สวัสดีครับ
หลังจากที่ผมได้นำ “ศัพท์คำพ้อง” 3,000 คำ มาให้ท่านผู้อ่านได้ศึกษา และได้ทำเครื่องมือ คือ “ตัววิ่ง” และ “ตัวเลื่อน” ทีละบรรทัด ให้ท่านผู้อ่านได้มีลูกเล่นในการท่องจำและทบทวน ที่ลิงค์นี้
[1228]ท่อง/ทบทวน ศัพท์คำพ้อง–ทีละคำ–จำได้เร็ว&นาน
มาตอนนี้ผมได้รับความใจดีจาก คุณวัชรเมธน์ ชิษณุคุปต์ ศรีเนธิโรทัย (http://www.select2web.com/) ช่วยปรับปรุง ทั้ง “ตัววิ่ง” และ “ตัวเลื่อน” ให้สามารถใช้งานได้ดีกว่าเดิมอย่างมากมาย เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ Rhyme.zip
ผมเชื่อว่าทุกท่านจะชอบใจเครื่องมือตัวใหม่นี้ และขอชักชวนให้ท่านส่งลิงค์ไปให้เพื่อนหรือลูกหลานที่น่าจะได้รับประโยชน์ได้ดาวน์โหลด เป็นไฟล์ขนาดเล็กแค่ 300 k เท่านั้นเองครับ
ขอบคุณคุณวัชรเมธน์อย่างมากครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1230] ให้ GoogleFight.com หา “ผู้ชนะ”
สวัสดีครับ
เมื่อท่านเห็นชื่อเว็บ GoogleFight.com ท่านพอจะเดาได้ไหมครับว่า เว็บนี้ทำอะไรได้บ้าง ทำไมเว็บจึงมีชื่อว่า Google fight
เมื่อเข้าไปในเว็บ ท่านจะเห็นว่ามี 2 ช่อง ซึ่งมีคำว่า Keyword #1 และ Keyword #2, ให้ท่านลบทั้งสองคำนี้ออกและเติมคำคู่หนึ่งที่ท่านต้องการให้ “สู้” หรือ fight กัน เช่น Obama กับ Bin Laden และคลิก Make a fight ก็จะมีการ์ตูนแสดงคนชกต่อยกันและสุดท้ายก็แสดงผล (results)ว่าใครชนะ
ทั้งนี้คู่ที่ท่านจะเอามาชกต่อยกันจะเป็นอะไรก็ได้ เช่น
Phuket กับ Chiangai,
yellow กับ red,
dog กับ cat,
eat กับ drink,
walk กับ run,
CNN กับ BBC,
cry กับ laugh
ฯลฯ
หรือถ้าท่านชื่อ Somchai ต้องการจะต่อยกับเพื่อนที่ชื่อ Somsak ก็ให้ Google fight ตัดสินให้ก็ได้ว่าใครจะชนะ
ตอนดูว่าใครชนะ นอกจากดูว่าแท่นของใครสูงกว่า ยังให้ดูว่า results ของใครตัวเลขเยอะกว่า ถ้าความสูงของแท่นและจำนวนตัวเลขขัดกัน ให้ยึดตัวเลขเป็นหลัก
แต่.. แต่ท่านอย่าเข้าใจผิดนะครับ คำว่า “ชนะ” ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเก่งกว่า ดีกว่า หรืออะไรกว่าทั้งนั้น แต่แปลว่า ระหว่าง 2 คำที่เอามาสู้กันนี้ คำใดมีปรากฏอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตจำนวนมากกว่ากัน
ให้ท่านดูที่คอลัมน์ซ้ายมือ คลิกดูที่ปุ่ม The classics, Funny fight, Fight of the month, Last 20 fights จะเห็นคู่ชกสนุก ๆ เยอะเลยครับ
ผมก็เลยเห็นว่า เราสามารถใช้ให้ Google fight ตอบคำถามด้านภาษาก็น่าจะได้ คือ เมื่อเอาคำศัพท์ วลี ประโยค คู่หนึ่งมาเปรียบเทียบกัน ฝ่ายใดจะมีคนใช้ในโลกนี้ (โลกอินเตอร์เน็ต) มากกว่ากัน และนี่ย่อมแสดงถึง style หรือความนิยมในการใช้ภาษาอังกฤษของคนในโลกยุคนี้ เช่น
email กับ e-mail,
lift กับ elevator,
center กับ centre,
bored of กับ bored with (เบื่อ),
good-bye กับ see you
เป็นต้น
หรือท่านอาจจะกำลังเขียนภาษาอังกฤษ และไม่แน่ใจว่า การเขียน 2 แบบที่ท่านนึกไว้ในใจ เช่น Prime Minister of Thailand กับ Thai Prime Minister มีแบบใดใช้มากกว่ากันในโลกอินเตอร์เน็ต ก็ให้ทั้ง 2 แบบนี้สู้กันใน Google fight ไม่กี่วินาทีก็ได้ผู้ชนะครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมิได้หมายความว่า แบบที่มีคนใช้มากกว่า คือแบบที่ถูกต้องมากกว่า มิได้หมายความเช่นนี้นะครับ คือว่า... มันมีคนใช้มากกว่า แต่มันจะถูกต้องมากกว่าหรือไม่ หรือถูกต้องเมื่อใช้กับกรณีใด ภายใต้เงื่อนไขอะไร ฯลฯ อันนี้ต้องพิจารณาประกอบด้วยครับ
สรุปก็คือ ท่านจะให้ Google fight (http://www.googlefight.com/) fight เล่น ๆ เพื่อความเพลิดเพลิน หรือ fight จริง ๆ เพื่อความรู้ทางภาษา ก็ทำได้ทั้งนั้น เชิญตามสะดวกครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เมื่อท่านเห็นชื่อเว็บ GoogleFight.com ท่านพอจะเดาได้ไหมครับว่า เว็บนี้ทำอะไรได้บ้าง ทำไมเว็บจึงมีชื่อว่า Google fight
เมื่อเข้าไปในเว็บ ท่านจะเห็นว่ามี 2 ช่อง ซึ่งมีคำว่า Keyword #1 และ Keyword #2, ให้ท่านลบทั้งสองคำนี้ออกและเติมคำคู่หนึ่งที่ท่านต้องการให้ “สู้” หรือ fight กัน เช่น Obama กับ Bin Laden และคลิก Make a fight ก็จะมีการ์ตูนแสดงคนชกต่อยกันและสุดท้ายก็แสดงผล (results)ว่าใครชนะ
ทั้งนี้คู่ที่ท่านจะเอามาชกต่อยกันจะเป็นอะไรก็ได้ เช่น
Phuket กับ Chiangai,
yellow กับ red,
dog กับ cat,
eat กับ drink,
walk กับ run,
CNN กับ BBC,
cry กับ laugh
ฯลฯ
หรือถ้าท่านชื่อ Somchai ต้องการจะต่อยกับเพื่อนที่ชื่อ Somsak ก็ให้ Google fight ตัดสินให้ก็ได้ว่าใครจะชนะ
ตอนดูว่าใครชนะ นอกจากดูว่าแท่นของใครสูงกว่า ยังให้ดูว่า results ของใครตัวเลขเยอะกว่า ถ้าความสูงของแท่นและจำนวนตัวเลขขัดกัน ให้ยึดตัวเลขเป็นหลัก
แต่.. แต่ท่านอย่าเข้าใจผิดนะครับ คำว่า “ชนะ” ในที่นี้ไม่ได้แปลว่าเก่งกว่า ดีกว่า หรืออะไรกว่าทั้งนั้น แต่แปลว่า ระหว่าง 2 คำที่เอามาสู้กันนี้ คำใดมีปรากฏอยู่ในโลกอินเตอร์เน็ตจำนวนมากกว่ากัน
ให้ท่านดูที่คอลัมน์ซ้ายมือ คลิกดูที่ปุ่ม The classics, Funny fight, Fight of the month, Last 20 fights จะเห็นคู่ชกสนุก ๆ เยอะเลยครับ
ผมก็เลยเห็นว่า เราสามารถใช้ให้ Google fight ตอบคำถามด้านภาษาก็น่าจะได้ คือ เมื่อเอาคำศัพท์ วลี ประโยค คู่หนึ่งมาเปรียบเทียบกัน ฝ่ายใดจะมีคนใช้ในโลกนี้ (โลกอินเตอร์เน็ต) มากกว่ากัน และนี่ย่อมแสดงถึง style หรือความนิยมในการใช้ภาษาอังกฤษของคนในโลกยุคนี้ เช่น
email กับ e-mail,
lift กับ elevator,
center กับ centre,
bored of กับ bored with (เบื่อ),
good-bye กับ see you
เป็นต้น
หรือท่านอาจจะกำลังเขียนภาษาอังกฤษ และไม่แน่ใจว่า การเขียน 2 แบบที่ท่านนึกไว้ในใจ เช่น Prime Minister of Thailand กับ Thai Prime Minister มีแบบใดใช้มากกว่ากันในโลกอินเตอร์เน็ต ก็ให้ทั้ง 2 แบบนี้สู้กันใน Google fight ไม่กี่วินาทีก็ได้ผู้ชนะครับ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมิได้หมายความว่า แบบที่มีคนใช้มากกว่า คือแบบที่ถูกต้องมากกว่า มิได้หมายความเช่นนี้นะครับ คือว่า... มันมีคนใช้มากกว่า แต่มันจะถูกต้องมากกว่าหรือไม่ หรือถูกต้องเมื่อใช้กับกรณีใด ภายใต้เงื่อนไขอะไร ฯลฯ อันนี้ต้องพิจารณาประกอบด้วยครับ
สรุปก็คือ ท่านจะให้ Google fight (http://www.googlefight.com/) fight เล่น ๆ เพื่อความเพลิดเพลิน หรือ fight จริง ๆ เพื่อความรู้ทางภาษา ก็ทำได้ทั้งนั้น เชิญตามสะดวกครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1229] แนะนำเว็บ ToLearnEnglish.Com
สวัสดีครับ
เว็บนี้ http://www.tolearnenglish.com/
มีอะไรมากมายให้ฝึกฝนพัฒนาภาษาอังกฤษ มากจริง ๆ และสนุกด้วยครับ
แต่ที่ผมขอยกมาแนะนำเป็นพิเศษก็คือที่ Audio & Video files
ซึ่งมี test พร้อมเฉลยให้ฝึกฝนภาษาอังกฤษ
เมื่อเข้าไปแล้ว
[1] ที่หัวข้อ LESSONS AND TESTS WITH VIDEOS. จะมีวีดิโอเรียนภาษาอังกฤษ 212 ตอน เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องแกรมมาร์ แต่สำหรับเรา เมื่อชมแล้ว นอกจากเรื่องแกรมมาร์แล้วก็ยังได้ฝึก listening skill อีกด้วย
ถ้าชอบใจและต้องการดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ เชิญอ่านวิธีดาวน์โหลดวีดิโอได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[1169] 4 วิธีในการดาวน์โหลดวีดิโอจากเว็บ
[2] ส่วนอีกหัวข้อหนึ่ง คือ LESSONS AND TESTS WITH AUDIO จะมีไฟล์ mp3 สำหรับเรียนภาษาอังกฤษ 126 + 24 ตอน
ถ้าชอบใจและต้องการดาวน์โหลดไฟล์ mp3 เชิญอ่านวิธีดาวน์โหลดไฟล์ mp3 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[1093] วิธีดูด mp3 จากเว็บ (ทุกเว็บที่ต้องการดูด)
ผมยังชอบใจอีก 4 ลิงค์
[1] Free English placement test
[2] All our free exercises and lessons to learn English
[3] พิมพ์ประโยคให้เว็บอ่าน
ที่ลิงค์นี้ http://www.tolearnenglish.com/audrey.php
เข้าไปแล้วให้คลิกที่ Launch Audrey
[4] รวมดิกคุณภาพดีหลายเว็บ คลิก
ลองเข้าไปดูนะครับ
[ขอบคุณคุณพิทยากร ถนอมมาก เป็นอย่างมากครับที่แนะนำเว็บ]
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เว็บนี้ http://www.tolearnenglish.com/
มีอะไรมากมายให้ฝึกฝนพัฒนาภาษาอังกฤษ มากจริง ๆ และสนุกด้วยครับ
แต่ที่ผมขอยกมาแนะนำเป็นพิเศษก็คือที่ Audio & Video files
ซึ่งมี test พร้อมเฉลยให้ฝึกฝนภาษาอังกฤษ
เมื่อเข้าไปแล้ว
[1] ที่หัวข้อ LESSONS AND TESTS WITH VIDEOS. จะมีวีดิโอเรียนภาษาอังกฤษ 212 ตอน เนื้อหาส่วนใหญ่เป็นเรื่องแกรมมาร์ แต่สำหรับเรา เมื่อชมแล้ว นอกจากเรื่องแกรมมาร์แล้วก็ยังได้ฝึก listening skill อีกด้วย
ถ้าชอบใจและต้องการดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ เชิญอ่านวิธีดาวน์โหลดวีดิโอได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[1169] 4 วิธีในการดาวน์โหลดวีดิโอจากเว็บ
[2] ส่วนอีกหัวข้อหนึ่ง คือ LESSONS AND TESTS WITH AUDIO จะมีไฟล์ mp3 สำหรับเรียนภาษาอังกฤษ 126 + 24 ตอน
ถ้าชอบใจและต้องการดาวน์โหลดไฟล์ mp3 เชิญอ่านวิธีดาวน์โหลดไฟล์ mp3 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ
[1093] วิธีดูด mp3 จากเว็บ (ทุกเว็บที่ต้องการดูด)
ผมยังชอบใจอีก 4 ลิงค์
[1] Free English placement test
[2] All our free exercises and lessons to learn English
[3] พิมพ์ประโยคให้เว็บอ่าน
ที่ลิงค์นี้ http://www.tolearnenglish.com/audrey.php
เข้าไปแล้วให้คลิกที่ Launch Audrey
[4] รวมดิกคุณภาพดีหลายเว็บ คลิก
ลองเข้าไปดูนะครับ
[ขอบคุณคุณพิทยากร ถนอมมาก เป็นอย่างมากครับที่แนะนำเว็บ]
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1228]ท่อง/ทบทวน ศัพท์คำพ้อง–ทีละคำ–จำได้เร็ว&นาน
ปรับปรุง:
[1231] ท่องศัพท์คำพ้อง-ทีละคำ-จำได้เร็ว (ภาค 2)
ผมเคยนำศัพท์คำพ้อง 3,000 คำของอาจารย์ อ. พฤกษะศรี มาให้ท่านดาวน์โหลดไปท่อง และได้ทำตัววิ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไว้ให้ท่านเหลือบดูเล่น ๆ เวลาทำงานกับคอมฯ ที่ 2 ลิงค์นี้ครับ
[174]ดาวน์โหลดศัพท์คำพ้อง 3,000 คำโดย อ. พฤกษะศรี
[187] ดูตัววิ่ง ‘ศัพท์คำพ้อง’ 3,000 คำ บนหน้าจอ
แม้ว่าผมจะเคยบอกว่าการท่องจำศัพท์เข้าไปตรง ๆ เป็นวิธีที่ไม่ค่อยได้ผลเพราะเป็นการอัดดิบเกินไป แต่ถ้าศัพท์ที่เราท่อง มีลักษณะ 2 อย่างนี้ คือ
1.เป็นคำที่คล้องจองกัน: ก็จะช่วยให้เราไม่เมื่อยสมองมากนักในการพยายามจำ เพราะการที่มันคล้องจองกัน จะคล้าย ๆ เป็นโซ่ที่คล้องความหมายไว้กับคำศัพท์
2.เป็นศัพท์ที่เราเคยผ่านหูผ่านตามาบ้าง แม้จะไม่มากนัก: การท่องจำซึ่งทำสลับไปกับการทบทวน ก็ได้ผลอยู่นะครับ
ผมหมายความว่า ถ้าเราท่องจำคำคล้องจองที่เราไม่เคยผ่านตามาเลย ก็คงจะจำได้ยาก แต่ถ้าท่องจำคำคล้องจองที่เราเคยผ่านตาบ่อย ๆ หรือแม้ผ่านตามาบ้าง การท่องจำคำศัพท์ที่คล้องจองได้ผลแน่ ๆ ครับ
(เพราะฉะนั้น ศัพท์ กับ story เป็นสิ่งที่ต้องไปด้วยกัน การเอาแต่ท่องศัพท์โดยไม่ยอมอ่าน story ไม่ใช่เรื่องดีเลยครับ แต่ถ้า 1.อ่าน story 2.ท่องศัพท์ 3.ศัพท์ที่ท่องคล้องจองกัน มี 3 อย่างครบ อย่างนี้ได้ผลครับ)
วันนี้ผมได้นำศัพท์คำพ้อง 3,000 คำนี้ไปใส่กรอบให้ท่านคลิกที่หน้าจอ เพื่อช่วยในการท่องและทบทวนศัพท์ ก่อนอื่นขอให้ท่านคลิกของจริงเอามาดูก่อนดีกว่า จะได้เข้าใจได้ทันทีว่า style การท่องศัพท์ที่ผมกำลังชวนท่านฝึกในวันนี้ มันเป็นแบบไหนกันแน่
คลิกดาวน์โหลด rhyming_words.htm
ศัพท์ชุดนี้มีทั้งหมด 3,000 คำ เราทำ 2 อย่างกับมันครับ
1.ท่อง ทีละคำ
2.ทบทวน คำที่เคยท่องไว้
และศัพท์ในกรอบนี้ ก็มีไว้ให้ท่านทบทวนโดยเฉพาะ คือ
1.ให้ท่านดูศัพท์ทีละบรรทัด (บรรทัดละ 1 คำ) และท่อง
2.พยายามนึกว่า คำถัดไปในบรรทัดล่างลงไปที่เราท่องไว้คือคำอะไร คำนั้นต้องคล้องจองกับคำในบรรทัดบน
3.ค่อย ๆ คลิกเบา ๆ ที่ลูกศรหัวชี้ลง หรือ เลื่อนลูกล้อเบา ๆ ที่เมาส์ (อย่าเลื่อนก่อนนึก)
ศัพท์ 3,000 คำนี้เป็นศัพท์พื้นฐานที่พบเห็นบ่อย ๆ ท่องจำไว้ไม่เสียเที่ยวแน่ ๆ และท่านจะเห็นว่าทุก 10 คำจะมีตัวเลขกำกับไว้ ท่านค้างอยู่ที่บรรทัดไหนก็กลับมาท่อง – มาทบทวนต่อ ที่บรรทัดนั้น
ผมเชื่อว่า ท่านจะจำศัพท์ได้มากขึ้นแน่ ๆ จากของเล่นที่ผมนำมาให้ในวันนี้
ถ้าท่านอยากฟังเสียงด้วยหูของตัวเองว่าคำไหนออกเสียงยังไง พิมพ์ให้เว็บนี้ออกเสียงให้ฟังครับ
http://www.howjsay.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1227] ฝึกแต่ง 1 ประโยคโดยให้มีทุกคำที่กำหนด
สวัสดีครับ
ผมเห็นว่าโจทย์ writing ที่ครูให้ศิษย์แต่ง 1 ประโยคภาษาอังกฤษโดยให้มีทุกคำที่กำหนด เช่น ให้มี 2, 3, หรือ 4 คำ ใน 1 ประโยคที่แต่งขึ้นมา และต้องให้มีเนื้อหาอ่านรู้เรื่องด้วย โจทย์แบบนี้นอกจากทดสอบ writing skills, เรื่องศัพท์และแกรมมาร์แล้ว ยังฝึกความคิดของศิษย์อีกด้วย
สำหรับท่านที่เลิกเป็นนักเรียนแล้ว ถ้าท่านให้การบ้านตัวเองด้วยโจทย์เช่นนี้ก็ยังมีประโยชน์เช่นดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านไม่ต้องการเครียดนักในการฝึกภาษาอังกฤษ ก็มีวิธีสนุก ๆ อยู่เหมือนกัน คือผมรู้จักเว็บหนึ่ง ท่านเพียงแค่พิมพ์คำที่ต้องการลงไป เช่น 2 หรือ 3 คำ เว็บก็จะไป search หาประโยคที่มี 2 – 3 คำนี้อยู่ในประโยคเดียวกัน ถ้าคำที่พิมพ์ลงไปมีความหมายที่สามารถผูกประโยคให้เกี่ยวพันกันได้ไม่ยากนัก เราก็มักจะได้เห็นประโยคตัวอย่างที่ว่านี้
ที่เว็บนี้ครับ: http://www.jukuu.com/
และถ้าต้องการโปรแกรมที่ช่วยหาประโยคที่มีหลายคำที่กำหนด ก็ดาวน์โหลด COBUILD Dictionary ที่ลิงค์นี้
และอ่านวิธีใช้ได้ที่ ลิงค์นี้
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมเห็นว่าโจทย์ writing ที่ครูให้ศิษย์แต่ง 1 ประโยคภาษาอังกฤษโดยให้มีทุกคำที่กำหนด เช่น ให้มี 2, 3, หรือ 4 คำ ใน 1 ประโยคที่แต่งขึ้นมา และต้องให้มีเนื้อหาอ่านรู้เรื่องด้วย โจทย์แบบนี้นอกจากทดสอบ writing skills, เรื่องศัพท์และแกรมมาร์แล้ว ยังฝึกความคิดของศิษย์อีกด้วย
สำหรับท่านที่เลิกเป็นนักเรียนแล้ว ถ้าท่านให้การบ้านตัวเองด้วยโจทย์เช่นนี้ก็ยังมีประโยชน์เช่นดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ถ้าท่านไม่ต้องการเครียดนักในการฝึกภาษาอังกฤษ ก็มีวิธีสนุก ๆ อยู่เหมือนกัน คือผมรู้จักเว็บหนึ่ง ท่านเพียงแค่พิมพ์คำที่ต้องการลงไป เช่น 2 หรือ 3 คำ เว็บก็จะไป search หาประโยคที่มี 2 – 3 คำนี้อยู่ในประโยคเดียวกัน ถ้าคำที่พิมพ์ลงไปมีความหมายที่สามารถผูกประโยคให้เกี่ยวพันกันได้ไม่ยากนัก เราก็มักจะได้เห็นประโยคตัวอย่างที่ว่านี้
ที่เว็บนี้ครับ: http://www.jukuu.com/
และถ้าต้องการโปรแกรมที่ช่วยหาประโยคที่มีหลายคำที่กำหนด ก็ดาวน์โหลด COBUILD Dictionary ที่ลิงค์นี้
และอ่านวิธีใช้ได้ที่ ลิงค์นี้
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1226] “คู่เพี้ยน” และ “คำผวน”
สวัสดีครับ
แต่ละวันที่ผมเขียนเรื่องลงบล็อกนี่นะครับ มันก็มีอะไรที่ต่างกันไป เช่น
-เรื่องหาเว็บ: เช่น ผมกะจะหาเว็บเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ มาแนะนำท่านผู้อ่าน บางวันก็หาเจอ บางวันก็หาไม่เจอ หรือเจอแต่ไม่ดีเท่าที่คาดไว้ แต่บางครั้งก็ได้เว็บที่ดีเกินคาด
-เรื่องเขียน: บางวันผมรู้สึกว่าตัวเองเขียนได้ดีอย่างที่ตั้งใจไว้, บางวันเขียนได้ดีกว่าที่ตั้งใจไว้, แต่บางวันก็ไม่สามารถเขียนได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ก็คือวันนี้แหละครับ ทั้ง ๆ ที่กะไว้แล้วว่าจะเขียนเรื่องอะไร
วันนี้ผมกะจะเขียนเรื่อง “คู่เพี้ยน” และ “คำผวน”
ขอพูดเรื่องที่ 1 ก่อน คือ “คู่เพี้ยน”
เมื่อหลายปีมาแล้วสมัยที่ผมยังทำงานอยู่ที่ภาคอีสาน วันหนึ่งเข้าไปในหมู่บ้านมีหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาคุยกับผม เขาพูดเล่น ๆ ว่า “เอ! ภาษาอีสานกับภาษาอังกฤษนี่น่าจะมาจากต้นตระกูลดียวกัน” ผมแปลกใจและนึกสนุกด้วยจึงถามว่า “รู้ได้ยังไง” เขาตอบว่า “ก็ดูคำว่า ‘วิน’ซี” “เป็นลม” คนอีสานบอกว่า “เป็นวิน” ภาษาอังกฤษ wind ก็แปลว่า ลม ผมชักสนุกเลยถามไปว่า มีคำอื่นอีกไหม เขาบอกว่า มี ก็คือคำว่า เอี่ยน คนอีสานกินเอี่ยน ฝรั่งกินอีล ภาษาอังกฤษ eel แปลว่า ปลาไหล เพราะฉะนั้น จากตัวอย่างนี้แสดงว่า ภาษาอีสานกับภาษาอังกฤษนี่น่าจะมาจากต้นตระกูลเดียวกัน ผมฟังดูแล้วก็หัวเราะและบอกว่า อือ! หรือมันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ?
คำที่เพื่อนหนุ่มคนนี้ของผมพูด ในภาษาอังกฤษเรียกว่า false friends ซึ่งนอกจากแปลว่า มิตรเทียม (ที่คู่กับ true friends ที่แปลว่ามิตรแท้) แล้ว, false friends ยังมีความหมายว่า a word in a language that looks or sounds similar to a word in another language but means something different. คือคำ ๆ หนึ่งในภาษาหนึ่งที่เขียนหรือออกเสียงคล้ายคำในภาษาอื่น แต่มีความหมายคนละอย่าง ดังตัวอย่างที่เล่า คือ วิน กับ wind, เอี่ยน กับ eel
และที่ผมบอกว่า ผมเขียนไม่ได้อย่างใจคิดก็คือ ผมพยายามหาเว็บหรือลิงค์ที่เขารวบรวมคำ “คู่เพี้ยน” ในภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่ออกเสียงคล้ายกันแต่ความหมายคนละอย่าง แต่หาตั้งนานก็หาไม่เจอ นี่เรื่องที่ 1 ที่เขียนไม่ได้อย่างใจในวันนี้
เรื่องที่ 2 ก็คือคำผวน:
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตให้ความหมายของ “คำผวน” ว่า “คำที่พูดทวนกลับได้ เช่น ตกที่อิฐ ผวนเป็น ติดที่อก”
ตัวอย่างที่ยกมานี่ช่างราบเรียบซะเหลือเกิน เพราเราคนไทยจำนวนมากเมื่อพูดถึงคำผวน ก็มีตัวอย่างมากมายในการเล่นคำผวนซึ่งไม่ราบเรียบเหมือนที่ท่านราชบัณฑิตยกตัวอย่าง ผมรู้สึกว่าคำผวนที่มีการเล่นอย่างเป็นงานเป็นการ อย่างเป็นหลักเป็นฐานมากที่สุด ก็คือ สรรพลี้หวน ท่านใดต้องการอ่านฉบับเต็ม
เชิญคลิกครับ
ในอินเตอร์เน็ตนี่ก็มีคำผวนให้อ่านไม่น้อยเลย ถ้าต้องการอ่านก็ เชิญคลิกครับ
แล้วผมก็สงสัยว่า แล้วฝรั่งล่ะเขาเล่นคำผวนกันหรือเปล่า ก็เลยไปที่ Google dictionary และพิมพ์คำว่า คำผวนลงไป ได้คำแปลว่า spoonerism, และเมื่อพิมพ์ spoonerism ลงไป ก็ได้ความหมายเป็นภาษาอังกฤษมาว่า
A spoonerism is a mistake made by a speaker in which the first sounds of two words are changed over, often with a humorous result, for example when someone says `wrong load' instead of `long road'. (spoonerism นั้นเป็น mistake ที่ผู้พูดสลับเสียงแรกของ 2 คำซึ่งเมื่อพูดออกมาแล้วก็น่าขำ เช่น พูด wrong load กลายเป็น long road)
ในสารานุกรม Wikipedia ก็มีคำอธิบายของ spoonerism ให้ไว้อ่าน คลิก
เมื่อผมเคาะแป้นพิมพ์ดีดมาถึงตรงนี้ ผมก็กะจะพิมพ์ต่อไปว่า แต่ผมหาอยู่ตั้งนาน กะจะหาคำผวนที่ง่าย ๆ ฮา ๆ มาเขียนเล่าให้ท่านผู้อ่านได้สนุกด้วย ก็ยังหาไม่เจอ และ “นี่คือเรื่องที่ 2 ที่เขียนไม่ได้อย่างใจในวันนี้”
แต่ผมก็กลับเจอขึ้นอย่างกะทันหัน 2 เว็บนี้ครับ
[1] http://www.spoonerism-fun.com/ (อย่าลืมคลิกแต่ละหัวข้อที่คอลัมน์ซ้ายมือนะครับ)
[2] http://www.fun-with-words.com/spoon_example.html
ซึ่งมีคำผวนของฝรั่งที่ง่าย ๆ ฮา ๆ หลายอันทีเดียวเช่น
*learning from a book — burning from a look
*go and take a shower - go and shake a tower
*writing and speaking — spiting and reeking
*King's College — Kong's killage
*earning to use it — yearning to lose it
*selecting the course — collecting the sauce
*try if you can — cry if you tan
*you have very bad manners - you have very mad banners
*save the whales - wave the sails
*butterfly - flutter by
* I must send the mail - I must mend the sail
*popcorn - cop porn
*it falls through the cracks - it crawls through the fax
*my lips are zipped - my zips are lipped
* would you like a hazel nut? - would you like a nasal hut?
*Four of Hearts - Whore of farts
และยังมีอีกมากมายครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเว็บที่ [1] ลองเข้าไปดูเถอะครับ อันไหนไม่รู้เรื่องก็อาจจเปิดดิกดูหน่อย ถ้าเปิดดูแล้วก็ยังไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องไปสนใจมัน จำอันที่รู้เรื่องนั่นแหละครับไปคุยกับเพื่อน หรือแทรกในการสนทนากับคนต่างชาติก็ได้ อีกอย่างหนึ่งการจำคำศัพท์จากคำผวนหรือ spoonerism เช่นนี้น่าจะช่วยให้จำได้เร็วและจำได้นานนะครับ
เป็นอันว่าวันนี้ผมค้างท่านผู้อ่านเรื่อง “คู่เพี้ยน” แต่ผมอยากขอให้ท่านผู้อ่านช่วยด้วยครับ คือช่วยส่ง false friends หรือ คู่เพี้ยน พวกนี้ที่ท่านรู้จักให้ผมด้วย ผมจะได้รวบรวมให้อ่านกันเยอะ ๆ สนุกดีครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
แต่ละวันที่ผมเขียนเรื่องลงบล็อกนี่นะครับ มันก็มีอะไรที่ต่างกันไป เช่น
-เรื่องหาเว็บ: เช่น ผมกะจะหาเว็บเกี่ยวกับเรื่องนั้น ๆ มาแนะนำท่านผู้อ่าน บางวันก็หาเจอ บางวันก็หาไม่เจอ หรือเจอแต่ไม่ดีเท่าที่คาดไว้ แต่บางครั้งก็ได้เว็บที่ดีเกินคาด
-เรื่องเขียน: บางวันผมรู้สึกว่าตัวเองเขียนได้ดีอย่างที่ตั้งใจไว้, บางวันเขียนได้ดีกว่าที่ตั้งใจไว้, แต่บางวันก็ไม่สามารถเขียนได้อย่างที่ตั้งใจไว้ ก็คือวันนี้แหละครับ ทั้ง ๆ ที่กะไว้แล้วว่าจะเขียนเรื่องอะไร
วันนี้ผมกะจะเขียนเรื่อง “คู่เพี้ยน” และ “คำผวน”
ขอพูดเรื่องที่ 1 ก่อน คือ “คู่เพี้ยน”
เมื่อหลายปีมาแล้วสมัยที่ผมยังทำงานอยู่ที่ภาคอีสาน วันหนึ่งเข้าไปในหมู่บ้านมีหนุ่มคนหนึ่งเข้ามาคุยกับผม เขาพูดเล่น ๆ ว่า “เอ! ภาษาอีสานกับภาษาอังกฤษนี่น่าจะมาจากต้นตระกูลดียวกัน” ผมแปลกใจและนึกสนุกด้วยจึงถามว่า “รู้ได้ยังไง” เขาตอบว่า “ก็ดูคำว่า ‘วิน’ซี” “เป็นลม” คนอีสานบอกว่า “เป็นวิน” ภาษาอังกฤษ wind ก็แปลว่า ลม ผมชักสนุกเลยถามไปว่า มีคำอื่นอีกไหม เขาบอกว่า มี ก็คือคำว่า เอี่ยน คนอีสานกินเอี่ยน ฝรั่งกินอีล ภาษาอังกฤษ eel แปลว่า ปลาไหล เพราะฉะนั้น จากตัวอย่างนี้แสดงว่า ภาษาอีสานกับภาษาอังกฤษนี่น่าจะมาจากต้นตระกูลเดียวกัน ผมฟังดูแล้วก็หัวเราะและบอกว่า อือ! หรือมันจะเป็นอย่างนั้นจริง ๆ ?
คำที่เพื่อนหนุ่มคนนี้ของผมพูด ในภาษาอังกฤษเรียกว่า false friends ซึ่งนอกจากแปลว่า มิตรเทียม (ที่คู่กับ true friends ที่แปลว่ามิตรแท้) แล้ว, false friends ยังมีความหมายว่า a word in a language that looks or sounds similar to a word in another language but means something different. คือคำ ๆ หนึ่งในภาษาหนึ่งที่เขียนหรือออกเสียงคล้ายคำในภาษาอื่น แต่มีความหมายคนละอย่าง ดังตัวอย่างที่เล่า คือ วิน กับ wind, เอี่ยน กับ eel
และที่ผมบอกว่า ผมเขียนไม่ได้อย่างใจคิดก็คือ ผมพยายามหาเว็บหรือลิงค์ที่เขารวบรวมคำ “คู่เพี้ยน” ในภาษาอังกฤษและภาษาไทยที่ออกเสียงคล้ายกันแต่ความหมายคนละอย่าง แต่หาตั้งนานก็หาไม่เจอ นี่เรื่องที่ 1 ที่เขียนไม่ได้อย่างใจในวันนี้
เรื่องที่ 2 ก็คือคำผวน:
พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตให้ความหมายของ “คำผวน” ว่า “คำที่พูดทวนกลับได้ เช่น ตกที่อิฐ ผวนเป็น ติดที่อก”
ตัวอย่างที่ยกมานี่ช่างราบเรียบซะเหลือเกิน เพราเราคนไทยจำนวนมากเมื่อพูดถึงคำผวน ก็มีตัวอย่างมากมายในการเล่นคำผวนซึ่งไม่ราบเรียบเหมือนที่ท่านราชบัณฑิตยกตัวอย่าง ผมรู้สึกว่าคำผวนที่มีการเล่นอย่างเป็นงานเป็นการ อย่างเป็นหลักเป็นฐานมากที่สุด ก็คือ สรรพลี้หวน ท่านใดต้องการอ่านฉบับเต็ม
เชิญคลิกครับ
ในอินเตอร์เน็ตนี่ก็มีคำผวนให้อ่านไม่น้อยเลย ถ้าต้องการอ่านก็ เชิญคลิกครับ
แล้วผมก็สงสัยว่า แล้วฝรั่งล่ะเขาเล่นคำผวนกันหรือเปล่า ก็เลยไปที่ Google dictionary และพิมพ์คำว่า คำผวนลงไป ได้คำแปลว่า spoonerism, และเมื่อพิมพ์ spoonerism ลงไป ก็ได้ความหมายเป็นภาษาอังกฤษมาว่า
A spoonerism is a mistake made by a speaker in which the first sounds of two words are changed over, often with a humorous result, for example when someone says `wrong load' instead of `long road'. (spoonerism นั้นเป็น mistake ที่ผู้พูดสลับเสียงแรกของ 2 คำซึ่งเมื่อพูดออกมาแล้วก็น่าขำ เช่น พูด wrong load กลายเป็น long road)
ในสารานุกรม Wikipedia ก็มีคำอธิบายของ spoonerism ให้ไว้อ่าน คลิก
เมื่อผมเคาะแป้นพิมพ์ดีดมาถึงตรงนี้ ผมก็กะจะพิมพ์ต่อไปว่า แต่ผมหาอยู่ตั้งนาน กะจะหาคำผวนที่ง่าย ๆ ฮา ๆ มาเขียนเล่าให้ท่านผู้อ่านได้สนุกด้วย ก็ยังหาไม่เจอ และ “นี่คือเรื่องที่ 2 ที่เขียนไม่ได้อย่างใจในวันนี้”
แต่ผมก็กลับเจอขึ้นอย่างกะทันหัน 2 เว็บนี้ครับ
[1] http://www.spoonerism-fun.com/ (อย่าลืมคลิกแต่ละหัวข้อที่คอลัมน์ซ้ายมือนะครับ)
[2] http://www.fun-with-words.com/spoon_example.html
ซึ่งมีคำผวนของฝรั่งที่ง่าย ๆ ฮา ๆ หลายอันทีเดียวเช่น
*learning from a book — burning from a look
*go and take a shower - go and shake a tower
*writing and speaking — spiting and reeking
*King's College — Kong's killage
*earning to use it — yearning to lose it
*selecting the course — collecting the sauce
*try if you can — cry if you tan
*you have very bad manners - you have very mad banners
*save the whales - wave the sails
*butterfly - flutter by
* I must send the mail - I must mend the sail
*popcorn - cop porn
*it falls through the cracks - it crawls through the fax
*my lips are zipped - my zips are lipped
* would you like a hazel nut? - would you like a nasal hut?
*Four of Hearts - Whore of farts
และยังมีอีกมากมายครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเว็บที่ [1] ลองเข้าไปดูเถอะครับ อันไหนไม่รู้เรื่องก็อาจจเปิดดิกดูหน่อย ถ้าเปิดดูแล้วก็ยังไม่รู้เรื่องก็ไม่ต้องไปสนใจมัน จำอันที่รู้เรื่องนั่นแหละครับไปคุยกับเพื่อน หรือแทรกในการสนทนากับคนต่างชาติก็ได้ อีกอย่างหนึ่งการจำคำศัพท์จากคำผวนหรือ spoonerism เช่นนี้น่าจะช่วยให้จำได้เร็วและจำได้นานนะครับ
เป็นอันว่าวันนี้ผมค้างท่านผู้อ่านเรื่อง “คู่เพี้ยน” แต่ผมอยากขอให้ท่านผู้อ่านช่วยด้วยครับ คือช่วยส่ง false friends หรือ คู่เพี้ยน พวกนี้ที่ท่านรู้จักให้ผมด้วย ผมจะได้รวบรวมให้อ่านกันเยอะ ๆ สนุกดีครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1225] "นก"สอนเรื่องความสุขให้ "หนอน" ฟัง
สวัสดีครับ
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์ วันนี้ผมขอพูดถึงหนังสือธรรมะสักนิดนะครับ
ทุกปีผมจะเห็นหนังสือประเภทแนะนำแนวทางการดำเนินชีวิตวางจำหน่ายในชื่อเรื่องต่าง ๆ นานา ซึ่งโดยสรุปก็คือแนะนำการทำให้ชีวิตมีความสุขประสบความสำเร็จ
สิ่งหนึ่งที่ผมไม่แน่ใจก็คือ หนังสือประเภทนี้ที่คนทั่วไปเรียบเรียงกับที่เป็นคำสอนของพระ อย่างไหนคนซื้อมากกว่ากัน มีบางคนที่ผมรู้จักไม่ชอบอ่านหนังสือที่เป็นคำสอนของพระ แต่ชอบธรรมะแนวจิตวิทยาสมัยใหม่มากกว่า
ถ้าให้ผมเดาสาเหตุที่เขาไม่ชอบคำสอนของพระก็อาจจะเป็นเพราะว่า เขาเห็นว่าพระกับเขาอยู่คนละโลก พระอยู่ในวัดตัดกิเลสแล้ว แต่เขาอยู่ในโลกที่ยังต้องมีกิเลส เขาจึงไม่ต้องการคำสอนที่ให้ละกิเลสแต่ต้องการคำแนะนำในการดำเนินชีวิตอย่างประสบความสำเร็จและมีความสุข ทั้ง ๆ ที่ยังมีกิเลสอยู่เยอะเช่นเดิมนี่แหละ ความรู้สึกของเขาอาจจะไม่ชัดเจนโต้ง ๆ อย่างที่ผมพูดนี้ แต่น่าจะเป็นไปทำนองนี้
ยิ่งถ้าพระเอาแต่ใช้ technical term ภาษาบาลีที่ยังฉุนกลิ่นจีวร หรือยกตัวอย่างประกอบคำสอนเป็นตัวละครจากนิทานชาดกหรือบุคคลที่เป็นชาวอินเดียซึ่งปรากฎนามในพระไตรปิฎก ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าพระพูดอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง!
ความรู้สึกของท่านเหล่านี้เป็นความรู้สึกที่ฟังขึ้นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ผมขอแสดงความเห็นตรงนี้นิดนึงครับ
ก็คือว่า พระหลายท่านที่สำนักพิมพ์นำคำสอนไปจัดพิมพ์เป็นหนังสือออกวางขาย หรือมีคำสอนให้อ่านฟรีในเน็ต หลายท่านเคยผ่านชีวิตฆราวาสมาแล้ว จะพูดว่าท่านไม่เข้าใจชาวโลกก็คงไม่ได้ และบางท่านแม้จะบวชต่อเนื่องมาตั้งแต่วัยเยาว์หรือเมื่ออายุครบบวช แต่เห็นได้ชัดว่าท่านมีสติปัญญามองทะลุความเป็นไปของชาวบ้าน
ผมเคยเจอคำอุปมาอุปมัยเรื่อง “หนอน” กับ “นก” ก็คือว่า หนอนที่อยู่ตามต้นไม้จะรู้จักรายละเอียดของต้นไม้ต้นหนึ่งเป็นอย่างดี รู้จักกิ่งทุกกิ่ง ก้านทุกก้าน แต่นกที่บินสูงจะรู้จักต้นไม้ทั้งดง ทั้งสวน หรือทั้งป่า ฉะนั้น ในขณะที่หนอนไม่รู้จักต้นไม้ทั้งป่า นกก็ไม่รู้จักรายละเอียดของต้นไม้แต่ละต้น นกไม่เข้าใจความรู้สึกของต้นไม้ แต่หนอนก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของป่าไม้
เมื่อเราอ่านหนังสือธรรมะ เราคาดหมายอะไรจากคนเขียนหนังสือ? ผมคิดว่าเราต้องการอย่างน้อย 2 อย่าง คือ เราต้องการให้ผู้เขียนเข้าใจความทุกข์ของเราตามประสาชาวโลก และเราก็ต้องการให้ผู้เขียนชี้ทางให้เราออกจากความทุกข์อย่างคนที่ “เหนือโลก” พูดง่าย ๆ ก็คือ เราต้องการให้ผู้เขียนรู้ทั้งอย่าง “นก” และอย่าง “หนอน” คือ “เข้าใจ” ความทุกข์ของเรา และช่วยชี้แนวทางให้เรา “ยกใจ” ขึ้นเหนือความทุกข์ได้
Keyword ที่ติดใจผมมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือคำว่า “ความสุข” เคยได้ยินแว่ว ๆ มานานแล้วว่า ในคำประกาศอิสรภาพของประเทศสหรัฐอเมริกา(Declaration of Independence) เมื่อตั้งประเทศ บอกไว้ว่าคนอเมริกันมีสิทธิในการไขว่คว้าหาความสุข (the pursuit of Happiness) แต่ผมสงสัยว่าพอเอาเข้าจริง ๆ แล้ว การเขียนเช่นนี้มันจะมีประโยชน์อะไรหรือเปล่า
ในเมืองไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มี “ชาววัด” จำนวนมากพอสมควรที่เทศน์ให้ “ชาวบ้าน” ฟังเรื่อง “ความสุข” ผมเองอ่านมามากพอสมควรและเห็นว่าท่านเหล่านี้เป็น “นก” ที่รู้จักชีวิตของ “หนอน” ท่านเห็นต้นไม้ทั้งป่าและเห็นต้นไม้แต่ละต้น ท่านเข้าใจความทุกข์และรู้จักวิธียกใจขึ้นเหนือความทุกข์ และท่านก็สอนเรา...
ถ้าท่านใดยังไม่เคยอ่านหนังสือหรือคำสอนของท่านเหล่านี้ ผมขอชวนครับ
-ความสุข (อาจารย์พุทธทาสภิกขุ) คลิก
-กลอน “ความสุข” (อาจารย์พุทธทาสภิกขุ) คลิก 1 หรือ คลิก 2
-สันโดษ... เคล็ดลับของความสุข (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก) คลิก
-อานาปานสติ : วิถีแห่งความสุข (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก) คลิกอ่าน
-เสียงอ่านหนังสือ "อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข" (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก) คลิกฟัง
-คู่มือความสุข (ธรรมรักษา) คลิก
-ความสุข ความทุกข์ ราคาเสมอกัน (ว.วชิรเมธี) คลิก
-ความสุขที่ถูกมองข้าม (พระไพศาล วิสาโล) คลิก
-เติมความสุขในยุคเศรษฐกิจติดลบ (พระไพศาล วิสาโล) คลิก
-ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข...พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) คลิก
-ความสุข ๕ ชั้น...พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) คลิก
-ศีล...นำความสุขมาให้ (พระอาจารย์สุรพจน์ สทฺธาธิโก) คลิก
-ธรรมะแห่งความสุข (พระอาจารย์จี้กง) คลิก / คลิกดาวน์โหลด
-เดินไปสู่ความสุข (ธรรมกาย) คลิก
-ความสุขที่แท้จริง (อาจารย์วศิน อินทสระ) คลิก
ศึกษาเพิ่มเติม:
1. ฟังธรรม หลวงพ่อชา คลิก
2.เธอจงระวังความคิดของเธอ หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
คลิก 1 หรือ คลิก 2
3.อ่านตำราว่าด้วยความสุข (ภาษาอังกฤษ)
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของงานสัปดาห์หนังสือที่ศูนย์สิริกิติ์ วันนี้ผมขอพูดถึงหนังสือธรรมะสักนิดนะครับ
ทุกปีผมจะเห็นหนังสือประเภทแนะนำแนวทางการดำเนินชีวิตวางจำหน่ายในชื่อเรื่องต่าง ๆ นานา ซึ่งโดยสรุปก็คือแนะนำการทำให้ชีวิตมีความสุขประสบความสำเร็จ
สิ่งหนึ่งที่ผมไม่แน่ใจก็คือ หนังสือประเภทนี้ที่คนทั่วไปเรียบเรียงกับที่เป็นคำสอนของพระ อย่างไหนคนซื้อมากกว่ากัน มีบางคนที่ผมรู้จักไม่ชอบอ่านหนังสือที่เป็นคำสอนของพระ แต่ชอบธรรมะแนวจิตวิทยาสมัยใหม่มากกว่า
ถ้าให้ผมเดาสาเหตุที่เขาไม่ชอบคำสอนของพระก็อาจจะเป็นเพราะว่า เขาเห็นว่าพระกับเขาอยู่คนละโลก พระอยู่ในวัดตัดกิเลสแล้ว แต่เขาอยู่ในโลกที่ยังต้องมีกิเลส เขาจึงไม่ต้องการคำสอนที่ให้ละกิเลสแต่ต้องการคำแนะนำในการดำเนินชีวิตอย่างประสบความสำเร็จและมีความสุข ทั้ง ๆ ที่ยังมีกิเลสอยู่เยอะเช่นเดิมนี่แหละ ความรู้สึกของเขาอาจจะไม่ชัดเจนโต้ง ๆ อย่างที่ผมพูดนี้ แต่น่าจะเป็นไปทำนองนี้
ยิ่งถ้าพระเอาแต่ใช้ technical term ภาษาบาลีที่ยังฉุนกลิ่นจีวร หรือยกตัวอย่างประกอบคำสอนเป็นตัวละครจากนิทานชาดกหรือบุคคลที่เป็นชาวอินเดียซึ่งปรากฎนามในพระไตรปิฎก ก็ยิ่งทำให้รู้สึกว่าพระพูดอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่อง!
ความรู้สึกของท่านเหล่านี้เป็นความรู้สึกที่ฟังขึ้นอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม ผมขอแสดงความเห็นตรงนี้นิดนึงครับ
ก็คือว่า พระหลายท่านที่สำนักพิมพ์นำคำสอนไปจัดพิมพ์เป็นหนังสือออกวางขาย หรือมีคำสอนให้อ่านฟรีในเน็ต หลายท่านเคยผ่านชีวิตฆราวาสมาแล้ว จะพูดว่าท่านไม่เข้าใจชาวโลกก็คงไม่ได้ และบางท่านแม้จะบวชต่อเนื่องมาตั้งแต่วัยเยาว์หรือเมื่ออายุครบบวช แต่เห็นได้ชัดว่าท่านมีสติปัญญามองทะลุความเป็นไปของชาวบ้าน
ผมเคยเจอคำอุปมาอุปมัยเรื่อง “หนอน” กับ “นก” ก็คือว่า หนอนที่อยู่ตามต้นไม้จะรู้จักรายละเอียดของต้นไม้ต้นหนึ่งเป็นอย่างดี รู้จักกิ่งทุกกิ่ง ก้านทุกก้าน แต่นกที่บินสูงจะรู้จักต้นไม้ทั้งดง ทั้งสวน หรือทั้งป่า ฉะนั้น ในขณะที่หนอนไม่รู้จักต้นไม้ทั้งป่า นกก็ไม่รู้จักรายละเอียดของต้นไม้แต่ละต้น นกไม่เข้าใจความรู้สึกของต้นไม้ แต่หนอนก็ไม่เข้าใจความรู้สึกของป่าไม้
เมื่อเราอ่านหนังสือธรรมะ เราคาดหมายอะไรจากคนเขียนหนังสือ? ผมคิดว่าเราต้องการอย่างน้อย 2 อย่าง คือ เราต้องการให้ผู้เขียนเข้าใจความทุกข์ของเราตามประสาชาวโลก และเราก็ต้องการให้ผู้เขียนชี้ทางให้เราออกจากความทุกข์อย่างคนที่ “เหนือโลก” พูดง่าย ๆ ก็คือ เราต้องการให้ผู้เขียนรู้ทั้งอย่าง “นก” และอย่าง “หนอน” คือ “เข้าใจ” ความทุกข์ของเรา และช่วยชี้แนวทางให้เรา “ยกใจ” ขึ้นเหนือความทุกข์ได้
Keyword ที่ติดใจผมมากที่สุดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก็คือคำว่า “ความสุข” เคยได้ยินแว่ว ๆ มานานแล้วว่า ในคำประกาศอิสรภาพของประเทศสหรัฐอเมริกา(Declaration of Independence) เมื่อตั้งประเทศ บอกไว้ว่าคนอเมริกันมีสิทธิในการไขว่คว้าหาความสุข (the pursuit of Happiness) แต่ผมสงสัยว่าพอเอาเข้าจริง ๆ แล้ว การเขียนเช่นนี้มันจะมีประโยชน์อะไรหรือเปล่า
ในเมืองไทย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มี “ชาววัด” จำนวนมากพอสมควรที่เทศน์ให้ “ชาวบ้าน” ฟังเรื่อง “ความสุข” ผมเองอ่านมามากพอสมควรและเห็นว่าท่านเหล่านี้เป็น “นก” ที่รู้จักชีวิตของ “หนอน” ท่านเห็นต้นไม้ทั้งป่าและเห็นต้นไม้แต่ละต้น ท่านเข้าใจความทุกข์และรู้จักวิธียกใจขึ้นเหนือความทุกข์ และท่านก็สอนเรา...
ถ้าท่านใดยังไม่เคยอ่านหนังสือหรือคำสอนของท่านเหล่านี้ ผมขอชวนครับ
-ความสุข (อาจารย์พุทธทาสภิกขุ) คลิก
-กลอน “ความสุข” (อาจารย์พุทธทาสภิกขุ) คลิก 1 หรือ คลิก 2
-สันโดษ... เคล็ดลับของความสุข (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก) คลิก
-อานาปานสติ : วิถีแห่งความสุข (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก) คลิกอ่าน
-เสียงอ่านหนังสือ "อานาปานสติ วิถีแห่งความสุข" (พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก) คลิกฟัง
-คู่มือความสุข (ธรรมรักษา) คลิก
-ความสุข ความทุกข์ ราคาเสมอกัน (ว.วชิรเมธี) คลิก
-ความสุขที่ถูกมองข้าม (พระไพศาล วิสาโล) คลิก
-เติมความสุขในยุคเศรษฐกิจติดลบ (พระไพศาล วิสาโล) คลิก
-ปรุงแต่งใจให้เป็นสุข...พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตโต) คลิก
-ความสุข ๕ ชั้น...พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) คลิก
-ศีล...นำความสุขมาให้ (พระอาจารย์สุรพจน์ สทฺธาธิโก) คลิก
-ธรรมะแห่งความสุข (พระอาจารย์จี้กง) คลิก / คลิกดาวน์โหลด
-เดินไปสู่ความสุข (ธรรมกาย) คลิก
-ความสุขที่แท้จริง (อาจารย์วศิน อินทสระ) คลิก
ศึกษาเพิ่มเติม:
1. ฟังธรรม หลวงพ่อชา คลิก
2.เธอจงระวังความคิดของเธอ หลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง
คลิก 1 หรือ คลิก 2
3.อ่านตำราว่าด้วยความสุข (ภาษาอังกฤษ)
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1224] ดาวน์โหลดโปรแกรม 3D English Grammar
สวัสดีครับ
โปรแกรม Portable 3D English Grammar.exe (9.25 MB)
สามารถไปดาวน์โหลดได้ที่นี่ คลิก
เป็นโปรแกรมที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้ง หน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ คลิก
ช่วยการเรียนรู้และฝึกหัดเรื่องพื้นฐานของแกรมมาร์ 7 เรื่อง คือ
1.adjective
2.adverb
3.article
4.comparatives
5.complementation
5.conditional
6.connector
7.demonstrative
อ่านบางชื่อแล้วอาจจะงงว่ามันคือะไร แต่เมื่อเข้าไปเล่นแล้วก็จะสนุกและได้ฟื้นเรื่องพื้นฐานของแกรมมาร์ และเพราะว่ามันเป็นไฟล์โปรแกรมจึงสนุก เพราะคลิกปุ๊บรู้ผลปั๊บ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
โปรแกรม Portable 3D English Grammar.exe (9.25 MB)
สามารถไปดาวน์โหลดได้ที่นี่ คลิก
เป็นโปรแกรมที่ใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้ง หน้าตาเป็นอย่างนี้ครับ คลิก
ช่วยการเรียนรู้และฝึกหัดเรื่องพื้นฐานของแกรมมาร์ 7 เรื่อง คือ
1.adjective
2.adverb
3.article
4.comparatives
5.complementation
5.conditional
6.connector
7.demonstrative
อ่านบางชื่อแล้วอาจจะงงว่ามันคือะไร แต่เมื่อเข้าไปเล่นแล้วก็จะสนุกและได้ฟื้นเรื่องพื้นฐานของแกรมมาร์ และเพราะว่ามันเป็นไฟล์โปรแกรมจึงสนุก เพราะคลิกปุ๊บรู้ผลปั๊บ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1223] เว็บฝึกฟังติดอันดับโลก: esl-lab.com
สวัสดีครับ
เกณฑ์ง่าย ๆ ของผมในการคัดเลือกเว็บมาแนะนำท่านผู้อ่านก็คือ ควรจะเป็นเว็บที่ ฟรี & ดี – และ ถ้า “ดัง” ด้วยก็ยิ่งดี
ท่านผู้อ่านอาจจะถามว่า ทำไมต้องดังด้วย ฟรี & ดี ก็น่าจะพอแล้ว คำตอบง่าย ๆ ก็คือ
1.เรื่อง ฟรี – ข้อนี้ไม่มีปัญหาต้องโต้เถียง
2.เรื่อง ดี – ข้อนี้อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะดีนี่ผมตัดสินใจอยู่คนเดียว บางท่านอาจจะไม่ได้เห็นว่าดีด้วย แต่ถ้าผมเอาเรื่อง ดัง เข้ามาใช้ในการตัดสินใจคัดเลือกเว็บด้วย ก็แปลว่า เว็บนี้มีคนจำนวนมากเห็นว่า ดี (ไม่ใช่ผมคนเดียวเห็นว่า ดี) อาจจะทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้นว่าเว็บนี้ดีจริง ๆ มันคล้าย ๆ กับท่านขับรถไปต่างจังหวัดถึงเวลาเที่ยงจะแวะหาร้านเพื่อกินก๋วยเตี๋ยวสักชาม ถ้าย่านนั้นมีร้านก๋วยเตี๋ยวหลายร้ายอยู่ใกล้ ๆ กัน ร้านที่คนแน่นหรือมีรถจอดอยู่หน้าร้านเยอะก็น่าจะอร่อยกว่าร้านอื่น ตัวอย่างเปรียบเทียบนี้พอจะฟังขึ้นไหมครับ
แล้วผมเอาเครื่องมืออะไรมาวัดว่าเว็บนี้ดังหรือไม่ดัง?
ผมขอยกตัวอย่าง เว็บฝึก listening skill http://www.esl-lab.com/ ที่ผมนำเอามาแนะนำในวันนี้ เป็นเว็บดัง เพราะดูได้จาก
1.เมื่อไปที่ http://www.google.com/ ผมพิมพ์คำว่า listening ลงไป เว็บที่ Google โชว์เว็บแรก (ณ วันนี้ 24 ตค.52) ก็คือเว็บ esl-lab.com นี่แหละครับ ถ้าไม่มีคนทั่วโลกนิยมจริง ๆ จะไม่ได้รับการจัดอันดับเป็นเว็บแรกหรอกครับ (ท่านอาจจะทดลองเล่น ๆ โดยพิมพ์คำว่า อังกฤษฟรี ให้ Google หาดูก็ได้ครับ)
2.Google มีเครื่องมือที่เรียกว่า PageRank วัดความนิยมของเว็บหรือลิงค์ (ซึ่งคะแนนสูงสุดคือ 10) เมื่อผมให้ Google Check PageRank
ปรากฎว่า http://www.esl-lab.com/ ได้คะแนนถึง 7/10 นับว่าสูงมาก ๆ เลยครับ เพราะว่าหลายเว็บดีที่ผมคุ้นเคยก็ได้คะแนนแค่ 5 – 6
ที่เล่ามาตั้งแต่ต้นนี้ ถือว่าคุยกันเล่น ๆ ก็ได้ครับ เพราะอันที่จริงผมก็ใช้บริการ
เว็บ esl-lab.com มาตั้งแต่ก่อนที่จะรู้จักเครื่องมือ 2 ตัวข้างบน และถึงแม้ใครจะไม่เชียร์ว่าเว็บนี้ดี ผมก็ยังยืนยันที่จะเอามาแนะนำอยู่ดีแหละครับ
เอาละครับ เว็บ http://www.esl-lab.com/ เป็นเว็บดียังไงสำหรับการฝึก listening skill คำตอบก็คือ
1.มีเนื้อหามากและหลากหลาย ให้ท่านเลือกฝึกฟังตามใจชอบ แบ่งออกเป็น easy, medium และ difficult ใน 6 หัวข้อนี้ครับ
(1)General Listening Quizzes
(2) Basic Listening Quizzes
(3) Listening Quizzes for Academic Purposes
(4) 20-Minute ESL Vocabulary Lessons
(5) Language Learning and Life Tips
(6) Long Conversations with RealVideo
ในที่นี่ผมขอแนะนำเฉพาะข้อ (1) General Listening Quizzes
เมื่อเข้าไปแล้ว จะแบ่งเป็น easy, medium และ difficult ให้ท่านเลือกฝึก โดยแต่ละเรื่องจะแบ่งออกเป็น 4 ข้อ คือ
(1)Pre-Listening Exercises - อ่านคำอธิบาย และคำแนะนำก่อนฟัง
(2) Listening Exercises - ฟังและทำแบบฝึกหัด
(มีข้อสอบ multiple choice ให้ฝึกทำเพื่อทดสอบความเข้าใจในการฟัง และมีสคริปต์ให้ดูบทและอธิบายคำศัพท์ที่ควรรู้ - Quiz Script-)
(3) Vocabulary - ทำแบบฝึกหัด 4 ลักษณะ
-Mixed-Up Sentence
-Multiple-Choice and Short-Answer Questions
-Sentence and Vocabulary Matching
-Text Completion Quiz
(4) Post-Listening Exercises -ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกต่อเนื่องด้วยตัวเองหรืออาจารย์ที่จะนำกิจกรรมการฟังบทนี้ไปสอน
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้อาจจะดูแห้งแล้ง แต่ขอให้ท่านลองเข้าไปคลิกเล่นดูก่อนเถอะครับ ไม่แห้งแล้งหรอกครับ
อนึ่ง สำหรับบางท่านที่รู้สึกว่าฟังแทบไม่รู้เรื่องเลย ผมขอแนะนำง่าย ๆ อย่างนี้ครับ
1.ฟังระดับ Easy ก่อน
2.ใช้หูฟังช่วย จะได้ยินสำเนียงชัดขึ้น
3.ตั้งสมาธิให้มากขึ้น หลับตาฟังซะเลยก็ได้
4.อ่าน script และตีความให้เข้าใจกระจ่างก่อนฟัง แต่ขอให้แน่ใจว่า เมื่อฟังอีกครั้งหนึ่ง เราเข้าใจเพราะฟังเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเพราะอ่านเข้าใจและจำได้มาก่อนแล้ว
เชิญครับ: http://www.esl-lab.com/
ดาวน์โหลด ไฟล์ mp3: ไฟล์ละประมาณ 10 MB
จาก (1)General Listening Quizzes
Easy:
GLQ-Easy1.zip
GLQ-Easy2.zip
GLQ-Easy3.zip
GLQ-Easy4.zip
Medium:
GLQ-Medium1.zip
GLQ-Medium2.zip
GLQ-Medium3.zip
GLQ-Medium4.zip
GLQ-Medium5.zip
GLQ-Medium6.zip
GLQ-Medium7.zip
Difficult:
GLQ_Difficult1.zip
GLQ_Difficult2.zip
GLQ_Difficult3.zip
ตอนที่ค้างอยู่ รอหน่อยนะครับ
และถ้าท่านต้องการดาวน์โหลดไฟล์ mp3 อื่น ๆ จากเว็บ
เชิญอ่านคำแนะนำในการดาวน์โหลดไฟล์ mp3 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ คลิก
ศึกษาเพิ่มเติม:
[200] เว็บที่อ่านข่าวภาษาอังกฤษ... ช้า ๆ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เกณฑ์ง่าย ๆ ของผมในการคัดเลือกเว็บมาแนะนำท่านผู้อ่านก็คือ ควรจะเป็นเว็บที่ ฟรี & ดี – และ ถ้า “ดัง” ด้วยก็ยิ่งดี
ท่านผู้อ่านอาจจะถามว่า ทำไมต้องดังด้วย ฟรี & ดี ก็น่าจะพอแล้ว คำตอบง่าย ๆ ก็คือ
1.เรื่อง ฟรี – ข้อนี้ไม่มีปัญหาต้องโต้เถียง
2.เรื่อง ดี – ข้อนี้อาจจะมีปัญหาอยู่บ้าง เพราะดีนี่ผมตัดสินใจอยู่คนเดียว บางท่านอาจจะไม่ได้เห็นว่าดีด้วย แต่ถ้าผมเอาเรื่อง ดัง เข้ามาใช้ในการตัดสินใจคัดเลือกเว็บด้วย ก็แปลว่า เว็บนี้มีคนจำนวนมากเห็นว่า ดี (ไม่ใช่ผมคนเดียวเห็นว่า ดี) อาจจะทำให้น่าเชื่อถือมากขึ้นว่าเว็บนี้ดีจริง ๆ มันคล้าย ๆ กับท่านขับรถไปต่างจังหวัดถึงเวลาเที่ยงจะแวะหาร้านเพื่อกินก๋วยเตี๋ยวสักชาม ถ้าย่านนั้นมีร้านก๋วยเตี๋ยวหลายร้ายอยู่ใกล้ ๆ กัน ร้านที่คนแน่นหรือมีรถจอดอยู่หน้าร้านเยอะก็น่าจะอร่อยกว่าร้านอื่น ตัวอย่างเปรียบเทียบนี้พอจะฟังขึ้นไหมครับ
แล้วผมเอาเครื่องมืออะไรมาวัดว่าเว็บนี้ดังหรือไม่ดัง?
ผมขอยกตัวอย่าง เว็บฝึก listening skill http://www.esl-lab.com/ ที่ผมนำเอามาแนะนำในวันนี้ เป็นเว็บดัง เพราะดูได้จาก
1.เมื่อไปที่ http://www.google.com/ ผมพิมพ์คำว่า listening ลงไป เว็บที่ Google โชว์เว็บแรก (ณ วันนี้ 24 ตค.52) ก็คือเว็บ esl-lab.com นี่แหละครับ ถ้าไม่มีคนทั่วโลกนิยมจริง ๆ จะไม่ได้รับการจัดอันดับเป็นเว็บแรกหรอกครับ (ท่านอาจจะทดลองเล่น ๆ โดยพิมพ์คำว่า อังกฤษฟรี ให้ Google หาดูก็ได้ครับ)
2.Google มีเครื่องมือที่เรียกว่า PageRank วัดความนิยมของเว็บหรือลิงค์ (ซึ่งคะแนนสูงสุดคือ 10) เมื่อผมให้ Google Check PageRank
ปรากฎว่า http://www.esl-lab.com/ ได้คะแนนถึง 7/10 นับว่าสูงมาก ๆ เลยครับ เพราะว่าหลายเว็บดีที่ผมคุ้นเคยก็ได้คะแนนแค่ 5 – 6
ที่เล่ามาตั้งแต่ต้นนี้ ถือว่าคุยกันเล่น ๆ ก็ได้ครับ เพราะอันที่จริงผมก็ใช้บริการ
เว็บ esl-lab.com มาตั้งแต่ก่อนที่จะรู้จักเครื่องมือ 2 ตัวข้างบน และถึงแม้ใครจะไม่เชียร์ว่าเว็บนี้ดี ผมก็ยังยืนยันที่จะเอามาแนะนำอยู่ดีแหละครับ
เอาละครับ เว็บ http://www.esl-lab.com/ เป็นเว็บดียังไงสำหรับการฝึก listening skill คำตอบก็คือ
1.มีเนื้อหามากและหลากหลาย ให้ท่านเลือกฝึกฟังตามใจชอบ แบ่งออกเป็น easy, medium และ difficult ใน 6 หัวข้อนี้ครับ
(1)General Listening Quizzes
(2) Basic Listening Quizzes
(3) Listening Quizzes for Academic Purposes
(4) 20-Minute ESL Vocabulary Lessons
(5) Language Learning and Life Tips
(6) Long Conversations with RealVideo
ในที่นี่ผมขอแนะนำเฉพาะข้อ (1) General Listening Quizzes
เมื่อเข้าไปแล้ว จะแบ่งเป็น easy, medium และ difficult ให้ท่านเลือกฝึก โดยแต่ละเรื่องจะแบ่งออกเป็น 4 ข้อ คือ
(1)Pre-Listening Exercises - อ่านคำอธิบาย และคำแนะนำก่อนฟัง
(2) Listening Exercises - ฟังและทำแบบฝึกหัด
(มีข้อสอบ multiple choice ให้ฝึกทำเพื่อทดสอบความเข้าใจในการฟัง และมีสคริปต์ให้ดูบทและอธิบายคำศัพท์ที่ควรรู้ - Quiz Script-)
(3) Vocabulary - ทำแบบฝึกหัด 4 ลักษณะ
-Mixed-Up Sentence
-Multiple-Choice and Short-Answer Questions
-Sentence and Vocabulary Matching
-Text Completion Quiz
(4) Post-Listening Exercises -ให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการฝึกต่อเนื่องด้วยตัวเองหรืออาจารย์ที่จะนำกิจกรรมการฟังบทนี้ไปสอน
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้อาจจะดูแห้งแล้ง แต่ขอให้ท่านลองเข้าไปคลิกเล่นดูก่อนเถอะครับ ไม่แห้งแล้งหรอกครับ
อนึ่ง สำหรับบางท่านที่รู้สึกว่าฟังแทบไม่รู้เรื่องเลย ผมขอแนะนำง่าย ๆ อย่างนี้ครับ
1.ฟังระดับ Easy ก่อน
2.ใช้หูฟังช่วย จะได้ยินสำเนียงชัดขึ้น
3.ตั้งสมาธิให้มากขึ้น หลับตาฟังซะเลยก็ได้
4.อ่าน script และตีความให้เข้าใจกระจ่างก่อนฟัง แต่ขอให้แน่ใจว่า เมื่อฟังอีกครั้งหนึ่ง เราเข้าใจเพราะฟังเข้าใจ ไม่ใช่เข้าใจเพราะอ่านเข้าใจและจำได้มาก่อนแล้ว
เชิญครับ: http://www.esl-lab.com/
ดาวน์โหลด ไฟล์ mp3: ไฟล์ละประมาณ 10 MB
จาก (1)General Listening Quizzes
Easy:
GLQ-Easy1.zip
GLQ-Easy2.zip
GLQ-Easy3.zip
GLQ-Easy4.zip
Medium:
GLQ-Medium1.zip
GLQ-Medium2.zip
GLQ-Medium3.zip
GLQ-Medium4.zip
GLQ-Medium5.zip
GLQ-Medium6.zip
GLQ-Medium7.zip
Difficult:
GLQ_Difficult1.zip
GLQ_Difficult2.zip
GLQ_Difficult3.zip
ตอนที่ค้างอยู่ รอหน่อยนะครับ
และถ้าท่านต้องการดาวน์โหลดไฟล์ mp3 อื่น ๆ จากเว็บ
เชิญอ่านคำแนะนำในการดาวน์โหลดไฟล์ mp3 ได้ที่ลิงค์นี้ครับ คลิก
ศึกษาเพิ่มเติม:
[200] เว็บที่อ่านข่าวภาษาอังกฤษ... ช้า ๆ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1222] แนะวิธีเข้าขุมทรัพท์ 4shared.com อีกครั้ง
สวัสดีครับ
ที่ 2 ลิงค์นี้
[281]ดาวน์โหลดหนังสือดี & ฟรี ที่เพิ่งวางตลาด
[1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
ผมได้แนะนำ 2 เว็บยักษ์ใหญ่ที่มีหนังสือ และ software เพื่อศึกษาภาษาอังกฤษจำนวนมหาศาลให้ท่านดาวน์โหลด
และในหลายเว็บที่ผมแนะนำไว้ใน 2 ลิงค์นั้น เว็บที่ใช้ง่ายที่สุดก็คือ 4shared.com เพราะ มีหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเยอะจริง ๆ ดาวน์โหลดง่าย ไม่ต้องลงทะเบียน ไม่ต้องใส่ password ตอนแตกไฟล์ zip ฯลฯ สะดวกจริง ๆ ครับ
ผมเคยแนะนำวิธีใช้ 4shared.com ไว้บ้างแล้วที่ลิงค์นี้
[1159] เข้าชมขุมทรัพย์หนังสือฟรี- อีกครั้ง
วันนี้ขอแนะนำอีก 1 วิธีครับ ก็คือว่า
1.เมื่อคลิกเข้าไปที่หน้า Search ของเว็บ http://search.4shared.com/network/search.jsp แล้ว ให้คลิกที่ แสดงตัวเลือกการค้นหา >>
2.จุดที่ผมขอชวนให้ท่านสนใจเป็นพิเศษ คือ Type of a file: เพราะเราสามารถกำหนดชนิดของไฟล์ที่เราต้องการค้นหา โดยหนังสือส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปไฟล์ pdf เพราะฉะนั้น หากพิมพ์คำที่เราคิดว่าน่าจะเป็นชื่อของหนังสือลงในช่อง ชื่อแฟ้ม และเลือก pdf ในช่อง Type of a file: เราก็จะได้หนังสือมากมายตรงตามที่เราต้องการ ไม่ต้องไปเสียเวลาไล่ดูไฟล์อื่น ๆ
ข้างล่างนี้ ผมทดลองค้นหาหนังสือประเภทต่าง ๆ ที่เป็นไฟล์ pdf ท่านลองคลิกเข้าไปดูได้เลยครับ
[1] dictionary
[2] grammar
[3] TOEFL
[4] Vocabulary
[5] TOEIC
[6] English conversation
[7] English speaking
[8] reading comprehension
[9] English test
[10] English writing
[11] story
[12] picture dictionary
[13] Penguin readers
[14] idioms
[15] Cambridge
[16] Oxford
[17] Longman
[18] COBUILD
[19] Webster
[20] how-to
[21] phrasal verbs
[22] basic English
[23] Easy English
[24] fun English
[25] "English for"
[26] "vocabulary for"
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ที่ 2 ลิงค์นี้
[281]ดาวน์โหลดหนังสือดี & ฟรี ที่เพิ่งวางตลาด
[1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
ผมได้แนะนำ 2 เว็บยักษ์ใหญ่ที่มีหนังสือ และ software เพื่อศึกษาภาษาอังกฤษจำนวนมหาศาลให้ท่านดาวน์โหลด
และในหลายเว็บที่ผมแนะนำไว้ใน 2 ลิงค์นั้น เว็บที่ใช้ง่ายที่สุดก็คือ 4shared.com เพราะ มีหนังสือเรียนภาษาอังกฤษเยอะจริง ๆ ดาวน์โหลดง่าย ไม่ต้องลงทะเบียน ไม่ต้องใส่ password ตอนแตกไฟล์ zip ฯลฯ สะดวกจริง ๆ ครับ
ผมเคยแนะนำวิธีใช้ 4shared.com ไว้บ้างแล้วที่ลิงค์นี้
[1159] เข้าชมขุมทรัพย์หนังสือฟรี- อีกครั้ง
วันนี้ขอแนะนำอีก 1 วิธีครับ ก็คือว่า
1.เมื่อคลิกเข้าไปที่หน้า Search ของเว็บ http://search.4shared.com/network/search.jsp แล้ว ให้คลิกที่ แสดงตัวเลือกการค้นหา >>
2.จุดที่ผมขอชวนให้ท่านสนใจเป็นพิเศษ คือ Type of a file: เพราะเราสามารถกำหนดชนิดของไฟล์ที่เราต้องการค้นหา โดยหนังสือส่วนใหญ่มักจะอยู่ในรูปไฟล์ pdf เพราะฉะนั้น หากพิมพ์คำที่เราคิดว่าน่าจะเป็นชื่อของหนังสือลงในช่อง ชื่อแฟ้ม และเลือก pdf ในช่อง Type of a file: เราก็จะได้หนังสือมากมายตรงตามที่เราต้องการ ไม่ต้องไปเสียเวลาไล่ดูไฟล์อื่น ๆ
ข้างล่างนี้ ผมทดลองค้นหาหนังสือประเภทต่าง ๆ ที่เป็นไฟล์ pdf ท่านลองคลิกเข้าไปดูได้เลยครับ
[1] dictionary
[2] grammar
[3] TOEFL
[4] Vocabulary
[5] TOEIC
[6] English conversation
[7] English speaking
[8] reading comprehension
[9] English test
[10] English writing
[11] story
[12] picture dictionary
[13] Penguin readers
[14] idioms
[15] Cambridge
[16] Oxford
[17] Longman
[18] COBUILD
[19] Webster
[20] how-to
[21] phrasal verbs
[22] basic English
[23] Easy English
[24] fun English
[25] "English for"
[26] "vocabulary for"
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1221] ฝึกอ่านข่าวกับ Oxford
สวัสดีครับ
วัตถุที่เราสามารถใช้เพื่อการฝึกภาษาอังกฤษนั้นมีหลายอย่าง แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่าน่าจะใช้ได้กับแทบทุกคนก็คือ “ข่าว” ทั้งนี้ก็เพราะว่า
-ข่าวให้ข้อมูลและความรู้ที่น่าสนใจหรือคนทั่วไปควรรู้ควรติดตาม
-ข่าวเปลี่ยนปลงอยู่เสมอ ไม่ซ้ำซาก
-ข่าวมีให้ฝึกทุกทักษะ คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน
-ข่าวใช้ศัพท์ สำนวน ร่วมสมัย ทันสมัย
วันนี้ผมขอแนะนำเว็บชองสำนักพิมพ์ Oxford ที่ช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษผ่านการอ่านข่าว ที่ลิงค์นี้ครับ Newsreader
ในข่าวแต่ละชิ้นที่เขาให้เราอ่านศึกษา ตอนจบจะมี Vocabulary Work ให้ศึกษา ดังนี้
Exercise 1: Find the word
Exercise 2: Deducing words from context
Exercise 3: Dictionary work
และมีเฉลย: answers to the exercises
น่าสนใจมากครับ
ศึกษาเพิ่มเติม:
[131] เรียน ภาษาอังกฤษ กับดิกดังระดับโลก
[39] เรียนภาษาจากหนังสือพิมพ์
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วัตถุที่เราสามารถใช้เพื่อการฝึกภาษาอังกฤษนั้นมีหลายอย่าง แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่ผมเห็นว่าน่าจะใช้ได้กับแทบทุกคนก็คือ “ข่าว” ทั้งนี้ก็เพราะว่า
-ข่าวให้ข้อมูลและความรู้ที่น่าสนใจหรือคนทั่วไปควรรู้ควรติดตาม
-ข่าวเปลี่ยนปลงอยู่เสมอ ไม่ซ้ำซาก
-ข่าวมีให้ฝึกทุกทักษะ คือ ฟัง – พูด – อ่าน – เขียน
-ข่าวใช้ศัพท์ สำนวน ร่วมสมัย ทันสมัย
วันนี้ผมขอแนะนำเว็บชองสำนักพิมพ์ Oxford ที่ช่วยพัฒนาภาษาอังกฤษผ่านการอ่านข่าว ที่ลิงค์นี้ครับ Newsreader
ในข่าวแต่ละชิ้นที่เขาให้เราอ่านศึกษา ตอนจบจะมี Vocabulary Work ให้ศึกษา ดังนี้
Exercise 1: Find the word
Exercise 2: Deducing words from context
Exercise 3: Dictionary work
และมีเฉลย: answers to the exercises
น่าสนใจมากครับ
ศึกษาเพิ่มเติม:
[131] เรียน ภาษาอังกฤษ กับดิกดังระดับโลก
[39] เรียนภาษาจากหนังสือพิมพ์
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1220]วิธีหาวีดิโอ YouTube ที่มี subtitle ภ.อังกฤษ
สวัสดีครับ
ทุกท่านทราบดีแล้วว่า YouTube http://www.youtube.com/ เป็นเว็บที่ให้เราเข้าไปชมวีดิโอ online หรือ download [หรือ upload ]ได้อย่างสะดวกสบาย มีวีดิโอให้เลือกชมมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่ต้องการใช้วีดิโอเป็นสื่อการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ผิดหวังแน่
อย่างไรก็ตาม ผมเองรู้สึกว่า หลายเรื่องผมฟังไม่รู้เรื่อง เพราะสำเนียงไม่คุ้นหู ถ้ามี subtitle เป็นภาษาอังกฤษบนจอก็คงจะช่วยได้มาก เพราะจะได้ดูไปอ่านไป ฟังเสียงผ่านหู – ดูภาพผ่านตา – อ่านภาษาพร้อมกันไป เรื่องยากก็คงจะง่ายขึ้นเยอะ
ผมเลยพยายามหาวีดิโอ YouTube ที่มี subtitle ภาษาอังกฤษให้อ่านพร้อมกันไป หามาหลายวันครับ วันนี้เพิ่งเจอ คราวนี้สบายเลยครับ เพราะว่ามีหลายคลิปวีดิโอของ YouTube ซี่งมี Subtitle ภาษาอังกฤษ
ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าเผื่อบางคนจะอยู่ในสภาพเดียวกับผม ก็จะได้ใช้ “ตัวช่วย” นี้เช่นกัน
วิธีหา:
[1].ไปที่หน้า Advanced Search ของ YouTube
เมื่อเข้าไปแล้ว ให้คลิกที่ Advanced Options ที่อยู่เยื้องไปทางมุมบนขวาของหน้า
[2].ให้กำหนดสิ่งที่ท่านต้องการจะค้น ที่ใต้ 4 บรรทัดนี้
-Find results that have:
เช่นพิมพ์คำว่า esl, grammar, basic English เป็นต้น
-Show these types of results:
ลองเลือก Channels หรือ Playlists ก็ได้ครับ
-Refine your search by:
-อย่าลืมเลือกช่อง Language (English) และ Category
- Show only videos with these features:
ตรงนี้แหละครับที่สำคัญที่สุด ถ้าต้องการให้วีดิโอที่ค้นหามี subtitle ภาษาอังกฤษ, ให้เลือก Closed Captions
[3].เสร็จแล้วคลิก Search ที่มุมล่างซ้ายของหน้า
[4].YouTube ก็จะแสดงเฉพาะวีดิโอซึ่งมี subtitleภาษาอังกฤษบนหน้าจอ
ผมเชื่อว่าวันนี้ท่านจะได้วีดิโอที่ท่านชอบใจเอาไว้ศึกษาภาษาอังกฤษ ชนิดได้ ฟังเสียงผ่านหู – ดูภาพผ่านตา – อ่านภาษาพร้อมกันไป ซึ่งจะช่วยให้การศึกษาภาษาอังกฤษสนุก – ง่าย – ได้ผล อย่างที่ท่านตั้งใจครับ
ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง ผลการ Search ตามวิธีที่ผมแนะนำข้างบนครับ
[1]English as a Second Language (ESL) มี subtitles ประกอบ คลิก
[2]English conversation มี subtitles ประกอบ คลิก
[3]วีดิโอเกี่ยวกับ Thailand ที่มี subtitles ภาษาอังกฤษ คลิก
[4]English as a Second Language (ESL) Channels คลิก
[5] English as a Second Language (ESL) Playlists คลิก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ทุกท่านทราบดีแล้วว่า YouTube http://www.youtube.com/ เป็นเว็บที่ให้เราเข้าไปชมวีดิโอ online หรือ download [หรือ upload ]ได้อย่างสะดวกสบาย มีวีดิโอให้เลือกชมมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่ต้องการใช้วีดิโอเป็นสื่อการเรียนภาษาอังกฤษ ไม่ผิดหวังแน่
อย่างไรก็ตาม ผมเองรู้สึกว่า หลายเรื่องผมฟังไม่รู้เรื่อง เพราะสำเนียงไม่คุ้นหู ถ้ามี subtitle เป็นภาษาอังกฤษบนจอก็คงจะช่วยได้มาก เพราะจะได้ดูไปอ่านไป ฟังเสียงผ่านหู – ดูภาพผ่านตา – อ่านภาษาพร้อมกันไป เรื่องยากก็คงจะง่ายขึ้นเยอะ
ผมเลยพยายามหาวีดิโอ YouTube ที่มี subtitle ภาษาอังกฤษให้อ่านพร้อมกันไป หามาหลายวันครับ วันนี้เพิ่งเจอ คราวนี้สบายเลยครับ เพราะว่ามีหลายคลิปวีดิโอของ YouTube ซี่งมี Subtitle ภาษาอังกฤษ
ผมเอาเรื่องนี้มาเล่าเผื่อบางคนจะอยู่ในสภาพเดียวกับผม ก็จะได้ใช้ “ตัวช่วย” นี้เช่นกัน
วิธีหา:
[1].ไปที่หน้า Advanced Search ของ YouTube
เมื่อเข้าไปแล้ว ให้คลิกที่ Advanced Options ที่อยู่เยื้องไปทางมุมบนขวาของหน้า
[2].ให้กำหนดสิ่งที่ท่านต้องการจะค้น ที่ใต้ 4 บรรทัดนี้
-Find results that have:
เช่นพิมพ์คำว่า esl, grammar, basic English เป็นต้น
-Show these types of results:
ลองเลือก Channels หรือ Playlists ก็ได้ครับ
-Refine your search by:
-อย่าลืมเลือกช่อง Language (English) และ Category
- Show only videos with these features:
ตรงนี้แหละครับที่สำคัญที่สุด ถ้าต้องการให้วีดิโอที่ค้นหามี subtitle ภาษาอังกฤษ, ให้เลือก Closed Captions
[3].เสร็จแล้วคลิก Search ที่มุมล่างซ้ายของหน้า
[4].YouTube ก็จะแสดงเฉพาะวีดิโอซึ่งมี subtitleภาษาอังกฤษบนหน้าจอ
ผมเชื่อว่าวันนี้ท่านจะได้วีดิโอที่ท่านชอบใจเอาไว้ศึกษาภาษาอังกฤษ ชนิดได้ ฟังเสียงผ่านหู – ดูภาพผ่านตา – อ่านภาษาพร้อมกันไป ซึ่งจะช่วยให้การศึกษาภาษาอังกฤษสนุก – ง่าย – ได้ผล อย่างที่ท่านตั้งใจครับ
ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง ผลการ Search ตามวิธีที่ผมแนะนำข้างบนครับ
[1]English as a Second Language (ESL) มี subtitles ประกอบ คลิก
[2]English conversation มี subtitles ประกอบ คลิก
[3]วีดิโอเกี่ยวกับ Thailand ที่มี subtitles ภาษาอังกฤษ คลิก
[4]English as a Second Language (ESL) Channels คลิก
[5] English as a Second Language (ESL) Playlists คลิก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1219] ฝึกพูดด้วยการฝึกถาม !
สวัสดีครับ
ท่านผู้อ่านเคยสังเกตไหมครับ ในกลุ่มคนที่สนทนากันจะมีบางคนที่พูดเก่งกว่าคนอื่น คุณสมบัติที่ทำให้คน ๆ หนึ่งพูดเก่งนั้นมีมากมาย แต่สิ่ง ๆ หนึ่งที่คน ๆ นั้นมักจะมีคือ เขามีเรื่องจำนวนมากที่จะพูด จึงพูดได้มาก ถ้าใครไม่ชอบก็อาจจะบอกว่าเขาเป็นคนพูดมาก แต่ถ้าใครชอบก็บอกว่าเขาเป็นคนพูดเก่ง
ผมมีความเห็นส่วนตัวอยู่อย่างหนึ่ง บางท่านอาจจะไม่เห็นด้วย คือ คนที่พูดเก่ง หรือพูดมาก หรือช่างพูด เขามักจะ (1) จำเรื่องไว้ได้มาก (2)ดึงเรื่องที่จำออกมาพูดได้เหมาะกับเวลา (3)มีสำนวนโวหารและสไตล์การพูดที่พูดแล้วดึงดูดคนฟัง และยิ่งพูดมากยิ่งชำนาญ และคนพูดภาษาไทยเก่ง หากเขาใส่ใจที่จะพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง เขาก็จะพูดเก่งได้โดยไม่ยากนัก
หลายท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ อาจจะเถียงว่า “ไม่จริง” พูดภาษาไทยไม่เหมือนภาษาอังกฤษ เพราะภาษาไทยนั้นยากนิดเดียว แต่ภาษาอังกฤษเป็นอย่างที่คุณแอนดรูว์ บิกส์ว่าไว้ คือ “ง่ายนิดเดียว” แต่ยากเยอะ จึงพูดไม่ค่อยได้ เรื่องนี้ผมไม่ขอเถียงท่านหรอกครับ แต่ก็ยังยืนยันที่พูดไว้ข้างบน คือ “คนที่พูดภาษาไทยเก่ง หากเขาใส่ใจที่จะพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง เขาก็จะพูดเก่งได้โดยไม่ยากนัก”
แต่...
เราอาจจะพูด "เก่ง" โดยไม่ต้องพูดมาก ท่านเคยเห็นไหมครับ ในกลุ่มคนที่คุยกันอาจจะมีบางคนที่พูดไม่มากนัก แต่เขาสามารถโยนคำถามให้คนอื่นพูดตามหรือพูดต่อหรือพูดตอบ และทำให้การพูดคุยดำเนินไปได้ และบางครั้งเขานั่นแหละสามารถจูงการพูดคุยของกลุ่มด้วยคำถามสั้น ๆ ไม่กี่คำถามที่เขาหยอดลงไปเป็นระยะ ๆ
ขอย้อนมาถึงภาษาอังกฤษบ้าง ในการฝึกสนทนาหรือ conversation ผมว่าถ้าเราเป็นได้ทั้ง 2 สิ่งก็คงจะเยี่ยมมาก คือ (1)เป็นผู้ฟังที่ดี และ (2)เป็นผู้พูดที่ดี ซึ่งหมายถึงเป็นทั้งผู้เล่า ผู้ตอบ และผู้ถาม
เว็บข้างล่างนี้ มีให้ท่านฝึก conversation โดยเน้นที่การถาม บางคำถามตอบง่าย บางคำถามตอบยาก และก็มีบางคำถามที่อาจจะตอบไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกคำถามช่วยพัฒนา speaking skill และช่วยพัฒนาให้สมอง active ด้วยครับ เพราะในขณะที่เราถามให้คนอื่นตอบ สมองของเราก็คงคิดถึงคำตอบด้วยเหมือนกัน
เชิญคลิกเข้าไปในเว็บข้างล่างนี้ เพื่อ “ฝึกพูดด้วยการฝึกถาม” ได้เลยครับ
[1] http://www.esldiscussions.com/
[2] Conversation Questions for the ESL/EFL Classroom (I-TESL-J)
[3] ESL Conversation Questions and Topics
[4] conversation questions
[5] conversation topics
[6] การตั้งคำถามโดยใช้ 8 W และ 1 H
{ขอขอบคุณคุณพิทยากรอย่างมากครับที่แนะนำเว็บและไอเดียสำหรับเขียนเรื่องวันนี้ }
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ท่านผู้อ่านเคยสังเกตไหมครับ ในกลุ่มคนที่สนทนากันจะมีบางคนที่พูดเก่งกว่าคนอื่น คุณสมบัติที่ทำให้คน ๆ หนึ่งพูดเก่งนั้นมีมากมาย แต่สิ่ง ๆ หนึ่งที่คน ๆ นั้นมักจะมีคือ เขามีเรื่องจำนวนมากที่จะพูด จึงพูดได้มาก ถ้าใครไม่ชอบก็อาจจะบอกว่าเขาเป็นคนพูดมาก แต่ถ้าใครชอบก็บอกว่าเขาเป็นคนพูดเก่ง
ผมมีความเห็นส่วนตัวอยู่อย่างหนึ่ง บางท่านอาจจะไม่เห็นด้วย คือ คนที่พูดเก่ง หรือพูดมาก หรือช่างพูด เขามักจะ (1) จำเรื่องไว้ได้มาก (2)ดึงเรื่องที่จำออกมาพูดได้เหมาะกับเวลา (3)มีสำนวนโวหารและสไตล์การพูดที่พูดแล้วดึงดูดคนฟัง และยิ่งพูดมากยิ่งชำนาญ และคนพูดภาษาไทยเก่ง หากเขาใส่ใจที่จะพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง เขาก็จะพูดเก่งได้โดยไม่ยากนัก
หลายท่านที่อ่านมาถึงบรรทัดนี้ อาจจะเถียงว่า “ไม่จริง” พูดภาษาไทยไม่เหมือนภาษาอังกฤษ เพราะภาษาไทยนั้นยากนิดเดียว แต่ภาษาอังกฤษเป็นอย่างที่คุณแอนดรูว์ บิกส์ว่าไว้ คือ “ง่ายนิดเดียว” แต่ยากเยอะ จึงพูดไม่ค่อยได้ เรื่องนี้ผมไม่ขอเถียงท่านหรอกครับ แต่ก็ยังยืนยันที่พูดไว้ข้างบน คือ “คนที่พูดภาษาไทยเก่ง หากเขาใส่ใจที่จะพูดภาษาอังกฤษให้เก่ง เขาก็จะพูดเก่งได้โดยไม่ยากนัก”
แต่...
เราอาจจะพูด "เก่ง" โดยไม่ต้องพูดมาก ท่านเคยเห็นไหมครับ ในกลุ่มคนที่คุยกันอาจจะมีบางคนที่พูดไม่มากนัก แต่เขาสามารถโยนคำถามให้คนอื่นพูดตามหรือพูดต่อหรือพูดตอบ และทำให้การพูดคุยดำเนินไปได้ และบางครั้งเขานั่นแหละสามารถจูงการพูดคุยของกลุ่มด้วยคำถามสั้น ๆ ไม่กี่คำถามที่เขาหยอดลงไปเป็นระยะ ๆ
ขอย้อนมาถึงภาษาอังกฤษบ้าง ในการฝึกสนทนาหรือ conversation ผมว่าถ้าเราเป็นได้ทั้ง 2 สิ่งก็คงจะเยี่ยมมาก คือ (1)เป็นผู้ฟังที่ดี และ (2)เป็นผู้พูดที่ดี ซึ่งหมายถึงเป็นทั้งผู้เล่า ผู้ตอบ และผู้ถาม
เว็บข้างล่างนี้ มีให้ท่านฝึก conversation โดยเน้นที่การถาม บางคำถามตอบง่าย บางคำถามตอบยาก และก็มีบางคำถามที่อาจจะตอบไม่ได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ทุกคำถามช่วยพัฒนา speaking skill และช่วยพัฒนาให้สมอง active ด้วยครับ เพราะในขณะที่เราถามให้คนอื่นตอบ สมองของเราก็คงคิดถึงคำตอบด้วยเหมือนกัน
เชิญคลิกเข้าไปในเว็บข้างล่างนี้ เพื่อ “ฝึกพูดด้วยการฝึกถาม” ได้เลยครับ
[1] http://www.esldiscussions.com/
[2] Conversation Questions for the ESL/EFL Classroom (I-TESL-J)
[3] ESL Conversation Questions and Topics
[4] conversation questions
[5] conversation topics
[6] การตั้งคำถามโดยใช้ 8 W และ 1 H
{ขอขอบคุณคุณพิทยากรอย่างมากครับที่แนะนำเว็บและไอเดียสำหรับเขียนเรื่องวันนี้ }
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1218] พูดภาษาอังกฤษให้คล่องต้องทำตาม 7 ข้อนี้
21 มีนาคม 2554
ถ้าต้องการดาวน์โหลดไฟล์เพิ่มเติม ไปที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.mp3raid.com/music/storytelling_aj_hoge.html
http://www.bomb-mp3.com/index.php?search=aj+hoge+storytelling
http://download.duck.fm/AJ+Hoge/Effortless+English/Storytelling-download-mp3
http://www.power-english.net/free-download
http://www.uploadcity.com/?q=free+download+course+aj+hoge+effortless+english
http://tinyurl.com/4qgfxtz
* * * * *
สวัสดีครับ
ผมไปพบ 2 เว็บนี้
http://effortlessenglishclub.com/
http://freeenglish2home.blogspot.com/search/label/Effortless%20english
มีฝรั่งที่เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ชื่อ A.J Hoge เขาแนะนำ 7 วิธีในการพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง (แต่ทว่าเขาตั้งชื่อเรื่องของเขาว่า The 7 Rules For Excellent English) เขามีวีดิโอให้ฟัง ซึ่งผมก็ฟังจนจบแล้วและก็ต้องยอมรับว่า วิธีที่เขาแนะนำเป็นวิธีที่ดีทีเดียว ใครฝึกหัดตามต้องได้ผลแน่ ๆ
ผมได้ให้ลิงค์ที่ท่านสามารถคลิกชมวีดิโอ online และดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอเพื่อเก็บไว้ฟังในอนาคต หรือถ้าเป็นท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษก็สามารถดาวน์โหลดเอาไปเป็นสื่อการสอนได้
ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เรียนหรือผู้สอนภาษาอังกฤษ ผมอยากชวนท่านให้ฟังวีดิโอทั้ง 7 ตอนนี้ให้ตลอด ผมเชื่อว่าท่านจะได้รับฟังคำแนะนำที่ดีมาก ๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษของตัวท่านเอง หรือเป็นแนวทางที่จะนำไปสอนลูกศิษย์ก็ได้
เชิญครับ...
RULE 1: Study Phrases, Not Individual Wordsคลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=qs5vBuvsYU4
http://effortlessenglishclub.com/effortless-english-rule-1
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 2: Don’t Study Grammarคลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=I2dOMwTw2-g
http://effortlessenglishclub.com/effortless-english-rule-2
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 3: The Most Important Rule- Listen First
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=qVytE24xNQ8
http://effortlessenglishclub.com/effortless-english-rule-3
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 4: Slow, Deep Learning Is Best
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=y5C6n9FSZSk
http://effortlessenglishclub.com/effortless-english-rule-4
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 5: Use Point Of View Mini-Stories
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=oUCq7cqQnRo
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 6: Only Use Real English Lessons & Materials
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=A5AK3ZDg34E
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 7: Listen and Answer, not Listen and Repeat
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=jtyj9zL38Bs
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
-คลิกดาวน์โหลดหนังสือ Powerful_English_Speaking
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์ mp3 The_Key
และก็เป็นธรรมดาครับที่เว็บทำนองนี้จะมีบริการการสอนภาษาให้ท่านพิจารณาซื้อ ถ้าท่านยังไม่ต้องการจ่ายเงินก็ไม่ต้องไปคลิกปุ่มพวกนั้นให้เสียเวลาครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ถ้าต้องการดาวน์โหลดไฟล์เพิ่มเติม ไปที่ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
http://www.mp3raid.com/music/storytelling_aj_hoge.html
http://www.bomb-mp3.com/index.php?search=aj+hoge+storytelling
http://download.duck.fm/AJ+Hoge/Effortless+English/Storytelling-download-mp3
http://www.power-english.net/free-download
http://www.uploadcity.com/?q=free+download+course+aj+hoge+effortless+english
http://tinyurl.com/4qgfxtz
* * * * *
สวัสดีครับ
ผมไปพบ 2 เว็บนี้
http://effortlessenglishclub.com/
http://freeenglish2home.blogspot.com/search/label/Effortless%20english
มีฝรั่งที่เป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ชื่อ A.J Hoge เขาแนะนำ 7 วิธีในการพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง (แต่ทว่าเขาตั้งชื่อเรื่องของเขาว่า The 7 Rules For Excellent English) เขามีวีดิโอให้ฟัง ซึ่งผมก็ฟังจนจบแล้วและก็ต้องยอมรับว่า วิธีที่เขาแนะนำเป็นวิธีที่ดีทีเดียว ใครฝึกหัดตามต้องได้ผลแน่ ๆ
ผมได้ให้ลิงค์ที่ท่านสามารถคลิกชมวีดิโอ online และดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอเพื่อเก็บไว้ฟังในอนาคต หรือถ้าเป็นท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษก็สามารถดาวน์โหลดเอาไปเป็นสื่อการสอนได้
ไม่ว่าท่านจะเป็นผู้เรียนหรือผู้สอนภาษาอังกฤษ ผมอยากชวนท่านให้ฟังวีดิโอทั้ง 7 ตอนนี้ให้ตลอด ผมเชื่อว่าท่านจะได้รับฟังคำแนะนำที่ดีมาก ๆ ในการฝึกภาษาอังกฤษของตัวท่านเอง หรือเป็นแนวทางที่จะนำไปสอนลูกศิษย์ก็ได้
เชิญครับ...
RULE 1: Study Phrases, Not Individual Wordsคลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=qs5vBuvsYU4
http://effortlessenglishclub.com/effortless-english-rule-1
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 2: Don’t Study Grammarคลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=I2dOMwTw2-g
http://effortlessenglishclub.com/effortless-english-rule-2
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 3: The Most Important Rule- Listen First
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=qVytE24xNQ8
http://effortlessenglishclub.com/effortless-english-rule-3
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 4: Slow, Deep Learning Is Best
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=y5C6n9FSZSk
http://effortlessenglishclub.com/effortless-english-rule-4
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 5: Use Point Of View Mini-Stories
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=oUCq7cqQnRo
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 6: Only Use Real English Lessons & Materials
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=A5AK3ZDg34E
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
RULE 7: Listen and Answer, not Listen and Repeat
คลิกชมวีดิโอ:
http://www.youtube.com/watch?v=jtyj9zL38Bs
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์วีดิโอ:
-คลิกดาวน์โหลดหนังสือ Powerful_English_Speaking
-คลิกดาวน์โหลดไฟล์ mp3 The_Key
และก็เป็นธรรมดาครับที่เว็บทำนองนี้จะมีบริการการสอนภาษาให้ท่านพิจารณาซื้อ ถ้าท่านยังไม่ต้องการจ่ายเงินก็ไม่ต้องไปคลิกปุ่มพวกนั้นให้เสียเวลาครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1217] มหัศจรรย์อินเดีย
สวัสดีครับ
เพื่อนของผมคนหนึ่งส่งไฟล์ PowerPoint ชื่อ India มาให้ ผมดูแล้วหัวเราะจนท้องแข็ง เลยเอามาฝากครับ คลิก
http://www.mediafire.com/?nzyzzmojm4k
ก่อนหน้านี้เพื่อนคนนี้ก็ส่งไฟล์ PowerPoint ถ้ำอชัญตะที่อินเดียมาให้ สวยมากครับ ผมเองไปอินเดียมา 4 ครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ไปที่ถ้ำนี้เลย ก็ตั้งใจว่าถ้าว่างเมื่อไรก็จะไปทันที ยิ่งได้ดูถ้ำอชัญตะที่เพื่อนส่งมาให้ยิ่งอยากไปมากขึ้น ขอเอามาฝากเช่นกันครับ
http://www.mediafire.com/?tznwnth22my
อันที่จริงอินเดียนี่เป็นดินแดนที่น่าพิศวงมากนะครับ ผมไปแล้วหลายครั้งก็ยังอยากจะไปอีก การไปเที่ยวแบบที่ผมไปนี่ถูกมากครับ แบกเป้สะพายหลัง พักโรงแรมถูก ๆ กินอาหารไม่เลือกมาก ใช้ตังค์น้อยมาก แต่ถ้าไปกับทัวร์ก็สบายดีแต่เสียเงินมากกว่าเที่ยวแบบซำเหมาที่ผมไป
ใน YouTube มีวีดิโอเที่ยวอินดีย ให้ดูมากมายครับ คลิก India
แถม:Road Signs อารมณ์ขัน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เพื่อนของผมคนหนึ่งส่งไฟล์ PowerPoint ชื่อ India มาให้ ผมดูแล้วหัวเราะจนท้องแข็ง เลยเอามาฝากครับ คลิก
http://www.mediafire.com/?nzyzzmojm4k
ก่อนหน้านี้เพื่อนคนนี้ก็ส่งไฟล์ PowerPoint ถ้ำอชัญตะที่อินเดียมาให้ สวยมากครับ ผมเองไปอินเดียมา 4 ครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ไปที่ถ้ำนี้เลย ก็ตั้งใจว่าถ้าว่างเมื่อไรก็จะไปทันที ยิ่งได้ดูถ้ำอชัญตะที่เพื่อนส่งมาให้ยิ่งอยากไปมากขึ้น ขอเอามาฝากเช่นกันครับ
http://www.mediafire.com/?tznwnth22my
อันที่จริงอินเดียนี่เป็นดินแดนที่น่าพิศวงมากนะครับ ผมไปแล้วหลายครั้งก็ยังอยากจะไปอีก การไปเที่ยวแบบที่ผมไปนี่ถูกมากครับ แบกเป้สะพายหลัง พักโรงแรมถูก ๆ กินอาหารไม่เลือกมาก ใช้ตังค์น้อยมาก แต่ถ้าไปกับทัวร์ก็สบายดีแต่เสียเงินมากกว่าเที่ยวแบบซำเหมาที่ผมไป
ใน YouTube มีวีดิโอเที่ยวอินดีย ให้ดูมากมายครับ คลิก India
แถม:Road Signs อารมณ์ขัน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1216]เรื่องของ “คนบ้าดิก” (ภาค 2)
สวัสดีครับ
ผมเล่าเรื่องความบ้าดิกชันนารีของตัวเอง ภาค 1 ไว้ที่ ลิงค์นี้
วันนี้ผมขอคุยด้วย เป็นภาค 2 แล้วกันครับ แต่เอาอย่างนี้ได้ไหมครับ ถ้าท่านใดยังไม่ได้อ่าน ภาค 1 ช่วย คลิกกลับไปอ่านภาค 1ก่อน จะได้ทราบความเดิมจากตอนที่แล้ว ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่า คนบ้าอย่างนี้ไม่อยากยุ่งด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านต่อภาค 2
ในความรู้สึกส่วนตัว ผมเห็นว่าการรวบรวมหรือเรียบเรียงเพื่อทำดิกออกมาสักเล่มหนึ่งนี้เป็นงานยาก ซึ่งถ้ามีฉันทะและวิริยะในปริมาณต่ำจะไม่มีวันทำดิกได้เด็ดขาด เพราะดิกที่ทำออกมาแล้วจะเป็นแนวทางการใช้ภาษาผ่านคำศัพท์ การจะกำหนดความหมายของศัพท์แต่ละคำเพื่อให้ผู้คนยอมรับเอาไปใช้โดยไม่คัดค้านจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเคร่งเครียด
เคยได้ยินเรื่อง ๆ หนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ใช่ก็น่าจะใกล้เคียง คือ เย็นวันหนึ่งท่านราชบัณฑิตคนหนึ่งเดินทางด้วยเท้ากลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากราชบัณฑิตยสถานมากนัก ท่านปวดหัวมากเพราะที่ประชุมไม่สามารถตกลงกันได้ในความหมายของคำว่า “ก้น” และ “ตูด” ว่ามันต่างกันยังไง ระหว่างทางที่เดินกลับท่านผ่านลานวัด ๆ หนึ่ง ได้ยินเสียงเด็กเล่นทะเลาะกัน เด็กคนหนึ่งพูดว่า “กูจะเอาไม้แทงตูดมึง” ท่าน “ปิ๊ง” ขึ้นมาทันทีเลยว่า “อ๋อ ก้นมีไว้นั่ง ตูดมีไว้ขี้”
ผมเองเมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็พลิกเข้าไปดูในพจนานุกรมเพื่อดูความหมายของ “ตูด” นึกว่า จะเจอความหมายของตูดในทำนอง “อวัยวะที่ใช้ขี้” กลับเจอว่า “ตูด” แปลว่า “รูก้น” พอเจออย่างนี้ก็ได้สำนึกว่า ความสามารถทางภาษาของผมกับท่านราชบัณฑิตทั้งหลายนี่ห่างกันลิบลับ เพราะถ้าให้ผมเป็นคนให้ความหมาย พจนานุกรมที่พิมพ์ออกมาคงไม่มีใครซื้อไปใช้
ท่านที่อ่านย่อหน้าข้างบนนี้ แล้วเกิดความรู้สึก “เหม็นขี้” ขึ้นมาอย่างกะทันหันปัจจุบันทันด่วน ผมต้องขอประทานโทษอย่างรุนแรงด้วยนะครับ คือถ้าผมไม่ใช้ศัพท์ basic อย่างที่ใช้ คงบรรยายให้เห็นภาพได้ยาก แต่ขอสัญญาครับ นับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป จะยกตัวอย่างแต่เรื่องดี ๆ ที่ไม่รบกวนให้ผู้ปกครองต้องพิจารณา
ขอย้อนกลับไปเรื่องดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ ที่ฝรั่งเขาทำขึ้นมาให้ผู้ศึกษาภาษาอังกฤษทั่วโลกได้ใช้ ที่เรียกว่า learner’s dictionary ซึ่งที่บล็อกนี้ ผมรวบรวมไว้ที่ ข้อ [2] ของ รวมดิกชันนารีช่วยงานเขียน – แปล ภาษาอังกฤษ
แนวโน้มที่เกิดขึ้นก็คือ ดิกทุกสำนักจะโฆษณาว่า ดิกของตนให้คำนิยามศัพท์ที่ชัดเจนและอ่านง่าย ซึ่งจากที่เคยใช้มาก็ต้องยอมรับว่า เขาเขียน นิยาม หรือ definition ที่ชัดเจนและอ่านง่ายจริง ๆ บางสำนักเช่น Oxford และ Longman เขามี list คำศัพท์พื้นฐานประมาณ 2000 – 3000 คำ ระบุไว้ชัดเจนเลยว่า ถ้าใครรู้คำศัพท์ใน list ของเขา ก็จะสามารถอ่านดิกของเขาซึ่งมีศัพท์หลายหมื่นคำได้รู้เรื่อง
แต่ในขณะที่ดิกสำนักดังทั้งหลายทำกันอย่างนั้น มีเว็บดิกคุณภาพดีอยู่เว็บหนึ่ง คือ http://new.wordsmyth.net/ เขาเล่าไว้ใน ความเป็นมา ของการทำดิกของเขาว่า แต่เดิมเขาก็จะทำอย่างที่ดิกค่ายอื่นทำ แต่ตอนหลังก็เปลี่ยนใจ ด้วยเหตุที่ว่า คำศัพท์พื้นฐานใน list ที่นำเอามาเป็นคำนิยามนั้น ส่วนใหญ่แต่ละคำมีความหมายมากมาย เมื่อนำเอาใช้เป็นคำนิยามจึงไม่สามารถสื่อความหมายได้เจาะจงชี้ชัด (The words in a restricted defining vocabulary are generally the most polysemous and therefore the most difficult to understand unambiguously.)
ผมอ่านคำชี้แจงข้างต้นนี้จากเว็บนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เว็บนี้ยังใช้เวอร์ชั่นเดิม
คำชี้แจงของเขา ผมทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
[1] ที่เห็นด้วยก็เพราะว่า ศัพท์นั้นไม่ว่าจะเป็นศัพท์ทั่วไป หรือศัพท์เฉพาะเรื่อง เมื่อเราจะอธิบายความหมาย ก็ต้องเอาศัพท์อื่น ๆ ซึ่งเป็นศัพท์ประกอบในแวดวงเดียวกันมาอธิบาย เพราะถ้าขืนไปเอาศัพท์นอกวงหรือศัพท์ทั่วไปมาเป็นคำนิยาม ก็คงยากที่คำนิยามนั้นจะถูกต้อง ครอบคลุม และ เจาะจง ยกตัวอย่าง เช่น ในการให้ความหมายของคำว่า modem (โมเด็ม) ดิก wordsmyth ให้ความหมายไว้ว่า
an electronic apparatus that enables data to be processed for transmission from or into a computer by use of telephone or other transmitter.
ท่านสังเกตไหมครับว่า ทั้งสไตล์การเขียน และศัพท์ที่เขาใช้อธิบายคำว่า modem เป็นรูปแบบและศัพท์ที่เขาใช้เป็นปกติในแวดวงคอมพิวเตอร์ทั้งนั้นเลย เช่น electronic apparatus, data, transmission, transmitter แม้แต่คำกริยาก็ใช้คำว่า process อย่างนี้เรียกว่าเป็นนิยามที่ ถูกต้อง ครอบคลุม และ เจาะจง โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
[2] แต่ส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยก็ตรงที่ว่า ถ้าขืนอธิบายอย่างนี้ทุกคำ เด็ก ๆ หรือคนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงคอมพิวเตอร์ก็คงอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องหรือพลอยไม่อยากจะอ่านไปเลย จึงต้องมีคำนิยามแบบอื่น ที่ ง่าย (simple), ชัดเจน (clear) , แม้จะต้องลดความเจาะจง (precise) ลงไปบ้างก็ตาม
ผมเห็นว่า wordsmyth ก็คงจะเห็นปัญหานี้ เพราะฉะนั้นในเวอร์ชั่นใหม่ของเว็บ เขาจึงมี นิยาม ของคำศัพท์ถึง 3 แบบ คือ
[1].Beginner's Dictionary
[2].Children's Dictionary
[3].Advanced Dictionary
ผมทดลองใช้งานดูแล้วได้ข้อสังเกตว่า เขาให้นิยามคำศัพท์จากง่ายไปยาก, จากหยาบไปละเอียด, จากภาษาของคนทั่วไปไปสู่ภาษาของคนในวงการที่เจาะจง หลายครั้งที่ความหมายใน [1].Beginner's Dictionary เหมือนกับความหมายใน [2].Children's Dictionary แต่ความหมายใน [3].Advanced Dictionary มักจะเจาะจงและถูกต้องมากที่สุด(ตามทัศนะของนักวิชาการ หรือคนในวงการนั้น)
ท่านดูคำศัพท์ที่ผม copy เป็นตัวอย่างข้างล่างนี้แล้วกันครับ ดูทั้งการใช้คำศัพท์และลักษณะการขียนของ [1], [2] และ [3] ว่าแตกต่างหรือคล้ายคลึงกันอย่างไร
Internet
[1] the world's largest computer network, which is made of millions of computers that are linked together. Some parts of the Internet are the World Wide Web and e-mail.My home computer is connected to the Internet.
[2] the world's largest computer network, which is made of millions of computers that are linked together. Some parts of the Internet are the World Wide Web, electronic mail, and chat rooms.Our computer is connected to the Internet by a cable modem.
[3] a global network of millions of computers that provides rapid access to and exchange of data.
Diabetes (โรคเบาหวาน)
[1] a serious disease in which there is too much sugar in a person's blood.
[2] a disease in which there is too much blood sugar. People with diabetes are treated with insulin, which the body needs to use sugar properly.
[3] any of several metabolic diseases affecting the body's use of blood sugars or the intake and excretion of fluids, such as diabetes mellitus, which requires periodic injections of insulin.
Cancer (มะเร็ง)
[1] a disease in which certain cells grow much faster than they should. Cancer can affect many different body parts, such as the lungs, breasts, and brain.
[2] a disease in which certain cells divide and grow much faster than they normally do.
[3] any of various diseases characterized by malignant tumors or other tissue degeneration that can spread locally or through the lymph or blood systems.
Culture (วัฒนธรรม)
[1] และ [2] the language, ideas, inventions, and art of a particular group of people.
[3] the sum of the language, customs, beliefs, and art considered characteristic of a particular group of people.
Horse (ม้า)
[1] a large mammal with long legs and a long tail. People often use horses for riding.
[2] a large mammal with long legs and hooves. A horse has a long neck with a mane, short hair, and a long tail. In the wild, horses live in herds and eat grass and other plants. For thousands of years, people have used horses for riding and for pulling or carrying loads.
[3] a large, four-legged mammal, having short hair, hoofs, a mane, and a long tail, domesticated and used for riding and heavy work.
Chair (เก้าอี้)
[1] และ [2] a piece of furniture for one person to sit on. A chair has four legs, a back, and sometimes arms.
[3] a piece of furniture, usu. with a back and four legs, for one person to sit on.
Computer (คอมพิวเตอร์)
[1] an electronic machine that is used to store, sort, and work with information at a high speed.
[2] an electronic device that is used to store and sort information and work with data at a high speed.
[3] an electronic device used to store, sort, correlate, and make calculations on data at high speeds.
Dictionary (ดิกชันนารี)
[1] a book that lists the words of a language, with information about their meaning, spelling, and pronunciation.
[2] a book that lists the words of a language in alphabetical order, along with information about their meaning, spelling, and pronunciation.
[3] a reference book that contains a list of words of a particular language, usu. in alphabetical order and supplemented with information about the spelling, pronunciation, and meaning of each word.
Hell (นรก)
[1] a place that some people believe exists. It is where evil spirits live and where bad people are punished after they die.
[2] the place where evil spirits live and where wicked people are punished after death, according to the Bible
[3] in some religions, the place where the souls of wicked people are punished after death
Heaven (สวรรค์)
[1] a place that some people believe exists. It is where a god or gods live, or the place where people go after they die.
[2] the place where God or the gods live, in some religions.
[3] (often cap.) in some religions, the abode of God, where the souls of the good and faithful will dwell after death.
Homework (การบ้าน)
[1] และ [2] schoolwork that is to be done at home rather than at school.
[3] schoolwork that is assigned to be done at home rather than at school.
Amend (ซ่อม เช่น ซ่อมรัฐธรรมนูญ)
[1] และ [2] to change or add to a law, contract, or other document.
[3] to formally change by rephrasing, or to add to or subtract from (a legislative bill, a contract, a treaty, or the like).
Modem (โมเด็ม)
[1] และ [2] an electronic device that allows information to be sent from or to a computer using telephone lines or other lines of communication.
[3] an electronic apparatus that enables data to be processed for transmission from or into a computer by use of telephone or other transmitter.
ย่อหน้าสุดท้ายที่ขอฝากก่อนจากก็คือ ท่านสามารถใช้เว็บนี้ฝึกทักษะการอ่าน และพัฒนาคำศัพท์ได้เป็นอย่างดี ท่านอาจจะพิมพ์คำง่าย ๆ ที่ท่านรู้จักดี ให้ทดลองทั้ง noun, verb, adjective, หรือพิมพ์คำที่ท่านไม่แน่ใจในความหมาย, หรือคำที่ท่านไม่รู้ความหมายเลย และเปรียบเทียบคำนิยามใน [1], [2] และ [3]
เคล็ดที่ขอแนะนำเป็นพิเศษก็คือ พิมพ์คำที่ท่านไม่รู้ความหมาย และคลิกเลือกดูจาก [3].Advanced Dictionary ถ้าอ่านแล้วเข้าใจไม่ตลอด ก็คลิกดูที่ [1].Beginner's Dictionary หรือ [2].Children's Dictionary ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ท่านสามารถรู้ศัพท์ยาก จากศัพท์ง่าย ฝึกไปบ่อย ๆ เช่นนี้ จะทำให้ท่านมีประสบการณ์เกี่ยวกับคำศัพท์ที่ท่านต้องเกี่ยวข้องด้วยโดยตรง เพราะนอกจากคำนิยามแล้ว ในเว็บนี้ยังมีเสียงอ่านให้คลิกฟัง, วลีที่ใช้ศัพท์คำนี้, ตัวอย่างการใช้, คำเหมือน, คำตรงกันข้าม, คำที่เกี่ยวข้อง, หรือรูปภาพประกอบให้ด้วย
ท่านจะเก่งขึ้นครับ ผมขอรับรอง
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมเล่าเรื่องความบ้าดิกชันนารีของตัวเอง ภาค 1 ไว้ที่ ลิงค์นี้
วันนี้ผมขอคุยด้วย เป็นภาค 2 แล้วกันครับ แต่เอาอย่างนี้ได้ไหมครับ ถ้าท่านใดยังไม่ได้อ่าน ภาค 1 ช่วย คลิกกลับไปอ่านภาค 1ก่อน จะได้ทราบความเดิมจากตอนที่แล้ว ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่า คนบ้าอย่างนี้ไม่อยากยุ่งด้วย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ่านต่อภาค 2
ในความรู้สึกส่วนตัว ผมเห็นว่าการรวบรวมหรือเรียบเรียงเพื่อทำดิกออกมาสักเล่มหนึ่งนี้เป็นงานยาก ซึ่งถ้ามีฉันทะและวิริยะในปริมาณต่ำจะไม่มีวันทำดิกได้เด็ดขาด เพราะดิกที่ทำออกมาแล้วจะเป็นแนวทางการใช้ภาษาผ่านคำศัพท์ การจะกำหนดความหมายของศัพท์แต่ละคำเพื่อให้ผู้คนยอมรับเอาไปใช้โดยไม่คัดค้านจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างเคร่งเครียด
เคยได้ยินเรื่อง ๆ หนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า แต่ถ้าไม่ใช่ก็น่าจะใกล้เคียง คือ เย็นวันหนึ่งท่านราชบัณฑิตคนหนึ่งเดินทางด้วยเท้ากลับบ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากราชบัณฑิตยสถานมากนัก ท่านปวดหัวมากเพราะที่ประชุมไม่สามารถตกลงกันได้ในความหมายของคำว่า “ก้น” และ “ตูด” ว่ามันต่างกันยังไง ระหว่างทางที่เดินกลับท่านผ่านลานวัด ๆ หนึ่ง ได้ยินเสียงเด็กเล่นทะเลาะกัน เด็กคนหนึ่งพูดว่า “กูจะเอาไม้แทงตูดมึง” ท่าน “ปิ๊ง” ขึ้นมาทันทีเลยว่า “อ๋อ ก้นมีไว้นั่ง ตูดมีไว้ขี้”
ผมเองเมื่อได้ยินเรื่องนี้ก็พลิกเข้าไปดูในพจนานุกรมเพื่อดูความหมายของ “ตูด” นึกว่า จะเจอความหมายของตูดในทำนอง “อวัยวะที่ใช้ขี้” กลับเจอว่า “ตูด” แปลว่า “รูก้น” พอเจออย่างนี้ก็ได้สำนึกว่า ความสามารถทางภาษาของผมกับท่านราชบัณฑิตทั้งหลายนี่ห่างกันลิบลับ เพราะถ้าให้ผมเป็นคนให้ความหมาย พจนานุกรมที่พิมพ์ออกมาคงไม่มีใครซื้อไปใช้
ท่านที่อ่านย่อหน้าข้างบนนี้ แล้วเกิดความรู้สึก “เหม็นขี้” ขึ้นมาอย่างกะทันหันปัจจุบันทันด่วน ผมต้องขอประทานโทษอย่างรุนแรงด้วยนะครับ คือถ้าผมไม่ใช้ศัพท์ basic อย่างที่ใช้ คงบรรยายให้เห็นภาพได้ยาก แต่ขอสัญญาครับ นับจากบรรทัดนี้เป็นต้นไป จะยกตัวอย่างแต่เรื่องดี ๆ ที่ไม่รบกวนให้ผู้ปกครองต้องพิจารณา
ขอย้อนกลับไปเรื่องดิกชันนารี อังกฤษ – อังกฤษ ที่ฝรั่งเขาทำขึ้นมาให้ผู้ศึกษาภาษาอังกฤษทั่วโลกได้ใช้ ที่เรียกว่า learner’s dictionary ซึ่งที่บล็อกนี้ ผมรวบรวมไว้ที่ ข้อ [2] ของ รวมดิกชันนารีช่วยงานเขียน – แปล ภาษาอังกฤษ
แนวโน้มที่เกิดขึ้นก็คือ ดิกทุกสำนักจะโฆษณาว่า ดิกของตนให้คำนิยามศัพท์ที่ชัดเจนและอ่านง่าย ซึ่งจากที่เคยใช้มาก็ต้องยอมรับว่า เขาเขียน นิยาม หรือ definition ที่ชัดเจนและอ่านง่ายจริง ๆ บางสำนักเช่น Oxford และ Longman เขามี list คำศัพท์พื้นฐานประมาณ 2000 – 3000 คำ ระบุไว้ชัดเจนเลยว่า ถ้าใครรู้คำศัพท์ใน list ของเขา ก็จะสามารถอ่านดิกของเขาซึ่งมีศัพท์หลายหมื่นคำได้รู้เรื่อง
แต่ในขณะที่ดิกสำนักดังทั้งหลายทำกันอย่างนั้น มีเว็บดิกคุณภาพดีอยู่เว็บหนึ่ง คือ http://new.wordsmyth.net/ เขาเล่าไว้ใน ความเป็นมา ของการทำดิกของเขาว่า แต่เดิมเขาก็จะทำอย่างที่ดิกค่ายอื่นทำ แต่ตอนหลังก็เปลี่ยนใจ ด้วยเหตุที่ว่า คำศัพท์พื้นฐานใน list ที่นำเอามาเป็นคำนิยามนั้น ส่วนใหญ่แต่ละคำมีความหมายมากมาย เมื่อนำเอาใช้เป็นคำนิยามจึงไม่สามารถสื่อความหมายได้เจาะจงชี้ชัด (The words in a restricted defining vocabulary are generally the most polysemous and therefore the most difficult to understand unambiguously.)
ผมอ่านคำชี้แจงข้างต้นนี้จากเว็บนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เว็บนี้ยังใช้เวอร์ชั่นเดิม
คำชี้แจงของเขา ผมทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
[1] ที่เห็นด้วยก็เพราะว่า ศัพท์นั้นไม่ว่าจะเป็นศัพท์ทั่วไป หรือศัพท์เฉพาะเรื่อง เมื่อเราจะอธิบายความหมาย ก็ต้องเอาศัพท์อื่น ๆ ซึ่งเป็นศัพท์ประกอบในแวดวงเดียวกันมาอธิบาย เพราะถ้าขืนไปเอาศัพท์นอกวงหรือศัพท์ทั่วไปมาเป็นคำนิยาม ก็คงยากที่คำนิยามนั้นจะถูกต้อง ครอบคลุม และ เจาะจง ยกตัวอย่าง เช่น ในการให้ความหมายของคำว่า modem (โมเด็ม) ดิก wordsmyth ให้ความหมายไว้ว่า
an electronic apparatus that enables data to be processed for transmission from or into a computer by use of telephone or other transmitter.
ท่านสังเกตไหมครับว่า ทั้งสไตล์การเขียน และศัพท์ที่เขาใช้อธิบายคำว่า modem เป็นรูปแบบและศัพท์ที่เขาใช้เป็นปกติในแวดวงคอมพิวเตอร์ทั้งนั้นเลย เช่น electronic apparatus, data, transmission, transmitter แม้แต่คำกริยาก็ใช้คำว่า process อย่างนี้เรียกว่าเป็นนิยามที่ ถูกต้อง ครอบคลุม และ เจาะจง โดยไม่มีข้อโต้แย้ง
[2] แต่ส่วนที่ผมไม่เห็นด้วยก็ตรงที่ว่า ถ้าขืนอธิบายอย่างนี้ทุกคำ เด็ก ๆ หรือคนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงคอมพิวเตอร์ก็คงอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องหรือพลอยไม่อยากจะอ่านไปเลย จึงต้องมีคำนิยามแบบอื่น ที่ ง่าย (simple), ชัดเจน (clear) , แม้จะต้องลดความเจาะจง (precise) ลงไปบ้างก็ตาม
ผมเห็นว่า wordsmyth ก็คงจะเห็นปัญหานี้ เพราะฉะนั้นในเวอร์ชั่นใหม่ของเว็บ เขาจึงมี นิยาม ของคำศัพท์ถึง 3 แบบ คือ
[1].Beginner's Dictionary
[2].Children's Dictionary
[3].Advanced Dictionary
ผมทดลองใช้งานดูแล้วได้ข้อสังเกตว่า เขาให้นิยามคำศัพท์จากง่ายไปยาก, จากหยาบไปละเอียด, จากภาษาของคนทั่วไปไปสู่ภาษาของคนในวงการที่เจาะจง หลายครั้งที่ความหมายใน [1].Beginner's Dictionary เหมือนกับความหมายใน [2].Children's Dictionary แต่ความหมายใน [3].Advanced Dictionary มักจะเจาะจงและถูกต้องมากที่สุด(ตามทัศนะของนักวิชาการ หรือคนในวงการนั้น)
ท่านดูคำศัพท์ที่ผม copy เป็นตัวอย่างข้างล่างนี้แล้วกันครับ ดูทั้งการใช้คำศัพท์และลักษณะการขียนของ [1], [2] และ [3] ว่าแตกต่างหรือคล้ายคลึงกันอย่างไร
Internet
[1] the world's largest computer network, which is made of millions of computers that are linked together. Some parts of the Internet are the World Wide Web and e-mail.My home computer is connected to the Internet.
[2] the world's largest computer network, which is made of millions of computers that are linked together. Some parts of the Internet are the World Wide Web, electronic mail, and chat rooms.Our computer is connected to the Internet by a cable modem.
[3] a global network of millions of computers that provides rapid access to and exchange of data.
Diabetes (โรคเบาหวาน)
[1] a serious disease in which there is too much sugar in a person's blood.
[2] a disease in which there is too much blood sugar. People with diabetes are treated with insulin, which the body needs to use sugar properly.
[3] any of several metabolic diseases affecting the body's use of blood sugars or the intake and excretion of fluids, such as diabetes mellitus, which requires periodic injections of insulin.
Cancer (มะเร็ง)
[1] a disease in which certain cells grow much faster than they should. Cancer can affect many different body parts, such as the lungs, breasts, and brain.
[2] a disease in which certain cells divide and grow much faster than they normally do.
[3] any of various diseases characterized by malignant tumors or other tissue degeneration that can spread locally or through the lymph or blood systems.
Culture (วัฒนธรรม)
[1] และ [2] the language, ideas, inventions, and art of a particular group of people.
[3] the sum of the language, customs, beliefs, and art considered characteristic of a particular group of people.
Horse (ม้า)
[1] a large mammal with long legs and a long tail. People often use horses for riding.
[2] a large mammal with long legs and hooves. A horse has a long neck with a mane, short hair, and a long tail. In the wild, horses live in herds and eat grass and other plants. For thousands of years, people have used horses for riding and for pulling or carrying loads.
[3] a large, four-legged mammal, having short hair, hoofs, a mane, and a long tail, domesticated and used for riding and heavy work.
Chair (เก้าอี้)
[1] และ [2] a piece of furniture for one person to sit on. A chair has four legs, a back, and sometimes arms.
[3] a piece of furniture, usu. with a back and four legs, for one person to sit on.
Computer (คอมพิวเตอร์)
[1] an electronic machine that is used to store, sort, and work with information at a high speed.
[2] an electronic device that is used to store and sort information and work with data at a high speed.
[3] an electronic device used to store, sort, correlate, and make calculations on data at high speeds.
Dictionary (ดิกชันนารี)
[1] a book that lists the words of a language, with information about their meaning, spelling, and pronunciation.
[2] a book that lists the words of a language in alphabetical order, along with information about their meaning, spelling, and pronunciation.
[3] a reference book that contains a list of words of a particular language, usu. in alphabetical order and supplemented with information about the spelling, pronunciation, and meaning of each word.
Hell (นรก)
[1] a place that some people believe exists. It is where evil spirits live and where bad people are punished after they die.
[2] the place where evil spirits live and where wicked people are punished after death, according to the Bible
[3] in some religions, the place where the souls of wicked people are punished after death
Heaven (สวรรค์)
[1] a place that some people believe exists. It is where a god or gods live, or the place where people go after they die.
[2] the place where God or the gods live, in some religions.
[3] (often cap.) in some religions, the abode of God, where the souls of the good and faithful will dwell after death.
Homework (การบ้าน)
[1] และ [2] schoolwork that is to be done at home rather than at school.
[3] schoolwork that is assigned to be done at home rather than at school.
Amend (ซ่อม เช่น ซ่อมรัฐธรรมนูญ)
[1] และ [2] to change or add to a law, contract, or other document.
[3] to formally change by rephrasing, or to add to or subtract from (a legislative bill, a contract, a treaty, or the like).
Modem (โมเด็ม)
[1] และ [2] an electronic device that allows information to be sent from or to a computer using telephone lines or other lines of communication.
[3] an electronic apparatus that enables data to be processed for transmission from or into a computer by use of telephone or other transmitter.
ย่อหน้าสุดท้ายที่ขอฝากก่อนจากก็คือ ท่านสามารถใช้เว็บนี้ฝึกทักษะการอ่าน และพัฒนาคำศัพท์ได้เป็นอย่างดี ท่านอาจจะพิมพ์คำง่าย ๆ ที่ท่านรู้จักดี ให้ทดลองทั้ง noun, verb, adjective, หรือพิมพ์คำที่ท่านไม่แน่ใจในความหมาย, หรือคำที่ท่านไม่รู้ความหมายเลย และเปรียบเทียบคำนิยามใน [1], [2] และ [3]
เคล็ดที่ขอแนะนำเป็นพิเศษก็คือ พิมพ์คำที่ท่านไม่รู้ความหมาย และคลิกเลือกดูจาก [3].Advanced Dictionary ถ้าอ่านแล้วเข้าใจไม่ตลอด ก็คลิกดูที่ [1].Beginner's Dictionary หรือ [2].Children's Dictionary ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้ท่านสามารถรู้ศัพท์ยาก จากศัพท์ง่าย ฝึกไปบ่อย ๆ เช่นนี้ จะทำให้ท่านมีประสบการณ์เกี่ยวกับคำศัพท์ที่ท่านต้องเกี่ยวข้องด้วยโดยตรง เพราะนอกจากคำนิยามแล้ว ในเว็บนี้ยังมีเสียงอ่านให้คลิกฟัง, วลีที่ใช้ศัพท์คำนี้, ตัวอย่างการใช้, คำเหมือน, คำตรงกันข้าม, คำที่เกี่ยวข้อง, หรือรูปภาพประกอบให้ด้วย
ท่านจะเก่งขึ้นครับ ผมขอรับรอง
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1215] แนะนำเว็บ Free Online Exercises
สวัสดีครับ
4 ลิงค์ข้างล่างนี้ มีแบบฝึกหัด grammar, vocabulary, pronunciation, listening ให้ท่าน test และ train ตัวเอง
เป็นเว็บคุณภาพดี และฟรี
ผมมีคำแนะนำนิดหน่อยครับ
1. เกี่ยวกับการทำ Favorites คลิก
2. เกี่ยวกับคำแนะนำในการ save ไฟล์วีดิโอ คลิก
เอาละครับ เชิญเข้าไป หาความสำราญจากภาษาอังกฤษใน 4 เว็บฟรีข้างล่างนี้ได้เลยครับ
Free Online Exercises
Grammar Exercises
Vocabulary Exercises
Pronunciation Exercises
Video Slide Lessons
Self-Grading Quizzes
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
4 ลิงค์ข้างล่างนี้ มีแบบฝึกหัด grammar, vocabulary, pronunciation, listening ให้ท่าน test และ train ตัวเอง
เป็นเว็บคุณภาพดี และฟรี
ผมมีคำแนะนำนิดหน่อยครับ
1. เกี่ยวกับการทำ Favorites คลิก
2. เกี่ยวกับคำแนะนำในการ save ไฟล์วีดิโอ คลิก
เอาละครับ เชิญเข้าไป หาความสำราญจากภาษาอังกฤษใน 4 เว็บฟรีข้างล่างนี้ได้เลยครับ
Free Online Exercises
Grammar Exercises
Vocabulary Exercises
Pronunciation Exercises
Video Slide Lessons
Self-Grading Quizzes
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1214] ภาษาอังกฤษวันละเรื่อง (one story a day)
สวัสดีครับ
ในการศึกษาภาษาอังกฤษ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาและไม่มีอารมณ์, หรือ มีเวลาแต่ไม่มีอารมณ์, หรือ มีอารมณ์แต่ไม่มีเวลา, การกำหนดการบ้านให้ตัวเองฝึกภาษาอังกฤษวันละน้อยแต่ฝึกได้แน่ ๆ –เป็นเรื่องดี. เพราะถ้าตั้งโจทย์ให้ทำจำนวนมากเกินพิกัดก็อาจจะทำไม่ได้หรือทำได้แต่ไม่กี่วันก็เลิก คือล้มเหลาว แต่ถ้าทำได้วันละน้อย ก็จะเกิดกำลังใจ ต่อไปก็จะฝึกได้มากขึ้นเอง
ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ยินคำว่า ภาษาอังกฤษวันละคำ (one word a day) คือแค่คำเดียวก็ทำให้ได้เถอะ ไม่ต้องไม่หักโหมมาก ต่อไป ๆ เมื่อพลอินทรีย์แก่กล้าปีกขาแข็งแรง ก็จะมีแรงกระพือบินไปไกล ๆ ได้เอง แต่ถ้ายามนี้ปีกยังอ่อน คิดจะถลาเริงลมบนอาจจะเร็วเกินไปหน่อย.
ย่อหน้าข้างบนนั้น ผมเชื่อว่า คือเรื่องของเมื่อวานนี้...เดือนที่แล้ว... ปีที่แล้ว... หลายปีที่แล้ว... ของหลายท่าน
... และวันนี้ผมเชื่อว่าหลายท่านหากเป็นนกก็มีปีกที่กล้าและขาที่แข็งแล้ว และก็คงมีเวลาพร้อมอารมณ์ที่จะเริ่มบทเรียนที่ 2 คือ ภาษาอังกฤษวันละเรื่อง (one story a day)…
ทำไมผมจึงแนะนำให้ท่านอ่าน story แทนที่จะแนะนำให้อ่านข่าวหรือบทความ ผมมีเหตุผลง่าย ๆ อยู่ 2 ข้อ คือ
1.story มีทั้งการบอกเล่าและสนทนาอยู่ในนั้น เราจึงสามารถจดจำทั้งวิธีการบอกเล่าและสนทนานำไปใช้ได้ แต่ข่าวมักมีแต่เรื่องเล่าไม่ค่อยมีบทสนทนา จึงมีบทเจรจาให้เราจำเอาไปใช้พูดได้น้อย
2.story ไม่น่าเบื่อ
เว็บ one story a day ข้างล่างนี้ ส่วนใหญ่มีทั้ง script ให้ท่านอ่าน, มี mp3 ให้ท่านฟัง, มีแบบฝึกหัดให้ท่านฝึกพร้อมเฉลย และทั้ง script, mp3 และแบบฝึกหัดนี้ ถ้าท่านต้องการ save ไฟล์เก็บไว้ฝึกในคราวต่อไป ก็สามารถ save ได้ครับ (เฉพาะไฟล์ mp3 ให้คลิกขวาที่ลิงค์ Download MP3, คลิกซ้าย Save Target As.. และหาที่ save ไว้ในเครื่อง)
เอาละครับ ถ้า ณ บัดนี้ท่านคงพร้อมที่จะเข้าสู่ช่วง one story a day หรือ ภาษาอังกฤษวันละเรื่องแล้ว ก็ขอเชิญที่เว็บข้างล่างนี้ได้เลยครับ
[1] http://www.eslfast.com/ มีเรื่องทั้งหมด 365 เรื่อง ท่านสามารถอ่านและฟังได้วันละเรื่อง ครบ 1 ปีอ่านหมดเว็บพอดี
[2] http://www.manythings.org/voa/stories/
เว็บนี้อาจจะไม่เป็น ‘story’ อย่างที่ผมว่ามากนัก แต่ก็น่าจะพอไหวให้ฝึกฟังได้วันละเรื่อง
[3] http://www.english-test.net/toeic/listening/short_business_conversations.html
มีทั้งหมด 180 เรื่อง, เมื่อคลิกเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว
-ให้คลิก PLAY เพื่อฟังเสียง
-ทำแบบฝึกหัดข้างล่าง
--คลิก correct answers เพื่อดูเฉลย
-คลิก show text เพื่ออ่าน script เสียงที่ฟังเมื่อตะกี้
[4] และยังมีให้ฟังพร้อมอ่าน, อ่านพร้อมฟัง one story a day อีกมากมายที่ 2 ลิงค์นี้ ลิงค์ 1 หรือ ลิงค์ 2
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ในการศึกษาภาษาอังกฤษ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาและไม่มีอารมณ์, หรือ มีเวลาแต่ไม่มีอารมณ์, หรือ มีอารมณ์แต่ไม่มีเวลา, การกำหนดการบ้านให้ตัวเองฝึกภาษาอังกฤษวันละน้อยแต่ฝึกได้แน่ ๆ –เป็นเรื่องดี. เพราะถ้าตั้งโจทย์ให้ทำจำนวนมากเกินพิกัดก็อาจจะทำไม่ได้หรือทำได้แต่ไม่กี่วันก็เลิก คือล้มเหลาว แต่ถ้าทำได้วันละน้อย ก็จะเกิดกำลังใจ ต่อไปก็จะฝึกได้มากขึ้นเอง
ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ยินคำว่า ภาษาอังกฤษวันละคำ (one word a day) คือแค่คำเดียวก็ทำให้ได้เถอะ ไม่ต้องไม่หักโหมมาก ต่อไป ๆ เมื่อพลอินทรีย์แก่กล้าปีกขาแข็งแรง ก็จะมีแรงกระพือบินไปไกล ๆ ได้เอง แต่ถ้ายามนี้ปีกยังอ่อน คิดจะถลาเริงลมบนอาจจะเร็วเกินไปหน่อย.
ย่อหน้าข้างบนนั้น ผมเชื่อว่า คือเรื่องของเมื่อวานนี้...เดือนที่แล้ว... ปีที่แล้ว... หลายปีที่แล้ว... ของหลายท่าน
... และวันนี้ผมเชื่อว่าหลายท่านหากเป็นนกก็มีปีกที่กล้าและขาที่แข็งแล้ว และก็คงมีเวลาพร้อมอารมณ์ที่จะเริ่มบทเรียนที่ 2 คือ ภาษาอังกฤษวันละเรื่อง (one story a day)…
ทำไมผมจึงแนะนำให้ท่านอ่าน story แทนที่จะแนะนำให้อ่านข่าวหรือบทความ ผมมีเหตุผลง่าย ๆ อยู่ 2 ข้อ คือ
1.story มีทั้งการบอกเล่าและสนทนาอยู่ในนั้น เราจึงสามารถจดจำทั้งวิธีการบอกเล่าและสนทนานำไปใช้ได้ แต่ข่าวมักมีแต่เรื่องเล่าไม่ค่อยมีบทสนทนา จึงมีบทเจรจาให้เราจำเอาไปใช้พูดได้น้อย
2.story ไม่น่าเบื่อ
เว็บ one story a day ข้างล่างนี้ ส่วนใหญ่มีทั้ง script ให้ท่านอ่าน, มี mp3 ให้ท่านฟัง, มีแบบฝึกหัดให้ท่านฝึกพร้อมเฉลย และทั้ง script, mp3 และแบบฝึกหัดนี้ ถ้าท่านต้องการ save ไฟล์เก็บไว้ฝึกในคราวต่อไป ก็สามารถ save ได้ครับ (เฉพาะไฟล์ mp3 ให้คลิกขวาที่ลิงค์ Download MP3, คลิกซ้าย Save Target As.. และหาที่ save ไว้ในเครื่อง)
เอาละครับ ถ้า ณ บัดนี้ท่านคงพร้อมที่จะเข้าสู่ช่วง one story a day หรือ ภาษาอังกฤษวันละเรื่องแล้ว ก็ขอเชิญที่เว็บข้างล่างนี้ได้เลยครับ
[1] http://www.eslfast.com/ มีเรื่องทั้งหมด 365 เรื่อง ท่านสามารถอ่านและฟังได้วันละเรื่อง ครบ 1 ปีอ่านหมดเว็บพอดี
[2] http://www.manythings.org/voa/stories/
เว็บนี้อาจจะไม่เป็น ‘story’ อย่างที่ผมว่ามากนัก แต่ก็น่าจะพอไหวให้ฝึกฟังได้วันละเรื่อง
[3] http://www.english-test.net/toeic/listening/short_business_conversations.html
มีทั้งหมด 180 เรื่อง, เมื่อคลิกเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้ว
-ให้คลิก PLAY เพื่อฟังเสียง
-ทำแบบฝึกหัดข้างล่าง
--คลิก correct answers เพื่อดูเฉลย
-คลิก show text เพื่ออ่าน script เสียงที่ฟังเมื่อตะกี้
[4] และยังมีให้ฟังพร้อมอ่าน, อ่านพร้อมฟัง one story a day อีกมากมายที่ 2 ลิงค์นี้ ลิงค์ 1 หรือ ลิงค์ 2
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1213] “40 Expressions of Advice”
สวัสดีครับ
มีท่านหนึ่งที่ผมเคารพนับถือส่งไฟล์ 40 Expressions of Advice มาให้ ผมเห็นว่าเป็นคำแนะนำซึ่งให้แง่คิดที่ดีในการใช้ชีวิต จึงขอนำมาเล่าต่อ ข้างล่างนี้ครับ
[1]อ่าน ภาษาอังกฤษ
คลิกที่นี่ หรือ ที่นี่
[2]อ่านคำแปลเป็นภาษาไทย ที่ Google แปลให้ (คำแปลยังมีตำหนิ ท่านสามารถพิจารณาแก้ไขตกแต่งไฟล์ได้ครับ, แค่คลิกที่บรรทัดนั้น) คลิก
[3] ดาวน์โหลดไฟล์ PowerPoint (มีเสียงดนตรีประกอบ) คลิก
[4] ชมวีดิโอ (คลิกสี่เหลี่ยมที่มุมล่างขวา เพื่อขยายให้ภาพเต็มจอ
วีดิโอ YouTube หรือ flash
[5] ดาวน์โหลดวีดิโอ
ขนาด 15 MB หรือ ขนาด 5 MB (5 MB)
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
มีท่านหนึ่งที่ผมเคารพนับถือส่งไฟล์ 40 Expressions of Advice มาให้ ผมเห็นว่าเป็นคำแนะนำซึ่งให้แง่คิดที่ดีในการใช้ชีวิต จึงขอนำมาเล่าต่อ ข้างล่างนี้ครับ
[1]อ่าน ภาษาอังกฤษ
คลิกที่นี่ หรือ ที่นี่
[2]อ่านคำแปลเป็นภาษาไทย ที่ Google แปลให้ (คำแปลยังมีตำหนิ ท่านสามารถพิจารณาแก้ไขตกแต่งไฟล์ได้ครับ, แค่คลิกที่บรรทัดนั้น) คลิก
[3] ดาวน์โหลดไฟล์ PowerPoint (มีเสียงดนตรีประกอบ) คลิก
[4] ชมวีดิโอ (คลิกสี่เหลี่ยมที่มุมล่างขวา เพื่อขยายให้ภาพเต็มจอ
วีดิโอ YouTube หรือ flash
[5] ดาวน์โหลดวีดิโอ
ขนาด 15 MB หรือ ขนาด 5 MB (5 MB)
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1212] ดาวน์โหลดหนังสือเรียน-สอนภาษาอังกฤษ 97 เล่ม
สวัสดีครับ
นับตั้งแต่ผมประกอบอาชีพหาหนังสือและสื่อการศึกษามาบริการท่านที่ต้องการฟิตภาษาอังกฤษ จนถึงวันนี้ก็นับได้ประมาณ 3 ปีแล้ว ณ วันนี้ผมมีความรู้สึกว่า ท่านที่ใช้อินเตอร์เน็ตไม่น่าจะขาดแคลนตำราเรียนที่เป็นภาษาอังกฤษอีกต่อไปแล้ว เพราะนอกจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เราสามารถเข้าไปค้นคว้าหาความรู้แล้ว ยังมีเว็บไซต์อยู่จำนวนหนึ่งที่มีบริการให้เราเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์สารพัดประเภทเพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ผมได้แนะนำไว้ที่ลิงค์นี้
[1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นจนได้ เพราะบางท่านอาจจะรู้สึกว่ามันมากจนเลือกอ่านไม่ถูก เหมือนมีอาหารเต็มโต๊ะเลือกไม่ถูกว่าจะตักอะไรมากิน (น่ากลุ้มจริง ๆ !!) จึงมีผู้หวังดีบางคนช่วยคัดเลือกให้ และทำเป็น collection ให้ดนอื่นดาวน์โหลด โดยหวังว่าสิ่งที่เขาคัดเลือกมาน่าจะถูกใจคนเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างลิงค์หนึ่ง มีหนังสือเรียนภาษาอังกฤษหลากหลายประเภทอยู่ถึง 97 เล่ม โดยมากเป็นไฟล์ PDF ท่านลองคลิกอ่านชื่อเรื่องดูก่อนก็ได้ครับ ที่ลิงค์นี้
เขามีไฟล์ให้ดาวน์โหลดอยู่ทั้งหมด 12 part เป็นไฟล์ WinRar, part ละประมาณ 52 MB เมื่อดาวน์โหลดเสร็จและคลิกกระจาย (extract)ไฟล์ เขาจะถาม password ให้ท่าน copy kurnik.up.pl Paste ลงไป ถ้าเขาถามถึงไฟล์อื่นอีก ท่านไม่ต้องสนใจครับ, คลิก cancel ไปเลย เพราะเราต้องการกระจายเมื่อดาวน์โหลดเสร็จเป็นไฟล์ ๆ ไป (ไม่ต้องการรอให้ดาวน์โหลดจนครบ 12 ไฟล์จึงค่อย extract ในคราวเดียว)
ท่านที่ยังไม่มีโปรแกรม WinRar สามารถดาวน์โหลดได้ที่ ลิงค์นี้ ซึ่งเป็น WinRar ที่ Register เรียบร้อยแล้ว จึงใช้ได้สะดวกมาก
ในหนังสือเกือบร้อยเล่มนี้ น่าจะมีหลายเล่มที่ถูกใจท่าน แต่ผมว่าถ้าจะให้ถูกใจจริง ๆ ละก็ ไปหาเอาเองที่ลิงค์ซึ่งผมให้ไว้ข้างบนนั่นแหละครับดีที่สุด คือลิงค์นี้ [1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
เอาละครับ ตอนนี้เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ
18 กันยายน 2553: ลิงค์ดาวน์โหลดข้างล่างนี้ตายแล้วครับ- blogger
part01.rar
part02.rar
part03.rar
part04.rar
part05.rar
part06.rar
part07.rar
part08.rar
part09.rar
part10.rar
part11.rar
part12.rar
หาอ่าน/ดาวน์โหลดพิ่มเติม คลิก อ่าน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
นับตั้งแต่ผมประกอบอาชีพหาหนังสือและสื่อการศึกษามาบริการท่านที่ต้องการฟิตภาษาอังกฤษ จนถึงวันนี้ก็นับได้ประมาณ 3 ปีแล้ว ณ วันนี้ผมมีความรู้สึกว่า ท่านที่ใช้อินเตอร์เน็ตไม่น่าจะขาดแคลนตำราเรียนที่เป็นภาษาอังกฤษอีกต่อไปแล้ว เพราะนอกจากเว็บไซต์ต่าง ๆ ที่เราสามารถเข้าไปค้นคว้าหาความรู้แล้ว ยังมีเว็บไซต์อยู่จำนวนหนึ่งที่มีบริการให้เราเข้าไปดาวน์โหลดไฟล์สารพัดประเภทเพื่อนำมาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษ ผมได้แนะนำไว้ที่ลิงค์นี้
[1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
แต่ปัญหาก็ยังเกิดขึ้นจนได้ เพราะบางท่านอาจจะรู้สึกว่ามันมากจนเลือกอ่านไม่ถูก เหมือนมีอาหารเต็มโต๊ะเลือกไม่ถูกว่าจะตักอะไรมากิน (น่ากลุ้มจริง ๆ !!) จึงมีผู้หวังดีบางคนช่วยคัดเลือกให้ และทำเป็น collection ให้ดนอื่นดาวน์โหลด โดยหวังว่าสิ่งที่เขาคัดเลือกมาน่าจะถูกใจคนเป็นจำนวนมาก ยกตัวอย่างลิงค์หนึ่ง มีหนังสือเรียนภาษาอังกฤษหลากหลายประเภทอยู่ถึง 97 เล่ม โดยมากเป็นไฟล์ PDF ท่านลองคลิกอ่านชื่อเรื่องดูก่อนก็ได้ครับ ที่ลิงค์นี้
เขามีไฟล์ให้ดาวน์โหลดอยู่ทั้งหมด 12 part เป็นไฟล์ WinRar, part ละประมาณ 52 MB เมื่อดาวน์โหลดเสร็จและคลิกกระจาย (extract)ไฟล์ เขาจะถาม password ให้ท่าน copy kurnik.up.pl Paste ลงไป ถ้าเขาถามถึงไฟล์อื่นอีก ท่านไม่ต้องสนใจครับ, คลิก cancel ไปเลย เพราะเราต้องการกระจายเมื่อดาวน์โหลดเสร็จเป็นไฟล์ ๆ ไป (ไม่ต้องการรอให้ดาวน์โหลดจนครบ 12 ไฟล์จึงค่อย extract ในคราวเดียว)
ท่านที่ยังไม่มีโปรแกรม WinRar สามารถดาวน์โหลดได้ที่ ลิงค์นี้ ซึ่งเป็น WinRar ที่ Register เรียบร้อยแล้ว จึงใช้ได้สะดวกมาก
ในหนังสือเกือบร้อยเล่มนี้ น่าจะมีหลายเล่มที่ถูกใจท่าน แต่ผมว่าถ้าจะให้ถูกใจจริง ๆ ละก็ ไปหาเอาเองที่ลิงค์ซึ่งผมให้ไว้ข้างบนนั่นแหละครับดีที่สุด คือลิงค์นี้ [1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
เอาละครับ ตอนนี้เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ
18 กันยายน 2553: ลิงค์ดาวน์โหลดข้างล่างนี้ตายแล้วครับ- blogger
part01.rar
part02.rar
part03.rar
part04.rar
part05.rar
part06.rar
part07.rar
part08.rar
part09.rar
part10.rar
part11.rar
part12.rar
หาอ่าน/ดาวน์โหลดพิ่มเติม คลิก อ่าน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1211] ดาวน์โหลดดิกยอดนิยมระดับโลก – Babylon
หมายเหตุ 3:
อ่านบทความใหม่ที่คุณวัชรเมธน์เขียนเกี่ยวกับการใช้งานและแก้ปัญหา Babylon Dictionary คลิก
หมายเหตุ 2:
ถาม: ดิฉันทำตามขั้นตอนทุกอย่างโดยให้install ที่Thum drive แล้วแต่ทำไมเวลาต้องการใช้โดยไม่ต่อเน็ต โดยกด Ctrl+click mouse at rigth ไม่ขึ้นตามที่คณบอกเลยคะ แต่ขึ้นให้ Install ใหม่ทุกครั้ง
ตอบ: คุณวัชรเมธน์ ชิษณุคุปต์ ศรีเนธิโรทัย (http://www.select2web.com/)ได้กรุณาตอบคำถามนี้ ขอขอบคุณมากครับ
คลิกอ่านคำตอบ: Answer_babylon.mht
หมายเหตุ 1: ท่านใดมีปัญหาในการใช้ดิก babylon ที่ผมแนะนำไว้ข้างบ่างนี้ ลองไปอ่านการใช้ที่ลิงค์นี้นะครับ อาจจะไม่มีปัญหา
[345] สำหรับท่านที่เป็นแฟนดิก Babylon เชิญที่นี่
* * * * * * * * *
สวัสดีครับ
Babylon เป็นดิกชันนารีดังระดับโลก ที่ใช้ได้ทั้งขณะต่อเน็ด (online) และไม่ได้ต่อเน็ต (offline)
ข้อเด่นของ Babylon มีอย่างน้อยดังต่อไปนี้
[1].ใช้ง่าย เพียงใช้เมาส์คลิกศัพท์ คำแปลก็จะปรากฏในหน้าต่างเล็กทันที และมีตำแปลให้ทั้ง อังกฤษ-อังกฤษ, อังกฤษ-ไทย, ไทย-อังกฤษ
[2].ฉลาด เช่น ในหน้าที่เราอ่าน มีคำประเภท two-word verb เมื่อเราคลิกคำแรก มันจะแสดงความหมายของ 2 คำควบกันเลย เพราะมันรู้ว่าเป็น two-word verb หรือกริยา 2 ตัวที่ไปด้วยกัน
[3].สามารถดาวน์โหลดดิกชันนารีจากฐานข้อมูลของ Babylon ได้เพิ่มเติมมากมาย เช่น ดาวน์โหลดดิก อังกฤษ – อังกฤษ เล่มที่เราต้องการ เล่มไหนก็ได้, ดาวน์โหลดดิกอังกฤษ – ไทย, ดาวน์โหลดดิกไทย – อังกฤษ ฯลฯ มหาศาลจริง ๆ ครับ
[4].และตอนนี้ผมได้ข้อดีมาอีก 1 ข้อคือ มีโปรแกรมที่เป็น portable คือใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้ง ท่านเพียง save ใส่ handy drive ไว้ เมื่อท่านจะเอาไปใช้กับคอมฯเครื่องอื่น ก็เพียงเอาไปเสียบและใช้งานได้เลย
[5].นอกจากใช้กับหน้าเว็บแล้ว ยังใช้กับ WORD, EXCEL, PowerPoint และไฟล์ PDF ได้อีกด้วย
[6].มีไอคอนรูปลำโพงให้คลิกฟังการออกเสียงคำอ่านด้วย
[7].คงมีข้อดีอีกหลายข้อ แต่ตอนนี้นึกได้แค่นี้ จึงขอพูดแค่นี้ก่อน
ถ้าท่านใดต้องการใช้ดิก Babylon เชิญดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่นี่ครับ เป็นโปรแกรมเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 2.5 MB
[1].ไฟล์ WinZip คลิก ลิงค์ที่ 1 หรือ ลิงค์ที่ 2
[2].ไฟล์ WinRar คลิก
การเริ่มใช้งาน (ตอนนี้ขอให้ยังต่อเน็ตอยู่ก่อน)
เมื่อแตกไฟล์เรียบร้อยแล้ว
[1].เข้าไปในโฟลเดอร์ และคลิกไฟล์ Application (89 KB), คลิก Browse, คลิก install
[2].เมื่อหน้าต่างดิกปรากฎ จะมีคำว่า welcome และคำแปล
[3].ที่ใต้บรรทัดสุดท้ายของคำแปล ตรงมุมขวาด้านล่าง ท่านจะเห็นคำว่าDownload this dictionary ให้คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดดิกอังกฤษ – อังกฤษ จากฐานข้อมูล Babylon English – English
[4].ใต้ลงมาอีก 3 – 4 บรรทัด จะเห็นคำว่า 5 more results, ให้คลิกที่นี่
[5].ท่านจะเห็นบรรทัดที่เขียนไว้ว่า
English- Thai, Dictionary of CherngX
English- Thai Quick Reference
ให้คลิกที่ 2 บรรทัดนี้ทีละครั้ง แล้วก็จะเจอคำว่า Download this dictionary, ก็ให้คลิกเพื่อดาวน์โหลดทีละบรรทัด ทั้ง 2 บรรทัด
[6]. ที่บรรทัดสุดท้าย จะเห็นคำว่า 3 more results, ให้คลิกที่นี่
-จะเจอคำว่า Eci_ThaiDictionary1, ก็ให้คลิกที่คำนี้, และให้คลิกที่ Download this dictionary เพื่อดาวน์โหลดในลักษณะเดียวกัน
-ล่างลงมาอีก จะเจอคำว่า English – Thai, Loy’s Dictionary, ก็ให้คลิกที่คำนี้, และให้คลิกที่ Download this dictionary เพื่อดาวน์โหลดในลักษณะเดียวกัน
XX เป็นอันว่าตอนนี้ท่านได้ดาวน์โหลดดิก อังกฤษ – อังกฤษ มาแล้วจาก 1 ฐานข้อมูล, และดาวน์โหลดดิก อังกฤษ – ไทย มาแล้วจาก 4 ฐานข้อมูล
[7]. ให้พิมพ์คำว่า เดิน ลงไป, Enter
[8].ท่านจะเห็นบรรทัดที่เขียนไว้ว่า Thai - English, Dictionary of CherngX, ให้คลิกที่ Download this dictionary เพื่อดาวน์โหลดในลักษณะเดียวกัน
-และท่านจะเห็นบรรทัดที่เขียนไว้ว่า Thai – English Quick Reference, ก็ให้คลิกที่คำนี้, และให้คลิกที่ Download this dictionary เพื่อดาวน์โหลดในลักษณะเดียวกัน
สรุป
ท่านได้ดาวน์โหลดดิกชันนารีเพื่อเอามาใช้งาน 7 ฉบับ ดังนี้
อังกฤษ – อังกฤษ:
Babylon English – English
อังกฤษ – ไทย:
English- Thai, Dictionary of CherngX
English- Thai Quick Reference
Eci_ThaiDictionary1
English – Thai, Loy’s Dictionary
ไทย – อังกฤษ:
Thai - English, Dictionary of CherngX
Thai – English Quick Reference
ถ้าท่านย้อนกลับไปยังสถานที่ที่ท่านแตกไฟล์โปรแกรมดิก Babylon จะพบว่าโฟลเดอร์ BabylonPortable มีขนาดใหญ่ถึง 82 MB นี่คือขนาดของดิกรวมกันทั้ง 7 เล่มที่ท่านดาวน์ไหหลดมา
การใช้งาน
ตอนนี้เราสามารถใช้งานทั้งขณะต่อเน็ตหรือไม่ต่อเน็ตก็ได้ (พิสูจน์ได้โดยดึงสายต่อเน็ตออก)
ขอให้ท่านพยายามศึกษาในหัวข้อการใช้งานนี้ให้ละเอียดสักหน่อย เพราะมันจะช่วยให้ท่านสามารถใช้งานดิก Babylon ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
-สมมุตว่า ท่านเผลอคลิกปิดหน้าต่างดิก Babylon ไปแล้ว, การดึงมาใช้งานอีกก็ทำได้ง่าย ๆ โดยเพียงใช้เมาส์วางบนคำศัพท์ พร้อมกับกด control +คลิกขวา หน้าต่างดิกก็จะปรากฏ (หรือเพียงคลิกที่ไอคอนรูปตัว b ที่ task bar มุมล่างขวา ก็ได้)
เมื่อหน้าต่างดิกปรากฏแล้ว ให้ท่านคลิกที่รูปฟันเฟืองที่มุมบนขวาของหน้าต่าง ท่านจะเห็นหน้าต่าง Configuration ซึ่งท่านสามารถคลิกเลือกเพื่อกำหนดค่าการใช้งานต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ ขอแนะนำให้ท่านคลิกดูทุกปุ่มอย่างละเอียด เพราะเมื่อตั้งค่าแล้ว ยังสามารถกลับมาเปลี่ยนอีกได้ ในที่นี่ผมขอแนะนำบางปุ่มให้ท่านรู้จักก่อน ดังนี้
-คลิก Activation, ใต้หัวข้อ Mouse Activation และอ่านวิธีการเปลี่ยนวิธีคลิกเมาส์เพื่อใช้งาน
-คลิก Languages & Dictionary, คลิก Manage Dictionaries,ท่านจะเห็นดิกทุกเล่มที่ดาวน์โหลดไว้, ท่านสามารถจัดลำดับว่าจะให้ศัพท์ที่แสดงมาจากดิกเล่มไหน เรียงตามลำดับก่อน – หลัง โดยคลิกไฮไลต์ที่บรรทัดดิก แล้วคลิก Move up หรือ Move down, เสร็จแล้วคลิก OK
-คลิก Appearance - ที่นี่ ท่านสามารถกำหนดชนิดและขนาดของ font ในหน้าต่างดิกได้ (-ท่านยังสามารถใช้เมาส์ลากให้หน้าต่างดิกมีขนาดเล็ก - ใหญ่ได้ตามต้องการ)
-คลิก Miscellaneous, ที่ใต้บรรทัด Enter text and try this voice ท่านสามารถพิมพ์วลีหรือประโยคสั้น ๆ ลงไป และคลิก Say it เพื่อฟังเสียงอ่าน
เมื่อปรับค่าทุกอย่างได้ตามใจแล้ว ก็คลิก OK
XX การตั้งค่า/ปรับค่าการใช้งานนี้ สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคยอาจจะดูยุ่ง แต่ถ้าทำให้เป็นสักครั้งเดียว เมื่อทำอีกครั้งหน้าจะง่ายมาก ๆ
สุดท้ายครับ
[1] ถ้าศัพท์ที่มีพยางค์ต่อท้าย เช่น -ed, -ing, -ly หรือพยางค์เติมหน้า เช่น un-, in-, dis-, ir-, เมื่อท่านคลิกแล้ว ไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทยให้ไว้ ให้ท่านลบพยางค์ที่เติมหน้าหรือต่อท้ายนี้ออก คำแปลก็อาจจะปรากฏก็ได้
[2] ท่านสามารถพิมพ์ศัพท์ภาษาไทยลงไป เพื่อให้ Babylon หาคำแปลเป็นภาษาอังกฤษ
[3] เมื่อท่านเปิดคอมฯขึ้นมาใหม่ และจะใช้งานดิก Babylon ให้ไปที่โฟลเดอร์ BabylonPortable (82 MB)ที่กล่าวไว้ในสรุปข้างต้น และคลิกที่คลิกไฟล์ Application (89 KB), และถ้ามีข้อความขึ้นมาว่า Would you try to restore local and backup portable settings? ก็ให้คลิก OK
เอาละครับ ที่สำคัญผมคงจะแนะนำหมดแล้ว
ผมเชื่อว่า ท่านจะมีดิกสะดวกใช้อีก 1 โปรแกรมไว้คอยอำนวยความสะดวกในการหาคำศัพท์ สามารถหาความหมายของคำศัพท์ได้จากไฟล์ทุกชนิด ทั้งขณะที่ต่อเน็ตหรือไม่ได้ต่อเน็ต
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
อ่านบทความใหม่ที่คุณวัชรเมธน์เขียนเกี่ยวกับการใช้งานและแก้ปัญหา Babylon Dictionary คลิก
หมายเหตุ 2:
ถาม: ดิฉันทำตามขั้นตอนทุกอย่างโดยให้install ที่Thum drive แล้วแต่ทำไมเวลาต้องการใช้โดยไม่ต่อเน็ต โดยกด Ctrl+click mouse at rigth ไม่ขึ้นตามที่คณบอกเลยคะ แต่ขึ้นให้ Install ใหม่ทุกครั้ง
ตอบ: คุณวัชรเมธน์ ชิษณุคุปต์ ศรีเนธิโรทัย (http://www.select2web.com/)ได้กรุณาตอบคำถามนี้ ขอขอบคุณมากครับ
คลิกอ่านคำตอบ: Answer_babylon.mht
หมายเหตุ 1: ท่านใดมีปัญหาในการใช้ดิก babylon ที่ผมแนะนำไว้ข้างบ่างนี้ ลองไปอ่านการใช้ที่ลิงค์นี้นะครับ อาจจะไม่มีปัญหา
[345] สำหรับท่านที่เป็นแฟนดิก Babylon เชิญที่นี่
* * * * * * * * *
สวัสดีครับ
Babylon เป็นดิกชันนารีดังระดับโลก ที่ใช้ได้ทั้งขณะต่อเน็ด (online) และไม่ได้ต่อเน็ต (offline)
ข้อเด่นของ Babylon มีอย่างน้อยดังต่อไปนี้
[1].ใช้ง่าย เพียงใช้เมาส์คลิกศัพท์ คำแปลก็จะปรากฏในหน้าต่างเล็กทันที และมีตำแปลให้ทั้ง อังกฤษ-อังกฤษ, อังกฤษ-ไทย, ไทย-อังกฤษ
[2].ฉลาด เช่น ในหน้าที่เราอ่าน มีคำประเภท two-word verb เมื่อเราคลิกคำแรก มันจะแสดงความหมายของ 2 คำควบกันเลย เพราะมันรู้ว่าเป็น two-word verb หรือกริยา 2 ตัวที่ไปด้วยกัน
[3].สามารถดาวน์โหลดดิกชันนารีจากฐานข้อมูลของ Babylon ได้เพิ่มเติมมากมาย เช่น ดาวน์โหลดดิก อังกฤษ – อังกฤษ เล่มที่เราต้องการ เล่มไหนก็ได้, ดาวน์โหลดดิกอังกฤษ – ไทย, ดาวน์โหลดดิกไทย – อังกฤษ ฯลฯ มหาศาลจริง ๆ ครับ
[4].และตอนนี้ผมได้ข้อดีมาอีก 1 ข้อคือ มีโปรแกรมที่เป็น portable คือใช้งานได้โดยไม่ต้องติดตั้ง ท่านเพียง save ใส่ handy drive ไว้ เมื่อท่านจะเอาไปใช้กับคอมฯเครื่องอื่น ก็เพียงเอาไปเสียบและใช้งานได้เลย
[5].นอกจากใช้กับหน้าเว็บแล้ว ยังใช้กับ WORD, EXCEL, PowerPoint และไฟล์ PDF ได้อีกด้วย
[6].มีไอคอนรูปลำโพงให้คลิกฟังการออกเสียงคำอ่านด้วย
[7].คงมีข้อดีอีกหลายข้อ แต่ตอนนี้นึกได้แค่นี้ จึงขอพูดแค่นี้ก่อน
ถ้าท่านใดต้องการใช้ดิก Babylon เชิญดาวน์โหลดโปรแกรมได้ที่นี่ครับ เป็นโปรแกรมเล็ก ๆ ขนาดประมาณ 2.5 MB
[1].ไฟล์ WinZip คลิก ลิงค์ที่ 1 หรือ ลิงค์ที่ 2
[2].ไฟล์ WinRar คลิก
การเริ่มใช้งาน (ตอนนี้ขอให้ยังต่อเน็ตอยู่ก่อน)
เมื่อแตกไฟล์เรียบร้อยแล้ว
[1].เข้าไปในโฟลเดอร์ และคลิกไฟล์ Application (89 KB), คลิก Browse, คลิก install
[2].เมื่อหน้าต่างดิกปรากฎ จะมีคำว่า welcome และคำแปล
[3].ที่ใต้บรรทัดสุดท้ายของคำแปล ตรงมุมขวาด้านล่าง ท่านจะเห็นคำว่าDownload this dictionary ให้คลิกที่นี่เพื่อดาวน์โหลดดิกอังกฤษ – อังกฤษ จากฐานข้อมูล Babylon English – English
[4].ใต้ลงมาอีก 3 – 4 บรรทัด จะเห็นคำว่า 5 more results, ให้คลิกที่นี่
[5].ท่านจะเห็นบรรทัดที่เขียนไว้ว่า
English- Thai, Dictionary of CherngX
English- Thai Quick Reference
ให้คลิกที่ 2 บรรทัดนี้ทีละครั้ง แล้วก็จะเจอคำว่า Download this dictionary, ก็ให้คลิกเพื่อดาวน์โหลดทีละบรรทัด ทั้ง 2 บรรทัด
[6]. ที่บรรทัดสุดท้าย จะเห็นคำว่า 3 more results, ให้คลิกที่นี่
-จะเจอคำว่า Eci_ThaiDictionary1, ก็ให้คลิกที่คำนี้, และให้คลิกที่ Download this dictionary เพื่อดาวน์โหลดในลักษณะเดียวกัน
-ล่างลงมาอีก จะเจอคำว่า English – Thai, Loy’s Dictionary, ก็ให้คลิกที่คำนี้, และให้คลิกที่ Download this dictionary เพื่อดาวน์โหลดในลักษณะเดียวกัน
XX เป็นอันว่าตอนนี้ท่านได้ดาวน์โหลดดิก อังกฤษ – อังกฤษ มาแล้วจาก 1 ฐานข้อมูล, และดาวน์โหลดดิก อังกฤษ – ไทย มาแล้วจาก 4 ฐานข้อมูล
[7]. ให้พิมพ์คำว่า เดิน ลงไป, Enter
[8].ท่านจะเห็นบรรทัดที่เขียนไว้ว่า Thai - English, Dictionary of CherngX, ให้คลิกที่ Download this dictionary เพื่อดาวน์โหลดในลักษณะเดียวกัน
-และท่านจะเห็นบรรทัดที่เขียนไว้ว่า Thai – English Quick Reference, ก็ให้คลิกที่คำนี้, และให้คลิกที่ Download this dictionary เพื่อดาวน์โหลดในลักษณะเดียวกัน
สรุป
ท่านได้ดาวน์โหลดดิกชันนารีเพื่อเอามาใช้งาน 7 ฉบับ ดังนี้
อังกฤษ – อังกฤษ:
Babylon English – English
อังกฤษ – ไทย:
English- Thai, Dictionary of CherngX
English- Thai Quick Reference
Eci_ThaiDictionary1
English – Thai, Loy’s Dictionary
ไทย – อังกฤษ:
Thai - English, Dictionary of CherngX
Thai – English Quick Reference
ถ้าท่านย้อนกลับไปยังสถานที่ที่ท่านแตกไฟล์โปรแกรมดิก Babylon จะพบว่าโฟลเดอร์ BabylonPortable มีขนาดใหญ่ถึง 82 MB นี่คือขนาดของดิกรวมกันทั้ง 7 เล่มที่ท่านดาวน์ไหหลดมา
การใช้งาน
ตอนนี้เราสามารถใช้งานทั้งขณะต่อเน็ตหรือไม่ต่อเน็ตก็ได้ (พิสูจน์ได้โดยดึงสายต่อเน็ตออก)
ขอให้ท่านพยายามศึกษาในหัวข้อการใช้งานนี้ให้ละเอียดสักหน่อย เพราะมันจะช่วยให้ท่านสามารถใช้งานดิก Babylon ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
-สมมุตว่า ท่านเผลอคลิกปิดหน้าต่างดิก Babylon ไปแล้ว, การดึงมาใช้งานอีกก็ทำได้ง่าย ๆ โดยเพียงใช้เมาส์วางบนคำศัพท์ พร้อมกับกด control +คลิกขวา หน้าต่างดิกก็จะปรากฏ (หรือเพียงคลิกที่ไอคอนรูปตัว b ที่ task bar มุมล่างขวา ก็ได้)
เมื่อหน้าต่างดิกปรากฏแล้ว ให้ท่านคลิกที่รูปฟันเฟืองที่มุมบนขวาของหน้าต่าง ท่านจะเห็นหน้าต่าง Configuration ซึ่งท่านสามารถคลิกเลือกเพื่อกำหนดค่าการใช้งานต่าง ๆ ได้ตามใจชอบ ขอแนะนำให้ท่านคลิกดูทุกปุ่มอย่างละเอียด เพราะเมื่อตั้งค่าแล้ว ยังสามารถกลับมาเปลี่ยนอีกได้ ในที่นี่ผมขอแนะนำบางปุ่มให้ท่านรู้จักก่อน ดังนี้
-คลิก Activation, ใต้หัวข้อ Mouse Activation และอ่านวิธีการเปลี่ยนวิธีคลิกเมาส์เพื่อใช้งาน
-คลิก Languages & Dictionary, คลิก Manage Dictionaries,ท่านจะเห็นดิกทุกเล่มที่ดาวน์โหลดไว้, ท่านสามารถจัดลำดับว่าจะให้ศัพท์ที่แสดงมาจากดิกเล่มไหน เรียงตามลำดับก่อน – หลัง โดยคลิกไฮไลต์ที่บรรทัดดิก แล้วคลิก Move up หรือ Move down, เสร็จแล้วคลิก OK
-คลิก Appearance - ที่นี่ ท่านสามารถกำหนดชนิดและขนาดของ font ในหน้าต่างดิกได้ (-ท่านยังสามารถใช้เมาส์ลากให้หน้าต่างดิกมีขนาดเล็ก - ใหญ่ได้ตามต้องการ)
-คลิก Miscellaneous, ที่ใต้บรรทัด Enter text and try this voice ท่านสามารถพิมพ์วลีหรือประโยคสั้น ๆ ลงไป และคลิก Say it เพื่อฟังเสียงอ่าน
เมื่อปรับค่าทุกอย่างได้ตามใจแล้ว ก็คลิก OK
XX การตั้งค่า/ปรับค่าการใช้งานนี้ สำหรับท่านที่ไม่คุ้นเคยอาจจะดูยุ่ง แต่ถ้าทำให้เป็นสักครั้งเดียว เมื่อทำอีกครั้งหน้าจะง่ายมาก ๆ
สุดท้ายครับ
[1] ถ้าศัพท์ที่มีพยางค์ต่อท้าย เช่น -ed, -ing, -ly หรือพยางค์เติมหน้า เช่น un-, in-, dis-, ir-, เมื่อท่านคลิกแล้ว ไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทยให้ไว้ ให้ท่านลบพยางค์ที่เติมหน้าหรือต่อท้ายนี้ออก คำแปลก็อาจจะปรากฏก็ได้
[2] ท่านสามารถพิมพ์ศัพท์ภาษาไทยลงไป เพื่อให้ Babylon หาคำแปลเป็นภาษาอังกฤษ
[3] เมื่อท่านเปิดคอมฯขึ้นมาใหม่ และจะใช้งานดิก Babylon ให้ไปที่โฟลเดอร์ BabylonPortable (82 MB)ที่กล่าวไว้ในสรุปข้างต้น และคลิกที่คลิกไฟล์ Application (89 KB), และถ้ามีข้อความขึ้นมาว่า Would you try to restore local and backup portable settings? ก็ให้คลิก OK
เอาละครับ ที่สำคัญผมคงจะแนะนำหมดแล้ว
ผมเชื่อว่า ท่านจะมีดิกสะดวกใช้อีก 1 โปรแกรมไว้คอยอำนวยความสะดวกในการหาคำศัพท์ สามารถหาความหมายของคำศัพท์ได้จากไฟล์ทุกชนิด ทั้งขณะที่ต่อเน็ตหรือไม่ได้ต่อเน็ต
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1210]ให้Googleจัดลำดับความดังของเว็บที่เรา Search
สวัสดีครับ
ตามธรรมดาเมื่อเราให้ Google หาเว็บ, Google ก็จะโชว์ผลการค้นเป็นเว็บที่ตรงกับเรื่องที่เราค้นและเป็นเว็บที่คนคลิกเข้าไปชมบ่อย ๆ ไว้ในลำดับต้น ๆ
ท่านลองเล่นดูก็ได้ครับ ลองพิมพ์คำว่า อังกฤษฟรี ลงไปที่ Google และดูเว็บแรกว่าเป็นเว็บอะไร
แต่ Google ยังมีลูกเล่นอีก 1 อย่าง คือ เขามีการ ให้คะแนน PageRank แก่เว็บไซต์
ถ้าเว็บเพจใด หรือเว็บไซต์ใดมีคนคลิกเข้าไปอ่านมาก ๆ และ มีเว็บดัง ๆ ทำลิงค์ไปยังหน้าหรือเว็บนั้นมาก ๆ ตัวเลข PageRank ของ Google ก็จะสูง (ตั้งแต่ ไม่มีอันดับเลย และสูงขึ้นไป 1 - 10)
และมีเว็บ ๆ หนึ่งเขามีบริการให้เราพิมพ์คำค้นลงไป และผลการค้นที่เขาโชว์ จะเรียงลำดับ PageRank จากสูงไปหาต่ำ ผมลองใช้งานให้หาเว็บเรียนภาษาอังกฤษก็พบว่า ผลการค้นแม่นยำน่าพอใจมาก คือเว็บที่มี PageRank ลำดับสูง ๆ ก็จะตรงกับเรื่องที่เราค้นจริง ๆ ทำให้ได้ผลการค้นหาที่ตรงใจและรวดเร็วมาก
ที่เว็บนี้ครับ
http://www.seochat.com/seo-tools/pagerank-search/
วิธีใช้ คือ
-พิมพ์คำค้นลงไป
-ตรงช่อง Order by: ให้เลือก PageRank
-ตรงช่อง Results per page: ขอแนะนำให้เลือก 10
-และคลิก PageRank Search
-ในการ Search ครั้งต่อ ๆไป ตรงช่องแรก ให้คลิกจากบรรทัด Order by (pagerank): กลับไปบรรทัด PageRank: เหมือนเดิม
ท่านลองพิมพ์คำค้นข้างล่างนี้ ลงไป แล้วดูผลด้วยตัวท่านเองแล้วกันครับ
daily English reading practice
daily English listening practice
daily English test
free books download
English learner’s dictionary
online free english study online
ลองดูด้วยตัวเอง ถ้าพอใจ อาจจะทำให้ท่านมีเครื่องมือการ Search ที่เหมาะใจอีก 1 ชิ้นก็เป็นได้ครับ
http://www.seochat.com/seo-tools/pagerank-search/
ศึกษาเพิ่มเติม:
[1098] ทุกอย่างที่อยากรู้ ป้อนคำถาม ให้ Google ตอบ
[353] วิธีหาให้พบ 'ภาษาอังกฤษ' ที่เราต้องการ
[460] 'เทคนิคการสืบค้น Google อย่างมืออาชีพ'
[123] Search ยังไงให้เจอทุกครั้ง?
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ตามธรรมดาเมื่อเราให้ Google หาเว็บ, Google ก็จะโชว์ผลการค้นเป็นเว็บที่ตรงกับเรื่องที่เราค้นและเป็นเว็บที่คนคลิกเข้าไปชมบ่อย ๆ ไว้ในลำดับต้น ๆ
ท่านลองเล่นดูก็ได้ครับ ลองพิมพ์คำว่า อังกฤษฟรี ลงไปที่ Google และดูเว็บแรกว่าเป็นเว็บอะไร
แต่ Google ยังมีลูกเล่นอีก 1 อย่าง คือ เขามีการ ให้คะแนน PageRank แก่เว็บไซต์
ถ้าเว็บเพจใด หรือเว็บไซต์ใดมีคนคลิกเข้าไปอ่านมาก ๆ และ มีเว็บดัง ๆ ทำลิงค์ไปยังหน้าหรือเว็บนั้นมาก ๆ ตัวเลข PageRank ของ Google ก็จะสูง (ตั้งแต่ ไม่มีอันดับเลย และสูงขึ้นไป 1 - 10)
และมีเว็บ ๆ หนึ่งเขามีบริการให้เราพิมพ์คำค้นลงไป และผลการค้นที่เขาโชว์ จะเรียงลำดับ PageRank จากสูงไปหาต่ำ ผมลองใช้งานให้หาเว็บเรียนภาษาอังกฤษก็พบว่า ผลการค้นแม่นยำน่าพอใจมาก คือเว็บที่มี PageRank ลำดับสูง ๆ ก็จะตรงกับเรื่องที่เราค้นจริง ๆ ทำให้ได้ผลการค้นหาที่ตรงใจและรวดเร็วมาก
ที่เว็บนี้ครับ
http://www.seochat.com/seo-tools/pagerank-search/
วิธีใช้ คือ
-พิมพ์คำค้นลงไป
-ตรงช่อง Order by: ให้เลือก PageRank
-ตรงช่อง Results per page: ขอแนะนำให้เลือก 10
-และคลิก PageRank Search
-ในการ Search ครั้งต่อ ๆไป ตรงช่องแรก ให้คลิกจากบรรทัด Order by (pagerank): กลับไปบรรทัด PageRank: เหมือนเดิม
ท่านลองพิมพ์คำค้นข้างล่างนี้ ลงไป แล้วดูผลด้วยตัวท่านเองแล้วกันครับ
daily English reading practice
daily English listening practice
daily English test
free books download
English learner’s dictionary
online free english study online
ลองดูด้วยตัวเอง ถ้าพอใจ อาจจะทำให้ท่านมีเครื่องมือการ Search ที่เหมาะใจอีก 1 ชิ้นก็เป็นได้ครับ
http://www.seochat.com/seo-tools/pagerank-search/
ศึกษาเพิ่มเติม:
[1098] ทุกอย่างที่อยากรู้ ป้อนคำถาม ให้ Google ตอบ
[353] วิธีหาให้พบ 'ภาษาอังกฤษ' ที่เราต้องการ
[460] 'เทคนิคการสืบค้น Google อย่างมืออาชีพ'
[123] Search ยังไงให้เจอทุกครั้ง?
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552
[1209]เขียนอังกฤษให้ สั้นชัดสวย ด้วย plain English
เพิ่มเติม 25 ธันวาคม 2554
เพิ่มเติม (9 มิย 53) เกี่ยวกับ plain English
สวัสดีครับ
ในบล็อกนี้ ผมเคยพูดเกี่ยวกับ plain English ไว้ที่ ลิงค์นี้
วันนี้ผมขอพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง
Oxford Dictionary เขียนไว้ว่า
“in plain English” แปลว่า “simply and clearly expressed, without using technical language” เช่น a document written in plain English หรือ If you could put it in plain English I might be able to understand.
Macmillan Dictionary เขียนไว้ว่า
“plain English language” คือ
“language that is easy to understand because it does not use difficult or technical words” เช่น “There have been demands for the tax forms to be rewritten in plain English.”
คำว่า plain English พูดง่าย ๆ ตามที่ผมเข้าใจก็คือ ภาษาอังกฤษ ที่เมื่อสื่อออกไปโดยการพูด หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการเขียน ทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ๆ และตรงตามที่ต้องการจะสื่อ ไม่ใช้ภาษาที่ยาก ซับซ้อน เยิ่นเย้อ หรูหรา หรือใช้ศัพท์เทคนิคที่ชาวบ้านอ่านไม่รู้เรื่อง
ท่านลองอ่านประโยค 2 คู่ข้างล่างนี้ดูก่อนแล้วกันครับ
[1] I have now had sight of your letter to Mr Jones
[2] I have now seen your letter to Mr Jones
และ
[1] Vote for not more than one candidate.
[2] Vote for one candidate only.
เห็นได้ชัดว่า ประโยคที่ [2] อ่านได้ง่ายกว่าประโยค [1]
ฉะนั้น ถ้าเราอ่านบทความหรือ story อะไรก็ตามที่เขียนอย่างประโยคที่ 1ต่อเนื่องไปนาน ๆ แม้เราจะอ่านรู้เรื่อง แต่มันจะทำให้เราสะสมความเครียดจาการอ่านโดยไม่จำเป็น และคงอยากจะเลิกอ่านดื้อ ๆ ถ้าทำได้ ซึ่งมันต่างจากประโยคที่ 2 ที่เราสามารถอ่านไปได้เรื่อย ๆ และไม่เหนื่อยเร็วเกินไป
ถ้าท่านยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของประโยค 2 คู่ข้างบน ลองอ่านข้างล่างนี้ ระหว่างข้อ1 ซึ่งเป็นประโยคเดียวที่ยาวมาก และข้อ 2 ซึ่งซอยสั้นลงเป็น 3 ประโยค
[1] I understand that some doctors making night calls have been attacked in recent months on the expectation that they were carrying drugs and their caution when visiting certain areas in the south of the city has been very exacting and has even included telephoning the address to be visited from their car when they arrive outside the house.
และ
[2] I understand that some doctors making night calls have been attacked in recent months on the expectation that they were carrying drugs. /// Their caution when visiting certain areas in the south of the city has been very exacting. /// It has even included telephoning the address to be visited from their car when they arrive outside the house.
คำถามง่าย ๆ ของผมก็คือ ถ้าท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล และอ่านใบสมัครของ Mr A ที่เขียนโดยใช้ประโยคแบบที่ 1 และใบสมัครของ Mr B ที่เขียนโดยใช้ประโยคแบบที่ 2 เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าคุณสมบัติอย่างอื่น ๆ ของผู้สมัคร 2 คนนี้เท่าเทียมกันทุกประการ ท่านอยากจะรับใครเข้าทำงานมากกว่ากัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของประโยคที่เป็น plain English และที่ไม่ใช่ plain English
ถ้าท่านต้องการตัวอย่างเพิ่มเติม ไปที่ 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ และอ่าน Before เปรียบเทียบกับ After
ลิงค์ที่ 1 และ ลิงค์ที่ 2
ว่ากันจริง ๆ ผมคิดว่าใคร ๆ ก็ชอบอ่าน plain English เพราะมันอ่านง่าย เข้าใจง่าย เมื่ออ่านไปนาน ๆ ก็ไม่เมื่อยสมองเร็วนัก แต่... แต่ การเขียน plain English อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เหมือนกับคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ ราคาถูก แต่ก็ดูดีและดึงดูดตา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า plain English จะพูดง่ายทำยาก แต่ก็มิใช่ว่าทำไม่ได้
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้ตัวเองสามารถเขียนภาษาอังกฤษออกมาเป็น plain English จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมมีอยู่ 2 วิธีที่ใช้ฝึก คือ
1. อ่านภาษาอังกฤษที่เขียนโดยใช้ plain English บ่อย ๆ: ในบล็อกนี้ ท่านสามารถหาอ่านได้จากลิงค์นี้ครับ
[1194]รวมเรื่อง 'สนุกและง่าย'ที่แนะนำไว้ในบล็อกนี้
เมื่อเราอ่าน plain English บ่อย ๆ เราก็จะสามารถจดจำสไตล์การเขียนแบบนี้ไปทีละหน่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว
2.ส่วนอีกวิธีหนึ่ง ผมพบเว็บ และตำราหลายเล่มที่อธิบาย ยกตัวอย่าง และมีแบบฝึกหัดให้ทำ ข้างล่างนี้ครับ
เว็บที่เขียนกี่ยวกับ plain English
เว็บที่ 1 How to write in plain English
เว็บที่ 2 How to write Simple English articles
เว็บที่ 3 http://www.askoxford.com/betterwriting/plainenglish/?view=uk
เว็บที่ 4 http://en.wikipedia.org/wiki/Plain_English
เว็บที่ 5 http://simple.wikipedia.org/wiki/Basic_English
.
หนังสือที่เขียนกี่ยวกับ plain English
หนังสือเหล่านี้ แม้อาจจะดูว่าเนื้อหาหนัก แต่สิ่งที่หน้าหนังสือมีมากกว่าหน้าเว็บก็คือ หนังสือมีรายละเอียดมากกว่าหลายเท่า สามารถหิ้วติดมือไปฝึกที่ไหนก็ได้
เล่มที่ 1 Plain English at Work
ถ้าจะอ่านคำนำของของหนังสือดูก่อน คลิกที่นี่
เล่มที่ 2 A Plain English Handbook
เล่มที่ 3
The Elements Of International English Style~ A Guide To Writing Correspondence, Reports, Technical Documents, and Internet Pages for a Global Audience - (2005) คลิก
ถ้าจะอ่านคำนำของของหนังสือดูก่อน คลิกที่นี่
เล่มที่ 4 Writing In Plain English
5. ส่วนลิงค์นี้รวมตำราและหนังสือหลายเล่มที่เขียนโดยใช้ plain English คลิก
เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้วตอนที่ผมอยู่ปี 1 คณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ได้เรียนวิชาการประพันธ์กับอาจารย์เสรี วงศ์มณฑา มีประโยคหนึ่งที่อาจารย์สอนและผมจำได้ติดใจตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ คือ การเขียนหนังสือจะต้องเขียนให้สั้น (คือกระชับ) ชัด และสวย ผมเชื่อว่า เราสามารถเขียนภาษาอังกฤษให้ทั้งสั้น - ชัด -สวย ด้วย plain English
ผมเองก็ยังต้องฝึกอยู่เรื่อย ๆ ครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
list of plain English words
eBook เกี่ยวกับ Plain English
code ตอนแตกไฟล์ rar คือ englishtips.org
**********
เพิ่มเติม (9 มิย 53) เกี่ยวกับ plain English
เว็บแสดงการเขียนด้วย plain English
สวัสดีครับ
ในบล็อกนี้ ผมเคยพูดเกี่ยวกับ plain English ไว้ที่ ลิงค์นี้
วันนี้ผมขอพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง
Oxford Dictionary เขียนไว้ว่า
“in plain English” แปลว่า “simply and clearly expressed, without using technical language” เช่น a document written in plain English หรือ If you could put it in plain English I might be able to understand.
Macmillan Dictionary เขียนไว้ว่า
“plain English language” คือ
“language that is easy to understand because it does not use difficult or technical words” เช่น “There have been demands for the tax forms to be rewritten in plain English.”
คำว่า plain English พูดง่าย ๆ ตามที่ผมเข้าใจก็คือ ภาษาอังกฤษ ที่เมื่อสื่อออกไปโดยการพูด หรือโดยเฉพาะอย่างยิ่งโดยการเขียน ทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่าย ๆ และตรงตามที่ต้องการจะสื่อ ไม่ใช้ภาษาที่ยาก ซับซ้อน เยิ่นเย้อ หรูหรา หรือใช้ศัพท์เทคนิคที่ชาวบ้านอ่านไม่รู้เรื่อง
ท่านลองอ่านประโยค 2 คู่ข้างล่างนี้ดูก่อนแล้วกันครับ
[1] I have now had sight of your letter to Mr Jones
[2] I have now seen your letter to Mr Jones
และ
[1] Vote for not more than one candidate.
[2] Vote for one candidate only.
เห็นได้ชัดว่า ประโยคที่ [2] อ่านได้ง่ายกว่าประโยค [1]
ฉะนั้น ถ้าเราอ่านบทความหรือ story อะไรก็ตามที่เขียนอย่างประโยคที่ 1ต่อเนื่องไปนาน ๆ แม้เราจะอ่านรู้เรื่อง แต่มันจะทำให้เราสะสมความเครียดจาการอ่านโดยไม่จำเป็น และคงอยากจะเลิกอ่านดื้อ ๆ ถ้าทำได้ ซึ่งมันต่างจากประโยคที่ 2 ที่เราสามารถอ่านไปได้เรื่อย ๆ และไม่เหนื่อยเร็วเกินไป
ถ้าท่านยังไม่รู้สึกถึงความแตกต่างของประโยค 2 คู่ข้างบน ลองอ่านข้างล่างนี้ ระหว่างข้อ1 ซึ่งเป็นประโยคเดียวที่ยาวมาก และข้อ 2 ซึ่งซอยสั้นลงเป็น 3 ประโยค
[1] I understand that some doctors making night calls have been attacked in recent months on the expectation that they were carrying drugs and their caution when visiting certain areas in the south of the city has been very exacting and has even included telephoning the address to be visited from their car when they arrive outside the house.
และ
[2] I understand that some doctors making night calls have been attacked in recent months on the expectation that they were carrying drugs. /// Their caution when visiting certain areas in the south of the city has been very exacting. /// It has even included telephoning the address to be visited from their car when they arrive outside the house.
คำถามง่าย ๆ ของผมก็คือ ถ้าท่านเป็นหัวหน้าฝ่ายบุคคล และอ่านใบสมัครของ Mr A ที่เขียนโดยใช้ประโยคแบบที่ 1 และใบสมัครของ Mr B ที่เขียนโดยใช้ประโยคแบบที่ 2 เมื่ออ่านไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ถ้าคุณสมบัติอย่างอื่น ๆ ของผู้สมัคร 2 คนนี้เท่าเทียมกันทุกประการ ท่านอยากจะรับใครเข้าทำงานมากกว่ากัน
นี่เป็นเพียงตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของประโยคที่เป็น plain English และที่ไม่ใช่ plain English
ถ้าท่านต้องการตัวอย่างเพิ่มเติม ไปที่ 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ และอ่าน Before เปรียบเทียบกับ After
ลิงค์ที่ 1 และ ลิงค์ที่ 2
ว่ากันจริง ๆ ผมคิดว่าใคร ๆ ก็ชอบอ่าน plain English เพราะมันอ่านง่าย เข้าใจง่าย เมื่ออ่านไปนาน ๆ ก็ไม่เมื่อยสมองเร็วนัก แต่... แต่ การเขียน plain English อาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เหมือนกับคนที่แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา ๆ ราคาถูก แต่ก็ดูดีและดึงดูดตา
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า plain English จะพูดง่ายทำยาก แต่ก็มิใช่ว่าทำไม่ได้
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะทำให้ตัวเองสามารถเขียนภาษาอังกฤษออกมาเป็น plain English จากประสบการณ์ส่วนตัว ผมมีอยู่ 2 วิธีที่ใช้ฝึก คือ
1. อ่านภาษาอังกฤษที่เขียนโดยใช้ plain English บ่อย ๆ: ในบล็อกนี้ ท่านสามารถหาอ่านได้จากลิงค์นี้ครับ
[1194]รวมเรื่อง 'สนุกและง่าย'ที่แนะนำไว้ในบล็อกนี้
เมื่อเราอ่าน plain English บ่อย ๆ เราก็จะสามารถจดจำสไตล์การเขียนแบบนี้ไปทีละหน่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว
2.ส่วนอีกวิธีหนึ่ง ผมพบเว็บ และตำราหลายเล่มที่อธิบาย ยกตัวอย่าง และมีแบบฝึกหัดให้ทำ ข้างล่างนี้ครับ
เว็บที่เขียนกี่ยวกับ plain English
เว็บที่ 1 How to write in plain English
เว็บที่ 2 How to write Simple English articles
เว็บที่ 3 http://www.askoxford.com/betterwriting/plainenglish/?view=uk
เว็บที่ 4 http://en.wikipedia.org/wiki/Plain_English
เว็บที่ 5 http://simple.wikipedia.org/wiki/Basic_English
.
หนังสือที่เขียนกี่ยวกับ plain English
หนังสือเหล่านี้ แม้อาจจะดูว่าเนื้อหาหนัก แต่สิ่งที่หน้าหนังสือมีมากกว่าหน้าเว็บก็คือ หนังสือมีรายละเอียดมากกว่าหลายเท่า สามารถหิ้วติดมือไปฝึกที่ไหนก็ได้
เล่มที่ 1 Plain English at Work
ถ้าจะอ่านคำนำของของหนังสือดูก่อน คลิกที่นี่
เล่มที่ 2 A Plain English Handbook
เล่มที่ 3
The Elements Of International English Style~ A Guide To Writing Correspondence, Reports, Technical Documents, and Internet Pages for a Global Audience - (2005) คลิก
ถ้าจะอ่านคำนำของของหนังสือดูก่อน คลิกที่นี่
เล่มที่ 4 Writing In Plain English
5. ส่วนลิงค์นี้รวมตำราและหนังสือหลายเล่มที่เขียนโดยใช้ plain English คลิก
เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้วตอนที่ผมอยู่ปี 1 คณะวารสารศาสตร์ ธรรมศาสตร์ ได้เรียนวิชาการประพันธ์กับอาจารย์เสรี วงศ์มณฑา มีประโยคหนึ่งที่อาจารย์สอนและผมจำได้ติดใจตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ คือ การเขียนหนังสือจะต้องเขียนให้สั้น (คือกระชับ) ชัด และสวย ผมเชื่อว่า เราสามารถเขียนภาษาอังกฤษให้ทั้งสั้น - ชัด -สวย ด้วย plain English
ผมเองก็ยังต้องฝึกอยู่เรื่อย ๆ ครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com