วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2553

[1549]พูดอังกฤษ-จะถึง GOAL ได้ ต้อง TRY ก่อนเสมอ

สวัสดีครับ
มีคำถามว่า เราต้องรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษกี่คำจึงจะพอใช้ ถ้าให้ผมตอบก็จะตอบว่า ไม่ต้องเยอะหรอกครับ แค่ 1000 คำก็พอแล้ว หรือหรือรู้ถึง 2-3000 คำก็ยิ่งหรู และผมเชื่อว่าฝรั่งเขาก็คงคิดอย่างนี้เหมือนกัน จึงได้มีการทำ wordlist รวบรวมคำศัพท์ที่ใช้บ่อย ให้ผู้คนได้ศึกษา เปรียบเหมือนมีกระสุนและใช้ฝึกซ้อมยิงอยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาที่ต้องยิงจริงก็จะยิงได้คล่อง

ผมได้นำคำศัพท์ใน Wordlist เหล่านี้ ให้ท่านเข้าไปคลิกดูคำแปล อยู่ที่ข้างล่างนี้ครับ

1,500 คำ: VOA Special English คลิก 1 หรือ คลิก 2

2,000 คำ: Longman Defining Vocabulary คลิก

3,000 คำ: Merriam-Webster's Learner's Dictionary คลิก

3,000 คำ: Oxford 3000 wordlist คลิก

100 คำ: กริยาภาษาอังกฤษ: คลิก

แถม: รวม ‘คำกริยา’ ภาษาไทย เทียบ ‘verb’ ภาษาอังกฤษ

แต่ปัญหาที่ยังคงมีอยู่ก็คือ แม้จะรู้คำศัพท์ 1000 – 3000 คำเหล่านี้ หลายคนก็ยังสื่อสารพูดจาเป็นภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะอะไร?

ก็เพราะว่า เราอาจจะเพียง เข้าใจ ยังไม่สามารถ ใช้เป็น
เข้าใจ คือเข้าใจ เมื่อเราอ่าน(ด้วยตา) หรือฟัง(ด้วยหู) แต่ยังไม่สามารถ ใช้เป็นเมื่อเราต้องพูด(ด้วยปาก) หรือเขียน(ด้วยมือ)

เข้าใจนั้นเป็น ทักษะที่เราอยู่เฉย ๆ หรือ passive skill ส่วนใช้เป็น นั้น เป็นทักษะที่ต้องแสดงออก หรือ active skill

แต่ปัญหานี้มันก็มีสาเหตุให้มองเห็นได้ไม่ยาก คือ การฝึกอ่านและฝึกฟังนั้น เราสามารถฝึกได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องมี partner ไม่ต้องมีครู เพียงแค่อ่านหรือฟังอยู่เรื่อย ๆ และเราก็สามารถประเมินผลได้ด้วยตัวเองว่า เราทำได้หรือไม่ ถ้าเราอ่านและฟัง และเข้าใจ ก็แสดงว่าเราทำได้ เราสอบผ่าน เราไม่ต้องรอให้คนอื่นมาให้คะแนน เพราะเราสามารถฝึกด้วยตัวเอง และประเมินตัวเองได้ นี่คือเรื่องของการอ่านด้วยตา และฟังด้วยหู

แต่อีกคู่หนึ่ง คือ การพูดด้วยปาก และการเขียนด้วยมือ อาจจะไม่ง่ายอย่างนี้ เพราะการพูดมันคือการพูดกับใคร-พูดให้ใครฟัง และการเขียนคือการเขียนถึงใคร-เขียนให้ใครอ่าน และดูเหมือนว่า การพูดและการเขียน จะไม่สามารถฝึกด้วยตัวเองโดยตลอดได้ ต้องมี partner ให้เราฝึกด้วย และpartner คนนี้แหละที่จะประเมินว่าเมื่อเราพูดและเขียน เขาสามารถฟังและอ่านรู้เรื่องหรือเปล่า

พอมองอย่างนี้ภาพที่เห็นก็ทำให้หมดหวัง เพราะคนไทยจำนวนมากไม่มีโอกาสเรียนในโรงเรียนฝรั่งหรือในหลักสูตรนานาชาติ ไม่ได้ทำงานกับฝรั่ง ตอนเป็นนักเรียนในวิชาภาษาอังกฤษครูก็พูดภาษาไทยโดยตลอด การฝึกเขียนก็น้อยมาก

ทำไปทำมา คนไทยก็เลยมีทักษะภาษาอังกฤษเพียง passive skill คืออ่าน (และฟัง)เข้าใจ แต่ไม่มี active skill คือเราไม่สามารถพูดให้คนอื่นฟังเข้าใจ และเขียนให้คนอื่นอ่านเข้าใจ เพราะเราไม่มีครูหรือ partner ที่เราจะฝึกสนทนาด้วยและประเมินเรา

ท่านผู้อ่านครับ สาเหตุที่ผมทำบล็อกนี้เพราะผมไม่เชื่อในข้อสรุปอันหดหู่ข้างบนนี้ แต่ผมเชื่อว่า แม้ไม่ได้เรียนกับฝรั่ง คนไทยก็สามารถฝึกพูดและเขียนภาษาอังกฤษได้

ครั้งล่าสุดผมได้คุยเรื่องนี้ไว้ที่ลิงค์นี้ และอยากชวนให้ท่านลองเข้าไปอ่านดู
การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ “ติดเพดาน”

เกี่ยวกับเรื่องการฝึกให้เกิด active skill เพื่อให้พูดได้และเขียนได้นี้ นอกจากการฝึกตามลิงค์ข้างบนนี้ วันนี้ผมขอแนะนำอีก 3 เว็บไซต์ให้ท่านฝึกด้วย

เว็บที่ 1
1.พิมพ์คำศัพท์ 2.คลิก Examples 3.คลิก Search; อาจจะจำเป็นต้องคลิก Refresh, หรือ คลิก Examples & คลิก Search 2-3 รอบ
http://www.seasite.niu.edu:85/thai/TDReader/ThaiReader.aspx
โดยนำคำศัพท์จาก wordlist จากWebster, Oxford, Longman, VOA, 1000 verb ข้างบน พิมพ์ลงไป และศึกษาประโยคตัวอย่างที่มีแปลเทียบ ไทย – อังกฤษ ขอแนะนำว่าเว็บนี้มีประโยชน์มากครับ
ข้อสังเกต:ถ้าพิมพ์ศัพท์ภาษาอังกฤษ (เช่น forget)และเว็บไม่แสดงผล ให้ลองพิมพ์ภาษาไทย (เช่น ลืม)อาจจะได้ผล

เว็บที่ 2
ถ้าท่านต้องการฟังเสียงอ่านประโยคภาษาอังกฤษ ให้ไปที่เว็บนี้และพิมพ์ประโยคนั้นลงไป
http://text-to-speech.imtranslator.net/speech.asp?dir=en
ขั้นตอนการใช้งาน
1.พิมพ์ หรือ paste ประโยคภาษาอังกฤษ ลงไป
2.ที่ปุ่มด้านบนที่เขียนว่า Language: English (male) ถ้าต้องการฟังเสียงผู้หญิงก็คลิก English (female)
3. ที่ปุ่มด้านบนที่เขียนว่า Speed 0: ถ้าต้องการให้อ่านช้าลง ก็เลือก -, 2- หรือ
3-
4.คลิก
Say it
5.ถ้าต้องการฟังซ้ำ ให้คลิก เลข 1ในรูปสี่เหลี่ยม ซึ่งอยู่เยื้องขึ้นไปทางมุมบนด้านขวาของรูปหน้า

เว็บที่ 3
รวมดิกชันนารี, พิมพ์คำศัพท์ลงไปให้หาประโยคตัวอย่างเพื่อศึกษาการใช้
-Webster Learner's dictionary
-Macmillan
-Oxford
-Longman
-Cambridge
-MSN Encarta
-Cobuild
-Newburry House

ขอสรุปขั้นตอนฝึกอีกครั้งนะครับ
1.พิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการศึกษาลงไปใน 3 เว็บที่แนะนำข้างบนนี้
2.เมื่อเห็นตัวอย่างประโยคแล้ว ให้สังเกตและจดจำการใช้
3.ฝึกฟังเสียง และฝึกพูดตาม และควรหัดพูดตามโดยไม่ต้องดู script บ้าง
4.ฝึกแต่งประโยคให้ได้อย่างน้อยวันละ 5 ประโยค โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ควรหัดแปลด้วยตัวเองจากประโยคภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ โดยนำคำจาก wordlist มาแต่งประโยค และหัดพูดประโยคที่แต่งเองนี้ ถ้ามีผู้รู้อยู่ใกล้ ๆ ก็วานให้เขาช่วยตรวจแก้ประโยคที่เราแต่ง

ท่านผู้อ่านครับ ผมขออวยพรให้ทุกท่านที่พยายามประสบความสำเร็จ นี่เป็นคำอวยพรอันแท้จริงจากใจครับ

และเมื่อผมพูดว่า พยายาม หรือ TRY ผมหมายถึง Trust and Respect Yourself คือเชื่อมั่นและเคารพในตัวเอง เชื่อมั่นในความสามารถ และเคารพในความตั้งใจของตัวเอง หากไม่มี TRY ก็คงไม่มี GOAL - Get On And Learn คือ การก้าวหน้าและเรียนรู้ ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้ด้วยตัวเอง

จะถึง GOAL ได้ เราจะต้อง TRY ก่อนเสมอ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

4 ความคิดเห็น:

Attjala กล่าวว่า...

ขอบคุณสำหรับ blog ที่ดีๆ เหล่านี้ พร้อมทั้งข้อมูลและแนวทางที่ช่วยให้คนไทยได้พัฒนาภาษาอังกฤษนะคะ เพิ่งได้เข้ามาติดตาม เป็นประโยชน์มากค่ะ แถมมีข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิตด้วย ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้นะคะ

SupperBoy กล่าวว่า...

ขอขอบคุณจากใจจริงครับ blog นี้ดีที่สุดเลยครับ
แค่คิดทำบุญก็ดีมากแล้ว แต่ยิ่งมี blog เป็นรูปเป็นร่างอย่างนี้ ทำให้ผู้ไม่รู้อย่างเรามีโอกาศศึกษา
ขอนุโมทนาบุญด้วยครับ สวัสดีครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เป็นblogที่ดีมากๆจนต้องบอกต่อค่ะ อยากทราบว่าจะมีเว็บที่มีคำศัพท์ทางวิทย์หรือรากศัพท์ประมานนี้จะได้ใช้คู่กับการเรียนด้วยค่ะ

pipat - blogger กล่าวว่า...

ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ตอบช้า
เว็บศัพท์ทางวิทยาศาสตร์ online ไปที่นี่ครับ
http://www.onelook.com/?d=all_sci&v=&sort=&langdf=english