วันพุธที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1488] เรียนศัพท์กับเว็บไซต์ Webster Dictionary
สวัสดีครับ
เว็บไซต์ของค่าย Merriam-Webster Dictionary ที่ให้บริการ free dictionary online มี 4 เว็บ คือ
• [1] http://www.learnersdictionary.com/
• [3] http://www.wordcentral.com/
• [3] http://www.merriam-webster.com/
• [4] http://visual.merriam-webster.com/
ใน 3 เว็บแรกยังมีบริการให้เราฝึกหัดทบทวนคำศัพท์ รายวัน ดังนี้
[1] Learner's Word of the Day
[2] Daily Buzzword
[3] Word of the Day
ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านเข้าไปเล่นเว็บที่ 1 คือ [1] Learner's Word of the Day
และ [2] Daily Buzzword เพราะ
1.ศัพท์ที่เว็บแนะนำเป็นศัพท์พื้นฐาน ระดับกลางถึงระดับสูง
2.มีการอธิบายคำศัพท์และให้ประโยคตัวอย่าง ที่จะช่วยให้เราเข้าใจและจดจำคำศัพท์ได้ง่าย ๆ โดยฉพาะอย่างยิ่ง เว็บที่ 1 คือ Learner's Word of the Day ดีมาก ๆ ครับ
ศึกษาเพิ่มเติม: [401] ภาษาอังกฤษวันละคำ (Word of the Day)
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เว็บไซต์ของค่าย Merriam-Webster Dictionary ที่ให้บริการ free dictionary online มี 4 เว็บ คือ
• [1] http://www.learnersdictionary.com/
• [3] http://www.wordcentral.com/
• [3] http://www.merriam-webster.com/
• [4] http://visual.merriam-webster.com/
ใน 3 เว็บแรกยังมีบริการให้เราฝึกหัดทบทวนคำศัพท์ รายวัน ดังนี้
[1] Learner's Word of the Day
[2] Daily Buzzword
[3] Word of the Day
ผมขอแนะนำให้ท่านผู้อ่านเข้าไปเล่นเว็บที่ 1 คือ [1] Learner's Word of the Day
และ [2] Daily Buzzword เพราะ
1.ศัพท์ที่เว็บแนะนำเป็นศัพท์พื้นฐาน ระดับกลางถึงระดับสูง
2.มีการอธิบายคำศัพท์และให้ประโยคตัวอย่าง ที่จะช่วยให้เราเข้าใจและจดจำคำศัพท์ได้ง่าย ๆ โดยฉพาะอย่างยิ่ง เว็บที่ 1 คือ Learner's Word of the Day ดีมาก ๆ ครับ
ศึกษาเพิ่มเติม: [401] ภาษาอังกฤษวันละคำ (Word of the Day)
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1487]แนะนำหลายเว็บดาวน์โหลด free audiobook
14 มีนาคม 2554
แนะนำเว็บดาวน์โหลด นิยาย + audiobook
http://english-phonics.blogspot.com/search/label/Fictions
* * * * *
สวัสดีครับ
การเรียนภาษาอังกฤษนั้น:
มีทางเข้า 2 ทาง คือ
-ทางตา (อ่าน) และทางหู (ฟัง)
และมีทางออก 2 ทาง คือ
-ทางปาก (พูด) และทางมือ (เขียน)
เฉพาะการฟังทางหูนั้น ผมได้รวบรวมหลายเว็บให้ท่านฝึกฟัง มีทั้งฟังขณะต่อเน็ต และดาวน์โหลดเก็บไฟล์ไว้ฟัง คลิกที่ลิงค์นี้
และได้แนะนำอีกหลายเว็บเป็นหนังสือเสียง หรือ audiobook ให้ท่านดาวน์โหลดไฟล์หนังสือเสียงเป็นเล่ม ๆ เก็บไว้ฟัง คลิกที่ลิงค์นี้
แต่มีบางท่านยังไม่จุใจขอเพิ่มมาอีก ผมจึงขอจัดให้ในวันนี้ ตามเว็บข้างล่างนี้
ก่อนที่ท่านจะเข้าไปสำรวจเว็บที่ผมแนะนำ ผมขอแจ้งเป็นเบื้องต้นดังนี้ครับ
1.เว็บส่วนใหญ่มีช่อง Search ให้ท่านพิมพ์คำค้น
2.ส่วนใหญ่ท่านจะต้อง Register และ log in เข้าไปก่อน, ทางเว็บจึงจะโชว์ link ให้ท่านคลิกเพื่อดาวน์โหลดไฟล์ Audiobook, ถ้าไม่ยอมลงทุน Register และ log in ก็อาจจะมองไม่เห็นลิงค์ที่จะดาวน์โหลดครับ
3.บางเว็บไฟล์ audiobook ที่เขาให้ดาวน์โหลดนี้ เขาเอาไปฝากไว้ที่เว็บอื่น และท่านอาจจะต้อง Register ที่เว็บนั้นด้วย จึงจะมีสิทธิดาวน์โหลดไฟล์
4.บางเว็บจัดหมวดหมู่ Audiobook ไว้ต่างหาก แต่บางเว็บก็ไม่จัดไว้ให้ เพราะฉะนั้นในช่อง Search ของเว็บ ท่านอาจจะต้องพิมพ์คำค้นและต่อด้วยคำว่า audiobook หรือ audio book เช่น conversation audiobook เป็นต้น
ถ้าบางท่านชักจะรู้สึกว่า กว่าจะดาวน์โหลด audiobook ได้สักเล่มทำไมมันยุ่งยากจัง ผมก็ขอบอกว่า ท่านกำลังจะได้ของฟรีไปใช้นะครับ และเขามีคำพูดว่า ของฟรีไม่มีในโลก ก็ให้ถือว่าการออกแรงเช่นนี้เป็นการลงทุนเพื่อให้ได้ของฟรีแล้วกันครับ
เชิญครับ…
[1] http://librivox.org/newcatalog/visitor_advanced.php
http://librivox.org/newcatalog/genres.php
[2] http://literalsystems.org/abooks/index.php/Audio-Book/Audio-Book
[3] http://www.archive.org/details/audio
[4] http://englishtips.org/?do=cat&category=audiobooks
ต้อง register ก่อน จึงจะสามารถเห็นลิงค์ที่ให้คลิกดาวน์โหลด
[5] http://gigapedia.com/browse:category?id=9&page=1
ต้อง register ก่อน จึงจะสามารถเห็นลิงค์ที่ให้คลิกดาวน์โหลด
[6] http://avaxsearch.com/
ในช่อง Search นั้น ให้เติมคำว่า [Audio Book] ลงไปด้วย เช่น da vinci code [Audio Book]ต้อง register ก่อน จึงจะสามารถเห็นลิงค์ที่ให้คลิกดาวน์โหลด
[7] http://search.4shared.com/q/AgQD/1/audio
[8] englishphonics.blogspot.com
[9] http://www.gutenberg.org/wiki/Gutenberg:The_Audio_Books_Project
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
แนะนำเว็บดาวน์โหลด นิยาย + audiobook
http://english-phonics.blogspot.com/search/label/Fictions
* * * * *
สวัสดีครับ
การเรียนภาษาอังกฤษนั้น:
มีทางเข้า 2 ทาง คือ
-ทางตา (อ่าน) และทางหู (ฟัง)
และมีทางออก 2 ทาง คือ
-ทางปาก (พูด) และทางมือ (เขียน)
เฉพาะการฟังทางหูนั้น ผมได้รวบรวมหลายเว็บให้ท่านฝึกฟัง มีทั้งฟังขณะต่อเน็ต และดาวน์โหลดเก็บไฟล์ไว้ฟัง คลิกที่ลิงค์นี้
และได้แนะนำอีกหลายเว็บเป็นหนังสือเสียง หรือ audiobook ให้ท่านดาวน์โหลดไฟล์หนังสือเสียงเป็นเล่ม ๆ เก็บไว้ฟัง คลิกที่ลิงค์นี้
แต่มีบางท่านยังไม่จุใจขอเพิ่มมาอีก ผมจึงขอจัดให้ในวันนี้ ตามเว็บข้างล่างนี้
ก่อนที่ท่านจะเข้าไปสำรวจเว็บที่ผมแนะนำ ผมขอแจ้งเป็นเบื้องต้นดังนี้ครับ
1.เว็บส่วนใหญ่มีช่อง Search ให้ท่านพิมพ์คำค้น
2.ส่วนใหญ่ท่านจะต้อง Register และ log in เข้าไปก่อน, ทางเว็บจึงจะโชว์ link ให้ท่านคลิกเพื่อดาวน์โหลดไฟล์ Audiobook, ถ้าไม่ยอมลงทุน Register และ log in ก็อาจจะมองไม่เห็นลิงค์ที่จะดาวน์โหลดครับ
3.บางเว็บไฟล์ audiobook ที่เขาให้ดาวน์โหลดนี้ เขาเอาไปฝากไว้ที่เว็บอื่น และท่านอาจจะต้อง Register ที่เว็บนั้นด้วย จึงจะมีสิทธิดาวน์โหลดไฟล์
4.บางเว็บจัดหมวดหมู่ Audiobook ไว้ต่างหาก แต่บางเว็บก็ไม่จัดไว้ให้ เพราะฉะนั้นในช่อง Search ของเว็บ ท่านอาจจะต้องพิมพ์คำค้นและต่อด้วยคำว่า audiobook หรือ audio book เช่น conversation audiobook เป็นต้น
ถ้าบางท่านชักจะรู้สึกว่า กว่าจะดาวน์โหลด audiobook ได้สักเล่มทำไมมันยุ่งยากจัง ผมก็ขอบอกว่า ท่านกำลังจะได้ของฟรีไปใช้นะครับ และเขามีคำพูดว่า ของฟรีไม่มีในโลก ก็ให้ถือว่าการออกแรงเช่นนี้เป็นการลงทุนเพื่อให้ได้ของฟรีแล้วกันครับ
เชิญครับ…
[1] http://librivox.org/newcatalog/visitor_advanced.php
http://librivox.org/newcatalog/genres.php
[2] http://literalsystems.org/abooks/index.php/Audio-Book/Audio-Book
[3] http://www.archive.org/details/audio
[4] http://englishtips.org/?do=cat&category=audiobooks
ต้อง register ก่อน จึงจะสามารถเห็นลิงค์ที่ให้คลิกดาวน์โหลด
[5] http://gigapedia.com/browse:category?id=9&page=1
ต้อง register ก่อน จึงจะสามารถเห็นลิงค์ที่ให้คลิกดาวน์โหลด
[6] http://avaxsearch.com/
ในช่อง Search นั้น ให้เติมคำว่า [Audio Book] ลงไปด้วย เช่น da vinci code [Audio Book]ต้อง register ก่อน จึงจะสามารถเห็นลิงค์ที่ให้คลิกดาวน์โหลด
[7] http://search.4shared.com/q/AgQD/1/audio
[8] englishphonics.blogspot.com
[9] http://www.gutenberg.org/wiki/Gutenberg:The_Audio_Books_Project
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1486]ไม่ยอมหัดเดินช้า ก็อย่าฝันถึงวันที่วิ่งได้
สวัสดีครับ
อยากจะเรียนท่านผู้อ่านว่า ตั้งแต่เริ่มทำบล็อกนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2549 จนถึงบัดนี้ก็สามปีครึ่งแล้ว ท่านจะเห็นว่าผมไม่ได้ทำหน้าที่ผู้สอน แต่ไปหยิบของดี ๆ ที่ผู้อื่นเขาทำไว้มาแนะนำท่าน เปรียบไปก็เหมือนบ๋อยเสิร์ฟอาหาร นำอาหารที่กุ๊กเขาทำสร็จมาเสิร์ฟท่าน และ ณ บัดนี้ ผมชักจะมีความรู้สึก 2 อย่างที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ คือ
อย่างที่ 1 ผมรู้สึกว่าผมชักจะหมดเรื่องที่จะแนะนำแล้ว มิได้หมายความว่าไม่มีเว็บภาษาอังกฤษที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ผมรู้สึกว่าเว็บที่แนะนำไปแล้ว น่าจะมีจำนวนเพียงพอต่อการใช้
อย่างที่ 2 ผมรู้สึกว่า Google ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่ผมใช้ค้นหาเว็บมานำเสนอท่านผู้อ่าน มันมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ มันสามารถหาเว็บได้ตรงกับ key word ที่ท่านพิมพ์ค้นหาเรื่อง จน blogger อย่างผมสามารถตกงานได้ง่าย ๆ
เมื่อพูดถึงความเพียงพอของอุปกรณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่เราหาได้ง่าย ๆ จากอินเตอร์เน็ต ก็มีเรื่องหนึ่งที่ผมขอแสดงความเห็น คือ ผมอยากให้เด็กรุ่นใหม่ของไทย หรือผู้ใหญ่ไทยรุ่นใหม่ ลดการยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเรียนภาษาอังกฤษกับครูไทย ตำราไทย หรือเว็บไทย เท่านั้น เพราะในอินเทอร์เน็ตนี้ มีทั้งตำรา เสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว และสื่อการเรียนอื่น ๆที่เป็นภาษาอังกฤษอีกมากมาย ที่ท่านสามารถลุยเข้าไปเรียนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยครูเป็นสรณะเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นครูไทยหรือครูฝรั่ง ถ้าหากว่าการหาครูเป็นเรื่องลำบาก
การเรียนภาษาอังกฤษกับตำราไทย, CDไทย, เว็บไทย ฯลฯ โดยอย่างเดียว ในแง่หนึ่งก็ดีเพราะมันรู้เรื่อง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องไม่ดี และไม่ดีเอามาก ๆ ก็เพราะว่า มันจะทำให้เราติดแหงกอยู่กับการคิดเป็นภาษาไทย และยากที่จะยกตัวเองให้คิดเป็นภาษาอังกฤษ
ท่านผู้อ่านที่มีเพื่อนเรียนจบปริญญาตรีเมืองไทยและไปต่อโทเมืองนอก คงได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังบ้างว่า ในระยะแรก ๆ ที่ไปถึงไม่รู้เรื่องเลย โดยเฉพาะเรื่องการฟังเล็กเชอร์ในห้องเรียน แต่เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งก็รู้เรื่องมากขึ้น เพราะฟังมากขึ้น อ่านมากขึ้น เขียนมากขึ้น พูดคุยมากขึ้น การที่รู้เรื่องมากขึ้นนี้ก็เพราะถูกเหตุการณ์บังคับ ทำให้ต้องกระเสือกกระสน จึงรู้เรื่องมากขึ้น สำเร็จมากขึ้น
ผมก็เลยสงสัยว่า ทำไมเราต้องรอให้ตัวเองได้ไปเมืองนอกซะก่อนจึงจะฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ อย่างจริงจัง ทำไมเราไม่ฝึกตอนนี้เลย การอ่านและการฟังอาจฝึกได้ง่ายหน่อยเพราะไม่ต้องอาศัย partner แต่การพูดและการเขียนก็ใช่ว่าจะฝึกด้วยตัวเองไม่ได้ เดินก้าวแรก ๆ อาจจะเดินช้า ๆ ไปก่อน แต่ถ้าเราไม่ยอมหัดเดินช้า ก็อย่าฝันถึงวันที่เราวิ่งได้
สื่อการเรียนและอุปรณ์ทั้งหลายก็มีอยู่พร้อมแล้ว ทำไมต้องรอให้ได้ไปเมืองนอกซะก่อน จึงจะเริ่มฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง เราสามารถฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริง ๆ จัง ๆ ได้ แม้ยังอยู่เมืองไทยนี้แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำหรือเปล่า เท่านั้นเอง
คำนี้ nowherewecando ท่านจะอ่านว่า nowherewecando หรือ nowherewecando ก็ขึ้นอยู่กับท่าน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
อยากจะเรียนท่านผู้อ่านว่า ตั้งแต่เริ่มทำบล็อกนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2549 จนถึงบัดนี้ก็สามปีครึ่งแล้ว ท่านจะเห็นว่าผมไม่ได้ทำหน้าที่ผู้สอน แต่ไปหยิบของดี ๆ ที่ผู้อื่นเขาทำไว้มาแนะนำท่าน เปรียบไปก็เหมือนบ๋อยเสิร์ฟอาหาร นำอาหารที่กุ๊กเขาทำสร็จมาเสิร์ฟท่าน และ ณ บัดนี้ ผมชักจะมีความรู้สึก 2 อย่างที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ คือ
อย่างที่ 1 ผมรู้สึกว่าผมชักจะหมดเรื่องที่จะแนะนำแล้ว มิได้หมายความว่าไม่มีเว็บภาษาอังกฤษที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ผมรู้สึกว่าเว็บที่แนะนำไปแล้ว น่าจะมีจำนวนเพียงพอต่อการใช้
อย่างที่ 2 ผมรู้สึกว่า Google ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่ผมใช้ค้นหาเว็บมานำเสนอท่านผู้อ่าน มันมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ มันสามารถหาเว็บได้ตรงกับ key word ที่ท่านพิมพ์ค้นหาเรื่อง จน blogger อย่างผมสามารถตกงานได้ง่าย ๆ
เมื่อพูดถึงความเพียงพอของอุปกรณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่เราหาได้ง่าย ๆ จากอินเตอร์เน็ต ก็มีเรื่องหนึ่งที่ผมขอแสดงความเห็น คือ ผมอยากให้เด็กรุ่นใหม่ของไทย หรือผู้ใหญ่ไทยรุ่นใหม่ ลดการยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเรียนภาษาอังกฤษกับครูไทย ตำราไทย หรือเว็บไทย เท่านั้น เพราะในอินเทอร์เน็ตนี้ มีทั้งตำรา เสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว และสื่อการเรียนอื่น ๆที่เป็นภาษาอังกฤษอีกมากมาย ที่ท่านสามารถลุยเข้าไปเรียนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยครูเป็นสรณะเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นครูไทยหรือครูฝรั่ง ถ้าหากว่าการหาครูเป็นเรื่องลำบาก
การเรียนภาษาอังกฤษกับตำราไทย, CDไทย, เว็บไทย ฯลฯ โดยอย่างเดียว ในแง่หนึ่งก็ดีเพราะมันรู้เรื่อง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องไม่ดี และไม่ดีเอามาก ๆ ก็เพราะว่า มันจะทำให้เราติดแหงกอยู่กับการคิดเป็นภาษาไทย และยากที่จะยกตัวเองให้คิดเป็นภาษาอังกฤษ
ท่านผู้อ่านที่มีเพื่อนเรียนจบปริญญาตรีเมืองไทยและไปต่อโทเมืองนอก คงได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังบ้างว่า ในระยะแรก ๆ ที่ไปถึงไม่รู้เรื่องเลย โดยเฉพาะเรื่องการฟังเล็กเชอร์ในห้องเรียน แต่เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งก็รู้เรื่องมากขึ้น เพราะฟังมากขึ้น อ่านมากขึ้น เขียนมากขึ้น พูดคุยมากขึ้น การที่รู้เรื่องมากขึ้นนี้ก็เพราะถูกเหตุการณ์บังคับ ทำให้ต้องกระเสือกกระสน จึงรู้เรื่องมากขึ้น สำเร็จมากขึ้น
ผมก็เลยสงสัยว่า ทำไมเราต้องรอให้ตัวเองได้ไปเมืองนอกซะก่อนจึงจะฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ อย่างจริงจัง ทำไมเราไม่ฝึกตอนนี้เลย การอ่านและการฟังอาจฝึกได้ง่ายหน่อยเพราะไม่ต้องอาศัย partner แต่การพูดและการเขียนก็ใช่ว่าจะฝึกด้วยตัวเองไม่ได้ เดินก้าวแรก ๆ อาจจะเดินช้า ๆ ไปก่อน แต่ถ้าเราไม่ยอมหัดเดินช้า ก็อย่าฝันถึงวันที่เราวิ่งได้
สื่อการเรียนและอุปรณ์ทั้งหลายก็มีอยู่พร้อมแล้ว ทำไมต้องรอให้ได้ไปเมืองนอกซะก่อน จึงจะเริ่มฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง เราสามารถฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริง ๆ จัง ๆ ได้ แม้ยังอยู่เมืองไทยนี้แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำหรือเปล่า เท่านั้นเอง
คำนี้ nowherewecando ท่านจะอ่านว่า nowherewecando หรือ nowherewecando ก็ขึ้นอยู่กับท่าน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1485]แนะนำหนังสือ 100 TOEIC Preparation Tests
สวัสดีครับ
TOEIC หรือ Test Of English For International Communication เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ต้องทำงานติดต่อกับคนต่างชาติ แต่แม้พวกเราที่ไม่ได้ทำงานกับคนต่างชาติ การฝึกภาษาอังกฤษกับ TOEIC ก็ยังมีประโยชน์อยู่นั่นเอง
อย่างเช่นหนังสือ TOEIC ที่ผมนำมาให้ดาวน์โหลดในวันนี้ ชื่อ 100 TOEIC Preparation Tests มี test แบบ multiple choice จำนวน 100 บท ๆ ละ 10 ข้อ ดังนี้ครับ
100 TOEIC Preparation Tests
Advanced Level
1. Bearing Information
2. Cinemas
3. Cliches
4. Mistaken Identity
5. Speaking: At the Station
6. Speaking: At the Supermarket
7. Speaking: At the Theatre
8. Speaking: The Broadcast
9. What comes next (the bill)
10. Accounts
11. Advertising
12. Agreements
13. Applying for that Job
14. Are You in Debt?
15. At the Computer
16. At the Office (1)
17. At the Office (2)
18. At the Shops
19. Business
20. Business Expressions (1)
21. Business Expressions (2)
22. Code of Practice
23. Computers
24. Credit Card Holders
25. Employment and Training
26. Finance
27. Finance (1)
28. Finance (2)
29. Finance (3)
30. Guarantees and Warranties
31. How to agree
32. How to apologize
33. How to ask the way
34. How to complain
35. How to criticize
36. How to disagree
37. How to encourage
38. How to make exclamations
39. Insurance Policy Vocabulary
40. Internet Business (1)
41. Internet Business (2)
42. Interviews and Jobs
43. Invoices
44. Job Interview
45. Legal Expressions
46. Letter of Complaint (1)
47. Letter of Complaint (2)
48. Letter of Complaint (3)
49. Letter of Complaint (4)
50. Money
51. Money Matters (1)
52. Money Matters (2)
53. Money Matters (3)
54. Money Matters (4)
55. Money Slang Expressions
56. Online Marketing Campaign
57. Pay and Allowances
58. Planning a Business
59. Product Improvement
60. Quality Control
61. Super Supermarkets
62. Taxes
63. Verbal Communication Skills
64. Ways of commenting
65. Ways of disagreeing
66. Ways of disapproving
67. Ways of greeting
68. Ways of showing anger
69. Ways of showing pleasure
70. Ways of thanking
71. Ways of threatening
72. Working Well
73. A good real estate rental market
74. A Quick History of Advertising
75. Accountants
76. Accounting Information Systems
77. Agricultural Market Development
78. Annual Report
79. Asset Classes
80. Auditing
81. Auto Leasing
82. Basic Electronics
83. Basic Investment Types
84. Budgeting
85. Business Law
86. Business Letter Basics
87. Business Software Competitors
88. Cellular Telephones
89. Commercial Property
90. Company Benefits
91. Conference Advice
92. Consumer Behaviour
93. Contracts and agreements
94. Corporate Taxation
95. Detecting Competition
96. Dotcom Retail Stores
97. Electronic Commerce
98. Email Do's and Don't's
99. GAAP
100. Internal Communications
บางข้อยาก บางข้อง่าย ที่มุมบนขวาของหน้าท่านสามารถคลิก Questions สลับกับ Answers เพื่อดูโจทย์และเฉลย ลักษณะของประโยคข้อสอบทำให้ท่านสามารถเรียนรู้และจดจำการใช้คำศัพท์ วลี สำนวน ในรูปประโยคที่ใช้งานจริง ๆ โดยท่านไม่ต้องไปท่องจำอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผมอยากจะบอกว่า ท่านที่ต้องติดต่อธุรกิจไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือเถ้าแก่ หนังสือ 100 TOEIC Preparation Tests น่าจะมีประโยชน์มาก ๆ
เชิญดาวน์โหลดที่ลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยครับ
https://drive.google.com/file/d/0B750IAjW-1dZbnk2TFphcDFSSjA/view?usp=sharing
ศึกษาเพิ่มเติม: คลิก เว็บ TOEIC ที่แนะนำในบล็อกนี้
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
TOEIC หรือ Test Of English For International Communication เป็นการทดสอบภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ต้องทำงานติดต่อกับคนต่างชาติ แต่แม้พวกเราที่ไม่ได้ทำงานกับคนต่างชาติ การฝึกภาษาอังกฤษกับ TOEIC ก็ยังมีประโยชน์อยู่นั่นเอง
อย่างเช่นหนังสือ TOEIC ที่ผมนำมาให้ดาวน์โหลดในวันนี้ ชื่อ 100 TOEIC Preparation Tests มี test แบบ multiple choice จำนวน 100 บท ๆ ละ 10 ข้อ ดังนี้ครับ
100 TOEIC Preparation Tests
Advanced Level
1. Bearing Information
2. Cinemas
3. Cliches
4. Mistaken Identity
5. Speaking: At the Station
6. Speaking: At the Supermarket
7. Speaking: At the Theatre
8. Speaking: The Broadcast
9. What comes next (the bill)
10. Accounts
11. Advertising
12. Agreements
13. Applying for that Job
14. Are You in Debt?
15. At the Computer
16. At the Office (1)
17. At the Office (2)
18. At the Shops
19. Business
20. Business Expressions (1)
21. Business Expressions (2)
22. Code of Practice
23. Computers
24. Credit Card Holders
25. Employment and Training
26. Finance
27. Finance (1)
28. Finance (2)
29. Finance (3)
30. Guarantees and Warranties
31. How to agree
32. How to apologize
33. How to ask the way
34. How to complain
35. How to criticize
36. How to disagree
37. How to encourage
38. How to make exclamations
39. Insurance Policy Vocabulary
40. Internet Business (1)
41. Internet Business (2)
42. Interviews and Jobs
43. Invoices
44. Job Interview
45. Legal Expressions
46. Letter of Complaint (1)
47. Letter of Complaint (2)
48. Letter of Complaint (3)
49. Letter of Complaint (4)
50. Money
51. Money Matters (1)
52. Money Matters (2)
53. Money Matters (3)
54. Money Matters (4)
55. Money Slang Expressions
56. Online Marketing Campaign
57. Pay and Allowances
58. Planning a Business
59. Product Improvement
60. Quality Control
61. Super Supermarkets
62. Taxes
63. Verbal Communication Skills
64. Ways of commenting
65. Ways of disagreeing
66. Ways of disapproving
67. Ways of greeting
68. Ways of showing anger
69. Ways of showing pleasure
70. Ways of thanking
71. Ways of threatening
72. Working Well
73. A good real estate rental market
74. A Quick History of Advertising
75. Accountants
76. Accounting Information Systems
77. Agricultural Market Development
78. Annual Report
79. Asset Classes
80. Auditing
81. Auto Leasing
82. Basic Electronics
83. Basic Investment Types
84. Budgeting
85. Business Law
86. Business Letter Basics
87. Business Software Competitors
88. Cellular Telephones
89. Commercial Property
90. Company Benefits
91. Conference Advice
92. Consumer Behaviour
93. Contracts and agreements
94. Corporate Taxation
95. Detecting Competition
96. Dotcom Retail Stores
97. Electronic Commerce
98. Email Do's and Don't's
99. GAAP
100. Internal Communications
บางข้อยาก บางข้อง่าย ที่มุมบนขวาของหน้าท่านสามารถคลิก Questions สลับกับ Answers เพื่อดูโจทย์และเฉลย ลักษณะของประโยคข้อสอบทำให้ท่านสามารถเรียนรู้และจดจำการใช้คำศัพท์ วลี สำนวน ในรูปประโยคที่ใช้งานจริง ๆ โดยท่านไม่ต้องไปท่องจำอย่างเอาเป็นเอาตาย
ผมอยากจะบอกว่า ท่านที่ต้องติดต่อธุรกิจไม่ว่าจะเป็นภาษาพูดหรือภาษาเขียน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือเถ้าแก่ หนังสือ 100 TOEIC Preparation Tests น่าจะมีประโยชน์มาก ๆ
เชิญดาวน์โหลดที่ลิงค์ข้างล่างนี้ได้เลยครับ
https://drive.google.com/file/d/0B750IAjW-1dZbnk2TFphcDFSSjA/view?usp=sharing
ศึกษาเพิ่มเติม: คลิก เว็บ TOEIC ที่แนะนำในบล็อกนี้
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1484] A ถึง Z ในการเรียนภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
ผมขอฝาก A ถึง Z ในการเรียนภาษาอังกฤษ แด่ท่านผู้อ่านทุกท่านที่รักการเรียนภาษาอังกฤษ
A – active: มีกายใจที่กระฉับกระเฉงพร้อมเสมอที่จะเรียนภาษาอังกฤษ
B – brave: กล้าหาญ ไม่ยอมให้ความกลัวในอดีตและความกังวลในอนาคตมาหลอกหลอน จนเลิกเรียนภาษาอังฤษ
C – can-do: มี can-do attitude หรือ can-do spirit ว่าเราทำได้ ยินดีที่จะลองทำสิ่งใหม่ในการเรียนภาษาอังกฤษ และก็เชื่อว่าทำแล้วต้องสำเร็จ
D – determined: มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าอุปสรรคนั้นจะเป็นคนหรือเหตุการณ์ก็ตาม
E – eager: สนใจภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ ไม่ใช่สนใจแบบธรรมดา ๆ
F – fight your way: ต่อสู่ฝ่าฟันเพื่อวันที่ดีกว่า ซึ่งก็คือทุกวันซึ่งทักษะภาษาอังกฤษของเราค่อย ๆ ดีขึ้นนั่นเอง
G – get-up-and-go: มีพลังและความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันไปสู่ความสำเร็จ ในการเรียนภาษาอังกฤษ
H – happy: มีความสุขที่ได้เรียนภาษาอังกฤษ กับความสำเร็จที่ได้รับเพิ่มขึ้นแม้เพียงทีละนิด ที่อาจจะไม่จุใจ ไม่ทันใจ
I – ideal: เรียนภาษาอังกฤษอย่างมี ideal อุดมคติ; i = identify problems หาปัญหาให้พบ; d = define goals กำหนดเป้าหมายให้ชัด; e = explore strategies สำรวจหายุทธวิธีที่จะใช้เรียน; a = act ลงมือเรียน; l = learn เรียนรู้จากการเรียน
J – joy: มีการเรียนภาษาอังกฤษเป็นแหล่งของความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต
K – keep practicing: ฝึกเรื่อยไป แม้วันที่ไม่มีเวลา ก็พยายามหาเวลาฝึกจนได้
L – love: คำนี้มีความหมายที่ชัดเจนแล้ว ว่าสำคัญมากเพียงใดต่อการเรียนภาษาอังกฤษ
M – must: ให้ถือว่าภาษาอังกฤษเป็น a must ต้องเรียนให้ได้ ไม่เรียนไม่ได้
N – non-stop: แม้วันที่อยากหยุดเรียนก็ไม่ยอมหยุดตามอยาก ทำอะไรก็ได้ให้เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษบ้าง
O – open-minded, observe: เปิดใจให้กว้าง สังเกตทั่ว ๆ ถ้าปิดใจเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย
P - prepared: เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเสมอที่จะเรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตรียมใจ ถ้าใจพร้อมอย่างอื่นก็พร้อม
Q –
R – realistic: ไม่ขยันอย่างหักโหม ไม่หวังความสำเร็จอย่างเกินพิกัด ทุกอย่างต้องยืนอยู่บนความจริง แต่ก็ไม่ปล่อยให้ความจริงที่อาจจะอยู่ไกลมาทำให้ใจเราท้อจนไม่มุ่งมั่นเดินไปหาความจริงที่เราหวัง
S – self-motivated: เรียนภาษาอังกฤษโดยเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เพราะนี่คือแหล่งของกำลังใจที่แท้จริง
T – train & test: ฝึกและทดสอบต้องไปด้วยกัน
U – use: เมื่อมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษก็ให้รีบใช้ ไม่อายไม่กลัวผิด แต่ถ้าไม่มีโอกาสใช้ก็ให้พยายามหาโอกาสที่จะใช้ ไม่เอาแต่รอให้โอกาสเดินเข้ามาหา และใช้โอกาสอย่างเสียไม่ได้
V – vie with oneself: เรียนภาษาอังกฤษอย่างแข่งกับตัวเอง ไม่ต้องไปแข่งกับคนอื่น
W – wholehearted: เรียนภาษาอังกฤษด้วยทั้งหมดของใจ ไม่ใช่เรียนด้วยใจเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ
X –
Y – youthfulness: ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งดึงความสดชื่นสดใสของวัยรุ่นกลับมาสู่ชีวิตเรา
Z - zeal: ทุ่มพลังหมดใจให้แก่การเรียนภาษาอังกฤษ
หมายเหตุ: ตัว q, x ยังหาที่เหมาะใจใม่ได้ ท่านผู้อ่านช่วยผมหาหน่อยซีครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมขอฝาก A ถึง Z ในการเรียนภาษาอังกฤษ แด่ท่านผู้อ่านทุกท่านที่รักการเรียนภาษาอังกฤษ
A – active: มีกายใจที่กระฉับกระเฉงพร้อมเสมอที่จะเรียนภาษาอังกฤษ
B – brave: กล้าหาญ ไม่ยอมให้ความกลัวในอดีตและความกังวลในอนาคตมาหลอกหลอน จนเลิกเรียนภาษาอังฤษ
C – can-do: มี can-do attitude หรือ can-do spirit ว่าเราทำได้ ยินดีที่จะลองทำสิ่งใหม่ในการเรียนภาษาอังกฤษ และก็เชื่อว่าทำแล้วต้องสำเร็จ
D – determined: มุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคในการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ว่าอุปสรรคนั้นจะเป็นคนหรือเหตุการณ์ก็ตาม
E – eager: สนใจภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ ไม่ใช่สนใจแบบธรรมดา ๆ
F – fight your way: ต่อสู่ฝ่าฟันเพื่อวันที่ดีกว่า ซึ่งก็คือทุกวันซึ่งทักษะภาษาอังกฤษของเราค่อย ๆ ดีขึ้นนั่นเอง
G – get-up-and-go: มีพลังและความมุ่งมั่นที่จะฝ่าฟันไปสู่ความสำเร็จ ในการเรียนภาษาอังกฤษ
H – happy: มีความสุขที่ได้เรียนภาษาอังกฤษ กับความสำเร็จที่ได้รับเพิ่มขึ้นแม้เพียงทีละนิด ที่อาจจะไม่จุใจ ไม่ทันใจ
I – ideal: เรียนภาษาอังกฤษอย่างมี ideal อุดมคติ; i = identify problems หาปัญหาให้พบ; d = define goals กำหนดเป้าหมายให้ชัด; e = explore strategies สำรวจหายุทธวิธีที่จะใช้เรียน; a = act ลงมือเรียน; l = learn เรียนรู้จากการเรียน
J – joy: มีการเรียนภาษาอังกฤษเป็นแหล่งของความสุขอย่างหนึ่งในชีวิต
K – keep practicing: ฝึกเรื่อยไป แม้วันที่ไม่มีเวลา ก็พยายามหาเวลาฝึกจนได้
L – love: คำนี้มีความหมายที่ชัดเจนแล้ว ว่าสำคัญมากเพียงใดต่อการเรียนภาษาอังกฤษ
M – must: ให้ถือว่าภาษาอังกฤษเป็น a must ต้องเรียนให้ได้ ไม่เรียนไม่ได้
N – non-stop: แม้วันที่อยากหยุดเรียนก็ไม่ยอมหยุดตามอยาก ทำอะไรก็ได้ให้เกี่ยวข้องกับภาษาอังกฤษบ้าง
O – open-minded, observe: เปิดใจให้กว้าง สังเกตทั่ว ๆ ถ้าปิดใจเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาอังกฤษจะกลายเป็นสิ่งที่น่าเบื่อหน่าย
P - prepared: เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมเสมอที่จะเรียนภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตรียมใจ ถ้าใจพร้อมอย่างอื่นก็พร้อม
Q –
R – realistic: ไม่ขยันอย่างหักโหม ไม่หวังความสำเร็จอย่างเกินพิกัด ทุกอย่างต้องยืนอยู่บนความจริง แต่ก็ไม่ปล่อยให้ความจริงที่อาจจะอยู่ไกลมาทำให้ใจเราท้อจนไม่มุ่งมั่นเดินไปหาความจริงที่เราหวัง
S – self-motivated: เรียนภาษาอังกฤษโดยเป็นกำลังใจให้ตัวเอง เพราะนี่คือแหล่งของกำลังใจที่แท้จริง
T – train & test: ฝึกและทดสอบต้องไปด้วยกัน
U – use: เมื่อมีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษก็ให้รีบใช้ ไม่อายไม่กลัวผิด แต่ถ้าไม่มีโอกาสใช้ก็ให้พยายามหาโอกาสที่จะใช้ ไม่เอาแต่รอให้โอกาสเดินเข้ามาหา และใช้โอกาสอย่างเสียไม่ได้
V – vie with oneself: เรียนภาษาอังกฤษอย่างแข่งกับตัวเอง ไม่ต้องไปแข่งกับคนอื่น
W – wholehearted: เรียนภาษาอังกฤษด้วยทั้งหมดของใจ ไม่ใช่เรียนด้วยใจเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ
X –
Y – youthfulness: ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษเป็นสิ่งดึงความสดชื่นสดใสของวัยรุ่นกลับมาสู่ชีวิตเรา
Z - zeal: ทุ่มพลังหมดใจให้แก่การเรียนภาษาอังกฤษ
หมายเหตุ: ตัว q, x ยังหาที่เหมาะใจใม่ได้ ท่านผู้อ่านช่วยผมหาหน่อยซีครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1483] แนะนำ Perfect Pronunciation Exercises
สวัสดีครับ
เรื่องที่จะแนะนำวันนี้คือ Perfect Pronunciation Exercises จากเว็บดิกดังระดับโลก Merriam-Webster’s Learner’s Dictionary ซึ่งเขามีหน้าให้ผู้อ่านฝึกการออกเสียง เรื่อง Perfect Pronunciation Exercises
ลิงค์: http://www.learnersdictionary.com/pronex/pronex.htm
แบบฝึกหัดชุดนี้มีทั้งหมด 14 session แต่ละ session มี 5 exercise (รวมทั้งหมด 14x5=70 exercise ณ วันนี้.. 22 มิย 53) และมี text ให้ดูประกอบด้วย
-เมื่อฟังแล้วก็ให้พยายามฝึกพูดตาม
-คลิกปุ่มกลมในกรอบเพื่อฟังซ้ำ จะฟังกี่ครั้งและฝึกพูดตามกี่ครั้งก็ได้
แต่ละ session มีวัตถุประสงค์ให้เราพัฒนาการออกเสียงในลักษณะต่าง ๆ กัน เช่น การฝึกออกเสียง สระ พยัญชนะ เสียงที่คล้ายกัน การลงเสียงหนัก เป็นต้น
ขอเรียนว่าชุด Perfect Pronunciation Exercises นี้ perfect อย่างที่เขาตั้งชื่อไว้จริง ๆ
ลองฝึกดูนะครับ
แถม: คลิกฝึกเพิ่มเติมกับเว็บอื่น
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เรื่องที่จะแนะนำวันนี้คือ Perfect Pronunciation Exercises จากเว็บดิกดังระดับโลก Merriam-Webster’s Learner’s Dictionary ซึ่งเขามีหน้าให้ผู้อ่านฝึกการออกเสียง เรื่อง Perfect Pronunciation Exercises
ลิงค์: http://www.learnersdictionary.com/pronex/pronex.htm
แบบฝึกหัดชุดนี้มีทั้งหมด 14 session แต่ละ session มี 5 exercise (รวมทั้งหมด 14x5=70 exercise ณ วันนี้.. 22 มิย 53) และมี text ให้ดูประกอบด้วย
-เมื่อฟังแล้วก็ให้พยายามฝึกพูดตาม
-คลิกปุ่มกลมในกรอบเพื่อฟังซ้ำ จะฟังกี่ครั้งและฝึกพูดตามกี่ครั้งก็ได้
แต่ละ session มีวัตถุประสงค์ให้เราพัฒนาการออกเสียงในลักษณะต่าง ๆ กัน เช่น การฝึกออกเสียง สระ พยัญชนะ เสียงที่คล้ายกัน การลงเสียงหนัก เป็นต้น
ขอเรียนว่าชุด Perfect Pronunciation Exercises นี้ perfect อย่างที่เขาตั้งชื่อไว้จริง ๆ
ลองฝึกดูนะครับ
แถม: คลิกฝึกเพิ่มเติมกับเว็บอื่น
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1482]ทวนศัพท์: word by meaning, meaning by word
เพิ่มเติม 12 ธันวาคม 2554:
**********
สวัสดีครับ
สมัยเป็นเด็ก ผมจะทำสมุดจดศัพท์ส่วนตัว ตีเส้นแบ่งกลางหน้า ด้านซ้ายจดคำศัพท์ ด้านขวาจดความหมาย
เวลาทบทวน ผมจะทำ 2 วิธี คือ
วิธีที่ 1-เปิดศัพท์ภาษาอังกฤษด้านซ้าย และนึกถึงความหมายภาษาไทยที่เอามือปิดไว้ด้านขวา เช่น
book = ?
chair = ?
วิธีที่ 2-เปิดความหมายภาษาไทยด้านขวา และนึกถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เอามือปิดไว้ด้านซ้าย เช่น
? = หนังสือ
? = เก้าอี้
เมื่อโตขึ้น ผมก็เดาเอาว่า วิธีที่ 1 น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการอ่านและการฟัง เพราะเมื่อเราอ่านและฟัง เราจะเจอคำศัพท์ก่อน สมองเราก็จะตั้งคำถามโดยอัตโนมัติว่า ศัพท์คำนี้มันแปลว่าอะไร ความหมายภาษาไทยที่เคยเอามือปิดไว้มันก็จะมาโผล่ตอนนี้แหละครับ นี่คือจากคำศัพท์ไปสู่ความหมาย
ส่วนวิธีที่ 2 น่าจะเป็นประโยชน์มากต่อการพูดและการเขียน เพราะเมื่อแรก ๆ ที่หัดพูดนั้น ก่อนอื่น ผมคงจะถึงความหมายภาษาไทยที่ต้องการจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เคยเอามือปิดไว้มันก็คงจะมาโผล่ตอนนี้แหละครับ นี่คือจากความหมายย้อนไปหาคำศัพท์
แล้วก็มาถึงวันหนึ่ง น่าจะเป็น ม.ศ. 3 หรือ ม.ศ. 4 ที่ผมหัดใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ สมุดจดศัพท์ของผมก็เปลี่ยนรูปไป คือ ด้านซ้ายที่เคยจดความหมายภาษาไทย ผมก็ลอกความหมายหรือ definition ที่เป็นภาษาอังกฤษ จากดิก อังฤษ – อังกฤษ เขียนแทรกลงไปด้วย และตอนหลัง ๆ ผมก็จะเขียนเฉพาะความหมายเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ต้องให้มีภาษาไทยปนอยู่
เมื่อถึงเวลาทบทวนศัพท์ ในสมองของผมก็จะมีภาษาไทยเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยลง ผมคิดว่านี่คือพัฒนาการ เพราะว่า เมื่อผมอ่านหรือพูดภาษาอังกฤษ ผมก็จะใช้ภาษาไทยน้อยลง คือเข้าใจเป็นภาษาอังกฤษไปเลยโดยไม่ต้องผ่านภาษาไทย หรือผ่านน้อยลง ๆ
และวันนี้ผมมีหนังสือภาษาอังกฤษมาให้ท่านดาวน์โหลด 2 เล่ม เป็นหนังสือที่ช่วยทบทวนคำศัพท์ของ TOEIC (Test of English for International Communication)
ศัพท์ TOEIC นี่นะครับผมเห็นว่าน่าศึกษา เพราะว่าเป็นศัพท์ส่วนใหญ่ที่เราได้ใช้ในการพูดจาสื่อสาร ไม่เหมือนศัพท์ TOEFL ที่ส่วนใหญ่ใช้สำหรับนักเรียนในมหาวิทยาลัยเมืองนอก (TOEFL = Test of English as a Foreign Language)
ทั้ง 2 เล่มมีเล่มละ 342 บท ๆ ละ 10 ข้อ เพราะฉะนั้นเราจะได้ train และ test ตัวเองด้านคำศัพท์อย่างน้อย 3,420 คำเป็นอย่างน้อย ต่อ 1 เล่ม
เรื่องที่น่าสนใจที่จะโยงเข้ากับเรื่องที่ผมพูดมาข้างต้นก็คือ
เล่มที่ 1 เป็น meaning by word คือให้ศัพท์มา 1 คำ และมีความหมายเป็นภาษาอังกฤษให้มา 4 ข้อ หน้าที่ของเราคือ เลือกความหมายที่ถูกต้อง
คลิกดาวน์โหลด หนังสือ meaning by word
เล่มที่ 2 เป็น word by meaning คือให้ความหมายเป็นกลุ่มคำ, วลี, ประโยค มา 1 บรรทัด และมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้มา 4 คำ a)… b)… c)… d)… หน้าที่ของเราคือ เลือกคำศัพท์ที่ถูกต้อง
คลิกดาวน์โหลด หนังสือ word by meaning
ทั้ง 2 เล่ม มีเฉลย ทุกบท ทุกข้อ
ผมขอมอบหนังสือ 2 เล่มนี้ให้ทุกท่านเป็นคู่มือในการทบทวนศัพท์ที่ต้องใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เสียดายที่ผมเพิ่งมาเห็นหนังสือนี้เมื่อผมชักจะแก่แล้ว ถ้าได้เห็นตอนวัยรุ่นคงจะรู้ศัพท์มากกว่าทุกวันนี้หลายคำ คงจะพูดได้ดังใจมากกว่าทุกวันนี้หลายประโยค
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1481]ไม่มีเวลาอ่านข่าว-แต่ไม่อยากตกข่าว-ทำไงดี?
สวัสดีครับ
คำถาม: ไม่มีเวลาอ่าน ข่าว-แต่ไม่อยากตกข่าว-ทำไงดี ?
คำตอบ: เนื่องจากท่านไม่ค่อยมีเวลา ผมจึงขอตอบสั้น ๆ ว่า ก็อ่านเฉพาะพาดหัวข่าว หรือ headlines, ข่าวด่วน หรือ breaking news หรือข่าวใหม่ ๆ ก็พอ
คำถาม: พอเข้าไปในหน้าแรกของเว็บข่าว ไอ้ข่าวพวกนี้มันกองอยู่ที่ตรงไหนจะได้คลิกอ่านง่าย ๆ
ตอบ: ให้พยายามหาคำว่า rss หรือไอคอนเล็ก ๆ รูปอย่างนี้ คลิก ซึ่งอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในหน้าแรกของเว็บ ก็จะได้อ่าน headlines, breaking news หรือเรื่องใหม่ ๆ หรือ ข่าวใหม่ ของเว็บนั้น
ผมขอยกตัวอย่างเว็บสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน ข่าว-แต่ไม่อยากตกข่าว ข้างล่างนี้ครับ ให้ท่านคลิกที่หน้า rss และอ่านเฉพาะพาดหัวข่าว หรือย่อหน้าแรกของข่าว ถ้าสนใจก็ค่อยคลิกอ่านเนื้อข่าวเต็ม เชิญครับ
หน้าแรกเว็บหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
rss หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
หน้าแรกเว็บหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
rss หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
[รวมหนังสือพิมพ์ออนไลน์]
หน้าแรกเว็บหนังสือพิมพ์ Bangkok Post
rss หนังสือพิมพ์ Bangkok Post
หน้าแรกเว็บหนังสือพิมพ์ Tha Nation
rss หนังสือพิมพ์ Tha Nation
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
หน้าแรกเว็บข่าว BBC
rss ข่าว BBC
(คลิกเลือกใต้หัว ข้อ CHOOSE A FEED หรือ SELECTION OF VIDEO RSS FEEDS ที่คอลัมน์ขวามือ)
หน้าแรกเว็บข่าว CNN
rss ข่าว CNN
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
หน้าแรกเว็บสำนักข่าว AP
rss สำนักข่าวAP
หน้าแรกเว็บสำนักข่าวรอยเตอร์
rss สำนักข่าวรอยเตอร์
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
หน้าแรกเว็บข่าวซินหัวของจีน
rss ข่าวซินหัวของจีน
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
หน้าแรกเว็บข่าวที่รวบรวมโดย Yahoo
rss ข่าวที่รวบรวมโดย Yahoo
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
แถม: rss ของ e4thai.com
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
คำถาม: ไม่มีเวลาอ่าน ข่าว-แต่ไม่อยากตกข่าว-ทำไงดี ?
คำตอบ: เนื่องจากท่านไม่ค่อยมีเวลา ผมจึงขอตอบสั้น ๆ ว่า ก็อ่านเฉพาะพาดหัวข่าว หรือ headlines, ข่าวด่วน หรือ breaking news หรือข่าวใหม่ ๆ ก็พอ
คำถาม: พอเข้าไปในหน้าแรกของเว็บข่าว ไอ้ข่าวพวกนี้มันกองอยู่ที่ตรงไหนจะได้คลิกอ่านง่าย ๆ
ตอบ: ให้พยายามหาคำว่า rss หรือไอคอนเล็ก ๆ รูปอย่างนี้ คลิก ซึ่งอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งในหน้าแรกของเว็บ ก็จะได้อ่าน headlines, breaking news หรือเรื่องใหม่ ๆ หรือ ข่าวใหม่ ของเว็บนั้น
ผมขอยกตัวอย่างเว็บสำหรับท่านที่ไม่ค่อยมีเวลาอ่าน ข่าว-แต่ไม่อยากตกข่าว ข้างล่างนี้ครับ ให้ท่านคลิกที่หน้า rss และอ่านเฉพาะพาดหัวข่าว หรือย่อหน้าแรกของข่าว ถ้าสนใจก็ค่อยคลิกอ่านเนื้อข่าวเต็ม เชิญครับ
หน้าแรกเว็บหนังสือพิมพ์เดลินิวส์
rss หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
หน้าแรกเว็บหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
rss หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
[รวมหนังสือพิมพ์ออนไลน์]
หน้าแรกเว็บหนังสือพิมพ์ Bangkok Post
rss หนังสือพิมพ์ Bangkok Post
หน้าแรกเว็บหนังสือพิมพ์ Tha Nation
rss หนังสือพิมพ์ Tha Nation
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
หน้าแรกเว็บข่าว BBC
rss ข่าว BBC
(คลิกเลือกใต้หัว ข้อ CHOOSE A FEED หรือ SELECTION OF VIDEO RSS FEEDS ที่คอลัมน์ขวามือ)
หน้าแรกเว็บข่าว CNN
rss ข่าว CNN
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
หน้าแรกเว็บสำนักข่าว AP
rss สำนักข่าวAP
หน้าแรกเว็บสำนักข่าวรอยเตอร์
rss สำนักข่าวรอยเตอร์
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
หน้าแรกเว็บข่าวซินหัวของจีน
rss ข่าวซินหัวของจีน
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
หน้าแรกเว็บข่าวที่รวบรวมโดย Yahoo
rss ข่าวที่รวบรวมโดย Yahoo
(คลิกเลือกได้หลาย ประเภท)
แถม: rss ของ e4thai.com
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1480] ด/ล Children’s Illustrated Dictionary
สวัสดีครับ
โดยส่วนตัวผมชอบดิกชันนารีภาพ เพราะมันช่วยให้เข้าใจคำศัพท์ได้ง่าย จำได้เร็วและจำได้นาน
ในบล็อกนี้ผมได้รวบรวม picture dictionary ให้ท่านได้ใช้งานขณะต่อเน็ต และดาวน์โหลดไปเปิดใช้โดยไม่ต้องต่อเน็ต คลิกที่ลิงค์นี้ครับ
และวันนี้ผมได้มาอีก 1 เล่ม ชื่อ Children’s Illustrated Dictionary หน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ คลิก
และดาวน์โหลดได้ ที่ลิงค์นี้ หรือ ลิงค์นี้
ที่ผมชอบใจ Children’s Illustrated Dictionary เป็นพิเศษก็เพราะว่า เป็นดิกภาพที่เหมาะกับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่ต้องการทบทวนคำศัพท์ที่ห่างเหินไปนาน ด้วยลักษณะดีของดิกดังนี้ครับ
-บรรจุเฉพาะคำศัพท์และความหมายที่เป็นพื้นฐานจริง ๆ
-การทำให้เราเข้าใจคำศัพท์ ดิกเล่มนี้ให้ 3 อย่าง คือ
@ให้ความหมายของคำศัพท์ด้วยภาษาอังกฤษที่ง่าย ๆ
@ให้ภาพประกอบ (ส่วนใหญ่ของคำศัพท์)
@ให้วลีหรือประโยคตัวอย่าง ที่บรรยายภาพประกอบนั้นอีกที (ถ้ามีภาพ)
สำหรับเด็ก ๆ หรือเยาวชน ที่กำลังเรียนรู้คำศัพท์ Children’s Illustrated Dictionary จะเป็นตำราอย่างดีให้ช่วยจำศัพท์ทีละคำ ๆ
สำหรับผู้ใหญ่ที่ลืมคำศัพท์สมัยเด็กไปแล้ว Children’s Illustrated Dictionary จะเป็นตำราอย่างดีให้ช่วยฟื้นความจำคำศัพท์ทีละคำ ๆ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
โดยส่วนตัวผมชอบดิกชันนารีภาพ เพราะมันช่วยให้เข้าใจคำศัพท์ได้ง่าย จำได้เร็วและจำได้นาน
ในบล็อกนี้ผมได้รวบรวม picture dictionary ให้ท่านได้ใช้งานขณะต่อเน็ต และดาวน์โหลดไปเปิดใช้โดยไม่ต้องต่อเน็ต คลิกที่ลิงค์นี้ครับ
และวันนี้ผมได้มาอีก 1 เล่ม ชื่อ Children’s Illustrated Dictionary หน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ คลิก
และดาวน์โหลดได้ ที่ลิงค์นี้ หรือ ลิงค์นี้
ที่ผมชอบใจ Children’s Illustrated Dictionary เป็นพิเศษก็เพราะว่า เป็นดิกภาพที่เหมาะกับเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่ต้องการทบทวนคำศัพท์ที่ห่างเหินไปนาน ด้วยลักษณะดีของดิกดังนี้ครับ
-บรรจุเฉพาะคำศัพท์และความหมายที่เป็นพื้นฐานจริง ๆ
-การทำให้เราเข้าใจคำศัพท์ ดิกเล่มนี้ให้ 3 อย่าง คือ
@ให้ความหมายของคำศัพท์ด้วยภาษาอังกฤษที่ง่าย ๆ
@ให้ภาพประกอบ (ส่วนใหญ่ของคำศัพท์)
@ให้วลีหรือประโยคตัวอย่าง ที่บรรยายภาพประกอบนั้นอีกที (ถ้ามีภาพ)
สำหรับเด็ก ๆ หรือเยาวชน ที่กำลังเรียนรู้คำศัพท์ Children’s Illustrated Dictionary จะเป็นตำราอย่างดีให้ช่วยจำศัพท์ทีละคำ ๆ
สำหรับผู้ใหญ่ที่ลืมคำศัพท์สมัยเด็กไปแล้ว Children’s Illustrated Dictionary จะเป็นตำราอย่างดีให้ช่วยฟื้นความจำคำศัพท์ทีละคำ ๆ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1479]พาดหัวข่าววิ่ง BBC Alerts และเว็บ My Video Daily
สวัสดีครับ
วันนี้ผมมี 2 เว็บดี มาแนะนำ
เว็บที่ 1 โปรแกรม BBC Alerts
อ่าน Review: http://bbc-alerts.software.informer.com/
ดาวน์โหลด: http://bbc-alerts.software.informer.com/download/
เมื่อติดตั้งแล้วจะมีแถบ headline ข่าว BBC วิ่งที่แถบบนสุดของหน้าจอขณะต่อเน็ต เมื่อท่านต้องการอ่านข่าวใดก็คลิกที่หัวข้อข่าวนั้น โปรแกรมสามารถให้เราตั้งค่าได้ว่า ต้องการหรือไม่ต้องการให้หัวข้อข่าวประเภทใดวิ่ง
เว็บที่ 2 My Video Daily
http://www.myvideodaily.com/
-คลิกเลือกช่องที่ Channels
-ถ้าต้องการดูวีดิโอเต็มหน้าคอมฯให้ดับเบิ้ลคลิกที่จอ, ต้องการให้จอเล็กเหมือนเดิม กด Escape
-ถ้าต้องการดาวน์โหลดคลิปวีดิโอ คลิกอ่านคำแนะนำที่นี่
โปรแกรม BBC Alerts ช่วย reading skill, listening skill, vocabulary
เว็บ My Video Daily ช่วย listening skill
ทั้ง 2 เว็บนี้ นอกจากเป็นเครื่องมือในการฝึกทักษะภาษาอังกฤษแล้ว ยังให้ความรู้และความเพลิดเพลินอีกด้วย
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันนี้ผมมี 2 เว็บดี มาแนะนำ
เว็บที่ 1 โปรแกรม BBC Alerts
อ่าน Review: http://bbc-alerts.software.informer.com/
ดาวน์โหลด: http://bbc-alerts.software.informer.com/download/
เมื่อติดตั้งแล้วจะมีแถบ headline ข่าว BBC วิ่งที่แถบบนสุดของหน้าจอขณะต่อเน็ต เมื่อท่านต้องการอ่านข่าวใดก็คลิกที่หัวข้อข่าวนั้น โปรแกรมสามารถให้เราตั้งค่าได้ว่า ต้องการหรือไม่ต้องการให้หัวข้อข่าวประเภทใดวิ่ง
เว็บที่ 2 My Video Daily
http://www.myvideodaily.com/
-คลิกเลือกช่องที่ Channels
-ถ้าต้องการดูวีดิโอเต็มหน้าคอมฯให้ดับเบิ้ลคลิกที่จอ, ต้องการให้จอเล็กเหมือนเดิม กด Escape
-ถ้าต้องการดาวน์โหลดคลิปวีดิโอ คลิกอ่านคำแนะนำที่นี่
โปรแกรม BBC Alerts ช่วย reading skill, listening skill, vocabulary
เว็บ My Video Daily ช่วย listening skill
ทั้ง 2 เว็บนี้ นอกจากเป็นเครื่องมือในการฝึกทักษะภาษาอังกฤษแล้ว ยังให้ความรู้และความเพลิดเพลินอีกด้วย
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1478] ใช้ศัพท์ง่าย - บรรยายเรื่องยาก
สวัสดีครับ
แม้ว่าศัพท์ในภาษาอังกฤษจะมีเป็นแสน ๆ คำ แต่ก็มีคนหลายคนพยายามจะบอกว่า เราสามารถใช้ศัพท์เพียงไม่กี่พันคำก็สามารถสื่อสารให้เข้าใจกันได้ โดยใช้สิ่งที่เรียกกันว่า plain English, easy English, simple English, basic English, special English, globish หรือคำอื่น ๆ ที่มีความหมายในทำนองนี้ โดยการทำ 2 อย่าง คือ
1.เขียนหรือพูดภาษาอังกฤษโดยใช้โครงสร้างง่าย ๆ ประโยคสั้น ๆ ไม่ซับซ้อน
2.ใช้เฉพาะคำศัพท์ง่าย ๆ ศัพท์พื้นฐาน แทนศัพท์ยาก
พูดถึงการใช้ศัพท์ง่าย ๆในการสื่อสารนี้ เท่าที่ผมผ่านพบก็รู้สึกว่า มีหลายค่ายพยายามออกแบบ wordlist ที่เขาบอกว่าเป็นศัพท์ง่าย ๆ ที่สามารถบรรยายเรื่องยาก ๆ ได้ทุกเรื่อง ผมขอยกตัวอย่าง wordlist ข้างล่างนี้ที่เคยพบมาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษา เมื่อเข้าไปแล้วท่านเพียงดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ ก็จะมีคำปลภาษาไทยปรากฏ
**********
ท่านยังสามารถใช้ wordlist ข้างล่างนี้ เป็นอุปกรณ์การศึกษาภาษาอังกฤษ โดยเมื่อเข้าไปแล้ว ลองไล่ดูว่ามีคำไหนที่ท่านไม่ทราบหรือไม่แน่ใจในความหมาย, ให้นึกทบทวนหรือเดาในใจก่อน, แล้วก็ดับเบิ้ลคลิกเพื่อดูคำแปลภาษาไทย, เลื่อนลงไปไปข้างล่างแล้วคลิก Show more Web definition>> เพื่อดูคำแปลและคลิกฟังเสียงอ่านจากดิก อังกฤษ-อังกฤษ COBUILD ฝึกอย่างนี้บ่อย ๆ ทีละคำสองคำ ไม่นานนักก็จะรู้ศัพท์เป็นพัน ๆ คำได้ไม่ยาก
**********
1,500 คำ: VOA Special English คลิก 1 หรือ คลิก 2
2,000 คำ: Longman Defining Vocabulary คลิก
3,000 คำ: Merriam-Webster's Learner's Dictionary คลิก
3,000 คำ: Oxford 3000 wordlist คลิก
*********
850 คำ: Ogden's Basic English Word List คลิก
3,000 : Nolls' Top 3,000 American English Words คลิก
5,325 คำ: Most Frequent English Words, Phrases & Expressions คลิก
10,000 คำ: ศัพท์ ภาษาอังกฤษที่พบบ่อย คลิก
1,500 คำ: Globish Word คลิก
1,000 คำ: Brian Kelk's Top 1,000 UK English Words
21,877 คำ: Alan Beale's Core Vocabulary
ลิงค์ 1
ลิงค์ 2 แสดงคำแปลเมื่อวางเมาส์บนคำศัพท์
**********
ถ้าถามว่า list คำศัพท์พวกนี้มีประโยชน์อย่างไรต่อคนไทยที่ศึกษาภาษาอังกฤษ ความเห็นของผมก็คือ
1.list เหล่านี้แม้จะต่างกันไปบ้าง แต่ก็คล้ายกันป็นส่วนใหญ่ คือรวบรวมเฉพาะศัพท์ที่พบบ่อย-ใช้บ่อย การศึกษาให้คุ้นเคยกับศัพท์เหล่านี้จะไม่เสียเวลาเปล่า เพราะเรามีโอกาสใช้บ่อย ถ้าคำใดที่เราพยายามจำแต่นาน ๆ จะใช้กันสักที อย่างนี้ก็ไม่ค่อยคุ้ม
2.ศัพท์พื้นฐานที่จำได้ จะช่วยให้เราเดาศัพท์ยากใหม่ ๆ ที่อ่านเจอ เรียกว่าเอาศัพท์ต่อศัพท์ ถ้าไม่รู้ศัพท์ basic ก็คงยากที่จะก้าวไปสู่ศัพท์ระดับ intermediate หรือ advanced
3.ตอนที่เราสื่อสารโดยการพูดหรือเขียน ก็ start ด้วยการใช้ศัพท์พื้นฐานเหล่านี้แหละครับ
ประเด็นที่ผมอยากเน้นก็คือ การรู้ศัพท์ง่ายก็มิได้หมายความว่า เราจะสามารถเอาศัพท์ง่ายไปผูกประโยคได้ง่าย ๆดังใจ เราจะต้องเคยอ่านหรือเคยได้ยินประโยคหรือเรื่องราวที่เขาเอาศัพท์ง่าย ๆ เหล่านี้ไปใช้ เมื่ออ่านและฟังมาก ๆ เราจะค่อย ๆ คุ้นเคย เมื่อถึงเวลาที่เราต้องพูดหรือเขียนด้วยตัวเอง เราก็จะทำได้ คือพูดได้และเขียนได้
ตอนที่พวกเราเรียนชั้นมัธยม จะมีหนังสือประเภทหนึ่งที่เรียกว่าหนังสืออ่านนอกเวลาซึ่งเขียนด้วยศัพท์ง่าย ๆ เหล่านี้ แบ่งออกเป็น level ซึ่งในบล็อกนี้ผมก็มีให้ท่านดาวน์โหลดไปอ่านประมาณ 50 เล่ม คลิก
และเมื่อท่านท่องเน็ต ก็มีบางเว็บไซต์ที่เขาเขียนด้วยศัพท์ง่าย ๆ หรือมีไฟล์ mp3 ง่าย ๆ ให้ท่านฝึกฟัง ดังตัวอย่างข้างล่างนี้ครับ
VOA Special English
BBC Learning English
CNN Student News
Read Bangkok Post
ใน 4 เว็บข้างบนนี้ เว็บที่ผมขอแนะนำเป็นพิเศษให้ท่านฝึกให้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษอย่างง่าย ๆ ก็คือเว็บแรก คือ VOA Special English โปรแกรมนี้ของสำนักข่าว VOA ของสหรัฐฯ เริ่มมาตั้งแต่ปี 1959 นี่แสดงว่าเขามีประสบการณ์อย่างยาวนานในการใช้ศัพท์เพียง 1,500 คำในการรายงานข่าวและบทความซึ่งมีเนื้อหาหลากหลายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จึงพิสูจน์ได้ว่า เขาสามารถทำได้จริงในการใช้ศัพท์เภาษาอังกฤษพียง 1,500 คำในการเขียนหรือบอกเล่าเรื่องราวได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องจะซับซ้อนเพียงใด เขาทำได้อย่างไร? นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและเข้าไปทำความคุ้นเคยเพื่อที่เราจะได้สามารถทำได้อย่างนั้นบ้าง
เรื่องใหม่ที่ผมเพิ่งพบและขอเรียนให้ทราบก็คือ เมื่อเข้าไปที่เนื้อข่าวใดข่าวหนึ่งของ VOA Special English ท่านจะเห็นว่า เมื่อเอาเมาส์วางบนคำศัพท์จะปรากฏไอคอนรูปวงกลมสีแดง เมื่อดับเบิ้ลคลิกก็จะแสดงคำแปลศัพท์จาก Learner’s Dictionary ของ Webster ซึ่งตามความเห็นของผม ต้องถือว่าเป็นดิกชันนารี American English ที่ดีที่สุดในโลก
การที่เราจะสามารถ “ใช้ศัพท์ง่าย - บรรยายเรื่องยาก” เราเองจึงควรอ่านหรือฟังการใช้ศัพท์ง่ายเหล่านี้จนคุ้นเคย
ผมอยากชวนทุกท่านที่ต้องการฝึก reading skill อ่านเรื่องราวในเว็บ VOA Special English (หรือเว็บ BBC, CNN, Bangkok Post ที่ยกเป็นตัวอย่างข้างบน)โดยครั้งแรกให้เลือกเรื่องที่ท่านสนใจจะอ่านก่อน และหลังจากนี้ก็ค่อย ๆ ใจเย็น ๆ อ่านไปทีละประโยค, ทีละย่อหน้า จนจบเรื่อง เมื่อฝึกฝนไปนาน ๆ เข้าผมเชื่อว่าท่านจะสามารถ “ใช้ศัพท์ง่าย - บรรยายเรื่องยาก” ได้ไม่ยากนัก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
แม้ว่าศัพท์ในภาษาอังกฤษจะมีเป็นแสน ๆ คำ แต่ก็มีคนหลายคนพยายามจะบอกว่า เราสามารถใช้ศัพท์เพียงไม่กี่พันคำก็สามารถสื่อสารให้เข้าใจกันได้ โดยใช้สิ่งที่เรียกกันว่า plain English, easy English, simple English, basic English, special English, globish หรือคำอื่น ๆ ที่มีความหมายในทำนองนี้ โดยการทำ 2 อย่าง คือ
1.เขียนหรือพูดภาษาอังกฤษโดยใช้โครงสร้างง่าย ๆ ประโยคสั้น ๆ ไม่ซับซ้อน
2.ใช้เฉพาะคำศัพท์ง่าย ๆ ศัพท์พื้นฐาน แทนศัพท์ยาก
พูดถึงการใช้ศัพท์ง่าย ๆในการสื่อสารนี้ เท่าที่ผมผ่านพบก็รู้สึกว่า มีหลายค่ายพยายามออกแบบ wordlist ที่เขาบอกว่าเป็นศัพท์ง่าย ๆ ที่สามารถบรรยายเรื่องยาก ๆ ได้ทุกเรื่อง ผมขอยกตัวอย่าง wordlist ข้างล่างนี้ที่เคยพบมาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษา เมื่อเข้าไปแล้วท่านเพียงดับเบิ้ลคลิกที่คำศัพท์ ก็จะมีคำปลภาษาไทยปรากฏ
**********
ท่านยังสามารถใช้ wordlist ข้างล่างนี้ เป็นอุปกรณ์การศึกษาภาษาอังกฤษ โดยเมื่อเข้าไปแล้ว ลองไล่ดูว่ามีคำไหนที่ท่านไม่ทราบหรือไม่แน่ใจในความหมาย, ให้นึกทบทวนหรือเดาในใจก่อน, แล้วก็ดับเบิ้ลคลิกเพื่อดูคำแปลภาษาไทย, เลื่อนลงไปไปข้างล่างแล้วคลิก Show more Web definition>> เพื่อดูคำแปลและคลิกฟังเสียงอ่านจากดิก อังกฤษ-อังกฤษ COBUILD ฝึกอย่างนี้บ่อย ๆ ทีละคำสองคำ ไม่นานนักก็จะรู้ศัพท์เป็นพัน ๆ คำได้ไม่ยาก
**********
1,500 คำ: VOA Special English คลิก 1 หรือ คลิก 2
2,000 คำ: Longman Defining Vocabulary คลิก
3,000 คำ: Merriam-Webster's Learner's Dictionary คลิก
3,000 คำ: Oxford 3000 wordlist คลิก
*********
850 คำ: Ogden's Basic English Word List คลิก
3,000 : Nolls' Top 3,000 American English Words คลิก
5,325 คำ: Most Frequent English Words, Phrases & Expressions คลิก
10,000 คำ: ศัพท์ ภาษาอังกฤษที่พบบ่อย คลิก
1,500 คำ: Globish Word คลิก
1,000 คำ: Brian Kelk's Top 1,000 UK English Words
21,877 คำ: Alan Beale's Core Vocabulary
ลิงค์ 1
ลิงค์ 2 แสดงคำแปลเมื่อวางเมาส์บนคำศัพท์
**********
ถ้าถามว่า list คำศัพท์พวกนี้มีประโยชน์อย่างไรต่อคนไทยที่ศึกษาภาษาอังกฤษ ความเห็นของผมก็คือ
1.list เหล่านี้แม้จะต่างกันไปบ้าง แต่ก็คล้ายกันป็นส่วนใหญ่ คือรวบรวมเฉพาะศัพท์ที่พบบ่อย-ใช้บ่อย การศึกษาให้คุ้นเคยกับศัพท์เหล่านี้จะไม่เสียเวลาเปล่า เพราะเรามีโอกาสใช้บ่อย ถ้าคำใดที่เราพยายามจำแต่นาน ๆ จะใช้กันสักที อย่างนี้ก็ไม่ค่อยคุ้ม
2.ศัพท์พื้นฐานที่จำได้ จะช่วยให้เราเดาศัพท์ยากใหม่ ๆ ที่อ่านเจอ เรียกว่าเอาศัพท์ต่อศัพท์ ถ้าไม่รู้ศัพท์ basic ก็คงยากที่จะก้าวไปสู่ศัพท์ระดับ intermediate หรือ advanced
3.ตอนที่เราสื่อสารโดยการพูดหรือเขียน ก็ start ด้วยการใช้ศัพท์พื้นฐานเหล่านี้แหละครับ
ประเด็นที่ผมอยากเน้นก็คือ การรู้ศัพท์ง่ายก็มิได้หมายความว่า เราจะสามารถเอาศัพท์ง่ายไปผูกประโยคได้ง่าย ๆดังใจ เราจะต้องเคยอ่านหรือเคยได้ยินประโยคหรือเรื่องราวที่เขาเอาศัพท์ง่าย ๆ เหล่านี้ไปใช้ เมื่ออ่านและฟังมาก ๆ เราจะค่อย ๆ คุ้นเคย เมื่อถึงเวลาที่เราต้องพูดหรือเขียนด้วยตัวเอง เราก็จะทำได้ คือพูดได้และเขียนได้
ตอนที่พวกเราเรียนชั้นมัธยม จะมีหนังสือประเภทหนึ่งที่เรียกว่าหนังสืออ่านนอกเวลาซึ่งเขียนด้วยศัพท์ง่าย ๆ เหล่านี้ แบ่งออกเป็น level ซึ่งในบล็อกนี้ผมก็มีให้ท่านดาวน์โหลดไปอ่านประมาณ 50 เล่ม คลิก
และเมื่อท่านท่องเน็ต ก็มีบางเว็บไซต์ที่เขาเขียนด้วยศัพท์ง่าย ๆ หรือมีไฟล์ mp3 ง่าย ๆ ให้ท่านฝึกฟัง ดังตัวอย่างข้างล่างนี้ครับ
VOA Special English
BBC Learning English
CNN Student News
Read Bangkok Post
ใน 4 เว็บข้างบนนี้ เว็บที่ผมขอแนะนำเป็นพิเศษให้ท่านฝึกให้คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษอย่างง่าย ๆ ก็คือเว็บแรก คือ VOA Special English โปรแกรมนี้ของสำนักข่าว VOA ของสหรัฐฯ เริ่มมาตั้งแต่ปี 1959 นี่แสดงว่าเขามีประสบการณ์อย่างยาวนานในการใช้ศัพท์เพียง 1,500 คำในการรายงานข่าวและบทความซึ่งมีเนื้อหาหลากหลายไปยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก จึงพิสูจน์ได้ว่า เขาสามารถทำได้จริงในการใช้ศัพท์เภาษาอังกฤษพียง 1,500 คำในการเขียนหรือบอกเล่าเรื่องราวได้ทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องจะซับซ้อนเพียงใด เขาทำได้อย่างไร? นี่จึงเป็นเรื่องที่น่าศึกษาและเข้าไปทำความคุ้นเคยเพื่อที่เราจะได้สามารถทำได้อย่างนั้นบ้าง
เรื่องใหม่ที่ผมเพิ่งพบและขอเรียนให้ทราบก็คือ เมื่อเข้าไปที่เนื้อข่าวใดข่าวหนึ่งของ VOA Special English ท่านจะเห็นว่า เมื่อเอาเมาส์วางบนคำศัพท์จะปรากฏไอคอนรูปวงกลมสีแดง เมื่อดับเบิ้ลคลิกก็จะแสดงคำแปลศัพท์จาก Learner’s Dictionary ของ Webster ซึ่งตามความเห็นของผม ต้องถือว่าเป็นดิกชันนารี American English ที่ดีที่สุดในโลก
การที่เราจะสามารถ “ใช้ศัพท์ง่าย - บรรยายเรื่องยาก” เราเองจึงควรอ่านหรือฟังการใช้ศัพท์ง่ายเหล่านี้จนคุ้นเคย
ผมอยากชวนทุกท่านที่ต้องการฝึก reading skill อ่านเรื่องราวในเว็บ VOA Special English (หรือเว็บ BBC, CNN, Bangkok Post ที่ยกเป็นตัวอย่างข้างบน)โดยครั้งแรกให้เลือกเรื่องที่ท่านสนใจจะอ่านก่อน และหลังจากนี้ก็ค่อย ๆ ใจเย็น ๆ อ่านไปทีละประโยค, ทีละย่อหน้า จนจบเรื่อง เมื่อฝึกฝนไปนาน ๆ เข้าผมเชื่อว่าท่านจะสามารถ “ใช้ศัพท์ง่าย - บรรยายเรื่องยาก” ได้ไม่ยากนัก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1477] รวม English listening test มากมายไว้ที่นี่
สวัสดีครับ
ในบล็อกนี้ผมได้รวบรวมลิงค์เกี่ยวกับการฝึกฟังไว้ที่ลิงค์นี้ ฟัง
โดยลิงค์ฝึกฟังที่แนะนำผมพยายามให้มี text ประกอบด้วยเพื่อว่าหากฟังแล้วจับใจความไม่ได้ตลอดจะได้อ่าน
และวันนี้ผมได้รวบรวมลิงค์อีกชุดหนึ่งที่นอกจากมี mp3 ให้ฟัง และ text ให้อ่านแล้ว ยังมี test ให้ทำและมีเฉลยให้ตรวจอีกด้วย
การฟังและการทำ test เพื่อทดสอบความเข้าใจ จะช่วยให้การฝึกฟังมีสมาธิและมีทิศทางมากขึ้น เพราะต้องพยายามฟังให้รู้เรื่องเพื่อนำเอามาตอบคำถาม แต่ทั้งนี้ก็มิได้หมายความว่าทุกครั้งที่ฝึกฟังเราจะต้อง test ความเข้าใจในการฟังของเราทุกครั้ง test บ้างไม่ test บ้างก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพียงแต่ผมมีความเห็นว่า การฝึกฟังและ test ความเข้าใจในการฟังมีประโยชน์ไม่น้อยเลย
ก่อนจะแนะนำลิงค์ที่รวบรวมมาผมขอพูดแถมอีกสักนิดนะครับ หลายคนบอกว่าถึงฟังได้รู้เรื่องแต่ก็พูดไม่ได้ คล้าย ๆ กับว่าการฟังไม่มีประโยชน์ต่อการพูดยังงั้นแหละ ในเรื่องนี้ผมขอถามว่า ระหว่างอ่านคล่องกับฟังคล่อง – อะไรจะช่วยให้เราพูดได้คล่องมากกว่ากัน ? ข้อนี้ตอบได้ง่าย ๆ เลยครับว่า ฟังช่วยให้พูดได้มากกว่า คนที่ไม่ได้ยินมาตั้งแต่เกิดก็จะพูดไม่ได้ (คนหูหนวกจึงเป็นใบ้ด้วย) เราคนไทยไม่ได้ยินภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิด เพิ่งมาได้ยินตนโตก็ฝึกพูดตอนโตนี่แหละครับ และอาจจะต้องเข้มข้นเรื่องการฟังสักหน่อยเพราะเพิ่งจะมาฝึกฟังตนโตแล้ว – อย่างนี้ก็ต้องยอมครับ และวิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้การฝึกฟังของเราเข้มข้นก็คือ ฟัง + test นี่แหละครับ
เอาละครับ ลิงค์ฝึกฟังข้างล่างนี้
-มีเสียงให้ฟัง, บางลิงค์เป็น video clip
-มี test และเฉลย,
-มี text ให้คลิกดู
-หลายลิงค์มีให้เลือกง่าย – ยาก ตามใจชอบ
เชิญเข้าไปสำรววจได้เลยครับ
[1] Listening test ของ TOEIC ชุดนี้มีทั้งหมด 4 part รวม 1210 exercise
และขอเรียนว่า ไม่ว่าท่านจะไปเข้าสอบ TOEIC หรือไม่ก็ตาม listening test ชุดนี้ก็มีประโยชน์ต่อท่านแน่ ๆ
เมื่อคลิกแต่ละ part, exercise ของ part นั้นทั้งหมดจะอยู่กลางหน้า, คลิกตอนที่ต้องการฟัง, คลิกปุ่ม play สีแดง
TOEIC part I listening (610 audio exercises)
TOEIC part II listening/Question-Response (200 audio exercises)
TOEIC part III short business conversations (200 audio exercises)
TOEIC part IV Talks (200 audio exercises)
[2] ชุดนี้มีทั้งแบบที่มากับ audio และ video ทั้งระดับเริ่มต้น ปานกลาง และก้าวหน้า
Beginners
With audio files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=audio&gototal=9167&niveau=1
With video files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=video&gototal=9167&niveau=1
Intermediate
With audio files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=audio&gototal=9167&niveau=2
With video files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=video&gototal=9167&niveau=2
Advanced
With audio files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=audio&gototal=9167&niveau=3
With video files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=video&gototal=9167&niveau=3
[3] ดู video clip หนังตัวอย่าง
http://www.infosquares.com/eslvideo/eslclip1_1.html
http://www.infosquares.com/eslvideo/index2.html
http://www.infosquares.com/eslvideo/index3.html
[4] http://www.learnenglish.org.uk/test/listeningtest.html
[5] http://esl.about.com/library/quiz/bllisteningquiz.htm
[6] คลิกที่ LISTEN ที่มุมบนขวาของกรอบ, และคลิก SCRIPT, ANSWER ที่ด้านล่าง
http://www.examenglish.com/CAE/listening.php
[7] http://www.examenglish.com/TOEFL/toefl_listening.htm
[8] http://www.learnenglishfeelgood.com/listening/esl-listening-practice14.html
[9] http://www.learnenglishfeelgood.com/eslvideo/index.html
[10] http://www.archive.org/details/BasicEnglishListeningTest
[11] http://202.29.91.4/eexam2/action/exam.action?testSession.id=9&takingTestSession=
[12] เป็น story ทั้งหมด 365 เรื่อง. คลิกทำ test ซึ่งอยู่ตอนล่างของหน้า
http://www.eslfast.com/#A
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ในบล็อกนี้ผมได้รวบรวมลิงค์เกี่ยวกับการฝึกฟังไว้ที่ลิงค์นี้ ฟัง
โดยลิงค์ฝึกฟังที่แนะนำผมพยายามให้มี text ประกอบด้วยเพื่อว่าหากฟังแล้วจับใจความไม่ได้ตลอดจะได้อ่าน
และวันนี้ผมได้รวบรวมลิงค์อีกชุดหนึ่งที่นอกจากมี mp3 ให้ฟัง และ text ให้อ่านแล้ว ยังมี test ให้ทำและมีเฉลยให้ตรวจอีกด้วย
การฟังและการทำ test เพื่อทดสอบความเข้าใจ จะช่วยให้การฝึกฟังมีสมาธิและมีทิศทางมากขึ้น เพราะต้องพยายามฟังให้รู้เรื่องเพื่อนำเอามาตอบคำถาม แต่ทั้งนี้ก็มิได้หมายความว่าทุกครั้งที่ฝึกฟังเราจะต้อง test ความเข้าใจในการฟังของเราทุกครั้ง test บ้างไม่ test บ้างก็ไม่เป็นไรหรอกครับ เพียงแต่ผมมีความเห็นว่า การฝึกฟังและ test ความเข้าใจในการฟังมีประโยชน์ไม่น้อยเลย
ก่อนจะแนะนำลิงค์ที่รวบรวมมาผมขอพูดแถมอีกสักนิดนะครับ หลายคนบอกว่าถึงฟังได้รู้เรื่องแต่ก็พูดไม่ได้ คล้าย ๆ กับว่าการฟังไม่มีประโยชน์ต่อการพูดยังงั้นแหละ ในเรื่องนี้ผมขอถามว่า ระหว่างอ่านคล่องกับฟังคล่อง – อะไรจะช่วยให้เราพูดได้คล่องมากกว่ากัน ? ข้อนี้ตอบได้ง่าย ๆ เลยครับว่า ฟังช่วยให้พูดได้มากกว่า คนที่ไม่ได้ยินมาตั้งแต่เกิดก็จะพูดไม่ได้ (คนหูหนวกจึงเป็นใบ้ด้วย) เราคนไทยไม่ได้ยินภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิด เพิ่งมาได้ยินตนโตก็ฝึกพูดตอนโตนี่แหละครับ และอาจจะต้องเข้มข้นเรื่องการฟังสักหน่อยเพราะเพิ่งจะมาฝึกฟังตนโตแล้ว – อย่างนี้ก็ต้องยอมครับ และวิธีการอย่างหนึ่งที่ทำให้การฝึกฟังของเราเข้มข้นก็คือ ฟัง + test นี่แหละครับ
เอาละครับ ลิงค์ฝึกฟังข้างล่างนี้
-มีเสียงให้ฟัง, บางลิงค์เป็น video clip
-มี test และเฉลย,
-มี text ให้คลิกดู
-หลายลิงค์มีให้เลือกง่าย – ยาก ตามใจชอบ
เชิญเข้าไปสำรววจได้เลยครับ
[1] Listening test ของ TOEIC ชุดนี้มีทั้งหมด 4 part รวม 1210 exercise
และขอเรียนว่า ไม่ว่าท่านจะไปเข้าสอบ TOEIC หรือไม่ก็ตาม listening test ชุดนี้ก็มีประโยชน์ต่อท่านแน่ ๆ
เมื่อคลิกแต่ละ part, exercise ของ part นั้นทั้งหมดจะอยู่กลางหน้า, คลิกตอนที่ต้องการฟัง, คลิกปุ่ม play สีแดง
TOEIC part I listening (610 audio exercises)
TOEIC part II listening/Question-Response (200 audio exercises)
TOEIC part III short business conversations (200 audio exercises)
TOEIC part IV Talks (200 audio exercises)
[2] ชุดนี้มีทั้งแบบที่มากับ audio และ video ทั้งระดับเริ่มต้น ปานกลาง และก้าวหน้า
Beginners
With audio files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=audio&gototal=9167&niveau=1
With video files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=video&gototal=9167&niveau=1
Intermediate
With audio files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=audio&gototal=9167&niveau=2
With video files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=video&gototal=9167&niveau=2
Advanced
With audio files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=audio&gototal=9167&niveau=3
With video files
http://www.tolearnenglish.com/cgi2/myexam/index.php?go2=video&gototal=9167&niveau=3
[3] ดู video clip หนังตัวอย่าง
http://www.infosquares.com/eslvideo/eslclip1_1.html
http://www.infosquares.com/eslvideo/index2.html
http://www.infosquares.com/eslvideo/index3.html
[4] http://www.learnenglish.org.uk/test/listeningtest.html
[5] http://esl.about.com/library/quiz/bllisteningquiz.htm
[6] คลิกที่ LISTEN ที่มุมบนขวาของกรอบ, และคลิก SCRIPT, ANSWER ที่ด้านล่าง
http://www.examenglish.com/CAE/listening.php
[7] http://www.examenglish.com/TOEFL/toefl_listening.htm
[8] http://www.learnenglishfeelgood.com/listening/esl-listening-practice14.html
[9] http://www.learnenglishfeelgood.com/eslvideo/index.html
[10] http://www.archive.org/details/BasicEnglishListeningTest
[11] http://202.29.91.4/eexam2/action/exam.action?testSession.id=9&takingTestSession=
[12] เป็น story ทั้งหมด 365 เรื่อง. คลิกทำ test ซึ่งอยู่ตอนล่างของหน้า
http://www.eslfast.com/#A
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1476] อ่าน – ฟัง ข่าว – ศัพท์ ฟุลบอลโลก 2010
สวัสดีครับ
เว็บ http://www.readbangkokpost.com/
นำข่าวฟุตบอลโลกมาให้เราศึกษาภาษาอังกฤษ ทั้งการอ่านและฟังข่าว และศึกษาคำศัพท์ ทั้ง online และดาวน์โหลดเก็บไว้ศึกษา ฟุตบอลโลกเริ่มมาตั้งแต่ 11 มิถุนายน 2010 และจะเล่นกันนาน 1 เดือน ในช่วงนี้ “Acharn” Terry Fredrickson แห่งหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ก็คงจะนำข่าวและศัพท์ฟุตบอลโลกมาให้เราศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ผมขอชวนให้ท่านเข้าไปศึกษาที่ 5 ลิงค์นี้ครับ
ข่าวบอลโลก 2010: http://www.readbangkokpost.com/generalnews/
ศัพท์บอลโลก: http://www.readbangkokpost.com/articles/wcup.php
บอลโลกครั้งที่แล้ว 2006:
http://www.readbangkokpost.com/worldcup/2006/05/
http://www.readbangkokpost.com/worldcup/2006/06/
http://www.readbangkokpost.com/worldcup/2006/07/
ขอแนะนำให้ท่านดาวน์โหลดไว้เลยทั้งไฟล์ข้อความและไฟล์ mp3 (ไฟล์ mp3 -คลิกขวาที่ลิงค์ และคลิกซ้าย Save Target As…) เพื่อจะได้ใช้ศึกษาหลาย ๆ ครั้ง ผมไม่แน่ใจว่าที่หน้าข่าวฟุตบอลโลกนี้เมื่อผ่านหน้าบอลโลกไปแล้วยังจะมีให้ท่านอ่านอีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ดาวน์โหลดไฟล์เก็บไว้เลยปลอดภัยกว่าครับ
วันนี้ผมได้ดาวน์โหลดเก็บไว้บ้างแล้ว ท่านจะดาวน์โหลดต่อก็เชิญได้ครับ แต่ข่าวใหม่หลังจากวันนี้ท่านต้องเข้าไปดาวน์โหลดเองเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดหน้าฟุตบอลโลกปีนี้
ลิงค์ดาวน์โหลด
ข่าวบอลโลก 2010
ศัพท์บอลโลก
World_Cup_May_2006
World_Cup_June_2006
World_Cup_July_2006
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เว็บ http://www.readbangkokpost.com/
นำข่าวฟุตบอลโลกมาให้เราศึกษาภาษาอังกฤษ ทั้งการอ่านและฟังข่าว และศึกษาคำศัพท์ ทั้ง online และดาวน์โหลดเก็บไว้ศึกษา ฟุตบอลโลกเริ่มมาตั้งแต่ 11 มิถุนายน 2010 และจะเล่นกันนาน 1 เดือน ในช่วงนี้ “Acharn” Terry Fredrickson แห่งหนังสือพิมพ์ Bangkok Post ก็คงจะนำข่าวและศัพท์ฟุตบอลโลกมาให้เราศึกษาอย่างต่อเนื่อง
ผมขอชวนให้ท่านเข้าไปศึกษาที่ 5 ลิงค์นี้ครับ
ข่าวบอลโลก 2010: http://www.readbangkokpost.com/generalnews/
ศัพท์บอลโลก: http://www.readbangkokpost.com/articles/wcup.php
บอลโลกครั้งที่แล้ว 2006:
http://www.readbangkokpost.com/worldcup/2006/05/
http://www.readbangkokpost.com/worldcup/2006/06/
http://www.readbangkokpost.com/worldcup/2006/07/
ขอแนะนำให้ท่านดาวน์โหลดไว้เลยทั้งไฟล์ข้อความและไฟล์ mp3 (ไฟล์ mp3 -คลิกขวาที่ลิงค์ และคลิกซ้าย Save Target As…) เพื่อจะได้ใช้ศึกษาหลาย ๆ ครั้ง ผมไม่แน่ใจว่าที่หน้าข่าวฟุตบอลโลกนี้เมื่อผ่านหน้าบอลโลกไปแล้วยังจะมีให้ท่านอ่านอีกหรือเปล่า เพราะฉะนั้น ดาวน์โหลดไฟล์เก็บไว้เลยปลอดภัยกว่าครับ
วันนี้ผมได้ดาวน์โหลดเก็บไว้บ้างแล้ว ท่านจะดาวน์โหลดต่อก็เชิญได้ครับ แต่ข่าวใหม่หลังจากวันนี้ท่านต้องเข้าไปดาวน์โหลดเองเรื่อย ๆ จนกว่าจะหมดหน้าฟุตบอลโลกปีนี้
ลิงค์ดาวน์โหลด
ข่าวบอลโลก 2010
ศัพท์บอลโลก
World_Cup_May_2006
World_Cup_June_2006
World_Cup_July_2006
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1475]แนะนำ YouTube – GoogleTechTalks
สวัสดีครับ
วันนี้ผมขอแนะนำลิงค์ที่น่าสนใจของ YouTube.com คือ GoogleTechTalks
http://www.youtube.com/user/GoogleTechTalks
http://www.youtube.com/user/GoogleTechTalks#p/u
http://www.youtube.com/user/GoogleTechTalks#g/u
สำหรับท่านที่ชอบการฟังคำบรรยายยาว ๆ จะเพื่อความรู้หรือเพื่อฝึก listening skill ก็ตาม YouTube – GoogleTechTalks เหมาะกับท่านเลยครับ
เนื้อหาของเรื่องที่บรรยายค่อนข้างหลากหลาย และน่าจะมีบางเรื่องที่ถูกใจท่าน
ถ้าท่านเจอคลิปที่ถูกใจแล้วแต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ลองอดทนฟังไปหลาย ๆ ครั้งซีครับ
ในระยะแรกๆ การฟังหลาย ๆ เที่ยวจะช่วยให้เราคุ้นเคยกับสำเนียง แม้อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจสำนวน
ใจเย็น ๆ ครับ การคุ้นเคยกับสำเนียงมีประโยชน์มากต่อการฝึกพูด และการเข้าใจสำนวนก็จะตามมาเอง
อดทนฟังด้วยใจเย็น ๆ ไปเรื่อย ๆ เถอะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันนี้ผมขอแนะนำลิงค์ที่น่าสนใจของ YouTube.com คือ GoogleTechTalks
http://www.youtube.com/user/GoogleTechTalks
http://www.youtube.com/user/GoogleTechTalks#p/u
http://www.youtube.com/user/GoogleTechTalks#g/u
สำหรับท่านที่ชอบการฟังคำบรรยายยาว ๆ จะเพื่อความรู้หรือเพื่อฝึก listening skill ก็ตาม YouTube – GoogleTechTalks เหมาะกับท่านเลยครับ
เนื้อหาของเรื่องที่บรรยายค่อนข้างหลากหลาย และน่าจะมีบางเรื่องที่ถูกใจท่าน
ถ้าท่านเจอคลิปที่ถูกใจแล้วแต่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง ลองอดทนฟังไปหลาย ๆ ครั้งซีครับ
ในระยะแรกๆ การฟังหลาย ๆ เที่ยวจะช่วยให้เราคุ้นเคยกับสำเนียง แม้อาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจสำนวน
ใจเย็น ๆ ครับ การคุ้นเคยกับสำเนียงมีประโยชน์มากต่อการฝึกพูด และการเข้าใจสำนวนก็จะตามมาเอง
อดทนฟังด้วยใจเย็น ๆ ไปเรื่อย ๆ เถอะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1474] “Peace Through Compassion” โดยท่านดาไลลามะ
สวัสดีครับ
ผมไปพบวีดิโอบรรยายธรรมโดยท่านดาไลลามะเรื่อง “Peace Through Compassion”
ที่น่าสนใจสำหรับชาวบล็อกนอกจากรสพระธรรมแล้ว ยังมี subtitle เป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย
ตอนฟังให้ท่านคลิกที่มุมล่างขวาของจอวีดิโอเพื่อขยายจอให้เต็ม จะได้เห็นภาพและอ่าน subtitle ได้ชัด ๆ
คลิกที่ลิงค์นี้ครับ Peace Through Compassion
ยังมีอีก 1 กัณฑ์ครับ คือ
Ethics for Our Time
แต่ไม่มี subtitle
วีดิโอทั้ง 2 ลิงค์นี้ ให้ดูเรื่องอื่น ๆ ที่ข้าง ๆ อาจมีตอนอื่น ๆ ที่ถูกใจท่านอีกหลายกัณฑ์
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมไปพบวีดิโอบรรยายธรรมโดยท่านดาไลลามะเรื่อง “Peace Through Compassion”
ที่น่าสนใจสำหรับชาวบล็อกนอกจากรสพระธรรมแล้ว ยังมี subtitle เป็นภาษาอังกฤษอีกด้วย
ตอนฟังให้ท่านคลิกที่มุมล่างขวาของจอวีดิโอเพื่อขยายจอให้เต็ม จะได้เห็นภาพและอ่าน subtitle ได้ชัด ๆ
คลิกที่ลิงค์นี้ครับ Peace Through Compassion
ยังมีอีก 1 กัณฑ์ครับ คือ
Ethics for Our Time
แต่ไม่มี subtitle
วีดิโอทั้ง 2 ลิงค์นี้ ให้ดูเรื่องอื่น ๆ ที่ข้าง ๆ อาจมีตอนอื่น ๆ ที่ถูกใจท่านอีกหลายกัณฑ์
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1473] Do You Speak Globish?
สวัสดีครับ
วันนี้ผมได้อ่านบทความในนิตยสาร Newsweek เรื่อง Do You Speak Globish?
โดยเขาสรุปความไว้ในวรรคแรกของบทความว่า
Powered by the Internet and the global media, English has evolved into the world’s language.
ด้วยพลังอำนาจของอินเทอร์เน็ตและสื่อระดับโลก ภาษาอังกฤษได้วิวัฒนาการกลายเป็นภาษาของคนในโลกนี้ไปแล้ว
และภาษาอังกฤษ หรือ English ในที่นี้ก็มีศัพท์ที่ใช้เรียกคือ Globish (globe โลก + English)
English ที่กลายเป็น Globish นี้มีลักษณะอย่างไร? ผมขอยกตัวอย่างที่เขาเขียนไว้ในบทความข้างล่างนี้ครับ
-the newest and most widely spoken language in the world. (เป็นภาษาใหม่ล่าสุด ที่คนจำนวนมากที่สุดในโลกนี้ใช้พูดจากัน)
-highly simplified form of English, without grammar or structure, but perfectly comprehensible... (เป็นรูปแบบภาษาอังกฤษที่ง่ายสุด ๆ ไม่ต้องยึดแกรมมาร์หรือโครงสร้างภาษา แต่ก็สื่อสารเข้าใจกันได้อย่างสมบูรณ์)
-The fact is that English no longer depends on the U.S. or U.K. It’s now being shaped by a world whose second language is English.... (ความจริงที่ปรากฎก็คือว่า ภาษาอังกฤษ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศสหรัฐฯหรือประเทศอังกฤษอีกต่อไปแล้ว แต่ประชาชนชาวโลกต่างหากที่เป็นผู้กำหนดรูปแบบของภาษาอังกฤษที่พวกเขาใช้เป็นภาษาที่สอง...)
- According to the British Council, by 2030 “nearly one third of the world’s population will be trying to learn English at the same time.” (ตามคำกล่าวของ British Council, ภายในปี 2030 เกือบหนึ่งในสามของประชากรในโลกนี้ จะพยายามเรียนภาษาอังกฤษในเวลาเดียวกัน)
ผมขอชวนท่านอ่านบทความเต็มที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.newsweek.com/2010/06/12/glob-ish.html
หรือถ้าต้องการอ่านฉบับที่ดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์แล้ว จะมีคำแปลศัพท์เป็นไทยปรากฏทันที ก็ไปที่ลิงค์นี้
http://translateitbangkokpost.blogspot.com/2010/06/do-you-speak-globish.html
คำชักชวนสั้น ๆ ของผมก็คือ เราคงไม่ต้องรออีก 20 ปีจนถึง ค.ศ. 2030 แล้วจึงค่อยเรียนภาษาอังกฤษ... เรียนวันนี้เลยครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันนี้ผมได้อ่านบทความในนิตยสาร Newsweek เรื่อง Do You Speak Globish?
โดยเขาสรุปความไว้ในวรรคแรกของบทความว่า
Powered by the Internet and the global media, English has evolved into the world’s language.
ด้วยพลังอำนาจของอินเทอร์เน็ตและสื่อระดับโลก ภาษาอังกฤษได้วิวัฒนาการกลายเป็นภาษาของคนในโลกนี้ไปแล้ว
และภาษาอังกฤษ หรือ English ในที่นี้ก็มีศัพท์ที่ใช้เรียกคือ Globish (globe โลก + English)
English ที่กลายเป็น Globish นี้มีลักษณะอย่างไร? ผมขอยกตัวอย่างที่เขาเขียนไว้ในบทความข้างล่างนี้ครับ
-the newest and most widely spoken language in the world. (เป็นภาษาใหม่ล่าสุด ที่คนจำนวนมากที่สุดในโลกนี้ใช้พูดจากัน)
-highly simplified form of English, without grammar or structure, but perfectly comprehensible... (เป็นรูปแบบภาษาอังกฤษที่ง่ายสุด ๆ ไม่ต้องยึดแกรมมาร์หรือโครงสร้างภาษา แต่ก็สื่อสารเข้าใจกันได้อย่างสมบูรณ์)
-The fact is that English no longer depends on the U.S. or U.K. It’s now being shaped by a world whose second language is English.... (ความจริงที่ปรากฎก็คือว่า ภาษาอังกฤษ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเทศสหรัฐฯหรือประเทศอังกฤษอีกต่อไปแล้ว แต่ประชาชนชาวโลกต่างหากที่เป็นผู้กำหนดรูปแบบของภาษาอังกฤษที่พวกเขาใช้เป็นภาษาที่สอง...)
- According to the British Council, by 2030 “nearly one third of the world’s population will be trying to learn English at the same time.” (ตามคำกล่าวของ British Council, ภายในปี 2030 เกือบหนึ่งในสามของประชากรในโลกนี้ จะพยายามเรียนภาษาอังกฤษในเวลาเดียวกัน)
ผมขอชวนท่านอ่านบทความเต็มที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.newsweek.com/2010/06/12/glob-ish.html
หรือถ้าต้องการอ่านฉบับที่ดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์แล้ว จะมีคำแปลศัพท์เป็นไทยปรากฏทันที ก็ไปที่ลิงค์นี้
http://translateitbangkokpost.blogspot.com/2010/06/do-you-speak-globish.html
คำชักชวนสั้น ๆ ของผมก็คือ เราคงไม่ต้องรออีก 20 ปีจนถึง ค.ศ. 2030 แล้วจึงค่อยเรียนภาษาอังกฤษ... เรียนวันนี้เลยครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1472] ภาพศัพท์จากดิก Oxford, Webster, Longman
สวัสดีครับ
การเรียนรู้คำศัพท์จากภาพทำได้ง่ายเมื่อใช้เน็ต ผมได้รวบรวมไว้แล้วที่ลิงค์นี้
[42] รวม picture dictionary online
แต่กระนั้นผม็ยังมีความรู้สึกว่า ภาพศัพท์จากDictionary อังกฤษ – อังกฤษ ระดับโลกที่ผมรวบรวมไว้ที่ลิงค์นี้ เปิดดิก
น่าจะให้ภาพที่เราสามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้ดีกว่า เมื่อเข้าไปสำรวจก็พบว่ามีอยู่ 3 ยี่ห้อที่มีภาพศัพท์ คือ Oxford, Webster, และ Longman
Oxford:
มีมากกว่า 800 ภาพ, มีเสียงอ่านทั้งสำเนียงอังกฤษและอเมริกัน, มีคำอธิบายและประโยคตัวอย่าง, เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำใดก็จะไปยังหน้าใหม่ที่เป็นศัพท์คำนั้น (อย่าลืมดูที่ Images Wordlist ที่คอลัมน์ซ้ายมือด้วยนะครับ)
http://www.oxfordadvancedlearnersdictionary.com/images/
Webster:
หาภาพศัพท์ที่ต้องการโดยพิมพ์คำศัพท์ลงไป หรือคลิกที่หมวดหมู่ใต้คำว่า Themes, ศัพท์ทุกคำมีเสียงอ่านให้คลิกฟัง
http://visual.merriam-webster.com/
Longman:
ที่ใต้หัวข้อ Dictionary pictures of the day คลิกที่ภาพเพื่ออ่านคำอธิบาย, ภาพนี้จะเปลี่ยนทุกวัน
เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่ภาพ (จนเหลือแต่เฉพาะภาพ) จะได้ภาพขนาดใหญ่ เก็บไว้สอนนักเรียน หรือศีกษาคำศัพท์ด้วยตัวเองได้
http://www.ldoceonline.com/dictionary/
(ถ้าไม่มีภาพที่ใต้หัวข้อ Dictionary pictures of the day ให้กด Contril+แป้น F5 หรือคลิกที่บรรทัด What is the word for picture?)
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
การเรียนรู้คำศัพท์จากภาพทำได้ง่ายเมื่อใช้เน็ต ผมได้รวบรวมไว้แล้วที่ลิงค์นี้
[42] รวม picture dictionary online
แต่กระนั้นผม็ยังมีความรู้สึกว่า ภาพศัพท์จากDictionary อังกฤษ – อังกฤษ ระดับโลกที่ผมรวบรวมไว้ที่ลิงค์นี้ เปิดดิก
น่าจะให้ภาพที่เราสามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้ดีกว่า เมื่อเข้าไปสำรวจก็พบว่ามีอยู่ 3 ยี่ห้อที่มีภาพศัพท์ คือ Oxford, Webster, และ Longman
Oxford:
มีมากกว่า 800 ภาพ, มีเสียงอ่านทั้งสำเนียงอังกฤษและอเมริกัน, มีคำอธิบายและประโยคตัวอย่าง, เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่คำใดก็จะไปยังหน้าใหม่ที่เป็นศัพท์คำนั้น (อย่าลืมดูที่ Images Wordlist ที่คอลัมน์ซ้ายมือด้วยนะครับ)
http://www.oxfordadvancedlearnersdictionary.com/images/
Webster:
หาภาพศัพท์ที่ต้องการโดยพิมพ์คำศัพท์ลงไป หรือคลิกที่หมวดหมู่ใต้คำว่า Themes, ศัพท์ทุกคำมีเสียงอ่านให้คลิกฟัง
http://visual.merriam-webster.com/
Longman:
ที่ใต้หัวข้อ Dictionary pictures of the day คลิกที่ภาพเพื่ออ่านคำอธิบาย, ภาพนี้จะเปลี่ยนทุกวัน
เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่ภาพ (จนเหลือแต่เฉพาะภาพ) จะได้ภาพขนาดใหญ่ เก็บไว้สอนนักเรียน หรือศีกษาคำศัพท์ด้วยตัวเองได้
http://www.ldoceonline.com/dictionary/
(ถ้าไม่มีภาพที่ใต้หัวข้อ Dictionary pictures of the day ให้กด Contril+แป้น F5 หรือคลิกที่บรรทัด What is the word for picture?)
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1471] ศัพท์ฟุตบอล
สวัสดีครับ
ช่วงนี้เป็นหน้าบอลโลก เรียนรู้ศัพท์เกี่ยวกับฟุตบอลไว้บ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ
เว็บมีคำแปลภาษาไทย
http://my.opera.com/ilovefootballtheacademy/blog/show.dml/7564681
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=sunstillonthesky&date=25-03-2007&group=5&gblog=1
Bangkok Post แปลข่าวฟุตบอลจากอังกฤษเป็นไทย (ข่าวเก่า)
http://www.bangkokpost.com/education/site2006/trjn2006.htm
จากเว็บ BBC
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/grammar/vocabulary/football.shtml
Football Glossary
http://www.firstbasesports.com/football_glossary.html
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ช่วงนี้เป็นหน้าบอลโลก เรียนรู้ศัพท์เกี่ยวกับฟุตบอลไว้บ้างก็ดีเหมือนกันนะครับ
เว็บมีคำแปลภาษาไทย
http://my.opera.com/ilovefootballtheacademy/blog/show.dml/7564681
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=sunstillonthesky&date=25-03-2007&group=5&gblog=1
Bangkok Post แปลข่าวฟุตบอลจากอังกฤษเป็นไทย (ข่าวเก่า)
http://www.bangkokpost.com/education/site2006/trjn2006.htm
จากเว็บ BBC
http://www.bbc.co.uk/worldservice/learningenglish/grammar/vocabulary/football.shtml
Football Glossary
http://www.firstbasesports.com/football_glossary.html
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1470] หมวดหมู่รูปภาพ Google
สวัสดีครับ
Google Images มีบริการหารูปให้ท่านเป็นหมวดหมู่
วิธีหา
1.ไปที่ https://www.google.co.th/
2.พิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการหาภาพ, enter, คลิกคำว่า Images ที่คอลัมน์ซ้ายมือ
3.คลิก By subject ที่ใต้ลงไปหน่อย
4.ที่กลางหน้าจะโชว์ภาพศัพท์เป็นหมวดย่อยของ key word ที่ท่านพิมพ์ search
ทั้งนี้ ให้ท่านคลิกที่ key word หมวดย่อย ด้านซ้ายมือของแต่ละบรรทัด
ภาพเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่ออาจารย์ถ้าจะใช้เตรียมการสอนศัพท์แก่เด็กนักเรียน
แถมเว็บที่มีภาพศัพท์เป็นหมวดหมู่ให้ดาวน์โหลด ฟรี:
- http://www.pics4learning.com/
- http://www.cepolina.com/freephoto/
-http://www.imageafter.com/images.php
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
Google Images มีบริการหารูปให้ท่านเป็นหมวดหมู่
วิธีหา
1.ไปที่ https://www.google.co.th/
2.พิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการหาภาพ, enter, คลิกคำว่า Images ที่คอลัมน์ซ้ายมือ
3.คลิก By subject ที่ใต้ลงไปหน่อย
4.ที่กลางหน้าจะโชว์ภาพศัพท์เป็นหมวดย่อยของ key word ที่ท่านพิมพ์ search
ทั้งนี้ ให้ท่านคลิกที่ key word หมวดย่อย ด้านซ้ายมือของแต่ละบรรทัด
ภาพเหล่านี้น่าจะเป็นประโยชน์ต่ออาจารย์ถ้าจะใช้เตรียมการสอนศัพท์แก่เด็กนักเรียน
แถมเว็บที่มีภาพศัพท์เป็นหมวดหมู่ให้ดาวน์โหลด ฟรี:
- http://www.pics4learning.com/
- http://www.cepolina.com/freephoto/
-http://www.imageafter.com/images.php
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1469] ด้วยใจรักและใจสู้ เราจะเดินสู่ความสำเร็จ
สวัสดีครับ
อะไรคืออุปสรรคของการเรียนภาษาอังกฤษ ?
ถ้าดูจากความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามในบล็อกนี้ ต่อคำถาม ในการฝึกภาษาอังกฤษ ข้อใดที่ตรงกับท่าน ก็จะได้คำตอบอย่างนี้ครับ
ใช้คอมฯ, ใช้เน็ต ไม่ค่อยเป็น จึงเรียนจากเน็ตลำบาก 2 %
ไม่ถนัดที่จะเรียนด้วยตัวเองผ่านเน็ต อยากจะเรียนกับครูมากกว่า 5 %
ไม่ค่อยมีกำลังใจ หรือท้อแท้ที่จะเรียน 13 %
ไม่ค่อยมีเวลาเรียน 22 %
ไม่ค่อยมีพื้น ทำให้เรียนเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้ยาก 24 %
แต่จำนวน % ที่มากที่สุดเป็นข้อสุดท้ายนี้ครับ
ไม่มีปัญหา ถึงมีก็พร้อมที่จะสู้ และฝึกให้เก่งขึ้นให้ได้ 31 %
ถ้าให้ผมตีความทีละข้ออย่างง่าย ๆ ผมก็ขอพูดอย่างนี้ครับ
-มีเพียง 2 % ที่บอกว่า ใช้คอมฯ, ใช้เน็ต ไม่ค่อยเป็น จึงเรียนจากเน็ตลำบาก, นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะครับ เพราะแสดงว่าคนไทยเดี๋ยวนี้เป็น netizen (a person who uses the Internet) มากขึ้น และมีปัญหาเพียง 2 % เท่านั้นเองในการใช้เน็ตเป็นเครื่องมือในการศึกษาภาษาอังกฤษ
-มี 5 % บอกว่า ไม่ถนัดที่จะเรียนด้วยตัวเองผ่านเน็ต อยากจะเรียนกับครูมากกว่า, ผมว่านี่ก็น่ายินดีอีกเช่นกัน เพราะแสดงว่าคนไทยที่ใช้เน็ตกว่า 95 % สามารถปรับตัวเองได้ให้สามารถใช้เน็ตเป็นครูแทนครูซึ่งเป็นคน
-มีอยู่ 2 ข้อที่ผมเห็นว่าคงจะเกี่ยวข้องกันอยู่พอสมควร คือ 13 % บอกว่า ไม่ค่อยมีกำลังใจ หรือท้อแท้ที่จะเรียน และ 24 % บอกว่า ไม่ค่อยมีพื้น ทำให้เรียนเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้ยาก รวม 2 ข้อนี้ก็เท่ากับ 37 % ถ้าเป็นคนที่ยังเรียนหนังสืออยู่ก็แสดงว่า เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง และถ้าความไม่รู้เรื่องเช่นนี้อยู่ยั้งยืนยงไปจนถึงวัยทำงาน ถ้าอยากจะฟิตหรือฟื้นภาษาอังกฤษ ก็อาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพื้นให้ฟื้น จึงขาดกำลังใจ หรือพื้นเดิมเตี้ยเติมลำบาก
-มีอยู่ 25 % บอกว่า ไม่ค่อยมีเวลาเรียน กลุ่มนี้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว และต้องการฟิตภาษาอังกฤษแต่ไม่มีเวลา ฟิตไปเพื่ออะไร? จากแบบสอบถามเดิมก็ได้รับคำตอบว่า 40% จะนำเอาความสามารถนี้ไปทำงานในหน้าที่ – อาชีพ และ 53 % จะนำไปใช้ในการหาความรู้
แต่ที่น่ายินดีก็คือ กลุ่มที่ใหญ่ที่สุด คือ 31 % ตอบว่า ไม่มีปัญหา ถึงมีก็พร้อมที่จะสู้ และฝึกให้เก่งขึ้นให้ได้
ถ้าจะสรุปคร่าว ๆ อีกครั้งหนึ่งก็ต้องพูดว่า คนไทยประมาณ 70 % มีปัญหาในการศึกษาภาษาอังกฤษ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง คำสรุปเช่นนี้อาจจะไม่ถูกต้องนัก แต่เอาเป็นว่านี่เป็นภาพคร่าว ๆ แล้วกันครับ
จากปัญหาการศึกษาอังกฤษที่กล่าวมาข้างบนนี้ ถ้าสรุปสาเหตุก็จะได้สั้น ๆ ว่า ขาดกำลังใจ, ขาดพื้นฐาน, และ ขาดเวลา
สำหรับคนที่มีกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยม, มีพื้นภาษาอังกฤษที่ฝึกฝนมาดีทำให้การต่อยอดไม่ใช่เรื่องยาก, และมีเวลาเพียงพอต่อการฟิตฟื้นฟูทักษะ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า การขาดกำลังใจ, ขาดพื้นฐาน, และ ขาดเวลาในการศึกษาภาษาอังกฤษนั้น ถ้ามันขาดเอามาก ๆ มันอาจจะคล้าย ๆ คำพิพากษาว่า ชาตินี้คุณไม่ต้องไปหวังว่าจะเก่งภาษาอังกฤษหรอก คุณทำไม่ได้หรอก!
แต่ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อคำพิพากษาบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ และบล็อกนี้ก็เกิดขึ้นมาด้วยความเชื่อว่า ไม่ว่าจะขาดกำลังใจ, ขาดพื้นฐาน, ขาดเวลา มากเพียงใดก็ตาม แต่ทุกปัญหาก็แก้ไขได้ ถ้าเรามีใจ - - ใจรัก และใจสู้
เราทุกคนเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถมแล้วว่า ธรรมะที่นำไปสู่ความสำเร็จ หรืออิทธิบาท 4 นั้น คือ ฉันทะ-วิริยะ-จิตตะ-วิมังสา
ฉันทะ คือ ใจรัก
วิริยะ-จิตตะ-วิมังสา คือใจสู้
ขอเพียงเรามี ใจรัก และใจสู้ ไม่ว่าเราจะขาดกำลังใจ, ขาดพื้นฐาน, และ ขาดเวลา มากมายเพียงใด การเก่งภาษาขึ้นกว่าเดิมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเราตั้งใจทำให้มันเกิด... และเลี้ยงดูให้มันเติบโต
เข้าใจว่าหลายท่านคงเคยอ่านหนังสือพระมหาชนกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ หลังจากที่พระมหาชนกว่ายน้ำอยู่ในทะเลนาน 7 วัน 7 คืนนางมณีเมขลาก็มาช่วยอุ้มจากน้ำกลับไปยังกรุงมิถิลา
แต่อาจมีบางท่านตั้งคำถามว่า ถ้าว่ายน้ำอยู่ตั้ง 7 วัน 7 คืนแล้ว และนางมณีเมขลาไม่มาช่วย พระมหาชนกมิต้องจมน้ำตายกลายเป็นวิญญาณเฝ้ามหาสมุทรหรอกหรือ? เข้าทำนอง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น ลงทุนฟิตภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่เห็นกระเตื้องขึ้นเลย เมื่อไหร่นางมณีเมขลาจะมาช่วย อย่างนี้มิต้องว่ายน้ำในทะเลภาษาอังกฤษนี้ไปจนตายหรอกหรือ?
ถ้าท่านใดที่กำลังฟิตภาษาอังกฤษและเกิดความรู้สึกเช่นนี้ ผมมีคำถามให้ท่านตอบ 2 ข้อ คือ
ข้อที่ 1- ท่านฟิตภาษาอังกฤษด้วยใจรักและใจสู้หรือเปล่า? เพราะถ้าหากว่าท่านเรียนอย่างคนไร้ใจ ผลที่ได้ก็มักไม่ดีสมใจ ใจรักทำให้เกิดการเรียนรู้ ใจสู้ทำให้เกิดความสำเร็จ เมื่อไร้ทั้งใจรักและใจสู้ ก็คงไม่ได้รับทั้งการเรียนรู้และความสำเร็จ
ข้อที่ 2- เมื่อท่านศึกษาภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง จริงหรือที่ท่านไม่เคยเห็น “นางมณีเมขลา” (ความสำเร็จ) มาหาท่านเลย? ในชีวิตจริงของคนที่พยายามศึกษาภาษาอังกฤษนั้น ไม่มีนางมณีเมขลามาปรากฏกายอย่างปาฏิหาริย์ดึงท่านออกจากภาวะ unskilled ไปสู่ภาวะ skilled อย่างหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืนหรอกครับ แต่ความเก่ง ทักษะ หรือความชำนาญ ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นทุกวันและเกิดขึ้นจริง ๆ ตามการฝึกฝนของท่าน นี่ไม่นับเป็นปาฏิหาริย์หรือครับ? แต่ท่านอาจจะใจร้อนเกินไปท่านก็เลยไม่เป็นปาฏิหาริย์อันนี้ ยิ่งถ้าเลิกฝึกหรือฝึกอย่างไม่มีใจ ปาฏิหาริย์ “มณีเมขลา” ที่เคยมาปรากฏให้เห็นอยู่บ้างก็คงหายไปเลย
ปาฏิหาริย์เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองครับ นางมณีเมขลาคงไม่มาช่วยเหลือพระมหาชนกให้พ้นจากน้ำหรอกครับ ถ้าพระมหาชนกไม่ยอมว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดนานถึง 7 วัน 7 คืน เพราะฉะนั้น “นางมณีเมขลา” หรือความสำเร็จหรือปาฏิหาริย์นั้นเป็นสิ่งที่พระมหาชนกสร้างขึ้นมาเอง โชคหรือความสำเร็จของพระมหาชนกจึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ exceptional case อย่างที่หลายคนอาจจะเข้าใจ
ในบล็อกนี้ ผมพูดถึงเรื่อง “ใจ” หลายครั้งว่ามีความสำคัญมากในการฝึกให้เก่งภาษาอังกฤษ จนหลายท่านาจจะรู้สึกว่า ผมให้ความสำคัญกับเรื่องใจมากเกินไป แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังยืนยันว่าเรื่องใจเป็นเรื่องสำคัญในความสำเร็จทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษหรือเรื่องอะไรก็ตาม - - ใจรักและใจสู้
ผมขอพูดอีก 2 แง่มุมเกี่ยวกับอุปสรรคในการเรียนภาษาอังกฤษ คือ ความกลัวที่เราถูกที่ให้กลัว และความอยากที่ไม่ realistic ทั้งความกลัวและความอยากเช่นนี้แหละครับที่ทำให้หลายคนไม่ได้รับผลสำเร็จเท่าที่ควรจากความพยายามในการศึกษาภาษาอังกฤษ
ผมขออธิบายโดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบ มันเป็นประสบการณ์ของเพื่อนรุ่นพี่ในวัยเด็กของผม ผมพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดีมากในการเปรียบเทียบ ความกลัวที่เราถูกที่ให้กลัว และความอยากที่ไม่ realistic ในการเรียนภาษาอังกฤษ
ผมเคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังมาครั้งหนึ่งแล้วใน เรื่องส่วนตัวที่ผมอยากเล่า ว่าผมเป็นเด็กลูกน้ำเค็มในลุ่มน้ำแม่กลอง ตอนวัยเด็กหมู่บ้านที่ผมอยู่เป็นหมู่บ้านชาวประมง แต่ละครอบครัวจะมีเรือประมงขนาดเล็กของตัวเองออกไปจับปลาในทะเล สมัยนั้นปลาชายฝั่งในอ่าวไทยยังมีอยู่มากพอสมควร ไม่เหมือนในสมัยนี้ที่หาจับได้ค่อนข้างยาก
เพื่อนรุ่นพี่ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ชื่อ “อ๊อด” วันที่เกิดเหตุนี้อ๊อดซึ่งเพิ่งเริ่มเข้าวัยรุ่นออกทะเลเพื่อไปจับปลากับพ่อของเขา เมื่อปล่อยอวนลงไปในทะเลบังเอิญอวนไปติดใบพัดที่อยู่ท้ายเรือ พ่อของอ๊อดจึงลงน้ำเพื่อปลดอวนออกจากใบพัด ตอนนี้แหละครับที่พ่อของอ๊อดเป็นตะคิวและจมลงทะเลหายไปต่อหน้าต่อตาอ๊อดซึ่งอ๊อดก็ช่วยอะไรได้ไม่ทัน ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตานี้กระทบความรู้สึกของอ๊อดมากเพียงใดคงไม่มีใครรู้
เมื่อพ่อตายหลังจากนั้นไม่นานอ๊อดจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัวนำเรือประมงออกหาปลาเหมือนที่พ่อเคยทำ และมีอยู่วันหนึ่งเมื่อไปอยู่กลางทะเลเกิดพายุ อ๊อดมีอาการอย่างคนเสียสติซึ่งคงเพราะคิดถึงภาพที่พ่อจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา และก็กลัวว่าตนเองจะเจออย่างนั้นบ้างเพราะเรือประมงขนาดเล็กคงจะจมเพราะพายุขนาดใหญ่ เมื่อพาเรือประมงกลับเข้าฝั่ง อ๊อดมีอาการเสียสติจำใครไม่ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทุกวันนี้เมื่อผมกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมที่แม่กลอง บ่อยครั้งที่ผมเห็นอ๊อดแต่งตัวชุดคล้าย ๆ ลูกเสือออกค่ายเดินไปเรื่อย ๆ ตามริมถนนแถวนั้น กิจวัตรประจำวันของอ๊อดคือออกจากบ้านแต่เช้าในชุดนั้น เดินไปเรื่อย ๆ ทั้งวัน และกลับถึงบ้านในตอนเย็น เขาคงเตรียมอาหารจากบ้านด้วยเพื่อใช้กินทั้งวัน อ๊อดสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างคนปกติ ในการทำมาหากิน ตั้งแต่บัดนั้นมาจนบัดนี้ สาเหตุก็เพราะว่าเหตุการณ์กลางทะเลที่ทำให้เขาช็อก
ย้อนมาถึงหลายท่านที่เรียนภาษาอังกฤษ หลายท่าน ณ วันนี้สูญเสียความสามารถในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะถูกเหตุการณ์หลายครั้งในวัยเด็กทำให้ช็อก เกลียด กลัว เบื่อ ภาษาอังกฤษ แม้ตัวอย่างของอ๊อดอาจจะ extreme เกินไปที่จะนำมาเปรียบเทียบ แต่ถ้าพูดถึงสาเหตุแล้วมันก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
หลายคนที่ถูกครู โรงเรียน กลุ่มเพื่อน และสังคมแวดล้อม ทำให้ช็อก เกลียด กลัว อาย เบื่อ ภาษาอังกฤษ มาตั้งแต่วัยเด็ก เหตุการณ์เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นหลายครั้ง จนมาถึงวันนี้เมื่อผมบอกว่าเราจะต้องมี ใจรักและใจสู้ ในการเรียนภาษาอังกฤษ ก็ยากที่จะทำใจได้ นี่คือความเกลียด กลัว อาย เบื่อ ภาษาอังกฤษ ที่ถูกกระทำให้เกิดขึ้นและหลายคนไม่รู้สึกตัว
แต่เมื่อความจำเป็นในชีวิตบอกให้ต้องเก่งภาษาอังกฤษ หลายคนก็มีความหวังที่ไม่ realistic, คือหวังที่จะเปลี่ยนแปลงอดีตและอนาคตให้เป็นอย่างที่ใจต้องการ เช่น อยากให้ได้เรียนกับครูฝรั่งทั้งปีหรือบ่อย ๆ เรียนหลักสูตรอินเตอร์ เรียนโรงเรียนฝรั่ง ได้รับทุนไปเรียนเมืองนอก ฯลฯ เพราะเชื่อว่าถ้าในอดีตหรือในอนาคตได้อย่างนี้ ตนก็คงจะเก่งภาษาอังกฤษได้เหมือนคนไทยไม่กี่คนที่ได้ออกทีวี หลายคนหวังให้มีนางมณีเมขลามาช่วย ผมอยากจะบอกว่า ในชีวิตจริงไม่มีหรอกครับนางมณีเมขลาที่จะลอยจากฟ้าลงมาช่วย นางมณีเมขลาตัวจริงเราต้องสร้างขึ้นมาเอง ทีละน้อย ๆ ด้วยใจรักและใจสู้
เราจะไม่ใจเสียเพราะความช็อก เกลียด กลัว อาย เบื่อ ภาษาอังกฤษ ในอดีต, เราจะไม่ใจท้อเพราะความหวังที่ไม่ได้ดังใจในปัจจุบัน เราจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยใจรักและใจสู้ เราจะสร้างใจของเราขึ้นมาใหม่โดยไม่สนใจอดีตที่ทำให้ใจเราบอบช้ำ ไม่ท้อใจอนาคตที่ทำให้เราไม่ได้ดังใจ เราจะค่อย ๆ สร้างปาฏิหาริย์ให้แก่ตัวเองทีละน้อย ๆ
ท่านผู้อ่านครับ ผมมีความเห็นว่า บัดนี้คนไทยเราได้ก้าวเข้ามาสู่ยุคของโลกที่เราต้องเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างเพิ่มเติมจากที่คนรุ่นปู่ย่าตายายของเราได้เรียนรู้กันมา และภาษาอังกฤษก็เป็นทักษะของยุคสมัยที่เราต้องเรียนรู้ให้มีขึ้นมา เราปฏิเสธสิ่งนี้ไม่ได้หรอกครับ
ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนทำได้ ผมเองก็กำลังฝึกฝนอยู่เรื่อย ๆ และบล็อกนี้ก็มีไว้สำหรับคนไทยทุกคนที่มีใจรักและใจสู้และต้องการเดินไปสู่ความสำเร็จ เราจะเดินไปด้วยกันครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
อะไรคืออุปสรรคของการเรียนภาษาอังกฤษ ?
ถ้าดูจากความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามในบล็อกนี้ ต่อคำถาม ในการฝึกภาษาอังกฤษ ข้อใดที่ตรงกับท่าน ก็จะได้คำตอบอย่างนี้ครับ
ใช้คอมฯ, ใช้เน็ต ไม่ค่อยเป็น จึงเรียนจากเน็ตลำบาก 2 %
ไม่ถนัดที่จะเรียนด้วยตัวเองผ่านเน็ต อยากจะเรียนกับครูมากกว่า 5 %
ไม่ค่อยมีกำลังใจ หรือท้อแท้ที่จะเรียน 13 %
ไม่ค่อยมีเวลาเรียน 22 %
ไม่ค่อยมีพื้น ทำให้เรียนเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้ยาก 24 %
แต่จำนวน % ที่มากที่สุดเป็นข้อสุดท้ายนี้ครับ
ไม่มีปัญหา ถึงมีก็พร้อมที่จะสู้ และฝึกให้เก่งขึ้นให้ได้ 31 %
ถ้าให้ผมตีความทีละข้ออย่างง่าย ๆ ผมก็ขอพูดอย่างนี้ครับ
-มีเพียง 2 % ที่บอกว่า ใช้คอมฯ, ใช้เน็ต ไม่ค่อยเป็น จึงเรียนจากเน็ตลำบาก, นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดีนะครับ เพราะแสดงว่าคนไทยเดี๋ยวนี้เป็น netizen (a person who uses the Internet) มากขึ้น และมีปัญหาเพียง 2 % เท่านั้นเองในการใช้เน็ตเป็นเครื่องมือในการศึกษาภาษาอังกฤษ
-มี 5 % บอกว่า ไม่ถนัดที่จะเรียนด้วยตัวเองผ่านเน็ต อยากจะเรียนกับครูมากกว่า, ผมว่านี่ก็น่ายินดีอีกเช่นกัน เพราะแสดงว่าคนไทยที่ใช้เน็ตกว่า 95 % สามารถปรับตัวเองได้ให้สามารถใช้เน็ตเป็นครูแทนครูซึ่งเป็นคน
-มีอยู่ 2 ข้อที่ผมเห็นว่าคงจะเกี่ยวข้องกันอยู่พอสมควร คือ 13 % บอกว่า ไม่ค่อยมีกำลังใจ หรือท้อแท้ที่จะเรียน และ 24 % บอกว่า ไม่ค่อยมีพื้น ทำให้เรียนเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้ยาก รวม 2 ข้อนี้ก็เท่ากับ 37 % ถ้าเป็นคนที่ยังเรียนหนังสืออยู่ก็แสดงว่า เรียนไม่ค่อยรู้เรื่อง และถ้าความไม่รู้เรื่องเช่นนี้อยู่ยั้งยืนยงไปจนถึงวัยทำงาน ถ้าอยากจะฟิตหรือฟื้นภาษาอังกฤษ ก็อาจจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีพื้นให้ฟื้น จึงขาดกำลังใจ หรือพื้นเดิมเตี้ยเติมลำบาก
-มีอยู่ 25 % บอกว่า ไม่ค่อยมีเวลาเรียน กลุ่มนี้ส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนที่ทำงานแล้ว และต้องการฟิตภาษาอังกฤษแต่ไม่มีเวลา ฟิตไปเพื่ออะไร? จากแบบสอบถามเดิมก็ได้รับคำตอบว่า 40% จะนำเอาความสามารถนี้ไปทำงานในหน้าที่ – อาชีพ และ 53 % จะนำไปใช้ในการหาความรู้
แต่ที่น่ายินดีก็คือ กลุ่มที่ใหญ่ที่สุด คือ 31 % ตอบว่า ไม่มีปัญหา ถึงมีก็พร้อมที่จะสู้ และฝึกให้เก่งขึ้นให้ได้
ถ้าจะสรุปคร่าว ๆ อีกครั้งหนึ่งก็ต้องพูดว่า คนไทยประมาณ 70 % มีปัญหาในการศึกษาภาษาอังกฤษ ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง คำสรุปเช่นนี้อาจจะไม่ถูกต้องนัก แต่เอาเป็นว่านี่เป็นภาพคร่าว ๆ แล้วกันครับ
จากปัญหาการศึกษาอังกฤษที่กล่าวมาข้างบนนี้ ถ้าสรุปสาเหตุก็จะได้สั้น ๆ ว่า ขาดกำลังใจ, ขาดพื้นฐาน, และ ขาดเวลา
สำหรับคนที่มีกำลังใจอย่างเต็มเปี่ยม, มีพื้นภาษาอังกฤษที่ฝึกฝนมาดีทำให้การต่อยอดไม่ใช่เรื่องยาก, และมีเวลาเพียงพอต่อการฟิตฟื้นฟูทักษะ บางคนอาจจะไม่เข้าใจว่า การขาดกำลังใจ, ขาดพื้นฐาน, และ ขาดเวลาในการศึกษาภาษาอังกฤษนั้น ถ้ามันขาดเอามาก ๆ มันอาจจะคล้าย ๆ คำพิพากษาว่า ชาตินี้คุณไม่ต้องไปหวังว่าจะเก่งภาษาอังกฤษหรอก คุณทำไม่ได้หรอก!
แต่ผมเป็นคนที่ไม่เชื่อคำพิพากษาบ้า ๆ บอ ๆ แบบนี้ และบล็อกนี้ก็เกิดขึ้นมาด้วยความเชื่อว่า ไม่ว่าจะขาดกำลังใจ, ขาดพื้นฐาน, ขาดเวลา มากเพียงใดก็ตาม แต่ทุกปัญหาก็แก้ไขได้ ถ้าเรามีใจ - - ใจรัก และใจสู้
เราทุกคนเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถมแล้วว่า ธรรมะที่นำไปสู่ความสำเร็จ หรืออิทธิบาท 4 นั้น คือ ฉันทะ-วิริยะ-จิตตะ-วิมังสา
ฉันทะ คือ ใจรัก
วิริยะ-จิตตะ-วิมังสา คือใจสู้
ขอเพียงเรามี ใจรัก และใจสู้ ไม่ว่าเราจะขาดกำลังใจ, ขาดพื้นฐาน, และ ขาดเวลา มากมายเพียงใด การเก่งภาษาขึ้นกว่าเดิมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถ้าเราตั้งใจทำให้มันเกิด... และเลี้ยงดูให้มันเติบโต
เข้าใจว่าหลายท่านคงเคยอ่านหนังสือพระมหาชนกที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชนิพนธ์ หลังจากที่พระมหาชนกว่ายน้ำอยู่ในทะเลนาน 7 วัน 7 คืนนางมณีเมขลาก็มาช่วยอุ้มจากน้ำกลับไปยังกรุงมิถิลา
แต่อาจมีบางท่านตั้งคำถามว่า ถ้าว่ายน้ำอยู่ตั้ง 7 วัน 7 คืนแล้ว และนางมณีเมขลาไม่มาช่วย พระมหาชนกมิต้องจมน้ำตายกลายเป็นวิญญาณเฝ้ามหาสมุทรหรอกหรือ? เข้าทำนอง ความพยายามอยู่ที่ไหน ความพยายามอยู่ที่นั่น ลงทุนฟิตภาษาอังกฤษด้วยตัวเองมาตั้งนานแล้ว ก็ไม่เห็นกระเตื้องขึ้นเลย เมื่อไหร่นางมณีเมขลาจะมาช่วย อย่างนี้มิต้องว่ายน้ำในทะเลภาษาอังกฤษนี้ไปจนตายหรอกหรือ?
ถ้าท่านใดที่กำลังฟิตภาษาอังกฤษและเกิดความรู้สึกเช่นนี้ ผมมีคำถามให้ท่านตอบ 2 ข้อ คือ
ข้อที่ 1- ท่านฟิตภาษาอังกฤษด้วยใจรักและใจสู้หรือเปล่า? เพราะถ้าหากว่าท่านเรียนอย่างคนไร้ใจ ผลที่ได้ก็มักไม่ดีสมใจ ใจรักทำให้เกิดการเรียนรู้ ใจสู้ทำให้เกิดความสำเร็จ เมื่อไร้ทั้งใจรักและใจสู้ ก็คงไม่ได้รับทั้งการเรียนรู้และความสำเร็จ
ข้อที่ 2- เมื่อท่านศึกษาภาษาอังกฤษอย่างต่อเนื่อง จริงหรือที่ท่านไม่เคยเห็น “นางมณีเมขลา” (ความสำเร็จ) มาหาท่านเลย? ในชีวิตจริงของคนที่พยายามศึกษาภาษาอังกฤษนั้น ไม่มีนางมณีเมขลามาปรากฏกายอย่างปาฏิหาริย์ดึงท่านออกจากภาวะ unskilled ไปสู่ภาวะ skilled อย่างหน้ามือเป็นหลังมือในชั่วข้ามคืนหรอกครับ แต่ความเก่ง ทักษะ หรือความชำนาญ ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดขึ้นทุกวันและเกิดขึ้นจริง ๆ ตามการฝึกฝนของท่าน นี่ไม่นับเป็นปาฏิหาริย์หรือครับ? แต่ท่านอาจจะใจร้อนเกินไปท่านก็เลยไม่เป็นปาฏิหาริย์อันนี้ ยิ่งถ้าเลิกฝึกหรือฝึกอย่างไม่มีใจ ปาฏิหาริย์ “มณีเมขลา” ที่เคยมาปรากฏให้เห็นอยู่บ้างก็คงหายไปเลย
ปาฏิหาริย์เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองครับ นางมณีเมขลาคงไม่มาช่วยเหลือพระมหาชนกให้พ้นจากน้ำหรอกครับ ถ้าพระมหาชนกไม่ยอมว่ายน้ำเพื่อเอาชีวิตรอดนานถึง 7 วัน 7 คืน เพราะฉะนั้น “นางมณีเมขลา” หรือความสำเร็จหรือปาฏิหาริย์นั้นเป็นสิ่งที่พระมหาชนกสร้างขึ้นมาเอง โชคหรือความสำเร็จของพระมหาชนกจึงเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่ exceptional case อย่างที่หลายคนอาจจะเข้าใจ
ในบล็อกนี้ ผมพูดถึงเรื่อง “ใจ” หลายครั้งว่ามีความสำคัญมากในการฝึกให้เก่งภาษาอังกฤษ จนหลายท่านาจจะรู้สึกว่า ผมให้ความสำคัญกับเรื่องใจมากเกินไป แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังยืนยันว่าเรื่องใจเป็นเรื่องสำคัญในความสำเร็จทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องการเรียนภาษาอังกฤษหรือเรื่องอะไรก็ตาม - - ใจรักและใจสู้
ผมขอพูดอีก 2 แง่มุมเกี่ยวกับอุปสรรคในการเรียนภาษาอังกฤษ คือ ความกลัวที่เราถูกที่ให้กลัว และความอยากที่ไม่ realistic ทั้งความกลัวและความอยากเช่นนี้แหละครับที่ทำให้หลายคนไม่ได้รับผลสำเร็จเท่าที่ควรจากความพยายามในการศึกษาภาษาอังกฤษ
ผมขออธิบายโดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบ มันเป็นประสบการณ์ของเพื่อนรุ่นพี่ในวัยเด็กของผม ผมพิจารณาดูแล้วก็เห็นว่าเป็นตัวอย่างที่ดีมากในการเปรียบเทียบ ความกลัวที่เราถูกที่ให้กลัว และความอยากที่ไม่ realistic ในการเรียนภาษาอังกฤษ
ผมเคยเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังมาครั้งหนึ่งแล้วใน เรื่องส่วนตัวที่ผมอยากเล่า ว่าผมเป็นเด็กลูกน้ำเค็มในลุ่มน้ำแม่กลอง ตอนวัยเด็กหมู่บ้านที่ผมอยู่เป็นหมู่บ้านชาวประมง แต่ละครอบครัวจะมีเรือประมงขนาดเล็กของตัวเองออกไปจับปลาในทะเล สมัยนั้นปลาชายฝั่งในอ่าวไทยยังมีอยู่มากพอสมควร ไม่เหมือนในสมัยนี้ที่หาจับได้ค่อนข้างยาก
เพื่อนรุ่นพี่ที่ผมจะเล่าต่อไปนี้ชื่อ “อ๊อด” วันที่เกิดเหตุนี้อ๊อดซึ่งเพิ่งเริ่มเข้าวัยรุ่นออกทะเลเพื่อไปจับปลากับพ่อของเขา เมื่อปล่อยอวนลงไปในทะเลบังเอิญอวนไปติดใบพัดที่อยู่ท้ายเรือ พ่อของอ๊อดจึงลงน้ำเพื่อปลดอวนออกจากใบพัด ตอนนี้แหละครับที่พ่อของอ๊อดเป็นตะคิวและจมลงทะเลหายไปต่อหน้าต่อตาอ๊อดซึ่งอ๊อดก็ช่วยอะไรได้ไม่ทัน ภาพที่ปรากฏต่อหน้าต่อตานี้กระทบความรู้สึกของอ๊อดมากเพียงใดคงไม่มีใครรู้
เมื่อพ่อตายหลังจากนั้นไม่นานอ๊อดจึงเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัวนำเรือประมงออกหาปลาเหมือนที่พ่อเคยทำ และมีอยู่วันหนึ่งเมื่อไปอยู่กลางทะเลเกิดพายุ อ๊อดมีอาการอย่างคนเสียสติซึ่งคงเพราะคิดถึงภาพที่พ่อจมน้ำไปต่อหน้าต่อตา และก็กลัวว่าตนเองจะเจออย่างนั้นบ้างเพราะเรือประมงขนาดเล็กคงจะจมเพราะพายุขนาดใหญ่ เมื่อพาเรือประมงกลับเข้าฝั่ง อ๊อดมีอาการเสียสติจำใครไม่ได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ทุกวันนี้เมื่อผมกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมที่แม่กลอง บ่อยครั้งที่ผมเห็นอ๊อดแต่งตัวชุดคล้าย ๆ ลูกเสือออกค่ายเดินไปเรื่อย ๆ ตามริมถนนแถวนั้น กิจวัตรประจำวันของอ๊อดคือออกจากบ้านแต่เช้าในชุดนั้น เดินไปเรื่อย ๆ ทั้งวัน และกลับถึงบ้านในตอนเย็น เขาคงเตรียมอาหารจากบ้านด้วยเพื่อใช้กินทั้งวัน อ๊อดสูญเสียความสามารถในการใช้ชีวิตอย่างคนปกติ ในการทำมาหากิน ตั้งแต่บัดนั้นมาจนบัดนี้ สาเหตุก็เพราะว่าเหตุการณ์กลางทะเลที่ทำให้เขาช็อก
ย้อนมาถึงหลายท่านที่เรียนภาษาอังกฤษ หลายท่าน ณ วันนี้สูญเสียความสามารถในการเรียนภาษาอังกฤษ เพราะถูกเหตุการณ์หลายครั้งในวัยเด็กทำให้ช็อก เกลียด กลัว เบื่อ ภาษาอังกฤษ แม้ตัวอย่างของอ๊อดอาจจะ extreme เกินไปที่จะนำมาเปรียบเทียบ แต่ถ้าพูดถึงสาเหตุแล้วมันก็เป็นไปในทำนองเดียวกัน
หลายคนที่ถูกครู โรงเรียน กลุ่มเพื่อน และสังคมแวดล้อม ทำให้ช็อก เกลียด กลัว อาย เบื่อ ภาษาอังกฤษ มาตั้งแต่วัยเด็ก เหตุการณ์เช่นนี้อาจจะเกิดขึ้นหลายครั้ง จนมาถึงวันนี้เมื่อผมบอกว่าเราจะต้องมี ใจรักและใจสู้ ในการเรียนภาษาอังกฤษ ก็ยากที่จะทำใจได้ นี่คือความเกลียด กลัว อาย เบื่อ ภาษาอังกฤษ ที่ถูกกระทำให้เกิดขึ้นและหลายคนไม่รู้สึกตัว
แต่เมื่อความจำเป็นในชีวิตบอกให้ต้องเก่งภาษาอังกฤษ หลายคนก็มีความหวังที่ไม่ realistic, คือหวังที่จะเปลี่ยนแปลงอดีตและอนาคตให้เป็นอย่างที่ใจต้องการ เช่น อยากให้ได้เรียนกับครูฝรั่งทั้งปีหรือบ่อย ๆ เรียนหลักสูตรอินเตอร์ เรียนโรงเรียนฝรั่ง ได้รับทุนไปเรียนเมืองนอก ฯลฯ เพราะเชื่อว่าถ้าในอดีตหรือในอนาคตได้อย่างนี้ ตนก็คงจะเก่งภาษาอังกฤษได้เหมือนคนไทยไม่กี่คนที่ได้ออกทีวี หลายคนหวังให้มีนางมณีเมขลามาช่วย ผมอยากจะบอกว่า ในชีวิตจริงไม่มีหรอกครับนางมณีเมขลาที่จะลอยจากฟ้าลงมาช่วย นางมณีเมขลาตัวจริงเราต้องสร้างขึ้นมาเอง ทีละน้อย ๆ ด้วยใจรักและใจสู้
เราจะไม่ใจเสียเพราะความช็อก เกลียด กลัว อาย เบื่อ ภาษาอังกฤษ ในอดีต, เราจะไม่ใจท้อเพราะความหวังที่ไม่ได้ดังใจในปัจจุบัน เราจะเรียนภาษาอังกฤษด้วยใจรักและใจสู้ เราจะสร้างใจของเราขึ้นมาใหม่โดยไม่สนใจอดีตที่ทำให้ใจเราบอบช้ำ ไม่ท้อใจอนาคตที่ทำให้เราไม่ได้ดังใจ เราจะค่อย ๆ สร้างปาฏิหาริย์ให้แก่ตัวเองทีละน้อย ๆ
ท่านผู้อ่านครับ ผมมีความเห็นว่า บัดนี้คนไทยเราได้ก้าวเข้ามาสู่ยุคของโลกที่เราต้องเรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างเพิ่มเติมจากที่คนรุ่นปู่ย่าตายายของเราได้เรียนรู้กันมา และภาษาอังกฤษก็เป็นทักษะของยุคสมัยที่เราต้องเรียนรู้ให้มีขึ้นมา เราปฏิเสธสิ่งนี้ไม่ได้หรอกครับ
ผมเชื่อว่าคนไทยทุกคนทำได้ ผมเองก็กำลังฝึกฝนอยู่เรื่อย ๆ และบล็อกนี้ก็มีไว้สำหรับคนไทยทุกคนที่มีใจรักและใจสู้และต้องการเดินไปสู่ความสำเร็จ เราจะเดินไปด้วยกันครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1468] ค้นหาไฟล์ pdf, doc, ppt เพื่อศึกษาภ.อังกฤษ
สวัสดีครับ
ไฟล์ข้อความที่เราดาวน์โหลดจากเว็บไซต์นั้น ส่วนใหญ่เป็นไฟล์ html
แต่สำหรับท่านที่ต้องการหาไฟล์ข้อความที่เป็นเล่มหนังสือหรือตำราโดยเฉพาะ ควรหาไฟล์ pdf
ส่วนไฟล์ word หรือ doc ที่เห็นบ่อย ๆ ก็เป็นบทความทางวิชาการ
และไฟล์ PowerPoint หรือ ppt ก็มักเป็นไฟล์ที่ใช้ present งาน
ไฟล์ทั้ง 3 ประเภทนี้ คือ PDF, WORD และ PowerPoint ถ้าเราต้องการก็ควรใช้วิธีค้นหาที่เจาะจงให้ได้ไฟล์เช่นนี้เลย ซึ่งจะช่วยให้เราได้เอกสารที่ตรงกับความต้องการของเราจริง ๆ
ไปที่เว็บข้างล่างนี้ครับ
[1] http://www.google.co.th/advanced_search?hl=th
ตรงบรรทัด รูปแบบไฟล์ คลิกเลือก รูปแบบไฟล์ที่ต้องการ
[2] http://search.4shared.com/q/AgAD/1
คลิกเลือก Type of a file:
[3] http://onlinebookbank.com/
[4] http://ebooks9.com/
[5] http://brupt.com/
[6] http://pdfdatabase.com/
คลิกเลือกที่ใต้ All Files
[7] http://www.findpdfdoc.com/
[8] http://www.pdf-searcher.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ไฟล์ข้อความที่เราดาวน์โหลดจากเว็บไซต์นั้น ส่วนใหญ่เป็นไฟล์ html
แต่สำหรับท่านที่ต้องการหาไฟล์ข้อความที่เป็นเล่มหนังสือหรือตำราโดยเฉพาะ ควรหาไฟล์ pdf
ส่วนไฟล์ word หรือ doc ที่เห็นบ่อย ๆ ก็เป็นบทความทางวิชาการ
และไฟล์ PowerPoint หรือ ppt ก็มักเป็นไฟล์ที่ใช้ present งาน
ไฟล์ทั้ง 3 ประเภทนี้ คือ PDF, WORD และ PowerPoint ถ้าเราต้องการก็ควรใช้วิธีค้นหาที่เจาะจงให้ได้ไฟล์เช่นนี้เลย ซึ่งจะช่วยให้เราได้เอกสารที่ตรงกับความต้องการของเราจริง ๆ
ไปที่เว็บข้างล่างนี้ครับ
[1] http://www.google.co.th/advanced_search?hl=th
ตรงบรรทัด รูปแบบไฟล์ คลิกเลือก รูปแบบไฟล์ที่ต้องการ
[2] http://search.4shared.com/q/AgAD/1
คลิกเลือก Type of a file:
[3] http://onlinebookbank.com/
[4] http://ebooks9.com/
[5] http://brupt.com/
[6] http://pdfdatabase.com/
คลิกเลือกที่ใต้ All Files
[7] http://www.findpdfdoc.com/
[8] http://www.pdf-searcher.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันศุกร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1467] แนะนำเว็บ IamBED.com
สวัสดีครับ
เว็บสอนภาษาอังกฤษหลายเว็บในเมืองไทย มักมีของ 2 อย่างอยู่ในเว็บ คือ ของขายและของฟรี และผมก็มักเอาของฟรีมาแนะนำท่านผู้อ่าน และเว็บที่จะแนะนำวันนี้ก็เช่นกัน คือ http://iambed.com
ของฟรีที่มีประโยชน์ที่ผมขอแนะนำ มีดังนี้ครับ
[1] http://iambed.com/7-rules/
[2] http://iambed.com/knowledge/
[3] video & audio list (มุมการฟังง่าย ๆ)
http://www.hugosite.com/
[4] ที่คอลัมน์ขวามือ คลิกเลือกหัวข้อใต้ Categories
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เว็บสอนภาษาอังกฤษหลายเว็บในเมืองไทย มักมีของ 2 อย่างอยู่ในเว็บ คือ ของขายและของฟรี และผมก็มักเอาของฟรีมาแนะนำท่านผู้อ่าน และเว็บที่จะแนะนำวันนี้ก็เช่นกัน คือ http://iambed.com
ของฟรีที่มีประโยชน์ที่ผมขอแนะนำ มีดังนี้ครับ
[1] http://iambed.com/7-rules/
[2] http://iambed.com/knowledge/
[3] video & audio list (มุมการฟังง่าย ๆ)
http://www.hugosite.com/
[4] ที่คอลัมน์ขวามือ คลิกเลือกหัวข้อใต้ Categories
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1466]เรียนภาษาอังกฤษ:train และ test ต้องไปด้วยกัน
สวัสดีครับ
ขณะที่เราฟัง พูด อ่าน หรือ เขียน ภาษาอังกฤษ ณ นาทีนั้นเป็นทั้งการtrain (ฝึกฝน) และการ test (ทดสอบ) ไปพร้อม ๆ กัน
แต่สิ่งที่ผมอยากให้ข้อสังเกตก็คือ การ test เป็นการดึงสิ่งที่เราเคย train ตัวเองไว้ออกมาวัด ว่าเราเข้าใจ – จำได้ – ใช้งานเป็น หรือไม่?
การ test เป็นการท้าทายตัวเองมากกว่าการ train เพราะเวลาที่เรา test ตัวเอง เป็นโอกาสดีที่ช่วยให้เรารู้ว่า:
1.เราเข้าใจหรือไม่ เข้าใจผิดหรือเปล่า เข้าใจครบหรือเปล่า - - - ถ้าไม่... ก็จะได้แก้ไขเสียให้ถูก
2.เราจำได้หรือเปล่า เพราะหลายครั้งที่เราเข้าใจ แต่เราจำไม่ได้ หรือไม่แน่ใจ... ถ้าลืมหรือเลือนเช่นนี้ ก็จะได้พยายามเจาะจงจำในสิ่งที่ลืมหรือเลือนไปแล้ว
3.เราใช้เป็นหรือไม่ เพราะเราอาจจะอ่านหรือฟังเข้าใจ แต่อาจจะพูดหรือเขียนไม่ได้ หรือได้อย่างติดขัด ถ้า test แล้วผลออกมาเช่นนี้ เราก็จะได้ลดการ train ในเรื่อง “เข้าใจ” และเพิ่มการ train ในเรื่อง “ใช้เป็น” พูดง่าย ๆ ก็คือ ฝึกพูดและเขียนบ้าง ไม่ใช่เอาแต่อ่านหรือฟัง
การจะรู้และแก้ไขในข้อ 1(เข้าใจ) – 2 (จำได้)–และ 3 (ใช้เป็น) นี้ได้ ก็มาจากการ test ตัวเองนี่แหละครับ
เพราะฉะนั้น train – test;… train – test;… train – test; จะต้องไปด้วยกันโดยตลอด ไม่ใช่เอาแต่ train โดยไม่ test เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ อาจเกิดผลเสียที่เราไม่รู้ตัว เช่น
-เราเข้าใจผิด ในสิ่งที่ควรจะเข้าใจถูก
-เราจำไม่ได้ ในสิ่งที่ควรจะจำให้ได้
-เราพูดหรือเขียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะไม่มีใครบอกเราว่า เราควรจะฝึกพูดหรือฝึกเขียนใน scope ใดเป็นเรื่องแรก ๆ เพราะฉะนั้นเราควรจะให้การ test นี่แหละครับบอกเรา เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้อง train ตัวเองอย่างสะเปะสะปะ
การ train และ test จึงเป็นของคู่กัน เหมือน แขน-ขา ขวา-ซ้าย ที่ต้องไปด้วยกัน ขาดข้างใดข้างหนึ่งไม่ได้
ในบล็อกนี้ ผมรวบรวมเว็บที่เกี่ยวกับการ test ไว้ที่ลิงค์นี้ -Test -
หรือท่านจะให้ Google Search ช่วยหาง่าย ๆ ก่อนก็ได้ คลิกที่ลิงค์นี้ครับ
ทดสอบภาษาอังกฤษ
โดยในลิงค์ข้างบนนี้ ผมลองเลือกบางเว็บมาให้ท่านลองฝึก test ตัวเอง
ทดสอบศัพท์ อังกฤษ – ไทย (ศัพท์ง่าย) - - คลิก Refresh เพื่อทำแบบทดสอบชุดใหม่ - -
ชุดละ 5 ข้อ
ชุดละ 30 ข้อ
ทดสอบศัพท์ภาษาอังกฤษ – ไทย (ศัพท์ยาก) - - คลิก Refresh เพื่อทำแบบทดสอบชุดใหม่ - -
ชุดละ 5 ข้อ
ชุดละ 30 ข้อ
ทดสอบศัพท์ภาษาไทย – อังกฤษ (ศัพท์ยาก) - - คลิก Refresh เพื่อทำแบบทดสอบชุดใหม่ - -
ชุดละ 5 ข้อ
ชุดละ 30 ข้อ
ทดสอบภาษาอังกฤษ มีให้เลือกทุกทักษะ – ทุกระดับ
ทดสอบ ภาษาอังกฤษ Entrance 9 ชุด
English by Example
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ 1- 2 ปีการศึกษา 2545 ประถม 1 – 6
วัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ (ไวยกรณ์ คำศัพท์ การฟังและการอ่าน) ต้องลงทเบียนก่อน
Language Test
ทดสอบ Grammar
ถ้ายังไม่จุใจก็เข้าไปที่ลิงค์ -Test -
ยังมีอะไรอีกเยอะครับให้ท่าน train ตัวเองด้วยการ test
ฝึกเพิ่มเติม
คำแนะนำ-เริ่มศึกษา -รวมทุกทักษะ -เล่มเกมออนไลน์ -ห้อง อ่านหนังสือ -เปิดดิก ฟัง -สนทนา-อ่าน -เขียน
แกรมมาร์- ศัพท์ -Test -ดิก
วีดิโอ- เกม/การ์ตูน- ภาพ- เพลง
ถาม/ตอบ - อังกฤษในอาชีพ - ธรรมะ - โปรแกรมฟรี - เคล็ดการ Search
ศัพท์ภาษาอังกฤษ
อ่านภาษาอังกฤษ
ฟังภาษาอังกฤษ
สนทนาภาษาอังกฤษ
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
เขียนภาษาอังกฤษ
แถม:
ลิงค์การเรียนภาษาอังกฤษ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ขณะที่เราฟัง พูด อ่าน หรือ เขียน ภาษาอังกฤษ ณ นาทีนั้นเป็นทั้งการtrain (ฝึกฝน) และการ test (ทดสอบ) ไปพร้อม ๆ กัน
แต่สิ่งที่ผมอยากให้ข้อสังเกตก็คือ การ test เป็นการดึงสิ่งที่เราเคย train ตัวเองไว้ออกมาวัด ว่าเราเข้าใจ – จำได้ – ใช้งานเป็น หรือไม่?
การ test เป็นการท้าทายตัวเองมากกว่าการ train เพราะเวลาที่เรา test ตัวเอง เป็นโอกาสดีที่ช่วยให้เรารู้ว่า:
1.เราเข้าใจหรือไม่ เข้าใจผิดหรือเปล่า เข้าใจครบหรือเปล่า - - - ถ้าไม่... ก็จะได้แก้ไขเสียให้ถูก
2.เราจำได้หรือเปล่า เพราะหลายครั้งที่เราเข้าใจ แต่เราจำไม่ได้ หรือไม่แน่ใจ... ถ้าลืมหรือเลือนเช่นนี้ ก็จะได้พยายามเจาะจงจำในสิ่งที่ลืมหรือเลือนไปแล้ว
3.เราใช้เป็นหรือไม่ เพราะเราอาจจะอ่านหรือฟังเข้าใจ แต่อาจจะพูดหรือเขียนไม่ได้ หรือได้อย่างติดขัด ถ้า test แล้วผลออกมาเช่นนี้ เราก็จะได้ลดการ train ในเรื่อง “เข้าใจ” และเพิ่มการ train ในเรื่อง “ใช้เป็น” พูดง่าย ๆ ก็คือ ฝึกพูดและเขียนบ้าง ไม่ใช่เอาแต่อ่านหรือฟัง
การจะรู้และแก้ไขในข้อ 1(เข้าใจ) – 2 (จำได้)–และ 3 (ใช้เป็น) นี้ได้ ก็มาจากการ test ตัวเองนี่แหละครับ
เพราะฉะนั้น train – test;… train – test;… train – test; จะต้องไปด้วยกันโดยตลอด ไม่ใช่เอาแต่ train โดยไม่ test เพราะถ้าเป็นอย่างนี้ อาจเกิดผลเสียที่เราไม่รู้ตัว เช่น
-เราเข้าใจผิด ในสิ่งที่ควรจะเข้าใจถูก
-เราจำไม่ได้ ในสิ่งที่ควรจะจำให้ได้
-เราพูดหรือเขียนได้ไม่ดีเท่าที่ควร เพราะไม่มีใครบอกเราว่า เราควรจะฝึกพูดหรือฝึกเขียนใน scope ใดเป็นเรื่องแรก ๆ เพราะฉะนั้นเราควรจะให้การ test นี่แหละครับบอกเรา เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้อง train ตัวเองอย่างสะเปะสะปะ
การ train และ test จึงเป็นของคู่กัน เหมือน แขน-ขา ขวา-ซ้าย ที่ต้องไปด้วยกัน ขาดข้างใดข้างหนึ่งไม่ได้
ในบล็อกนี้ ผมรวบรวมเว็บที่เกี่ยวกับการ test ไว้ที่ลิงค์นี้ -Test -
หรือท่านจะให้ Google Search ช่วยหาง่าย ๆ ก่อนก็ได้ คลิกที่ลิงค์นี้ครับ
ทดสอบภาษาอังกฤษ
โดยในลิงค์ข้างบนนี้ ผมลองเลือกบางเว็บมาให้ท่านลองฝึก test ตัวเอง
ทดสอบศัพท์ อังกฤษ – ไทย (ศัพท์ง่าย) - - คลิก Refresh เพื่อทำแบบทดสอบชุดใหม่ - -
ชุดละ 5 ข้อ
ชุดละ 30 ข้อ
ทดสอบศัพท์ภาษาอังกฤษ – ไทย (ศัพท์ยาก) - - คลิก Refresh เพื่อทำแบบทดสอบชุดใหม่ - -
ชุดละ 5 ข้อ
ชุดละ 30 ข้อ
ทดสอบศัพท์ภาษาไทย – อังกฤษ (ศัพท์ยาก) - - คลิก Refresh เพื่อทำแบบทดสอบชุดใหม่ - -
ชุดละ 5 ข้อ
ชุดละ 30 ข้อ
ทดสอบภาษาอังกฤษ มีให้เลือกทุกทักษะ – ทุกระดับ
ทดสอบ ภาษาอังกฤษ Entrance 9 ชุด
English by Example
ข้อสอบปลายภาคเรียนที่ 1- 2 ปีการศึกษา 2545 ประถม 1 – 6
วัดระดับทักษะภาษาอังกฤษ (ไวยกรณ์ คำศัพท์ การฟังและการอ่าน) ต้องลงทเบียนก่อน
Language Test
ทดสอบ Grammar
ถ้ายังไม่จุใจก็เข้าไปที่ลิงค์ -Test -
ยังมีอะไรอีกเยอะครับให้ท่าน train ตัวเองด้วยการ test
ฝึกเพิ่มเติม
คำแนะนำ-เริ่มศึกษา -รวมทุกทักษะ -เล่มเกมออนไลน์ -ห้อง อ่านหนังสือ -เปิดดิก ฟัง -สนทนา-อ่าน -เขียน
แกรมมาร์- ศัพท์ -Test -ดิก
วีดิโอ- เกม/การ์ตูน- ภาพ- เพลง
ถาม/ตอบ - อังกฤษในอาชีพ - ธรรมะ - โปรแกรมฟรี - เคล็ดการ Search
ศัพท์ภาษาอังกฤษ
อ่านภาษาอังกฤษ
ฟังภาษาอังกฤษ
สนทนาภาษาอังกฤษ
ไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ
เขียนภาษาอังกฤษ
แถม:
ลิงค์การเรียนภาษาอังกฤษ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553
[1465] ฝากลิงค์ให้ เด็กเล่น
สวัสดีครับ
เว็บข้างล่างนี้ผมไปเจอขณะ surf เน็ต เห็นว่าเยาวชนหรือเด็ก ๆ อาจจะชอบ จะทิ้งไปก็เสียดาย จึงนำมาฝาก เป็น story, game หรืออะไรง่าย ๆ ส่วนใหญ่เป็นไฟล์ภาพเคลื่อนไหว swf
http://www.learnenglish.org.
http://www.learnenglish.org.uk/games/magic-gopher-central.swf
http://boowakwala.uptoten.com/kids/boowakwala-home.html
http://www.uptoten.com/kids/uptoten-home.html
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)