วันจันทร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2553

[1486]ไม่ยอมหัดเดินช้า ก็อย่าฝันถึงวันที่วิ่งได้

สวัสดีครับ
อยากจะเรียนท่านผู้อ่านว่า ตั้งแต่เริ่มทำบล็อกนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2549 จนถึงบัดนี้ก็สามปีครึ่งแล้ว ท่านจะเห็นว่าผมไม่ได้ทำหน้าที่ผู้สอน แต่ไปหยิบของดี ๆ ที่ผู้อื่นเขาทำไว้มาแนะนำท่าน เปรียบไปก็เหมือนบ๋อยเสิร์ฟอาหาร นำอาหารที่กุ๊กเขาทำสร็จมาเสิร์ฟท่าน และ ณ บัดนี้ ผมชักจะมีความรู้สึก 2 อย่างที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ คือ

อย่างที่ 1 ผมรู้สึกว่าผมชักจะหมดเรื่องที่จะแนะนำแล้ว มิได้หมายความว่าไม่มีเว็บภาษาอังกฤษที่เกิดขึ้นใหม่ แต่ผมรู้สึกว่าเว็บที่แนะนำไปแล้ว น่าจะมีจำนวนเพียงพอต่อการใช้

อย่างที่ 2 ผมรู้สึกว่า Google ซึ่งเป็นเครื่องมือหลักที่ผมใช้ค้นหาเว็บมานำเสนอท่านผู้อ่าน มันมีประสิทธิภาพมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ มันสามารถหาเว็บได้ตรงกับ key word ที่ท่านพิมพ์ค้นหาเรื่อง จน blogger อย่างผมสามารถตกงานได้ง่าย ๆ

เมื่อพูดถึงความเพียงพอของอุปกรณ์การเรียนภาษาอังกฤษที่เราหาได้ง่าย ๆ จากอินเตอร์เน็ต ก็มีเรื่องหนึ่งที่ผมขอแสดงความเห็น คือ ผมอยากให้เด็กรุ่นใหม่ของไทย หรือผู้ใหญ่ไทยรุ่นใหม่ ลดการยึดมั่นถือมั่นว่าต้องเรียนภาษาอังกฤษกับครูไทย ตำราไทย หรือเว็บไทย เท่านั้น เพราะในอินเทอร์เน็ตนี้ มีทั้งตำรา เสียง ภาพ ภาพเคลื่อนไหว และสื่อการเรียนอื่น ๆที่เป็นภาษาอังกฤษอีกมากมาย ที่ท่านสามารถลุยเข้าไปเรียนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ต้องอาศัยครูเป็นสรณะเพียงหนึ่งเดียว ไม่ว่าจะเป็นครูไทยหรือครูฝรั่ง ถ้าหากว่าการหาครูเป็นเรื่องลำบาก

การเรียนภาษาอังกฤษกับตำราไทย, CDไทย, เว็บไทย ฯลฯ โดยอย่างเดียว ในแง่หนึ่งก็ดีเพราะมันรู้เรื่อง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นเรื่องไม่ดี และไม่ดีเอามาก ๆ ก็เพราะว่า มันจะทำให้เราติดแหงกอยู่กับการคิดเป็นภาษาไทย และยากที่จะยกตัวเองให้คิดเป็นภาษาอังกฤษ

ท่านผู้อ่านที่มีเพื่อนเรียนจบปริญญาตรีเมืองไทยและไปต่อโทเมืองนอก คงได้ยินเพื่อนเล่าให้ฟังบ้างว่า ในระยะแรก ๆ ที่ไปถึงไม่รู้เรื่องเลย โดยเฉพาะเรื่องการฟังเล็กเชอร์ในห้องเรียน แต่เมื่อผ่านไปสักระยะหนึ่งก็รู้เรื่องมากขึ้น เพราะฟังมากขึ้น อ่านมากขึ้น เขียนมากขึ้น พูดคุยมากขึ้น การที่รู้เรื่องมากขึ้นนี้ก็เพราะถูกเหตุการณ์บังคับ ทำให้ต้องกระเสือกกระสน จึงรู้เรื่องมากขึ้น สำเร็จมากขึ้น

ผมก็เลยสงสัยว่า ทำไมเราต้องรอให้ตัวเองได้ไปเมืองนอกซะก่อนจึงจะฟัง พูด อ่าน เขียน ภาษาอังกฤษ อย่างจริงจัง ทำไมเราไม่ฝึกตอนนี้เลย การอ่านและการฟังอาจฝึกได้ง่ายหน่อยเพราะไม่ต้องอาศัย partner แต่การพูดและการเขียนก็ใช่ว่าจะฝึกด้วยตัวเองไม่ได้ เดินก้าวแรก ๆ อาจจะเดินช้า ๆ ไปก่อน แต่ถ้าเราไม่ยอมหัดเดินช้า ก็อย่าฝันถึงวันที่เราวิ่งได้

สื่อการเรียนและอุปรณ์ทั้งหลายก็มีอยู่พร้อมแล้ว ทำไมต้องรอให้ได้ไปเมืองนอกซะก่อน จึงจะเริ่มฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริงจัง เราสามารถฝึกภาษาอังกฤษอย่างจริง ๆ จัง ๆ ได้ แม้ยังอยู่เมืองไทยนี้แหละครับ ขึ้นอยู่กับว่าเราจะทำหรือเปล่า เท่านั้นเอง

คำนี้ nowherewecando ท่านจะอ่านว่า nowherewecando หรือ nowherewecando ก็ขึ้นอยู่กับท่าน

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

9 ความคิดเห็น:

Pui กล่าวว่า...

คิดว่าคุณลุงเป็นเหมือนโค้ชมากกว่า
คอยแนะนำสิ่งดีและที่สำคัญคอยกระตุ้นและให้กำลังใจเกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษตลอดค่ะ

monboy01 กล่าวว่า...

แต่ผมก็ยังมีความสุขกับการได้เข้ามาเยี่ยมและรับความรู้ผ่านบล็อกนี้อยู่ดีนะครับ

เพราะในอีกทางหนึ่งก็หมายถึง ท่านเจ้าของบล็อกยังมีสุขภาพแข็งแรงดี ยังมีกำลัง มีเวลา นำความรู้มาฝากกันได้เช่นเคย

ส่วนคำภาษาอังกฤษตอนท้าย

ในแว่บแรกที่เห็นผมอ่านไปเป็นแบบแรกเลย

เกี่ยวกับจิตใต้สำนึกผมมั้ยนะ ชักกังวล :D

Unknown กล่าวว่า...

สวัสดีค่ะอาจารย์พิพ้ฒน์
ความสุขของครู ก็เมื่อได้รับรู้ว่าลูกศิษย์ได้รับความสำเร็จ เมื่อครู ได้หล่อหลอมขัดเกลา และมอบอาวุธให้ไปแล้ว ลูกศิษย์เองก็อบอุ่นใจเมื่อกลับมาที่ไรก็ได้พูดคุยกับครู (ถึงแม้จะเป็นเรื่องมะโนสาเร่)ปีนี้มีเด็กพุธเข้ามาเรียนที่โรงเรียนมุสลิมเพิ่มขึ้นกว่าปีที่แล้ว พร้อมเพรียงกันท่องบทอาขยานในทุกเช้า

วิชาเหมือนสินค้า
" วิชาเหมือนสินค้าอันมีค่าอยู่เมืองไกล
ต้องยากลำบากไปจึงจะได้สินค้ามา
จงตั้งเอากายเจ้าเป็นสำเภาอันโสภา
ความเพียรเป็นโยธาแขนซ้ายขวาเป็นเสาใบ
นิ้วเป็นสายระนางสองเท้าต่างสมอใหญ่
ปากเป็นนายงานไปอัชฌาสัยเป็นเสบียง
สติเป็นหางเสือถือท้ายเรือไว้ให้เที่ยง
ถือไว้อย่าให้เอียงตัดแล่นเลี่ยงข้ามคงคา

ปัญญาเป็นกล้องแก้วส่องดูแถวแนวหินผา
เจ้าจงเอาหูตาเป็นล้าต้าฟังดูลม
ขี้เกียจคือปลาร้ายจะทำลายให้เรือจม
เอาใจเป็นปืนคมยิงระดมให้จมไป
จึงจะได้สินค้ามาคือวิชาอันพิสมัย
จงหมั่นมั่นหมายใจอย่าได้คร้านการวิชา"

...เรื่องเล่าสองข้างทาง ของอาจารย์ ที่ได้ประสพพบมาก็เป็นประโยชน์เสมอ สำหรับเด็กรุ่นหลังที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่ หรือผู้ใหญ่ บางเรื่องไม่เคยพบเห็นก็มีโอกาสได้รับรู้...และเหมือนกับคุณ monboy01ค่ะ มีความสุขและมีเพื่อนที่ได้เข้ามาพบเจอกัน ที่ โรงเรียนหลังใหญ่แห่งนี้
ด้วยความนับถืออย่างสูงค่ะ
รุ่งฤทัย

pfan กล่าวว่า...

สวัสดีครับคุณพิพัฒน์
ผมก็ชักจะมีความเห็นเหมือนคุณว่านะ เอาแค่ว่าโหลดข้อมูลที่คุณกรุณานำเสนอนี้ก็เต็มไปหมดแล้ว มีเพื่อน ๆ มาขอโหลดข้อมูลจากคอมฯ ของผมซึ่งผมก็โหลดจากของคุณนี่แหละ ปรากฏว่าเขานั่งมึนไปพักใหญ่ว่า ทำไมมันมากมายมหาศาลขนาดนั้น อิอิ
สุดท้ายผมก็มึนเหมือนกันว่า เอแล้วเราจะเริ่มจากตรงไหนดี เพราะมันเยอะเหลือเกิน ผมก็เลยลงเรียน มสธ.เอกภาษาอังกฤษ ส่วนข้อมูลจากเวบของคุณพิพัฒน์ก็ถือว่าเป็นข้อมูลเสริม
ผมมีข้อเสนออย่างหนึ่งครับคุณพิพัฒน์ ถ้าคุณพิพัฒน์จะทำเป็นหลักสูตร หลาย ๆ หลักสูตร แล้วลองให้ผู้ชมเลือกดูน่าจะดีนะครับ
ขอบคุณมากครับ
Pfan

pfan กล่าวว่า...

ขอเสริมอีกนิดครับ
คุณพิพัฒน์พักนี้ไม่เห็นมี Audio and Picture Book มาให้ชมเลยละครับ ถ้ามีก็เอามาฝากกันบ้างนะครับ
ขอบคุณล่วงหน้าครับ

Unknown กล่าวว่า...

พึ่งเข้ามาเจอค่ะ พอดีอยากสอนลูกเป็นภาษาอังกฤษตามแบบหนังสือ เด็กสองภาษา พ่อแม่สร้างได้ รู้สึกเหมือนได้มาเจอโค้ช คอยมาแนะนำสิ่งดี ๆ ให้ แต่ยังไม่ค่อยมีเวลามาทบทวนในเนตเท่าไหร่ เพราะกว่าลูกจะนอนก็หมดแรงแล้ว เห็น บล็อคนี้แล้วดีใจมากเลยค่ะ ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลย ตอนนี้ภาษาอังกฤษดีขึ้น เพราะฝึกพูดทุกวัน กับลูกนั้นแหล่ะค่ะ

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ไม่ได้แวะมานาน วันนี้แวะมาก็ยังเห็นคุณพิพัฒน์ มาโพสข้อคิดดีๆ,ความรู้ รวมถึงสิ่งดีๆมากมายหลายอย่างให้พวกเราๆอยู่ ก็แสดงว่าสุขภาพแข็งแรงดีอยู่นะครับ ขอให้มีความสุขมากๆครับ


แดน

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ได้ใช้เวปของคุณพิพัฒน์ในการเรียนการสอน บอกได้ว่าเป็นประโยชน์มาก ขอบคุณและขอให้มีสุขภาพที่ดีตลอดไป

noonny กล่าวว่า...

ชอบเวปคุณมากค่ะ เคยผ่านมา ได้อะไรหลายอย่างเลยค่ะ

ขอบคุณนะค่ะ ที่สร้างเวปดีๆให้เราได้เรียนรู้กัน