตามผมไปทีละข้อแล้วกันครับ ผมเองก็อ่านภาษาจีนไม่ออก ให้ Google ช่วยแปลเป็นภาษาอังกฤษให้ก็ไม่แน่ใจว่าแปลถูกหรือเปล่า เริ่มเลยนะครับ
1. เป็น Talking Dictionary: เมื่อท่านพิมพ์ศัพท์ภาษาอังกฤษลงไป และ enter ท่านจะเห็นไอคอนรูปลำโพงที่มุมขวาด้านบนของหน้า คลิกที่ลำโพงจะมีเสียงอ่านคำที่ท่านพิมพ์
2. เป็นเว็บที่มีตัวอย่างประโยคจำนวนมากที่สุดให้เราศึกษา: ที่กลางหน้าลงมาเรื่อย ๆ ท่านจะเห็นตัวอย่างการใช้คำในประโยคหรือวลี และเมื่อเลื่อนลงมาถึงบรรทัดล่าง ท่านอาจจะเห็นบรรทัดนี้
1 [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10]
ให้ท่านคลิกดูตัวอย่างประโยคไปได้อีกเรื่อย ๆ ผมดูข้อความในประโยคตัวอย่างแล้ว ถือว่าใช้ได้เลยครับ ไม่ยากเกินไป ไม่ยาวเกินไป
3. บางประโยคมีเสียงอ่านให้ฟังทั้งประโยค: ก็คือประโยคที่มีไอคอนรูปลำโพงท้ายประโยคนั้นแหละครับ ท่านจะได้ฝึก listening skill (ลองฝึกฟังโดยไม่มองประโยคดูบ้างก็ดีครับ), ถ้าฟังแล้วพูดตามก็ได้ฝึก speaking skill, ถ้าฟังแล้วเขียนลงสมุดแล้วตรวจดูกับประโยคที่หน้าจอ ก็จะได้ฝึก writing skill แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ถ้าฟังแล้วไม่รู้เรื่อง ท่านก็น่าจะอ่านและแปล/ตีความประโยคนั้นให้เข้าใจอย่างชัดเจนซะก่อน ก็จะได้ฝึก reading skill สรุปก็คือได้ฝึกทุกทักษะเลยครับ
4. ช่วยนักศึกษาทำการบ้านที่ครูให้เอาคำศัพท์ไปแต่งประโยค: ที่พิเศษก็คือ เมื่อท่านพิมพ์ศัพท์ 2 คำ หรือ 3 คำ ลงไป เว็บนี้จะไปหาใน database ของเขาที่มีคำศัพท์เหล่านี้อยู่ในประโยคเดียวกัน ท่านลองดูเอาเองก็ได้ครับ ลองพิมพ์คำ
ชุดที่ 1: dog street
ชุดที่ 2: love play
การบ้านพวกนี้ บางทีก็ทำให้ผู้ปกครองปวดหัว เพราะครูสั่งให้ลูกทำ ลูกทำไม่ได้ก็เอามาให้พ่อแม่ช่วยทำ ถ้าท่านเป็นพ่อแม่ที่ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เว็บนี้อาจจะช่วยท่านได้ แต่ยังไงก็สอนให้ลูกคิดด้วยตัวเองมาก่อนดีกว่า เราทำให้ทันทีเลยเดี๋ยวเด็กจะไม่ค่อยคิด
5. เว็บนี้เป็นดิกชันนารีที่ช่วยเรื่อง collocation ด้วย: collocation คืออะไร?– ผมได้คำอธิบายจากที่นี่ http://www.dicthai.com/collocation.php ซึ่งบอกว่า “Collocation เป็นการเชื่อมคำ การจัดวางคำ หรือกลุ่มคำ (รวมทั้ง idioms) ที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกันในประโยคต่างๆ ที่เจ้าของภาษานิยมใช้ และเห็นว่าถูกต้องตามมาตรฐาน ซึ่งคำที่ใช้ร่วมกันนั้น จะใช้คำอื่นแทนหรือสลับตำแหน่งกันไม่ได้ ถึงแม้ว่าคำที่จะใช้แทนจะมีความหมายเหมือนกันหรือใกล้เคียงกันก็ตาม” ถ้าอ่านแล้วยังงงๆ เชิญ คลิกที่นี่ http://www.dicthai.com/collocation.php เพื่ออ่านคำอธิบายเพิ่มเติมครับ
ท่านลองใช้ดูก็ได้ครับ ไปที่เว็บนี้ http://www.jukuu.com/ และพิมพ์คำว่า beautiful ลงไป และให้ดูที่คอลัมน์ที่ชิดด้านขวาของหน้า ตั้งแต่บนลงล่างท่านจะเห็นสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
i. คำศัพท์พิมพ์สีแดง, ตามด้วยโฟเนติกส์แสดงคำอ่าน, และตามด้วยไอคอนรูปลำโพงให้ท่านคลิกฟังเสียงอ่าน
ii. ความหมายของคำศัพท์ เป็นภาษาจีนผมอ่านไม่ออก ถ้าท่านก็อ่านไม่ออกเช่นเดียวกัน ก็ไม่ต้องสนใจครับ
iii. ที่ตามลงมาอีก 3 – 4 กลุ่มนี่แหละครับที่น่าสนใจ
-กลุ่มแรกมีคำว่า beautifully, beautifulness นี่แสดงว่าเขาเอาคำว่า beautiful ไปผันโดยเติม –ly และ –ness
- ต่อมาก็มีอีกกลุ่ม มีคำว่า very most more so how as really extraordinarily less always ท่านจะสังเกตเห็นได้ว่า คำเหล่านี้เป็นคำ adverb ที่มักใช้ควบคู่กับ beautiful
- กลุ่มคำถัดลงไป คือ woman girl flower scenery day place city thing garden country ก็คล้าย ๆ กับข้างบนนั่นแหละครับ ต่างกันพียงว่า คำเหล่านี้เป็นคำ noun ที่มักใช้ควบคู่กับ beautiful
- กลุ่มสุดท้ายมีคำว่า make bring look summer นี่เป็น verb ที่มักใช้ควบคู่กับ beautiful
คำ collocation ที่ใช้กับ beautiful ทั้งหมดข้างต้นนี้ ถ้าท่านสงสัยว่ามันใช้คู่กันยังไง ก็ลองคลิกคำนั้นดู ก็จะเห็นตัวอย่างที่มันใช้คู่กัน
6. เขาอนุญาตให้เราดาวน์โหลดไฟล์ของดิกชันนารีนี้: คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลด หรือ คลิกที่นี่ก็ได้ครับ
เป็นไฟล์ Setup ดิกชันนารีที่ชื่อว่า Jukuu.v1.1.exe มีขนาดใหญ่ถึง 83.5 MB ตอนดาวน์โหลดคงตองใช้เวลานานหน่อย หรือวานให้เพื่อนที่ใช้อินเตอร์เน็ตความเร็วสูงช่วยดาวน์โหลดให้ พอดาวน์โหลดเสร็จและถึงขั้นตอนการติดตั้งนี่แหละครับที่ผมงงอยู่บ้าง เพราะมันเป็นภาษาจีนอ่านไม่ออกเลย แต่ผมก็คลิกตกลงไปเรื่อย ๆ ตอนหลัง ๆ ของการติดตั้งเจอปัญหาอะไรก็ไม่รู้เพราะผมอ่านไม่ออก ผมเลยคลิก ignore ไปทุกครั้ง สุดท้ายก็ติดตั้งสำเร็จ และต้องถือว่าคุ้มค่ากับความพยายามครับ เพราะได้ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ถึง 83 MB ที่เราสามารถศึกษาประโยคตัวอย่างได้อย่างมากมาย โดยไม่ต้องต่อเน็ต
ผมคิดว่า ท่านลองเสียเวลาสักพักศึกษาเว็บนี้ และศึกษาโปรแกรมที่ดาวน์โหลดและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว อาจจะมีประโยชน์อื่น ๆ อีกที่ผมมองไม่เห็น
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[914]อ่านบทความภาษาอังกฤษที่ท่านสนใจได้ Free ที่นี่ !
สวัสดีครับ
พูดถึงเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยก็ตาม แต่ละคนก็มีแหล่งหรือประเภทของเนื้อหาที่ชอบอ่านต่างกันไป บางคนชอบอ่านหนังสือพิมพ์ บางคนชอบอ่านสารคดี บางคนชอบอ่านนิยาย บางคนชอบอ่านเรื่องตลก ฯลฯ
“บทความ” หรือ article เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในการใช้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ผมขอให้เหตุผลดังนี้ครับ
1. บทความมีมากมายหลากหลายประเภทให้ท่านเลือก ท่านก็เลือกประเภทหรือเนื้อหาที่ท่านขอบอ่านแล้วกันครับ เพราะถ้าไปฝึกอ่านเรื่องที่ไม่ชอบ ก็จะต้องฝืนใจตัวเองมากเกินไป มันจะฝืนได้ไม่นาน
2. โดยปกติบทความจะสั้นกว่าหนังสือ จึงใช้เวลาน้อยกว่าในการอ่านให้จบ ทำให้มีกำลังใจที่จะฝึกอ่าน
ถ้าท่านต้องการจะอ่านบทความภาษาอังกฤษสักเรื่องหนึ่ง และให้ http://www.google.com/ ช่วยหาบทความนั้นตามวิธีปกติที่เราทำกันอยู่ อาจจะไม่ได้บทความที่ดีนักหรือได้น้อยเกินไป เพราะอาจจะได้บทความที่แทรกมากับเว็บโฆษณาขายสินค้าซะมากกว่า ทำให้เราต้องเสียเวลาหาและกลั่นกรองนานเกินไป ถ้าจะให้ดีเราควรจะไปยังเว็บที่เขารวบรวมบทความไว้โดยเฉพาะ และที่เว็บดังกล่าวนี้ก็มักจะแยกประเภทของบทความ อีกทั้งมีช่อง Search ให้เราค้นหาบทความที่เราต้องการจากเว็บนั้น ๆ อีกด้วย ทำอย่างนี้จึงจะได้บทความที่ตรงใจและทันใจกว่ากันเยอะเลย
คุณ Admin ของเว็บ siam55.com ได้รวบรวมแหล่งให้บริการด้านบทความภาษาอังกฤษ ไว้ข้างล่าง
http://en.wikipedia.org/wiki/Wikipedia:Unusual_articles
http://www.articlecity.com/
http://findarticles.com/
http://www.free-articles-zone.com/
http://ezinearticles.com/
http://www.goarticles.com/
http://www.articlesbase.com/
http://www.articleworld.net/
http://www.amazines.com/
http://www.isnare.com/
http://www.freerepublic.com/
และผมเองได้หาเพิ่มเติมที่ข้างล่างนี้
http://www.thefreelibrary.com/
http://www.rd.com/
http://www.answers.com/
http://www.articlecircle.com/
http://article.xml-rss.com/
http://www.easyarticles.com/
http://www.articlegeek.com/
http://www.articleclick.com/
http://tinyurl.com/9xr6d9
ท่านใดที่ยังไม่คุ้นเคยกับการฟิตภาษาด้วยการอ่านบทความภาษาอังกฤษ จะลองเริ่มดูสักหน่อยก็ดีนะครับ
ผมมีตัวช่วยให้ท่าน 4 ตัว คือ
1. รวมดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย และ อังกฤษ - อังกฤษ คุณภาพเยี่ยมให้ท่านเลือกใช้ขณะต่อเน็ต
คลิก: รวม Search Box สุดยอด Dict.
2. ใช้บริการของเว็บ Longdo เขาจะแปลศัพท์ให้เราทุกคำ – ทั้งหน้า เพียงแค่เอาเมาส์ไปวางบนศัพท์
คลิก: [20] บอกศัพท์ ทุกเว็บ ทุกคำ แค่วางเมาส์
3. ให้ท่านดาวน์โหลดโปรแกรมดิกคุณภาพดีที่สามารถใช้ได้ทั้งขณะต่อเน็ต และไม่ได้ต่อเน็ต จะใช้แปลศัพท์จากหน้าเว็บ, เอกสาร WORD, Excel, PowerPoint, ไฟล์ pdf ได้ทั้งนั้น เมื่อพบศัพท์ตัวใดที่ไม่รู้ความหมายก็เพียงเอาเมาส์ป้ายศัพท์ตัวนั้น คำแปลภาษาไทยก็จะปรากฏทันที
คลิก: [902]รวมดิกฟรี ที่ดีที่สุดในโลก รอให้ท่านดาวน์โหลด...
4. มีหลายคนถามว่า โปรแกรมที่แปลทั้งประโยคหรือทั้งหน้าจากภาษาอังกฤษเป็นไทย หรือจากไทยเป็นอังกฤษ มีหรือไม่? ขอตอบว่า มีครับ แต่คุณภาพการแปลไม่น่าพอใจเอาเลย เหมือนอยู่กรุงเทพและถามทางจะไปเชียงใหม่กลับบอกทางไปอุดร หรือบางครั้งบอกเราให้ลงใต้ไปสงขลาโน่นเลย แต่จะไม่เอามาให้ท่านดูเดี๋ยวจะหาว่าผมพูดเองเออเอง ถ้าท่านอยากรู้ก็เข้าไปดูเอาเองแล้วกันครับ ผมเอาโปรแกรมแปลทั้งประโยคมาเป็นตัวช่วยตัวที่ 4 แต่มันอาจจะเป็นตัวช่วยดึงให้ไปช้าลง แทนที่จะช่วยดันให้ไปเร็ว ๆ ขึ้น
ถ้าคิดว่าผมขู่ก็เข้าไปดูเอาเองได้เลยครับ
คลิกที่นี่:โหลดโปรแกรมแปลอังกฤษ/ไทย ทั้งหน้า
สวัสดีปีใหม่ 2552 ครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
พูดถึงเรื่องการอ่านภาษาอังกฤษหรือภาษาไทยก็ตาม แต่ละคนก็มีแหล่งหรือประเภทของเนื้อหาที่ชอบอ่านต่างกันไป บางคนชอบอ่านหนังสือพิมพ์ บางคนชอบอ่านสารคดี บางคนชอบอ่านนิยาย บางคนชอบอ่านเรื่องตลก ฯลฯ
“บทความ” หรือ article เป็นสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในการใช้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ ผมขอให้เหตุผลดังนี้ครับ
1. บทความมีมากมายหลากหลายประเภทให้ท่านเลือก ท่านก็เลือกประเภทหรือเนื้อหาที่ท่านขอบอ่านแล้วกันครับ เพราะถ้าไปฝึกอ่านเรื่องที่ไม่ชอบ ก็จะต้องฝืนใจตัวเองมากเกินไป มันจะฝืนได้ไม่นาน
2. โดยปกติบทความจะสั้นกว่าหนังสือ จึงใช้เวลาน้อยกว่าในการอ่านให้จบ ทำให้มีกำลังใจที่จะฝึกอ่าน
ถ้าท่านต้องการจะอ่านบทความภาษาอังกฤษสักเรื่องหนึ่ง และให้ http://www.google.com/ ช่วยหาบทความนั้นตามวิธีปกติที่เราทำกันอยู่ อาจจะไม่ได้บทความที่ดีนักหรือได้น้อยเกินไป เพราะอาจจะได้บทความที่แทรกมากับเว็บโฆษณาขายสินค้าซะมากกว่า ทำให้เราต้องเสียเวลาหาและกลั่นกรองนานเกินไป ถ้าจะให้ดีเราควรจะไปยังเว็บที่เขารวบรวมบทความไว้โดยเฉพาะ และที่เว็บดังกล่าวนี้ก็มักจะแยกประเภทของบทความ อีกทั้งมีช่อง Search ให้เราค้นหาบทความที่เราต้องการจากเว็บนั้น ๆ อีกด้วย ทำอย่างนี้จึงจะได้บทความที่ตรงใจและทันใจกว่ากันเยอะเลย
คุณ Admin ของเว็บ siam55.com ได้รวบรวมแหล่งให้บริการด้านบทความภาษาอังกฤษ ไว้ข้างล่าง
http://en.wikipedia.org/wiki/Wikipedia:Unusual_articles
http://www.articlecity.com/
http://findarticles.com/
http://www.free-articles-zone.com/
http://ezinearticles.com/
http://www.goarticles.com/
http://www.articlesbase.com/
http://www.articleworld.net/
http://www.amazines.com/
http://www.isnare.com/
http://www.freerepublic.com/
และผมเองได้หาเพิ่มเติมที่ข้างล่างนี้
http://www.thefreelibrary.com/
http://www.rd.com/
http://www.answers.com/
http://www.articlecircle.com/
http://article.xml-rss.com/
http://www.easyarticles.com/
http://www.articlegeek.com/
http://www.articleclick.com/
http://tinyurl.com/9xr6d9
ท่านใดที่ยังไม่คุ้นเคยกับการฟิตภาษาด้วยการอ่านบทความภาษาอังกฤษ จะลองเริ่มดูสักหน่อยก็ดีนะครับ
ผมมีตัวช่วยให้ท่าน 4 ตัว คือ
1. รวมดิกชันนารี อังกฤษ – ไทย และ อังกฤษ - อังกฤษ คุณภาพเยี่ยมให้ท่านเลือกใช้ขณะต่อเน็ต
คลิก: รวม Search Box สุดยอด Dict.
2. ใช้บริการของเว็บ Longdo เขาจะแปลศัพท์ให้เราทุกคำ – ทั้งหน้า เพียงแค่เอาเมาส์ไปวางบนศัพท์
คลิก: [20] บอกศัพท์ ทุกเว็บ ทุกคำ แค่วางเมาส์
3. ให้ท่านดาวน์โหลดโปรแกรมดิกคุณภาพดีที่สามารถใช้ได้ทั้งขณะต่อเน็ต และไม่ได้ต่อเน็ต จะใช้แปลศัพท์จากหน้าเว็บ, เอกสาร WORD, Excel, PowerPoint, ไฟล์ pdf ได้ทั้งนั้น เมื่อพบศัพท์ตัวใดที่ไม่รู้ความหมายก็เพียงเอาเมาส์ป้ายศัพท์ตัวนั้น คำแปลภาษาไทยก็จะปรากฏทันที
คลิก: [902]รวมดิกฟรี ที่ดีที่สุดในโลก รอให้ท่านดาวน์โหลด...
4. มีหลายคนถามว่า โปรแกรมที่แปลทั้งประโยคหรือทั้งหน้าจากภาษาอังกฤษเป็นไทย หรือจากไทยเป็นอังกฤษ มีหรือไม่? ขอตอบว่า มีครับ แต่คุณภาพการแปลไม่น่าพอใจเอาเลย เหมือนอยู่กรุงเทพและถามทางจะไปเชียงใหม่กลับบอกทางไปอุดร หรือบางครั้งบอกเราให้ลงใต้ไปสงขลาโน่นเลย แต่จะไม่เอามาให้ท่านดูเดี๋ยวจะหาว่าผมพูดเองเออเอง ถ้าท่านอยากรู้ก็เข้าไปดูเอาเองแล้วกันครับ ผมเอาโปรแกรมแปลทั้งประโยคมาเป็นตัวช่วยตัวที่ 4 แต่มันอาจจะเป็นตัวช่วยดึงให้ไปช้าลง แทนที่จะช่วยดันให้ไปเร็ว ๆ ขึ้น
ถ้าคิดว่าผมขู่ก็เข้าไปดูเอาเองได้เลยครับ
คลิกที่นี่:โหลดโปรแกรมแปลอังกฤษ/ไทย ทั้งหน้า
สวัสดีปีใหม่ 2552 ครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[913]ดาวน์โหลด หนังสือ, mp3 สอบ TOEFL ได้ที่นี่
วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[912]อ่าน‘ถาม-ตอบ’ ‘ข้อมูล-ข่าวสาร’ เพิ่ม‘ความรวย’
สวัสดีครับ
สมัยผมยังเด็กมักจะมีพ่อค้าเร่เอาหนังสือไปขายที่โรงเรียน หนังสือก็มีหลายประเภท แต่ทุกครั้งจะมีหนังสือประเภท “ความรู้รอบตัว” รวมอยู่ด้วย และตามประสาคนที่อยากจะมีความรู้รอบตัวกับเขาบ้าง ผมก็มักจะซื้อไว้แทบทุกครั้ง แต่หนังสือพวกนี้มีข้อจำกัด คือ ข้อมูลที่อยู่ในหนังสือมักจะเป็นข้อมูลที่นิ่ง เช่น เรื่องเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือข้อมูลประเภท “ที่สุด” ทั้งหลายแหล่ หรือข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลสำคัญของโลก ของไทย ของวิชาการสาขานั้นสาขานี้ เช่น นักวิทยาศาสตร์หรือนักประดิษฐ์ทั้งหลาย เป็นต้น ถ้าให้เดา ผมก็ขอเดาว่าคนที่เรียบเรียงหนังสือพวกนี้คงจะไปเอาข้อมูลมาจากหนังสือประเภทอ้างอิงของฝรั่ง ดึงมาเฉพาะส่วนที่นักเรียนชั้นประถมหรือมัธยมสนใจ
นั่นคือสมัยเมื่อหลายสิบปีที่แล้วซึ่งต่างจากสมัยนี้โดยสิ้นเชิง เพราะอะไร? ก็เพราะว่าในยุคอินเตอร์เน็ตนี้ ศัพท์ตัวเดียวกัน คือ “ความรู้รอบตัว” มันมีความหมายมากกว่าเดิมหลายสิบหลายร้อยเท่า โดยมากขึ้นทั้งข้อมูลที่นิ่งและไม่นิ่ง ซึ่งก็ได้แก่ ‘ข่าว’ ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากเทคโนโลยีด้านสื่อสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และที่สำคัญที่สุดคือ อินเตอร์เน็ต
จึงกลายเป็นว่า มันยากขึ้นที่จะกำหนดขอบเขตของสิ่งที่เรียกว่า “ความรู้รอบตัว” เพราะมันมากมายมหาศาล ถ้าเราเป็นนักอ่านที่ไม่มีการ์ดป้องกันตัว วันหนึ่ง ๆ เราจะถูกกระหน่ำหรือกระแทกด้วย “ข้อมูลข่าวสาร” มากมาย ผมขอกำหนดความหมายง่าย ๆ ว่า “ข้อมูล” คือ เนื้อหาที่ค่อนข้างนิ่ง และ “ข่าวสาร” คือเนื้อหาที่ไม่นิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ เช่น ข่าวต่าง ๆ “ความรู้รอบตัว” หรือ “ข้อมูลข่าวสาร” จึงมากมายรับรู้ไม่หวาดไม่ไหวด้วยประการฉะนี้
สำหรับพวกเราที่สนใจภาษาอังกฤษและหลงเข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้ ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ ตอนที่ผมคุยกับชาวต่างชาติ สิ่งที่เรียกว่า world news ที่เราติดตามอ่านอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวในประเทศของคู่สนทนา เป็นสิ่งที่เราสามารถยกขึ้นมาเป็นหัวข้อการสนทนาได้ดี นี่คือ “ข่าวสาร” หรือสิ่งที่ “ไม่นิ่ง” ส่วนสิ่งที่ “นิ่ง” ก็คือเรื่องราวทางภูมิศาสตร์ - ประวัติศาสตร์ของเขา ซึ่งเป็น “ข้อมูล” ที่เราสามารถหยิบยกมาเป็นหัวข้อการพูดคุยได้เช่นกัน
ความหมายของ “ข้อมูล” และ “ข่าวสาร” ที่ผมตีความเช่นนี้ห้ามนำเอาไปอ้างอิงนะครับ เพราะผมคิดขึ้นมาเองเพื่อให้จำง่าย ๆ
การหาข้อมูลข่าวสารดังกล่าวมาอ่านก็ทำได้หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ไม่น่าเบื่อก็คือการหาเรื่องประเภทคำถาม – คำตอบมาอ่าน เป็นการทดสอบ – ท้าทาย ตัวเองได้เป็นอย่างดี และถ้าอ่านหลาย ๆ เรื่อง ก็เป็นการเปิดห้องแห่งความรู้ที่เราอาจจะไม่เคยเดินเข้าไปชมความงามต่าง ๆ ในห้องนั้น ชีวิตของเราก็จะ rich มากขึ้น ตามความหมายของประโยคนี้
“A rich life is one that is interesting because it is full of different events and activities.”
ก็คือว่าแม้ชีวิตของเราจะไม่ได้ร่ำรวยเพราะผ่านพบเหตุการณ์มามากมายด้วยตัวเอง การได้อ่าน “ข้อมูลข่าวสาร” ของผู้อื่นหรือสิ่งอื่นที่น่าสนใจและเราสนใจ ก็ช่วยให้ชีวิตของเรา rich มากขึ้นได้เช่นกัน
เว็บข้างล่างนี้ มีคำถาม – คำตอบ ที่เป็น “ข้อมูลข่าวสาร” ให้ท่านได้อ่านหาความรู้ ความเพลิดเพลิน และ “ความร่ำรวย” หรือ “richness” ให้แก่ชีวิตตนเอง ลองเข้าไปอ่านได้เลยครับ ถ้าชอบใจหน้าไหนก็ทำ Favorite ไว้เลย
จากเว็บ
Encarta MSN
จากข่าว CNN
จากข่าว BBC (เข้าไปแล้ว คลิกที่ 'BBC NEWS Special Reports Weekly world news quiz ')
จากเว็บ oneworld.net
จาก search engine Google
จาก search engine Yahoo
อีก 1 เว็บที่น่าสนใจ คือ การหาข้อมูลประเภทต่าง ๆ ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
http://www.nationmaster.com/index.php
ส่วนข้างล่างนี้ เป็น Test ภาษาอังกฤษที่ผมให้ Google และ Yahoo ช่วยหาให้ บางเว็บท่านอาจจะชอบ
Test ภาษาอังกฤษ – จาก Google
Test ภาษาอังกฤษ – จาก Yahoo
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
สมัยผมยังเด็กมักจะมีพ่อค้าเร่เอาหนังสือไปขายที่โรงเรียน หนังสือก็มีหลายประเภท แต่ทุกครั้งจะมีหนังสือประเภท “ความรู้รอบตัว” รวมอยู่ด้วย และตามประสาคนที่อยากจะมีความรู้รอบตัวกับเขาบ้าง ผมก็มักจะซื้อไว้แทบทุกครั้ง แต่หนังสือพวกนี้มีข้อจำกัด คือ ข้อมูลที่อยู่ในหนังสือมักจะเป็นข้อมูลที่นิ่ง เช่น เรื่องเกี่ยวกับภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือข้อมูลประเภท “ที่สุด” ทั้งหลายแหล่ หรือข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลสำคัญของโลก ของไทย ของวิชาการสาขานั้นสาขานี้ เช่น นักวิทยาศาสตร์หรือนักประดิษฐ์ทั้งหลาย เป็นต้น ถ้าให้เดา ผมก็ขอเดาว่าคนที่เรียบเรียงหนังสือพวกนี้คงจะไปเอาข้อมูลมาจากหนังสือประเภทอ้างอิงของฝรั่ง ดึงมาเฉพาะส่วนที่นักเรียนชั้นประถมหรือมัธยมสนใจ
นั่นคือสมัยเมื่อหลายสิบปีที่แล้วซึ่งต่างจากสมัยนี้โดยสิ้นเชิง เพราะอะไร? ก็เพราะว่าในยุคอินเตอร์เน็ตนี้ ศัพท์ตัวเดียวกัน คือ “ความรู้รอบตัว” มันมีความหมายมากกว่าเดิมหลายสิบหลายร้อยเท่า โดยมากขึ้นทั้งข้อมูลที่นิ่งและไม่นิ่ง ซึ่งก็ได้แก่ ‘ข่าว’ ต่าง ๆ ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากเทคโนโลยีด้านสื่อสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และที่สำคัญที่สุดคือ อินเตอร์เน็ต
จึงกลายเป็นว่า มันยากขึ้นที่จะกำหนดขอบเขตของสิ่งที่เรียกว่า “ความรู้รอบตัว” เพราะมันมากมายมหาศาล ถ้าเราเป็นนักอ่านที่ไม่มีการ์ดป้องกันตัว วันหนึ่ง ๆ เราจะถูกกระหน่ำหรือกระแทกด้วย “ข้อมูลข่าวสาร” มากมาย ผมขอกำหนดความหมายง่าย ๆ ว่า “ข้อมูล” คือ เนื้อหาที่ค่อนข้างนิ่ง และ “ข่าวสาร” คือเนื้อหาที่ไม่นิ่งเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อย ๆ เช่น ข่าวต่าง ๆ “ความรู้รอบตัว” หรือ “ข้อมูลข่าวสาร” จึงมากมายรับรู้ไม่หวาดไม่ไหวด้วยประการฉะนี้
สำหรับพวกเราที่สนใจภาษาอังกฤษและหลงเข้ามาอ่านจนถึงบรรทัดนี้ ผมมีข้อสังเกตอย่างหนึ่ง คือ ตอนที่ผมคุยกับชาวต่างชาติ สิ่งที่เรียกว่า world news ที่เราติดตามอ่านอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข่าวในประเทศของคู่สนทนา เป็นสิ่งที่เราสามารถยกขึ้นมาเป็นหัวข้อการสนทนาได้ดี นี่คือ “ข่าวสาร” หรือสิ่งที่ “ไม่นิ่ง” ส่วนสิ่งที่ “นิ่ง” ก็คือเรื่องราวทางภูมิศาสตร์ - ประวัติศาสตร์ของเขา ซึ่งเป็น “ข้อมูล” ที่เราสามารถหยิบยกมาเป็นหัวข้อการพูดคุยได้เช่นกัน
ความหมายของ “ข้อมูล” และ “ข่าวสาร” ที่ผมตีความเช่นนี้ห้ามนำเอาไปอ้างอิงนะครับ เพราะผมคิดขึ้นมาเองเพื่อให้จำง่าย ๆ
การหาข้อมูลข่าวสารดังกล่าวมาอ่านก็ทำได้หลายวิธี แต่วิธีหนึ่งที่ไม่น่าเบื่อก็คือการหาเรื่องประเภทคำถาม – คำตอบมาอ่าน เป็นการทดสอบ – ท้าทาย ตัวเองได้เป็นอย่างดี และถ้าอ่านหลาย ๆ เรื่อง ก็เป็นการเปิดห้องแห่งความรู้ที่เราอาจจะไม่เคยเดินเข้าไปชมความงามต่าง ๆ ในห้องนั้น ชีวิตของเราก็จะ rich มากขึ้น ตามความหมายของประโยคนี้
“A rich life is one that is interesting because it is full of different events and activities.”
ก็คือว่าแม้ชีวิตของเราจะไม่ได้ร่ำรวยเพราะผ่านพบเหตุการณ์มามากมายด้วยตัวเอง การได้อ่าน “ข้อมูลข่าวสาร” ของผู้อื่นหรือสิ่งอื่นที่น่าสนใจและเราสนใจ ก็ช่วยให้ชีวิตของเรา rich มากขึ้นได้เช่นกัน
เว็บข้างล่างนี้ มีคำถาม – คำตอบ ที่เป็น “ข้อมูลข่าวสาร” ให้ท่านได้อ่านหาความรู้ ความเพลิดเพลิน และ “ความร่ำรวย” หรือ “richness” ให้แก่ชีวิตตนเอง ลองเข้าไปอ่านได้เลยครับ ถ้าชอบใจหน้าไหนก็ทำ Favorite ไว้เลย
จากเว็บ
Encarta MSN
จากข่าว CNN
จากข่าว BBC (เข้าไปแล้ว คลิกที่ 'BBC NEWS Special Reports Weekly world news quiz ')
จากเว็บ oneworld.net
จาก search engine Google
จาก search engine Yahoo
อีก 1 เว็บที่น่าสนใจ คือ การหาข้อมูลประเภทต่าง ๆ ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
http://www.nationmaster.com/index.php
ส่วนข้างล่างนี้ เป็น Test ภาษาอังกฤษที่ผมให้ Google และ Yahoo ช่วยหาให้ บางเว็บท่านอาจจะชอบ
Test ภาษาอังกฤษ – จาก Google
Test ภาษาอังกฤษ – จาก Yahoo
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[911] ดาวน์โหลด 202 คำคมเอาไปทำ Screensaver
สวัสดีครับ
ผมวางแผนไว้หลายวันแล้วว่า จะทำ screen saver ขึ้นมาอีกสักชุดหนึ่ง โดยให้เป็นประโยคภาษาอังกฤษที่เป็นคำคมและคติพจน์ พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ผมหวังว่า ท่านผู้อ่านที่เปิดจอคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ พอถึงเวลาที่ screen saver ทำงาน ท่านก็เหลือบไปดูที่จอบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ก็จะเห็นประโยคคำคมเหล่านี้ ด้วยวิธีนี้หากทำไปเรื่อย ๆ ท่านก็จะได้ 2 อย่างพร้อมกันเลยโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก คือได้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ และได้คำคมหรือคติพจน์ที่มีประโยชน์ต่อชีวิต
และวันนี้ผมไปพบเว็บหนึ่งโดยบังเอิญ เชิญคลิกดูได้เลยครับ เขาได้รวบรวมคำคมและคติพจน์ภาษาอังกฤษพร้อมคำแปลภาษาอังกฤษไว้ 202 ประโยค โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ สัจจะ เวลาและโอกาส, เพื่อน, ความรัก, และอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ผมก็เลยเอาคำคมทั้ง 202 ประโยคนั้นมาทำเป็นไฟล์ jpeg ซึ่งท่านสามารถเอาไปทำ Screensaver ได้ทันที
เชิญดาวน์โหลด slide screensaver คลิกที่นี่ครับ
ไฟล์ที่ท่านดาวน์โหลดนี้เป็นไฟล์ Zip เมื่อท่านดาวน์โหลดเสร็จแล้วต้องแตกไฟล์เสียก่อน แล้วเอาไปทำ Screensaver ได้ทันที
สำหรับท่านที่ต้องการคำแนะนำโดยละเอียดในการทำ screen saver เชิญอ่านได้ที่ข้างล่างนี้ครับ
[1]. ดาวน์โหลดไฟล์ข้างบนให้เรียบร้อย ประมาณ 10 MB
[2]. เมื่อดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว ให้กระจายไฟล์ zip
[3] ท่านจะได้โฟลเดอร์ที่รวบรวม slide คำคม-คติพจน์ 202 สไลด์อยู่ในโฟลเดอร์นี้ ชื่อโฟลเดอร์ 202_motto_screensaver
ขั้นตอนการทำ Screensaver ให้เริ่มต้นด้วยการไปที่ Desktop และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1) คลิกขวาที่พื้นที่ว่าง ๆ บน Desktop
2) คลิก Properties
3)คลิก Screensaver แล้วให้ดูที่บรรทัดใต้รูปหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะมีคำว่า Screen saver
4) เมื่อคลิกที่หัวลูกศรชี้ลง จะมี Screen saver หลาย ๆ แบบให้เลือก, ให้คลิก My Pictures Slideshow
[สำหรับท่านที่ทำตามมาจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าพบว่าไม่มีบรรทัด My Pictures Slideshow ให้ท่านไปดาวน์โหลดไฟล์ ssmypics ( คลิกที่นี่ ) แล้ว save ไว้ที่ Drive C:\WINDOWS\system32 เสร็จแล้ว Restart เมื่อเข้าไปใหม่ก็จะพบบรรทัด My Pictures Slideshow ตามข้อ 4]
5) คลิกที่ Settings ซึ่งอยู่ ใต้รูปหน้าจอคอมพิวเตอร์
6) ใต้บรรทัด Use pictures in this folder ให้ท่านติ๊กเพื่อให้มีเครื่องหมายถูก / คงไว้หน้าข้อความ Stretch small pictures, Use transition…. และ Allow scrolling…
7) นอกจากนี้ ในหน้านี้ ท่านสามารถตั้งความเร็วของการเปลี่ยนภาพ ( How often should pictures change? จากเร็วสุด 6 วินาที – จนถึงช้าสุด 3 นาที ) และขนาดของภาพ ( How big should pictures be?) ได้ตามต้องการ[สำหรับระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนภาพ นี้ ผมขอแนะนำว่า ท่านตั้งให้นานเพียงพอที่จะอ่านประโยคภาษาอังกฤษและภาษาไทยนั้นจนจบ ตั้งไว้ก่อนแล้วกลับมาเปลี่ยนทีหลังก็ได้ครับ]
8) คลิก Browse ซึ่งอยู่เหนือเยื้องขึ้นไป ทางขวานิดหน่อย
9) ให้ท่านไปที่ โฟลเดอร์ 202_motto_screensaver ซึ่งรวม 202 คำคมที่ท่านดาวน์โหลดและกระจายไฟล์ zip ไว้เรียบร้อยแล้ว ตามข้อ [ 3] ข้างบนโน้น, คลิก 1 ครั้งที่โฟลเดอร์นี้, คลิก OK, และคลิก OK อีกครั้งที่ข้างล่าง
10) เมื่อกลับมาที่หน้าต่าง Display Properties อีกครั้ง, ให้ท่านคลิกเลือกว่า จะให้ My Pictures Slideshow ทำงานเมื่อจอนิ่งได้กี่นาที โดยตั้งจำนวนนาทีที่ Wait (ของผมเองตั้ง 5 นาที)
11) คลิกที่ Power ซึ่งเยื้องมาทางมุมขวาล่าง, ตรงบรรทัด Turn off monitor ให้คลิกเลือก Never , คลิก Apply, คลิก OK
12) (คลิก Preview และ) คลิก OK ข้างล่าง
ที่บล็อกนี้ ผมได้ทำไฟล์ให้ท่านดาวน์โหลดไปทำ Screensaver ทำนองนี้มาแล้ว 4 ชุดคือ
-[168]ให้ Screen Saver ‘ธรรมบท’ ช่วยเป็น Mind Saver
-[856] เชิญดาวน์โหลดภาพศัพท์ทำ Screen saver (ยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์)
-[391] ดาวน์โหลด Free! ภาพเมืองไทยสวย ๆ 100 ภาพ
-[165] ให้ทุกวันเป็นวันพระของพวกเรา (ภาพพุทธประวัติชุด 80 ภาพ ฝีมือของ อาจารย์เหม เวชกร)
ในการตั้ง Screensaver ท่านจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ใช้ชุดนั้นบ้าง ชุดนี้บ้าง ก็ทำได้ตามสะดวกครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
ผมวางแผนไว้หลายวันแล้วว่า จะทำ screen saver ขึ้นมาอีกสักชุดหนึ่ง โดยให้เป็นประโยคภาษาอังกฤษที่เป็นคำคมและคติพจน์ พร้อมคำแปลภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ผมหวังว่า ท่านผู้อ่านที่เปิดจอคอมพิวเตอร์ทิ้งไว้ พอถึงเวลาที่ screen saver ทำงาน ท่านก็เหลือบไปดูที่จอบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ก็จะเห็นประโยคคำคมเหล่านี้ ด้วยวิธีนี้หากทำไปเรื่อย ๆ ท่านก็จะได้ 2 อย่างพร้อมกันเลยโดยไม่ต้องออกแรงมากนัก คือได้ฝึกอ่านภาษาอังกฤษ และได้คำคมหรือคติพจน์ที่มีประโยชน์ต่อชีวิต
และวันนี้ผมไปพบเว็บหนึ่งโดยบังเอิญ เชิญคลิกดูได้เลยครับ เขาได้รวบรวมคำคมและคติพจน์ภาษาอังกฤษพร้อมคำแปลภาษาอังกฤษไว้ 202 ประโยค โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับ สัจจะ เวลาและโอกาส, เพื่อน, ความรัก, และอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมาย ผมก็เลยเอาคำคมทั้ง 202 ประโยคนั้นมาทำเป็นไฟล์ jpeg ซึ่งท่านสามารถเอาไปทำ Screensaver ได้ทันที
เชิญดาวน์โหลด slide screensaver คลิกที่นี่ครับ
ไฟล์ที่ท่านดาวน์โหลดนี้เป็นไฟล์ Zip เมื่อท่านดาวน์โหลดเสร็จแล้วต้องแตกไฟล์เสียก่อน แล้วเอาไปทำ Screensaver ได้ทันที
สำหรับท่านที่ต้องการคำแนะนำโดยละเอียดในการทำ screen saver เชิญอ่านได้ที่ข้างล่างนี้ครับ
[1]. ดาวน์โหลดไฟล์ข้างบนให้เรียบร้อย ประมาณ 10 MB
[2]. เมื่อดาวน์โหลดไฟล์เสร็จแล้ว ให้กระจายไฟล์ zip
[3] ท่านจะได้โฟลเดอร์ที่รวบรวม slide คำคม-คติพจน์ 202 สไลด์อยู่ในโฟลเดอร์นี้ ชื่อโฟลเดอร์ 202_motto_screensaver
ขั้นตอนการทำ Screensaver ให้เริ่มต้นด้วยการไปที่ Desktop และทำตามขั้นตอนต่อไปนี้
1) คลิกขวาที่พื้นที่ว่าง ๆ บน Desktop
2) คลิก Properties
3)คลิก Screensaver แล้วให้ดูที่บรรทัดใต้รูปหน้าจอคอมพิวเตอร์ จะมีคำว่า Screen saver
4) เมื่อคลิกที่หัวลูกศรชี้ลง จะมี Screen saver หลาย ๆ แบบให้เลือก, ให้คลิก My Pictures Slideshow
[สำหรับท่านที่ทำตามมาจนถึงบรรทัดนี้ ถ้าพบว่าไม่มีบรรทัด My Pictures Slideshow ให้ท่านไปดาวน์โหลดไฟล์ ssmypics ( คลิกที่นี่ ) แล้ว save ไว้ที่ Drive C:\WINDOWS\system32 เสร็จแล้ว Restart เมื่อเข้าไปใหม่ก็จะพบบรรทัด My Pictures Slideshow ตามข้อ 4]
5) คลิกที่ Settings ซึ่งอยู่ ใต้รูปหน้าจอคอมพิวเตอร์
6) ใต้บรรทัด Use pictures in this folder ให้ท่านติ๊กเพื่อให้มีเครื่องหมายถูก / คงไว้หน้าข้อความ Stretch small pictures, Use transition…. และ Allow scrolling…
7) นอกจากนี้ ในหน้านี้ ท่านสามารถตั้งความเร็วของการเปลี่ยนภาพ ( How often should pictures change? จากเร็วสุด 6 วินาที – จนถึงช้าสุด 3 นาที ) และขนาดของภาพ ( How big should pictures be?) ได้ตามต้องการ[สำหรับระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนภาพ นี้ ผมขอแนะนำว่า ท่านตั้งให้นานเพียงพอที่จะอ่านประโยคภาษาอังกฤษและภาษาไทยนั้นจนจบ ตั้งไว้ก่อนแล้วกลับมาเปลี่ยนทีหลังก็ได้ครับ]
8) คลิก Browse ซึ่งอยู่เหนือเยื้องขึ้นไป ทางขวานิดหน่อย
9) ให้ท่านไปที่ โฟลเดอร์ 202_motto_screensaver ซึ่งรวม 202 คำคมที่ท่านดาวน์โหลดและกระจายไฟล์ zip ไว้เรียบร้อยแล้ว ตามข้อ [ 3] ข้างบนโน้น, คลิก 1 ครั้งที่โฟลเดอร์นี้, คลิก OK, และคลิก OK อีกครั้งที่ข้างล่าง
10) เมื่อกลับมาที่หน้าต่าง Display Properties อีกครั้ง, ให้ท่านคลิกเลือกว่า จะให้ My Pictures Slideshow ทำงานเมื่อจอนิ่งได้กี่นาที โดยตั้งจำนวนนาทีที่ Wait (ของผมเองตั้ง 5 นาที)
11) คลิกที่ Power ซึ่งเยื้องมาทางมุมขวาล่าง, ตรงบรรทัด Turn off monitor ให้คลิกเลือก Never , คลิก Apply, คลิก OK
12) (คลิก Preview และ) คลิก OK ข้างล่าง
ที่บล็อกนี้ ผมได้ทำไฟล์ให้ท่านดาวน์โหลดไปทำ Screensaver ทำนองนี้มาแล้ว 4 ชุดคือ
-[168]ให้ Screen Saver ‘ธรรมบท’ ช่วยเป็น Mind Saver
-[856] เชิญดาวน์โหลดภาพศัพท์ทำ Screen saver (ยังทำไม่เสร็จสมบูรณ์)
-[391] ดาวน์โหลด Free! ภาพเมืองไทยสวย ๆ 100 ภาพ
-[165] ให้ทุกวันเป็นวันพระของพวกเรา (ภาพพุทธประวัติชุด 80 ภาพ ฝีมือของ อาจารย์เหม เวชกร)
ในการตั้ง Screensaver ท่านจะเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ใช้ชุดนั้นบ้าง ชุดนี้บ้าง ก็ทำได้ตามสะดวกครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[910]ฝึก ฟัง–พูด,ทีละคำ–ทีละประโยคกับ Talking Dict
สวัสดีครับ
จาก email และ comment ที่ผมได้รับทำให้ผมทราบว่า มีท่านผู้อ่านจำนวนไม่น้อยที่จำเป็นต้องมีทักษะในการฟังและพูดภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการทำงาน อย่างไรก็ตาม บางท่านไม่มีเวลาหรือไม่พร้อมที่จะไปเรียนกับอาจารย์หรือชาวต่างชาติที่สอนการสนทนาภาษาอังกฤษ ทำให้มีปัญหาในการทำงาน
ผมเข้าใจดีครับว่า การเรียนภาษานอกจากมีใจรักแล้ว ยังต้องพยายามอย่างต่อเนื่อง ไม่ท้อใจ และไม่ใจร้อนมากเกินไป สูตรสำเร็จก็ง่าย ๆ ครับ ถ้าอยากจะฝึกให้ตัวเองฟังรู้เรื่องก็ต้องฝึกฟังบ่อย ๆ และ ถ้าอยากจะฝึกให้ตัวเองพูดรู้เรื่องก็ต้องฝึกพูดบ่อย ๆ แค่นี้เองครับ
หากเราไม่มีครูฝรั่งที่จะเรียนด้วย เราจะสามารถฝึกให้ตัวเองฟังคนอื่นพูดรู้เรื่อง และฝึกพูดให้คนอื่นฟังเราพูดรู้เรื่อง ได้หรือไม่ ? ตอบได้ทันทีเลยครับว่า “ได้... ได้แน่ ๆ “
และคำแนะนำของผมก็สรุปได้ง่าย ๆ สั้น ๆ ข้างล่างนี้:
“ถ้าเราฝึกฟังบ่อย ๆ ก็จะเริ่มชินหูและฟังรู้เรื่อง, ถ้าเราฝึกออกเสียงพูดบ่อย ๆ ก็จะเริ่มชินปากและพูดให้คนอื่นฟังรู้เรื่องเช่นกัน”
แบบฝึกหัดข้างล่างนี้ ผมเตรียมเป็นพิเศษให้ท่านผู้อ่านได้ใช้ฝึกฟังและพูดสื่อสารได้รู้เรื่องดังใจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ขั้น คือ
1) ฝึกฟัง – ฝึกพูด ทีละคำ
2) ฝึกฟัง – ฝึกพูด ทีละประโยค
ผมเชื่อมั่นว่า หากฝึกอย่างต่อเนื่องจริงจัง ท่านจะพบกับความสำเร็จแน่นอน เหมือนภาษิตฝรั่งที่ว่า Practice makes perfect. และ Where there's a will there's a way.
ขอเชิญเลยครับ...
1: ฝึกฟัง – ฝึกพูด ทีละคำ
1.1 ดิกอังกฤษ-ไทย ของอาจารย์สอ เสถบุตร
-คลิก ดิกชันนารีอังกฤษ-ไทย
วิธีใช้:
1) พิมพ์คำศัพท์
2) Enter, ฟังเสียง
3) คลิกรูปลำโพงเพื่อฟังเสียงซ้ำ
4) ออกเสียงพูดตาม
5) คลิกฟังและพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง
6) ฝึกเขียนและตรวจว่าเขียนได้ถูกต้องไหม
1.2 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ K Talking Dictionary
ไปที่นี่ และดูที่มุมบนซ้าย
http://freeenglishjokes.blogspot.com/
วิธีใช้: เหมือนดิกอังกฤษ-ไทย ของอาจารย์สอ เสถบุตร
1.3 เว็บ itcansay.com
ถ้าท่านต้องการฟังการออกเสียงเป็นคำ ๆ ก็ไปที่นี่ http://www.itcansay.com/
วิธีใช้
1) พิมพ์คำที่ต้องการลงไป, Enter
2) คลิก pronounce the word, ฟังเสียง - พูดตาม
3) คลิก pronounce the word เพื่อฟังเสียงซ้ำ - ออกเสียงพูดตาม
4) คลิกฟังและพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง
5) ฝึกเขียนและตรวจว่าเขียนได้ถูกต้องไหม
1.4 ที่เว็บ itcansay.com ยังมีอีก 1 สิ่งที่น่าสนใจมาก
วิธีใช้
1) ให้ท่านไปคลิกที่ Learn to pronounce
2) คลิก pronounce the word, ฟังเสียง – พูดตาม คลิกซ้ำ ๆ เพื่อฝึกฟังให้ชินหู และฝึกพูดให้ชินปาก
3) คลิก Next Random Word เพื่อฝึกกับคำต่อไปที่เว็บสุ่มมาให้เรา โดยฝึกในลักษณะเดียวกัน ถ้าเห็นว่าคำไหนยากเกินไปและคงยังไม่มีโอกาสใช้ตอนนี้ ท่านจะกด Next Random Word เพื่อศึกษาคำใหม่ก็ได้
1.5 ดิกอังกฤษ (ไม่มีคำแปลให้อ่าน) howjsay.com
http://www.howjsay.com/
วิธีใช้:
1) พิมพ์คำศัพท์
2)คลิก Submit
3)ฟังเสียง
4)เอาเมาส์วางที่คำสีชมพู เพื่อฟังซ้ำ ฝึกหลาย ๆ ครั้ง
5) ฝึกเขียนและตรวจว่าเขียนได้ถูดกต้องไหม
1.6 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ
http://www.thefreedictionary.com/
วิธีใช้: พิมพ์คำศัพท์, เลือกคลิกฟังได้ทั้งสำเนียงอเมริกัน และอังกฤษ
1.7 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ
http://encarta.msn.com/encnet/features/dictionary/dictionaryhome.aspx
http://www.m-w.com/
http://www.learnersdictionary.com/
http://www.yourdictionary.com/
วิธีใช้: พิมพ์คำศัพท์, คลิกฟัง
2: ฝึกฟัง – ฝึกพูด ทีละประโยค
2.1 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ Longman
คลิกเข้าเว็บ: http://www.ldoceonline.com/
วิธีใช้:
1) พิมพ์คำศัพท์ ที่ขึ้นต้นด้วย d หรือ s
2) คลิกรูปลำโพงที่อยู่หน้าคำศัพท์ เพื่อฟังการออกเสียงคำศัพท์
3) คลิกรูปลำโพงที่อยู่หน้าประโยคหรือวลีตัวอย่างเพื่อฟังการอ่าน, ควรจะฝึกกับหลาย ๆ ตัวอย่าง (ถึงตรงนี้ ถ้าท่านต้องการฝึกฟังมากเป็นพิเศษ, ให้ท่านคลิกที่รูปลำโพงโดยพยายามอย่าเหลือบสายตาไปดูข้อความในประโยคตัวอย่าง ,ดูซิว่าจะฟังรู้เรื่องทุกคำไหม, ลองฟังหลาย ๆ ครั้งซะก่อน แล้วจึงค่อยมองดูประโยคว่าเราฟังถูกต้องครบถ้วนแค่ไหน, หรือก่อนดูจะเขียนประโยคลงกระดาษก่อนก็ได้, บางทีเรื่องที่ฟังผิดเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น จับการออกเสียงท้ายคำ -d, -ed, -s) ไม่ค่อยได้
4) ออกเสียงพูดตาม
5) คลิกฟังและพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง, ครั้งหลัง ๆ ให้พูดตามโดยไม่ต้องดูประโยคที่หน้าจอ
6) ฝึกเขียนสัก 2 – 3 ครั้ง และตรวจว่าเขียนได้ถูกต้องไหม
2.2 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ
http://www.jukuu.com/
วิธีใช้:
2) พิมพ์คำที่ต้องการศึกษาลงในข้อ 2.2 แล้ว Enter
3) คลิกรูปลำโพงที่ท้ายคำศัพท์ที่มุมบนขวาของหน้า เพื่อฟังการออกเสียงคำศัพท์
4) คลิกรูปลำโพงท้ายบางประโยคหรือท้ายบางวลีตัวอย่างเพื่อฟังการอ่าน, ควรจะฝึกกับหลาย ๆ ตัวอย่าง
5) ออกเสียงพูดตาม
6) คลิกฟังและพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง, ครั้งหลัง ๆ ให้พูดตามโดยไม่ต้องดูประโยคที่หน้าจอ
7) ที่ตอนล่างของหน้า (ถ้ามี) ให้คลิกที่หมายเลข 1 [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10]…. เพื่อพลิกไปยังหน้าถัดไป
8) ทำซ้ำ ตามขั้นตอนในข้อ 4), 5) และ 6)
9) ฝึกเขียนสัก 2 – 3 ครั้ง และตรวจว่าเขียนได้ถูดกต้องไหม
2. 3. ฝึกพูดตามโปรแกรม Text – to –Speech
วิธีใช้
1) พิมพ์หรือ copy/paste ประโยคภาษาอังกฤษที่ท่านต้องการฟังเสียงอ่านลงในช่อง Text3To-Speech ที่ลิงค์นี้ http://freeenglishjokes.blogspot.com/
2) คลิก Say it (รอสักครู่) และฟังเสียง
3) ออกเสียงพูดตาม
4) คลิกฟังซ้ำและพูดซ้ำ, ฝึกทำหลาย ๆ ครั้ง
ขอให้ทุกท่านได้รับความรู้และความชำนาญ ทั้งการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน ภาษาอังกฤษ พยายามทำอย่างใจเย็น ๆ ไปเรื่อย ๆ เถอะครับ “ฝีมือ” ไม่ได้เดินหนีเราไปไหนหรอกครับ ขอให้เราเดินเรื่อย ๆ ไปหามันเท่านั้นแหละ วันไหนมีเวลาน้อย- มีแรงน้อย – และมีความขี้เกียจมาก ก็อาจจะเดินน้อยหน่อย แต่ถ้าวันไหนมีเวลามาก – มีแรงมาก – และมีความขี้เกียจน้อย ก็เดินให้เต็มที่เลยครับ ยิ่งถ้าสามารถเดินชดเชยกับวันที่เดินน้อย ก็ยิ่งวิเศษเลยครับ !
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
จาก email และ comment ที่ผมได้รับทำให้ผมทราบว่า มีท่านผู้อ่านจำนวนไม่น้อยที่จำเป็นต้องมีทักษะในการฟังและพูดภาษาอังกฤษ เพื่อใช้ในการทำงาน อย่างไรก็ตาม บางท่านไม่มีเวลาหรือไม่พร้อมที่จะไปเรียนกับอาจารย์หรือชาวต่างชาติที่สอนการสนทนาภาษาอังกฤษ ทำให้มีปัญหาในการทำงาน
ผมเข้าใจดีครับว่า การเรียนภาษานอกจากมีใจรักแล้ว ยังต้องพยายามอย่างต่อเนื่อง ไม่ท้อใจ และไม่ใจร้อนมากเกินไป สูตรสำเร็จก็ง่าย ๆ ครับ ถ้าอยากจะฝึกให้ตัวเองฟังรู้เรื่องก็ต้องฝึกฟังบ่อย ๆ และ ถ้าอยากจะฝึกให้ตัวเองพูดรู้เรื่องก็ต้องฝึกพูดบ่อย ๆ แค่นี้เองครับ
หากเราไม่มีครูฝรั่งที่จะเรียนด้วย เราจะสามารถฝึกให้ตัวเองฟังคนอื่นพูดรู้เรื่อง และฝึกพูดให้คนอื่นฟังเราพูดรู้เรื่อง ได้หรือไม่ ? ตอบได้ทันทีเลยครับว่า “ได้... ได้แน่ ๆ “
และคำแนะนำของผมก็สรุปได้ง่าย ๆ สั้น ๆ ข้างล่างนี้:
“ถ้าเราฝึกฟังบ่อย ๆ ก็จะเริ่มชินหูและฟังรู้เรื่อง, ถ้าเราฝึกออกเสียงพูดบ่อย ๆ ก็จะเริ่มชินปากและพูดให้คนอื่นฟังรู้เรื่องเช่นกัน”
แบบฝึกหัดข้างล่างนี้ ผมเตรียมเป็นพิเศษให้ท่านผู้อ่านได้ใช้ฝึกฟังและพูดสื่อสารได้รู้เรื่องดังใจ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ขั้น คือ
1) ฝึกฟัง – ฝึกพูด ทีละคำ
2) ฝึกฟัง – ฝึกพูด ทีละประโยค
ผมเชื่อมั่นว่า หากฝึกอย่างต่อเนื่องจริงจัง ท่านจะพบกับความสำเร็จแน่นอน เหมือนภาษิตฝรั่งที่ว่า Practice makes perfect. และ Where there's a will there's a way.
ขอเชิญเลยครับ...
1: ฝึกฟัง – ฝึกพูด ทีละคำ
1.1 ดิกอังกฤษ-ไทย ของอาจารย์สอ เสถบุตร
-คลิก ดิกชันนารีอังกฤษ-ไทย
วิธีใช้:
1) พิมพ์คำศัพท์
2) Enter, ฟังเสียง
3) คลิกรูปลำโพงเพื่อฟังเสียงซ้ำ
4) ออกเสียงพูดตาม
5) คลิกฟังและพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง
6) ฝึกเขียนและตรวจว่าเขียนได้ถูกต้องไหม
1.2 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ K Talking Dictionary
ไปที่นี่ และดูที่มุมบนซ้าย
http://freeenglishjokes.blogspot.com/
วิธีใช้: เหมือนดิกอังกฤษ-ไทย ของอาจารย์สอ เสถบุตร
1.3 เว็บ itcansay.com
ถ้าท่านต้องการฟังการออกเสียงเป็นคำ ๆ ก็ไปที่นี่ http://www.itcansay.com/
วิธีใช้
1) พิมพ์คำที่ต้องการลงไป, Enter
2) คลิก pronounce the word, ฟังเสียง - พูดตาม
3) คลิก pronounce the word เพื่อฟังเสียงซ้ำ - ออกเสียงพูดตาม
4) คลิกฟังและพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง
5) ฝึกเขียนและตรวจว่าเขียนได้ถูกต้องไหม
1.4 ที่เว็บ itcansay.com ยังมีอีก 1 สิ่งที่น่าสนใจมาก
วิธีใช้
1) ให้ท่านไปคลิกที่ Learn to pronounce
2) คลิก pronounce the word, ฟังเสียง – พูดตาม คลิกซ้ำ ๆ เพื่อฝึกฟังให้ชินหู และฝึกพูดให้ชินปาก
3) คลิก Next Random Word เพื่อฝึกกับคำต่อไปที่เว็บสุ่มมาให้เรา โดยฝึกในลักษณะเดียวกัน ถ้าเห็นว่าคำไหนยากเกินไปและคงยังไม่มีโอกาสใช้ตอนนี้ ท่านจะกด Next Random Word เพื่อศึกษาคำใหม่ก็ได้
1.5 ดิกอังกฤษ (ไม่มีคำแปลให้อ่าน) howjsay.com
http://www.howjsay.com/
วิธีใช้:
1) พิมพ์คำศัพท์
2)คลิก Submit
3)ฟังเสียง
4)เอาเมาส์วางที่คำสีชมพู เพื่อฟังซ้ำ ฝึกหลาย ๆ ครั้ง
5) ฝึกเขียนและตรวจว่าเขียนได้ถูดกต้องไหม
1.6 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ
http://www.thefreedictionary.com/
วิธีใช้: พิมพ์คำศัพท์, เลือกคลิกฟังได้ทั้งสำเนียงอเมริกัน และอังกฤษ
1.7 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ
http://encarta.msn.com/encnet/features/dictionary/dictionaryhome.aspx
http://www.m-w.com/
http://www.learnersdictionary.com/
http://www.yourdictionary.com/
วิธีใช้: พิมพ์คำศัพท์, คลิกฟัง
2: ฝึกฟัง – ฝึกพูด ทีละประโยค
2.1 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ Longman
คลิกเข้าเว็บ: http://www.ldoceonline.com/
วิธีใช้:
1) พิมพ์คำศัพท์ ที่ขึ้นต้นด้วย d หรือ s
2) คลิกรูปลำโพงที่อยู่หน้าคำศัพท์ เพื่อฟังการออกเสียงคำศัพท์
3) คลิกรูปลำโพงที่อยู่หน้าประโยคหรือวลีตัวอย่างเพื่อฟังการอ่าน, ควรจะฝึกกับหลาย ๆ ตัวอย่าง (ถึงตรงนี้ ถ้าท่านต้องการฝึกฟังมากเป็นพิเศษ, ให้ท่านคลิกที่รูปลำโพงโดยพยายามอย่าเหลือบสายตาไปดูข้อความในประโยคตัวอย่าง ,ดูซิว่าจะฟังรู้เรื่องทุกคำไหม, ลองฟังหลาย ๆ ครั้งซะก่อน แล้วจึงค่อยมองดูประโยคว่าเราฟังถูกต้องครบถ้วนแค่ไหน, หรือก่อนดูจะเขียนประโยคลงกระดาษก่อนก็ได้, บางทีเรื่องที่ฟังผิดเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่น จับการออกเสียงท้ายคำ -d, -ed, -s) ไม่ค่อยได้
4) ออกเสียงพูดตาม
5) คลิกฟังและพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง, ครั้งหลัง ๆ ให้พูดตามโดยไม่ต้องดูประโยคที่หน้าจอ
6) ฝึกเขียนสัก 2 – 3 ครั้ง และตรวจว่าเขียนได้ถูกต้องไหม
2.2 ดิกอังกฤษ – อังกฤษ
http://www.jukuu.com/
วิธีใช้:
2) พิมพ์คำที่ต้องการศึกษาลงในข้อ 2.2 แล้ว Enter
3) คลิกรูปลำโพงที่ท้ายคำศัพท์ที่มุมบนขวาของหน้า เพื่อฟังการออกเสียงคำศัพท์
4) คลิกรูปลำโพงท้ายบางประโยคหรือท้ายบางวลีตัวอย่างเพื่อฟังการอ่าน, ควรจะฝึกกับหลาย ๆ ตัวอย่าง
5) ออกเสียงพูดตาม
6) คลิกฟังและพูดซ้ำหลาย ๆ ครั้ง, ครั้งหลัง ๆ ให้พูดตามโดยไม่ต้องดูประโยคที่หน้าจอ
7) ที่ตอนล่างของหน้า (ถ้ามี) ให้คลิกที่หมายเลข 1 [2] [3] [4] [5] [6] [7] [8] [9] [10]…. เพื่อพลิกไปยังหน้าถัดไป
8) ทำซ้ำ ตามขั้นตอนในข้อ 4), 5) และ 6)
9) ฝึกเขียนสัก 2 – 3 ครั้ง และตรวจว่าเขียนได้ถูดกต้องไหม
2. 3. ฝึกพูดตามโปรแกรม Text – to –Speech
วิธีใช้
1) พิมพ์หรือ copy/paste ประโยคภาษาอังกฤษที่ท่านต้องการฟังเสียงอ่านลงในช่อง Text3To-Speech ที่ลิงค์นี้ http://freeenglishjokes.blogspot.com/
2) คลิก Say it (รอสักครู่) และฟังเสียง
3) ออกเสียงพูดตาม
4) คลิกฟังซ้ำและพูดซ้ำ, ฝึกทำหลาย ๆ ครั้ง
ขอให้ทุกท่านได้รับความรู้และความชำนาญ ทั้งการฟัง – พูด – อ่าน – เขียน ภาษาอังกฤษ พยายามทำอย่างใจเย็น ๆ ไปเรื่อย ๆ เถอะครับ “ฝีมือ” ไม่ได้เดินหนีเราไปไหนหรอกครับ ขอให้เราเดินเรื่อย ๆ ไปหามันเท่านั้นแหละ วันไหนมีเวลาน้อย- มีแรงน้อย – และมีความขี้เกียจมาก ก็อาจจะเดินน้อยหน่อย แต่ถ้าวันไหนมีเวลามาก – มีแรงมาก – และมีความขี้เกียจน้อย ก็เดินให้เต็มที่เลยครับ ยิ่งถ้าสามารถเดินชดเชยกับวันที่เดินน้อย ก็ยิ่งวิเศษเลยครับ !
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[909] เรียนภาษาอังกฤษให้ดีได้ แม้หัวไม่ดี
สวัสดีครับ
วันนี้ผมไปพบหนังสือ 2 เล่มที่น่าสนใจ คือ
เล่มที่ 1: English Grammar เป็นตำราภาษาไทยที่อธิบายหลักแกรมมาร์ภาษาอังกฤษ ประกอบด้วยหัวข้อพื้นฐานที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
Adjectives, Adverbs, Verbs, Tenses, Prepositions, Pronouns, Nouns, Gerunds, Articles, Auxiliary verbs, Comparisons, Conjunctions, Punctuation, Irregular Verbs
และ Tenses ทั้ง 4 คือ Simple Tenses, Continuous (Progressive) Tenses, The Perfect Tenses และ The Perfect Continuous Tenses ซึ่งแต่ละ Tense จะแตกออกเป็น Present, Past, Future แถมท้ายด้วย script ภาษาอังกฤษพร้อมบทแปลเป็นภาษาไทยจากรายการ Chris Delivery ตอนที่ 3 – 16
หนังสือเล่มนี้อ่านง่ายครับ มีการยกตัวอย่างประกอบการอธิบายชัดเจน ไฟล์หนังสือเป็นไฟล์ Excel เมื่อคลิกไปอ่านหน้าใดแล้ว ถ้าจะคลิกกลับหน้าแรกก็เพียงคลิกที่ “กลับไปยังหน้าเดิม” และแต่ละหน้ามีลิงค์ถึงกันหมดที่ task bar ด้านล่างของหน้า
คลิกดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้ได้ ที่นี่ ครับ
หรือลิงค์นี้ก็ได้ครับ http://www.lukkidthai.com/News/english_simple.xls
เล่มที่ 2: หนังสือ ชื่อ “หัวไม่ดี ก็เรียนดีได้” กับกลเม็ดพิชิตการเรียนให้สำเร็จและข้อคิดไปสู่ทางแห่งปัญญา เรียบเรียงโดย พระศักดิ์ชัย ลังกาพินธุ์ และ ดร. จตุรงค์ ลังกาพินธุ์ มีเนื้อหาที่น่าอ่าน ประกอบด้วยคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนและการใช้ชีวิต
คลิกดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้ได้ ที่นี่ ครับ
ผมเลยเอามารวมกันเป็นหัวข้อ “เรียนภาษาอังกฤษให้ดีได้ แม้หัวไม่ดี” เชื่อว่าท่านผู้อ่านเมื่อได้ศึกษาหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้แล้ว จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ดี และหัวก็จะดีขึ้นด้วย
แถม: รวมโจทย์ภาษาอังกฤษ_English Exercises คลิกเพื่อดาวน์โหลด
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันนี้ผมไปพบหนังสือ 2 เล่มที่น่าสนใจ คือ
เล่มที่ 1: English Grammar เป็นตำราภาษาไทยที่อธิบายหลักแกรมมาร์ภาษาอังกฤษ ประกอบด้วยหัวข้อพื้นฐานที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
Adjectives, Adverbs, Verbs, Tenses, Prepositions, Pronouns, Nouns, Gerunds, Articles, Auxiliary verbs, Comparisons, Conjunctions, Punctuation, Irregular Verbs
และ Tenses ทั้ง 4 คือ Simple Tenses, Continuous (Progressive) Tenses, The Perfect Tenses และ The Perfect Continuous Tenses ซึ่งแต่ละ Tense จะแตกออกเป็น Present, Past, Future แถมท้ายด้วย script ภาษาอังกฤษพร้อมบทแปลเป็นภาษาไทยจากรายการ Chris Delivery ตอนที่ 3 – 16
หนังสือเล่มนี้อ่านง่ายครับ มีการยกตัวอย่างประกอบการอธิบายชัดเจน ไฟล์หนังสือเป็นไฟล์ Excel เมื่อคลิกไปอ่านหน้าใดแล้ว ถ้าจะคลิกกลับหน้าแรกก็เพียงคลิกที่ “กลับไปยังหน้าเดิม” และแต่ละหน้ามีลิงค์ถึงกันหมดที่ task bar ด้านล่างของหน้า
คลิกดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้ได้ ที่นี่ ครับ
หรือลิงค์นี้ก็ได้ครับ http://www.lukkidthai.com/News/english_simple.xls
เล่มที่ 2: หนังสือ ชื่อ “หัวไม่ดี ก็เรียนดีได้” กับกลเม็ดพิชิตการเรียนให้สำเร็จและข้อคิดไปสู่ทางแห่งปัญญา เรียบเรียงโดย พระศักดิ์ชัย ลังกาพินธุ์ และ ดร. จตุรงค์ ลังกาพินธุ์ มีเนื้อหาที่น่าอ่าน ประกอบด้วยคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ต่อการเรียนและการใช้ชีวิต
คลิกดาวน์โหลดหนังสือเล่มนี้ได้ ที่นี่ ครับ
ผมเลยเอามารวมกันเป็นหัวข้อ “เรียนภาษาอังกฤษให้ดีได้ แม้หัวไม่ดี” เชื่อว่าท่านผู้อ่านเมื่อได้ศึกษาหนังสือทั้ง 2 เล่มนี้แล้ว จะสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ดี และหัวก็จะดีขึ้นด้วย
แถม: รวมโจทย์ภาษาอังกฤษ_English Exercises คลิกเพื่อดาวน์โหลด
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[908]ทิงลิช (Tinglish) – ภาษาอังกฤษแบบไทย ๆ
สวัสดีครับ
ผมว่ามันเรื่องธรรมดาและปกติอย่างยิ่งที่คนไทยโดยทั่วไป ที่เกิดเมืองไทย เรียนหนังสือเมืองไทย ทำงานเมืองไทย และได้คู่รัก-สามี-ภรรยาเป็นคนไทย จะใช้ภาษาอังกฤษแบบไทย ๆ ที่ผมใช้คำว่า ‘โดยทั่วไป’ เพราะอาจจะมีบางคนเป็นกรณียกเว้น
ภาษาอังกฤษแบบไทย ๆ หรือ ทิงลิช (Tinglish) เป็นยังไง ก็คือการใช้ภาษาอังกฤษที่ผิดเพี้ยนไปจากคนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เขาใช้กัน ทั้งนี้เพราะได้รับอิทธิพลจากภาษาเกิดของเราคือภาษาไทย และตามความหมายของ wikipedia เขาแบ่งเป็น 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ
1. ออกเสียงผิด
2. ใช้แกรมมาร์ผิด
3. ใช้คำผิด
(อ้างอิง Tinglish และ ทิงลิช )
มีคนเขียนและพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้พอสมควร และก็ให้คำแนะนำไว้ด้วยว่า ถ้าจะใช้ให้ถูกต้องใช้ยังไง ซึ่งผมยกเอามาเป็นตัวอย่างที่ลิงค์ข้างล่างนี้ โดยส่วนตัวผมมีเรื่องจะพูดเพิ่มเติมนิดเดียวแหละครับว่า อย่ากังวลมากเกินไปจนไม่กล้าพูดเพราะกลัวผิด หรือไม่ก็สุดโต่งไปอีกด้านหนึ่งเลย คือ ไม่กังวลอะไรเลย นึกอยากจะพูดยังไงก็พูดออกไปจนไม่มีใครฟังรู้เรื่องนอกจากตัวเองฟังตัวเองพูด นี่ก็ไม่ไหวอีกเหมือนกัน เอาให้มันพอดี ๆ แล้วกันครับ
ลองศึกษาลิงค์ข้างล่างนี้ดูแล้วกันครับ
การออกเสียงคำศัพท์ที่น่าสนใจ คำที่มักออกเสียงผิดและมีไฟล์เสียงที่ถูกต้องให้ฟัง
คำภาษาอังกฤษที่มักอ่านผิด
[905] ประโยคภาษาอังกฤษขำขำ ที่คนไทยมักพูดผิด
[156] แจก “Oops ! ผิดอีกแล้ว” ของ Andrew Biggs
คำที่มักออกเสียงผิดประจำ ในภาษาอังกฤษ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
ผมว่ามันเรื่องธรรมดาและปกติอย่างยิ่งที่คนไทยโดยทั่วไป ที่เกิดเมืองไทย เรียนหนังสือเมืองไทย ทำงานเมืองไทย และได้คู่รัก-สามี-ภรรยาเป็นคนไทย จะใช้ภาษาอังกฤษแบบไทย ๆ ที่ผมใช้คำว่า ‘โดยทั่วไป’ เพราะอาจจะมีบางคนเป็นกรณียกเว้น
ภาษาอังกฤษแบบไทย ๆ หรือ ทิงลิช (Tinglish) เป็นยังไง ก็คือการใช้ภาษาอังกฤษที่ผิดเพี้ยนไปจากคนที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาแม่เขาใช้กัน ทั้งนี้เพราะได้รับอิทธิพลจากภาษาเกิดของเราคือภาษาไทย และตามความหมายของ wikipedia เขาแบ่งเป็น 3 เรื่องใหญ่ ๆ คือ
1. ออกเสียงผิด
2. ใช้แกรมมาร์ผิด
3. ใช้คำผิด
(อ้างอิง Tinglish และ ทิงลิช )
มีคนเขียนและพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้พอสมควร และก็ให้คำแนะนำไว้ด้วยว่า ถ้าจะใช้ให้ถูกต้องใช้ยังไง ซึ่งผมยกเอามาเป็นตัวอย่างที่ลิงค์ข้างล่างนี้ โดยส่วนตัวผมมีเรื่องจะพูดเพิ่มเติมนิดเดียวแหละครับว่า อย่ากังวลมากเกินไปจนไม่กล้าพูดเพราะกลัวผิด หรือไม่ก็สุดโต่งไปอีกด้านหนึ่งเลย คือ ไม่กังวลอะไรเลย นึกอยากจะพูดยังไงก็พูดออกไปจนไม่มีใครฟังรู้เรื่องนอกจากตัวเองฟังตัวเองพูด นี่ก็ไม่ไหวอีกเหมือนกัน เอาให้มันพอดี ๆ แล้วกันครับ
ลองศึกษาลิงค์ข้างล่างนี้ดูแล้วกันครับ
การออกเสียงคำศัพท์ที่น่าสนใจ คำที่มักออกเสียงผิดและมีไฟล์เสียงที่ถูกต้องให้ฟัง
คำภาษาอังกฤษที่มักอ่านผิด
[905] ประโยคภาษาอังกฤษขำขำ ที่คนไทยมักพูดผิด
[156] แจก “Oops ! ผิดอีกแล้ว” ของ Andrew Biggs
คำที่มักออกเสียงผิดประจำ ในภาษาอังกฤษ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[907] 20 วิธีจำศัพท์ภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
วิธีจำศัพท์ให้ได้มาก ๆ – จำได้เร็ว – และจำได้นานไม่ลืมง่าย ๆ ที่จะเล่าต่อไปนี้ ส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง และบางส่วนมาจากผู้อื่น เชื่อว่าบางข้อท่านผู้อ่านน่าจะสามารถเอาไปใช้ได้ ไม่มากก็น้อย
1. มีสมาธิขณะที่อ่านและฟังภาษาอังกฤษ หากขาดสมาธิหรือสมาธิอ่อน จะจับถ้อยคำที่อ่านหรือฟังไม่ได้หรือได้น้อย ภาษาไทยเรียกว่า ‘ฟังไม่ได้ศัพท์’ เมื่อไม่ได้ศัพท์ก็จำศัพท์ไม่ได้
2. ควร ‘จำ’ ความหมายพื้นฐานของคำศัพท์ 1,000 คำนี้ให้ได้ เมื่อจำได้แล้วจะเหมือนได้ก้าวข้ามประตูสู่โลกของภาษาสากลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต จะจำด้วยวิธี ‘ท่อง’ หรือด้วยวิธีใดก็ได้ ขอให้จำให้ได้ก็ใช้ได้ ถ้าใช้วิธีสบาย ๆ จำไม่ได้ ก็ต้องเพิ่มความอดทนและวินัย
คลิกขวาที่ลิงค์, คลิกซ้าย Save Target As, และหาที่ Save ไว้ในเครื่อง
คำที่ 1-500 มีคำแปล & คำที่ 501-1000 มีคำแปล
หรือคลิกดาวน์โหลดที่ลิงค์ข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
words_1_500_translated
words_501_1000_translated
3. มีสมุดโน้ตเล่มเล็ก ๆ ติดกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าถือไว้เสมอ สงสัยศัพท์คำใด หรือนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร หรือเมื่อมองไปรอบตัวและเห็นสิ่งของ หรือป้ายต่าง ๆ ถามตัวเองว่า สิ่งนั้นศัพท์ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร ถ้าตอบไม่ได้ก็จดคำนั้นในสมุดโน้ต และทำการบ้านคือหาคำแปลจากดิกชันนารีหรือผู้รู้และจดลงไป และเปิดอ่านทบทวนเป็นระยะ ๆ
4. มีดิกชันนารีขนาดเล็กมาก ๆ หรือขนาดจิ๋วติดกระเป๋าถือไว้ เพื่อพลิกหาความหมายยามสงสัย หรือทบทวนศัพท์ยามเหงาหรือยามว่าง เป็นวิธีที่แก้เหงาและแก้โรคขี้ลืมได้เป็นอย่างดี และเพิ่มคำศัพท์ในสมองอีกด้วย
5. มีวิธีหนึ่งที่ผมเคยใช้จำคำศัพท์สมัยเด็ก ๆ คือ จดคำศัพท์พร้อมคำแปลตัวโต ๆ ไว้ที่ฝาห้องแล้วนอนท่องเล่น ๆ บ้าง ท่องจริง ๆ บ้างไปเรื่อย ๆ ทำให้จำได้ดีเหมือนกันครับ สมัยนี้น้อง ๆ อาจจะใช้วิธีเขียนไว้ที่กระดาษ Post-It Note แล้วแปะไว้ที่ตู้กระจก หรือที่ไหนก็ได้ในห้องนอนของตัวเองที่มองเห็นง่าย ๆ
6. เล่นเกมคำศัพท์ เช่น scrabble, hangman, crossword puzzle จะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับเพื่อนหรือกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ได้
[906] เพิ่มศัพท์ด้วยโปรแกรม picture hangman ฟรี !!
[890] ดาวน์โหลดเกมแก้เซ็ง ที่ช่วยเติมศัพท์ใส่สมอง
เกม
7. อ่านภาษาอังกฤษทุกวัน เริ่มจากเรื่องที่ชอบ จากน้อยไปมาก จากง่ายไปยาก แต่ขอให้อ่านทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องทุกถ้อยคำที่อ่าน แต่ให้ใส่ใจกับทุกถ้อยคำที่อ่าน ไม่รู้เรื่องก็จะค่อย ๆ รู้เรื่องมากขึ้นเอง และเมื่อใส่ใจก็จะค่อย ๆ เข้าใจมากขึ้นเอง นี่เป็นกฎธรรมชาติ
reading
8. ฟังภาษาอังกฤษทุกวัน เริ่มจากเรื่องที่ชอบ จากน้อยไปมาก จากง่ายไปยาก แต่ขอให้ฟังทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องทุกถ้อยคำที่ฟัง แต่ให้ใส่ใจกับทุกถ้อยคำที่ฟัง ไม่รู้เรื่องก็จะค่อย ๆ รู้เรื่องมากขึ้นเอง และเมื่อใส่ใจก็จะค่อย ๆ เข้าใจมากขึ้นเอง นี่เป็นกฎธรรมชาติ
listening
[376] เพลิดเพลินกับการฝึกภาษาผ่านการดูวีดิโอ
9. ในวันหนึ่ง ๆ ลองพยายามนึกพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างน้อย 3 ประโยค ถ้านึกไม่ออกหรือไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอย่างไร ให้จดใส่สมุดโน้ตไว้ และทำการบ้านโดยสอบถามผู้รู้และฝึกพูดออกมาดัง ๆ และจดลงสมุดโน๊ตเพื่อเปิดพูดทบทวนเป็นระยะ ๆ
10. ใช้วิธีจำศัพท์ด้วยภาพ มีเว็บหลายเว็บที่เป็นตัวช่วยในวิธีนี้
การศึกษาภาษาอังกฤษจากภาพ
11.ใช้วิธีจำศัพท์ด้วยคำคล้องจอง มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้
'ศัพท์คำพ้อง'วิ่ง 3000 คำ
12. ใช้บัตรคำช่วยจำภาพ ด้านหนึ่งเขียนคำศัพท์ อีกด้านหนึ่งเขียนคำแปล เวลาทบทวนจะใช้วิธีมองคำศัพท์แล้วนึกถึงคำแปล หรือมองคำแปลแล้วพยายามนึกถึงคำศัพท์ หรือใช้ทั้ง 2 วิธีสลับกันก็ได้
13. จำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีอ่านหลาย ๆ ประโยคตัวอย่างที่มีศัพท์ตัวนั้น มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
พิมพ์คำศัพท์, Enter, คลิก Example
http://eedic.naver.com/
พิมพ์คำศัพท์, Enter
http://jukuu.com/
http://www.natcorp.ox.ac.uk/
14. จำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีจำศัพท์เป็นกลุ่มคำที่มีความสัมพันธ์ในแง่ใดแง่หนึ่ง มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
[2] ท่านเคยใช้ reverse dictionary ไหมครับ?
15. นึกถึงคำศัพท์ภาษาไทยแล้วหาคำแปลที่เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ อาจจะจำเป็นคำ ๆ หรือจำเป็นกลุ่มคำก็ได้ มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
http://www.nextproject.net/online/dictionary/?p=1
อย่าลืมคลิก ‘หน้าถัดไป’ ถ้าแสดงผลหลายหน้า
[858]แนะนำเว็บ SEAlang Library(เพื่ออ่าน-เขียน-แปล)
16. เพิ่มคลังศัพท์ภาษาอังกฤษในสมองด้วยวิธี ‘พลิก’ หรือ ‘คลิก’ ไปเรื่อย ๆ ศัพท์ที่ไม่เคยพบมาก่อนก็จะเริ่มเห็น ศัพท์ที่เคยเห็นมาบ้างก็จะจำได้มากขึ้น ศัพท์ที่จำได้แล้วก็จะจำได้แม่นและแน่นยิ่งขึ้น มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
[277] เชิญทำ random test แกรมมาร์ และ vocab ที่นี่
[299] ทดสอบศัพท์ให้สนุก มาที่นี่ครับ
[160] Random Word:ทดสอบศัพท์ ไทย / อังกฤษ
17. จำ prefix (พยางค์เติมหน้า) และ suffix (พยางค์ต่อท้าย) พื้นฐานไว้บ้าง พยางค์เหล่านี้จะช่วยให้เราแยกแยะส่วนประกอบของคำได้ อย่างน้อยก็ในระดับพื้นฐาน ทำให้เดาความหมายของศัพท์ได้ง่ายขึ้น พอเดาบ่อย ๆ ได้ก็จะจำได้ง่ายขึ้น มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
prefix 1
prefix 2
suffix
[93] เดาศัพท์จาก prefix - suffix
18. จำความหมายของรากศัพท์ไว้ ยิ่งจำได้มากเท่าใด ก็จะเดาความหมายของคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
อธิบายเรื่องรากศัพท์ได้ดีมาก,,, คลิก
[363] ที่มาของถ้อยคำ / สำนวน ในภาษาอังกฤษ
19. ทำสมุดคำศัพท์ที่เป็น digital file ที่ง่าย ๆ ก็ใช้ เอกสาร WORD นี่แหละทำ โดยคำศัพท์ 1 คำประกอบด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้ (ยกตัวอย่างคำว่า love)
- คำศัพท์: love
- คำแปลเป็นภาษาไทย: หาจากเว็บนี้
http://www.babylon.com/define/122
-คำแปลเป็นภาษาอังกฤษ / เสียงอ่าน / ประโยคตัวอย่าง: http://www.dicts.info/define.php
-ภาพศัพท์หรือ clipart:
[145]Clip art สำหรับอาจารย์และนักศึกษาภาษาอังกฤษ
* * * * *
เมื่อทำออกมาแล้ว มันจะคล้าย ๆ อย่างนี้ครับ
Love: (ลัฟว) {loved,loving, loves} n. ความรัก,ความชอบมาก
http://www.dicts.info/define.php?word=love
(คลิกที่ไอคอนรูปลำโพง จะได้ยินเสียงอ่าน)
ได้จากเว็บ http://www.barrysclipart.com/
พิมพ์ศัพท์ที่ต้องการหา Clipart ที่ช่อง Search มุมบนขวา
* * * * *
20. ทบทวนศัพท์เมื่อตื่นนอนและก่อนนอน: เมื่อตื่นนอนซึ่งเป็นเวลาที่สมองกำลังโล่งเพราะเพิ่งตื่น เอาสมุดจดศัพท์มาทบทวนสัก 10 นาที และก่อนจะล้มตัวลงนอน ซึ่งเป็นเวลาที่สมองกำลังจะโล่งเพราะกำลังจะหลับ ก็เอาสมุดจดศัพท์มาทบทวนอีกสัก 10 นาที เมื่อใช้เวลาเท่ากัน เวลาตื่นนอนและจะล้มตัวลงนอนนี้ ท่านจะจำศัพท์ได้มาก - ได้เร็ว - และได้นานกว่าเวลาอื่น ๆ
ทั้งหลายทั้งปวงที่เล่ามานี้ บางข้อก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่าข้ออื่น ท่านทำเท่าที่ทำได้แล้วกันครับ แต่ก็อยากจะให้ลองทำพอรู้รสทุกข้อแหละครับ แล้วก็จะได้เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวท่านมากที่สุด
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วิธีจำศัพท์ให้ได้มาก ๆ – จำได้เร็ว – และจำได้นานไม่ลืมง่าย ๆ ที่จะเล่าต่อไปนี้ ส่วนใหญ่มาจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเอง และบางส่วนมาจากผู้อื่น เชื่อว่าบางข้อท่านผู้อ่านน่าจะสามารถเอาไปใช้ได้ ไม่มากก็น้อย
1. มีสมาธิขณะที่อ่านและฟังภาษาอังกฤษ หากขาดสมาธิหรือสมาธิอ่อน จะจับถ้อยคำที่อ่านหรือฟังไม่ได้หรือได้น้อย ภาษาไทยเรียกว่า ‘ฟังไม่ได้ศัพท์’ เมื่อไม่ได้ศัพท์ก็จำศัพท์ไม่ได้
2. ควร ‘จำ’ ความหมายพื้นฐานของคำศัพท์ 1,000 คำนี้ให้ได้ เมื่อจำได้แล้วจะเหมือนได้ก้าวข้ามประตูสู่โลกของภาษาสากลที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต จะจำด้วยวิธี ‘ท่อง’ หรือด้วยวิธีใดก็ได้ ขอให้จำให้ได้ก็ใช้ได้ ถ้าใช้วิธีสบาย ๆ จำไม่ได้ ก็ต้องเพิ่มความอดทนและวินัย
คลิกขวาที่ลิงค์, คลิกซ้าย Save Target As, และหาที่ Save ไว้ในเครื่อง
คำที่ 1-500 มีคำแปล & คำที่ 501-1000 มีคำแปล
หรือคลิกดาวน์โหลดที่ลิงค์ข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
words_1_500_translated
words_501_1000_translated
3. มีสมุดโน้ตเล่มเล็ก ๆ ติดกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าถือไว้เสมอ สงสัยศัพท์คำใด หรือนั่งอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไร หรือเมื่อมองไปรอบตัวและเห็นสิ่งของ หรือป้ายต่าง ๆ ถามตัวเองว่า สิ่งนั้นศัพท์ภาษาอังกฤษเรียกว่าอะไร ถ้าตอบไม่ได้ก็จดคำนั้นในสมุดโน้ต และทำการบ้านคือหาคำแปลจากดิกชันนารีหรือผู้รู้และจดลงไป และเปิดอ่านทบทวนเป็นระยะ ๆ
4. มีดิกชันนารีขนาดเล็กมาก ๆ หรือขนาดจิ๋วติดกระเป๋าถือไว้ เพื่อพลิกหาความหมายยามสงสัย หรือทบทวนศัพท์ยามเหงาหรือยามว่าง เป็นวิธีที่แก้เหงาและแก้โรคขี้ลืมได้เป็นอย่างดี และเพิ่มคำศัพท์ในสมองอีกด้วย
5. มีวิธีหนึ่งที่ผมเคยใช้จำคำศัพท์สมัยเด็ก ๆ คือ จดคำศัพท์พร้อมคำแปลตัวโต ๆ ไว้ที่ฝาห้องแล้วนอนท่องเล่น ๆ บ้าง ท่องจริง ๆ บ้างไปเรื่อย ๆ ทำให้จำได้ดีเหมือนกันครับ สมัยนี้น้อง ๆ อาจจะใช้วิธีเขียนไว้ที่กระดาษ Post-It Note แล้วแปะไว้ที่ตู้กระจก หรือที่ไหนก็ได้ในห้องนอนของตัวเองที่มองเห็นง่าย ๆ
6. เล่นเกมคำศัพท์ เช่น scrabble, hangman, crossword puzzle จะเล่นคนเดียวหรือเล่นกับเพื่อนหรือกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์ก็ได้
[906] เพิ่มศัพท์ด้วยโปรแกรม picture hangman ฟรี !!
[890] ดาวน์โหลดเกมแก้เซ็ง ที่ช่วยเติมศัพท์ใส่สมอง
เกม
7. อ่านภาษาอังกฤษทุกวัน เริ่มจากเรื่องที่ชอบ จากน้อยไปมาก จากง่ายไปยาก แต่ขอให้อ่านทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องทุกถ้อยคำที่อ่าน แต่ให้ใส่ใจกับทุกถ้อยคำที่อ่าน ไม่รู้เรื่องก็จะค่อย ๆ รู้เรื่องมากขึ้นเอง และเมื่อใส่ใจก็จะค่อย ๆ เข้าใจมากขึ้นเอง นี่เป็นกฎธรรมชาติ
reading
8. ฟังภาษาอังกฤษทุกวัน เริ่มจากเรื่องที่ชอบ จากน้อยไปมาก จากง่ายไปยาก แต่ขอให้ฟังทุกวัน ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องทุกถ้อยคำที่ฟัง แต่ให้ใส่ใจกับทุกถ้อยคำที่ฟัง ไม่รู้เรื่องก็จะค่อย ๆ รู้เรื่องมากขึ้นเอง และเมื่อใส่ใจก็จะค่อย ๆ เข้าใจมากขึ้นเอง นี่เป็นกฎธรรมชาติ
listening
[376] เพลิดเพลินกับการฝึกภาษาผ่านการดูวีดิโอ
9. ในวันหนึ่ง ๆ ลองพยายามนึกพูดเป็นภาษาอังกฤษอย่างน้อย 3 ประโยค ถ้านึกไม่ออกหรือไม่แน่ใจว่าควรจะพูดอย่างไร ให้จดใส่สมุดโน้ตไว้ และทำการบ้านโดยสอบถามผู้รู้และฝึกพูดออกมาดัง ๆ และจดลงสมุดโน๊ตเพื่อเปิดพูดทบทวนเป็นระยะ ๆ
10. ใช้วิธีจำศัพท์ด้วยภาพ มีเว็บหลายเว็บที่เป็นตัวช่วยในวิธีนี้
การศึกษาภาษาอังกฤษจากภาพ
11.ใช้วิธีจำศัพท์ด้วยคำคล้องจอง มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้
'ศัพท์คำพ้อง'วิ่ง 3000 คำ
12. ใช้บัตรคำช่วยจำภาพ ด้านหนึ่งเขียนคำศัพท์ อีกด้านหนึ่งเขียนคำแปล เวลาทบทวนจะใช้วิธีมองคำศัพท์แล้วนึกถึงคำแปล หรือมองคำแปลแล้วพยายามนึกถึงคำศัพท์ หรือใช้ทั้ง 2 วิธีสลับกันก็ได้
13. จำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีอ่านหลาย ๆ ประโยคตัวอย่างที่มีศัพท์ตัวนั้น มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
พิมพ์คำศัพท์, Enter, คลิก Example
http://eedic.naver.com/
พิมพ์คำศัพท์, Enter
http://jukuu.com/
http://www.natcorp.ox.ac.uk/
14. จำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีจำศัพท์เป็นกลุ่มคำที่มีความสัมพันธ์ในแง่ใดแง่หนึ่ง มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
[2] ท่านเคยใช้ reverse dictionary ไหมครับ?
15. นึกถึงคำศัพท์ภาษาไทยแล้วหาคำแปลที่เป็นศัพท์ภาษาอังกฤษ อาจจะจำเป็นคำ ๆ หรือจำเป็นกลุ่มคำก็ได้ มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
http://www.nextproject.net/online/dictionary/?p=1
อย่าลืมคลิก ‘หน้าถัดไป’ ถ้าแสดงผลหลายหน้า
[858]แนะนำเว็บ SEAlang Library(เพื่ออ่าน-เขียน-แปล)
16. เพิ่มคลังศัพท์ภาษาอังกฤษในสมองด้วยวิธี ‘พลิก’ หรือ ‘คลิก’ ไปเรื่อย ๆ ศัพท์ที่ไม่เคยพบมาก่อนก็จะเริ่มเห็น ศัพท์ที่เคยเห็นมาบ้างก็จะจำได้มากขึ้น ศัพท์ที่จำได้แล้วก็จะจำได้แม่นและแน่นยิ่งขึ้น มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
[277] เชิญทำ random test แกรมมาร์ และ vocab ที่นี่
[299] ทดสอบศัพท์ให้สนุก มาที่นี่ครับ
[160] Random Word:ทดสอบศัพท์ ไทย / อังกฤษ
17. จำ prefix (พยางค์เติมหน้า) และ suffix (พยางค์ต่อท้าย) พื้นฐานไว้บ้าง พยางค์เหล่านี้จะช่วยให้เราแยกแยะส่วนประกอบของคำได้ อย่างน้อยก็ในระดับพื้นฐาน ทำให้เดาความหมายของศัพท์ได้ง่ายขึ้น พอเดาบ่อย ๆ ได้ก็จะจำได้ง่ายขึ้น มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
prefix 1
prefix 2
suffix
[93] เดาศัพท์จาก prefix - suffix
18. จำความหมายของรากศัพท์ไว้ ยิ่งจำได้มากเท่าใด ก็จะเดาความหมายของคำศัพท์ได้ง่ายขึ้นเท่านั้น มีบางเว็บที่เป็นตัวช่วยในเรื่องนี้ เช่น
อธิบายเรื่องรากศัพท์ได้ดีมาก,,, คลิก
[363] ที่มาของถ้อยคำ / สำนวน ในภาษาอังกฤษ
19. ทำสมุดคำศัพท์ที่เป็น digital file ที่ง่าย ๆ ก็ใช้ เอกสาร WORD นี่แหละทำ โดยคำศัพท์ 1 คำประกอบด้วยองค์ประกอบดังต่อไปนี้ (ยกตัวอย่างคำว่า love)
- คำศัพท์: love
- คำแปลเป็นภาษาไทย: หาจากเว็บนี้
http://www.babylon.com/define/122
-คำแปลเป็นภาษาอังกฤษ / เสียงอ่าน / ประโยคตัวอย่าง: http://www.dicts.info/define.php
-ภาพศัพท์หรือ clipart:
[145]Clip art สำหรับอาจารย์และนักศึกษาภาษาอังกฤษ
* * * * *
เมื่อทำออกมาแล้ว มันจะคล้าย ๆ อย่างนี้ครับ
Love: (ลัฟว) {loved,loving, loves} n. ความรัก,ความชอบมาก
http://www.dicts.info/define.php?word=love
(คลิกที่ไอคอนรูปลำโพง จะได้ยินเสียงอ่าน)
ได้จากเว็บ http://www.barrysclipart.com/
พิมพ์ศัพท์ที่ต้องการหา Clipart ที่ช่อง Search มุมบนขวา
* * * * *
20. ทบทวนศัพท์เมื่อตื่นนอนและก่อนนอน: เมื่อตื่นนอนซึ่งเป็นเวลาที่สมองกำลังโล่งเพราะเพิ่งตื่น เอาสมุดจดศัพท์มาทบทวนสัก 10 นาที และก่อนจะล้มตัวลงนอน ซึ่งเป็นเวลาที่สมองกำลังจะโล่งเพราะกำลังจะหลับ ก็เอาสมุดจดศัพท์มาทบทวนอีกสัก 10 นาที เมื่อใช้เวลาเท่ากัน เวลาตื่นนอนและจะล้มตัวลงนอนนี้ ท่านจะจำศัพท์ได้มาก - ได้เร็ว - และได้นานกว่าเวลาอื่น ๆ
ทั้งหลายทั้งปวงที่เล่ามานี้ บางข้อก็ต้องใช้ความพยายามมากกว่าข้ออื่น ท่านทำเท่าที่ทำได้แล้วกันครับ แต่ก็อยากจะให้ลองทำพอรู้รสทุกข้อแหละครับ แล้วก็จะได้เลือกวิธีที่เหมาะกับตัวท่านมากที่สุด
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[906] เพิ่มศัพท์ด้วยโปรแกรม picture hangman ฟรี !!
สวัสดีครับ
ผมเคยแนะนำเกม hangman เพื่อเพิ่มคำศัพท์ และความเพลิดเพลิน ที่ลิงค์นี้
[47] เล่น Hangman เพิ่มคำศัพท์
A1 HangWord 1.0 A1 HangWord 1
วันนี้ผมมี Hangman มาแนะนำอีก แต่เป็น picture hangman คือมีภาพให้ดูและให้เติมคำศัพท์ เล่นสนุกมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนู ๆ น้อง ๆ ที่เริ่มจำคำศัพท์
เป็นโปรแกรมฟรีให้ดาวน์โหลด ชื่อ Hangkid 2.1
ที่เว็บนี้ครับ
http://www.nonags.com/software.asp?id=1037
และคลิกดาวน์โหลดที่นี่
Download From Author's Link (4.89 mb)
หรือที่นี่ก็ได้
http://www.4shared.com/file/76697806/9901f30e/picture_hangman_Hangkid.html
เมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว มีวิธีเล่นดังนี้
1. เปิดโปรแกรมโดย คลิก Start, All Programs, HANGKID, HANGKID
2. ปิด หรือ minimize ทุกหน้าต่าง ที่หน้าจอ
3. จะเห็นภาพผู้ชายยกหมัด, คลิก Start
4. คลิก Menu ที่มุมขวาบนสุด, คลิก English
5. ถ้าต้องการอ่านวิธีเล่น คลิกที่ปุ่มเครื่องหมายคำถาม
6. ถ้าต้องการเล่นเดี๋ยวนี้ คลิกปุ่ม GP, และปุ่มสีฟ้า 20-50-100
7.เลือกคลิกปุ่ม 20, 50, หรือ 100 ก็ได้
8. คลิก GO เพื่อเล่น
ต่อจากนี้ก็เล่นเหมือนเกม hangman ทั่วไป แต่ที่พิเศษ คือ มีการใบ้คำเป็นภาพ ซึ่งน่าสนุกทีเดียว
อันที่จริงโปรแกรมนี้สามารถเพิ่มคำศัพท์และภาพได้ไม่จำกัด โดยคลิกที่ ปุ่ม Menu, BOOK, WORDS แต่คนทำต้องเล่นคอมฯเป็นอยู่บ้างนิดหน่อย
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
ผมเคยแนะนำเกม hangman เพื่อเพิ่มคำศัพท์ และความเพลิดเพลิน ที่ลิงค์นี้
[47] เล่น Hangman เพิ่มคำศัพท์
A1 HangWord 1.0 A1 HangWord 1
วันนี้ผมมี Hangman มาแนะนำอีก แต่เป็น picture hangman คือมีภาพให้ดูและให้เติมคำศัพท์ เล่นสนุกมากครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหนู ๆ น้อง ๆ ที่เริ่มจำคำศัพท์
เป็นโปรแกรมฟรีให้ดาวน์โหลด ชื่อ Hangkid 2.1
ที่เว็บนี้ครับ
http://www.nonags.com/software.asp?id=1037
และคลิกดาวน์โหลดที่นี่
Download From Author's Link (4.89 mb)
หรือที่นี่ก็ได้
http://www.4shared.com/file/76697806/9901f30e/picture_hangman_Hangkid.html
เมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งเรียบร้อยแล้ว มีวิธีเล่นดังนี้
1. เปิดโปรแกรมโดย คลิก Start, All Programs, HANGKID, HANGKID
2. ปิด หรือ minimize ทุกหน้าต่าง ที่หน้าจอ
3. จะเห็นภาพผู้ชายยกหมัด, คลิก Start
4. คลิก Menu ที่มุมขวาบนสุด, คลิก English
5. ถ้าต้องการอ่านวิธีเล่น คลิกที่ปุ่มเครื่องหมายคำถาม
6. ถ้าต้องการเล่นเดี๋ยวนี้ คลิกปุ่ม GP, และปุ่มสีฟ้า 20-50-100
7.เลือกคลิกปุ่ม 20, 50, หรือ 100 ก็ได้
8. คลิก GO เพื่อเล่น
ต่อจากนี้ก็เล่นเหมือนเกม hangman ทั่วไป แต่ที่พิเศษ คือ มีการใบ้คำเป็นภาพ ซึ่งน่าสนุกทีเดียว
อันที่จริงโปรแกรมนี้สามารถเพิ่มคำศัพท์และภาพได้ไม่จำกัด โดยคลิกที่ ปุ่ม Menu, BOOK, WORDS แต่คนทำต้องเล่นคอมฯเป็นอยู่บ้างนิดหน่อย
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[905] ประโยคภาษาอังกฤษขำขำ ที่คนไทยมักพูดผิด
สวัสดีครับ
ผมไปพบ “ประโยคภาษาอังกฤษขำขำ ที่คนไทยมักพูดผิด” เห็นว่าขำดีและเป็นตัวอย่าง classic การออกเสียงภาษาอังกฤษผิด ๆ ของคนไทยโดยทั่วไป
ลิงค์ที่ 1
ลิงค์ที่ 2
ลิงค์ที่ 3
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะพูดดัง ๆ ไว้ ณ ที่นี้ ไอ้การออกเสียงภาษาอังกฤษผิดเพี้ยนนี่นะครับ มันก็เป็นกันทุกชาติแหละครับที่พูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้เป็นเฉพาะคนไทยเท่านั้น และแม้คนชาติอื่นหรือฝรั่งที่หัดพูดภาษาไทยก็เหมือนกันแหละครับ ก็พูดภาษาไทยอย่างผิด ๆ เพี้ยน ๆ เยอะแยะไป
ผมมีตัวอย่างหนึ่งที่ขอเล่าให้ฟัง เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมไปเจอฝรั่งคนหนึ่ง อยู่เมืองไทยมาหลายปี แถมจีบสาวไทย จะขอไปอยู่กินที่สหรัฐด้วยซ้ำ เพื่อนๆบอกว่า Mr. Carlton คนนี้พูดภาษาไทยเก่งมาก ฟังรู้เรื่องหมด ผมบอกว่า ขออนุญาตเล่นอะไรด้วยนิดนึงได้ไหม โดยบอกเขาว่า มีภาษาไทยที่ฟังยาก พูดยากอยู่ 3-4 ตัว คือ มวย(ฺBoxing) หมวย(Chinese girl), สวย(beautiful), ซวย( unlucky) แล้วผมก็ให้นาย Carlton แปลภาษาไทย 3-4 ประโยค ต่อไปนี้ สลับไปสลับมา คือ หมวยสวยมาก - หมวยซวยมาก - มวยสวยมาก - และ มวยซวยมาก ถามไป - ตอบมา อยู่ 2-3 ทีเท่านั้นแหละครับ Mr.Carlton ใบ้รับประทานเลยละครับ แยกไม่ออก
คำพูดสุดท้ายของผมก็คือ ถ้าเรารู้ว่าเราออกเสียงผิดก็พยายามออกให้มันถูก ก็เท่านั้นแหละครับ พูดไม่ถูกก็ฝึกพูดให้มันถูก อย่าให้เป็นว่า พูดไม่ถูกเลยท้อไม่พูด อย่างนี้ไม่ดีครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
ผมไปพบ “ประโยคภาษาอังกฤษขำขำ ที่คนไทยมักพูดผิด” เห็นว่าขำดีและเป็นตัวอย่าง classic การออกเสียงภาษาอังกฤษผิด ๆ ของคนไทยโดยทั่วไป
ลิงค์ที่ 1
ลิงค์ที่ 2
ลิงค์ที่ 3
แต่มีเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะพูดดัง ๆ ไว้ ณ ที่นี้ ไอ้การออกเสียงภาษาอังกฤษผิดเพี้ยนนี่นะครับ มันก็เป็นกันทุกชาติแหละครับที่พูดภาษาอังกฤษ ไม่ได้เป็นเฉพาะคนไทยเท่านั้น และแม้คนชาติอื่นหรือฝรั่งที่หัดพูดภาษาไทยก็เหมือนกันแหละครับ ก็พูดภาษาไทยอย่างผิด ๆ เพี้ยน ๆ เยอะแยะไป
ผมมีตัวอย่างหนึ่งที่ขอเล่าให้ฟัง เมื่อหลายปีมาแล้ว ผมไปเจอฝรั่งคนหนึ่ง อยู่เมืองไทยมาหลายปี แถมจีบสาวไทย จะขอไปอยู่กินที่สหรัฐด้วยซ้ำ เพื่อนๆบอกว่า Mr. Carlton คนนี้พูดภาษาไทยเก่งมาก ฟังรู้เรื่องหมด ผมบอกว่า ขออนุญาตเล่นอะไรด้วยนิดนึงได้ไหม โดยบอกเขาว่า มีภาษาไทยที่ฟังยาก พูดยากอยู่ 3-4 ตัว คือ มวย(ฺBoxing) หมวย(Chinese girl), สวย(beautiful), ซวย( unlucky) แล้วผมก็ให้นาย Carlton แปลภาษาไทย 3-4 ประโยค ต่อไปนี้ สลับไปสลับมา คือ หมวยสวยมาก - หมวยซวยมาก - มวยสวยมาก - และ มวยซวยมาก ถามไป - ตอบมา อยู่ 2-3 ทีเท่านั้นแหละครับ Mr.Carlton ใบ้รับประทานเลยละครับ แยกไม่ออก
คำพูดสุดท้ายของผมก็คือ ถ้าเรารู้ว่าเราออกเสียงผิดก็พยายามออกให้มันถูก ก็เท่านั้นแหละครับ พูดไม่ถูกก็ฝึกพูดให้มันถูก อย่าให้เป็นว่า พูดไม่ถูกเลยท้อไม่พูด อย่างนี้ไม่ดีครับ
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
[904]ดาวน์โหลดหนังสือ คำและสำนวนประโยคภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
ผมไปพบหนังสือชื่อ “คำและสำนวนประโยคภาษาอังกฤษ ที่จำเป็นสำหรับนักเรียนและครูอาชีวศึกษา” (USEFUL WORDS AND EXPRESSIONS FOR VOCATIONAL STUDENTS & TEACHERS) ซึ่งเรียบเรียงโดย ดร. ประพนธ์ จุนทวิเทศ ที่เว็บนี้ครับ
http://www.bpcd.net/new_subject/general/Articles/09.pdf
แม้จะบอกว่าเป็นหนังสือ ”...สำหรับนักเรียนและครูอาชีวศึกษา” แต่เมื่อดูหัวข้อและเนื้อหาแล้ว ผมเห็นว่าหนังสือนี้เหมาะกับทุกคนเลยครับที่ต้องการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
เนื้อหาที่นำเสนอแบ่งหมวดหมู่เป็น 17 หัวข้อ ดังนี้
1. การทักทาย (Greetings)
2. การอำลา (Leave Taking)
3. การแนะนำตนเองและผู้อื่น (Introducing Oneself and Others)
4. การให้และขอข้อมูลส่วนบุคคล (Giving and Asking for Personal Information)
5. การขอบคุณ (Thanking)
6. การขอโทษ (Apologizing)
7. การถามเวลา (Asking for Time)
8. การถามชื่อ ที่อยู่ การเรียน และอาชีพ (Asking for Name, Address, Study and Work)
9. การถามทิศทาง (Asking for Direction)
10. การสอบถามเรื่องสุขภาพ (Asking about Health)
11. การพูดคุยเกี่ยวกับสภาพอากาศ (Talking about Weather)
12. การเสนอให้ความช่วยเหลือ (Offering Help)
13. การขอร้อง (Requesting)
14. การแสดงความคิดเห็น (Expressing an Opinion)
15. การกล่าวชมเชย (Admiring)
16. การเชิญ (Inviting)
17. ศัพท์และสำนวนอื่น ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (Other Words & Expressions in Everyday Life)
ท่านจะดาวน์โหลดจากเว็บข้างบนหรือจะคลิกดาวน์โหลดจากลิงค์ข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
http://www.4shared.com/file/76657248/d2b273da/USEFUL_WORDS_AND_EXPRESSIONS.html
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
ผมไปพบหนังสือชื่อ “คำและสำนวนประโยคภาษาอังกฤษ ที่จำเป็นสำหรับนักเรียนและครูอาชีวศึกษา” (USEFUL WORDS AND EXPRESSIONS FOR VOCATIONAL STUDENTS & TEACHERS) ซึ่งเรียบเรียงโดย ดร. ประพนธ์ จุนทวิเทศ ที่เว็บนี้ครับ
http://www.bpcd.net/new_subject/general/Articles/09.pdf
แม้จะบอกว่าเป็นหนังสือ ”...สำหรับนักเรียนและครูอาชีวศึกษา” แต่เมื่อดูหัวข้อและเนื้อหาแล้ว ผมเห็นว่าหนังสือนี้เหมาะกับทุกคนเลยครับที่ต้องการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ
เนื้อหาที่นำเสนอแบ่งหมวดหมู่เป็น 17 หัวข้อ ดังนี้
1. การทักทาย (Greetings)
2. การอำลา (Leave Taking)
3. การแนะนำตนเองและผู้อื่น (Introducing Oneself and Others)
4. การให้และขอข้อมูลส่วนบุคคล (Giving and Asking for Personal Information)
5. การขอบคุณ (Thanking)
6. การขอโทษ (Apologizing)
7. การถามเวลา (Asking for Time)
8. การถามชื่อ ที่อยู่ การเรียน และอาชีพ (Asking for Name, Address, Study and Work)
9. การถามทิศทาง (Asking for Direction)
10. การสอบถามเรื่องสุขภาพ (Asking about Health)
11. การพูดคุยเกี่ยวกับสภาพอากาศ (Talking about Weather)
12. การเสนอให้ความช่วยเหลือ (Offering Help)
13. การขอร้อง (Requesting)
14. การแสดงความคิดเห็น (Expressing an Opinion)
15. การกล่าวชมเชย (Admiring)
16. การเชิญ (Inviting)
17. ศัพท์และสำนวนอื่น ๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน (Other Words & Expressions in Everyday Life)
ท่านจะดาวน์โหลดจากเว็บข้างบนหรือจะคลิกดาวน์โหลดจากลิงค์ข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
http://www.4shared.com/file/76657248/d2b273da/USEFUL_WORDS_AND_EXPRESSIONS.html
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551
[903] สารพัดวิธี (How to) มีให้อ่านในอินเตอร์เน็ต
สวัสดีครับ
ผมว่าหนังสือประเภท “How to” คือหนังสือที่สอนวิธีทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นหนังสือที่มีผู้อ่านทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าจะมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป และสิ่งที่สอนนี้ก็หลากหลายครับ อาจจะมีตั้งแต่หนังสือที่บอกเคล็ดลับงานบ้านต่าง ๆ สำหรับแม่บ้าน สอนงานช่างสำหรับคนที่ไม่เคยหยิบจับเครื่องไม้เครื่องมือมาเลยหรือสอนวิธีลัดสำหรับคนที่เป็นงานอยู่แล้ว สูงขึ้นไปจนถึงสอนวิธีการบริหารงานบุคคล สอนวิธีจีบสาว-วิธีจีบหนุ่ม สอนวิธีทำอาหาร สอนวิธีทำใจเมื่อเจอความทุกข์ สอนวิธีทำสมาธิ สอนวิธีคำนวณเลขล็อตเตอรี่ที่จะออกงวดหน้า พูดง่าย ๆ ก็คือในทุกสิ่งที่มนุษย์ทำ สามารถนำเอามาเขียนเป็นหนังสือประเภท How to ได้ทั้งสิ้น หนังสือประเภทนี้มีทั้งที่คนไทยแต่งเองและที่แปลมาจากภาษาต่างประเทศ
และเมื่อมีอินเตอร์เน็ต ข้อความเกี่ยวกับเรื่อง How to ก็มีเต็มไปหมดใน world wide web ลองดูจากข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
ภาษาไทย ค้นโดยใช้ Google
http://tinyurl.com/48dkyh
ภาษาอังกฤษ ค้นโดยใช้ Google
http://tinyurl.com/42doh3
และมีหนังสือเล่ม ๆ ที่ให้ท่านดาวน์โหลดได้ฟรี ๆ
http://tinyurl.com/3hwvhr
http://fileshunt.com/?q=how+to
http://www.esnips.com/_t_/how+to?q=how+to
[77] แนะนำเว็บดีประเภท ‘How To’
ใน YouTube ก็มีวีดิโอเกี่ยวกับ How to ให้ดูมากมาย คลิก
หรือใน Video Google ก็มีวีดิโอเกี่ยวกับ How to เช่นกัน คลิก
ลองเลือก How to ที่เป็นภาษาอังกฤษอ่านสักเรื่องสองเรื่องซีครับ เอาเรื่องที่ท่านสนใจ นอกจากได้ความรู้จาก How to แล้วยังได้ฝึก reading skill อีกด้วย
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
ผมว่าหนังสือประเภท “How to” คือหนังสือที่สอนวิธีทำสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นหนังสือที่มีผู้อ่านทุกยุคทุกสมัย แม้ว่าจะมากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป และสิ่งที่สอนนี้ก็หลากหลายครับ อาจจะมีตั้งแต่หนังสือที่บอกเคล็ดลับงานบ้านต่าง ๆ สำหรับแม่บ้าน สอนงานช่างสำหรับคนที่ไม่เคยหยิบจับเครื่องไม้เครื่องมือมาเลยหรือสอนวิธีลัดสำหรับคนที่เป็นงานอยู่แล้ว สูงขึ้นไปจนถึงสอนวิธีการบริหารงานบุคคล สอนวิธีจีบสาว-วิธีจีบหนุ่ม สอนวิธีทำอาหาร สอนวิธีทำใจเมื่อเจอความทุกข์ สอนวิธีทำสมาธิ สอนวิธีคำนวณเลขล็อตเตอรี่ที่จะออกงวดหน้า พูดง่าย ๆ ก็คือในทุกสิ่งที่มนุษย์ทำ สามารถนำเอามาเขียนเป็นหนังสือประเภท How to ได้ทั้งสิ้น หนังสือประเภทนี้มีทั้งที่คนไทยแต่งเองและที่แปลมาจากภาษาต่างประเทศ
และเมื่อมีอินเตอร์เน็ต ข้อความเกี่ยวกับเรื่อง How to ก็มีเต็มไปหมดใน world wide web ลองดูจากข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
ภาษาไทย ค้นโดยใช้ Google
http://tinyurl.com/48dkyh
ภาษาอังกฤษ ค้นโดยใช้ Google
http://tinyurl.com/42doh3
และมีหนังสือเล่ม ๆ ที่ให้ท่านดาวน์โหลดได้ฟรี ๆ
http://tinyurl.com/3hwvhr
http://fileshunt.com/?q=how+to
http://www.esnips.com/_t_/how+to?q=how+to
[77] แนะนำเว็บดีประเภท ‘How To’
ใน YouTube ก็มีวีดิโอเกี่ยวกับ How to ให้ดูมากมาย คลิก
หรือใน Video Google ก็มีวีดิโอเกี่ยวกับ How to เช่นกัน คลิก
ลองเลือก How to ที่เป็นภาษาอังกฤษอ่านสักเรื่องสองเรื่องซีครับ เอาเรื่องที่ท่านสนใจ นอกจากได้ความรู้จาก How to แล้วยังได้ฝึก reading skill อีกด้วย
พิพัฒน์
pptstn@yahoo.com
วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2551
คลิกดูสารบัญหัวข้อที่ 901 - 1000
[1000] ชมวีดิโอพุทธประวัติภาษาอังกฤษ 2 เวอร์ชั่น
[999] รื่นรมย์ใจกับภาพถ่ายที่งดงาม
[998] รวมสุดยอดวีดิโอ สอนภาษาอังกฤษ จาก YouTube
[997]เรียนอังกฤษวันละ 1 บทกับ FunEasyEnglish.Com
[996] ‘ธรรมจักร’ - - ‘เว็บ’ ที่เป็นเหมือน ‘วัด’
[995] แนะนำหน้า Simple English ของ ‘วิกิพีเดีย’
[994] เชิญอ่านนิยายภาษาอังกฤษ ฟรี!
[993] อ่านเรื่องง่าย ๆ สั้น ๆ สนุก ศัพท์ไม่ยาก
[992] dictionary + encyclopedia ที่น่าสนใจ
[991] เว็บไซต์สอนภาษาอังกฤษที่ popular มาก ๆ
[990] ฝึกพูด 500 สำนวนสามัญของคนอเมริกัน
[989] เรียนภาษาอังกฤษกับเว็บไซต์ที่ทำเพื่อคนตาบอด
[988] เรียนภาษาอังกฤษกับเว็บของรัฐบาลสหรัฐฯ
[987]richreads.com –หลายเรื่องรอท่านเข้าไปเรียนรู้
[986] แปลทั้งหน้า 'จากไทยเป็นอังกฤษ' เพียง 2 คลิก
[985] โปรแกรมฟรี แปลงไฟล์วีดิโอเป็น mp3
[984]แปลทั้งหน้า ภ.ไทย <- - > ภ. อังกฤษ โดย Google
[983]ฟังธรรมะ 2 ภาษาจาก อจ. Brahm(ศิษย์หลวงพ่อชา)
[982]แนะนำเว็บภาษาอังกฤษของ'อาจารย์หนูพูล บุ้งทอง'
[981]เชิญอ่าน ‘พุทธประวัติ’ ที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคย
* * * * *
[980]ดูและดาวน์โหลดวีดิโอฟรี พร้อม script ภาษาอังกฤษ
[979] รวมหลายเว็บดีที่ขอแนะนำ
[978] หนังสือพิมพ์เสียง
[977] ทำ random grammar test ทีละข้อพร้อมเฉลย
[976] เช็คศัพท์ทีละคำ จากง่ายไปยาก (86,800 คำ)
[975] วิธีหา “คำย่อ” แปลก ๆ
[974] รวมเรียงความ ‘This I Believe’
[973] ชวนน้องร้องเพลงภาษาอังกฤษที่เว็บนี้
[972] บริการ Bookmark online ที่ไม่ควรพลาด
[971]เชิญทำแบบทดสอบบุคลิกลักษณะ โดย ‘ดาไลลามะ’
[970] แนะนำ listen-to-english.com (+D/L mp3)
[969] คุณค่าของคติพจน์
[968] ดาวน์โหลดวีดิโอจากเน็ต & TV โดยใช้ RealPlayer
[967] เรียนภาษาอังกฤษด้วย “LOVE"
[966] ขุมทรัพย์มหึมาให้ท่านดาวน์โหลดไฟล์ PowerPoin...
[965] Laughs for Wisdom
[964] 2 เหตุผลที่ผมขอชวนให้ท่านศึกษาธรรมะภ.อังกฤษ
[963] สอนฝรั่งนั่งสมาธิ
[962] ไม่รู้จะเริ่มเรียนตรงไหน มาที่นี่ครับ!
[961]เรียน ‘ภาษา’ จาก ‘ภาษิต’ ได้ประโยชน์ มหาศาล
* * * * **
[960] speak English กับเว็บ englishspeak.com
[959] ดาวน์โหลดไฟล์ PowerPoint ภาพศัพท์ 15 หมวด
[958] ‘ภาษาอังกฤษสำหรับอาชีพ…’ ทุกอาชีพ
[957] รวมดิกชันนารีช่วยงานเขียน – แปล ภาษาอังกฤษ
[956]วิธีค้น:“คำนี้”ฝรั่งใช้ในการพูดสนทนายังไงบ้าง?
[955] D/L ครบชุด ‘ ไฟล์สุนทรพจน์ Obama’ รับตำแหน่ง
[954] ‘ภาษาอังกฤษวันละประโยค (ภาค 2)’
[953] เรียนภาษาอังกฤษวันละประโยค
[952] ศัพท์หมวด: ของดีที่ขอพูดอีกครั้ง
* * * * *