สวัสดีครับ
ผมได้ยินคนพูดและบ่นมามากแล้ว ว่า...
-ไม่เคยเรียนเมืองนอก ไม่ได้เรียนกับฝรั่ง
-ไม่ได้พูดบ่อย
ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการทำงาน
-ไม่ได้เข้าคอร์ส conversation, หรือหลายปีจะได้เข้าสัก 1 คอร์ส
มันก็เป็นธรรมดาที่จะพูดฝรั่งไม่ได้, หรือพูดได้ติดขัดอย่างยิ่ง, จึงไม่อยากพูด,
ไม่ยอมพูด, และไม่พูดเด็ดขาด
ถ้าท่านอายุยังน้อย, ยังเรียนไม่จบ, หรือเรียนจบแล้ว กำลังหางานทำ, หรือเพิ่งทำงานได้ไม่นาน แต่ขณะนี้สนใจภาษาอังกฤษแต่เพียงเบาบาง ท่านอาจจะต้องมีภาระหนักหน่อยในอนาคตในการฟิตภาษาอังกฤษ เมื่อถึงวันอันจำเป็น
เมืองไทยยุคนี้ ภาษาอังกฤษเป็น a
must-have ไปซะแล้ว ทุกคนต้องมี,
มีเพื่อการงาน, มีเพื่อการหาความรู้,
มีเพื่อมิตรภาพกับคนไกล-คนต่างชาติต่างภาษา, มีเพื่อเปิดหูเปิดตาแม้ไม่ได้ก้าวขาออกจากบ้าน,
และมีเพื่ออะไรต่ออะไรอีกเยอะแยะ
เมื่อมันเป็น a must-have ที่ต้องมีเพื่อสื่อสารโดยการพูดหรือเขียน แต่ท่านไม่สามารถที่จะ have มันได้ โดยอ้างสาเหตุตามที่ไฮไลต์สีชมพูข้างบน ท่านจะทำยังไง?
ผมเคยให้ความเห็นมาหลายครั้งแล้ว และก็ขอพูดซ้อีกครั้ง
คือทักษะในภาษาอังกฤษมี 2 ประเภท
คือ 1 active skill ทักษะที่แสดงออกไปให้คนอื่นได้ยิน
(คือพูด) และให้เขาอ่าน (คือเขียน)
และ 2 passive skill คือทักษะที่เข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด
(คือฟัง) และสิ่งที่คนอื่นเขียน (คืออ่าน)
คนที่อยู่ในประเทศที่ภาษาอังกฤษเป็นภาษาประจำชาติหรือเป็นภาษาทางการ เขาก็ได้ใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งฟัง – พูด – อ่าน – เขียน เป็นปกติ แต่ประเทศอื่นที่ใช้แต่ภาษาแม่ของตน นาน ๆ จะใช้ภาษาอังกฤษสักทีก็คงไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วถูกต้อง นี่เรื่องธรรมดาครับ
แต่เมื่อโลกมาถึงยุคที่ภาษาอังกฤษเป็น world language อันดับ 1 ของโลกมีคนพูดกว่า 1,800 ล้านคน เราคนไทยอยู่ในประเทศที่คนทั้งโลกรู้จักและอยากมาเที่ยว ถ้าพูดภาษาอังกฤษได้ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ถ้าพูดไม่ได้ก็คงจะแย่ไม่น้อย
สำหรับผมซึ่งไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญอะไรเลย ขอจอยน์ด้วยคน โดยให้ความเห็นง่าย ๆ สั้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า
เจอคนให้คุย – เจอหนังสือให้อ่าน
เรามีโอกาสฝึกคุยน้อย แต่โอกาสฝึกอ่านมีเยอะ
การอ่านจะช่วยให้เรารู้ศัพท์, รู้สำนวน, รู้ลีลาของภาษาที่สังเกตได้จากการอ่าน,
รู้เกร็ดและสาระที่จำไปใช้พูด, และรู้อะไรต่ออะไรอีกมากมาย
ถ้าการคุยกับฝรั่งหรือกับคนต่างชาติเป็นภาษาอังกฤษ เหมือนกับนักมวยขึ้นชกบนเวที การฝึกอ่านก็คือการซ้อมนั่นแหละครับ นักมวยที่อ่อนซ้อม หรือไม่ยอมซ้อมเลย ยากครับที่จะชนะ หรือไม่มีทางเลยที่จะชนะ เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องบอกท่านก็คงพอเดาได้
ผมขอพูดว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่อยากพูดภาษาอังกฤษได้(แต่ไม่ค่อยเจอคนให้คุยด้วย) แต่ทำตัวเหมือนนักมวยที่ขี้เกียจซ้อม พอถึงเวลาชก( คือต้องพูดจริงๆ) ก็แพ้ครับ มันแน่อยู่แล้ว
ผมขอแนะนำเว็บง่าย ๆ ให้ท่านที่ต้องการพูดเก่ง
ได้…
-ฝึกซ้อมพูดผ่านตา (คืออ่าน),
-ฝึกซ้อมพูดผ่านมือ (คือเขียน),
-ฝึกซ้อมพูดผ่านหู (เหมือนกำลังฟังเสียงคู่สนทนาพูด)
-และฝึกอ่านดัง ๆ บ้างโดยไม่ต้องมีคนฟัง
จากเว็บข้างล่างนี้ที่ผมคัดเลือกมาแล้วว่าง่าย
ผมเชื่อจริง ๆ ว่า คนที่ฝึกจริงก็จะได้รับผลจริง,
คนที่ฝึกอย่างใจเย็นก็จะเย็นใจเมื่อได้ฝึก,
คนที่ฝึกอย่างใจร้อนก็จะร้อนใจเมื่อได้ฝึก, คนที่ไม่ยอมแพ้ก็จะไม่แพ้
ขอเชิญและขออวยพรด้วยใจจริงครับ...
ดาวน์โหลดหนังสือ outside reading ระดับมัธยม ไปฝึกอ่าน
6 ความคิดเห็น:
รักอาจารย์พิพํฒน์ และเวปนี้มากมากครับ สัญญาว่าจะแบ่งปันความรู้ให้คนอื่นอีกมากมายครับ ก้อนหิน
ดีครับ ช่วย ๆ กันไป คนไทยด้วยกัน
พิพัฒน์
คุณพิพัฒครับ ตอนนี้ผมหน้าด้านไปสมัครเป็นรีเซฟชั่นเกสเฮ้า ทั้งที่ภาษาไม่ค่อยกระดิก
ได้ผลมากเลย ได้เงินด้วย เหมือนเขาจ้างให้เรียนภาษาอังกฤษยังไงยังงั้น
ทนทำหน้าตาโง่ๆหน่อยตอนแรก เพราะัฟังแล้วคิดว่าจะตอบว่าอะไรดี หลังๆเริ่มชิน หน้าตาโง่นอ้ยลงหน่อยนึง
ทนให้เขาขึ้นเสียงใส่หน่อย
มันเป็นอีกวิธีหนึ่งในการฝึก แต่มันออกไปทางโหดหน่อย อาจจะน้ำตาไหลพราก เพราะถูกตวาดดุด่า แต่มันคุ้มค่าจริงๆ ภูมิใจในตัวเองด้วยที่ตัวเองกล้าทำ
ผมสมัครอยู่กะกลางคืน ทำประมาณทุ่มนึง 5 ทุ่มก็นอนละ งานประจำก็ยังทำปกติ
แค่กล้า รับรองไม่ตาย
คุณวัชรเมธน์ครับ ผมชอบใจจริง ๆ ในสิ่งที่คุณทำ ภาษิตว่า ไม่เข้าถ้ำเสือหรือจะได้ลูกเสือ แต่คนที่จะกล้าเข้าถ้ำเสือก็ต้องสวมหัวใจเสือ คนอย่างนี้แหละครับที่มักทำอะไรสำเร็จ เพราะไม่ได้สวมหัวใจแมว แม้ว่าเสือและแมวจะเป็น species เดียวกันก็ตาม - พิพัฒน์
เห็นด้วยมาก ๆ เลยค่ะ กับบทความนี้
แสดงความคิดเห็น