สวัสดีครับ
ผู้ให้ข้อมูลการกรอกแบบสอบถามของบล็อกนี้ กลุ่มใหญ่ที่สุดมีอยู่ 2 กลุ่มคือ
-ป็นนักศึกษา ยังเรียนหนังสือ จำนวน 33 %
-เป็นพนักงานบริษัท ลูกจ้าง จำนวน 32 %
ต่อคำถาม ท่านต้องการเก่งภาษาอังกฤษเพิ่มขึ้นในทักษะใดมากที่สุด
จำนวนมากที่สุดดือ 66 % ตอบว่า การสนทนา
ถ้าท่านที่ตอบแบบสอบถามในบล็อกนี้สามารถเป็นกลุ่มตัวอย่างของคนไทยโดยทั่วไป ก็พอจะสรุปได้ง่าย ๆ ว่า ทุกวันนี้ทั้งคนรุ่นใหม่ที่ยังเรียนไม่จบและที่เรียนจบแล้วมีความกระตือรือร้นอย่างมากที่จะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของตัวเอง โดยทักษะที่ต้องการพัฒนามากที่สุดก็คือทักษะในการสนทนาภาษาอังกฤษ คำถามที่ต้องถามก็คือ
1.ถ้ายังเรียนหนังสืออยู่ เขาสามารถทำให้ตัวเองเก่ง speaking skill ก่อนเรียนจบหรือไม่ เพื่อว่าเมื่อเรียนจบเขาจะได้มีทักษะนี้ใช้สมัครเข้าทำงานได้ทันที
2.ถ้าเรียนจบและเข้าทำงานแล้ว แต่ยังมี speaking skill ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน เขาจะทำอย่างไรจึงจะเพิ่มพูน speaking skill ให้เพียงพอต่อการใช้งาน
เมื่อถาม 2 คำถามนี้ ผมกำลังคิดถึงคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่มิได้มีเงินหรือเวลาเหลือเฟือจนสามารถไปเรียนตามโรงเรียนสอนภาษา หรือจ้างครูพิเศษมาสอนที่บ้าน หรือไปเข้าคอร์สภาษาอังกฤษที่เมืองนอก ฯลฯ ผมมิได้เป็นห่วงคนเหล่านี้มากนักเพราะเขาพึ่งตัวเองได้ แต่ผมกำลังคิดถึงคนไทยโดยทั่วไปทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด ที่มิได้มีเงินและเวลาเหลือเฟือมากนัก จึงคิดว่าด้วยเงินและเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด เขาจะเพิ่ม speaking skill ของเขาได้อย่างไร
และในจำนวนคนเหล่านี้ ถ้าเป็นคนที่เก่งปานกลางกำลังฝึกให้เก่งมาก คนเหล่านี้ไม่น่าห่วงนักเพราะเขาสามารถต่อยอดด้วยตัวเองได้ แต่คนที่น่าห่วงคือคนที่เก่งน้อยและกำลังฝึกให้เก่งปานกลาง คนเหล่านี้เหมือนเด็กเดินเตาะแตะต้องการให้ผู้ใหญ่ช่วยพยุง ถ้าเดินด้วยตัวเองอาจจะล้มบ่อยมากเกินไป
แต่เรื่องที่ผมกำลังจะบอกก็คือ ท่านที่รู้สึกว่าตัวเองอยู่ในกลุ่มคนเก่งน้อยและต้องการฝึกเพื่อให้เก่งปานกลาง ท่านอาจจะไม่โชคดีคือไม่มีผู้ใหญ่มาคอยช่วยพยุง ท่านต้องช่วยตัวเอง ต้องพยุงตัวเอง นี่อาจจะเป็นเรื่องที่น่าเศร้าอย่างหนึ่งของการศึกษาบ้านเรา แต่เราก็ต้องยอมรับครับ คำถามที่ต้องตอบก็คือ เราจะพัฒนา speaking skill ของเราให้ดีขึ้นได้อย่างไร
อย่างหนึ่งที่ขอเรียนเป็นเบื้องแรกนี้ก็คือ ถ้าเราต้องการฝึกพูด วิธีเดียวที่จะพูดได้ก็คือได้พูด และทักษะที่ต้องฝึกควบกันไปก็คือการฟัง ถ้าฟังไม่คล่องก็ยากที่จะพูดคล่อง เหมือนคนหูหนวกมาตั้งแต่เกิดย่อมเป็นใบ้โดยอัตโนมัติ
ผมเคยแนะนำไว้ในบล็อกนี้ว่า ด้วยวิทยาการด้านอินเทอร์เน็ต แม้เราไม่มีครูตัวเป็น ๆ มาสอนพูด แต่เราก็พอมีทางฝึกพูดได้ ผมเคยแนะนำไว้บ้างแล้วที่หัวข้อ วิธีฝึกพูดภาษาอังกฤษโดยไม่มีครูสอน
แต่บางท่านก็อาจจะยังรู้สึกอยู่ว่า การฝึกพูดถ้าจะให้ได้ผลต้องมีคนจริง ๆ พูดด้วย และถ้าจะให้ดีควรเป็นฝรั่ง คำถามของผมก็คือถ้าไม่มีฝรั่ง หรือไม่มีคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษเก่งมาเป็นครู เราก็คงไม่มีโอกาสฝึกพูดใช่ไหมครับ
ท่านลองคิดตามผมนะครับ แม้การได้เรียนพูดกับครูฝรั่งเป็นสิ่งที่ได้ผลที่สุด แต่มันอาจจะไม่ realistic ก็ได้ เพราะการฝึกพูดต้องฝึกบ่อย ๆ ตลอดไป แต่หน่วยงานที่เราทำงานอยู่ไม่ว่าจะเป็นราชการและเอกชนคงไม่มีงบประมาณส่งเราเข้าคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษได้บ่อย ๆ เพราะฉะนั้นวิธีฝึก speaking skill ที่เป็นจริงเป็นจังมากที่สุดก็คือ การฝึกฝนด้วยตัวเอง แต่ท่านก็อาจจะพูดอย่างเดิมอีกแหละว่า การฝึกพูดต้องมี partner, ไม่เหมือนการฝึกอ่านหรือฝึกฟังที่ไม่ต้องมี partner
เมื่อมองข้อจำกัดและความเป็นไปได้อย่างรอบด้านแล้ว ผมจึงมาถึงข้อสรุปสุดท้ายว่า หนทางที่เป็นไปได้ในการฝึกหัดเพิ่มพูน speaking skill ก็คือ ตั้งกลุ่มสนทนาภาษาอังกฤษ
วิธีดำเนินกิจกรรมกลุ่มตามความเห็นของผมมี 10 ประการ ดังนี้ครับ
[1].รวบรวมคนที่ต้องการฝึดพูดภาษาอังกฤษ จัดตั้งเป็นกลุ่ม ๆ ละไม่เกิน 5 คน ถ้ามีเกินเช่นเป็น 6 คน ก็ควรจัดเป็น 2 กลุ่ม ๆ ละ 3 คน สาหตุที่ต้องจำกัดจำนวนคนเพราะกิจกรรมของกลุ่มคือการพูด+ฟัง ไม่ใช่เข้ามานั่งฟังเฉย ๆ เพราะฉะนั้นสมาชิกทุกคนเมื่อทำกิจกรรมกลุ่มจะต้องพูดให้เพื่อนในกลุ่มฟัง และฟังเพื่อนในกลุ่มพูด
[2].จัดคอร์สสนทนาภาษาอังกฤษง่าย ๆ โดยให้มีการพูดที่ลงไปที่เนื้อหาเลย ไม่ต้องเรียนพูดอย่างที่โรงเรียนสอนภาษาเขาสอน โดย 1 คอร์ส = 10 ครั้ง ๆ ละ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ทุกครั้งที่มีการรวมกลุ่ม ทุกคนจะต้องพูดอย่างน้อย 5 นาที
[3].จัดหัวข้อการพูดคุยแต่ละครั้งในลักษณะคำถามที่ให้สมาชิกแต่ละคน เตรียมประโยคคำตอบหรือเตรียมความคิดเห็นมาพูดให้กลุ่มฟัง อาจจะเป็นคำถามง่าย ๆ อย่างเช่น
1)-ทำไมฟุตบอล World Cup จึงมีผู้สนใจชมทั่วโลก?
2)-จังหวัดไหนในประเทศไทยที่น่าอยู่ที่สุด?
3)-ทำอย่างไรจึงจะเก่งภาษาอังกฤษ?
4)-จะมีสุขภาพจิตดีต้องทำอย่างไรบ้าง?
5)-เชื่อไหมว่าในอนาคตจีนจะเป็นประเทศมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่กว่าสหรัฐฯ?
เป็นต้น
ให้สมาชิกกลุ่มช่วยกันตั้งคำถามเช่นนี้ที่ทุกคนพอใจให้ครบ 10 คำถามก่อนที่จ start การพูดคุยนัดที่ 1
[4].สมาชิกจะต้องเตรียมประโยคล่วงหน้ามาพูดคุยตามหัวข้อที่ตั้งไว้ ตอนเตรียมประโยคเหล่านี้ ใครใกล้ใครจะช่วยกันเตรียมก็ได้
[5].ถึงเวลานัดคุยกัน ในแต่ละครั้งให้กลุ่มตั้งใครคนใดคนหนึ่งที่อาจจะเก่งสักหน่อยเป็น “ประธาน” มีหน้าที่คอยดำเนินการพูดคุย เช่น โยนคำถามให้สมาชิกตอบ ให้โต้เถียง ให้แสดงความคิดเห็น โดยไม่ปล่อยให้ใครพูดมากเกินไปหรือนั่งนิ่งนานเกินไป พอถึงนัดใหม่ถ้าเป็นไปได้ก็ให้เปลี่ยนประธาน
[6].ข้อห้ามของการพูดคยในช่วง 30 นาทีนี้ก็คือ ห้ามพูดภาษาไทยโดยเด็ดขาด ต่อให้นึกศัพท์ไม่ออก ผูกประโยคไม่ได้ก็ไม่ให้พูดภาษาไทย หรือสงสัยอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษก็ไม่ให้ถามเป็นภาษาไทย (เก็บเอาไปถามเมื่อหมดเวลา) ให้ถูไถถูลู่ถูกังไปจนหมดเวลาที่ตั้งไว้จึงอนุญาตให้พูดภาษาไทยได้ การที่บังคับให้พูดแต่ภาษาอังกฤษนี้เป็นการฝึกหัดให้สมองต้องคิดเป็นภาษาอังกฤษและนี่จะนำไปสู่การพูดเป็นภาษาอังกฤษที่เป็นธรรมชาติมากขึ้น
[7].คำถามที่มีลักษณะให้ตอบ Yes หรือ No ผู้ตอบควรจะตอบเต็มประโยค ไม่ใช่ตอบแค่ Yes หรือ No ด้วน ๆ
[8].ใช้เวลาที่ทุกคนสามารถเจียดมาได้ เช่น ครึ่งชั่วโมงหลังเลิกงานในการเข้ากลุ่ม แต่สมาชิกต้องมีสัจจะว่า ถ้าไม่ติดธุระหนักหนาสาหัสจริง ๆ จะไม่ยอมขาดการเข้ากลุ่มสนทนา เพราะถ้าลองได้ขาดสัก 1ครั้ง ๆ ต่อไปก็จะขาดได้ง่ายขึ้น
[9].สมาชิกควรฝึกหัดฟังภาษาอังกฤษง่าย ๆ มาบ้าง เพราะเนื่องจากเราไม่มีฝรั่งเป็นครูให้เราจดจำสำนวนและสำเนียง เราก็ต้องเรียนจากเสียงฝรั่งจากอินเทอร์เน็ตนี่แหละ ซึ่งในที่นี้ผมขอแนะนำ 3 เว็บนี้
1) http://freeenglishstudy.blogspot.com/2010/07/httpwww.html
เมื่อคลิกเข้าไปที่แต่ละหัวข้อแล้ว, ให้คลิกขวาที่ Click for audio และคลิกซ้ายที่บรรทัด Open in new tab หรือ in new window จะได้สามารถดูข้อความในหน้าต่างเดิมที่มี text ได้, ตอนฟังเที่ยวที่มีเสียงพูดช้า ๆ ก็ให้ฝึกพูดตามหรือพูดตอบ
2) http://www.manythings.org/listen/
คลิก pause, stop, forward, backward ได้ตามต้องการ และฝึกพูดตาม
3) http://english-for-thais-2.blogspot.com/2010/03/1377.html
คลิกฟังและพูดตามแต่ละประโยค ซ้ำไปซ้ำมากี่ครั้งก็ได้
[10].ให้มีความรู้สึกที่ดีในการเข้ากลุ่มทำกิจกรรมสนทนาภาษาอังกฤษเช่นนี้ ให้ถือว่าเรามาทำกิจกรรมร่วมกันเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทักษะที่เกิดขึ้นนี้นอกจากเป็นประโยชน์ต่อตัวเองแล้ว ยังเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงาน และต่อบุคคลอื่นในครอบครัวอีกด้วย
เมื่อจบคอร์สที่ 1 แล้วก็ให้ช่วยกันแสดงความคิดเห็นว่า ในคอร์สที่ 2 ที่จะจัดต่อนี้ ควรจะปรับปรุงแก้ไขอย่างไรบ้าง
ท่านผู้อ่านครับ ผมเชื่อว่า แม้สมาชิกกลุ่มแต่ละคนเมื่อเริ่มแรกจะมี speaking skill คนละนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เต็มสิบ แต่เมื่อ 1 คอร์สผ่านไป ทุกคนจะเก่งขึ้นเพราะได้ช่วยตัวเองและช่วยเพื่อนในกลุ่มไปพร้อม ๆ กัน ผมขอรับประกันครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
5 ความคิดเห็น:
เป็นความคิดที่ดีมากเลยครับคุณพิพัฒน์
แต่สิ่งที่ผมอยากขอเสริมก็คือ ในเวบของคุณพิพัฒน์นี้น่าจะมีห้อง chat สำหรับคนที่รักภาษาอังกฤษ คุณพิพัฒน์อาจจะเข้ามาพูดคุยเป็นครั้งคราวผมว่าจะดีมากเลยนะครับ พวกผมก็จะได้ขอคำแนะนำจากคุณพิพัฒน์ได้บ้าง บรรยากาศจะสมจริงและเป็นกันเองมากขึ้น
คุณ pfan ครับ
ข้อที่ 1 ผมคงไม่มี chat หรอกครับ
ข้อที่ 2 เคยทำห้อง chat แล้ว แต่รู้สึกว่าจะไม่มีใครใช้
พิพัฒน์ - blogger
That's too bad . I had once to visit chat blog but no one there.
Thanks for useful ideas.
นานมาแล้ว เคยมีรายการวิทยุของเนชั่น ให้บรรณาธิการข่าว (student weekly) มาเป็นผู้ดำเนินรายการ แล้วให้คนโทรศัพท์เข้าไปพูดคุย ก็ดีมากครับ
เดี๋ยวนี้ถ้ามีรายการที่ให้ผู้ฟังโทรศัพท์พูดคุย แสดงความคิดเห็นได้จะดีมากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น