วันอังคารที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2551

[832]ทำให้ดีที่สุด และอย่าเป็นทุกข์เพราะภาษาอังกฤษ

สวัสดีครับ
 ท่านผู้อ่านครับ ผมเขียนบล็อกนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2549 นับถึงขณะนี้ก็เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วกับงานอดิเรกที่รักงานนี้ ผมได้รับข้อความสะท้อนกลับมากพอสมควรจากท่านผู้อ่าน ทั้งจากอีเมลถึงผมโดยตรงและจากความเห็นที่เขียนท้ายบทความ มีทั้งที่เขียนมาขอบคุณ ให้กำลังใจเมื่อรู้ว่าผมไม่สบายและอวยพรให้หายเร็ว ๆ ถามแหล่งค้นคว้าหาความรู้ บอกให้ทราบปัญหาที่พบ ให้คำแนะนำและความคิดเห็น แสดงความตั้งใจที่จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอีกครั้งหลังจากที่ทิ้งไปนาน และอื่น ๆ อีกหลายอย่าง

ผมอ่านทุกคำของท่านด้วยความขอบคุณ และก็อย่างที่ผมเคยเรียนให้ทราบแล้ว แม้การทำบล็อกนี้จะเป็นงานอดิเรก แต่ก็เป็นงานอดิเรกที่ผมรักและมีความสุขอย่างยิ่งที่ได้ทำ ผมเชื่อว่าความสุขที่ได้เขียนให้ท่านอ่าน และเมื่อได้อ่านสิ่งที่ท่านเขียนกลับมา ทำให้ผมมีภูมิต้านทานโรคมากกว่าปกติ กินพอสมควร และไม่อ้วนมากเกินไป

จากสิ่งที่ท่านเขียนมา ผมได้เห็นภาพอะไรบางอย่าง และอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟังในวันนี้ ซึ่งมีอยู่ 2 เรื่องใหญ่ ๆ คือ สิ่งที่ท่านผู้อ่านหลาย ๆ ท่านเหมือนกัน และสิ่งที่ท่านผู้อ่านหลาย ๆ ท่านต่างกัน

ผมขอพูดเรื่องที่หลายท่านเหมือนกันก่อน….

เรื่องที่เห็นชัดที่สุดก็คือ ทุกท่านปรารถนาที่จะให้ตัวเองเก่งอังกฤษมากกว่าที่เป็นอยู่ เพื่อที่จะใช้ประโยชน์จากความเก่งนี้ เรื่องนี้เห็นได้ง่ายและชัดที่สุด แม้ผมไม่บอก ท่านก็คงเดาได้

แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ผมเดาเอาว่าแฟนบล็อกนี้เป็นเหมือน ๆ กัน ที่ผมใช้คำว่า ‘เดา’ ก็เพราะผมไม่แน่ใจ 100 % แต่ก็เชื่อว่าถ้าเดาไม่ใช่ก็ใกล้เคียง สิ่งนี้ก็คือ ท่านที่เป็นแฟนบล็อกนี้ต้องจัดว่าเป็น ‘นักอ่าน’ ไม่น้อยก็มาก ผมเห็นอะไรถึงได้เดาเช่นนี้ ?

ก็คือว่า มีบางท่านวิจารณ์มาว่า น่าจะจัดหน้าตาของบล็อกให้มันดูดีกว่านี้ มีลูกเล่นหรือ graphic หรือ เอา animation มาใส่ให้มากกว่านี้ จะได้ดูมีชีวิตชีวาและมีรสชาติชวนอ่านมากกว่านี้ ไม่น่าจะดำรงความทื่อ ๆ ของเว็บอย่างคงเส้นคงวามาตั้ง 2 ปีเข้านี่แล้ว และรสชาติของเว็บก็มีอยู่รสเดียวคือรสจืดที่คนเขียนไม่ยอมปรุงเพิ่ม คนอ่านก็เลยต้องกินไปทั้งจืด ๆ อย่างนี้

ท่านผู้อ่านครับ ถ้าท่านรู้สึกอย่างนั้นจนถึงขั้นหงุดหงิดรำคาญหรือต้องทำใจ โปรดได้รับการขออภัยจากผมด้วยเถิดครับ เรื่องของเรื่องก็คือว่า ทั้งเนื้อทั้งตัวผมมีฝีมือในการทำเว็บอยู่แค่นี้เอง ผมไม่มีพื้นฐานเดิมมาก่อนและเริ่มจากศูนย์จริง ๆ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งมันผิดจาก nature ของผมด้วย จะให้ผมเอารูปการ์ตูนคิกขุอะโนเนะมาแต่งแต้มให้เว็บเกิดสีสัน ผมก็ไม่อยากทำและไม่อยากเรียนวิธีทำด้วยครับ อีกอย่างหนึ่งเว็บหรือบล็อกที่มีลูกเล่นเช่นกราฟิกหรือแอนิเมชั่นมากเกินไปจะเสียเวลาเพิ่มขึ้นในการดาวน์โหลด ผมนึกถึงคนต่างจังหวัดที่เน็ตไม่เร็วเหมือนคนกรุงเทพ จึงไม่อยากบรรทุกของพวกนี้ไว้ให้หนักบล็อก มันจะได้ดาวน์โหลดได้เร็วหน่อยสำหรับเน็ตแรงน้อยของผู้อ่านต่างจังหวัด ท่านผู้อ่านคิดว่าความสามารถในการแก้ตัวของผมพอจะใช้ได้ไหมครับ

เมื่อเป็นเช่นนี้บล็อกนี้จึงมีแต่ข้อความให้อ่าน ผมก็ต้องขอสรุปเอาดื้อ ๆ แหละครับว่าท่านที่ชอบเข้าบล็อกนี้บ่อย ๆ เป็น ‘นักอ่าน’ เพราะบล็อกนี้ไม่มีอะไรเจริญหูเจริญตาเลย มีแต่ตัวหนังสือเต็มพรืดไปหมด

แต่... จะไม่ให้ผมพูดมากได้ยังไงครับ เพราะผมรู้สึกเอาจริง ๆ ว่า เรื่องที่ผมเอามาแนะนำนี้มันต้องพูดมากหน่อย ถ้าเว็บที่แนะนำเป็นสินค้า และผมเป็นเซลแมน ถ้าท่านไม่ยอมมให้ผมพูดมากหน่อย ท่านจะซื้อสินค้าของผมหรือครับ ผมอยากขายสินค้าผมก็ต้องพูดมากสักนิดแหละครับ ถ้าผมไม่โฆษณาและท่านขี้เกียจหยิบสินค้าขึ้นไปดู ผมก็ขายของไม่ออกขาดทุนแย่ซีครับ

เอาละครับ พูดมาซะยาวสรุปได้สั้น ๆ ประเด็นเดียวว่า ท่านผู้อ่านของผมมีความดีเลิศประเสริฐศรีอยู่ 2 ประการคือ 1. ต้องการพัฒนาตัวเองให้เก่งภาษาอังกฤษ และ 2. เป็นนักอ่านที่ดี

คราวนี้มาถึงเรื่องที่ 2 คือสิ่งที่ท่านผู้อ่านหลายท่านแตกต่างกัน คราวนี้ผมมีเรื่องพูดเยอะละครับ ผมจะค่อย ๆ ว่าไปทีละเรื่องนะครับ

เรื่องที่ 1 พื้นฐานของภาษาอังกฤษ:ท่านผู้อ่านมีความแตกต่างมากพอสมควรในเรื่องนี้ นี่ผมไม่ได้ดูจากใบคุณวุฒิทางการศึกษานะครับ ผมดูที่ทักษะจริง ๆ ที่มีอยู่ มีตั้งแต่อยากจะ start ไปตั้งแต่ A, B, C, D…. ไปจนถึงผู้ที่กำลังเรียนปริญญาเอก หรือเรียนอยู่เมืองนอก ฉะนั้นจึงมีตั้งแต่ผู้ที่ทักษะอ่อนมาก ๆ จนถึงแก่มาก ๆ และผมเชื่อแน่ ๆ ว่า มีจำนวนไม่น้อยที่เก่งภาษาอังกฤษมากกว่าผมหลายสิบเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เรียนจบจากต่างประเทศหรือใช้ชีวิตเมืองนอกหลายปี หรือทำงานประจำที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษที่เข้มแข็งอย่างเข้มข้น มีบางท่านเขียนมาจากฮ่องกงบอกว่า ได้ใช้เนื้อหาจากว็บนี้สอนภาษาอังกฤษผู้หญิงไทยที่ไปทำงานแม่บ้านที่นั่น มีคนหนึ่งอยู่ดูไบได้ใช้เนื้อหาจากว็บนี้สอนภาษาอังกฤษผู้ชายไทยที่ไปทำงานก่อสร้างที่นั่น บางคนเพิ่งไปทำงานที่สหรัฐฯยังพูดฝรั่งไม่ค่อยดีก็เรียนจากเว็บนี้

กลุ่มใหญ่ที่สุดของแฟนบล็อกนี้เป็นพนักงานบริษัท กลุ่มรองลงมาเป็นนักเรียนนักศึกษา สองกลุ่มนี้ก็มีปัญหาต่างกัน ในขณะที่พนักงานบริษัทต้องใช้ภาษาอังกฤษให้ได้มิฉะนั้นอาจถูกไล่ออก แต่นักเรียนนักศึกษาต้องสอบภาษาอังกฤษให้ผ่านมิฉะนั้นอาจสอบไล่ตก สรุปก็คือท่านผู้เข้ามาใช้บล็อกนี้มีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่หลากหลายมาก

ผมเคยได้รับการร้องขอจากท่านผู้อ่านท่านหนึ่งให้แยกแยะเว็บออกตามความง่ายยาก เช่น จาก 1 ไป 10 ผมทำไม่ได้และต้องขออภัยจริง ๆ ครับ เพราะไม่รู้จะทำยังไง เอาเป็นว่าเมื่อท่านเข้าไปดูและถ้าเห็นว่าเว็บใดพอฟัดพอเหวี่ยงกับท่านได้ก็เลือกฝึกเอาเลยครับ

เรื่องที่ 2 ต่างกันที่กำลังใจ, ความตั้งใจ, ความชอบใจ, และอะไร ๆ อีกหลายอย่าง ที่เกี่ยวกับใจ ในการฟิตภาษาอังกฤษ:
ผมได้ยินหลายคนพูดว่า เขามีพื้นฐานภาษาอังกฤษไม่แข็งแรงจึงเรียนภาษาอังกฤษไม่ค่อยรู้เรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าต้องเรียนด้วยตัวเอง ท่านผู้อ่านครับผมขออนุญาตที่จะเห็นต่างในกรณีนี้ คือผมเห็นว่าแม้พื้นฐานเดิมจะสำคัญ แต่ใจคนสำคัญกว่า ถ้าเหตุการณ์ในอดีตทั้งไกลและใกล้ ทำให้ท่านขาดกำลังใจ ไม่อยากตั้งใจ ไม่มีความชอบใจ ไม่สนใจ และอีกสารพัดไม่ในเรื่องใจ จนทำให้ท่านใม่อยากฝึก-ไม่อยากฟิต-ไม่อยากแม้แต่จะคิดเข้าใกล้ชิดภาษาอังกฤษ สรุปก็คือมีความรู้สึกลบล้วน ๆต่อการเรียนภาษาอังกฤษ ผมบอกได้คำเดียวว่าลำบากครับที่จะเก่งภาษาอังกฤษ

เรื่องที่ 3 ต่างกันที่พรสวรรค์ในการศึกษาภาษาอังกฤษ:เรื่องนี้ครูหลายคนเขาไม่พูดกัน เพราะเขาบอกว่าพรสวรรค์ไม่สำคัญเท่าพรแสวง แต่ผมก็ขออนุญาตยกเอามาพูดสั้น ๆ เพราะมันเป็นเรื่องจริง อย่างเช่น ถ้าจะเกณฑ์ให้ผมต้องได้เกรด A ในวิชาเคมี ชีวะ ฟิสิกส์ ก็คงจะไม่สำเร็จหรอกครับ แต่ถ้ามันจำเป็นผมก็จะพยายามสอบ ให้ได้ เกรด C จะได้เรียนจบ อย่างนี้ผมพอทำไหว เช่นเดียวกันครับ แม้ผมจะชอบภาษาอังกฤษและอาจจะมีความถนัดอยู่บ้างในการศึกษาภาษาอังกฤษ ผมก็ไม่เคยคิดกะเกณฑ์ให้ทุกคนชอบหรือถนัดภาษาอังกฤษเหมือนผม เหมือนที่ผมไม่สามารถชอบวิชาเคมี – ชีวะ - ฟิสิกส์ ได้อย่างหมดใจ จะทำยังไงได้ล่ะครับ ก็ใจมันไม่ได้สั่งมาให้ชอบนี่ครับ แต่ถ้าจะให้ผมขอ ผมก็ขอ 1 อย่าง คือถ้าภาษาอังกฤษมันจำเป็นต่อชีวิตการสอบไล่หรือการทำงานของท่าน ท่านพยายาม ‘แสวง’ ให้ได้เกรด C ไว้ก่อนเถอะครับ และก็อย่างที่รู้ ๆ กันคือในโลกนี้ไม่มีอะไรแน่ วันดีคืนดีท่านอาจจะได้เกรด B หรือถึงเกรด A โดยไม่รู้ตัวในวิชาภาษาอังกฤษก็ได้ ใครจะไปรู้

เรื่องที่ 4 ต่างกันที่โอกาสที่ทำให้เก่งภาษาอังกฤษ:‘โอกาส’ ไม่ต่างจาก ‘พร’ ในข้อ 3 คือ พรนั้นมีทั้งที่สวรรค์ให้มาและเราแสวงหาเอง โอกาสก็เช่นเดียวกัน เราอาจจะเจอเหตุการณ์หรือบุคคลที่ ‘ให้โอกาส’ แก่เรา หรือเราพยายาม ‘หาโอกาส’ ให้แก่ตัวเอง (ด้วยวิธีที่ไม่ผิดศีลธรรม-ไม่ผิดกฎหมาย) แต่ก็นั่นแหละครับ ความต่างเรื่องโอกาสที่จะทำให้เก่งอังกฤษไม่เท่ากันมันก็อาจจะมีอยู่ดีแม้ว่าเราจะพยายามแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโอกาสในการเรียน หรือในการได้ใช้ภาษาอังกฤษก็ตาม

ความต่างเกี่ยวกับเรื่องนี้อาจจะมีมากกว่านี้ แต่ตอนนี้ผมนึกออกแค่นี้ จึงขอพูดแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ

ท่านผู้อ่านครับ แม้วัตถุประสงค์หลักของบล็อกนี้คือการทำให้คนไทยเก่งภาษาอังกฤษ แต่ผมก็อยากจะชวนท่านให้มองภาพกว้างกว่านี้ด้วย

เราทุกคนมีอยู่ 1 ชีวิต และเราไม่รู้ว่า 1 ชีวิตของเรานี้จะยาวเท่าไร เราจึงควรทำชีวิตที่มีอยู่ในปัจจุบันของเรา คือชีวิตในวันนี้ให้ดีที่สุด คือเป็นชีวิตที่ใจอยู่เย็นและกายเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ อะไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส เช่น เรื่องสถานะการงานที่กระทบกระเทือนต่อชีวิต เรื่องโรคร้ายแรงที่กระทบต่อร่างกาย หรือเรื่องที่ดูเหมือนไม่สลักสำคัญ เช่น ล้างมือในห้องน้ำ หรือเดินขึ้นรถ แต่จริง ๆ แล้วทุกสิ่งที่เราทำในชีวิตมีความสำคัญเท่ากันหมด เพราะมันคือ 1 นาที หรือ 1 ชั่วโมง ใน 24 ชั่วโมงของชีวิตใน 1 วัน เป็นชีวิตที่เราควรใช้และมีอย่างอยู่เย็นและเป็นประโยชน์ เป็นชีวิตที่เราไม่ควรปล่อยให้ทำร้ายเราหรือผ่านไปอย่างไร้ค่า

เราทุกคนรู้ว่าการเรียนและรู้ภาษาอังกฤษมีประโยชน์ ไม่ว่าเพื่อให้สอบไล่ได้, เพื่อการทำงาน, เพื่อการหาเงิน, เพื่อการได้มาซึ่งความรู้ ความเพลิดเพลิน เพื่ออะไรต่ออะไรอีกหลายอย่าง การฝึกเพื่อให้ตัวเองเก่งภาษาอังกฤษจึงเป็นเรื่องดี แต่เราก็อย่าทำให้การศึกษาภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่ทำร้ายเรา คือไม่ว่าเราจะพยายามทำอะไรในเรื่องนี้ หากเราพยายามทำอย่างเต็มความสามารถแล้ว ไม่ว่าผลที่ได้รับจะมากหรือน้อย เร็วหรือช้า สมหวังน้อยหรือสมหวังมาก ก็อย่าปล่อยให้ใจเป็นทุกข์ไปกับมันเลยครับ เพราะแม้ว่าการรู้ภาษาอังกฤษจะเป็นเรื่องที่ดีในชีวิต แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต เราควรพอใจที่ได้พยายามที่จะเก่งภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่ควรเป็นทุกข์ถ้าเราไม่สามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ดังใจ

ชื่อเรื่องของบทความวันนี้ “ทำให้ดีที่สุด และอย่าเป็นทุกข์เพราะภาษาอังกฤษ” คือสิ่งที่ผมต้องการอยากจะพูดในวันนี้ ผมต้องการให้ท่านผู้อ่านของผมทุกท่านเรียนภาษาอังกฤษอย่างมีความสุข เมื่อพยายามอย่างดีที่สุดแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ดีดังใจ ก็อย่าไปทุกข์กับมันเลยครับ การใช้ชีวิตที่สามารถอยู่เย็นและเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ เป็นทักษะที่สำคัญมากกว่าทุกทักษะในการใช้ชีวิต และสุดท้ายผมก็ขอพูดประโยคเดิมที่ผมพูดบ่อย ๆ คือ ผมต้องการให้ท่านผู้อ่านทุกท่านเรียนภาษาอังกฤษอย่างกล้าหาญและร่าเริง และไม่ถูกภาษาอังกฤษทำร้ายเมื่อเราไปเรียนมัน

พิพัฒน์

 pptstn@yahoo.com

11 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เข้ามาอ่าน ใน blog ของท่านทุกวันค่ะ ยกเว้นวันไม่อยู่บ้าน ชอบรูปแบบท่านทำ เฉพาะเนื้อหาสาระประโยชน์ที่ท่านบรรจุไว้ใน blog ก็คลิกหาตาลายไปหมดเพราะเยอะเหลือเกิน หากแต่งแต้มสีสันคงตาลายมากกว่านี้เป็นแน่ค่ะ เข้ามาได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว ยังคลิกไม่หมดเลยค่ะ และท่านก็ขยันเขียนทุกวันเหมือนยาเสพติดต้องเข้ามาอ่านทุกวันเช่นกันแล้วค่อยไปคลิกเรียนในเรื่องที่ตัวเองเรียนค้างไว้ไปตามขั้นตอนที่เหมาะสมกับตัวเอง ก็ค่อยๆ รู้ไปเรื่อยๆ

ขอบคุณมากมายค่ะ

รักษาสุขภาพนะค่ะ ให้พ้นจากโรคภัยทั้งปวงค่ะ

Nuch & Tor กล่าวว่า...

ไม่เห็นจำเป็นต้องเพิ่มรสชาติอะไรตรงไหนหรอกครับ
"หวานเป็นลมขมเป็นยา"อยู่แล้ว
ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้พวกผมก็เกรงใจจะแย่อยู่แล้ว
ไม่เห็นด้วยที่ต้องไปเพิ่มภาระให้คุณพิพัฒน์อีก

ขอบคุณ.... บุญรักษา ครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เห็นด้วยว่า ไม่จำเป็นต้องใส่สีสัน หรือกราฟฟิค อะไรให้มันมากมาย แบบนี้ก็สามารถสืบค้นและสบายตาดีแล้วครับ ถ้าใส่กราฟฟิคหรือสีสันอะไรลงไปมากจะกลายตาลายครับ

เป็นกำลังใจให้และขอบคุณมากครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะ ดิฉันณารี

ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นค่ะ

เรื่องงาน

เข้ามาที่บ้านนี้ทุกวัน ยังไม่เห็นข้อบกพร่องใดๆที่จะต้องแก้ไข เพราะสีสันในบ้านหลังนี้ มีมากกว่าแม่สีทั้ง 7

เรื่องส่วนตัว

เข้ามาบ้านนี้ทุกวัน เลยได้เห็นว่า...เจ้าของบ้าน ห่วงใยผู้มาเยือนมากกว่าตนเอง ดูแลตัวเองนะคะ เพื่อประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์

เราเพื่อนกัน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

I'd like to say a million thanks for being such a wonderful person who help and give very useful knowledge to others.. May God be with you

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ชอบบทความจังเลย ทำให้มีกำลังใจ ขึ้นมาก
อยากเป็นแอร์ค่ะ แต่ภาษายังไม่ได้เลย
ต้นปี53น่าจะทัน เป็นกำลังใจให้ด้วยนะค่ะ

BigJoe กล่าวว่า...

ผมอยากให้ติด Adsend สักสองสามจุดน่ะครับ ไม่รกและไม่เกะกะอะไรเลยครับ....ตอนนี้รองรับภาษาไทยแล้วครับ...

pipat - blogger กล่าวว่า...

คุณ manoogalum ครับ
ติด Adsend ทำยังไงครับผมทำไม่เป็น ช่วยแนะนำลิงค์ที่อธิบายวิธีทำหน่อยซีครับ ขอบคุณครับ
พิพัฒน์

mongpranit กล่าวว่า...

เรื่องทำให้เว็บดูดีผมช่วยได้นะครับ..ไม่ต้องจ้างผมผมทำให้ฟรีผมเป็น Webmaster ผมชอบบล็อกนี้มาก ซึ่งความรู้ที่ผมได้จากเว็บนี้มันมากกว่าค่าจ้างซะอีก ผมขอวิจารณ์หน่อยนะครับเรื่องหน้าตาเว็บ เว็บนี้เน้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากไม่เน้นหน้าตาเพราะกลัวการโหลดช้าก็ถูกของแก แต่ผมว่าใส่สีสัน ปรับแต่งตัวหนังสือให้อ่านง่ายอีกหน่อยจะเยี่ยมมากเลยครับเพราะผมว่าตัวหนังสือตัวใหญ่มากเลย ดูเทอะทะ ปรับแต่งนิดหน่อยไม่ทำให้ช้าขนาดนั่นครับ ทำแบบเรียบหรู ไม่ต้องหวือหวา ก็ดูดีแล้วครับ ปรึกษาผมได้ครับ jittipong_m@hotmail.com ฟรีไม่คิดตังค์ครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ดีค่ะ เราว่านะจริงๆตัวใหญ่ๆ ก็ดีนะ เวลาอ่านเจอคำศัพท์ มันจะจำได้ดีกว่าตัวเล็กๆ แต่เวปเรียบไร้สีสันจริงๆ แต่ชอบนะค่ะ ไม่ตาลาย อิอิ โหลดขึ้นเร็วดี

Jariya กล่าวว่า...

เหมือนดูคนแหละคะ อย่าดูแต่ภายนอก ให้ดูเนื้อหาสาระของมัน เราอยากมาฝึกภาษาอังกฤษนิคะไม่ได้มาฝึกดูศิลปะจริงมั้ย ขอแสดงความนับถือเจ้าของบล๊อกจริงๆค่ะ คุณทำให้คนอื่นได้รับความรู้ได้ประโยชน์มากมาย ดีกว่าบางคนที่ดีแต่พูดแล้วไม่ทำนะคะ