สวัสดีครับ
เนื่องในวาระดิถีขึ้นใหม่ 2010/2553 นี้ผมขอตั้งจิตอธิษฐานให้ผู้อ่านทุกท่าน
มีโชคลาภ ทรัพย์สิน ไม่สิ้นสุด
มีรักดุจ ผ้าห่ม กันลมหนาว
มีกายแกร่ง ใจกล้า ท้าดวงดาว
มีชีวิต ที่ยืนยาว และดีงาม
พิพัฒน์ - Blogger
******
และผมขอถือโอกาสนี้พูดคุยสารทุกข์สุกดิบในฐานะ blogger กับผู้อ่าน สักหน่อยนะครับ ซึ่งมี 4 เรื่องซึ่งผมจะคุย คือ
1.เรื่องที่จะบอกเล่า
2.เรื่องที่จะขอบคุณ
3.เรื่องที่จะขอโทษ และ
4.เรื่องที่จะขอร้อง
******
1.เรื่องที่จะบอกเล่า
-จนถึงขณะนี้บล็อกนี้มีอายุ 3 ขวบแล้ว ผมเขียนหัวข้อแรก คือ [1]เปิด ‘ดิก’ ฟรี จากเน็ต เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2549 และในช่วง 3 ปีนี้เนื่องจากผมกลัวว่าแต่ละบล็อกจะมีขนาดโตเกินไปและดาวน์โหลดนาน ผมเลยทำเป็น -3 บล็อกย่อย ข้างล่างนี้
-บล็อกที่ 1:http://intereladsd.blogspot.com/
-บล็อกที่ 2: http://english-for-thais.blogspot.com/
-บล็อกที่ 3:http://english-for-thais-2.blogspot.com/
(หรือ http://www.e4thai.com/)
- ใน 3บล็อกนี้ แต่ละวันจะมีคนเข้ามาคลิกอ่านรวมประมาณ 3,000 คน หรือ 10,000 คลิก แยกเป็นจากประเทศไทยประมาณ 92% จากประเทศอื่นๆ 8%
[คลิกอ่าน:หัวข้อที่มีผู้อ่านมากที่สุดของบล็อกนี้]
-ในระยะหลังๆนี้ มี Webmaster ของบางเว็บเสนอที่จะแลกลิงค์เว็บของเขากับบล็อกนี้ ซึ่งทุกครั้งผมก็ปฏิเสธไป เพราะตั้งใจไว้ตั้งแต่เริ่มทำบล็อกนี้แล้วว่าจะไม่นำโฆษณาทุกรูปแบบมาแปะไว้ที่บล็อกนี้เพราะไม่ต้องการให้ผู้อ่านเสียเงิน
-มีบางท่านบอกว่าจำชื่อ URL ของบล็อกนี้ยาก ผมขอแนะนำง่ายๆอย่างนี้ว่า ให้ท่านไปที่ Google แล้วพิมพ์คำว่า อังกฤษฟรี ลงไป เว็บแรกที่โชว์ ก็คือ บล็อกย่อยที่ 1 ของบล็อกนี้นั่นแหละครับ [หรือถ้าพิมพ์ติดกันว่า อังกฤษพิพัฒน์ เว็บแรกที่โชว์ ก็คือ บล็อกย่อย e4thai.com ครับ]
-ท่านที่เป็นห่วงผมเรื่องสุขภาพ ขอเรียนว่า ผมสบายดีครับ แม้ว่าจะไม่ค่อยแข็งแรงเหมือนเดิม เพราะชักแก่แล้ว
2.เรื่องที่จะขอบคุณ
ผมมีหลายเรื่องที่ต้องขอขอบคุณท่านผู้อ่าน ซึ่งเรื่องแรกสุดก็คือ ขอบคุณที่ท่านเข้ามาอ่าน เพราะถ้าไม่มีผู้อ่านก็ไม่มีผู้เขียน หลายท่านอ่านแล้ว ก็มีคำถาม ให้ความเห็น ให้คำแนะนำ ให้กำลังใจและคำอวยพร บางท่านก็สัญญาว่าจะขยันฝึกภาษาอังกฤษให้มากกว่าเดิม และเริ่มมีกำลังใจที่จะฝึกใหม่หลังจากที่ทิ้งไปนาน ผมขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านครับ
3.เรื่องที่จะขอโทษ
มีอยู่ 2-3 เรื่องที่ผมอยากจะขอโทษท่านผู้อ่าน
ประการที่ 1 คือ หน้าตาของบล็อกนี้ มันไม่สวยเอาเสียเลย ซึ่งผมไม่มีฝีมือทำให้มันดีกว่านี้อีกแล้ว เนื่องจากความรู้ด้านนี้น้อยมาก ท่านผู้อ่านก็ทนเอาหน่อยแล้วกันนะครับ
ประการที่ 2 บางท่านบอกว่า ค้นหาเรื่องในบล็อกนี้ยาก อันที่จริง ผมก็พยายามแล้วที่จะให้มันหาได้ง่ายๆ แต่เนื่องจากมันมีเรื่องเยอะ จึงต้องรบกวนให้ท่านอดทนหน่อยในการหา ในที่นี้ขอแนะนำให้ท่านอ่านคำแนะนำในการค้นเรื่องที่ลิงค์นี้ ตอบเรื่องที่ท่านผู้อ่านถามบ่อย
ประการที่ 3 ที่ต้องขอโทษก็คือ ผมรู้สึกว่าบางครั้ง ผมเขียนเยิ่นเย้อ หรือถึงขั้นสับสนก็คงจะมีบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนง่วงๆ
ประการถัดไป ก็คือ ความรู้สึกของผมขณะที่เขียนเรื่องก็คือ ผมเขียนแบบเพื่อนคุยกับเพื่อน ไม่ได้คิดว่าผมรู้มากกว่าท่านผู้อ่านคนใด เพราะผมไม่ได้เรียนจบหรือมีประสบการณ์มากมายนักเกี่ยวกับเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษ ถ้าถ้อยคำที่เขียนสื่อว่าผมเป็นผู้รู้ ต้องขอประทานโทษท่านผู้อ่านด้วยครับ เพราะไม่ได้มีความตั้งใจอย่างนั้นเลย
ประการสุดท้ายที่ต้องขอโทษก็คือ ผมอาจจะไม่ได้เขียนตอบทุกคนที่ฝากข้อความถึงผม (แต่ผมได้อ่านทุกข้อความที่ท่านเขียน)
4.เรื่องที่จะขอร้อง
มีอยู่หลายข้อเหมือนกันครับที่ผมอยากจะขอร้องให้ท่านผู้อ่านช่วยเหลือผมหน่อย เพื่อทำให้บล็อกนี้ดีขึ้น ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่านท่านอื่นๆด้วย
เรื่องแรกที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าท่านไปพบลิงค์ตายในบล็อกนี้ ช่วย copy ลิงค์ตายนั้นให้ผมทราบด้วย ผมจะได้จัดการแก้ไขและผู้อ่านท่านอื่นก็จะได้ไม่เสียเวลาไปคลิกลิงค์ที่มันตายแล้ว ที่ต้องขอร้องเป็นพิเศษเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือ อย่าบอกเพียงว่า บทความนี้มีลิงค์ตาย เปิดไม่ได้ ขอให้ copy เฉพาะลิงค์ที่ตายจริงๆให้ผมทราบ เพราะว่าในบทความหนึ่งๆอาจจะมีลิงค์เกินสิบลิงค์ ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปเช็คทุกลิงค์ว่า ลิงค์ไหนตายแล้ว ลิงค์ไหนยังมีชีวิตอยู่
เรื่องต่อไปที่ผมจะขอร้องก็คือ ถ้าท่านเห็นว่า บล็อกนี้ดี หรือบทความใดดีก็ช่วยบอกคนอื่นต่อๆไปด้วย เพื่อที่จะได้ขยายประโยชน์ให้คนไทยด้วยกันมากขึ้นๆ ท่านคงไม่คิดว่านี่เป็นการโฆษณา เพราะมันไม่มีโฆษณาในบล็อกนี้จริงๆ และถ้าท่านไปเจอใครแอบเอาข้อความโฆษณามาลงในส่วนที่เป็นความคิดเห็น ช่วยแจ้งผมด้วยครับ ผมจะได้ลบออก ขอเรียนว่าผมมิได้แอนตี้การโฆษณา เพียงแต่ว่าบล็อกนี้เป็นเขตปลอดการโฆษณา หรือใช้ภาษาอังกฤษเท่ๆ ว่า advertisement-free zone ก็ได้ครับ
เรื่องต่อไปที่ไคร่ขอร้องก็คือ ถ้าท่านต้องการเว็บประเภทใดก็ให้ขอมา ถ้าต้องการแนะนำเว็บใด ก็ให้แนะนำมา นี่จะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านท่านอื่น ที่จะมี supplier จากแหล่งอื่นๆบ้าง (ก็คือท่านผู้อ่านนั่นแหละครับ ) และก็เป็นประโยชน์ต่อผมด้วย เพราะบางวันผมก็จนแต้มคิดไม่ออกเหมือนกันครับว่าควรจะเขียนเรื่องอะไร
มีท่านผู้อ่านบางท่านขอร้องให้ผมช่วย “ทำการบ้าน” หรือ “เฉลยข้อสอบ” ให้ เรื่องนี้ ท่านอย่าขอมาเลยครับ เพราะถ้าผมทำให้ 1 คน ผมก็ต้องทำให้ทุกคน ซึ่งผมไม่มีเวลา และอีกอย่างหนึ่ง อาจเฉลยผิดก็ได้ จึงไม่กล้าเฉลยครับ
วันนี้เป็นวันสิ้นปี 2552 พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกของปีใหม่ 2553 ผมรู้สึกว่า วัน เดือน ปี ช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ เพราะดูเหมือนเพิ่งผ่านปีใหม่ 2552 มาเมื่อไม่นานนี้เอง
ใคร่ขอยกพุทธพจน์มาเป็นเครื่องเตือนใจพวกเราด้วยกันเองทุกคนที่เป็นพุทธศาสนิกว่า “กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์และตัวมันเอง” กาลเวลาจะกลืนกินสรรพสัตว์ ซึ่งรวมถึงมนุษย์แต่ละคนได้ก็ต่อเมื่อ คนๆนั้นปล่อยใจให้ขาดสติ มีอารมณ์ขึ้นลงไปตามเหตุการณ์โดยไม่รู้ตัว แต่ใครก็ตามที่มีสติอยู่เนืองนิจ ไม่ถูกเวลาที่น่าเบื่อหน่ายในอดีตกลืนกิน และไม่ถูกเวลาที่น่ากังวลในอนาคตกลืนกิน เมื่อมีสติไม่ถูกกลืนกินด้วยเวลาในอดีตและอนาคต ทุกวันก็จะเป็น “วันใหม่” ของชีวิตที่เป็นอิสระ
ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านมีชีวิตที่ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า และพบกับ “วันใหม่” ทุกวันครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันพุธที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1299]ถ่ายภาพหน้าหนังสือเป็นjpeg,คลิกแปลศัพท์ทันที
สวัสดีครับ
ในบล็อกนี้ แม้ผมจะแนะท่านผู้อ่านว่า ไม่ต้องเปิดดิกทุกครั้งที่ไม่รู้ศัพท์ ใช้วิธีเดาเอาบ้างก็ได้, หรือถ้าความหมายของศัพท์คำนั้นไม่สลักสำคัญนัก แค่รู้ความหมายเพียงเลา ๆก็พอแล้ว ถ้าอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปตามล่าหาความหมายก็ได้ ผ่าน ๆ ไปบ้าง เดา ๆ ไปบ้าง ก็ได้ครับ
แต่บางท่านเช่นนักศึกษาที่ต้องสรุปหรือแปลบทความส่งอาจารย์ หรือท่านซึ่งมีหน้าที่อ่านหรือแปลเอกสารที่ห้ามผิดพลาด อย่างนี้ก็คงต้องเปิดดิกบ่อยสักหน่อย
ผมจึงแนะนำเว็บและโปรแกรมที่ช่วยแปลศัพท์จาก อังกฤษเป็นไทย ที่ 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
[1296]แปลอังกฤษ ->ไทย, ทั้งหน้า,online+offline
[20] บอกศัพท์ ทุกเว็บ ทุกคำ แค่วางเมาส์ (เฉพาะ online)
แต่ผมมานึกอีกที ถ้าสิ่งที่ท่านต้องอ่านอยู่ในรูปเอกสารและไม่มีไฟล์ จะไปคลิกหาคำศัพท์ได้ยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ศึกษามีขนาดหนามาก เช่นเกิน 50 หน้า กว่าจะอ่านจบเรื่องมิต้องเสียเวลาพิมพ์ศัพท์ และคลิกไปคลิกมากันจนนิ้วซ้นหรือครับ เพราะไม่มีไฟล์ให้คลิกดูศัพท์
ผมคิดถึงเรื่องนี้อยู่หลายวันว่าจะช่วยท่านผู้อ่านได้อย่างไร และก็ได้มา 1 วิธี มันอาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่บางท่านอาจจะชอบก็ได้ วิธีทำก็ง่าย ๆ ครับ
-ใช้กล้อง digital หรือมือถือถ่ายภาพทุกหน้าที่ท่านต้องการอ่าน ผมลองทำตัวอย่างจากหนังสือ Reader’s Digest 2 หน้ามาให้ท่านลองคลิกใช้ตามวิธีที่ผมกำลังจะแนะนำต่อไปข้างล่างนี้
คลิกหน้า 1 หรือ คลิกหน้า 2
-save ภาพที่ถ่ายไว้ลงคอมฯ (เป็นไฟล์ JPEG)
-คลิกดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม WordWeb 6.0
-เปิดไฟล์ JPEG, วางเมาส์บนคำศัพท์, กด control และคลิกขวา, คำแปลศัพท์จะปรากฏในหน้าต่างใหม่ทันที
ขอสรุปอีกครั้งนะครับ
(1)ถ่ายภาพหน้าเอกสาร,
(2) save ลงคอมฯเป็น JPEG,
(3)ดาวน์โหลดและติดตั้งดิก WordWeb,
(4)เปิดไฟล์ JPEG และ
(5)วางเมาส์บนคำศัพท์, กด control และคลิกขวาเพื่อดูคำแปล
ง่ายมากครับ
สรุปว่า ณ ตอนนี้ ถ้าท่านมีเอกสารยาว ๆ (หรือยาก ๆ)เป็นสิบ ๆ หน้าที่ต้องอ่านศึกษาอย่าง serious และไม่ว่าท่านจะมีไฟล์หรือไม่มีไฟล์ ท่านก็มีวิธีที่จะอ่านและสามารถรู้ศัพท์ได้ปุ๊บปั๊บเพียงแค่คลิกครั้งเดียว ตามวิธีที่ผมว่ามานี้ หวังว่าคงจะช่วยท่านได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ
เว็บสำหรับค้นศัพท์ (มีศัพท์มาก ค้นได้อย่างกว้างขวาง)
-http://www.google.co.th/dictionary
-http://www.google.com/dictionary
-ไปที่ http://www.google.com/ และพิมพ์ define:คำศัพท์ ลงไป, Enter
-http://www.answers.com/main/what_content.jsp
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ในบล็อกนี้ แม้ผมจะแนะท่านผู้อ่านว่า ไม่ต้องเปิดดิกทุกครั้งที่ไม่รู้ศัพท์ ใช้วิธีเดาเอาบ้างก็ได้, หรือถ้าความหมายของศัพท์คำนั้นไม่สลักสำคัญนัก แค่รู้ความหมายเพียงเลา ๆก็พอแล้ว ถ้าอย่างนี้ก็ไม่จำเป็นต้องไปตามล่าหาความหมายก็ได้ ผ่าน ๆ ไปบ้าง เดา ๆ ไปบ้าง ก็ได้ครับ
แต่บางท่านเช่นนักศึกษาที่ต้องสรุปหรือแปลบทความส่งอาจารย์ หรือท่านซึ่งมีหน้าที่อ่านหรือแปลเอกสารที่ห้ามผิดพลาด อย่างนี้ก็คงต้องเปิดดิกบ่อยสักหน่อย
ผมจึงแนะนำเว็บและโปรแกรมที่ช่วยแปลศัพท์จาก อังกฤษเป็นไทย ที่ 2 ลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
[1296]แปลอังกฤษ ->ไทย, ทั้งหน้า,online+offline
[20] บอกศัพท์ ทุกเว็บ ทุกคำ แค่วางเมาส์ (เฉพาะ online)
แต่ผมมานึกอีกที ถ้าสิ่งที่ท่านต้องอ่านอยู่ในรูปเอกสารและไม่มีไฟล์ จะไปคลิกหาคำศัพท์ได้ยังไง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ศึกษามีขนาดหนามาก เช่นเกิน 50 หน้า กว่าจะอ่านจบเรื่องมิต้องเสียเวลาพิมพ์ศัพท์ และคลิกไปคลิกมากันจนนิ้วซ้นหรือครับ เพราะไม่มีไฟล์ให้คลิกดูศัพท์
ผมคิดถึงเรื่องนี้อยู่หลายวันว่าจะช่วยท่านผู้อ่านได้อย่างไร และก็ได้มา 1 วิธี มันอาจจะช่วยไม่ได้มาก แต่บางท่านอาจจะชอบก็ได้ วิธีทำก็ง่าย ๆ ครับ
-ใช้กล้อง digital หรือมือถือถ่ายภาพทุกหน้าที่ท่านต้องการอ่าน ผมลองทำตัวอย่างจากหนังสือ Reader’s Digest 2 หน้ามาให้ท่านลองคลิกใช้ตามวิธีที่ผมกำลังจะแนะนำต่อไปข้างล่างนี้
คลิกหน้า 1 หรือ คลิกหน้า 2
-save ภาพที่ถ่ายไว้ลงคอมฯ (เป็นไฟล์ JPEG)
-คลิกดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรม WordWeb 6.0
-เปิดไฟล์ JPEG, วางเมาส์บนคำศัพท์, กด control และคลิกขวา, คำแปลศัพท์จะปรากฏในหน้าต่างใหม่ทันที
ขอสรุปอีกครั้งนะครับ
(1)ถ่ายภาพหน้าเอกสาร,
(2) save ลงคอมฯเป็น JPEG,
(3)ดาวน์โหลดและติดตั้งดิก WordWeb,
(4)เปิดไฟล์ JPEG และ
(5)วางเมาส์บนคำศัพท์, กด control และคลิกขวาเพื่อดูคำแปล
ง่ายมากครับ
สรุปว่า ณ ตอนนี้ ถ้าท่านมีเอกสารยาว ๆ (หรือยาก ๆ)เป็นสิบ ๆ หน้าที่ต้องอ่านศึกษาอย่าง serious และไม่ว่าท่านจะมีไฟล์หรือไม่มีไฟล์ ท่านก็มีวิธีที่จะอ่านและสามารถรู้ศัพท์ได้ปุ๊บปั๊บเพียงแค่คลิกครั้งเดียว ตามวิธีที่ผมว่ามานี้ หวังว่าคงจะช่วยท่านได้บ้าง ไม่มากก็น้อยนะครับ
เว็บสำหรับค้นศัพท์ (มีศัพท์มาก ค้นได้อย่างกว้างขวาง)
-http://www.google.co.th/dictionary
-http://www.google.com/dictionary
-ไปที่ http://www.google.com/ และพิมพ์ define:คำศัพท์ ลงไป, Enter
-http://www.answers.com/main/what_content.jsp
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1298]ฝึกภาษาอังกฤษแบบหย่อน ๆเหมือนวิ่งเหยาะๆบ้าง
สวัสดีครับ
ผมเห็นว่าเราไม่ต้องฝึกภาษาอังกฤษชนิดเต็มความสามารถทุกครั้ง บางครั้งบางคราวเราฝึกแบบหย่อน ๆ บ้างก็ได้ เหมือนนักวิ่งที่ไม่ต้องซ้อมวิ่งเต็มฝีเท้าทุกครั้ง วิ่งเหยาะ ๆ บ้างก็ได้ ทั้งนี้ก็เพราะว่า
ข้อ 1.การพักผ่อนที่ดีที่สุดไม่ใช่การหยุดแต่คือการหย่อน เพราะถ้าเราเมื่อยสมองจากการฝึกภาษาอังกฤษและหยุดไปเลย มันเหมือนนักวิ่งที่วิ่งมาเร็ว ๆ และหยุดวิ่งทันที ไม่เป็นผลดีต่อสุจภาพและกล้ามเนื้อแน่นอน เพราะฉะนั้น ต่อให้ท่านเหนื่อยและเพลียเพียงใดก็อย่าหยุดฝึก ให้ได้อ่านพาดหัวข่าว หรืออ่านข่าวสัก 1 ประโยค, ให้ได้พูอะไรก็ได้สัก 2 ประโยค ให้ได้เห็นศัพท์สัก 2 – 3 คำ เป็นต้น ให้มีเชื้อฝึกติดไว้บ้างทุกวัน
ขอย้ำนะครับ สุดขั้วด้านหนึ่งคือฝึกหนักทุกวัน สุดขั้วอีกด้านหนึ่งคือหยุดฝึกโดยสิ้นเชิง ให้หลีกเลี่ยงทั้ง 2 ขั้วนี้ ให้มีหนักเบาสลับกันบ้าง ส่วนจะเป็นการหนักหรือเบาขนาดไหน ท่านกำหนดเอาเองตามความเหมาะสมครับ ถ้าขี้เกียจหรือเพลียนัก ก็ฝึกอย่างหย่อน ๆ ยาว ๆ เลยก็ได้ แต่อย่าหยุดกึก และก็อย่าหักโหมด้วย ข้อที่ 1 นี้เน้นเรื่องเวลา
ข้อ 2. ข้อนี้เน้นเรื่องเนื้อหาที่ยากหรือง่าย ถึงแม้จะจบมหาวิยาลัยแล้ว เอาภาษาอังกฤษแบบชั้นประถมหรือมัธยมมาฝึกบ้างก็ได้ครับ เพราะเหตุว่า เรื่องที่เราอ่านและฟังเข้าใจหมด แต่ถ้าให้เราพูดและเขียนเรื่องนั้น ๆ ด้วยสำนวนของเราเอง เราอาจจะทำไม่ได้ดังใจคิด เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่เสียพลังของสมองมากเกินไปกับการอ่านหรือฟัง เราก็จะมีพลังเหลือสำหรับการฝึกพูดหรือเขียนโดยอาศัยเนื้อเรื่องภาษาอังกฤษชิ้นเดียวกันนั่นแหละ
อย่าลืมว่าทักษะภาษาอังกฤษมีทั้ง passive skill คือ อ่าน – ฟัง และ active skill คือ เขียน – พูด อย่าใช้สมองให้หมดไปกับการฝึกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ต้องฝึกทั้ง 2 passive และ active skill และเนื้อเรื่องที่ง่าย ๆ สามารถเป็นอุปกรณ์ให้เราฝึกได้ทั้ง 4 อย่าง คือ ฟัง – อ่าน – พูด – เขียน แต่ถ้ามันยากเกินไป เราอาจจะฝึกได้แค่ฟังกับอ่านก็หมดแรงซะแล้ว
ข้อ 3 หาให้พบเรื่องที่เราชอบสุด ๆ ถ้าเราชอบ แม้จะฝึกนานเราก็ไม่ค่อยรู้สึกว่านาน แม้จะยากเราจะไม่ค่อยรู้สึกว่ายาก ในทำนองตรงกันข้าม ถ้าต้องฝึกกับเรื่องที่ไม่ชอบ แม้จะฝึกเดี๋ยวเดียวก็จะรู้สึกว่านาน แม้เนื้อหาง่าย ๆเมื่อไม่ชอบก็ไม่สนใจและรู้สึกว่ายาก(คือมันยากที่ใจ)
การฝึกภาษาอังกฤษแบบหย่อน ๆ ตาม 3 ข้อนี้ จะช่วยให้เรารู้สึกว่าเราเข้าใจ - ทำได้ - สนุก และจะมีกำลังใจในการศึกษาภาษาอังกฤษไปเรื่อย ๆ
กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดกำลังใจในการศึกษาภาษาอังกฤษนะครับ
ในบล็อกนี้ ผมรวมลิงค์เนื้อหาที่เบา ๆ สนุก ๆ ไว้ที่นี่ครับ
-เริ่มศึกษา
-รวมเรื่องง่ายๆ เบา ในบล็อกนี้
และเพิ่งได้มาใหม่วันนี้ เป็นไฟล์ flash สำหรับเด็ก ๆ ครับ
Egginanest
Doras-TreasureHunt
Doras-Magicalgarden
Dora-Dressup
Dora-Cooking
Dora-Bingo
Dora_color
Diego-fieldjournal
diego_Rainforest
ddshapes
DDGAME
colours_INTERACT
brcbuilder
bigredcar2
wigglemaker
wakeupjeff
vegetable-soup
tictactoe
SingingSunflowers
shapes
scramblers-ramble
radio
puzzle2
puzzle1
potplants
Oswalds-hat
Oswalds-Bigdiner
Oswaldo-piano
Oswald-icecreamcone
NUM1-10
muck-maze
mix-n-match
MaxRuby-Bowling
MatchingPairs
instruments
Frogonalog
friends
flash 2
flash 3
flash 1
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมเห็นว่าเราไม่ต้องฝึกภาษาอังกฤษชนิดเต็มความสามารถทุกครั้ง บางครั้งบางคราวเราฝึกแบบหย่อน ๆ บ้างก็ได้ เหมือนนักวิ่งที่ไม่ต้องซ้อมวิ่งเต็มฝีเท้าทุกครั้ง วิ่งเหยาะ ๆ บ้างก็ได้ ทั้งนี้ก็เพราะว่า
ข้อ 1.การพักผ่อนที่ดีที่สุดไม่ใช่การหยุดแต่คือการหย่อน เพราะถ้าเราเมื่อยสมองจากการฝึกภาษาอังกฤษและหยุดไปเลย มันเหมือนนักวิ่งที่วิ่งมาเร็ว ๆ และหยุดวิ่งทันที ไม่เป็นผลดีต่อสุจภาพและกล้ามเนื้อแน่นอน เพราะฉะนั้น ต่อให้ท่านเหนื่อยและเพลียเพียงใดก็อย่าหยุดฝึก ให้ได้อ่านพาดหัวข่าว หรืออ่านข่าวสัก 1 ประโยค, ให้ได้พูอะไรก็ได้สัก 2 ประโยค ให้ได้เห็นศัพท์สัก 2 – 3 คำ เป็นต้น ให้มีเชื้อฝึกติดไว้บ้างทุกวัน
ขอย้ำนะครับ สุดขั้วด้านหนึ่งคือฝึกหนักทุกวัน สุดขั้วอีกด้านหนึ่งคือหยุดฝึกโดยสิ้นเชิง ให้หลีกเลี่ยงทั้ง 2 ขั้วนี้ ให้มีหนักเบาสลับกันบ้าง ส่วนจะเป็นการหนักหรือเบาขนาดไหน ท่านกำหนดเอาเองตามความเหมาะสมครับ ถ้าขี้เกียจหรือเพลียนัก ก็ฝึกอย่างหย่อน ๆ ยาว ๆ เลยก็ได้ แต่อย่าหยุดกึก และก็อย่าหักโหมด้วย ข้อที่ 1 นี้เน้นเรื่องเวลา
ข้อ 2. ข้อนี้เน้นเรื่องเนื้อหาที่ยากหรือง่าย ถึงแม้จะจบมหาวิยาลัยแล้ว เอาภาษาอังกฤษแบบชั้นประถมหรือมัธยมมาฝึกบ้างก็ได้ครับ เพราะเหตุว่า เรื่องที่เราอ่านและฟังเข้าใจหมด แต่ถ้าให้เราพูดและเขียนเรื่องนั้น ๆ ด้วยสำนวนของเราเอง เราอาจจะทำไม่ได้ดังใจคิด เพราะฉะนั้น ถ้าเราไม่เสียพลังของสมองมากเกินไปกับการอ่านหรือฟัง เราก็จะมีพลังเหลือสำหรับการฝึกพูดหรือเขียนโดยอาศัยเนื้อเรื่องภาษาอังกฤษชิ้นเดียวกันนั่นแหละ
อย่าลืมว่าทักษะภาษาอังกฤษมีทั้ง passive skill คือ อ่าน – ฟัง และ active skill คือ เขียน – พูด อย่าใช้สมองให้หมดไปกับการฝึกอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่ต้องฝึกทั้ง 2 passive และ active skill และเนื้อเรื่องที่ง่าย ๆ สามารถเป็นอุปกรณ์ให้เราฝึกได้ทั้ง 4 อย่าง คือ ฟัง – อ่าน – พูด – เขียน แต่ถ้ามันยากเกินไป เราอาจจะฝึกได้แค่ฟังกับอ่านก็หมดแรงซะแล้ว
ข้อ 3 หาให้พบเรื่องที่เราชอบสุด ๆ ถ้าเราชอบ แม้จะฝึกนานเราก็ไม่ค่อยรู้สึกว่านาน แม้จะยากเราจะไม่ค่อยรู้สึกว่ายาก ในทำนองตรงกันข้าม ถ้าต้องฝึกกับเรื่องที่ไม่ชอบ แม้จะฝึกเดี๋ยวเดียวก็จะรู้สึกว่านาน แม้เนื้อหาง่าย ๆเมื่อไม่ชอบก็ไม่สนใจและรู้สึกว่ายาก(คือมันยากที่ใจ)
การฝึกภาษาอังกฤษแบบหย่อน ๆ ตาม 3 ข้อนี้ จะช่วยให้เรารู้สึกว่าเราเข้าใจ - ทำได้ - สนุก และจะมีกำลังใจในการศึกษาภาษาอังกฤษไปเรื่อย ๆ
กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่าปล่อยให้ตัวเองหมดกำลังใจในการศึกษาภาษาอังกฤษนะครับ
ในบล็อกนี้ ผมรวมลิงค์เนื้อหาที่เบา ๆ สนุก ๆ ไว้ที่นี่ครับ
-เริ่มศึกษา
-รวมเรื่องง่ายๆ เบา ในบล็อกนี้
และเพิ่งได้มาใหม่วันนี้ เป็นไฟล์ flash สำหรับเด็ก ๆ ครับ
Egginanest
Doras-TreasureHunt
Doras-Magicalgarden
Dora-Dressup
Dora-Cooking
Dora-Bingo
Dora_color
Diego-fieldjournal
diego_Rainforest
ddshapes
DDGAME
colours_INTERACT
brcbuilder
bigredcar2
wigglemaker
wakeupjeff
vegetable-soup
tictactoe
SingingSunflowers
shapes
scramblers-ramble
radio
puzzle2
puzzle1
potplants
Oswalds-hat
Oswalds-Bigdiner
Oswaldo-piano
Oswald-icecreamcone
NUM1-10
muck-maze
mix-n-match
MaxRuby-Bowling
MatchingPairs
instruments
Frogonalog
friends
flash 2
flash 3
flash 1
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1297]แปลไทย ->อังกฤษ, ทั้งหน้า,online+offline
สวัสดีครับ
แม้ว่าเว็บหรือโปรแกรมช่วยแปลไทย เป็นอังกฤษ ที่มีให้บริการขณะนี้ จะยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก แต่ถ้าเราจะเอาประโยชน์จากมัน ก็อาจจะได้อยู่บ้าง เช่น
1.อ่านคำแปลพอให้เห็นแนวคร่าว ๆ ของฉบับแปลที่จะเป็นภาษาอังกฤษ
2.สำหรับท่านที่แปลเองได้ แต่พิมพ์ภาษาอังกฤษไม่คล่อง ก็อาจจะเพียงแค่พิมพ์เพิ่มเติมแก้ไข จากคำแปลภาษาอังกฤษที่โปรแกรมแสดงไว้ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เองทั้งหมด
3.เราสามารถตั้งค่าให้โปรแกรมแสดงเปรียบเทียบระหว่างต้นฉบับภาษาไทย และคำแปลภาษาอังกฤษ, และศึกษาฉบับแปลภาษาอังกฤษเปรียบเทียบกับต้นฉบับภาษาไทย, และดูว่า ถ้าจะแปลให้ถูกต้องยิ่งขึ้นจะต้องแก้ไขอย่างไร
สำหรับท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกว่า การบ้านชิ้นหนึ่งที่สามารถมอบให้เด็กทำ ก็คือ ให้ต้นฉบับภาษาไทยและฉบับแปลภาษาอังกฤษที่บกพร่องให้เขาเอาไปแก้ไขให้ถูกต้อง
วิธีที่ 1: การแปล online (ขณะต่อเน็ต)
1.ไปที่ http://translate.google.co.th/#then
2.ให้ดูที่มุมบนขวามือของหน้า จะเห็นไอคอน เล็ก ๆ 2 อัน คือ อันด้านซ้าย เป็น รูป 2 แถบแนวนอน(มุมมองเทียบ บน-ล่าง) , อันด้านขวา เป็นรูป 2 แถบแนวตั้ง (มุมมองเทียบเคีบงข้างกัน) ; ให้ท่านคลิกที่ไอคอนขวา
3.ให้สังเกตที่ 2 บรรทัดใต้ช่องสี่เหลี่ยม ให้ตรวจดูให้แน่ว่า
บรรทัดบน มีข้อความ: แปลจากภาษา: ภาษาไทย
บรรทัดล่างมีข้อความ: แปลเป็นภาษา: ภาษาอังกฤษ
ถ้า 2 บรรทัดนี้สลับกัน ให้คลิกที่รูปเครื่องหมายโค้ง ๆ (สลับภาษา)
4.ที่ด้านบนช่องสี่เหลี่ยม มีข้อความว่า “ป้อนข้อความหรือ URL ของหน้าเว็บ หรืออัปโหลดเอกสาร” ผมไม่แนะนำให้ท่านทำทั้ง 2 อย่าง เพราะมันช้า
และเพื่อความรวดเร็วจึงขอแนะนำให้ท่าน พิมพ์ หรือ copy เฉพาะข้อความภาษาไทยที่ท่านต้องการจะแปล นำมา paste ลงไปในช่องสี่เหลี่ยมนี้ เสร็จแล้วคลิก แปล
5.ท่านจะได้ห็นการแปลเทียบ ด้านซ้ายเป็นต้นฉบับภาษาไทย และด้านขวาเป็นคำแปลภาษาอังกฤษ
อนึ่ง ถ้าคำแปลด้านขวามือที่ปรากฏมันติดกันเป็นแผงจนยากที่จะเปรียบเทียบต้นฉบับกับสำนวนแปล ขอให้ท่านคลิกปรับต้นฉบับภาษาไทยด้านซ้ายมือ เช่น ให้เป็น 1 ย่อหน้า - 1 ประโยค; หรือ 1 ย่อหน้า - 1 วรรค
วิธีที่ 2: การแปล offline (ขณะไม่ได้ต่อเน็ต)
วิธีนี้ท่านต้องดาวน์โหลดโปรแกรมสำเร็จรูป ไทยเป็นอังกฤษ มาช่วยแปล
คลิกดาวน์โหลด
เมื่อเปิดโปรแกรมแล้ว วิธีใช้งานโปรแกรม ทำอย่างนี้
1. พิมพ์ หรือ copy ข้อความภาษาไทย paste ลงในช่องบน
2. คลิก Translate
3. ที่ด้านขวาของแถบสีชมพูช่องล่าง ถ้าท่านคลิกที่ไอคอนรองสุดท้าย (Thai-English)สลับ ไป – มา คำแปลในช่องล่าง ก็จะแสดงสลับ ไป – มา ระหว่าง คำแปลไทย – อังกฤษ ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโยค/ต่อประโยค หรือคำแปลที่มีภาษาอังกฤษอย่างเดียว
4. ถ้าท่านคลิกเลือกให้แสดง คำแปลไทย – อังกฤษ ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโคนต่อประโยค ท่านก็จะได้ศึกษาการแปลของโปรแกรมนี้ ซึ่งแต่ละวลี หรือแต่ละประโยค คุณภาพของการแปลอาจจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่แปลได้ดีมาก ไปจนถึงแปลอ่านไม่รู้เรื่อง
5. ถ้าท่านเลือก ให้แสดง คำแปลไทย – อังกฤษ ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโยคต่อประโยค ให้ท่านสังเกตว่า ภาษาไทยแต่ละวลี หรือแต่ละประโยคที่เขาตัดมาแปลทีละตอนนั้น ในบรรทัดที่ 2 ที่เป็นสีจาง ๆ นั้น เขาพิมพ์แยกออกเป็นคำ ๆ หรือเป็นวลี ถ้าท่านคลิก 1 ครั้งที่คำหรือวลีนั้น จะปรากฏคำศัพท์ภาษาอังกฤษเทียบคำหรือวลีภาษาไทยให้ท่านเห็นทันที ท่านสามารถรู้ศัพท์สามัญประจำวันได้อย่างมากมายด้วยการฝึกเล่นอย่างนี้
6. ถ้าต้องการลบข้อความในช่องบนหรือล่าง ก็ให้คลิกไอคอนแรก (new) ที่ด้านขวาของแถบสีชมพู
7. ถ้าท่านต้องการใช้ดิกชันนารี ให้คลิกที่ “Dictionary” ที่แถบด้านบน จะปรากฏช่องคอลัมน์พจนานุกรมที่ด้านขวา ท่านสามารถพิมพ์คำไทยเพื่อหาความหมายในภาษาอังกฤษ หรือพิมพ์ศัพท์อังกฤษ เพื่อดูคำแปลภาษาไทยก็ได้ ที่น่าสนใจก็คือ มีวลีหรือลูกคำในช่องคอลัมน์ขวาสุด ท่านสามารถเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ ที่คอลัมน์ขวามือสุดนี้ได้อย่างมากมาย ถ้าต้องการให้คอลัมน์นี้หายไป ก็คลิกที่คำว่า “Dictionary” ที่แถบด้านบน อีกครั้ง
8. ท่านสามารถกำหนดขนาดของ font โดยคลิกที่ “ปรับแต่ง” ที่แถบด้านบน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
แม้ว่าเว็บหรือโปรแกรมช่วยแปลไทย เป็นอังกฤษ ที่มีให้บริการขณะนี้ จะยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก แต่ถ้าเราจะเอาประโยชน์จากมัน ก็อาจจะได้อยู่บ้าง เช่น
1.อ่านคำแปลพอให้เห็นแนวคร่าว ๆ ของฉบับแปลที่จะเป็นภาษาอังกฤษ
2.สำหรับท่านที่แปลเองได้ แต่พิมพ์ภาษาอังกฤษไม่คล่อง ก็อาจจะเพียงแค่พิมพ์เพิ่มเติมแก้ไข จากคำแปลภาษาอังกฤษที่โปรแกรมแสดงไว้ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เองทั้งหมด
3.เราสามารถตั้งค่าให้โปรแกรมแสดงเปรียบเทียบระหว่างต้นฉบับภาษาไทย และคำแปลภาษาอังกฤษ, และศึกษาฉบับแปลภาษาอังกฤษเปรียบเทียบกับต้นฉบับภาษาไทย, และดูว่า ถ้าจะแปลให้ถูกต้องยิ่งขึ้นจะต้องแก้ไขอย่างไร
สำหรับท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกว่า การบ้านชิ้นหนึ่งที่สามารถมอบให้เด็กทำ ก็คือ ให้ต้นฉบับภาษาไทยและฉบับแปลภาษาอังกฤษที่บกพร่องให้เขาเอาไปแก้ไขให้ถูกต้อง
วิธีที่ 1: การแปล online (ขณะต่อเน็ต)
1.ไปที่ http://translate.google.co.th/#then
2.ให้ดูที่มุมบนขวามือของหน้า จะเห็นไอคอน เล็ก ๆ 2 อัน คือ อันด้านซ้าย เป็น รูป 2 แถบแนวนอน(มุมมองเทียบ บน-ล่าง) , อันด้านขวา เป็นรูป 2 แถบแนวตั้ง (มุมมองเทียบเคีบงข้างกัน) ; ให้ท่านคลิกที่ไอคอนขวา
3.ให้สังเกตที่ 2 บรรทัดใต้ช่องสี่เหลี่ยม ให้ตรวจดูให้แน่ว่า
บรรทัดบน มีข้อความ: แปลจากภาษา: ภาษาไทย
บรรทัดล่างมีข้อความ: แปลเป็นภาษา: ภาษาอังกฤษ
ถ้า 2 บรรทัดนี้สลับกัน ให้คลิกที่รูปเครื่องหมายโค้ง ๆ (สลับภาษา)
4.ที่ด้านบนช่องสี่เหลี่ยม มีข้อความว่า “ป้อนข้อความหรือ URL ของหน้าเว็บ หรืออัปโหลดเอกสาร” ผมไม่แนะนำให้ท่านทำทั้ง 2 อย่าง เพราะมันช้า
และเพื่อความรวดเร็วจึงขอแนะนำให้ท่าน พิมพ์ หรือ copy เฉพาะข้อความภาษาไทยที่ท่านต้องการจะแปล นำมา paste ลงไปในช่องสี่เหลี่ยมนี้ เสร็จแล้วคลิก แปล
5.ท่านจะได้ห็นการแปลเทียบ ด้านซ้ายเป็นต้นฉบับภาษาไทย และด้านขวาเป็นคำแปลภาษาอังกฤษ
อนึ่ง ถ้าคำแปลด้านขวามือที่ปรากฏมันติดกันเป็นแผงจนยากที่จะเปรียบเทียบต้นฉบับกับสำนวนแปล ขอให้ท่านคลิกปรับต้นฉบับภาษาไทยด้านซ้ายมือ เช่น ให้เป็น 1 ย่อหน้า - 1 ประโยค; หรือ 1 ย่อหน้า - 1 วรรค
วิธีที่ 2: การแปล offline (ขณะไม่ได้ต่อเน็ต)
วิธีนี้ท่านต้องดาวน์โหลดโปรแกรมสำเร็จรูป ไทยเป็นอังกฤษ มาช่วยแปล
คลิกดาวน์โหลด
เมื่อเปิดโปรแกรมแล้ว วิธีใช้งานโปรแกรม ทำอย่างนี้
1. พิมพ์ หรือ copy ข้อความภาษาไทย paste ลงในช่องบน
2. คลิก Translate
3. ที่ด้านขวาของแถบสีชมพูช่องล่าง ถ้าท่านคลิกที่ไอคอนรองสุดท้าย (Thai-English)สลับ ไป – มา คำแปลในช่องล่าง ก็จะแสดงสลับ ไป – มา ระหว่าง คำแปลไทย – อังกฤษ ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโยค/ต่อประโยค หรือคำแปลที่มีภาษาอังกฤษอย่างเดียว
4. ถ้าท่านคลิกเลือกให้แสดง คำแปลไทย – อังกฤษ ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโคนต่อประโยค ท่านก็จะได้ศึกษาการแปลของโปรแกรมนี้ ซึ่งแต่ละวลี หรือแต่ละประโยค คุณภาพของการแปลอาจจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่แปลได้ดีมาก ไปจนถึงแปลอ่านไม่รู้เรื่อง
5. ถ้าท่านเลือก ให้แสดง คำแปลไทย – อังกฤษ ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโยคต่อประโยค ให้ท่านสังเกตว่า ภาษาไทยแต่ละวลี หรือแต่ละประโยคที่เขาตัดมาแปลทีละตอนนั้น ในบรรทัดที่ 2 ที่เป็นสีจาง ๆ นั้น เขาพิมพ์แยกออกเป็นคำ ๆ หรือเป็นวลี ถ้าท่านคลิก 1 ครั้งที่คำหรือวลีนั้น จะปรากฏคำศัพท์ภาษาอังกฤษเทียบคำหรือวลีภาษาไทยให้ท่านเห็นทันที ท่านสามารถรู้ศัพท์สามัญประจำวันได้อย่างมากมายด้วยการฝึกเล่นอย่างนี้
6. ถ้าต้องการลบข้อความในช่องบนหรือล่าง ก็ให้คลิกไอคอนแรก (new) ที่ด้านขวาของแถบสีชมพู
7. ถ้าท่านต้องการใช้ดิกชันนารี ให้คลิกที่ “Dictionary” ที่แถบด้านบน จะปรากฏช่องคอลัมน์พจนานุกรมที่ด้านขวา ท่านสามารถพิมพ์คำไทยเพื่อหาความหมายในภาษาอังกฤษ หรือพิมพ์ศัพท์อังกฤษ เพื่อดูคำแปลภาษาไทยก็ได้ ที่น่าสนใจก็คือ มีวลีหรือลูกคำในช่องคอลัมน์ขวาสุด ท่านสามารถเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ ที่คอลัมน์ขวามือสุดนี้ได้อย่างมากมาย ถ้าต้องการให้คอลัมน์นี้หายไป ก็คลิกที่คำว่า “Dictionary” ที่แถบด้านบน อีกครั้ง
8. ท่านสามารถกำหนดขนาดของ font โดยคลิกที่ “ปรับแต่ง” ที่แถบด้านบน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1296]แปลอังกฤษ ->ไทย, ทั้งหน้า,online+offline
สวัสดีครับ
แม้ว่าเว็บหรือโปรแกรมช่วยแปลอังกฤษ เป็นไทย ที่มีให้บริการขณะนี้ จะยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก แต่ถ้าเราจะเอาประโยชน์จากมัน ก็อาจจะได้อยู่บ้าง เช่น
1.อ่านคำแปลพอให้รู้ใจความคร่าว ๆ ว่า ภาษาอังกฤษที่อ่าน มันเกี่ยวกับเรื่องอะไร
2.สำหรับท่านที่แปลเองได้ แต่พิมพ์ภาษาไทยไม่คล่อง ก็อาจจะเพียงแค่พิมพ์เพิ่มเติมแก้ไข จากคำแปลภาษาไทยที่โปรแกรมแสดงไว้ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เองทั้งหมด
3.เราสามารถตั้งค่าให้โปรแกรมแสดงเปรียบเทียบระหว่างต้นฉบับภาษาอังกฤษ และคำแปลภาษาไทย, และศึกษาภาษาอังกฤษจากคำแปลภาษาไทยที่ไม่สมบูรณ์นี้, และดูว่า ถ้าจะแปลให้ถูกต้องจะต้องแก้ไขอย่างไร
สำหรับท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกว่า การบ้านชิ้นหนึ่งที่สามารถมอบให้เด็กทำ ก็คือ ให้ต้นฉบับภาษาอังกฤษและคำแปลที่บกพร่องให้เขาเอาไปแก้ไขให้ถูกต้อง
วิธีที่ 1: การแปล online (ขณะต่อเน็ต)
1.ไปที่ http://translate.google.co.th/#enth
2.ให้ดูที่มุมบนขวามือของหน้า จะเห็นไอคอน เล็ก ๆ 2 อัน คือ อันด้านซ้าย เป็น รูป 2 แถบแนวนอน(มุมมองเทียบ บน-ล่าง) , อันด้านขวา เป็นรูป 2 แถบแนวตั้ง (มุมมองเทียบเคีบงข้างกัน) ; ให้ท่านคลิกที่ไอคอนขวา
3.ให้สังเกตที่ 2 บรรทัดใต้ช่องสี่เหลี่ยม ให้ตรวจดูให้แน่ว่า
บรรทัดบน มีข้อความ: แปลจากภาษา: ภาษาอังกฤษ
บรรทัดล่างมีข้อความ: แปลเป็นภาษา: ภาษาไทย
ถ้า 2 บรรทัดนี้สลับกัน ให้คลิกที่รูปเครื่องหมายโค้ง ๆ (สลับภาษา)
4.ที่ด้านบนช่องสี่เหลี่ยม มีข้อความว่า “ป้อนข้อความหรือ URL ของหน้าเว็บ หรืออัปโหลดเอกสาร” ผมไม่แนะนำให้ท่านทำทั้ง 2 อย่าง เพราะมันช้า
และเพื่อความรวดเร็วจึงขอแนะนำให้ท่าน พิมพ์ หรือ copy เฉพาะข้อความภาษาอังกฤษที่ท่านต้องการจะแปล นำมา paste ลงไปในช่องสี่เหลี่ยมนี้ เสร็จแล้วคลิก แปล
5.ท่านจะได้ห็นการแปลเทียบ ด้านซ้ายเป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษ และด้านขวาเป็นคำแปลภาษาไทย
อนึ่ง ถ้าคำแปลด้านขวามือที่ปรากฏมันติดกันเป็นแผงจนยากที่จะเปรียบเทียบต้นฉบับกับสำนวนแปล ขอให้ท่านคลิกปรับต้นฉบับภาษาอังกฤษด้านซ้ายมือ เช่น ให้เป็น 1 ย่อหน้า - 1 ประโยค; หรือ 1 ย่อหน้า - 1 วรรค
วิธีที่ 2: การแปล offline (ขณะไม่ได้ต่อเน็ต)
วิธีนี้ท่านต้องดาวน์โหลดโปรแกรมสำเร็จรูป อังกฤษเป็นไทย มาช่วยแปล
คลิกดาวน์โหลด
วิธีใช้งานโปรแกรม
เมื่อ ดาวน์โหลดเสร็จและเปิดโปรแกรมแล้ว
1. พิมพ์ หรือ copy ข้อความภาษาอังกฤษ paste ลงในช่องบน
2. คลิก แปล
3. ที่ โหมดการแปล เลือก Normal Mode และ คลิก ตกลง
4. ให้ท่านดูในช่องล่าง คำแปลภาษาไทยที่แสดง บางคำหรือบางวลี ซึ่งเขาเรียงหมายเลขไว้ให้ในวงเล็บ อาจจะแปลได้หลายลักษณะ ให้ท่านคลิกหมายเลข และคลิกบรรทัดที่ท่านเห็นว่าแปลได้ถูกต้องที่สุดตาม "เลขที่อ้างอิง” ที่โชว์ และคลิก apply คำแปลภาษาไทยก็จะได้รับการแก้ไข ตามที่เราคลิกเลือก
5. ที่ด้านบน-ขวา ของแถบสีฟ้าช่องล่าง ถ้าท่านคลิกที่ไอคอนสุดท้าย (English -Thai)สลับ ไป – มา คำแปลในช่องล่าง ก็จะแสดงสลับ ไป – มา ระหว่าง คำแปลอังกฤษ-ไทย ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโยค/ต่อประโยค หรือคำแปลที่มีภาษาไทยอย่างเดียว
6. ถ้าท่านคลิกเลือกให้แสดง คำแปลอังกฤษ-ไทย ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโยคต่อประโยค ท่านก็จะได้ศึกษาการแปลของโปรแกรมนี้ ซึ่งแต่ละวลี หรือแต่ละประโยค คุณภาพของการแปลอาจจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่แปลได้ดีมาก ไปจนถึงแปลอ่านไม่รู้เรื่องเลย
7. ถ้าต้องการลบข้อความในช่องบนหรือล่าง ก็ให้คลิกไอคอนแรก (new) ที่ด้านขวาของแถบสีฟ้า
8. มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คือ ในช่องบนที่เป็นข้อความภาษาอังกฤษนั้น เมื่อท่านคลิก 1 ครั้งที่คำใดก็ตาม จะปรากฏความหมายของคำนั้นทันที ท่านอาจจะฝึกแปลด้วยตัวเองด้วยวิธีนี้ก็ได้ โดยไม่ต้องอาศัยคำแปลที่ช่องล่าง
9. ถ้าท่านต้องการใช้ดิกชันนารี ให้คลิกที่ “พจนานุกรม” ที่แถบด้านบน จะปรากฏช่องคอลัมน์พจนานุกรมที่ด้านขวา ท่านสามารถพิมพ์คำไทยเพื่อหาความหมายในภาษาอังกฤษ หรือพิมพ์ศัพท์อังกฤษ เพื่อดูคำแปลภาษาไทยก็ได้ ที่น่าสนใจก็คือ มีวลีหรือลูกคำในช่องคอลัมน์ขวาสุด ท่านสามารถเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ ที่คอลัมน์ขวามือสุดนี้ได้อย่างมากมาย ถ้าต้องการให้คอลัมน์นี้หายไป ก็คลิกที่คำว่า “พจนานุกรม” ที่แถบด้านบน อีกครั้ง
10. ท่านสามารถกำหนดขนาดของ font โดยคลิกที่ “ปรับแต่ง” ที่แถบด้านบน
11. ท่านสามารถเพิ่มคำศัพท์ใหม่ พร้อมความหมายใหม่ ซึ่งไม่มีใน database ของโปรแกรม โดยคลิกที่ “เพิ่มศัพท์” ที่ด้านบน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
แม้ว่าเว็บหรือโปรแกรมช่วยแปลอังกฤษ เป็นไทย ที่มีให้บริการขณะนี้ จะยังมีข้อบกพร่องอยู่มาก แต่ถ้าเราจะเอาประโยชน์จากมัน ก็อาจจะได้อยู่บ้าง เช่น
1.อ่านคำแปลพอให้รู้ใจความคร่าว ๆ ว่า ภาษาอังกฤษที่อ่าน มันเกี่ยวกับเรื่องอะไร
2.สำหรับท่านที่แปลเองได้ แต่พิมพ์ภาษาไทยไม่คล่อง ก็อาจจะเพียงแค่พิมพ์เพิ่มเติมแก้ไข จากคำแปลภาษาไทยที่โปรแกรมแสดงไว้ ไม่ต้องเสียเวลาพิมพ์เองทั้งหมด
3.เราสามารถตั้งค่าให้โปรแกรมแสดงเปรียบเทียบระหว่างต้นฉบับภาษาอังกฤษ และคำแปลภาษาไทย, และศึกษาภาษาอังกฤษจากคำแปลภาษาไทยที่ไม่สมบูรณ์นี้, และดูว่า ถ้าจะแปลให้ถูกต้องจะต้องแก้ไขอย่างไร
สำหรับท่านอาจารย์ที่สอนภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกว่า การบ้านชิ้นหนึ่งที่สามารถมอบให้เด็กทำ ก็คือ ให้ต้นฉบับภาษาอังกฤษและคำแปลที่บกพร่องให้เขาเอาไปแก้ไขให้ถูกต้อง
วิธีที่ 1: การแปล online (ขณะต่อเน็ต)
1.ไปที่ http://translate.google.co.th/#enth
2.ให้ดูที่มุมบนขวามือของหน้า จะเห็นไอคอน เล็ก ๆ 2 อัน คือ อันด้านซ้าย เป็น รูป 2 แถบแนวนอน(มุมมองเทียบ บน-ล่าง) , อันด้านขวา เป็นรูป 2 แถบแนวตั้ง (มุมมองเทียบเคีบงข้างกัน) ; ให้ท่านคลิกที่ไอคอนขวา
3.ให้สังเกตที่ 2 บรรทัดใต้ช่องสี่เหลี่ยม ให้ตรวจดูให้แน่ว่า
บรรทัดบน มีข้อความ: แปลจากภาษา: ภาษาอังกฤษ
บรรทัดล่างมีข้อความ: แปลเป็นภาษา: ภาษาไทย
ถ้า 2 บรรทัดนี้สลับกัน ให้คลิกที่รูปเครื่องหมายโค้ง ๆ (สลับภาษา)
4.ที่ด้านบนช่องสี่เหลี่ยม มีข้อความว่า “ป้อนข้อความหรือ URL ของหน้าเว็บ หรืออัปโหลดเอกสาร” ผมไม่แนะนำให้ท่านทำทั้ง 2 อย่าง เพราะมันช้า
และเพื่อความรวดเร็วจึงขอแนะนำให้ท่าน พิมพ์ หรือ copy เฉพาะข้อความภาษาอังกฤษที่ท่านต้องการจะแปล นำมา paste ลงไปในช่องสี่เหลี่ยมนี้ เสร็จแล้วคลิก แปล
5.ท่านจะได้ห็นการแปลเทียบ ด้านซ้ายเป็นต้นฉบับภาษาอังกฤษ และด้านขวาเป็นคำแปลภาษาไทย
อนึ่ง ถ้าคำแปลด้านขวามือที่ปรากฏมันติดกันเป็นแผงจนยากที่จะเปรียบเทียบต้นฉบับกับสำนวนแปล ขอให้ท่านคลิกปรับต้นฉบับภาษาอังกฤษด้านซ้ายมือ เช่น ให้เป็น 1 ย่อหน้า - 1 ประโยค; หรือ 1 ย่อหน้า - 1 วรรค
วิธีที่ 2: การแปล offline (ขณะไม่ได้ต่อเน็ต)
วิธีนี้ท่านต้องดาวน์โหลดโปรแกรมสำเร็จรูป อังกฤษเป็นไทย มาช่วยแปล
คลิกดาวน์โหลด
วิธีใช้งานโปรแกรม
เมื่อ ดาวน์โหลดเสร็จและเปิดโปรแกรมแล้ว
1. พิมพ์ หรือ copy ข้อความภาษาอังกฤษ paste ลงในช่องบน
2. คลิก แปล
3. ที่ โหมดการแปล เลือก Normal Mode และ คลิก ตกลง
4. ให้ท่านดูในช่องล่าง คำแปลภาษาไทยที่แสดง บางคำหรือบางวลี ซึ่งเขาเรียงหมายเลขไว้ให้ในวงเล็บ อาจจะแปลได้หลายลักษณะ ให้ท่านคลิกหมายเลข และคลิกบรรทัดที่ท่านเห็นว่าแปลได้ถูกต้องที่สุดตาม "เลขที่อ้างอิง” ที่โชว์ และคลิก apply คำแปลภาษาไทยก็จะได้รับการแก้ไข ตามที่เราคลิกเลือก
5. ที่ด้านบน-ขวา ของแถบสีฟ้าช่องล่าง ถ้าท่านคลิกที่ไอคอนสุดท้าย (English -Thai)สลับ ไป – มา คำแปลในช่องล่าง ก็จะแสดงสลับ ไป – มา ระหว่าง คำแปลอังกฤษ-ไทย ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโยค/ต่อประโยค หรือคำแปลที่มีภาษาไทยอย่างเดียว
6. ถ้าท่านคลิกเลือกให้แสดง คำแปลอังกฤษ-ไทย ที่เทียบวลีต่อวลี/ประโยคต่อประโยค ท่านก็จะได้ศึกษาการแปลของโปรแกรมนี้ ซึ่งแต่ละวลี หรือแต่ละประโยค คุณภาพของการแปลอาจจะแตกต่างกันไป ตั้งแต่แปลได้ดีมาก ไปจนถึงแปลอ่านไม่รู้เรื่องเลย
7. ถ้าต้องการลบข้อความในช่องบนหรือล่าง ก็ให้คลิกไอคอนแรก (new) ที่ด้านขวาของแถบสีฟ้า
8. มีสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง คือ ในช่องบนที่เป็นข้อความภาษาอังกฤษนั้น เมื่อท่านคลิก 1 ครั้งที่คำใดก็ตาม จะปรากฏความหมายของคำนั้นทันที ท่านอาจจะฝึกแปลด้วยตัวเองด้วยวิธีนี้ก็ได้ โดยไม่ต้องอาศัยคำแปลที่ช่องล่าง
9. ถ้าท่านต้องการใช้ดิกชันนารี ให้คลิกที่ “พจนานุกรม” ที่แถบด้านบน จะปรากฏช่องคอลัมน์พจนานุกรมที่ด้านขวา ท่านสามารถพิมพ์คำไทยเพื่อหาความหมายในภาษาอังกฤษ หรือพิมพ์ศัพท์อังกฤษ เพื่อดูคำแปลภาษาไทยก็ได้ ที่น่าสนใจก็คือ มีวลีหรือลูกคำในช่องคอลัมน์ขวาสุด ท่านสามารถเรียนรู้ศัพท์ใหม่ ๆ ที่คอลัมน์ขวามือสุดนี้ได้อย่างมากมาย ถ้าต้องการให้คอลัมน์นี้หายไป ก็คลิกที่คำว่า “พจนานุกรม” ที่แถบด้านบน อีกครั้ง
10. ท่านสามารถกำหนดขนาดของ font โดยคลิกที่ “ปรับแต่ง” ที่แถบด้านบน
11. ท่านสามารถเพิ่มคำศัพท์ใหม่ พร้อมความหมายใหม่ ซึ่งไม่มีใน database ของโปรแกรม โดยคลิกที่ “เพิ่มศัพท์” ที่ด้านบน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอาทิตย์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1295]ตั้งใจวันปีใหม่:จะฝึกใช้ดิก Eng-Eng ให้คล่องให้ได้
สวัสดีครับ
ทุกท่านพอจะตอบผมได้ไหมครับว่าจนถึงขณะนี้ ในจำนวน 10 ครั้งที่ท่านเปิดดิก ท่านเปิดดิกอังกฤษ-ไทย กี่ครั้ง ? และเปิดดิกอังกฤษ - อังกฤษ กี่ครั้ง?
ถ้าคำตอบของท่านคือ ท่านเปิดดิกอังกฤษ – ไทย มากกว่า ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ผมก็อยากจะชักชวนให้ท่านตั้งใจฉลองวันปีใหม่ นี้ว่า ภายในสิ้นปี 2010 ท่านจะเปิดดิกอังกฤษ-อังกฤษ มากกว่า ดิกอังกฤษ – ไทย
ผมเชื่อว่าทุกท่านก็รู้อยู่ว่าการเปิดดิก อังกฤษ – อังกฤษ เป็นการฝึกภาษาที่เข้มข้นกว่า การเปิดดิก อังกฤษ – ไทย และมีประโยชน์มากกว่าหลายอย่าง เช่น
-เป็นการฝึกฝนทักษะการอ่าน – การเดา – การตีความ ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นและมีประโยชน์มาก
-เป็นการฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ
-การฝึกเปิดดิก อังกฤษ – อังกฤษ ประเภท learner’s dictionary จะช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ ไปพร้อมกัน เช่น แกรมมาร์ รูปประโยคที่เราสามารถจดจำเอาไปใช้ในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษ
เปรียบเทียบง่าย ๆ ก็คือ ถ้าการฝึกฝนภาษาอังกฤษ คือการเดินทางจากกรุงเทพไปโคราช การเปิดดิก อังกฤษ – ไทย ก็เหมือนการขี่จักรยานไป แต่การเปิดดิกอังกฤษ – อังกฤษ จะเหมือนการขับรถยนต์ไป ท่านจะไปถึงโคราชได้สะดวกกว่าและเร็วกว่าหลายเท่า ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ท่านสามารถขับรถยนต์เป็นเท่านั้น
บางท่านอาจจะรู้สึกว่าคำเปรียบเทียบของผมเวอร์เกินไป เพราะการขับรถยนต์ให้เป็นง่ายหลายเท่ากว่าการเปิดดิก อังกฤษ – อังกฤษให้คล่อง!!
ผมอยากจะบอกว่า เรื่องนี้มันอยู่ที่ใจครับ คนเป็นจำนวนมากยังไง ๆ ก็ไม่ยอมหัดขับรถ และขับรถไม่เป็น อาจจะเพราะกลัวไปเฉี่ยวไปชน หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความจริงก็คือว่า ใครก็ตามที่มีความตั้งใจจะขับรถยนต์ให้เป็น เขาก็ต้องขับเป็นจนได้ แม้ว่าบางคนจะขับเป็นช้ากว่าคนอื่น แต่ถ้ารักที่จะขับให้เป็น มันก็ต้องขับเป็นจนได้ และเมื่อขับเป็นแล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะเดินทางได้รวดเร็วและสะดวกมากกว่าการไปให้ถึงโคราชโดยถีบจักรยาน 2 ล้อ
การใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ก็เช่นดียวกันครับ ถ้าพยายามฝึกเรื่อยไปจนใช้ได้คล่องแล้ว จะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้ก้าวต่อไปในโลกของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ มากกว่าการใช้ดิก อังฤษ – ไทย ..... หลายเท่า!!
ดิกอังกฤษ – ไทย นั้น แม้จะพยายามทำอย่างสุดฝีมือปานใด หรือปรับปรุงบ่อยเพียงใด ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก เช่น หลายสาขาวิชาไม่มีดิกเฉพาะเพราะไม่มีศัพท์ไทย หรือบาลีเทียบ ยิ่งแปลยิ่งไม่รู้เรื่อง และภาษาอังกฤษนั้นมีศัพท์ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นศัพท์ทั่วไปหรือ technical term เมื่อคนไทยเอาดิกอังกฤษ – อังกฤษ มาแปลและเรียบเรียงเป็นดิก อังกฤษ – ไทย กว่าจะแปล/เรียบเรียงเสร็จ กว่าจะพิมพ์เสร็จ กว่าจะนำออกขาย ศัพท์ที่อยู่ในดิกก็อาจจะเก่าเสียแล้ว ส่วนศัพท์ที่เกิดใหม่ก็ไม่มีอยู่ในนั้น ถ้าใช้ภาษาของอินเทอร์เน็ตก็ต้องพูดว่า ถ้ามี 2 เวอร์ชั่น ดิกอังกฤษ – อังกฤษ จะมีความเป็น ‘real time’ มากกว่าดิกอังกฤษ – ไทย
ถ้าอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ท่านใดมีข้อแย้งว่า มันไม่ง่ายที่จะใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ให้คล่อง ผมก็ขอบอกว่า ใช่ครับ มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง มันอยู่ที่ใจครับ การเรียนภาษาอังกฤษก็คงไม่ต่างจากการเรียนอย่างอื่นที่จะเรียนได้ดีแค่ไหนก็สุดแต่ใจจะไขว่คว้า
ในส่วนท้ายของเรื่องที่ผมจะคุยแนะนำในวันนี้ จะเป็นการแนะนำการฝึกใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ให้คล่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ข้างบน คือ ภายในสิ้นปี 2010 ท่านจะเปิดดิกอังกฤษ-อังกฤษ มากกว่า อังกฤษ – ไทย และรู้เรื่องด้วย แต่ตอนนี้อนุญาตให้ผมเล่าประสบการณ์ส่วนตัวในการใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษสักนิดนะครับ
ผมเริ่มใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ครั้งแรกตอนอยู่ ม.ศ. 4 ที่ต่างจังหวัด เป็นดิก Oxford และก็ใช้ควบกับดิก อังกฤษ – ไทยไปเรื่อย ๆ จนประมาณ ปี 3 ที่เรียนมหาวิทยาลัย จึงสามารถเลิกใช้ดิก อังกฤษ – ไทย(ถ้าจำไม่ผิด) ยกเว้นคำที่เป็นศัพท์ที่ค่อนข้างเจาะจงหรือศัพท์ธรรมดาแต่ต้องหาคำไทยที่เหมาะเจาะมาแปล อย่างนี้ถึงจะเปิดดิก อังกฤษ – ไทย แต่ในช่วง 4 – 5 ปีที่ใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ นี้ ต้องเรียกว่า “ฝืนใช้” เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะว่า:
- ประเด็นที่ 1:มันอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องครับ บางทีคำอธิบายยากกว่าคำต้นซะอีก เช่น รู้แล้วว่า dog แปลว่า หมา แต่พออ่านคำนิยามที่เป็นภาษาอังกฤษชักจะไม่ค่อยแน่ใจว่า dog นี่มันแปลว่าหมาหรือแปลว่าอะไรกันแน่ เพราะอ่านแล้วงง และในคำนิยามมีหลายคำที่ไม่เคยเห็น อย่างนี้แหละครับที่ผมบอกว่าต้องฝืน คือต้องฝืนฝึกอ่านไปทั้ง ๆ ที่เข้าใจเบลอ ๆ นี่แหละครับ และต้องเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่า มันเบลออย่างนี้อยู่นานทีเดียวครับ แต่ก็ทนไป โดยไม่ได้มุ่งหวังว่าจะต้องเข้าใจ 100 % ในการอ่านคราวเดียว เมื่ออ่านมากครั้งขึ้น ทั้งคำเดิมและคำใหม่ ก็เข้าใจมากขึ้น ๆ หลายครั้งที่ย้อนกลับไปอ่านคำเดิมและก็งงว่า ทำไมตอนนั้นเราต้องงงด้วย มันก็ตรงไปตรงมาไม่เห็นจะซับซ้อนตรงไหน ผมว่าความรู้สึกที่ผมเจอนี้คงจะเกิดขึ้นกับทุกคนนั่นหละครับ มันมี “3 ง.” ที่ต้องผ่าน คือ “งง – งม – ง่าย “ คือตอนแรก ๆ อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องก็จะงง แต่ถ้าเรายอมงมลึกลงไปจนจับใจความได้ เรื่องที่งงก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย, งง และมา ง่าย โดยไม่ยอม งม น่าจะเป็นไปได้ยากนะครับ นี่ผมพูดถึงคนหัวสมองธรรมดา ๆ อย่างผม
-ประเด็นที่ 2:เมื่อใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ มันติดความเคยชินที่จะต้องแปลทุกอย่างเป็นภาษาไทยในสมอง ผมอยากจะบอกว่า ไม่ต้องแปลก็ได้ครับ ค่อย ๆ อ่านไปช้า ๆ ถ้าอ่านครั้งที่ 1 ไม่เข้าใจก็อ่านครั้งที่ 2, อ่านครั้งที่ 2 ไม่เข้าใจก็อ่านครั้งที่ 3 ไปเรื่อย ๆ และถ้าสมองเราเข้าใจก็คือเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องแปลความเข้าใจออกเป็นภาษาไทยในสมอง ถ้าเกิดมีความเข้าใจโดยไม่ต้องแปล นี่แสดงว่าเราค่อย ๆ ก้าวขึ้นสูงอีก 1 ระดับแล้ว และเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราฝึกฝนใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ไปเรื่อย ๆ และเข้าใจโดยไม่ต้องแปลออกเป็นไทย เมื่อถึงเวลาที่เราต้องพูดภาษาอังกฤษ เราจะสามารถพูดได้ง่ายขึ้น คล่องขึ้น โดยไม่ต้องนึกแปลเป็นไทยก่อนจะพูดออกไป
พัฒนาการที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ ถ้าเราเรียนด้วยความรัก ความชอบ ความใส่ใจ แม้อาจจะยากแต่เราก็จะไม่รู้สึกว่าต้องทน และแม้บางคราวต้องอดทนก็จะไม่รู้สึกอมทุกข์ ต้นทางของความสำเร็จ (อิทธิบาท 4) เริ่มต้นด้วยความรัก (ฉันทะ) ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความขยัน แต่ถ้าเรามีความขยันโดยไม่ค่อยมีความรัก ก็ต้องทำยังไงก็ได้ครับให้รักให้ได้
ผมเห็นคนจำนวนมากที่พยายามจะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้เพียงอิทธิบาท 3 คือ ขยัน (วิริยะ), ใส่ใจ (จิตตะ), และใคร่ครวญ (วิมังสา) คนที่ใช้แค่อิทธิบาท 3 – มีไม่ครบอิทธิบาท 4 – คือไม่มีความรักหรือฉันทะในการเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าสามารถประสบความสำเร็จได้ก็เป็นความสำเร็จที่ทนทุกข์และทุรกันดารครับ อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลยครับ พยายามหาแง่งามที่ทำให้ท่านสามารถรักภาษาอังกฤษได้ ผมเชื่อว่าท่านสามารถหาพบได้แน่ ๆ ถ้าท่านพยายามอีกสักนิดที่จะหามัน
เอาละครับ คราวนี้มาถึงตอนสุดท้ายแล้วที่จะฝึกให้สามารถใช้งานดิกอังกฤษ – อังกฤษ ได้อย่างคล่องแคล่ว ผมขอแบ่งเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ครับ
1.ตอนที่ท่านนั่งหน้าคอมฯ และต่อเน็ต (online)
2.ตอนที่ท่านนั่งหน้าคอมฯ และไม่ได้ต่อเน็ต (offline)
3.ตอนที่ท่านไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมฯ
* * * * *
1.ตอนที่ท่านนั่งหน้าคอมฯ และต่อเน็ต (online)
มีเว็บดิกอังกฤษ – อังกฤษ อยู่ 2 เว็บ ที่
-เป็นดิกเพื่อการศึกษาภาษาอังกฤษ หรือ learner’s dictionary
-ท่านสามารถคลิกฟังการออกเสียงคำศัพท์ คือเป็น talking dictionary ด้วย
-ทุกคำที่เขาใช้อธิบายคำศัพท์เป็นลิงค์ คือเพียงท่าน คลิก หรือ ดับเบิ้ลคลิก ที่คำนั้น ก็จะมีความหมายปรากฏขึ้นในหน้าต่างใหม่
ที่ 2 เว็บนี้ครับ
-Macmillan
-Wordsmyth
ท่านอาจจะตั้งใจว่า จะใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาทีเพื่อฝึกฝนการใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ที่ 2 เว็บนี้ โดยพยายามอ่าน เดา ตีความ ทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ ความชำนาญจะค่อย ๆ เกิดขึ้นเองแหละครับ หรือท่านอาจจะอ่านภาษาอังกฤษและฝึกใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ประกอบการอ่านก็ดีครับ
ในกรณีที่ท่านต้องการตัวช่วย , 2 เว็บข้างล่างนี้ คือดิก อังกฤษ – ไทย (และ ไทย – อังกฤษ) ที่เป็น talking dict. ด้วย เพื่อความสะดวก ท่านอาจจะเปิด 2 เว็บคู่กัน โดยแบ่งเว็บละครึ่งจอ เมื่อใช้ด้านดิก อังกฤษ – อังกฤษและงง ก็ให้ด้านดิก อังกฤษ – ไทย ช่วยเหลือ
Google
Sanook guru
2.ตอนที่ท่านนั่งหน้าคอมฯ และไม่ได้ต่อเน็ต (offline)
บางท่านที่ใช้วิธีที่ 1คือต่อเน็ต online อาจจะเจอปัญหาเน็ตช้า คลิกแต่ละครั้งต้องรอนานเกินไปกว่าหน้าจะปรากฏ ถ้าเจออย่างนี้ ผมขอแนะนำให้ท่านดาวน์โปรแกรมดิกอังกฤษ – อังกฤษ มาฝึกจะดีกว่า และโปรแกรมที่ผมเห็นว่าดีที่สุดในงานนี้คือ ดิกฟรี WordWeb 6.0 ซึ่งมีชื่อเสียงทั่วโลก พูดง่าย ๆ ก็คือ แม้จะเป็นของฟรีแต่คุณสมบัติก็ไม่แพ้โปรแกรมดิกดัง ๆ เช่น Oxford หรือ Longman แถมยังเป็นโปรแกรมเบา ๆ ใช้งานได้ง่ายกว่าเสียอีก
คลิกเพื่อดาวน์โหลดที่นี่ครับ WordWeb 6.0
เมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแล้ว วิธีใช้งานก็ง่าย ๆ ครับ คือ
-วางเมาส์บนคำศัพท์ และ กด control + คลิกขวา จะใช้กับหน้าเว็บ ที่ท่าน save มาเก็บไว้หรือขณะต่อเน็ต, หรือจะใช้กับเอกสาร Word, Excel, PowerPoint, pdf ได้ทั้งนั้นครับ บางทีแม้แต่ไฟล์รูป เช่น JPEG ยังใช้ได้เลยครับ
-WordWeb เวอร์ชั่นใหม่ 6.0 นี้มีเสียงอ่านที่เป็นเสียงธรรมชาติของมนุษย์ ทั้งสำเนียงอังกฤษ และอเมริกัน ประมาณ 6,000 คำ แต่ถ้าคำใดไม่มีรูปตัวโน้ตให้ท่านคลิกฟังเสียงอ่าน ท่านสามารถคลิกที่ไอคอนรูปลำโพง ด้านบนเยื้องไปทางขวามือเพื่อฟังเสียงเครื่องอ่านได้
-เมื่อท่านกด control + R ก็จะมีศัพท์คำใหม่ random มาให้ท่านฝึกศึกษาทุกครั้ง
-ที่ Menu Bar ท่านสามารถคลิก Options (Font, Preferences) และเลือกตั้งค่าตามที่ต้องการ
เมื่อท่านใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ WordWeb และต้องการตัวช่วย เชิญดาวน์โหลด ดิก อังกฤษ – ไทย ; ไทย – อังกฤษ ข้างล่างนี้ ไปใช้งานได้เลยครับ
Thai_Dictionary V.3
LEXiTRON
3.ตอนที่ท่านไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมฯ
คราวนี้มาถึงสถานการณ์สุดท้าย คือ ท่านไม่ได้อยู่หน้าคอมฯ ผมขอแนะนำให้ท่านไปซื้อดิก อังกฤษ – อังกฤษ เล่มใดเล่มหนึ่ง (หรือหลายเล่มก็แล้วแต่ท่าน) มาฝึกศึกษา ข้างล่างนี้ครับ ที่ร้านหนังสือใหญ่ ๆ น่าจะมีวางขาย
Oxford
Longman
Cambridge
Cobuild
Webster
Macmillan
และถ้าท่านใดต้องการให้มีตัวช่วยพร้อมในเล่มเดียวกัน ก็อาจจะชอบใจ
Oxford Basic English Dictionary พจนานุกรมเบื้องต้น อังกฤษ-ไทย/ศ.ทักษิณา สวนานนท์ ซึ่งแทรกคำอธิบายศัพท์เป็นภาษาไทยด้วย ดิกทำนองนี้อาจจะมีอีกสัก 2- 3 เล่ม ถ้าผมมีโอกาสไปร้านหนังสือที่วางขาย จะกลับมาเรียนพิ่มเติมครับ
ท่านผู้อ่านครับ คำแนะนำทั้งหมดในวันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมใช้แล้วได้ผล ผมหวังว่าท่านจะได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ผมจะรอจนถึงปีหน้าซึ่งเป็นวาระที่ผมจะเขียนเรื่อง New Year's resolution 2011 พอถึงวันนั้น (ถ้ายังมีชีวิตอยู่) ผมอยากจะได้ฟังท่านผู้อ่านเขียนเล่าประสบการณ์บ้างว่า การฝึกใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ของท่านในปี 2010 ได้รับผลเป็นประการใดบ้าง
สวัสดีปีใหม่ 2553 ครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ทุกท่านพอจะตอบผมได้ไหมครับว่าจนถึงขณะนี้ ในจำนวน 10 ครั้งที่ท่านเปิดดิก ท่านเปิดดิกอังกฤษ-ไทย กี่ครั้ง ? และเปิดดิกอังกฤษ - อังกฤษ กี่ครั้ง?
ถ้าคำตอบของท่านคือ ท่านเปิดดิกอังกฤษ – ไทย มากกว่า ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ผมก็อยากจะชักชวนให้ท่านตั้งใจฉลองวันปีใหม่ นี้ว่า ภายในสิ้นปี 2010 ท่านจะเปิดดิกอังกฤษ-อังกฤษ มากกว่า ดิกอังกฤษ – ไทย
ผมเชื่อว่าทุกท่านก็รู้อยู่ว่าการเปิดดิก อังกฤษ – อังกฤษ เป็นการฝึกภาษาที่เข้มข้นกว่า การเปิดดิก อังกฤษ – ไทย และมีประโยชน์มากกว่าหลายอย่าง เช่น
-เป็นการฝึกฝนทักษะการอ่าน – การเดา – การตีความ ซึ่งเป็นทักษะพื้นฐานที่จำเป็นและมีประโยชน์มาก
-เป็นการฝึกคิดเป็นภาษาอังกฤษ
-การฝึกเปิดดิก อังกฤษ – อังกฤษ ประเภท learner’s dictionary จะช่วยให้เราเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ ไปพร้อมกัน เช่น แกรมมาร์ รูปประโยคที่เราสามารถจดจำเอาไปใช้ในการพูดและเขียนภาษาอังกฤษ
เปรียบเทียบง่าย ๆ ก็คือ ถ้าการฝึกฝนภาษาอังกฤษ คือการเดินทางจากกรุงเทพไปโคราช การเปิดดิก อังกฤษ – ไทย ก็เหมือนการขี่จักรยานไป แต่การเปิดดิกอังกฤษ – อังกฤษ จะเหมือนการขับรถยนต์ไป ท่านจะไปถึงโคราชได้สะดวกกว่าและเร็วกว่าหลายเท่า ขอเพียงอย่างเดียว ขอให้ท่านสามารถขับรถยนต์เป็นเท่านั้น
บางท่านอาจจะรู้สึกว่าคำเปรียบเทียบของผมเวอร์เกินไป เพราะการขับรถยนต์ให้เป็นง่ายหลายเท่ากว่าการเปิดดิก อังกฤษ – อังกฤษให้คล่อง!!
ผมอยากจะบอกว่า เรื่องนี้มันอยู่ที่ใจครับ คนเป็นจำนวนมากยังไง ๆ ก็ไม่ยอมหัดขับรถ และขับรถไม่เป็น อาจจะเพราะกลัวไปเฉี่ยวไปชน หรือเพราะอะไรก็แล้วแต่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นความจริงก็คือว่า ใครก็ตามที่มีความตั้งใจจะขับรถยนต์ให้เป็น เขาก็ต้องขับเป็นจนได้ แม้ว่าบางคนจะขับเป็นช้ากว่าคนอื่น แต่ถ้ารักที่จะขับให้เป็น มันก็ต้องขับเป็นจนได้ และเมื่อขับเป็นแล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เขาจะเดินทางได้รวดเร็วและสะดวกมากกว่าการไปให้ถึงโคราชโดยถีบจักรยาน 2 ล้อ
การใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ก็เช่นดียวกันครับ ถ้าพยายามฝึกเรื่อยไปจนใช้ได้คล่องแล้ว จะเป็นพื้นฐานที่มั่นคงให้ก้าวต่อไปในโลกของการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ มากกว่าการใช้ดิก อังฤษ – ไทย ..... หลายเท่า!!
ดิกอังกฤษ – ไทย นั้น แม้จะพยายามทำอย่างสุดฝีมือปานใด หรือปรับปรุงบ่อยเพียงใด ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก เช่น หลายสาขาวิชาไม่มีดิกเฉพาะเพราะไม่มีศัพท์ไทย หรือบาลีเทียบ ยิ่งแปลยิ่งไม่รู้เรื่อง และภาษาอังกฤษนั้นมีศัพท์ใหม่เกิดขึ้นทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นศัพท์ทั่วไปหรือ technical term เมื่อคนไทยเอาดิกอังกฤษ – อังกฤษ มาแปลและเรียบเรียงเป็นดิก อังกฤษ – ไทย กว่าจะแปล/เรียบเรียงเสร็จ กว่าจะพิมพ์เสร็จ กว่าจะนำออกขาย ศัพท์ที่อยู่ในดิกก็อาจจะเก่าเสียแล้ว ส่วนศัพท์ที่เกิดใหม่ก็ไม่มีอยู่ในนั้น ถ้าใช้ภาษาของอินเทอร์เน็ตก็ต้องพูดว่า ถ้ามี 2 เวอร์ชั่น ดิกอังกฤษ – อังกฤษ จะมีความเป็น ‘real time’ มากกว่าดิกอังกฤษ – ไทย
ถ้าอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ท่านใดมีข้อแย้งว่า มันไม่ง่ายที่จะใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ให้คล่อง ผมก็ขอบอกว่า ใช่ครับ มันอาจจะไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง มันอยู่ที่ใจครับ การเรียนภาษาอังกฤษก็คงไม่ต่างจากการเรียนอย่างอื่นที่จะเรียนได้ดีแค่ไหนก็สุดแต่ใจจะไขว่คว้า
ในส่วนท้ายของเรื่องที่ผมจะคุยแนะนำในวันนี้ จะเป็นการแนะนำการฝึกใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ให้คล่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ข้างบน คือ ภายในสิ้นปี 2010 ท่านจะเปิดดิกอังกฤษ-อังกฤษ มากกว่า อังกฤษ – ไทย และรู้เรื่องด้วย แต่ตอนนี้อนุญาตให้ผมเล่าประสบการณ์ส่วนตัวในการใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษสักนิดนะครับ
ผมเริ่มใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ครั้งแรกตอนอยู่ ม.ศ. 4 ที่ต่างจังหวัด เป็นดิก Oxford และก็ใช้ควบกับดิก อังกฤษ – ไทยไปเรื่อย ๆ จนประมาณ ปี 3 ที่เรียนมหาวิทยาลัย จึงสามารถเลิกใช้ดิก อังกฤษ – ไทย(ถ้าจำไม่ผิด) ยกเว้นคำที่เป็นศัพท์ที่ค่อนข้างเจาะจงหรือศัพท์ธรรมดาแต่ต้องหาคำไทยที่เหมาะเจาะมาแปล อย่างนี้ถึงจะเปิดดิก อังกฤษ – ไทย แต่ในช่วง 4 – 5 ปีที่ใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ นี้ ต้องเรียกว่า “ฝืนใช้” เพราะอะไรหรือครับ ก็เพราะว่า:
- ประเด็นที่ 1:มันอ่านไม่ค่อยรู้เรื่องครับ บางทีคำอธิบายยากกว่าคำต้นซะอีก เช่น รู้แล้วว่า dog แปลว่า หมา แต่พออ่านคำนิยามที่เป็นภาษาอังกฤษชักจะไม่ค่อยแน่ใจว่า dog นี่มันแปลว่าหมาหรือแปลว่าอะไรกันแน่ เพราะอ่านแล้วงง และในคำนิยามมีหลายคำที่ไม่เคยเห็น อย่างนี้แหละครับที่ผมบอกว่าต้องฝืน คือต้องฝืนฝึกอ่านไปทั้ง ๆ ที่เข้าใจเบลอ ๆ นี่แหละครับ และต้องเรียนอย่างตรงไปตรงมาว่า มันเบลออย่างนี้อยู่นานทีเดียวครับ แต่ก็ทนไป โดยไม่ได้มุ่งหวังว่าจะต้องเข้าใจ 100 % ในการอ่านคราวเดียว เมื่ออ่านมากครั้งขึ้น ทั้งคำเดิมและคำใหม่ ก็เข้าใจมากขึ้น ๆ หลายครั้งที่ย้อนกลับไปอ่านคำเดิมและก็งงว่า ทำไมตอนนั้นเราต้องงงด้วย มันก็ตรงไปตรงมาไม่เห็นจะซับซ้อนตรงไหน ผมว่าความรู้สึกที่ผมเจอนี้คงจะเกิดขึ้นกับทุกคนนั่นหละครับ มันมี “3 ง.” ที่ต้องผ่าน คือ “งง – งม – ง่าย “ คือตอนแรก ๆ อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องก็จะงง แต่ถ้าเรายอมงมลึกลงไปจนจับใจความได้ เรื่องที่งงก็จะกลายเป็นเรื่องง่าย, งง และมา ง่าย โดยไม่ยอม งม น่าจะเป็นไปได้ยากนะครับ นี่ผมพูดถึงคนหัวสมองธรรมดา ๆ อย่างผม
-ประเด็นที่ 2:เมื่อใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ มันติดความเคยชินที่จะต้องแปลทุกอย่างเป็นภาษาไทยในสมอง ผมอยากจะบอกว่า ไม่ต้องแปลก็ได้ครับ ค่อย ๆ อ่านไปช้า ๆ ถ้าอ่านครั้งที่ 1 ไม่เข้าใจก็อ่านครั้งที่ 2, อ่านครั้งที่ 2 ไม่เข้าใจก็อ่านครั้งที่ 3 ไปเรื่อย ๆ และถ้าสมองเราเข้าใจก็คือเข้าใจ ไม่จำเป็นต้องแปลความเข้าใจออกเป็นภาษาไทยในสมอง ถ้าเกิดมีความเข้าใจโดยไม่ต้องแปล นี่แสดงว่าเราค่อย ๆ ก้าวขึ้นสูงอีก 1 ระดับแล้ว และเป็นเรื่องที่น่ายินดีครับ ซึ่งหมายความว่า ถ้าเราฝึกฝนใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ไปเรื่อย ๆ และเข้าใจโดยไม่ต้องแปลออกเป็นไทย เมื่อถึงเวลาที่เราต้องพูดภาษาอังกฤษ เราจะสามารถพูดได้ง่ายขึ้น คล่องขึ้น โดยไม่ต้องนึกแปลเป็นไทยก่อนจะพูดออกไป
พัฒนาการที่ผมเล่ามาทั้งหมดนี้ ถ้าเราเรียนด้วยความรัก ความชอบ ความใส่ใจ แม้อาจจะยากแต่เราก็จะไม่รู้สึกว่าต้องทน และแม้บางคราวต้องอดทนก็จะไม่รู้สึกอมทุกข์ ต้นทางของความสำเร็จ (อิทธิบาท 4) เริ่มต้นด้วยความรัก (ฉันทะ) ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความขยัน แต่ถ้าเรามีความขยันโดยไม่ค่อยมีความรัก ก็ต้องทำยังไงก็ได้ครับให้รักให้ได้
ผมเห็นคนจำนวนมากที่พยายามจะประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษโดยใช้เพียงอิทธิบาท 3 คือ ขยัน (วิริยะ), ใส่ใจ (จิตตะ), และใคร่ครวญ (วิมังสา) คนที่ใช้แค่อิทธิบาท 3 – มีไม่ครบอิทธิบาท 4 – คือไม่มีความรักหรือฉันทะในการเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าสามารถประสบความสำเร็จได้ก็เป็นความสำเร็จที่ทนทุกข์และทุรกันดารครับ อย่าได้เป็นอย่างนั้นเลยครับ พยายามหาแง่งามที่ทำให้ท่านสามารถรักภาษาอังกฤษได้ ผมเชื่อว่าท่านสามารถหาพบได้แน่ ๆ ถ้าท่านพยายามอีกสักนิดที่จะหามัน
เอาละครับ คราวนี้มาถึงตอนสุดท้ายแล้วที่จะฝึกให้สามารถใช้งานดิกอังกฤษ – อังกฤษ ได้อย่างคล่องแคล่ว ผมขอแบ่งเป็น 3 ลักษณะ ดังนี้ครับ
1.ตอนที่ท่านนั่งหน้าคอมฯ และต่อเน็ต (online)
2.ตอนที่ท่านนั่งหน้าคอมฯ และไม่ได้ต่อเน็ต (offline)
3.ตอนที่ท่านไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมฯ
* * * * *
1.ตอนที่ท่านนั่งหน้าคอมฯ และต่อเน็ต (online)
มีเว็บดิกอังกฤษ – อังกฤษ อยู่ 2 เว็บ ที่
-เป็นดิกเพื่อการศึกษาภาษาอังกฤษ หรือ learner’s dictionary
-ท่านสามารถคลิกฟังการออกเสียงคำศัพท์ คือเป็น talking dictionary ด้วย
-ทุกคำที่เขาใช้อธิบายคำศัพท์เป็นลิงค์ คือเพียงท่าน คลิก หรือ ดับเบิ้ลคลิก ที่คำนั้น ก็จะมีความหมายปรากฏขึ้นในหน้าต่างใหม่
ที่ 2 เว็บนี้ครับ
-Macmillan
-Wordsmyth
ท่านอาจจะตั้งใจว่า จะใช้เวลาอย่างน้อย 15 นาทีเพื่อฝึกฝนการใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ที่ 2 เว็บนี้ โดยพยายามอ่าน เดา ตีความ ทำความเข้าใจไปเรื่อย ๆ ความชำนาญจะค่อย ๆ เกิดขึ้นเองแหละครับ หรือท่านอาจจะอ่านภาษาอังกฤษและฝึกใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ ประกอบการอ่านก็ดีครับ
ในกรณีที่ท่านต้องการตัวช่วย , 2 เว็บข้างล่างนี้ คือดิก อังกฤษ – ไทย (และ ไทย – อังกฤษ) ที่เป็น talking dict. ด้วย เพื่อความสะดวก ท่านอาจจะเปิด 2 เว็บคู่กัน โดยแบ่งเว็บละครึ่งจอ เมื่อใช้ด้านดิก อังกฤษ – อังกฤษและงง ก็ให้ด้านดิก อังกฤษ – ไทย ช่วยเหลือ
Sanook guru
2.ตอนที่ท่านนั่งหน้าคอมฯ และไม่ได้ต่อเน็ต (offline)
บางท่านที่ใช้วิธีที่ 1คือต่อเน็ต online อาจจะเจอปัญหาเน็ตช้า คลิกแต่ละครั้งต้องรอนานเกินไปกว่าหน้าจะปรากฏ ถ้าเจออย่างนี้ ผมขอแนะนำให้ท่านดาวน์โปรแกรมดิกอังกฤษ – อังกฤษ มาฝึกจะดีกว่า และโปรแกรมที่ผมเห็นว่าดีที่สุดในงานนี้คือ ดิกฟรี WordWeb 6.0 ซึ่งมีชื่อเสียงทั่วโลก พูดง่าย ๆ ก็คือ แม้จะเป็นของฟรีแต่คุณสมบัติก็ไม่แพ้โปรแกรมดิกดัง ๆ เช่น Oxford หรือ Longman แถมยังเป็นโปรแกรมเบา ๆ ใช้งานได้ง่ายกว่าเสียอีก
คลิกเพื่อดาวน์โหลดที่นี่ครับ WordWeb 6.0
เมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งแล้ว วิธีใช้งานก็ง่าย ๆ ครับ คือ
-วางเมาส์บนคำศัพท์ และ กด control + คลิกขวา จะใช้กับหน้าเว็บ ที่ท่าน save มาเก็บไว้หรือขณะต่อเน็ต, หรือจะใช้กับเอกสาร Word, Excel, PowerPoint, pdf ได้ทั้งนั้นครับ บางทีแม้แต่ไฟล์รูป เช่น JPEG ยังใช้ได้เลยครับ
-WordWeb เวอร์ชั่นใหม่ 6.0 นี้มีเสียงอ่านที่เป็นเสียงธรรมชาติของมนุษย์ ทั้งสำเนียงอังกฤษ และอเมริกัน ประมาณ 6,000 คำ แต่ถ้าคำใดไม่มีรูปตัวโน้ตให้ท่านคลิกฟังเสียงอ่าน ท่านสามารถคลิกที่ไอคอนรูปลำโพง ด้านบนเยื้องไปทางขวามือเพื่อฟังเสียงเครื่องอ่านได้
-เมื่อท่านกด control + R ก็จะมีศัพท์คำใหม่ random มาให้ท่านฝึกศึกษาทุกครั้ง
-ที่ Menu Bar ท่านสามารถคลิก Options (Font, Preferences) และเลือกตั้งค่าตามที่ต้องการ
เมื่อท่านใช้ดิกอังกฤษ – อังกฤษ WordWeb และต้องการตัวช่วย เชิญดาวน์โหลด ดิก อังกฤษ – ไทย ; ไทย – อังกฤษ ข้างล่างนี้ ไปใช้งานได้เลยครับ
Thai_Dictionary V.3
LEXiTRON
3.ตอนที่ท่านไม่ได้นั่งอยู่หน้าคอมฯ
คราวนี้มาถึงสถานการณ์สุดท้าย คือ ท่านไม่ได้อยู่หน้าคอมฯ ผมขอแนะนำให้ท่านไปซื้อดิก อังกฤษ – อังกฤษ เล่มใดเล่มหนึ่ง (หรือหลายเล่มก็แล้วแต่ท่าน) มาฝึกศึกษา ข้างล่างนี้ครับ ที่ร้านหนังสือใหญ่ ๆ น่าจะมีวางขาย
Oxford
Longman
Cambridge
Cobuild
Webster
Macmillan
และถ้าท่านใดต้องการให้มีตัวช่วยพร้อมในเล่มเดียวกัน ก็อาจจะชอบใจ
Oxford Basic English Dictionary พจนานุกรมเบื้องต้น อังกฤษ-ไทย/ศ.ทักษิณา สวนานนท์ ซึ่งแทรกคำอธิบายศัพท์เป็นภาษาไทยด้วย ดิกทำนองนี้อาจจะมีอีกสัก 2- 3 เล่ม ถ้าผมมีโอกาสไปร้านหนังสือที่วางขาย จะกลับมาเรียนพิ่มเติมครับ
ท่านผู้อ่านครับ คำแนะนำทั้งหมดในวันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัวที่ผมใช้แล้วได้ผล ผมหวังว่าท่านจะได้รับประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ผมจะรอจนถึงปีหน้าซึ่งเป็นวาระที่ผมจะเขียนเรื่อง New Year's resolution 2011 พอถึงวันนั้น (ถ้ายังมีชีวิตอยู่) ผมอยากจะได้ฟังท่านผู้อ่านเขียนเล่าประสบการณ์บ้างว่า การฝึกใช้ดิก อังกฤษ – อังกฤษ ของท่านในปี 2010 ได้รับผลเป็นประการใดบ้าง
สวัสดีปีใหม่ 2553 ครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1294]วิธีค้นหาคำแนะนำเกี่ยวกับเรื่องนั้นเรื่องนี้(how-to)
สวัสดีครับ
สำหรับท่านที่ต้องการค้นหาคำแนะนำเกี่ยวกับการทำเรื่องนั้นเรื่องนี้(how-to) ไม่ว่าจะเป็นการทำด้วยร่างกายหรือมือ เช่น การซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน , การล้างคราบสกปรกที่ล้างได้ยาก, การลดน้ำหนัก ; หรือ ทำด้วยวาจา เช่น การเจรจาธุรกิจ การสอบสัมภาษณ์; หรือการทำด้วยใจหรือความคิด เช่น การลดความวิตกกังวล การจำชื่อคน เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาวิธีการทำอะไรก็ตาม ขอให้ท่านคิดไว้ในใจก่อนเลยว่า สิ่งที่เราต้องการค้นหานี้มันมีอยู่แน่ ๆในอินเทอร์เน็ต
การที่เรายังหาไม่พบไม่ได้แปลว่ามันไม่มี เพราะว่าในโลก world wide web อันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เราคงไม่ใช่คนแรกที่ตั้งคำถามนี้ จะต้องมีใครบางคนหรือหลายคนเขียนถาม และเขียนตอบไว้เรียบร้อยแล้วในเน็ต หน้าที่ของเราเพียงค้นหามันให้เจอเท่านั้นเอง และแม้ว่าสิ่งที่เขียนไว้อาจจะไม่ตรงกับใจเรา 100 % แต่อย่างน้อยเมื่ออ่านดูที่คนอื่นเขาเขียนไว้ เราก็พอมีแนวทางที่ให้คิดต่อได้ ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ด้วยตัวเอง ซึ่งเราอาจจะไม่มีเวลาหรือเหนื่อยเกินไปที่จะทำ
และขอเรียนท่านผู้อ่านว่า เว็บหรือลิงค์ต่าง ๆ ที่ผมนำมาแนะนำในบล็อกนี้ ก็หามาด้วยการตั้งความคิดไว้ตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้แหละครับ
เอาละครับ ผมขอว่าไปที่ละ step เลยนะครับ
วิธีที่ 1.เริ่มง่าย ๆ ก็ไปที่ google.com หรือ google.co.th แล้วพิมพ์คำที่ต้องการค้นลงไป คิดว่าหลายท่านก็ค้นโดยวิธีนี้อยู่แล้ว เช่น พิมพ์ลงไปว่า การจำศัพท์ภาษาอังกฤษ, การเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล, การอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เป็นต้น
ผมมีข้อแนะนำเพิ่มเติมนิดนึงว่า ถ้าท่านต้องการให้ google search สามารถทำงานได้เต็มความสามารถของมัน ท่านต้องใช้ การค้นหาขั้นสูง ของ Google
อ่านคำแนะนำการใช้ คลิกที่นี่
สำหรับท่านที่ไม่เคยใช้ การค้นหาขั้นสูง ของ Google ผมขอแนะนำอย่างรุนแรงให้ลองศึกษาการใช้ เมื่อใช้เป็นแล้วจะรู้สึกว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปกับการศึกษาการใช้
วิธีที่ 2 มีเว็บฝรั่งจำนวนมากเป็นเว็บประเภท how-to มีคำแนะนำสารพัดอย่างให้เราเข้าไปค้นหาสิ่งที่เราสงสัยใคร่รู้ ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นเพราะสภาพสังคมด้วยนะครับ เมืองฝรั่งนั้นค่าแรงแพง พ่อบ้านแม่บ้านก็เลยต้องพยายามทำทุกอย่างให้เป็นด้วยตัวเอง หนังสือประเภท DIY หรือ Do It Yourself ในตลาดบ้านเขาก็เลยมีขายมากกว่าตลาดบ้านเรา และเว็บไซต์ฟรีทำนองนี้ก็มีมากเช่นกัน ลองคลิกเข้าไปดูข้างล่างนี้นะครับ แต่ละเว็บจะมี Search ให้ใช้ ถ้าเจออะไรที่ชอบใจก็ทำ Favorite ไว้เลยครับ
Ask the Experts
Do-it-Yourself.com
Do-it-Yourself Resources
FindHow
Free Legal Advice
Homework Helper
How Stuff Works
Information Please
SoYouWanna
WannaLearn.com
wikihow.com
How To Clean Anything
วิธีที่ 3 ถ้าท่านต้องการหนังสือเป็นเล่ม ๆ เพื่ออ่านหน้าจอโดยไม่ต้องต่อเน็ต หรือ print ออกมาเย็บเป็นเล่มแล้วอ่าน ก็ไปที่รวมลิงค์ข้างล่างนี้ครับ มีมากมายมหาศาลจริง ๆ
[1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
วิธีที่ 4 การค้นหาไฟล์ PowerPoint Presentation
ท่านผู้อ่านคงเห็นบ่อย ๆ ที่เวลาวิทยากรเขาอธิบายอะไรก็ตาม เขาจะทำ slide PowerPoint มาฉายประกอบการอธิบาย และ slide PowerPoint พวกนี้ก็มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตให้เราค้นหา เนื้อหาที่อยู่ในไฟล์พวกนี้แม้อาจจะเป็นเพียงหัวข้อบวกรายละเอียดนิดหน่อย เพราะรายละเอียดจริง ๆ คือสิ่งที่วิทยากรเขาจะนำเสนอด้วยวาจา แต่สำหรับคนที่พอรู้เรื่องอยู่บ้างแล้ว slide PowerPoint พวกนี้มีประโยชน์มาก เพราะช่วยสรุปเนื้อหาที่ยาว-ยาก-ซับซ้อน ออกมาเป็นประเด็นสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้เราพอรู้เรื่องอย่างน้อยก็เบื้องต้น นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องทำหน้าที่เป็นวิทยากร อาจจะเอาไฟล์พวกนี้ไปปรับใช้ได้โดยไม่ต้องทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด(อย่าลืมให้เครดิตเจ้าของไฟล์ด้วย)
การหาไฟล์ PowerPoint ก็ง่าย ๆ เพียงพิมพ์ลงไปในช่อง Google อย่างนี้ครับ
คำค้น filetype:ppt
ท่านลองคลิกดูตัวอย่างที่ผมค้น ข้างล่างนี้ครับ
การพูด filetype:ppt
อังกฤษ filetype:ppt
ภาษาอังกฤษ filetype:ppt
นิทาน filetype:ppt
การเขียน filetype:ppt
การนำเสนอ filetype:ppt
จดหมาย filetype:ppt
หรือ ถ้าต้องการให้คำที่ค้นอยู่ในชื่อหัวข้อก็เติม allintitle: ไว้ข้างหน้า, ถ้าต้องการวลีหรือคำค้นที่เจาะจงก็ใส่เครื่องหมายคำพูด “....” กำกับลงไปด้วย เช่น
allintitle: "how to" filetype:ppt
allintitle: "negotiation" filetype:ppt
(ในหัวข้อนี้ได้มา 3 ไฟล์ที่น่าสนใจ ดังนี้ NEGOTIATION/BARGAINING, Negotiation Skills, การเจรจาต่อรอง)
อนึ่ง ถ้าเปิดไฟล์ PowerPoint ไม่ได้ให้คลิก View as HTML หรือ ดูในรูปแบบ HTML ซึ่งอยู่ใต้บรรทัดชื่อเรื่อง
วิธีที่ 5 ดูวีดิโอ How to ที่ YouTube
ไปที่ http://www.youtube.com/ และพิมพ์ how to คำค้น ลงไป เช่น
how to pronounce English words
how to write email
หรือจะดูที่นี่ก่อนก็ได้ครับ
YouTube how to Playlists
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
สำหรับท่านที่ต้องการค้นหาคำแนะนำเกี่ยวกับการทำเรื่องนั้นเรื่องนี้(how-to) ไม่ว่าจะเป็นการทำด้วยร่างกายหรือมือ เช่น การซ่อมอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน , การล้างคราบสกปรกที่ล้างได้ยาก, การลดน้ำหนัก ; หรือ ทำด้วยวาจา เช่น การเจรจาธุรกิจ การสอบสัมภาษณ์; หรือการทำด้วยใจหรือความคิด เช่น การลดความวิตกกังวล การจำชื่อคน เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาวิธีการทำอะไรก็ตาม ขอให้ท่านคิดไว้ในใจก่อนเลยว่า สิ่งที่เราต้องการค้นหานี้มันมีอยู่แน่ ๆในอินเทอร์เน็ต
การที่เรายังหาไม่พบไม่ได้แปลว่ามันไม่มี เพราะว่าในโลก world wide web อันกว้างใหญ่ไพศาลนี้ เราคงไม่ใช่คนแรกที่ตั้งคำถามนี้ จะต้องมีใครบางคนหรือหลายคนเขียนถาม และเขียนตอบไว้เรียบร้อยแล้วในเน็ต หน้าที่ของเราเพียงค้นหามันให้เจอเท่านั้นเอง และแม้ว่าสิ่งที่เขียนไว้อาจจะไม่ตรงกับใจเรา 100 % แต่อย่างน้อยเมื่ออ่านดูที่คนอื่นเขาเขียนไว้ เราก็พอมีแนวทางที่ให้คิดต่อได้ ไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ด้วยตัวเอง ซึ่งเราอาจจะไม่มีเวลาหรือเหนื่อยเกินไปที่จะทำ
และขอเรียนท่านผู้อ่านว่า เว็บหรือลิงค์ต่าง ๆ ที่ผมนำมาแนะนำในบล็อกนี้ ก็หามาด้วยการตั้งความคิดไว้ตามที่กล่าวมาข้างต้นนี้แหละครับ
เอาละครับ ผมขอว่าไปที่ละ step เลยนะครับ
วิธีที่ 1.เริ่มง่าย ๆ ก็ไปที่ google.com หรือ google.co.th แล้วพิมพ์คำที่ต้องการค้นลงไป คิดว่าหลายท่านก็ค้นโดยวิธีนี้อยู่แล้ว เช่น พิมพ์ลงไปว่า การจำศัพท์ภาษาอังกฤษ, การเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผล, การอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ เป็นต้น
ผมมีข้อแนะนำเพิ่มเติมนิดนึงว่า ถ้าท่านต้องการให้ google search สามารถทำงานได้เต็มความสามารถของมัน ท่านต้องใช้ การค้นหาขั้นสูง ของ Google
อ่านคำแนะนำการใช้ คลิกที่นี่
สำหรับท่านที่ไม่เคยใช้ การค้นหาขั้นสูง ของ Google ผมขอแนะนำอย่างรุนแรงให้ลองศึกษาการใช้ เมื่อใช้เป็นแล้วจะรู้สึกว่าคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปกับการศึกษาการใช้
วิธีที่ 2 มีเว็บฝรั่งจำนวนมากเป็นเว็บประเภท how-to มีคำแนะนำสารพัดอย่างให้เราเข้าไปค้นหาสิ่งที่เราสงสัยใคร่รู้ ผมว่าเรื่องนี้มันเป็นเพราะสภาพสังคมด้วยนะครับ เมืองฝรั่งนั้นค่าแรงแพง พ่อบ้านแม่บ้านก็เลยต้องพยายามทำทุกอย่างให้เป็นด้วยตัวเอง หนังสือประเภท DIY หรือ Do It Yourself ในตลาดบ้านเขาก็เลยมีขายมากกว่าตลาดบ้านเรา และเว็บไซต์ฟรีทำนองนี้ก็มีมากเช่นกัน ลองคลิกเข้าไปดูข้างล่างนี้นะครับ แต่ละเว็บจะมี Search ให้ใช้ ถ้าเจออะไรที่ชอบใจก็ทำ Favorite ไว้เลยครับ
Ask the Experts
Do-it-Yourself.com
Do-it-Yourself Resources
FindHow
Free Legal Advice
Homework Helper
How Stuff Works
Information Please
SoYouWanna
WannaLearn.com
wikihow.com
How To Clean Anything
วิธีที่ 3 ถ้าท่านต้องการหนังสือเป็นเล่ม ๆ เพื่ออ่านหน้าจอโดยไม่ต้องต่อเน็ต หรือ print ออกมาเย็บเป็นเล่มแล้วอ่าน ก็ไปที่รวมลิงค์ข้างล่างนี้ครับ มีมากมายมหาศาลจริง ๆ
[1204]หนังสือที่มีให้ ด/ล ในบล็อกนี้ ผมหามาจากไหน?
วิธีที่ 4 การค้นหาไฟล์ PowerPoint Presentation
ท่านผู้อ่านคงเห็นบ่อย ๆ ที่เวลาวิทยากรเขาอธิบายอะไรก็ตาม เขาจะทำ slide PowerPoint มาฉายประกอบการอธิบาย และ slide PowerPoint พวกนี้ก็มีอยู่ในอินเทอร์เน็ตให้เราค้นหา เนื้อหาที่อยู่ในไฟล์พวกนี้แม้อาจจะเป็นเพียงหัวข้อบวกรายละเอียดนิดหน่อย เพราะรายละเอียดจริง ๆ คือสิ่งที่วิทยากรเขาจะนำเสนอด้วยวาจา แต่สำหรับคนที่พอรู้เรื่องอยู่บ้างแล้ว slide PowerPoint พวกนี้มีประโยชน์มาก เพราะช่วยสรุปเนื้อหาที่ยาว-ยาก-ซับซ้อน ออกมาเป็นประเด็นสั้น ๆ ง่าย ๆ ให้เราพอรู้เรื่องอย่างน้อยก็เบื้องต้น นอกจากนี้สำหรับผู้ที่ต้องทำหน้าที่เป็นวิทยากร อาจจะเอาไฟล์พวกนี้ไปปรับใช้ได้โดยไม่ต้องทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด(อย่าลืมให้เครดิตเจ้าของไฟล์ด้วย)
การหาไฟล์ PowerPoint ก็ง่าย ๆ เพียงพิมพ์ลงไปในช่อง Google อย่างนี้ครับ
คำค้น filetype:ppt
ท่านลองคลิกดูตัวอย่างที่ผมค้น ข้างล่างนี้ครับ
การพูด filetype:ppt
อังกฤษ filetype:ppt
ภาษาอังกฤษ filetype:ppt
นิทาน filetype:ppt
การเขียน filetype:ppt
การนำเสนอ filetype:ppt
จดหมาย filetype:ppt
หรือ ถ้าต้องการให้คำที่ค้นอยู่ในชื่อหัวข้อก็เติม allintitle: ไว้ข้างหน้า, ถ้าต้องการวลีหรือคำค้นที่เจาะจงก็ใส่เครื่องหมายคำพูด “....” กำกับลงไปด้วย เช่น
allintitle: "how to" filetype:ppt
allintitle: "negotiation" filetype:ppt
(ในหัวข้อนี้ได้มา 3 ไฟล์ที่น่าสนใจ ดังนี้ NEGOTIATION/BARGAINING, Negotiation Skills, การเจรจาต่อรอง)
อนึ่ง ถ้าเปิดไฟล์ PowerPoint ไม่ได้ให้คลิก View as HTML หรือ ดูในรูปแบบ HTML ซึ่งอยู่ใต้บรรทัดชื่อเรื่อง
วิธีที่ 5 ดูวีดิโอ How to ที่ YouTube
ไปที่ http://www.youtube.com/ และพิมพ์ how to คำค้น ลงไป เช่น
how to pronounce English words
how to write email
หรือจะดูที่นี่ก่อนก็ได้ครับ
YouTube how to Playlists
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1293]ประโยคสนทนาแบบ formal และ everyday English
สวัสดีครับ
ผมได้ไฟล์หนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ Listen and Say It Right in English …When to use Formal and Everyday English หนังสือเล่มนี้แสดงประโยคสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเอาประโยคแบบ formal English (ภาษาอังกฤษแบบทางการ)มาเทียบให้เห็นชัด ๆ กับ ประโยคแบบ everyday English (ภาษาอังกฤษอย่างที่ใช้ชีวิตประจำวัน)
เมื่อผมพลิกอ่านไปได้สักพักก็ได้ข้อสังเกตว่า ประโยคสนทนาที่คนไทยส่วนใหญ่ถูกสอนให้พูดมักเป็นแบบ formal English ซึ่งต่างจากประโยคแบบ everyday English ที่ฝรั่งใช้พูดเวลาเขาคุยกับเรา แต่เพราะเหตุที่เราเคยชินกับการใช้ประโยคแบบ formal English ในการพูด เราก็อาจจะไม่ชินปากที่จะใช้ everyday English ในการพูด แต่ฝรั่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเมื่อตอนพูดกัน
เท่าที่ผมสังเกตดู จุดที่ formal English ต่างจาก everyday English ก็คือคำศัพท์หรือสำนวนบางคำที่ใช้ซึ่งเราอาจจะไม่ค่อยเจอในภาษาเขียน และรูปประโยคที่ everyday English ง่ายกว่า
หนังสือ Listen and Say It Right in English …When to use Formal and Everyday English มีทั้งหมด 22 unit ท่านลองคลิกดูไฟล์ pdf แต่ละบทดูซีครับ และค่อย ๆ ดูว่า เรามักจะเคยชินที่จะพูดแบบ formal English มากกว่า everyday English อย่างที่ผมว่าไว้หรือเปล่า
unit-1
unit_2
unit_3
unit_4
unit_5
unit_6
unit_7
unit_8
unit_9
unit_10
unit_11
unit_12_-_22
ในชุดเดียวกันนี้ มี mp3 ให้ฟัง และมี exercise ให้ลองทำด้วยว่า เราฟังออกไหมว่า พูดแบบใดเป็นแบบ formal English หรือ everyday English
mp3- Unit1
mp3- Unit2
mp3- Unit3
mp3- Unit4-8
mp3- Unit9-12, 15 - 16
mp3- Unit13-14
mp3- Unit17-19
mp3- Unit20-22
ผมเชื่อว่า เมื่อฝึกกับไฟล์ชุดนี้ จะช่วยให้เราพูดภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น คือพูดในสไตล์ที่เจ้าของภาษาเขาพูดกัน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมได้ไฟล์หนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ Listen and Say It Right in English …When to use Formal and Everyday English หนังสือเล่มนี้แสดงประโยคสนทนาในสถานการณ์ต่าง ๆ โดยเอาประโยคแบบ formal English (ภาษาอังกฤษแบบทางการ)มาเทียบให้เห็นชัด ๆ กับ ประโยคแบบ everyday English (ภาษาอังกฤษอย่างที่ใช้ชีวิตประจำวัน)
เมื่อผมพลิกอ่านไปได้สักพักก็ได้ข้อสังเกตว่า ประโยคสนทนาที่คนไทยส่วนใหญ่ถูกสอนให้พูดมักเป็นแบบ formal English ซึ่งต่างจากประโยคแบบ everyday English ที่ฝรั่งใช้พูดเวลาเขาคุยกับเรา แต่เพราะเหตุที่เราเคยชินกับการใช้ประโยคแบบ formal English ในการพูด เราก็อาจจะไม่ชินปากที่จะใช้ everyday English ในการพูด แต่ฝรั่งเขาก็ไม่ได้ว่าอะไรเมื่อตอนพูดกัน
เท่าที่ผมสังเกตดู จุดที่ formal English ต่างจาก everyday English ก็คือคำศัพท์หรือสำนวนบางคำที่ใช้ซึ่งเราอาจจะไม่ค่อยเจอในภาษาเขียน และรูปประโยคที่ everyday English ง่ายกว่า
หนังสือ Listen and Say It Right in English …When to use Formal and Everyday English มีทั้งหมด 22 unit ท่านลองคลิกดูไฟล์ pdf แต่ละบทดูซีครับ และค่อย ๆ ดูว่า เรามักจะเคยชินที่จะพูดแบบ formal English มากกว่า everyday English อย่างที่ผมว่าไว้หรือเปล่า
unit-1
unit_2
unit_3
unit_4
unit_5
unit_6
unit_7
unit_8
unit_9
unit_10
unit_11
unit_12_-_22
ในชุดเดียวกันนี้ มี mp3 ให้ฟัง และมี exercise ให้ลองทำด้วยว่า เราฟังออกไหมว่า พูดแบบใดเป็นแบบ formal English หรือ everyday English
mp3- Unit1
mp3- Unit2
mp3- Unit3
mp3- Unit4-8
mp3- Unit9-12, 15 - 16
mp3- Unit13-14
mp3- Unit17-19
mp3- Unit20-22
ผมเชื่อว่า เมื่อฝึกกับไฟล์ชุดนี้ จะช่วยให้เราพูดภาษาอังกฤษอย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น คือพูดในสไตล์ที่เจ้าของภาษาเขาพูดกัน
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1292] แนะนำ Site of the Day (จาก refdesk.com)
สวัสดีครับ
http://www.refdesk.com/ เป็นเว็บขนาดมหึมาที่รวมรวมความรู้ / เว็บ / ลิงค์ คุณภาพดีไว้มากมาย สามารถใช้เป็นแหล่งความรู้ที่อ้างอิงได้
เมื่อท่านเข้าไปแล้วอาจจะงงเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เว็บมีให้นั้นช่างมากมายจริง ๆ
เพื่อความสะดวกผมขอชักชวนให้ท่านดูอย่างนี้ครับ
1.ดูไปทีละคอลัมน์ ท่านจะเห็นว่าที่ Homepage มีทั้งหมด 3 คอลัมน์ คือ ซ้าย – กลาง – ขวา ให้ท่านเริ่มดูที่คอลัมน์ซ้าย ทีละบรรทัด จากบนลงล่าง ทำจนครบ 3 คอลัมน์ อาจจะหมายตาหรือทำ Bookmarks/Favorite ลิงค์ที่ชอบใจไว้เลยก็ได้
2 ไปที่ Site Map และดูโครงสร้างเนื้อหาโดยรวมของเว็บ
3. ไปที่ Top 15 REFDESK Pages และดูว่ารวมลิงค์ใดที่ท่านชอบใจเป็นพิเศษ
สำหรับผม ชอบรวมลิงค์ Site of the Day มากเป็นพิเศษ เพราะว่าทุกวันเขาคัดเลือกเว็บที่น่าสนใจสำหรับคนทั่วไปมาเสนอเป็น Site of the Day และให้คำอธิบายสั้น ๆ ถ้าเว็บใดเราสนใจเป็นพิเศษก็คลิกเข้าไปดูได้ และเขายังได้รวมรวม Site of the Day รายเดือนไว้ด้านล่างให้เราคลิกเข้าไปค้นดู ผมอยากจะบอกว่า ถ้ามันตรงกับประเภทที่เราสนใจ เว็บที่เขานำมาแนะนำมักไม่ทำให้เราผิดหวัง ท่านทำ Bookmarks/Favorite ไว้เลยครับ
จึงขออนุญาตพูดอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าเราพยายามฝึกอ่านภาษาอังกฤษให้คล่อง ความรู้และข้อมูลข่าวสารทั้งโลกก็อยู่ข้างหน้าเราเพียงแค่เปิดคอมฯต่อเน็ตก็เจอแล้ว
.... ภาษาอังกฤษมีประโยชน์อเนกอนันต์ครับ...
ศึกษาเพิ่มเติม เว็บอื่น ๆ ที่คล้าย refdesk.com: คลิก
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th/
http://www.refdesk.com/ เป็นเว็บขนาดมหึมาที่รวมรวมความรู้ / เว็บ / ลิงค์ คุณภาพดีไว้มากมาย สามารถใช้เป็นแหล่งความรู้ที่อ้างอิงได้
เมื่อท่านเข้าไปแล้วอาจจะงงเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เว็บมีให้นั้นช่างมากมายจริง ๆ
เพื่อความสะดวกผมขอชักชวนให้ท่านดูอย่างนี้ครับ
1.ดูไปทีละคอลัมน์ ท่านจะเห็นว่าที่ Homepage มีทั้งหมด 3 คอลัมน์ คือ ซ้าย – กลาง – ขวา ให้ท่านเริ่มดูที่คอลัมน์ซ้าย ทีละบรรทัด จากบนลงล่าง ทำจนครบ 3 คอลัมน์ อาจจะหมายตาหรือทำ Bookmarks/Favorite ลิงค์ที่ชอบใจไว้เลยก็ได้
2 ไปที่ Site Map และดูโครงสร้างเนื้อหาโดยรวมของเว็บ
3. ไปที่ Top 15 REFDESK Pages และดูว่ารวมลิงค์ใดที่ท่านชอบใจเป็นพิเศษ
สำหรับผม ชอบรวมลิงค์ Site of the Day มากเป็นพิเศษ เพราะว่าทุกวันเขาคัดเลือกเว็บที่น่าสนใจสำหรับคนทั่วไปมาเสนอเป็น Site of the Day และให้คำอธิบายสั้น ๆ ถ้าเว็บใดเราสนใจเป็นพิเศษก็คลิกเข้าไปดูได้ และเขายังได้รวมรวม Site of the Day รายเดือนไว้ด้านล่างให้เราคลิกเข้าไปค้นดู ผมอยากจะบอกว่า ถ้ามันตรงกับประเภทที่เราสนใจ เว็บที่เขานำมาแนะนำมักไม่ทำให้เราผิดหวัง ท่านทำ Bookmarks/Favorite ไว้เลยครับ
จึงขออนุญาตพูดอีกครั้งหนึ่งว่า ถ้าเราพยายามฝึกอ่านภาษาอังกฤษให้คล่อง ความรู้และข้อมูลข่าวสารทั้งโลกก็อยู่ข้างหน้าเราเพียงแค่เปิดคอมฯต่อเน็ตก็เจอแล้ว
.... ภาษาอังกฤษมีประโยชน์อเนกอนันต์ครับ...
ศึกษาเพิ่มเติม เว็บอื่น ๆ ที่คล้าย refdesk.com: คลิก
พิพัฒน์
https://www.facebook.com/En4Th/
[1291] วิธี หา คำแนะนำในการใช้งานโปรแกรมต่าง ๆ
สวัสดีครับ
มีท่านผู้อ่านถามเกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Nero ผมลองหาดูก็ได้ลิงค์นี้มา
การไรท์แผ่นซีดีด้วย Nero
และที่เว็บเดียวกัน ก็ยังให้คำแนะนำในการใช้งานโปรแกรมอื่น ๆ อีกหลายโปรแกรม เช่น PowerPoint, Excel, Adobe Photoshop, การตัดต่อวีดีโอ ด้วย Ulead คลิก
ผมก็เลยได้ความคิดว่า อาจจะมีโปรแกรมอื่น ๆ ที่ท่านผู้อ่านอาจจะต้องการคำอธิบายในการใช้งาน
ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็หาได้ง่าย ๆ ครับ โดยไปที่
http://www.google.com/ หรือ
http://www.google.co.th/
และพิมพ์ลงไปอย่างนี้
intitle:การใช้โปรแกรม ชื่อโปรแกรม
เช่น
intitle:การใช้โปรแกรม powerpoint
intitle:การใช้โปรแกรม excel
intitle:การใช้โปรแกรม nero
intitle:การใช้โปรแกรม word
intitle:การใช้โปรแกรม photoshop
ในโปรแกรมหนึ่ง ๆ อาจจะมีหลายคนเขียนคำแนะนำในการใช้งาน ท่านก็เลือกคำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับท่านแล้วกันครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
มีท่านผู้อ่านถามเกี่ยวกับการใช้โปรแกรม Nero ผมลองหาดูก็ได้ลิงค์นี้มา
การไรท์แผ่นซีดีด้วย Nero
และที่เว็บเดียวกัน ก็ยังให้คำแนะนำในการใช้งานโปรแกรมอื่น ๆ อีกหลายโปรแกรม เช่น PowerPoint, Excel, Adobe Photoshop, การตัดต่อวีดีโอ ด้วย Ulead คลิก
ผมก็เลยได้ความคิดว่า อาจจะมีโปรแกรมอื่น ๆ ที่ท่านผู้อ่านอาจจะต้องการคำอธิบายในการใช้งาน
ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็หาได้ง่าย ๆ ครับ โดยไปที่
http://www.google.com/ หรือ
http://www.google.co.th/
และพิมพ์ลงไปอย่างนี้
intitle:การใช้โปรแกรม ชื่อโปรแกรม
เช่น
intitle:การใช้โปรแกรม powerpoint
intitle:การใช้โปรแกรม excel
intitle:การใช้โปรแกรม nero
intitle:การใช้โปรแกรม word
intitle:การใช้โปรแกรม photoshop
ในโปรแกรมหนึ่ง ๆ อาจจะมีหลายคนเขียนคำแนะนำในการใช้งาน ท่านก็เลือกคำแนะนำที่ดีที่สุดสำหรับท่านแล้วกันครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพุธที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1290]เชิญมาฝึกภาษาอังกฤษทุกวันกันที่นี่ครับ
สวัสดีครับ
ท่านที่เป็นแฟนประจำบล็อกนี้ คงสังเกตได้ว่า ผมพูดไว้หลายครั้งว่า ผมไม่สามารถบอกได้ว่า ใครควรจะเรียนภาษาอังกฤษยังไง เรื่องอย่างนี้สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ
คนเรียนจะต้องวางแผน และลงมือเรียนด้วยตัวเอง ผมเองทำได้ก็เพียงหาอุปกรณ์การเรียน มาก ๆ ให้ท่านเลือกเอาไปใช้เรียนตามที่ท่านถนัด
แต่ก็มีบางท่านยืนยันให้ผมจัดตารางการเรียนให้หน่อย เรื่องนี้ขอเรียนว่า ถ้าท่านยืนยันจะให้ผมจัด ผมก็จะจัดให้ ถ้าไม่ถูกใจก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
[1] เว็บภาษาอังกฤษที่น่าเลือกเข้าไปฝึกฝนทุกวัน มีหลายอย่างให้เลือก
-http://www.student-weekly.com/thisweek/
-http://www.readbangkokpost.com/
-http://www.manythings.org/daily/
-BBC learning English
-http://www.english-daily.com/
-http://www.englishdaily626.com/
-English Baby
[2] แต่ถ้าไม่อยากเลือกมาก ก็เอาง่าย ๆ ข้างล่างนี้ครับ
เว็บสำหรับฝึก อ่าน:
Bangkok Post, Bangkok Post แปลศัพท์, Nation, DailyXpress, BBC, CNN,norsorpor
เว็บสำหรับฝึกฟัง:
ฟังง่าย ๆ: VOA Special English,
ฟังข่าวสด CNN, BBC, NPR, ABC, กปส.,
ฟังข่าวสั้น CNN, BBC, NPR, VOA, NHK
[3] ถ้าต้องการฝึกกับเว็บไทยไปเลือกที่นี่ครับ
รวมเว็บไทย สอนภาษาอังกฤษ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ท่านที่เป็นแฟนประจำบล็อกนี้ คงสังเกตได้ว่า ผมพูดไว้หลายครั้งว่า ผมไม่สามารถบอกได้ว่า ใครควรจะเรียนภาษาอังกฤษยังไง เรื่องอย่างนี้สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ
คนเรียนจะต้องวางแผน และลงมือเรียนด้วยตัวเอง ผมเองทำได้ก็เพียงหาอุปกรณ์การเรียน มาก ๆ ให้ท่านเลือกเอาไปใช้เรียนตามที่ท่านถนัด
แต่ก็มีบางท่านยืนยันให้ผมจัดตารางการเรียนให้หน่อย เรื่องนี้ขอเรียนว่า ถ้าท่านยืนยันจะให้ผมจัด ผมก็จะจัดให้ ถ้าไม่ถูกใจก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
[1] เว็บภาษาอังกฤษที่น่าเลือกเข้าไปฝึกฝนทุกวัน มีหลายอย่างให้เลือก
-http://www.student-weekly.com/thisweek/
-http://www.readbangkokpost.com/
-http://www.manythings.org/daily/
-BBC learning English
-http://www.english-daily.com/
-http://www.englishdaily626.com/
-English Baby
[2] แต่ถ้าไม่อยากเลือกมาก ก็เอาง่าย ๆ ข้างล่างนี้ครับ
เว็บสำหรับฝึก อ่าน:
Bangkok Post, Bangkok Post แปลศัพท์, Nation, DailyXpress, BBC, CNN,norsorpor
เว็บสำหรับฝึกฟัง:
ฟังง่าย ๆ: VOA Special English,
ฟังข่าวสด CNN, BBC, NPR, ABC, กปส.,
ฟังข่าวสั้น CNN, BBC, NPR, VOA, NHK
[3] ถ้าต้องการฝึกกับเว็บไทยไปเลือกที่นี่ครับ
รวมเว็บไทย สอนภาษาอังกฤษ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1289] ดาวน์โหลด Encyclopedia of World history
สวัสดีครับ
บางท่านไม่อยากจะเปิดหนังสือประเภท สารานุกรม หรือ encyclopedia เพราะเห็นว่าเป็นหนังสือหนักอ่านแล้วเครียด
ผมขอบอกว่า แม้สารานุกรมอาจจะมีเนื้อหาที่หนัก แต่ก็อาจจะไม่เครียด เพราะว่า
1.สารานุกรมไม่ใช่หนังสือนิยายที่เราต้องอ่านตั้งแต่หน้าแรกไปจนถึงหน้าสุดท้าย เราอ่านเรื่องที่เราต้องการค้นคว้าเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เราชอบ ก็อาจจะอ่านได้โดยไม่เครียดเลย
2.สารานุกรมเป็นหนังสือ “อ้างอิง” เนื้อหาจึงเชื่อถือได้มากกว่าแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เราสามารถยกข้อความจากสารานุกรมไปอ้างอิงได้อย่างมั่นใจ ความมั่นใจทำให้ไม่เครียด
3.สารานุกรม หรือ encyclopedia ใช้ภาษาที่มาตรฐาน ผมสังเกตว่าสารานุกรมภาษาอังกฤษระดับโลกในยุคอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้ มีสไตล์การเขียนที่อ่านง่ายกว่า สมัยที่ผมเป็นนักศึกษา สาเหตุก็อาจจะเพราะว่าคนสมัยนี้ใจร้อนและไม่ค่อยมีเวลา และลูกค้าของบริษัทที่จัดพิมพ์ encyclopedia ก็มีอยู่ทั่วโลก บริษัทไหนเขียนยากนักก็อาจจะขายแพ้บริษัทที่ใช้ภาษาง่าย ๆ เมื่อทุกบริษัทแข่งกันอย่างนี้ ผลงานสุดท้ายที่ออกมาจึงอาจจะหนักด้านเนื้อหาแต่ก็เบาด้านภาษา(หรือไม่หนักมากเกินไป)
ในบล็อกนี้ ผมแนะนำเรื่อง สารานุกรม หรือ encyclopedia ไว้พอสมควร คลิก
และมีไฟล์ encyclopedia ภาษาอังกฤษให้ท่านดาวน์โหลดแล้ว 4 เล่ม คือ
(1) e_encyclopedia.zip
(2) Britannica 2010
(3.1) ดาวน์โหลด Encyclopedia of Buddhism เล่ม 1
(3.2) ดาวน์โหลด Encyclopedia of Buddhism เล่ม 2
วันนี้ผมมีมาเพิ่มอีก 1 ชุด (6 เล่ม) คือ
Encyclopedia of World history คลิกอ่านคำแนะนำเบื้องต้นที่นี่ครับ คลิก
อยากจะเชิญชวนให้ท่านดาวน์โหลดเก็บไว้ เชื่อว่าจะมีประโยชน์ในวันข้างหน้าแน่นอนถ้าท่านสนใจจะค้นคว้าเรื่องราวในอดีต
Volume I: The Ancient World: Prehistoric Eras to 600 CE
Volume II: The Expanding World: 600 CE to 1450
Volume III: The First Global Age: 1450 to 1750
Volume IV: Age of Revolution and Empire: 1750 to 1900
Volume V: Crisis and Achievement: 1900 to 1950
Volume VI: The Contemporary World: 1950 to the Present
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
บางท่านไม่อยากจะเปิดหนังสือประเภท สารานุกรม หรือ encyclopedia เพราะเห็นว่าเป็นหนังสือหนักอ่านแล้วเครียด
ผมขอบอกว่า แม้สารานุกรมอาจจะมีเนื้อหาที่หนัก แต่ก็อาจจะไม่เครียด เพราะว่า
1.สารานุกรมไม่ใช่หนังสือนิยายที่เราต้องอ่านตั้งแต่หน้าแรกไปจนถึงหน้าสุดท้าย เราอ่านเรื่องที่เราต้องการค้นคว้าเท่านั้น ยิ่งถ้าเป็นเรื่องที่เราชอบ ก็อาจจะอ่านได้โดยไม่เครียดเลย
2.สารานุกรมเป็นหนังสือ “อ้างอิง” เนื้อหาจึงเชื่อถือได้มากกว่าแหล่งข้อมูลอื่น ๆ เราสามารถยกข้อความจากสารานุกรมไปอ้างอิงได้อย่างมั่นใจ ความมั่นใจทำให้ไม่เครียด
3.สารานุกรม หรือ encyclopedia ใช้ภาษาที่มาตรฐาน ผมสังเกตว่าสารานุกรมภาษาอังกฤษระดับโลกในยุคอินเตอร์เน็ตทุกวันนี้ มีสไตล์การเขียนที่อ่านง่ายกว่า สมัยที่ผมเป็นนักศึกษา สาเหตุก็อาจจะเพราะว่าคนสมัยนี้ใจร้อนและไม่ค่อยมีเวลา และลูกค้าของบริษัทที่จัดพิมพ์ encyclopedia ก็มีอยู่ทั่วโลก บริษัทไหนเขียนยากนักก็อาจจะขายแพ้บริษัทที่ใช้ภาษาง่าย ๆ เมื่อทุกบริษัทแข่งกันอย่างนี้ ผลงานสุดท้ายที่ออกมาจึงอาจจะหนักด้านเนื้อหาแต่ก็เบาด้านภาษา(หรือไม่หนักมากเกินไป)
ในบล็อกนี้ ผมแนะนำเรื่อง สารานุกรม หรือ encyclopedia ไว้พอสมควร คลิก
และมีไฟล์ encyclopedia ภาษาอังกฤษให้ท่านดาวน์โหลดแล้ว 4 เล่ม คือ
(1) e_encyclopedia.zip
(2) Britannica 2010
(3.1) ดาวน์โหลด Encyclopedia of Buddhism เล่ม 1
(3.2) ดาวน์โหลด Encyclopedia of Buddhism เล่ม 2
วันนี้ผมมีมาเพิ่มอีก 1 ชุด (6 เล่ม) คือ
Encyclopedia of World history คลิกอ่านคำแนะนำเบื้องต้นที่นี่ครับ คลิก
อยากจะเชิญชวนให้ท่านดาวน์โหลดเก็บไว้ เชื่อว่าจะมีประโยชน์ในวันข้างหน้าแน่นอนถ้าท่านสนใจจะค้นคว้าเรื่องราวในอดีต
Volume I: The Ancient World: Prehistoric Eras to 600 CE
Volume II: The Expanding World: 600 CE to 1450
Volume III: The First Global Age: 1450 to 1750
Volume IV: Age of Revolution and Empire: 1750 to 1900
Volume V: Crisis and Achievement: 1900 to 1950
Volume VI: The Contemporary World: 1950 to the Present
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1288]ด/ลไฟล์ออกเสียงคำศัพท์ 37 หมวด 1500 คำ
สวัสดีครับ
ที่เว็บนี้ http://www.learn-english.co.il/ มีศัพท์ให้เราศึกษา 1,500 คำ แบ่งออกเป็น 37 หมวด, ฟังเสียงได้, และสามารถ print ออกมาเป็นคำศัพท์ตัวโต ๆ ออกใส่กระดาษ A 4 ได้ ทำให้สามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้อย่างสนุกสนานและได้ผลเร็ว
ผมเคยเขียนแนะนำไว้ที่ 2 ลิงค์นี้
[15] ฟังเสียงศัพท์หมวด 1,500 คำ
[18] เชิญดาวน์โหลดศัพท์ 37 หมวดไปท่องฆ่าเวลา
ท่านที่ต้องการไฟล์เสียง (flash)ไว้เปิดฟังโดยไม่ต้องต่อเน็ต
คลิกดาวน์โหลดที่นี่ครับ
(เปิดไฟล์ด้วย IE ครับ)
ถ้าชอบใจก็ช่วยบอกต่อด้วยนะครับ ถ้าง่ายเกินไปสำหรับท่าน ก็อาจจะมีประโยชน์ต่อเด็ก ๆ หรือเยาวชนอื่น ๆ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ที่เว็บนี้ http://www.learn-english.co.il/ มีศัพท์ให้เราศึกษา 1,500 คำ แบ่งออกเป็น 37 หมวด, ฟังเสียงได้, และสามารถ print ออกมาเป็นคำศัพท์ตัวโต ๆ ออกใส่กระดาษ A 4 ได้ ทำให้สามารถเรียนรู้คำศัพท์ได้อย่างสนุกสนานและได้ผลเร็ว
ผมเคยเขียนแนะนำไว้ที่ 2 ลิงค์นี้
[15] ฟังเสียงศัพท์หมวด 1,500 คำ
[18] เชิญดาวน์โหลดศัพท์ 37 หมวดไปท่องฆ่าเวลา
ท่านที่ต้องการไฟล์เสียง (flash)ไว้เปิดฟังโดยไม่ต้องต่อเน็ต
คลิกดาวน์โหลดที่นี่ครับ
(เปิดไฟล์ด้วย IE ครับ)
ถ้าชอบใจก็ช่วยบอกต่อด้วยนะครับ ถ้าง่ายเกินไปสำหรับท่าน ก็อาจจะมีประโยชน์ต่อเด็ก ๆ หรือเยาวชนอื่น ๆ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1287] เพิ่มคำศัพท์กับ Screensaver (เชิญ ด/ล ไฟล์)
สวัสดีครับ
Screensaver นอกจากช่วยรักษาหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว ยังช่วยเราจำคำศัพท์เพิ่มได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นอีกด้วย โดยตอนที่ไม่ได้ใช้งานหน้าจอ เราทำให้คำศัพท์และภาพศัพท์เป็นภาพเคลื่อนไหวของ Screensaver เมื่อเหลือบตาดูบ่อย ๆ ก็จะจำได้เองไปทีละคำสองคำ นาน ๆ เข้าก็จะจำศัพท์ได้จำนวนมากโดยไม่รู้ตัว
ในบล็อกนี้ ผมเคยนำไฟล์ภาพมาให้ท่านดาวน์โหลดเพื่อช่วยจำศัพท์ ที่ลิงค์นี้
[856] เชิญดาวน์โหลดภาพศัพท์ทำ Screen saver
และก็มีไฟล์ภาพธรรมะอยู่ 3 ลิงค์ข้างล่างนี้
[168]ให้ Screen Saver ‘ธรรมบท’ ช่วยเป็น Mind Saver
[911] ดาวน์โหลด 202 คำคมเอาไปทำ Screensaver
[165] ให้ทุกวันเป็นวันพระของพวกเรา
สำหรับวันนี้ ผมมีภาพศัพท์มาให้ท่านทำ screensaver หลายร้อยคำ แยกเป็น 8 ไฟล์ให้ท่านดาวน์โหลด เมื่อดาวน์โหลดครบแล้วให้แตกไฟล์และรวมภาพทั้งหมดไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน
เชิญดาวน์โหลดครับ
vocab_flashcards1.zip
vocab_flashcards2.zip
vocab_flashcards3.zip
vocab_flashcards4.zip
vocab_flashcards5.zip
vocab_flashcards6.zip
vocab_flashcards7.zip
vocab_flashcards8.zip
ผมได้เขียนชี้แจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการคลิกเพื่อทำ Screensaver
คลิกอ่านคำชี้แจง
ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ก็ช่วยบอกต่อด้วยนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
Screensaver นอกจากช่วยรักษาหน้าจอคอมพิวเตอร์แล้ว ยังช่วยเราจำคำศัพท์เพิ่มได้ง่ายขึ้นและเร็วขึ้นอีกด้วย โดยตอนที่ไม่ได้ใช้งานหน้าจอ เราทำให้คำศัพท์และภาพศัพท์เป็นภาพเคลื่อนไหวของ Screensaver เมื่อเหลือบตาดูบ่อย ๆ ก็จะจำได้เองไปทีละคำสองคำ นาน ๆ เข้าก็จะจำศัพท์ได้จำนวนมากโดยไม่รู้ตัว
ในบล็อกนี้ ผมเคยนำไฟล์ภาพมาให้ท่านดาวน์โหลดเพื่อช่วยจำศัพท์ ที่ลิงค์นี้
[856] เชิญดาวน์โหลดภาพศัพท์ทำ Screen saver
และก็มีไฟล์ภาพธรรมะอยู่ 3 ลิงค์ข้างล่างนี้
[168]ให้ Screen Saver ‘ธรรมบท’ ช่วยเป็น Mind Saver
[911] ดาวน์โหลด 202 คำคมเอาไปทำ Screensaver
[165] ให้ทุกวันเป็นวันพระของพวกเรา
สำหรับวันนี้ ผมมีภาพศัพท์มาให้ท่านทำ screensaver หลายร้อยคำ แยกเป็น 8 ไฟล์ให้ท่านดาวน์โหลด เมื่อดาวน์โหลดครบแล้วให้แตกไฟล์และรวมภาพทั้งหมดไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน
เชิญดาวน์โหลดครับ
vocab_flashcards1.zip
vocab_flashcards2.zip
vocab_flashcards3.zip
vocab_flashcards4.zip
vocab_flashcards5.zip
vocab_flashcards6.zip
vocab_flashcards7.zip
vocab_flashcards8.zip
ผมได้เขียนชี้แจงอย่างละเอียดเกี่ยวกับขั้นตอนการคลิกเพื่อทำ Screensaver
คลิกอ่านคำชี้แจง
ถ้าเห็นว่ามีประโยชน์ก็ช่วยบอกต่อด้วยนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1286] การกล่าวชมเชยเป็นภาษาอังกฤษ
สวัสดีครับ
มีท่านผู้อ่านขอให้ผมช่วยหาประโยคที่กล่าวชมเชยเป็นภาษาอังกฤษ ผมหามาได้ข้างล่างนี้ครับ
เว็บภาษาไทย
[1] . http://www.bpcd.net/new_subject/general/Articles/09.pdf
การกล่าวชมเชย (Admiring)
สำนวนที่ใช้อย่างเป็นทางการ ได้แก่
I would like to compliment you on …. ฉันอยากจะชอชมเชยคุณในเรื่อง ….
สำนวนที่ใช้พูดกับเพื่อน ๆ อย่างไม่เป็นทางการ ได้แก่
That’s nice. ดีจัง
That’s excellent. วิเศษจัง
Well done. ดี
Brilliant! วิเศษ
Great! เยี่ยม
Pretty good. ดี
ตัวอย่างสำนวนในการชมเชย
I really like your hairstyle. ผมชอบทรงผมของคุณจริง ๆ
I love your work. ผมชอบผลงานของคุณมาก
I think your idea is very nice. ฉันคิดว่าความของคุณดีมาก
Your watch is very beautiful. นาฬิกาของคุณสวยมาก
What a nice bag! ช่างเป็นกระเป๋าที่สวยอะไรเช่นนี้
การตอบรับคำชม
Oh, thank you. I just got it yesterday. ขอบคุณ ผมเพิ่งได้มาเมื่อวานนี้เอง
Oh, thanks. My friend gave it to me. ขอบคุณ เพื่อนผมให้มา
Thank you. I'm glad you like it. ขอบคุณ ผมดีใจที่คุณชอบมัน
Thank you. It's nice of you to say. ขอบคุณ ดีจังที่คุณชม
Thank you. Yours is also very nice. ขอบคุณ ของคุณก็ดีเช่นกัน
* * * *
[2]. http://talking-eng.blogspot.com/
การกล่าวชมเชย
เมื่อต้องการกล่าวชมเชย จะใช้สำนวนต่อไปนี้
- I like your hair.
( ไอ ไลท์ ยัวร์ แฮร์ )
ฉันชอบทรงผมของ
- I really like your hair.
(ไอ เรียวลิ่ ไลท์ ยัวร์ แฮร์ )
ฉันชอบทรงผมของคุณจริง ๆ
- What a nice dress !
( วอท อะ ไน้ส เดรส )
ชุดช่างสวยจริง ๆ
- You look wonderful.
( ยู ลุคค์ วันเดอร์ฟุล )
คุณดูดีอย่างน่าพิศวงจัง
- That’s a lovely shirt.
( แธทส์ สะลัฟลิ เชิ๊ตท์ )
เสื้อเชิ๊ตนั่นน่ารักจัง
การตอบรับการกล่าวชมเชย
อาจพูดได้ดังนี้
- Thank you very much.
( แธงค์กิ่ว เวริ มัช )
ขอบคุณมาก
- It’s kind of you to say so.
( อิทส คาย อ๊อฟ ยู ทู เซ โซ )
ไม่มีคำแปลตรง ๆ เหมือนกับขอบคุณแล้วแต่ว่าชมเรื่องอะไร
ตัวอย่างบทสนทนา
ตัวอย่างที่ 1
A : I really like your sweater .
(ไอ รีอัลลิ่ ไลท์ ยัวร์ สเว็ทเทอร์ )
ฉันชอบเสื้อกันหนาวของคุณจัง
B : Thanks.
( แธงส์ )
ขอบคุณ
ตัวอย่างที่ 2
A : This soup tastes good.
( ธิส ซุป เทส กึด )
ซุปนี้รสชาติอร่อยจัง
B: I made it myself.
( ไอ เมด อิท ไมเซ็ลท์ )
ฉันทำด้วยตัวฉันเอง
A: You’re a wonderful cook .
( ยัวร์ อะ วันเดอฟุล คุ๊ก)
คุณช่างเป็นแม่ครัวที่เลิศจริง ๆ
B: It’s kind of you to say so.
(อิทส์คาย อ๊อฟ ยู ทู เซ โซ )
ขอบคุณที่กล่าวเช่นนั้น
เว็บภาษาอังกฤษ
[3] Compliment or praise someone for an achievement
[4] How to Properly Praise Someone The Art of Manliness
[5] compliment L.ppt
[6] Praise Someone Today
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
มีท่านผู้อ่านขอให้ผมช่วยหาประโยคที่กล่าวชมเชยเป็นภาษาอังกฤษ ผมหามาได้ข้างล่างนี้ครับ
เว็บภาษาไทย
[1] . http://www.bpcd.net/new_subject/general/Articles/09.pdf
การกล่าวชมเชย (Admiring)
สำนวนที่ใช้อย่างเป็นทางการ ได้แก่
I would like to compliment you on …. ฉันอยากจะชอชมเชยคุณในเรื่อง ….
สำนวนที่ใช้พูดกับเพื่อน ๆ อย่างไม่เป็นทางการ ได้แก่
That’s nice. ดีจัง
That’s excellent. วิเศษจัง
Well done. ดี
Brilliant! วิเศษ
Great! เยี่ยม
Pretty good. ดี
ตัวอย่างสำนวนในการชมเชย
I really like your hairstyle. ผมชอบทรงผมของคุณจริง ๆ
I love your work. ผมชอบผลงานของคุณมาก
I think your idea is very nice. ฉันคิดว่าความของคุณดีมาก
Your watch is very beautiful. นาฬิกาของคุณสวยมาก
What a nice bag! ช่างเป็นกระเป๋าที่สวยอะไรเช่นนี้
การตอบรับคำชม
Oh, thank you. I just got it yesterday. ขอบคุณ ผมเพิ่งได้มาเมื่อวานนี้เอง
Oh, thanks. My friend gave it to me. ขอบคุณ เพื่อนผมให้มา
Thank you. I'm glad you like it. ขอบคุณ ผมดีใจที่คุณชอบมัน
Thank you. It's nice of you to say. ขอบคุณ ดีจังที่คุณชม
Thank you. Yours is also very nice. ขอบคุณ ของคุณก็ดีเช่นกัน
* * * *
[2]. http://talking-eng.blogspot.com/
การกล่าวชมเชย
เมื่อต้องการกล่าวชมเชย จะใช้สำนวนต่อไปนี้
- I like your hair.
( ไอ ไลท์ ยัวร์ แฮร์ )
ฉันชอบทรงผมของ
- I really like your hair.
(ไอ เรียวลิ่ ไลท์ ยัวร์ แฮร์ )
ฉันชอบทรงผมของคุณจริง ๆ
- What a nice dress !
( วอท อะ ไน้ส เดรส )
ชุดช่างสวยจริง ๆ
- You look wonderful.
( ยู ลุคค์ วันเดอร์ฟุล )
คุณดูดีอย่างน่าพิศวงจัง
- That’s a lovely shirt.
( แธทส์ สะลัฟลิ เชิ๊ตท์ )
เสื้อเชิ๊ตนั่นน่ารักจัง
การตอบรับการกล่าวชมเชย
อาจพูดได้ดังนี้
- Thank you very much.
( แธงค์กิ่ว เวริ มัช )
ขอบคุณมาก
- It’s kind of you to say so.
( อิทส คาย อ๊อฟ ยู ทู เซ โซ )
ไม่มีคำแปลตรง ๆ เหมือนกับขอบคุณแล้วแต่ว่าชมเรื่องอะไร
ตัวอย่างบทสนทนา
ตัวอย่างที่ 1
A : I really like your sweater .
(ไอ รีอัลลิ่ ไลท์ ยัวร์ สเว็ทเทอร์ )
ฉันชอบเสื้อกันหนาวของคุณจัง
B : Thanks.
( แธงส์ )
ขอบคุณ
ตัวอย่างที่ 2
A : This soup tastes good.
( ธิส ซุป เทส กึด )
ซุปนี้รสชาติอร่อยจัง
B: I made it myself.
( ไอ เมด อิท ไมเซ็ลท์ )
ฉันทำด้วยตัวฉันเอง
A: You’re a wonderful cook .
( ยัวร์ อะ วันเดอฟุล คุ๊ก)
คุณช่างเป็นแม่ครัวที่เลิศจริง ๆ
B: It’s kind of you to say so.
(อิทส์คาย อ๊อฟ ยู ทู เซ โซ )
ขอบคุณที่กล่าวเช่นนั้น
เว็บภาษาอังกฤษ
[3] Compliment or praise someone for an achievement
[4] How to Properly Praise Someone The Art of Manliness
[5] compliment L.ppt
[6] Praise Someone Today
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1285] Everyday Expressions with Stories 2 เล่ม (ดีมาก ๆ)
สวัสดีครับ
การที่เราจะจำศัพท์หรือสำนวนได้แม่นยำและจำเอาไปใช้ได้ เราจะต้องคลุกคลีกับมันมาก ๆ แล้วในไม่ช้าก็จะจำได้และใช้เป็นไปเอง พูดอย่างนี้พูดตามทฤษฎีเด๊ะเลยครับแต่ความจริงมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
ผมขอเปรียบเทียบการจำสำนวนเหมืนกับการปลูกต้นไม้ ในระยะแรกก็ต้องเอาใจใส่รดน้ำใส่ปุ๋ยกันดีหน่อย ครั้นต้นไม้หยั่งรากลึกลงดินก็ไม่ต้องดูแลมากนักก็ได้เพราะมันสามารถหากินของมันเองได้ การจำศัพท์สำนวนภาษาอังกฤษก็คล้าย ๆ กันครับ ถ้าในระยะแรก ๆ เราคลุกคลีตีโมงกับมันมากพอสมควรจนมันหยั่งรากลึกในสมองเรา มันก็จะจำได้ตลอดไปไม่ค่อยลึม หรือถ้าลืมหรือเลือนก็จะรื้อฟื้นได้ไม่ยากนัก
และวิธีการคุกคลีที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดหรือเขียนโดยใช้ศัพท์สำนวนเหล่านี้ ก็คือการอ่านเรื่องสนุก ๆ ที่เขียนโดยใช้สำนวนดังกล่าวนี้ เพราะเรื่องอะไรก็ตามถ้าเราชอบ สนใจ สนุก มีความสุขขณะที่อ่าน เราก็จะจำเนื้อเรื่องได้ และจำศัพท์สำนวนที่เป็นภาชนะบรรจุเนื้อเรื่องนั้น ๆ
หนังสือเรื่อง Illustrated Everyday Expressions with Stories 2 เล่ม ที่ผมนำมาให้ท่านดาวน์โหลดในวันนี้ สามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ท่านจำศัพท์สำนวนได้เป็นอย่างดี เพราะเขามีวิธีทำให้ท่านคลุกคลีกับสำนวนอย่างสนุกสนาน ทำให้จำได้ง่ายและลืมยาก
เล่ม 1 มี 15 บท ๆ ละ 20 idiom = 300 idiom
เล่ม 2 มี 30 บท ๆ ละ 10 idiom = 300 idiom
และแต่ละบท ท่านจะได้คลุกคลีกับ idiom ดังนี้
1.แสดงรายการ 20 idiom ตอนต้นของบท เรียงตามลำดับตัวอักษร ในบทนั้น ๆ(ถ้าเล่ม 2 ก็บทละ 10 idiom)
2.ให้คำนิยามโดยใช้ภาษาอังกฤษที่ง่าย ๆ
3.แสดงประโยคตัวอย่าง 2 ประโยค
4.แสดงประโยคสนทนาที่ใช้ idiom
5.แสดงการใช้ สำนวนประกอบภาพการ์ตูน
6.มีแบบฝึกหัดให้ทำเพื่อฝึกความจำและความเข้าใจใน idiom (เฉลยอยู่ท้ายเล่ม)
7.มีนิทานนานาชาติ โดยใช้ 20 idiom นี้ให้ท่านอ่าน แต่ละเรื่องสนุ ก ๆ ทั้งนั้นเลยครับ
และที่ท้ายเล่ม มี index แสดงทั้ง 300 idiom ของแต่ละเล่ม
จุดที่ผมชอบใจมาก ๆ เกี่ยวกับ 2 เล่มนี้ก็คือ
1.idiom ที่ขาให้ไว้นั้น เป็น idiom ที่พบเห็นและสามารถใช้ได้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ผมเคยเจอหนังสือ idiom หลายเล่มที่โฆษณาว่ารวบรวมสำนวนที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่พอดูจริง ๆ ก็เป็นสำนวนที่คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้เอามาพูดกัน เพราะมันเก่าเกินไปหรือใหม่เฉพาะในกลุ่มย่อย ๆ ที่ใช้ idiom พวกนั้น แต่ idiom ใน 2 เล่มนี้ขอรับรองครับว่า ท่านไม่เสียแรงจำ เพราะจำแล้วได้ใช้แน่ ๆ
2.เนื่อเรื่องที่เขาเอามาให้อ่านนั้นสนุกครับ หลายเรื่องมีคติที่น่าสนใจ หรือจำเอาไปเล่าต่อก็ยังได้ การได้เห็นศัพท์ปรากฏในเรื่องที่เราอ่าน (เขาพิมพ์เป็นตัวดำเอน ทำให้สะดุดตา และจำได้ง่าย)และเข้าใจเนื้อเรื่อง ทำให้เราเข้าใจและจำสำนวนนั้นได้ทันที และเมื่อถึงเวลาที่เราจะจำเอาสำนวนพวกนี้ไปพูดบ้าง มันก็ไม่ค่อยยากนัก เพราะเราเห็นวิธีการใช้สำนวนในเรื่องที่เราอ่าน เราเข้าใจ-จำได้ จึงเอาไปใช้พูดหรือเขียนได้
เชิญคลิกดาวน์โหลดได้เลยครับ
การที่เราจะจำศัพท์หรือสำนวนได้แม่นยำและจำเอาไปใช้ได้ เราจะต้องคลุกคลีกับมันมาก ๆ แล้วในไม่ช้าก็จะจำได้และใช้เป็นไปเอง พูดอย่างนี้พูดตามทฤษฎีเด๊ะเลยครับแต่ความจริงมันก็เป็นอย่างนี้แหละครับ
ผมขอเปรียบเทียบการจำสำนวนเหมืนกับการปลูกต้นไม้ ในระยะแรกก็ต้องเอาใจใส่รดน้ำใส่ปุ๋ยกันดีหน่อย ครั้นต้นไม้หยั่งรากลึกลงดินก็ไม่ต้องดูแลมากนักก็ได้เพราะมันสามารถหากินของมันเองได้ การจำศัพท์สำนวนภาษาอังกฤษก็คล้าย ๆ กันครับ ถ้าในระยะแรก ๆ เราคลุกคลีตีโมงกับมันมากพอสมควรจนมันหยั่งรากลึกในสมองเรา มันก็จะจำได้ตลอดไปไม่ค่อยลึม หรือถ้าลืมหรือเลือนก็จะรื้อฟื้นได้ไม่ยากนัก
และวิธีการคุกคลีที่ดีที่สุดสำหรับคนไทยจำนวนมากที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดหรือเขียนโดยใช้ศัพท์สำนวนเหล่านี้ ก็คือการอ่านเรื่องสนุก ๆ ที่เขียนโดยใช้สำนวนดังกล่าวนี้ เพราะเรื่องอะไรก็ตามถ้าเราชอบ สนใจ สนุก มีความสุขขณะที่อ่าน เราก็จะจำเนื้อเรื่องได้ และจำศัพท์สำนวนที่เป็นภาชนะบรรจุเนื้อเรื่องนั้น ๆ
หนังสือเรื่อง Illustrated Everyday Expressions with Stories 2 เล่ม ที่ผมนำมาให้ท่านดาวน์โหลดในวันนี้ สามารถเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ท่านจำศัพท์สำนวนได้เป็นอย่างดี เพราะเขามีวิธีทำให้ท่านคลุกคลีกับสำนวนอย่างสนุกสนาน ทำให้จำได้ง่ายและลืมยาก
เล่ม 1 มี 15 บท ๆ ละ 20 idiom = 300 idiom
เล่ม 2 มี 30 บท ๆ ละ 10 idiom = 300 idiom
และแต่ละบท ท่านจะได้คลุกคลีกับ idiom ดังนี้
1.แสดงรายการ 20 idiom ตอนต้นของบท เรียงตามลำดับตัวอักษร ในบทนั้น ๆ(ถ้าเล่ม 2 ก็บทละ 10 idiom)
2.ให้คำนิยามโดยใช้ภาษาอังกฤษที่ง่าย ๆ
3.แสดงประโยคตัวอย่าง 2 ประโยค
4.แสดงประโยคสนทนาที่ใช้ idiom
5.แสดงการใช้ สำนวนประกอบภาพการ์ตูน
6.มีแบบฝึกหัดให้ทำเพื่อฝึกความจำและความเข้าใจใน idiom (เฉลยอยู่ท้ายเล่ม)
7.มีนิทานนานาชาติ โดยใช้ 20 idiom นี้ให้ท่านอ่าน แต่ละเรื่องสนุ ก ๆ ทั้งนั้นเลยครับ
และที่ท้ายเล่ม มี index แสดงทั้ง 300 idiom ของแต่ละเล่ม
จุดที่ผมชอบใจมาก ๆ เกี่ยวกับ 2 เล่มนี้ก็คือ
1.idiom ที่ขาให้ไว้นั้น เป็น idiom ที่พบเห็นและสามารถใช้ได้บ่อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ผมเคยเจอหนังสือ idiom หลายเล่มที่โฆษณาว่ารวบรวมสำนวนที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน แต่พอดูจริง ๆ ก็เป็นสำนวนที่คนส่วนใหญ่เขาไม่ได้เอามาพูดกัน เพราะมันเก่าเกินไปหรือใหม่เฉพาะในกลุ่มย่อย ๆ ที่ใช้ idiom พวกนั้น แต่ idiom ใน 2 เล่มนี้ขอรับรองครับว่า ท่านไม่เสียแรงจำ เพราะจำแล้วได้ใช้แน่ ๆ
2.เนื่อเรื่องที่เขาเอามาให้อ่านนั้นสนุกครับ หลายเรื่องมีคติที่น่าสนใจ หรือจำเอาไปเล่าต่อก็ยังได้ การได้เห็นศัพท์ปรากฏในเรื่องที่เราอ่าน (เขาพิมพ์เป็นตัวดำเอน ทำให้สะดุดตา และจำได้ง่าย)และเข้าใจเนื้อเรื่อง ทำให้เราเข้าใจและจำสำนวนนั้นได้ทันที และเมื่อถึงเวลาที่เราจะจำเอาสำนวนพวกนี้ไปพูดบ้าง มันก็ไม่ค่อยยากนัก เพราะเราเห็นวิธีการใช้สำนวนในเรื่องที่เราอ่าน เราเข้าใจ-จำได้ จึงเอาไปใช้พูดหรือเขียนได้
เชิญคลิกดาวน์โหลดได้เลยครับ
พิพัฒน์
วันจันทร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1284] มีโจทย์แกรมมาร์ 530 ข้อ ให้ดาวน์โหลด
สวัสดีครับ
มีท่านผู้อ่านส่งโจทย์แกรมมาร์ จำนวน 530 ข้อมาให้ผมเฉลย ต้องขอประทานโทษจริง ๆ ครับ ที่ผมไม่มีเวลาจะเฉลยให้ อีกอย่างหนึ่งก็ไม่แน่ใจความสามารถของตัวเองด้วยว่าสามารถเฉลยได้ถูกต้อง 100 %
ท่านใดสนใจ ดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ครับ คลิก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
มีท่านผู้อ่านส่งโจทย์แกรมมาร์ จำนวน 530 ข้อมาให้ผมเฉลย ต้องขอประทานโทษจริง ๆ ครับ ที่ผมไม่มีเวลาจะเฉลยให้ อีกอย่างหนึ่งก็ไม่แน่ใจความสามารถของตัวเองด้วยว่าสามารถเฉลยได้ถูกต้อง 100 %
ท่านใดสนใจ ดาวน์โหลดได้ที่ลิงค์นี้ครับ คลิก
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1283] รวมเกมภาษาคุณภาพดีไว้ที่นี่ครับ
สวัสดีครับ
ไม่ขอพูดมากล่ะครับ ขอแนะนำเลยว่าลิงค์ข้างล่างนี้ รวมเกมภาษาคุณภาพดีไว้หลายเกมทีเดียว
http://www.onlinemathlearning.com/vocabulary-games.html
ผมชอบมาก ๆ 3 เกมข้างล่างนี้ แต่ถ้าท่านได้เข้าไปลองเล่นให้ทั่ว เชื่อว่าท่านต้องชอบมากกก่า 3 เกมนี้
Match It
Match the Word to the Sentence
Context Vocabulary
Determine the meaning of the word given the context.
The Vocabulary Quiz
16 topics with more than 1600 questions
เพิ่มเติม:
http://gamequarium.com/
Hangman Free Online
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ไม่ขอพูดมากล่ะครับ ขอแนะนำเลยว่าลิงค์ข้างล่างนี้ รวมเกมภาษาคุณภาพดีไว้หลายเกมทีเดียว
http://www.onlinemathlearning.com/vocabulary-games.html
ผมชอบมาก ๆ 3 เกมข้างล่างนี้ แต่ถ้าท่านได้เข้าไปลองเล่นให้ทั่ว เชื่อว่าท่านต้องชอบมากกก่า 3 เกมนี้
Match It
Match the Word to the Sentence
Context Vocabulary
Determine the meaning of the word given the context.
The Vocabulary Quiz
16 topics with more than 1600 questions
เพิ่มเติม:
http://gamequarium.com/
Hangman Free Online
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันศุกร์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1282] 2 วิธีในการจำศัพท์ภาษาอังกฤษ(ปสก.ส่วนตัว)
สวัสดีครับ
ไม่ต่ำกว่า 70 % ของคนที่ผมคุยด้วยมีข้อสรุปตรงกันว่า สาเหตุที่เขาอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องมาจากไม่รู้ศัพท์ ถ้ารู้ศัพท์ก็อ่านรู้เรื่อง บทสรุปเช่นนี้เป็นความจริงอยู่เยอะทีเดียว
แต่การ “รู้ศัพท์” ก็มาจากหลายสาเหตุ ที่สำคัญก็ได้แก่
(1) จำศัพท์ได้ ไม่ว่าคำที่จำได้... จะจำได้อย่างมั่นใจ 100 % หรืออาจจะจำได้อย่างเลือนลางสัก 50 % ก็ตาม
(2) เดาศัพท์ได้ ทำให้พอรู้เนื้อเรื่องเลา ๆ
(3) เดาเนื้อเรื่องได้ ทำให้พอรู้คำศัพท์เลา ๆ
จากประสบการณ์ส่วนตัว ทักษะข้อ (2) และ (3) เป็นทักษะที่ผมฝึกเองเป็นส่วนใหญ่ และมีประโยชน์มากเพราะมันช่วยชดเชยคำศัพท์ที่ผมจำไม่ได้ ถ้าท่านใดสนใจที่จะศึกษาเรื่องการ “เดา” คลิกที่ลิงค์นี้ครับ
[179]สอนเทคนิคการเดาความหมายของศัพท์
แต่แม้ว่าการเดาจะมีประโยชน์ เราจะทิ้งการจำก็คงไม่ได้ เหมือนกับการล้างมือที่อ่าง ซึ่งมือขวาช่วยล้างมือซ้าย และมือซ้ายช่วยล้างมือขวา ท่านที่เคยเป็นแผลที่มือข้างใดข้างหนึ่งและหมอห้ามไม่ให้โดนน้ำ คงเข้าใจดีว่าการใช้มือข้างเดียวล้างมือข้างนั้นเอง เป็นเรื่องลำบากไม่น้อย
มือขวาและมือซ้ายช่วยล้างซึ่งกันและกันฉันใด การพยายามเดาและการพยายามจำความหมายของศัพท์ก็ช่วยกันฉันนั้น คนที่จำศัพท์ได้เก่งก็จะเดาศัพท์ได้เก่ง, และคนที่เดาศัพท์ได้เก่งก็จะจำศัพท์ได้เก่ง
แต่... คนที่เอาแต่ท่องจำโดยไม่พยายามเดา, และคนที่พยายามเดาโดยไม่พยายามจำคำที่ควรจำ ก็ไม่ต่างจากคนที่มีมือครบ 2 ข้างแต่พยายามล้างมันด้วยมือข้างเดียว ท่านนึกภาพและพยากรณ์ผลด้วยตัวท่านเองก็ได้ครับ
และวันนี้ผมขอพูดเรื่องเดียว คือเรื่องการจำศัพท์...
เรื่องการจำศัพท์ที่ผมจะพูดในวันนี้ มีอยู่ 2 วิธี ดังนี้ครับ
วิธีที่ 1: เป็นวิธีที่ไม่มีอะไรซับซ้อนแม้แต่นิดเดียว คือ อ่านเรื่อย ๆ -ฟังเรื่อย ๆ ทำได้ทุกวันยิ่งดี ก็จะค่อย ๆ จำศัพท์ได้เองไปทีละตัวสองตัว ถ้าจำศัพท์ใหม่ได้วันละ 2 คำ ใน 1 ปีก็จะจำศัพท์ได้เพิ่มขึ้น 365 X 2 = 730 คำ แต่ผมขอรับประกันว่า ถ้าฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างมีวินัยเหล็ก เมื่อสิ้นปีที่สอง ท่านจะจำศัพท์ใหม่ได้มากกว่า 1,460 คำ (730X2) เพราะว่าคำศัพท์ 1 คำที่จำได้มันจะมีชีวิตของมันเอง และจะแบ่งตัวขยายพันธุ์ได้ด้วยตัวเองเหมือนอะมีบาสัตว์เซลเดียว แต่มีข้อแม้นิดนึงตามตัวสีแดงข้างบน คือควรเป็นการจำที่ผ่านการอ่านเรื่อย ๆ - ฟังเรื่อย ๆ (และจดลงสมุด + ท่องให้จำ + ทบทวนความจำ) ถ้าใช้วิธีดิบ ๆ เช่นเปิดดิกและจด 2 คำลงใส่สมุด และตั้งหน้าตั้งตาท่อง โดยศัพท์นี้ไม่ได้มาจากการอ่านหรือการฟัง ผมกลัวว่าท่านจะจำไม่ได้ครับ
วิธีที่ 1 ดังกล่าวมานี้ ผมขอรับรองว่าได้ผล 100 % แต่ต้องมีวินัย และขอเรียนว่าจากประสบการณ์ของผม วันหนึ่ง ๆ ท่านอาจจะอ่านเยอะ ๆ ก็ได้ แต่ว่า...
-ท่านไม่ต้องกักตุนท่องหรือกักตุนจำไว้ล่วงหน้า (เช่น สัปดาห์หน้ามีงานยุ่งไม่มีเวลามาท่องจำ) เพราะมันจะล้นและท่านจะจำไม่ได้
-ท่านไม่ต้องย้อนกลับมาท่องจำชดเชยวันที่ท่านไม่ได้จำ เหตุผลเดียวกันครับ คือ มันจะล้นและท่านจะจำไม่ได้
เพราะฉะนั้น วันไหนก็วันนั้น จะวันละแค่คำเดียวหรือ 2 คำก็ตามใจ แต่ไม่ต้องท่องจำล่วงหน้าหรือย้อนหลัง
เป็นอย่างไรบ้างครับวิธีที่ 1 ผมคิดว่าไม่ยากที่จะทำ แต่อาจจะยากที่จะมีวินัย ภาษิตที่ผมชอบใช้สอนตัวเองเป็นประจำก็คือ ความสำเร็จจะเป็นรางวัลที่บำเรอให้แก่คนใจเด็ดมุ่งมั่นเท่านั้น
วิธีที่ 2: ทบทวนศัพท์จาก word list ที่ผู้เชื่ยวชาญทางภาษาได้รวบรวมไว้
นี่เป็นวิธีที่ 2 ที่ผมฝึกมาและได้ผลจึงขอนำมาคุยกับท่านผู้อ่าน ซึ่งโดยสรุปก็คือว่า ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาอังกฤษเขาได้รวบรวมคำศัพท์ที่พบบ่อย (ในการอ่าน-ฟัง) และใช้บ่อย(ในการพูด-เขียน) และจัดทำเป็นบัญชีคำศัพท์ หรือ word list เพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่จะศึกษา ทำให้เมื่อผู้ศึกษาออกสนามรบและพบกับภาษาอังกฤษ ในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน, คำศัพท์ใน word list นี้ก็จะเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้ปัญหาด้านภาษาอังกฤษ และเอาชนะได้อย่างคนที่ไม่ “อ่อนซ้อม” เพราะได้ผ่านคู่ซ้อมที่คล้าย ๆ กับคู่ชกตัวจริง
Word list ที่ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาอังฤษเขาได้รวบรวมไว้นี้ นอกจากมีคำศัพท์และความหมายแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยทำให้เราจำศัพท์ได้โดยไม่ยากนัก แม้จะไม่ได้ผ่านคำศัพท์เหล่านี้จากการอ่านและการฟังอย่างเป็นธรรมชาติตามวิธีที่ 1 ก็ตาม อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ก็คือ
-ประโยคตัวอย่าง
-test ที่ดึงดูดความสนใจ และท้าทาย
-เฉลยที่มีให้ทันทีเมื่อคลิกทำแบบฝึกหัด หรือ test
-เกมที่ทำให้การเรียนเป็นเหมือนการเล่น เล่นเหมือนเรียน
และเว็บทั้งหลายข้างล่างนี้ก็คืออุปกรณ์เสริมช่วยให้เราจำคำศัพท์ตามวิธีที่ 2 ที่ผมพูดมานี้ ท่านจะไม่ลองเข้าไปดูสักหน่อยหรือครับ เมื่อเข้าไปแล้วผมขอชวนให้ท่านคลิกดูทั่ว ๆ หน่อยนะครับ สิ่งที่ถูกใจท่านอาจจะซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่ง และถ้าชอบใจหน้าใดก็ทำ Favorite ไว้เลยครับ
[1] English Vocabulary Word Lists with Games, Puzzles and Quizzes
[2] http://www.uefap.com/vocab/select/gsl.htm
ศัพท์พื้นฐาน 2,000 คำ พร้อมคลิกดูคำแปลจาก Cambridge Dictionary
[3] http://www.uefap.com/vocab/select/awl.htm
Academic word list 3,000 คำ พร้อมคลิกดูคำแปลจาก Cambridge Dictionary
ศึกษาพิ่มเติม:
[1] word list ในบล็อกนี้ คลิก
[2] Using English for Academic Purposes
[3] -Test
[4] - เกม/การ์ตูน
[5] http://www.robwaring.org/vocab/
[6] http://www.robwaring.org/vocab/wordlists/vocfreq.html
[7] http://www.lextutor.ca/
[8] Japan Directory Home » Applied Linguistics » Lexis » Vocabulary
ผมเชื่อว่า 2 วิธีในการจำศัพท์ที่ผมเล่ามานี้ จะสามารถช่วยให้หลายท่านจำศัพท์ได้มากขึ้นแน่ ๆ ใช้แล้วได้ผลมากน้อยอย่างไรเขียนมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ไม่ต่ำกว่า 70 % ของคนที่ผมคุยด้วยมีข้อสรุปตรงกันว่า สาเหตุที่เขาอ่านภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่องมาจากไม่รู้ศัพท์ ถ้ารู้ศัพท์ก็อ่านรู้เรื่อง บทสรุปเช่นนี้เป็นความจริงอยู่เยอะทีเดียว
แต่การ “รู้ศัพท์” ก็มาจากหลายสาเหตุ ที่สำคัญก็ได้แก่
(1) จำศัพท์ได้ ไม่ว่าคำที่จำได้... จะจำได้อย่างมั่นใจ 100 % หรืออาจจะจำได้อย่างเลือนลางสัก 50 % ก็ตาม
(2) เดาศัพท์ได้ ทำให้พอรู้เนื้อเรื่องเลา ๆ
(3) เดาเนื้อเรื่องได้ ทำให้พอรู้คำศัพท์เลา ๆ
จากประสบการณ์ส่วนตัว ทักษะข้อ (2) และ (3) เป็นทักษะที่ผมฝึกเองเป็นส่วนใหญ่ และมีประโยชน์มากเพราะมันช่วยชดเชยคำศัพท์ที่ผมจำไม่ได้ ถ้าท่านใดสนใจที่จะศึกษาเรื่องการ “เดา” คลิกที่ลิงค์นี้ครับ
[179]สอนเทคนิคการเดาความหมายของศัพท์
แต่แม้ว่าการเดาจะมีประโยชน์ เราจะทิ้งการจำก็คงไม่ได้ เหมือนกับการล้างมือที่อ่าง ซึ่งมือขวาช่วยล้างมือซ้าย และมือซ้ายช่วยล้างมือขวา ท่านที่เคยเป็นแผลที่มือข้างใดข้างหนึ่งและหมอห้ามไม่ให้โดนน้ำ คงเข้าใจดีว่าการใช้มือข้างเดียวล้างมือข้างนั้นเอง เป็นเรื่องลำบากไม่น้อย
มือขวาและมือซ้ายช่วยล้างซึ่งกันและกันฉันใด การพยายามเดาและการพยายามจำความหมายของศัพท์ก็ช่วยกันฉันนั้น คนที่จำศัพท์ได้เก่งก็จะเดาศัพท์ได้เก่ง, และคนที่เดาศัพท์ได้เก่งก็จะจำศัพท์ได้เก่ง
แต่... คนที่เอาแต่ท่องจำโดยไม่พยายามเดา, และคนที่พยายามเดาโดยไม่พยายามจำคำที่ควรจำ ก็ไม่ต่างจากคนที่มีมือครบ 2 ข้างแต่พยายามล้างมันด้วยมือข้างเดียว ท่านนึกภาพและพยากรณ์ผลด้วยตัวท่านเองก็ได้ครับ
และวันนี้ผมขอพูดเรื่องเดียว คือเรื่องการจำศัพท์...
เรื่องการจำศัพท์ที่ผมจะพูดในวันนี้ มีอยู่ 2 วิธี ดังนี้ครับ
วิธีที่ 1: เป็นวิธีที่ไม่มีอะไรซับซ้อนแม้แต่นิดเดียว คือ อ่านเรื่อย ๆ -ฟังเรื่อย ๆ ทำได้ทุกวันยิ่งดี ก็จะค่อย ๆ จำศัพท์ได้เองไปทีละตัวสองตัว ถ้าจำศัพท์ใหม่ได้วันละ 2 คำ ใน 1 ปีก็จะจำศัพท์ได้เพิ่มขึ้น 365 X 2 = 730 คำ แต่ผมขอรับประกันว่า ถ้าฝึกอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ อย่างมีวินัยเหล็ก เมื่อสิ้นปีที่สอง ท่านจะจำศัพท์ใหม่ได้มากกว่า 1,460 คำ (730X2) เพราะว่าคำศัพท์ 1 คำที่จำได้มันจะมีชีวิตของมันเอง และจะแบ่งตัวขยายพันธุ์ได้ด้วยตัวเองเหมือนอะมีบาสัตว์เซลเดียว แต่มีข้อแม้นิดนึงตามตัวสีแดงข้างบน คือควรเป็นการจำที่ผ่านการอ่านเรื่อย ๆ - ฟังเรื่อย ๆ (และจดลงสมุด + ท่องให้จำ + ทบทวนความจำ) ถ้าใช้วิธีดิบ ๆ เช่นเปิดดิกและจด 2 คำลงใส่สมุด และตั้งหน้าตั้งตาท่อง โดยศัพท์นี้ไม่ได้มาจากการอ่านหรือการฟัง ผมกลัวว่าท่านจะจำไม่ได้ครับ
วิธีที่ 1 ดังกล่าวมานี้ ผมขอรับรองว่าได้ผล 100 % แต่ต้องมีวินัย และขอเรียนว่าจากประสบการณ์ของผม วันหนึ่ง ๆ ท่านอาจจะอ่านเยอะ ๆ ก็ได้ แต่ว่า...
-ท่านไม่ต้องกักตุนท่องหรือกักตุนจำไว้ล่วงหน้า (เช่น สัปดาห์หน้ามีงานยุ่งไม่มีเวลามาท่องจำ) เพราะมันจะล้นและท่านจะจำไม่ได้
-ท่านไม่ต้องย้อนกลับมาท่องจำชดเชยวันที่ท่านไม่ได้จำ เหตุผลเดียวกันครับ คือ มันจะล้นและท่านจะจำไม่ได้
เพราะฉะนั้น วันไหนก็วันนั้น จะวันละแค่คำเดียวหรือ 2 คำก็ตามใจ แต่ไม่ต้องท่องจำล่วงหน้าหรือย้อนหลัง
เป็นอย่างไรบ้างครับวิธีที่ 1 ผมคิดว่าไม่ยากที่จะทำ แต่อาจจะยากที่จะมีวินัย ภาษิตที่ผมชอบใช้สอนตัวเองเป็นประจำก็คือ ความสำเร็จจะเป็นรางวัลที่บำเรอให้แก่คนใจเด็ดมุ่งมั่นเท่านั้น
วิธีที่ 2: ทบทวนศัพท์จาก word list ที่ผู้เชื่ยวชาญทางภาษาได้รวบรวมไว้
นี่เป็นวิธีที่ 2 ที่ผมฝึกมาและได้ผลจึงขอนำมาคุยกับท่านผู้อ่าน ซึ่งโดยสรุปก็คือว่า ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาอังกฤษเขาได้รวบรวมคำศัพท์ที่พบบ่อย (ในการอ่าน-ฟัง) และใช้บ่อย(ในการพูด-เขียน) และจัดทำเป็นบัญชีคำศัพท์ หรือ word list เพื่อความสะดวกสำหรับผู้ที่จะศึกษา ทำให้เมื่อผู้ศึกษาออกสนามรบและพบกับภาษาอังกฤษ ในการฟัง-พูด-อ่าน-เขียน, คำศัพท์ใน word list นี้ก็จะเป็นอาวุธที่ใช้ต่อสู้ปัญหาด้านภาษาอังกฤษ และเอาชนะได้อย่างคนที่ไม่ “อ่อนซ้อม” เพราะได้ผ่านคู่ซ้อมที่คล้าย ๆ กับคู่ชกตัวจริง
Word list ที่ผู้เชี่ยวชาญทางภาษาอังฤษเขาได้รวบรวมไว้นี้ นอกจากมีคำศัพท์และความหมายแล้ว ยังมีอุปกรณ์เสริมที่ช่วยทำให้เราจำศัพท์ได้โดยไม่ยากนัก แม้จะไม่ได้ผ่านคำศัพท์เหล่านี้จากการอ่านและการฟังอย่างเป็นธรรมชาติตามวิธีที่ 1 ก็ตาม อุปกรณ์เสริมเหล่านี้ก็คือ
-ประโยคตัวอย่าง
-test ที่ดึงดูดความสนใจ และท้าทาย
-เฉลยที่มีให้ทันทีเมื่อคลิกทำแบบฝึกหัด หรือ test
-เกมที่ทำให้การเรียนเป็นเหมือนการเล่น เล่นเหมือนเรียน
และเว็บทั้งหลายข้างล่างนี้ก็คืออุปกรณ์เสริมช่วยให้เราจำคำศัพท์ตามวิธีที่ 2 ที่ผมพูดมานี้ ท่านจะไม่ลองเข้าไปดูสักหน่อยหรือครับ เมื่อเข้าไปแล้วผมขอชวนให้ท่านคลิกดูทั่ว ๆ หน่อยนะครับ สิ่งที่ถูกใจท่านอาจจะซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่ง และถ้าชอบใจหน้าใดก็ทำ Favorite ไว้เลยครับ
[1] English Vocabulary Word Lists with Games, Puzzles and Quizzes
[2] http://www.uefap.com/vocab/select/gsl.htm
ศัพท์พื้นฐาน 2,000 คำ พร้อมคลิกดูคำแปลจาก Cambridge Dictionary
[3] http://www.uefap.com/vocab/select/awl.htm
Academic word list 3,000 คำ พร้อมคลิกดูคำแปลจาก Cambridge Dictionary
ศึกษาพิ่มเติม:
[1] word list ในบล็อกนี้ คลิก
[2] Using English for Academic Purposes
[3] -Test
[4] - เกม/การ์ตูน
[5] http://www.robwaring.org/vocab/
[6] http://www.robwaring.org/vocab/wordlists/vocfreq.html
[7] http://www.lextutor.ca/
[8] Japan Directory Home » Applied Linguistics » Lexis » Vocabulary
ผมเชื่อว่า 2 วิธีในการจำศัพท์ที่ผมเล่ามานี้ จะสามารถช่วยให้หลายท่านจำศัพท์ได้มากขึ้นแน่ ๆ ใช้แล้วได้ผลมากน้อยอย่างไรเขียนมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพฤหัสบดีที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1281] เพลง A, B, C… เพลงละตัวอักษร
สวัสดีครับ
เพลง A, B, C… ที่ผมเคยฟังเคยร้องตั้งแต่เด็ก เป็น เพลงเดียวที่รวม A ถึง Z
แต่วันนี้ผมได้เวอร์ชั่นใหม่ เป็น 1 ตัว 1 เพลง (ยกเว้น X ตัวเดียวที่ไม่มีเพลง) รวมทั้งสิ้น 25 เพลง
เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ
ลิงค์ที่ 1 หรือ ลิงค์ที่ 2
แต่ถ้าท่านต้องการดาวน์โหลดหรือฟังทีละเพลงก็คลิกแต่ละตัวข้างล่างนี้ครับ
A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W Y Z
ท่านที่มีบุตร หลาน หรือ ศิษย์ อายุน้อย ๆ ที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ผมขอชักชวนให้ดาวน์โหลดไฟล์เพลงสั้น ๆ ข้างบนนี้ไปให้เขา น่าจะเป็นการเรียนรู้การออกเสียง A, B, C, D…. จนถึง Z ที่จำได้ง่ายและสนุกด้วยครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เพลง A, B, C… ที่ผมเคยฟังเคยร้องตั้งแต่เด็ก เป็น เพลงเดียวที่รวม A ถึง Z
แต่วันนี้ผมได้เวอร์ชั่นใหม่ เป็น 1 ตัว 1 เพลง (ยกเว้น X ตัวเดียวที่ไม่มีเพลง) รวมทั้งสิ้น 25 เพลง
เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ
ลิงค์ที่ 1 หรือ ลิงค์ที่ 2
แต่ถ้าท่านต้องการดาวน์โหลดหรือฟังทีละเพลงก็คลิกแต่ละตัวข้างล่างนี้ครับ
A B C D E F G H I J K L M N O P Q R S T U V W Y Z
ท่านที่มีบุตร หลาน หรือ ศิษย์ อายุน้อย ๆ ที่เพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษ ผมขอชักชวนให้ดาวน์โหลดไฟล์เพลงสั้น ๆ ข้างบนนี้ไปให้เขา น่าจะเป็นการเรียนรู้การออกเสียง A, B, C, D…. จนถึง Z ที่จำได้ง่ายและสนุกด้วยครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันพุธที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1280] ดูดวงชะตาประจำวันกับ “ซินแส” จีน
สวัสดีครับ
การดูโชคชะตาหรือการดูหมอน่าจะเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในโลกนี้พร้อม ๆ กับการมีมนุษย์ในโลก หรือถ้าเกิดขึ้นภายหลังก็น่าจะตามมาติด ๆ การดูหมอน่าจะมีประโยชน์ต่อคนชอบดูหลายอย่างต่างกันไป
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชอบดูหมอมาก ทุกครั้งที่กลับจากดูหมอก็จะมาเล่าให้ฟังว่า หมอทายว่าอย่งนั้นอย่างนี้แต่ไม่เห็นจะตรงเลย แต่แกก็ขยันไปหาหมอดูคนใหม่ไม่เคยขาด แล้วก็กลับมาเล่าเหมือนเดิมทุกครั้งว่าหมอดูไม่เห็นจะตรง ผมก็สงสัยจริง ๆ ว่าเมื่อดูไม่เคยตรงแล้วจะไปดูทำไมให้เสียเวลา แกก็ตอบว่าก็อยากจะเจอหมอที่ทายแม่นๆ ผมก็เลยถามว่า อ้าว! ก็รู้อยู่แล้วว่าทายแบบไหนแม่นไม่แม่น ดูซะเองก็หมดเรื่องทำไมจะต้องไปตระเวนหาหมอดู ลงท้ายก็ได้ทะเลาะกับเพื่อนเล็กน้อย แต่แกก็ยังไม่เลิกไปหาหมอดู
ผมเองไม่ได้ต่อต้านหมอดูหรอกครับ เพราะการดูหมอก็สนุกดี เคยได้ยินคนเล่าให้ฟังว่าผู้นำประเทศยักษ์ใหญ่ระดับโลกทุกยุคทุกสมัยมีหมอดูส่วนตัวกันทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อหมอดู การอ่านคำทำนายที่เป็นภาษาอังกฤษก็ช่วยพัฒนา reading skill ไม่มากก็น้อย ในบล็อกนี้ผมเคยแนะนำเว็บหมอดูไว้แล้วที่ลิงค์นี้
[194] ดูหมอ (หมอดู) ประจำวันกันหน่อยไหมครับ
เว็บหมอดูที่ผมเคยเห็นมักเป็นเว็บฝรั่ง อ่านแล้วก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจอะไรมากมายนัก มาวันนี้ผมมาฉุกใจคิดได้ว่า แล้วถ้าเป็นเว็บหมอดูที่มาจากประเทศที่ไม่ใช่ฝรั่งล่ะ ให้คำทำนายที่คล้าย ๆ หรือต่างกันออกไป? ผมก็เลยไปหาเว็บหมอดูของประเทศจีน ได้มา 1 เว็บข้างล่างนี้
http://jokesinthemail.net/horoscopes-daily.htm
ผมขอชวนให้ท่านเข้าไปอ่านคำทำนายดู ท่านจะได้พบคำทำนายที่มาพร้อมกับคำแนะนำ ซึ่งหลาย ๆ คำแนะนำมีคุณค่ามากทีเดียว ลองเข้าไปอ่านสักหน่อยซีครับ ท่านอาจจะชอบดูหมอที่เว็บนี้ก็ได้
เว็บสนุก ๆ เพิ่มเติม:
-http://www.funny-jokes-n-pictures.com/
-และคลิกที่นี่
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
การดูโชคชะตาหรือการดูหมอน่าจะเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นในโลกนี้พร้อม ๆ กับการมีมนุษย์ในโลก หรือถ้าเกิดขึ้นภายหลังก็น่าจะตามมาติด ๆ การดูหมอน่าจะมีประโยชน์ต่อคนชอบดูหลายอย่างต่างกันไป
ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชอบดูหมอมาก ทุกครั้งที่กลับจากดูหมอก็จะมาเล่าให้ฟังว่า หมอทายว่าอย่งนั้นอย่างนี้แต่ไม่เห็นจะตรงเลย แต่แกก็ขยันไปหาหมอดูคนใหม่ไม่เคยขาด แล้วก็กลับมาเล่าเหมือนเดิมทุกครั้งว่าหมอดูไม่เห็นจะตรง ผมก็สงสัยจริง ๆ ว่าเมื่อดูไม่เคยตรงแล้วจะไปดูทำไมให้เสียเวลา แกก็ตอบว่าก็อยากจะเจอหมอที่ทายแม่นๆ ผมก็เลยถามว่า อ้าว! ก็รู้อยู่แล้วว่าทายแบบไหนแม่นไม่แม่น ดูซะเองก็หมดเรื่องทำไมจะต้องไปตระเวนหาหมอดู ลงท้ายก็ได้ทะเลาะกับเพื่อนเล็กน้อย แต่แกก็ยังไม่เลิกไปหาหมอดู
ผมเองไม่ได้ต่อต้านหมอดูหรอกครับ เพราะการดูหมอก็สนุกดี เคยได้ยินคนเล่าให้ฟังว่าผู้นำประเทศยักษ์ใหญ่ระดับโลกทุกยุคทุกสมัยมีหมอดูส่วนตัวกันทั้งนั้น
แต่ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่เชื่อหมอดู การอ่านคำทำนายที่เป็นภาษาอังกฤษก็ช่วยพัฒนา reading skill ไม่มากก็น้อย ในบล็อกนี้ผมเคยแนะนำเว็บหมอดูไว้แล้วที่ลิงค์นี้
[194] ดูหมอ (หมอดู) ประจำวันกันหน่อยไหมครับ
เว็บหมอดูที่ผมเคยเห็นมักเป็นเว็บฝรั่ง อ่านแล้วก็ไม่ได้รู้สึกชอบใจอะไรมากมายนัก มาวันนี้ผมมาฉุกใจคิดได้ว่า แล้วถ้าเป็นเว็บหมอดูที่มาจากประเทศที่ไม่ใช่ฝรั่งล่ะ ให้คำทำนายที่คล้าย ๆ หรือต่างกันออกไป? ผมก็เลยไปหาเว็บหมอดูของประเทศจีน ได้มา 1 เว็บข้างล่างนี้
http://jokesinthemail.net/horoscopes-daily.htm
ผมขอชวนให้ท่านเข้าไปอ่านคำทำนายดู ท่านจะได้พบคำทำนายที่มาพร้อมกับคำแนะนำ ซึ่งหลาย ๆ คำแนะนำมีคุณค่ามากทีเดียว ลองเข้าไปอ่านสักหน่อยซีครับ ท่านอาจจะชอบดูหมอที่เว็บนี้ก็ได้
เว็บสนุก ๆ เพิ่มเติม:
-http://www.funny-jokes-n-pictures.com/
-และคลิกที่นี่
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันอังคารที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1279] “หลวงปู่ฝากไว้” ภาษาไทยเทียบอังกฤษ
สวัสดีครับ
ผมมีความเชื่อแน่นแฟ้นอยู่อย่างหนึ่งว่า ภาษา... ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นใดในโลกนี้ ... เป็นอารยธรรมที่งดงามอย่างหนึ่งของมนุษยชาติ และเชื่อว่าจริงๆแล้ว ไม่มีใครเกลียดการเรียนภาษาถ้าเขาได้พบวิธีการเรียนที่ถูกใจเขา ในบล็อกนี้ผมจึงพยายามหาสารพัดสิ่งเกี่ยวกับภาษาอังกฤษมานำเสนอ ด้วยหวังว่าจะมีอย่างน้อย 1 สิ่งที่ถูกใจท่านผู้อ่าน
ภาษาเป็นเช่นใด ธรรมะก็เป็นเช่นนั้น ผมเชื่อว่าจริงๆแล้ว ไม่มีใครเกลียดการศึกษาธรรมะ เพราะธรรมะเป็นอารยธรรมทางใจที่งดงามที่สุดของมนุษยชาติ ถ้า... ถ้าแต่ละคนได้พบวิธีการศึกษาธรรมะที่ถูกใจเขา ในบล็อกนี้เมื่อมีโอกาสผมจึงพยายามหาธรรมะที่ผมเห็นว่ามีคุณค่ามานำเสนอ ด้วยหวังว่าจะมีอย่างน้อย 1 เรื่องที่ถูกใจท่านผู้อ่าน [คลิก ธรรมะ ]
และถ้าเป็นไปได้ ผมจะรวมภาษาและธรรมะไว้ในที่เดียวกัน อย่างเช่นวันนี้ผมขอนำ คติธรรมและธรรมเทศนา ของพระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) ศิษย์อาวุโสรุ่นแรกสุดของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต มานำเสนอ [ คลิก]
หนังสือธรรมะเล่มหนึ่งของหลวงปู่ดูลย์ที่มีพุทธศาสนิกหาอ่านกันอย่างมากมาย คือ หลวงปู่ฝากไว้ เป็นเรื่องราวธรรมะสั้น ๆ ขนาดกระทัดรัด จำนวน 111 ตอน อ่านแล้วให้คติแก่ชีวิตที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
หนังสือเล่มนี้มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษในชื่อ Gifts He Left Behind
และอย่างที่เรียนไว้ข้างต้นแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ผมจะรวมภาษาและธรรมะไว้ในที่เดียวกัน งานนี้ผมจึงนำเอาต้นฉบับภาษาไทยและคำแปลภาษาอังกฤษมาวางเทียบกัน ตอนต่อตอน
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะได้รับรู้ถึงความงามของธรรมะและภาษาจากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ และ Gifts He Left Behind
เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ [ คลิก ]
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ผมมีความเชื่อแน่นแฟ้นอยู่อย่างหนึ่งว่า ภาษา... ไม่ว่าจะเป็นภาษาไทย ภาษาอังกฤษ หรือภาษาอื่นใดในโลกนี้ ... เป็นอารยธรรมที่งดงามอย่างหนึ่งของมนุษยชาติ และเชื่อว่าจริงๆแล้ว ไม่มีใครเกลียดการเรียนภาษาถ้าเขาได้พบวิธีการเรียนที่ถูกใจเขา ในบล็อกนี้ผมจึงพยายามหาสารพัดสิ่งเกี่ยวกับภาษาอังกฤษมานำเสนอ ด้วยหวังว่าจะมีอย่างน้อย 1 สิ่งที่ถูกใจท่านผู้อ่าน
ภาษาเป็นเช่นใด ธรรมะก็เป็นเช่นนั้น ผมเชื่อว่าจริงๆแล้ว ไม่มีใครเกลียดการศึกษาธรรมะ เพราะธรรมะเป็นอารยธรรมทางใจที่งดงามที่สุดของมนุษยชาติ ถ้า... ถ้าแต่ละคนได้พบวิธีการศึกษาธรรมะที่ถูกใจเขา ในบล็อกนี้เมื่อมีโอกาสผมจึงพยายามหาธรรมะที่ผมเห็นว่ามีคุณค่ามานำเสนอ ด้วยหวังว่าจะมีอย่างน้อย 1 เรื่องที่ถูกใจท่านผู้อ่าน [คลิก ธรรมะ ]
และถ้าเป็นไปได้ ผมจะรวมภาษาและธรรมะไว้ในที่เดียวกัน อย่างเช่นวันนี้ผมขอนำ คติธรรมและธรรมเทศนา ของพระราชวุฒาจารย์ (หลวงปู่ดูลย์ อตุโล) ศิษย์อาวุโสรุ่นแรกสุดของ หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต มานำเสนอ [ คลิก]
หนังสือธรรมะเล่มหนึ่งของหลวงปู่ดูลย์ที่มีพุทธศาสนิกหาอ่านกันอย่างมากมาย คือ หลวงปู่ฝากไว้ เป็นเรื่องราวธรรมะสั้น ๆ ขนาดกระทัดรัด จำนวน 111 ตอน อ่านแล้วให้คติแก่ชีวิตที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
หนังสือเล่มนี้มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษในชื่อ Gifts He Left Behind
และอย่างที่เรียนไว้ข้างต้นแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ผมจะรวมภาษาและธรรมะไว้ในที่เดียวกัน งานนี้ผมจึงนำเอาต้นฉบับภาษาไทยและคำแปลภาษาอังกฤษมาวางเทียบกัน ตอนต่อตอน
ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะได้รับรู้ถึงความงามของธรรมะและภาษาจากหนังสือ หลวงปู่ฝากไว้ และ Gifts He Left Behind
เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ [ คลิก ]
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2552
วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552
[1277] แนะนำโปรแกรม Visual Thesaurus
สวัสดีครับ
มีสิ่งหนึ่งที่ผมขอเรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน คือ ทุกเว็บ ทุกลิงค์ ทุกไฟล์ ที่ผมนำเอามาแนะนำในบล็อกนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ เสียง วีดิโอ เกม โปรแกรม ฯลฯ ผมลองใช้งานหรือเล่นด้วยตัวเองมาแล้วไม่มากก็น้อยจึงค่อยนำเอามาแนะนำ และก็มีบางครั้งที่ผมก็หนักใจ เช่นผมไปเจอโปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษคุณภาพเยี่ยมมาก ๆ แต่ใช้งานไม่ง่าย ก็เสียดายว่าผู้อ่านบางท่านที่ไม่ถนัดอาจจะหมดแรงเสียก่อนที่จะศึกษาจนเข้าใจวิธีใช้ ก็เลยไม่ได้ใช้มัน ส่วนผมเองก็พิมพ์ดีดได้เพียงนิ้วชี้ 2 นิ้วซึ่งช้ามาก จึงไม่สามารถอธิบายได้อย่างละเอียด
และวันนี้ผมก็ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ คือไปพบโปรแกรมชื่อ Visual Thesaurus ซึ่งผมขอเรียกว่าเป็น “ดิกชันนารีกิ่งก้านความหมาย” ซึ่งการใช้งานก็มีหลักการง่าย ๆว่า ศัพท์ทั้งหลายในภาษาอังกฤษนี้ มันมีการเกี่ยวโยงกันมากมายหลายลักษณะ เช่น คำที่มีความหมายเหมือนกัน(ในบางความหมาย), คำที่มีความหมายต่างกัน(ในบางความหมาย), คำที่เป็นพวกเดียวกันหรือเป็นคำคู่กัน แต่มีความหมายเจาะจงหรือกว้างขวางต่างกัน, คำที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน และอื่น ๆ อีกหลายประการ และ ถ้าได้ศึกษาความหมายของคำศัพท์ในลักษณะของกิ่งก้านต้นไม้เช่นนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจคำศัพท์ได้อย่างสนุกสนาน ลึกซึ้ง – จำได้ – และใช้เป็น มากว่าวิธีธรรมดา ๆ
ประโยชน์ที่กล่าวนี้และอื่น ๆ อีกมากมายที่กล่าวไม่หมดมีอยู่ในโปรแกรมที่ชื่อ Visual Thesaurus นี้แหละครับ
เอาเป็นว่าผมขอชวนท่านที่ต้องการพัฒนาคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีการที่ได้ผลและท้าทาย เข้าไปศึกษาโปรแกรมที่ผมนำมาเสนอในวันนี้แล้วกันนะครับ
[1] ไฟล์โปรแกรม Visual Thesaurus ที่ต้องติดตั้งก่อนใช้งาน
คลิกดาวน์โหลด
[2] ไฟล์โปรแกรม Visual Thesaurus ที่ไม่ต้องต้องติดตั้งก็ใช้งานได้ (portable)
คลิกดาวน์โหลด
{คุณ TNR ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า: ผมใช้แบบ portable, โดยติดตั้งแบบ install ใส่ serial ให้เรียบร้อย ทดสอบโปรแกรม แล้วปิดโปรแกรม, จากนั้นเปิดโปรแกรมแบบ portable ซึ่งใช้งานได้, สุดท้ายก็ uninstall ตัวโปรแกรมแบบ install -ขอบคุณมากครับในคำแนะนำ ... พิพัฒน์}
[3] ถ้าตอนติดตั้งหรือใช้งาน มันเรียกหา Java ก็ต้องติดตั้ง Java ลงในคอมฯ ให้มัน คลิกดาวน์โหลด
ในไฟล์ที่ให้ท่านดาวน์โหลดนั้น มีคู่มือการใช้งานโปรแกรมให้ไว้เรียบร้อยแล้ว ขอให้ศึกษาโดยละเอียดนะครับเพื่อจะได้ใช้โปรแกรมนี้อย่างสะดวกและได้รับประโบชน์อย่างเต็มที่
ศึกษาเพิ่มเติม:
[928] ขอชวนทุกท่านใช้ “ดิกชันนารีกิ่งก้านความหมาย”
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
มีสิ่งหนึ่งที่ผมขอเรียนท่านผู้อ่านทุกท่าน คือ ทุกเว็บ ทุกลิงค์ ทุกไฟล์ ที่ผมนำเอามาแนะนำในบล็อกนี้ ไม่ว่าจะเป็นข้อความ ภาพ เสียง วีดิโอ เกม โปรแกรม ฯลฯ ผมลองใช้งานหรือเล่นด้วยตัวเองมาแล้วไม่มากก็น้อยจึงค่อยนำเอามาแนะนำ และก็มีบางครั้งที่ผมก็หนักใจ เช่นผมไปเจอโปรแกรมเรียนภาษาอังกฤษคุณภาพเยี่ยมมาก ๆ แต่ใช้งานไม่ง่าย ก็เสียดายว่าผู้อ่านบางท่านที่ไม่ถนัดอาจจะหมดแรงเสียก่อนที่จะศึกษาจนเข้าใจวิธีใช้ ก็เลยไม่ได้ใช้มัน ส่วนผมเองก็พิมพ์ดีดได้เพียงนิ้วชี้ 2 นิ้วซึ่งช้ามาก จึงไม่สามารถอธิบายได้อย่างละเอียด
และวันนี้ผมก็ตกอยู่ในสถานการณ์นี้ คือไปพบโปรแกรมชื่อ Visual Thesaurus ซึ่งผมขอเรียกว่าเป็น “ดิกชันนารีกิ่งก้านความหมาย” ซึ่งการใช้งานก็มีหลักการง่าย ๆว่า ศัพท์ทั้งหลายในภาษาอังกฤษนี้ มันมีการเกี่ยวโยงกันมากมายหลายลักษณะ เช่น คำที่มีความหมายเหมือนกัน(ในบางความหมาย), คำที่มีความหมายต่างกัน(ในบางความหมาย), คำที่เป็นพวกเดียวกันหรือเป็นคำคู่กัน แต่มีความหมายเจาะจงหรือกว้างขวางต่างกัน, คำที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน และอื่น ๆ อีกหลายประการ และ ถ้าได้ศึกษาความหมายของคำศัพท์ในลักษณะของกิ่งก้านต้นไม้เช่นนี้ จะช่วยให้เราเข้าใจคำศัพท์ได้อย่างสนุกสนาน ลึกซึ้ง – จำได้ – และใช้เป็น มากว่าวิธีธรรมดา ๆ
ประโยชน์ที่กล่าวนี้และอื่น ๆ อีกมากมายที่กล่าวไม่หมดมีอยู่ในโปรแกรมที่ชื่อ Visual Thesaurus นี้แหละครับ
เอาเป็นว่าผมขอชวนท่านที่ต้องการพัฒนาคำศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยวิธีการที่ได้ผลและท้าทาย เข้าไปศึกษาโปรแกรมที่ผมนำมาเสนอในวันนี้แล้วกันนะครับ
[1] ไฟล์โปรแกรม Visual Thesaurus ที่ต้องติดตั้งก่อนใช้งาน
คลิกดาวน์โหลด
[2] ไฟล์โปรแกรม Visual Thesaurus ที่ไม่ต้องต้องติดตั้งก็ใช้งานได้ (portable)
คลิกดาวน์โหลด
{คุณ TNR ให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า: ผมใช้แบบ portable, โดยติดตั้งแบบ install ใส่ serial ให้เรียบร้อย ทดสอบโปรแกรม แล้วปิดโปรแกรม, จากนั้นเปิดโปรแกรมแบบ portable ซึ่งใช้งานได้, สุดท้ายก็ uninstall ตัวโปรแกรมแบบ install -ขอบคุณมากครับในคำแนะนำ ... พิพัฒน์}
[3] ถ้าตอนติดตั้งหรือใช้งาน มันเรียกหา Java ก็ต้องติดตั้ง Java ลงในคอมฯ ให้มัน คลิกดาวน์โหลด
ในไฟล์ที่ให้ท่านดาวน์โหลดนั้น มีคู่มือการใช้งานโปรแกรมให้ไว้เรียบร้อยแล้ว ขอให้ศึกษาโดยละเอียดนะครับเพื่อจะได้ใช้โปรแกรมนี้อย่างสะดวกและได้รับประโบชน์อย่างเต็มที่
ศึกษาเพิ่มเติม:
[928] ขอชวนทุกท่านใช้ “ดิกชันนารีกิ่งก้านความหมาย”
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
[1276]อ่านข่าว ‘โอบามา’รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ
สวัสดีครับ
เรื่องประธานาธิบดีโอบามา รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่กรุงออสโลประเทศสวีเดน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม 2552 เป็นข่าวดังไปทั่วโลก
อ่านข่าว
ภาษาอังกฤษ คลิก
ภาษาไทย คลิก
อ่านสุนทรพจน์รับรางวัล
ภาษาอังกฤษ คลิก
ภาษาอังกฤษ ดับเบิ้ลคลิกจะแสดงคำแปลเป็นภาษาไทย คลิก
ผมเองอ่านสุนทรพจน์ของโอบามาแล้ว ฟังดูก็เพราะดี
ท่านผู้อ่านครับ ผมคิดว่าข่าวต่างประเทศที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรับมากที่สุดก็น่าจะมาจาก 2 แห่งใหญ่ คือ BBC และ CNN เรื่องนี้ทำให้คิดไปถึงสมัยที่ผมไปรับการอบรมที่อินเดียและเยอรมนี ช่วงนั้นผมอ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่เป็นภาษาอังกฤษแทบทุกวัน แล้วก็ได้เห็นชัดเจนว่า ทั้งเนื้อข่าวและความเห็นที่ผมได้อ่าน มันต่างจากที่ผมเคยอ่านพบใน BBC และ CNN ค่อนข้างมาก ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า BBC และ CNN ลงข่าวเป็นเท็จ แต่ผมเข้าใจว่า นักข่าวหรือบรรณาธิการข่าวไม่ว่าที่ไหนในโลก ก็คงจะมีอคติกันทุกคน ซึ่งอาจจะเป็นอคติโดยไม่ตั้งใจก็ได้ ที่อาจจะเกิดจาก ความรัก ความชัง ความหลง อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ในสุนทรพจน์ของโอบามามีการกล่าวถึงประเทศอิหร่านและพม่า และผมก็ค่อนข้างแน่ใจว่า หนังสือพิมพ์ใน 2 ประเทศนี้คงจะไม่ลงข่าวหรือความเห็นที่เหมือนกับ BBC และ CNN ไปซะทุกอย่าง
ถ้าท่านผู้อ่านต้องการความหลากหลายของ news หรือ view ในสถานการณ์ของโลก ผมขอแนะนำให้ท่านอ่านหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ในประเทศนั้นๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่อาจจะไม่ค่อยถูกกับตะวันตก อาจจะช่วยให้เราได้ข้อมูลและแง่มุมการมองโลกที่ต่างออกไป และจริง ๆ แล้ว เราบอกว่าอินเตอร์เน็ตทำให้เรารู้ข่าวสารความเป็นไปของโลกได้อย่างรวดเร็วและสะดวก แต่ข่าวที่เราได้รับมันจริงแค่ไหน อาจจะเป็นว่า มีความจริงใน “ความเท็จ” และมีความเท็จใน “ความจริง” หรือ จริงแต่ไม่ครบ ครบแต่ไม่จริง ฯลฯ เรื่องนี้ทำให้ผมคิดไปถึงภาษิตไทยซึ่งมีอยู่ 2 ภาษิตที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก ๆ คือ
1.ให้ฟังหูไว้หู
2.อย่าฟังความข้างเดียว
มันกลายเป็นว่า ประเทศไทยรับข่าวสารจากสำนักข่าวตะวันตกเท่านั้น ถ้ามีคู่ความที่อยู่ตรงกันข้ามเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังความจากเขา และการฟังหูไว้หูนี้ หูอีกข้างหนึ่งที่เรา “ไว้หู” นี้ เมื่อรออยู่ตั้งนานก็ยังไม่มีใครมาพูดให้ฟัง (คือเราไม่มีโอกาสฟังข่าวจากประเทศเหล่านั้น) เราก็อาจจะ “เลิกไว้หู” เพราะไว้แล้วมันเหนื่อย ก็เลยฟังข่าวจากฝ่ายเดียวทั้ง 2 หูนั่นแหละ คือ “ฟังความข้างเดียวทั้ง 2 หู”
เรื่องราวการขัดแย้งระหว่างประเทศเป็นเช่นใด การขัดแย้งในประเทศของเราเองก็อาจจะเป็นเช่นนั้น
สำหรับข่าวต่างประเทศ แหล่งข่าวที่ท่านสามารถเข้าไปอ่านเพื่อ “ฟังความ 2 ข้างทั้ง 2 หู” มีอยู่ข้างล่างนี้ครับ
http://english.aljazeera.net/ (อาหรับ)
http://english.pravda.ru/ (รัสเซีย)
http://www.itar-tass.com/eng/ (รัสเซีย)
http://www.xinhuanet.com/english/ (จีน)
http://www.iran-daily.com/ (อิหร่าน)
http://www.irna.ir/En/ (อิหร่าน)
http://www.kcna.co.jp/index-e.htm (เกาหลีเหนือ)
และเว็บข้างล่างนี้ก็มีหนังสือพิมพ์ของทุกประเทศให้เลืกอ่านครับ
http://www.refdesk.com/paper.html
http://www.world-newspapers.com/
http://www.thepaperboy.com/
http://www.onlinenewspapers.com/
http://www.newspapers.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
เรื่องประธานาธิบดีโอบามา รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ ที่กรุงออสโลประเทศสวีเดน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม 2552 เป็นข่าวดังไปทั่วโลก
อ่านข่าว
ภาษาอังกฤษ คลิก
ภาษาไทย คลิก
อ่านสุนทรพจน์รับรางวัล
ภาษาอังกฤษ คลิก
ภาษาอังกฤษ ดับเบิ้ลคลิกจะแสดงคำแปลเป็นภาษาไทย คลิก
ผมเองอ่านสุนทรพจน์ของโอบามาแล้ว ฟังดูก็เพราะดี
ท่านผู้อ่านครับ ผมคิดว่าข่าวต่างประเทศที่คนไทยจำนวนไม่น้อยรับมากที่สุดก็น่าจะมาจาก 2 แห่งใหญ่ คือ BBC และ CNN เรื่องนี้ทำให้คิดไปถึงสมัยที่ผมไปรับการอบรมที่อินเดียและเยอรมนี ช่วงนั้นผมอ่านหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่เป็นภาษาอังกฤษแทบทุกวัน แล้วก็ได้เห็นชัดเจนว่า ทั้งเนื้อข่าวและความเห็นที่ผมได้อ่าน มันต่างจากที่ผมเคยอ่านพบใน BBC และ CNN ค่อนข้างมาก ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้หมายความว่า BBC และ CNN ลงข่าวเป็นเท็จ แต่ผมเข้าใจว่า นักข่าวหรือบรรณาธิการข่าวไม่ว่าที่ไหนในโลก ก็คงจะมีอคติกันทุกคน ซึ่งอาจจะเป็นอคติโดยไม่ตั้งใจก็ได้ ที่อาจจะเกิดจาก ความรัก ความชัง ความหลง อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่าง ในสุนทรพจน์ของโอบามามีการกล่าวถึงประเทศอิหร่านและพม่า และผมก็ค่อนข้างแน่ใจว่า หนังสือพิมพ์ใน 2 ประเทศนี้คงจะไม่ลงข่าวหรือความเห็นที่เหมือนกับ BBC และ CNN ไปซะทุกอย่าง
ถ้าท่านผู้อ่านต้องการความหลากหลายของ news หรือ view ในสถานการณ์ของโลก ผมขอแนะนำให้ท่านอ่านหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ในประเทศนั้นๆด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่อาจจะไม่ค่อยถูกกับตะวันตก อาจจะช่วยให้เราได้ข้อมูลและแง่มุมการมองโลกที่ต่างออกไป และจริง ๆ แล้ว เราบอกว่าอินเตอร์เน็ตทำให้เรารู้ข่าวสารความเป็นไปของโลกได้อย่างรวดเร็วและสะดวก แต่ข่าวที่เราได้รับมันจริงแค่ไหน อาจจะเป็นว่า มีความจริงใน “ความเท็จ” และมีความเท็จใน “ความจริง” หรือ จริงแต่ไม่ครบ ครบแต่ไม่จริง ฯลฯ เรื่องนี้ทำให้ผมคิดไปถึงภาษิตไทยซึ่งมีอยู่ 2 ภาษิตที่ผมเห็นว่ามีประโยชน์มาก ๆ คือ
1.ให้ฟังหูไว้หู
2.อย่าฟังความข้างเดียว
มันกลายเป็นว่า ประเทศไทยรับข่าวสารจากสำนักข่าวตะวันตกเท่านั้น ถ้ามีคู่ความที่อยู่ตรงกันข้ามเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังความจากเขา และการฟังหูไว้หูนี้ หูอีกข้างหนึ่งที่เรา “ไว้หู” นี้ เมื่อรออยู่ตั้งนานก็ยังไม่มีใครมาพูดให้ฟัง (คือเราไม่มีโอกาสฟังข่าวจากประเทศเหล่านั้น) เราก็อาจจะ “เลิกไว้หู” เพราะไว้แล้วมันเหนื่อย ก็เลยฟังข่าวจากฝ่ายเดียวทั้ง 2 หูนั่นแหละ คือ “ฟังความข้างเดียวทั้ง 2 หู”
เรื่องราวการขัดแย้งระหว่างประเทศเป็นเช่นใด การขัดแย้งในประเทศของเราเองก็อาจจะเป็นเช่นนั้น
สำหรับข่าวต่างประเทศ แหล่งข่าวที่ท่านสามารถเข้าไปอ่านเพื่อ “ฟังความ 2 ข้างทั้ง 2 หู” มีอยู่ข้างล่างนี้ครับ
http://english.aljazeera.net/ (อาหรับ)
http://english.pravda.ru/ (รัสเซีย)
http://www.itar-tass.com/eng/ (รัสเซีย)
http://www.xinhuanet.com/english/ (จีน)
http://www.iran-daily.com/ (อิหร่าน)
http://www.irna.ir/En/ (อิหร่าน)
http://www.kcna.co.jp/index-e.htm (เกาหลีเหนือ)
และเว็บข้างล่างนี้ก็มีหนังสือพิมพ์ของทุกประเทศให้เลืกอ่านครับ
http://www.refdesk.com/paper.html
http://www.world-newspapers.com/
http://www.thepaperboy.com/
http://www.onlinenewspapers.com/
http://www.newspapers.com/
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com