วันพฤหัสบดีที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

[1733]ฝึกอ่านข่าว-แปลข่าว จากเว็บข่าว อังกฤษ-ไทย

สวัสดีครับ
ทักษะการอ่านถ้ามีแล้ว จะเป็นพื้นฐานให้เรามีทักษะการฟัง-พูด-เขียน ไปด้วย

“ข่าว” เป็นเนื้อหาที่น่าฝึกอ่าน เพราะ ศัพท์, สำนวน, ประโยค, เนื้อหา ของข่าว เป็นสิ่งที่คนร่วมสมัยสนใจ ทำให้เราไม่ “ตกข่าว” และรู้ศัพท์- สำนวน-ประโยค ที่เราอ่านจากข่าว ซึ่งสามารถนำเอาไปใช้ในการฟัง-พูด-เขียน ทั้งเรื่องที่เป็นข่าวและไม่ใช่ข่าว

การฝึกอ่านข่าวจึงเป็นการฝึกที่คุ้มค่า

วิธีฝึกที่ได้ผล เราควร
1.อ่านข่าวภาษาอังกฤษ

2.พยายามทำความเข้าใจ โดยจับประเด็นสำคัญ เดาศัพท์ที่ไม่รู้หรือไม่แน่ใจ ตีความเนื้อเรื่อง ซึ่งก็ต้องเข้าใจเรื่องแกรมมาร์และโครงสร้างประโยคด้วย แน่นอนละ เราไม่สามารถอ่านได้อย่างคล่องแคล่วในชั่วข้ามคืน คงต้องอาศัยข้ามเดือนหรือข้ามปี แต่... นี่เป็นเส้นทางเดียวให้เราเดินข้ามไป ถ้าไม่เดินเส้นทางนี้ก็ไม่มีเส้นทางอื่นให้เดินข้ามไปถึงที่หมาย

3.น่าเสียดายที่คนไทยบางคนไม่ได้เลือกเดินทางนี้ เพราะมีเว็บไซต์ หรือหนังสือ หรือวารสาร หลายแห่ง ที่แปลภาษาไทยเทียบภาษาอังกฤษไว้บริการคนไทยที่ต้องการฝึกอ่านภาษาอังกฤษ เมื่ออ่านก็เข้าใจ แต่เป็นความเข้าใจที่สมองไม่ได้พัฒนาเท่าที่ควร ต้องขออภัยด้วยนะครับถ้าผมพูดรุนแรงไป แต่นี่เป็นความจริงครับ และคนไทยจำนวนไม่น้อยที่พัฒนา reading skill ได้น้อยมาก ทั้ง ๆ ที่อ่านหนังสือแปลพวกนี้เยอะมาก

4.เพราะสาเหตุใดหรือครับ? ก็เพราะว่าฉบับแปล อังกฤษควบไทยเหล่านี้เป็น “ตัวช่วย” ที่ทำให้เราเคยชินไม่ยอมช่วยตัวเอง เพราะเราไม่ต้องเดาศัพท์ ไม่ต้องตีความ ไม่ต้องเข้าใจแกรมมาร์ อย่างกระจ่าง ไม่ต้องเข้าใจชนิดของคำหรือโครงสร้างวรรคตอนของประโยค อย่างปรุโปร่ง และไม่ต้องทำอะไรต่ออะไรอีกหลายอย่าง เราอาจจะเข้าใจว่าเราเข้าใจ แต่เป็นความเข้าใจที่ไม่เข้าใจ

5.ท่านอาจจะบอกว่า หลายฉบับที่อ่านพบเขาก็อธิบายอะไรต่ออะไรที่ผมพูดมาข้างต้นให้เราเข้าใจอย่างมากมาย จะพูดว่าไม่เข้าใจได้อย่างไร!! ผมขอเรียนว่า ถ้าท่านเข้าใจเพราะคนอื่นเขาอธิบายจนท่านเข้าใจ ทุกเรื่องที่ยากเขาย่อยมาให้ท่าน ที่ความเข้าใจแบบที่ 1; กับอีกวีธีหนึ่ง ท่านพยายามขบคิด ตีความ จนทุกเรื่องค่อยกระจ่างทีละน้อย ท่านย่อยเรื่องที่ยากให้ตัวท่านเอง นี่ความเข้าใจแบบที่ 2

6.ความเข้าใจทั้ง 2 แบบข้างต้น คนไทยหลายคนชอบแบบที่ 1 มากกว่า เพราะ “เข้าใจ” ได้เร็วและไม่เหนื่อย แต่ผลก็คือ reading skill ที่เกิดขึ้น มักจะน้อย ไม่ค่อยเติบโต และอยู่ไม่คงทน แต่ความเข้าใจที่ได้จากการฝึกแบบที่ 2 แม้จะเข้าใจได้ช้าและเหนื่อยมาก แต่ reading skill ที่เกิดขึ้นมักอยู่คงทนและเติบโตได้อย่างมั่นคง

7.เว็บไซต์ที่ผมรวบรวมไว้ข้างล่างนี้ เป็นเว็บข่าว มีภาษาอังกฤษควบภาษาไทย ผมเชื่อว่า ท่านจะฝึก reading skill จากเว็บเหล่านี้โดยศึกษาด้วยวิธีช่วยตัวเองอย่างเต็มที่ ก่อนที่จะใช้ “ตัวช่วย” ภาษาไทยที่เว็บหยิบยื่นให้

เว็บที่ 1 Bangkok Post ถ้าเข้าไปแล้วฟอนต์เป็นตัวยึกยืออ่านไม่ออก ให้คลิกขวา, คลิกซ้าย Encoding, คลิก (More), Thai (Windoms)
อ่านคำอธิบายเพิ่มเติม

เว็บที่ 2 thai.langhub.com
อ่านคำอธิบายเพิ่มเติม

เว็บที่ 3 VOA news
ภาษาอังกฤษ
ภาษาไทย

พยายามหาข่าวเดียวกันที่มีทั้ง 2 ภาษา และศึกษาเปรียบเทียบตามวิธีที่ 2
ยกตัวอย่าง
ข่าวที่ 1
-นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงชี้กรณีพิพาทไทยกัมพูชาเป็นความขัดแย้งร้ายแรงที่สุดระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียน
-Thailand-Cambodia Dispute a Test for ASEAN
ข่าวที่ 2
-ตัวเรือดกำลังระบาดทั่วนิวยอร์คและเมืองใหญ่ๆในสหรัฐ
-Tougher Bedbugs Proving Harder to Eradicate

ผมขออวยพรให้ทุกท่านที่เหนื่อยได้รับผลการฝึกเป็นที่น่าพอใจนะครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

1 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เห็นจริงตามนั้นค่ะ