วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

[1830] เรายังไม่แก่ แต่เราเติบโต !!

สวัสดีครับ
พี่ที่ผมเคารพรักมากที่สุดคนหนึ่ง ส่ง forwarded mail มาให้ ชื่อเรื่อง เรายังไม่แก่ แต่เราเติบโต

ผมอ่านดูแล้ว และรู้สึกขึ้นมาทันทีเลยว่า จะต้องนำลงบล็อกเพื่อให้แฟนบล็อกได้อ่านด้วย
ข้างล่างนี้ครับ
* * * * *
เรายังไม่แก่ แต่เราเติบโต
วันแรกที่พวกเราเริ่มการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น
อาจารย์ของเราได้เข้ามาแนะนำตัว
และบอกให้พวกเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆ
ที่เราไม่รู้จักมาก่อน
ผมยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
และมีมือๆ หนึ่ง เอื้อมมาจับบ่าของผม
ผมหันไปพบกับหญิงชราร่างเล็ก ผิวหนังเหี่ยวย่น
ที่ส่งรอยยิ้มอันเป็นประกายมาให้ผม
รอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูสดใสอย่างยิ่ง


หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นว่า
“ สวัสดี รูปหล่อ ฉันชื่อโรส
อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว มาให้ฉันกอดสักทีสิ ”


ผมหัวเราะกับท่าทางของเธอ
และตอบอย่างร่าเริงว่า
“ แน่นอน ได้สิครับ ”
แล้วเธอก็กอดผมอย่างแรง
ผมถามเธอว่า
“ ทำไมคุณถึงมาเรียนมหาวิทยาลัย
เอาตอนที่อายุน้อยและไร้เดียงสาอย่างนี้ละ.. ”


เธอตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า
“ ฉันมาหาสามีรวยๆ ที่ฉันจะได้แต่งงานด้วย
แล้วมีลูกสักสองสามคน... ”
ผมขัดจังหวะเธอ โดยถามว่า
“ ไม่เอาครับ.. ถามจริงๆ ”
ผมสงสัยจริงๆ ว่า อะไรทำให้เธอมาเรียนที่นี่
ตอนที่อายุขนาดนี้ และเธอตอบว่า
“ ฉันฝันมานานแล้ว ว่าฉันจะได้ปริญญา
และตอนนี้ ฉันก็กำลังจะได้ปริญญาที่ฉันฝัน ”
หลังเลิกเรียนวิชานั้น
เราเดินไปที่อาคารสโมสรนักศึกษาด้วยกัน
และนั่งกินชอคโกแลตปั่นด้วยกัน
เรากลายเป็นเพื่อนกันในทันที
ตลอดสามเดือนหลังจากนั้น
เราจะออกจากชั้นเรียนพร้อมกัน
และจะไปนั่งคุยกันไม่หยุด
ผมนั้นประหลาดใจเสมอเมื่อได้ฟัง “ยานเวลา" ลำนี้
แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของเธอให้กับผม


ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์
ของมหาวิทยาลัยของเรา
และเธอนั้นจะเป็นเพื่อนได้กับทุกคน
ในทุกที่ที่เธอไป เธอรักที่จะแต่งตัวดีๆ
และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจ
ที่นักศึกษาคนอื่นๆ มีให้กับเธอ
เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
เมื่อถึงตอนสิ้นสุดภาคการศึกษา
เราได้เชิญโรสให้มาพูดที่งานเลี้ยงของทีมฟุตบอลของเรา
ผมไม่เคยลืมเลยว่า เธอได้สอนอะไรให้กับเรา ...
พิธีกรแนะนำตัวเธอ และเธอก็เดินขึ้นมาที่แท่น


ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น
เธอทำการ์ดที่บันทึกเรื่องที่เธอจะพูดตกพื้น
เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า
แต่เธอโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟนแล้วบอกว่า
“ ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันซุ่มซ่าม
ฉันเลิกกินเบียร์มาตั้งนานแล้ว
แต่วิสกี้พวกนี้มันแรงจริงๆ...
ฉันคงจะเอาบทของฉันมาเรียงใหม่ไม่ทันแล้ว
งั้นฉันก็คงได้แค่บอกเรื่องที่ฉันรู้ให้กับพวกคุณก็แล้วกัน ”


พวกเราทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง
ตอนที่เธอเริ่มต้นว่า
“ พวกเราทุกคนนั้น ไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก
แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น
ที่จริงแล้วมีเคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาวอยู่เสมอ
มีความสุข และประสบความสำเร็จอยู่ 4 ประการ


1) พวกคุณจะต้องหัวเราะ และมีเรื่องสนุกๆ ขำขันทุกวัน


2) พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสียความฝันของคุณไป คุณจะตาย
มีคนมากมายที่ยังเดินไป เดินมาอยู่ทั้งๆ ที่ตายไปแล้ว
และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว..


3) การที่คุณ “ แก่ขึ้น ” กับ “ เติบโตขึ้น ” นั้น
มันต่างกันมาก ถ้าคุณอายุสิบเก้า
แล้วนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ปีหนึ่ง
และไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตลอดทั้งปี
คุณก็จะอายุยี่สิบ


ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ด แล้วนอนเฉยๆ
ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี ฉันก็จะอายุ
แปดสิบแปด ทุกๆ คนนั้นจะแก่ขึ้น ทั้งนั้น
ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย
ประเด็นของการ เติบโตขึ้น นั้น
อยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลง


4) อย่าทิ้งอะไรไว้ให้เสียใจภายหลัง
คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้น ไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว
แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ คนที่กลัวความตายนั้น
มีแต่คนที่ยังมีสิ่งทีต้องเสียใจค้างอยู่ "


เธอจบการพูดของ เธอด้วยการร้องเพลง “ The Rose ” อย่างกล้าหาญ
และเธอได้แนะให้พวกเราทุกคนศึกษาเนื้อร้องของเพลงนั้น
และเอาความหมายเหล่านั้นมา ใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเรา


เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น โรสได้รับปริญญาที่เธอได้เริ่มฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว


หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไปอย่างสงบ
เธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย

เมื่อผมอ่านจบแล้ว ก็อยากได้ต้นฉบับภาษาอังกฤษ ก็เลยแปล 2 - 3 ประโยคแรกของเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษลงไปใน Google เพียงไม่กี่วินาทีก็ได้ต้นฉบับภาษาอังกฤษ
ที่ลิงค์นี้ เชิญเข้าไปลองอ่านดูได้เลยครับ
Growing Up or Growing Old
http://www.humanhealing.com/stories/growing-up.php

และผมขอถือโอกาสนี้ขอบคุณท่านผู้แปลเรื่องนี้เป็นภาษาไทย ขอบคุณอย่างยิ่งครับ ผมเชื่อว่าท่านผู้แปลได้ช่วยให้หลายคนมีความสุขและได้กำลังใจไม่น้อย จาการอ่านเรื่องที่ท่านแปล

และไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ผมก็ขออนุญาตนำบทแปลของท่านมาเทียบกับต้นฉบับภาษาอังกฤษจากลิงค์ข้างบน ทั้งนี้เพื่อเป็นการศึกษาภาษาอังกฤษ
ข้างล่างนี้ครับ

เรายังไม่แก่ แต่เราเติบโต
Growing Up or Growing Old


วันแรกที่พวกเราเริ่มการเรียนในมหาวิทยาลัยนั้น
The first day of school


อาจารย์ของเราได้เข้ามาแนะนำตัว
our professor introduced himself


และบอกให้พวกเราทำความรู้จักกับคนอื่นๆที่เราไม่รู้จักมาก่อน
and challenged us to get to know someone we didn't already know.


ผมยืนขึ้นแล้วมองไปรอบๆ
I stood up to look around


และมีมือๆ หนึ่ง เอื้อมมาจับบ่าของผม
when a gentle hand touched my shoulder.


ผมหันไปพบกับหญิงชราร่างเล็ก ผิวหนังเหี่ยวย่น
I turned round to find a wrinkled, little old lady


ที่ส่งรอยยิ้มอันเป็นประกายมาให้ผม รอยยิ้มนั้นทำให้เธอดูสดใสอย่างยิ่ง
beaming up at me with a smile that lit up her entire being.


หญิงชราคนนั้นกล่าวขึ้นว่า “ สวัสดี รูปหล่อ ฉันชื่อโรส
She said, "Hi handsome. My name is Rose.


อายุแปดสิบเจ็ดแล้ว มาให้ฉันกอดสักทีสิ ”
I'm eighty-seven years old. Can I give you a hug?"


ผมหัวเราะกับท่าทางของเธอ และตอบอย่างร่าเริงว่า
I laughed and enthusiastically responded,


“ แน่นอน ได้สิครับ ”
"Of course you may!"


แล้วเธอก็กอดผมอย่างแรง
and she gave me a giant squeeze.


ผมถามเธอว่า“ ทำไมคุณถึงมาเรียนมหาวิทยาลัย เอาตอนที่อายุน้อยและไร้เดียงสาอย่างนี้ละ.. ”
"Why are you in college at such a young, innocent age?" I asked.


เธอตอบด้วยเสียงปนหัวเราะว่า
She jokingly replied,


“ ฉันมาหาสามีรวยๆ ที่ฉันจะได้แต่งงานด้วย
"I'm here to meet a rich husband, get married,


แล้วมีลูกสักสองสามคน... ”
and have a couple of kids..."


ผมขัดจังหวะเธอ โดยถามว่า “ ไม่เอาครับ.. ถามจริงๆ ”
"No seriously," I asked.


ผมสงสัยจริงๆ ว่า อะไรทำให้เธอมาเรียนที่นี่ ตอนที่อายุขนาดนี้
I was curious what may have motivated her to be taking on this challenge at her age.


และเธอตอบว่า“ ฉันฝันมานานแล้ว ว่าฉันจะได้ปริญญา และตอนนี้ ฉันก็กำลังจะได้ปริญญาที่ฉันฝัน ”
"I always dreamed of having a college education and now I'm getting one!" she told me.


หลังเลิกเรียนวิชานั้น เราเดินไปที่อาคารสโมสรนักศึกษาด้วยกัน
After class we walked to the student union building


และนั่งกินชอคโกแลตปั่นด้วยกัน
and shared a chocolate milkshake.


เรากลายเป็นเพื่อนกันในทันที
We became instant friends.


ตลอดสามเดือนหลังจากนั้น
Every day for the next three months


เราจะออกจากชั้นเรียนพร้อมกัน และจะไปนั่งคุยกันไม่หยุด
we would leave class together and talk nonstop.


ผมนั้นประหลาดใจเสมอเมื่อได้ฟัง “ยานเวลา" ลำนี้
I was always mesmerized listening to this "time machine"


แบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ของเธอให้กับผม
as she shared her wisdom and experience with me.


ตลอดปีนั้น โรสได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยของเรา
Over the course of the year, Rose became a campus icon


และเธอนั้นจะเป็นเพื่อนได้กับทุกคนในทุกที่ที่เธอไป
and she easily made friends wherever she went.


เธอรักที่จะแต่งตัวดีๆ
She loved to dress up


และดื่มด่ำอยู่กับความสนใจ
and she reveled in the attention


ที่นักศึกษาคนอื่นๆ มีให้กับเธอ
bestowed upon her from the other students.


เธอได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่
She was living it up.


เมื่อถึงตอนสิ้นสุดภาคการศึกษา เราได้เชิญโรสให้มาพูดที่งานเลี้ยงของทีมฟุตบอลของเรา
At the end of the semester we invited Rose to speak at our football banquet.


ผมไม่เคยลืมเลยว่า เธอได้สอนอะไรให้กับเรา ...
I'll never forget what she taught us.


พิธีกรแนะนำตัวเธอ และเธอก็เดินขึ้นมาที่แท่น
She was introduced and stepped up to the podium.


ตอนที่เธอกำลังเตรียมตัวที่จะพูดตามที่เธอตั้งใจนั้น
As she began to deliver her prepared speech,


เธอทำการ์ดที่บันทึกเรื่องที่เธอจะพูดตกพื้น
she dropped her three by five cards on the floor.


เธอทั้งอาย ทั้งประหม่า
Frustrated and a little embarrassed


แต่เธอโน้มตัวเข้าหาไมโครโฟนแล้วบอกว่า
she leaned into the microphone and simply said,


“ ขอโทษด้วยนะ ที่ฉันซุ่มซ่าม
"I'm sorry I'm so jittery.


ฉันเลิกกินเบียร์มาตั้งนานแล้ว
I gave up beer for Lent


แต่วิสกี้พวกนี้มันแรงจริงๆ...
and this whiskey is killing me!


ฉันคงจะเอาบทของฉันมาเรียงใหม่ไม่ทันแล้ว
I'll never get my speech back in order


งั้นฉันก็คงได้แค่บอกเรื่องที่ฉันรู้ให้กับพวกคุณก็แล้วกัน ”
so let me just tell you what I know."


พวกเราทุกคนหัวเราะกันท้องคัดท้องแข็ง ตอนที่เธอเริ่มต้นว่า
As we laughed she cleared her throat and began,


“ พวกเราทุกคนนั้น ไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก
"We do not stop playing because we are old;
แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น
we grow old because we stop playing.


ที่จริงแล้วมีเคล็ดลับสู่การที่จะยังหนุ่มสาวอยู่เสมอ มีความสุข และประสบความสำเร็จอยู่ 4 ประการ
There are only four secrets to staying young, being happy, and achieving success.


1) พวกคุณจะต้องหัวเราะ และมีเรื่องสนุกๆ ขำขันทุกวัน
You have to laugh and find humor every day.


2) พวกคุณจะต้องมีความฝัน เมื่อไรก็ตามที่คุณสูญเสีย ความฝันของคุณไป คุณจะตาย
You've got to have a dream. When you lose your dreams, you die.


มีคนมากมายที่ยังเดินไป เดินมาอยู่ทั้งๆ ที่ตายไปแล้ว
We have so many people walking around who are dead


และไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตายไปแล้ว..
and don't even know it!


3) การที่คุณ “ แก่ขึ้น ” กับ “ เติบโตขึ้น ” นั้น มันต่างกันมาก
There is a huge difference between growing older and growing up.


ถ้าคุณอายุสิบเก้า
If you are nineteen years old


แล้วนอนอยู่บนเตียงเฉยๆ ปีหนึ่ง
and lie in bed for one full year


และไม่ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ตลอดทั้งปี
and don't do one productive thing,


คุณก็จะอายุยี่สิบ
you will turn twenty years old.


ถ้าฉันอายุแปดสิบเจ็ด แล้วนอนเฉยๆ
If I am eighty-seven years old and stay in bed for a year


ไม่ทำอะไรเลยตลอดทั้งปี
and never do anything


ฉันก็จะอายุแปดสิบแปด
I will turn eighty-eight.


ทุกๆ คนนั้นจะแก่ขึ้น ทั้งนั้น
Anybody can grow older.


ไม่จำเป็นต้องอาศัยความสามารถอะไรเลย
That doesn't take any talent or ability.


ประเด็นของการ เติบโตขึ้นนั้น อยู่ที่การแสวงหาโอกาสในการเปลี่ยนแปลง
The idea is to grow up by always finding opportunity in change.


4) อย่าทิ้งอะไรไว้ให้เสียใจภายหลัง
Have no regrets.


คนสูงอายุส่วนใหญ่นั้น ไม่เสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไปแล้ว
The elderly usually don't have regrets for what we did,


แต่มักจะเสียใจกับสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ
but rather for things we did not do.


คนที่กลัวความตายนั้น
The only people who fear death


มีแต่คนที่ยังมีสิ่งทีต้องเสียใจค้างอยู่ "
are those with regrets."


เธอจบการพูดของ เธอด้วยการร้องเพลง “ The Rose ” อย่างกล้าหาญ
She concluded her speech by courageously singing "The Rose."


และเธอได้แนะให้พวกเราทุกคนศึกษาเนื้อร้องของเพลงนั้น
She challenged each of us to study the lyrics


และเอาความหมายเหล่านั้นมา ใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเรา
and live them out in our daily lives.


เมื่อสิ้นปีการศึกษานั้น โรสได้รับปริญญาที่เธอได้เริ่มฝันไว้เมื่อนานมาแล้ว
At the year's end Rose finished the college degree she had begun all those years ago.


หนึ่งสัปดาห์หลังจบการศึกษา โรสจากไปอย่างสงบ เธอนอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นอีกเลย
One week after graduation Rose died peacefully in her sleep.


นักศึกษากว่าสองพันคนไปร่วมพิธีศพของเธอ
Over two thousand college students attended her funeral


เพื่อแสดงความเคารพ ต่อหญิงชราผู้วิเศษ
in tribute to the wonderful woman


ผู้ได้สอนให้พวกเขาได้รู้ ด้วยการทำให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า .......
who taught by example that


ไม่มีคำว่าสายเกินไป ที่จะเป็นทุกสิ่งที่คุณสามารถเป็นได้
it's never too late to be all you can possibly be.


*****
เนื้อเพลง The Rose
Lyrics To The Rose - By Bette Midler


Some say love, it is a river that drowns the tender reed.
Some say love, it is a razor that leaves your soul to bleed.
Some say love, it is a hunger, an endless aching need.
I say love, it is a flower, and you it's only seed.
It's the heart, afraid of breaking, that never learns to dance.
It's the dream, afraid of waking, that never takes a chance.
It's the one who won't be taken, who cannot seem to give.
And the soul, afraid of dyin', that never learns to live.


When the night has been too lonely, and the road has been too long,
And you think that love is only for the lucky and the strong,
Just remember in the winter far beneath the bitter snows,
Lies the seed, that with the sun's love, in the spring becomes the rose

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

2 ความคิดเห็น:

pfan กล่าวว่า...

บทความนี้เยี่ยมมากเลยครับ ผมก็มีความเห็นแบบเดียวกันนี้แหละครับ เลยเรียนไม่ยอมหยุด และมีความฝันที่ให้ตามหาอยู่มากมาย ถ้าเราโปรแกรมชีวิตไว้ ชีวิตจะเดินตามที่เราตั้งไว้ ทั้งความสุข เป้าหมายชีวิต แม้กระทั่งสุขภาพ คุณพิิพัฒน์หาบทความหรือแง่คิดดี ๆ มาเสนออีกนะครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

little old lady = ผู้หญิงที่แก่นิดหน่อย >_<'? อิอิ

ประโยคที่ว่า

"พวกเราทุกคนนั้น ไม่ได้หยุดเล่นเพราะเราแก่หรอก
แต่เราแก่เพราะว่าเราหยุดเล่น"

ผมเคยเห็นในMVขอพื้นที่เล็กๆนะครับ เห็นตอนแรกยังรู้สึก เออ ดีแฮะ ประโยคนี้ ...ตอนนี้รู้แล้ว ว่าเขาเอามาจากไหน

ขอบคุณสำหรับบทความดีๆครับ ...