วันอังคารที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2553

[1482]ทวนศัพท์: word by meaning, meaning by word

เพิ่มเติม 12 ธันวาคม 2554:


**********

สวัสดีครับ
สมัยเป็นเด็ก ผมจะทำสมุดจดศัพท์ส่วนตัว ตีเส้นแบ่งกลางหน้า ด้านซ้ายจดคำศัพท์ ด้านขวาจดความหมาย

เวลาทบทวน ผมจะทำ 2 วิธี คือ
วิธีที่ 1-เปิดศัพท์ภาษาอังกฤษด้านซ้าย และนึกถึงความหมายภาษาไทยที่เอามือปิดไว้ด้านขวา เช่น
book = ?
chair = ?
วิธีที่ 2-เปิดความหมายภาษาไทยด้านขวา และนึกถึงคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เอามือปิดไว้ด้านซ้าย เช่น
? = หนังสือ
? = เก้าอี้

เมื่อโตขึ้น ผมก็เดาเอาว่า วิธีที่ 1 น่าจะเป็นประโยชน์ต่อการอ่านและการฟัง เพราะเมื่อเราอ่านและฟัง เราจะเจอคำศัพท์ก่อน สมองเราก็จะตั้งคำถามโดยอัตโนมัติว่า ศัพท์คำนี้มันแปลว่าอะไร ความหมายภาษาไทยที่เคยเอามือปิดไว้มันก็จะมาโผล่ตอนนี้แหละครับ นี่คือจากคำศัพท์ไปสู่ความหมาย

ส่วนวิธีที่ 2 น่าจะเป็นประโยชน์มากต่อการพูดและการเขียน เพราะเมื่อแรก ๆ ที่หัดพูดนั้น ก่อนอื่น ผมคงจะถึงความหมายภาษาไทยที่ต้องการจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ คำศัพท์ภาษาอังกฤษที่เคยเอามือปิดไว้มันก็คงจะมาโผล่ตอนนี้แหละครับ นี่คือจากความหมายย้อนไปหาคำศัพท์

แล้วก็มาถึงวันหนึ่ง น่าจะเป็น ม.ศ. 3 หรือ ม.ศ. 4 ที่ผมหัดใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ สมุดจดศัพท์ของผมก็เปลี่ยนรูปไป คือ ด้านซ้ายที่เคยจดความหมายภาษาไทย ผมก็ลอกความหมายหรือ definition ที่เป็นภาษาอังกฤษ จากดิก อังฤษ – อังกฤษ เขียนแทรกลงไปด้วย และตอนหลัง ๆ ผมก็จะเขียนเฉพาะความหมายเป็นภาษาอังกฤษ ไม่ต้องให้มีภาษาไทยปนอยู่

เมื่อถึงเวลาทบทวนศัพท์ ในสมองของผมก็จะมีภาษาไทยเข้ามาเกี่ยวข้องน้อยลง ผมคิดว่านี่คือพัฒนาการ เพราะว่า เมื่อผมอ่านหรือพูดภาษาอังกฤษ ผมก็จะใช้ภาษาไทยน้อยลง คือเข้าใจเป็นภาษาอังกฤษไปเลยโดยไม่ต้องผ่านภาษาไทย หรือผ่านน้อยลง ๆ

และวันนี้ผมมีหนังสือภาษาอังกฤษมาให้ท่านดาวน์โหลด 2 เล่ม เป็นหนังสือที่ช่วยทบทวนคำศัพท์ของ TOEIC (Test of English for International Communication)

ศัพท์ TOEIC นี่นะครับผมเห็นว่าน่าศึกษา เพราะว่าเป็นศัพท์ส่วนใหญ่ที่เราได้ใช้ในการพูดจาสื่อสาร ไม่เหมือนศัพท์ TOEFL ที่ส่วนใหญ่ใช้สำหรับนักเรียนในมหาวิทยาลัยเมืองนอก (TOEFL = Test of English as a Foreign Language)

ทั้ง 2 เล่มมีเล่มละ 342 บท ๆ ละ 10 ข้อ เพราะฉะนั้นเราจะได้ train และ test ตัวเองด้านคำศัพท์อย่างน้อย 3,420 คำเป็นอย่างน้อย ต่อ 1 เล่ม

เรื่องที่น่าสนใจที่จะโยงเข้ากับเรื่องที่ผมพูดมาข้างต้นก็คือ
เล่มที่ 1 เป็น meaning by word คือให้ศัพท์มา 1 คำ และมีความหมายเป็นภาษาอังกฤษให้มา 4 ข้อ หน้าที่ของเราคือ เลือกความหมายที่ถูกต้อง
คลิกดาวน์โหลด หนังสือ meaning by word

เล่มที่ 2 เป็น word by meaning คือให้ความหมายเป็นกลุ่มคำ, วลี, ประโยค มา 1 บรรทัด และมีคำศัพท์ภาษาอังกฤษให้มา 4 คำ a)… b)… c)… d)… หน้าที่ของเราคือ เลือกคำศัพท์ที่ถูกต้อง
คลิกดาวน์โหลด หนังสือ word by meaning

ทั้ง 2 เล่ม มีเฉลย ทุกบท ทุกข้อ

ผมขอมอบหนังสือ 2 เล่มนี้ให้ทุกท่านเป็นคู่มือในการทบทวนศัพท์ที่ต้องใช้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน เสียดายที่ผมเพิ่งมาเห็นหนังสือนี้เมื่อผมชักจะแก่แล้ว ถ้าได้เห็นตอนวัยรุ่นคงจะรู้ศัพท์มากกว่าทุกวันนี้หลายคำ คงจะพูดได้ดังใจมากกว่าทุกวันนี้หลายประโยค

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

4 ความคิดเห็น:

bloglegal กล่าวว่า...

ได้รู้จักบล็อกนี้มาปีกว่าแล้วแต่ไม่ค่อยได้เข้ามาดู แต่ระยะหลังสักหนึ่งเดือนที่ผ่านมาเข้ามาดูบ่อยและก็เริ่มจะสนุกกับการเรียนภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก ขอขอบคุณคุณพิพัฒน์เป็นอย่างสูงที่ได้ทำบล็อกนี้เพื่อคนไทยจริง ๆ
ด้วยความชื่นชมยินดี
สมชาย อมรขันธ์

Ak กล่าวว่า...

ขอบคุณมากมากๆๆๆ เลยนะครับ

ซึ้งใจจริงๆไม่รู่จะขอบคุณยังไงดี

patalapon กล่าวว่า...

ขอยืนยันคำเดิมอีกครั้งครับ ว่าเป็นประโยชน์มากครับ อยากสถาบันการศึกษา มอบดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ศาสตราจารย์พิเศษเกี่ยวกับสาขาผู้มีคุณูประโยชน์ด้านภาษาอังกฤษแก่คนไทย มากครับ ผลงานที่รวบรวมไว้ในเวปนี้เป็นผลงานที่เกินกว่าตำแหน่งทั้งสอง มากกว่าทุกมหาวิทยาลัยจะจัดได้
ภัทรพล ครับ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ขอบคุณอย่างมากมายสำหรับสิ่งดีดีนะคับ

แล้วจะนำไฟล์ที่เป็นประดยชน์เหล่านี้ไปเผยแพร่ให้คนไทยมีความรู้เยอะๆนะครับ