วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

[1973]In The Middle Of Everything–เรื่องนี้มีความหมาย

สวัสดีครับ
หนังสั้นภาษาไทย (มี subtitle ภาษาอังกฤษไม่กี่ประโยค) เรื่อง In The Middle Of Everything นี้ 


Bangkok short film: In The Middle Of Everything from Moving Films on Vimeo.

ถ่ายทำในกรุงเทพ, มีความยาว 21 นาที, มีผู้แสดงจริงอยู่เพียง 1 คนเป็นผู้หญิง, นอกนั้นเป็นคนในเหตุการณ์จริงที่หลงเข้ามาเล่นด้วย

ระหว่างที่ดูหนังเรื่องนี้ ผมตั้งใจว่าจะเขียนอะไรสักเล็กน้อยเมื่อดูจบ แต่ครั้นดูจบก็มีความรู้สึกหลายอย่างเกิดขึ้นแต่เขียนไม่ออก จึงขอเป็นอย่างนี้ได้ไหมครับ ท่านที่ดูจบแล้ว ช่วยเขียนมาเล่าสู่กันฟัง  ว่าท่านรู้สึกอย่างไรกับเรื่องที่ท่านได้ดู

พิพัฒน์
e4thai@live.com

6 ความคิดเห็น:

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องนี้ มันเป็นความเครียดของคนที่อาศัยอยู่สังคมเมืองและวิถีการเป็นอยู่ของคนชนบทที่ดิ้นรนออกจากถิ่นเดิมที่แวดล้อมไปด้วยความสบายใจแม้ไม่สบายเงิน ยากที่จะอธิบายให้เข้าใจ แต่เมื่อดูจนหมดเรื่องก็จะมีความเข้าใจว่า ลักษณะความคิดแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นกับเรา แต่เรายังควบคุมมันได้ที่จะไม่ให้มันสติแตกอย่างเปิดเผยคะครูพิพัฒน์

เมนี่

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

หนังสั้นสำหรับหนู เป็นอะไรที่ดูแล้วเข้าใจยาก แต่ให้ข้อคิดหลายอย่าง

ในเรื่องนี้ คิดว่า คงเป็นเรื่องของทางสายกลางมั้งคะ "In The Middle Of Everything"
ธรรมดาที่เราต้องเจอทั้งทุกข์และสุข แต่พยายามมองทุกอย่างให้เป็นกลาง สร้างทางเลือกให้ตัวเอง

และกำลังคิดอีกว่า ถ้าเราเป็นผู้หญิงคนที่เป็นเจ้าของสตาร์บั๊คแก้วนั้น เรายังจะกล้ารับคืนมาอีกมั๊ย เป็นหนู หนูคงยกให้น้องนางเอกไปเลยค่ะ 5555

แสดงเก่งมากๆ ค่ะ
ขอบคุณสำหรับหนังสั้นเรื่องนี้ที่แนะนำมาด้วยค่ะ

โรส

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

กรุงเทพโหดร้ายครับ น่ากลัว ไม่ใช่เมืองฟ้าอมรอีกแล้ว กลับบ้านเถอะก่อนที่จะเป็นอย่างเธอคนนี้

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ถ้าคุณอยู่ In the middle of everything ในสภาพนี้ แนะนำให้ออกมาก่อน ออกมาอยู่ข้างนอกแล้วมองปัญหา หาทางใหม่ แต่ถ้าออกไม่ได้ ก็อยู่นิ่งๆซักพัก แล้วเอาตัวเองให้รอดก่อน ถ้าคุณยังหายใจอยู่มันต้องมีทางออก

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมาเข้ามาในชีวิตของเรานั้น หากเรามองด้วยสติ ใช้สติเป็นตัวกำหนด ไม่ว่าปัญหานั้นจะยิ่งใหญ่สักเีพียงใดก็ตาม เราสามารถฟันฝ่ามันไปได้เสมอ ทั้งความสุข ความทุกข์ ที่เรามอง มันอาจไม่จริงเสมอไป มีสุขก็ย่อมมีความทุกข์เสมอ เีราอาจมองว่าคนอื่นๆ มีความสุขแต่ทำไมเราถึงทุกข์อยุ่คนเดียว การใช้สติเป็นตัวแก้ไขปัญหาได้ทั้งหมด มองอย่างเป็นกลาง กรุงเทพไม่ได้เป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งทุกอย่าง ทุำกวันนี้คนเรามองว่าคนมีเงินนั้นมีความสุข แล้วคุณล่ะมองอย่างนั้นหรือเปล่า...

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

จากการที่ดูวีดีโอ เรื่องสั้น ก็มีความคิดหลายๆอย่าง การที่เราทุกข์สุข น่าจะอยู่ที่มุมมองของเรา ในตอนเเรก นางเอก รู้สึกเดียวดาย อ้างว้าง ในเมืองใหญ่ ก็เลยเงียบ
แต่พอลองพูดคุยกับผู้คนรอบข้าง ก็พบว่าคนไทยก็ยังคงมีน้ำใจให้กันเสมอ สามารถพูดคุยได้ หัวเราะได้

ที่เราเดียวดาย มันอยู่ที่เราหรือว่า อยู่ที่สังคมรอบข้างกันเเน่เนอะ น่าคิด!!!!!

แต่ว่าเราก็ยังสามารถพบเห้นน้ำใจคนไทยอยู่ทุกที รอบยิ้มแม่ค้า คนรอบข้าง เมื่อยามที่ต้องการความช่วยเหลือ ก็ยังมีคนมีน้ำใจเสมอ เเม้ว่าไม่เคยรู้จักกันก็ตามที แต่เพราะเราเป้นคนไทยด้วยกัน และคนไทยยังคงมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อ ต่อผู้อื่นเสมอ