วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

[1582] แนะนำหนังสือ The Top 200 Secrets of Success

สวัสดีครับ
หนังสือ The Top 200 Secrets of Success and the Pillars of Self-Mastery แต่งโดย Robin S. Sharma เป็นหนังสือหนาไม่ถึง 30 หน้า มีคำแนะนำให้คิด - รู้สึก - พูด - ทำ เพื่อปรับปรุงชีวิต อยู่ 200 ข้อ

ผมอ่านแล้วและเห็นว่าเป็นประโยชน์ ท่านสามารถนำคำแนะนำในหนังสือเล่มนี้ไปปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อชีวิตส่วนตัว การเรียน และการทำงาน ได้ไม่มากก็น้อย

เชิญดาวน์โหลดที่ลิงค์ใดลิงค์หนึ่งข้างล่างนี้
http://www.forwardsteps.com.au/docs/Top200SecretsOfSuccess.pdf

http://www.box.net/index.php?rm=box_download_shared_file&file_id=f_333783816&shared_name=rdzemyhg90

http://www.stanford.edu/~cvkkumar/200_Success.pdf

http://kolliviews.files.wordpress.com/2009/11/the-top-200-secrets-of-success-and-the-pillars-of-self.doc

http://www.4shared.com/document/kdG5lDNs/Top_200_Secrets_Of_Success_By_.html


หรือเข้าไปที่ลิงค์นี้ เมื่อดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์ จะปรากฏคำแปลเป็นภาษาไทย
http://translateitbangkokpost.blogspot.com/2010/09/top-200-secrets-of-success-and-pillars.html

ผมขอแสดงความคิดเห็นแถมท้ายเกี่ยวกับหนังสือพวกนี้สักนิดนะครับ

คือหนังสือประเภทแนะนำการปรับปรุงตัวเองนี่นะครับ มีออกพิมพ์ขายมากทีเดียว ในร้านหนังสือบ้านเรามีทั้งที่สั่งเข้าจากเมืองนอกและที่แปลขายเป็นภาษาไทย หลายเล่มให้คำแนะนำที่ดีมาก เข้าทำนองอ่านแล้วนำไปปฏิบัติตาม จะช่วยให้งานก็สำเร็จ ใจก็เป็นสุข อะไรทำนองนี้ ซึ่งเมื่ออ่านดูโดยทั่วไปแล้ว เขาก็ไม่ได้โกหก

ที่มาของหนังสือทำนองนี้อาจจะมีหลายอย่าง เช่น หลักจิตวิทยา ประสบการณ์ของผู้ที่ประสบความสำเร็จทางธุรกิจหรือการเมือง ปรัชญาทางศาสนา คำคมของนักคิด หรือผู้นำทางศาสนา แต่หลายเล่มอ่านแล้วก็งง เพราะแนะนำทุกเรื่องจนคำแนะนำขัดกันเอง เลยกลายเป็นว่าผู้อ่านชอบอย่างไหนก็ทำตามอย่างนั้นแล้วกัน

แต่อย่างหนึ่งที่ผมอดรู้สึกไม่ได้ก็คือ โดยทั่วไป image ของความสำเร็จหรือผู้ประสบความสำเร็จ ก็คือนักธุรกิจหรือนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียง คำแนะนำที่ให้ไว้จึงเป็นคำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการแข่งขันและชนะ เพราะโลกทุกวันนี้ ไม่ว่าโลกตะวันตกหรือโลกตะวันออก คือโลกของการแข่งขัน เมื่อเป็นการแข่งขัน ก็ต้องมีทั้งผู้ชนะและผู้แพ้ หนังสือพวกนี้ก็คงกะจะช่วยให้ผู้อ่านได้หลักเกณฑ์ที่ปฏิบัติตามแล้วชนะอย่างมีความสุข และถึงแม้จะแพ้ก็แพ้อย่างไม่ทุกข์มาก

แต่เรื่องการแพ้และไม่ทุกข์นี้ คงจะทำยาก จึงเกิดสิ่งที่เราเห็น คือ ผู้คนในโลกทุกวันนี้ ซึ่งอาจจะรวมถึงคนที่อ่านหนังสือพวกนี้ด้วย มีความทุกข์ใจ เครียด และเป็นโรคประสาท รวมทั้งมีตัวเลขของคนฆ่าหรือพยายามฆ่าตัวตายมากขึ้น

มันทำให้ผมรู้สึกว่า เราควรจะต้องตอบคำถามข้อแรกให้ถูกต้องเสียก่อน เพราะถ้าคำถามข้อแรกนี้ตอบผิด ข้ออื่น ๆ ก็จะผิดหมด เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกผิด เม็ดต่อ ๆ ไปก็จะติดผิดทุกเม็ด

อะไรคือคำถามข้อแรกที่ทุกคนควรตอบให้ถูก สำหรับผม คำถามข้อแรกที่ทุกชีวิตต้องตอบให้ถูกก็คือ เราเกิดมาทำไม คำถามนี้อาจจะใช้สำนวนอย่างอื่นได้อีกหลายอย่าง โดยใจความเดียวกัน เช่น อะไรคือเป้าหมายของชีวิต ชีวิตอยู่เพื่ออะไร เป็นต้น

สำหรับผม ผมเชื่อว่า คำตอบต่อคำถามที่สำคัญที่สุดในชีวิตข้อนี้ก็คือ
เส้นทางของชีวิตคือ การให้ (ทาน – help ) การไม่เบียดเบียน (ศีล – not hurt ) และ การทำใจให้สงบสุข (ภาวนา – take care of own heart) เพราะฉะนั้น ส่วนผสมของชีวิตในแต่ละวัน หรือมองว่าทั้งชีวิตก็ตาม ควรจะมีทั้ง ทาน – ศีล – ภาวนา หรือ help, not hurt, take care of own heart ทั้ง 3 ส่วน

แล้วหนังสือพวก self-development, self-improvement หรือ inspiration, motivation พวกนี้ล่ะ ให้คำแนะนำที่ตอบคำถามของชีวิตหรือเปล่า

เท่าที่ผมประเมินด้วยตัวเอง บางทีก็ตอบ บางทีก็ไม่ตอบ บางทีก็ตอบเบี้ยว ๆ

แต่ไม่ว่าท่านผู้อ่านจะเห็นด้วย - เห็นแย้ง - เห็นต่าง หรือ - เห็นตรงกันข้ามกับผม หนังสือพวกนี้ ถ้าอ่านบ้างก็มีประโยชน์ครับ

วันนี้ผมจึงเอามาแนะนำให้อ่าน 1 เล่ม ถ้าอ่านแล้วชอบใจ จะอ่านอีก 1 เล่มโดยผู้แต่งคนเดียวกันก็เชิญครับ เขาบอกว่าเป็นหนังสือดังด้วยซีครับ ชื่อ
The Monk Who Sold His Ferrari
เล่มนี้ผมยังไม่ได้อ่านครับ ท่านใดอ่านแล้วเก็บเอามาเล่าบ้างก็ดีครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

2 ความคิดเห็น:

klaya กล่าวว่า...

โดยส่วนตัวชอบอ่านหนังสือเเนวนี้มากเลยค่ะ อ่านแล้วมีกำลังใจ แต่โดยความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ บางครั้งเราอ่านจากหนังสือธรรมมะของไทยเราเนี่ยแหละคะ ก็จะเข้าใจง่าย และเข้าถึงความรู้สึกของคำแนะนำในหนังสือได้ลึกซึ้งและเร็วกว่าของหนังสือของฝรั่งบางเล่มนะคะ บางทีขนลุกเวลาเจอคำคมโดนๆ บางทีของฝรั่งเราก็ยากจะเข้าใจ แต่ยังไงก็ถือว่าศึกษาไว้เป็นความรู้ค่ะ รู้ไว้หลากหลายและนำเอามาประยุกต์ใช้ในชีวิต ก็ไม่เสียหายค่ะ

Nai Sumit กล่าวว่า...

The monk who sold his ferrari เป็นหนังสือที่พูดถึง นักกฎหมายคนหนึ่ง สมมติชื่อว่า Julian หัวใจเกือบวายขณะที่ว่าความอยู่ เนื่องจากใช้ชีวิตที่ไม่สมดุล (สงสัยจะอเมริกันมากไปหน่อย) จึงลาออกจากบริษัทของตัวเอง และขายรถคันโปรด ซึ่งก็คือ เฟอรารี่สีแดง จากนั้นเขาก็ออกแสวงหาสัจธรรมในเทือกเขาหิมาลัย... แล้วก็พบกับฤาษี พร้อมกับคำสอนที่ยิ่งใหญ่ น่าอ่านมากครับ...