สวัสดีครับ
ผมไม่แน่ใจว่าที่อื่นเขามีหรือเปล่า
แต่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขามีเว็บไซต์ไม่หวังผลกำไร ชื่อ StoryCorps กิจกรรมหลักของที่นี่คือสัมภาษณ์และบันทึกเสียงเรื่องราวของสามัญชน
โดยเริ่มทำมาตั้งแต่ปี 2003 จนถึงปัจจุบัน
มีไฟล์เสียงสัมภาษณ์กว่า 40,000 ครั้ง ๆ ละ 2 – 3 นาที และมีผู้ร่วมในการสัมภาษณ์กว่า 80,000 คน
เนื้อหาที่สัมภาษณ์จึงเป็นการบันทึกเรื่องราวชีวิตที่หลากหลาย อันสะท้อนถึงชีวิต ความรู้สึก ความผูกพัน วัฒนธรรม ฯลฯ แต่ละเมื่อสัมภาษณ์จบ StoryCorps ก็จะเบิร์นเสียงสัมภาษณ์ลงแผ่น CD มอบให้ผู้ร่วมสัมภาษณ์ 1 แผ่นและเก็บไว้ที่ American Folklife Center ห้องสมุดรัฐสภาอเมริกันอีก 1 แผ่น จนอาจจะกลายเป็นห้องสมุดประวัติศาสตร์เสียงบอกเล่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศนี้
เนื้อหาที่สัมภาษณ์จึงเป็นการบันทึกเรื่องราวชีวิตที่หลากหลาย อันสะท้อนถึงชีวิต ความรู้สึก ความผูกพัน วัฒนธรรม ฯลฯ แต่ละเมื่อสัมภาษณ์จบ StoryCorps ก็จะเบิร์นเสียงสัมภาษณ์ลงแผ่น CD มอบให้ผู้ร่วมสัมภาษณ์ 1 แผ่นและเก็บไว้ที่ American Folklife Center ห้องสมุดรัฐสภาอเมริกันอีก 1 แผ่น จนอาจจะกลายเป็นห้องสมุดประวัติศาสตร์เสียงบอกเล่าที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศนี้
เว็บไซต์ของ StoryCorps คือ http://storycorps.org/
เมื่อเข้าไปแล้วให้คลิกที่
Listen
to stories
ที่คอลัมน์ซ้ายมือ
จะปรากฏเรื่องที่กลางหน้าให้ท่านคลิกฟัง
-โดยที่แต่ละเรื่องนั้นขอให้ท่านคลิก Read
more… (ถ้ามีปุ่มนี้) หรือคลิกตัวเน้นดำที่เป็นโค๊ตคำพูดเด่นของเรื่อง
-คลิก LISTEN เพื่อฟัง (ถ้าต้องการดาวน์โหลดฟล์ mp3
ให้คลิกขวาที่ LISTEN และคลิกซ้าย Save
link as…)
-คลิก TRANSCRIPT ที่คอลัมน์ขวามือเพื่ออ่านบทสัมภาษณ์
(เพื่อการฝึก listening skill ผมขอแนะนำให้ฟังหลาย ๆ เที่ยวก่อน, และค่อยมาอ่านทำความเข้าใจ transcript,
และกลับไปฟังโดยไม่ต้องอ่านตาม, ท้ายที่สุด ค่อยอ่านตามขณะที่ฟัง)
(Note:เรื่องเก่า ๆ อาจจะไม่มี transcript ให้อ่าน)
เมื่อต้องการฟังเรื่องอื่น
ๆ ทำได้ 2 วิธี
1.คลิก MORE STORIES ที่มุมบนของคอลัมน์ขวามือ
2.ในช่องใต้ BROWSE
BY CATEGORY ให้คลิกประเภทของเรื่องที่ต้องการฟัง
มีอีก 1 ลิงค์ที่ท่านสามารถฟังและอ่านบทสัมภาษณ์ของ StoryCorps
คำวิจารณ์ของผมต่อเว็บนี้ก็คือ
StoryCorps
เป็นแหล่งที่ดีสำหรับการฝึก listening
skill โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำเนียงอเมริกันที่เป็นธรรมชาติ
ที่บอกว่าเป็นธรรมชาติก็เพราะว่า
ทั้งบทพูดและสำเนียงเขาไม่ได้เตรียมทำให้มันง่ายสำหรับคนที่จะศึกษาภาษาอังกฤษ
เขาพูดตามปกติอย่างไร ตอนให้สัมภาษณ์เขาก็พูดอย่างนั้น
อีกอย่างหนึ่งที่เห็นชัดก็คือ
นี่น่าจะเป็นลักษณะของสังคมตะวันตกโดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกัน
ที่ผู้คนพยายามหาสถานที่บันทึกความมีตัวตนของเขาไว้ในประวัติศาสตร์ voice
data เหล่านี้นอกจากสนองตอบต่อความรู้สึกของปัจเจกบุคคลแล้ว
ยังเป็นแหล่งที่ใครก็ได้สามารถเข้าไปศึกษาจิตวิทยามวลชนในยุคสมัยหนึ่ง ๆ
ได้เป็นอย่างดี
ผมไม่แน่ใจว่า ถ้าทำproject อย่างนี้ในเมืองไทยจะมีผู้สนับสนุนมากน้อยแค่ไหน
ยิ่งถ้าสัมภาษณ์แล้วเปิดโอกาสให้คนเข้าไปฟังได้ ถ้ามีคนไม่พอใจ
หรือไม่เห็นด้วยกับเสียงที่บันทึกไว้ จะกลายเป็นประเด็นให้ขัดแย้งไม่สิ้นสุดหรือเปล่า
พิพัฒน์
ไม่เบียดเบียน-มุ่งแบ่งปัน-มั่นเบิกบาน
ขอบคุณมากๆ ครับ ผมชอบที่ npr.org มากๆ ครับ เยี่ยมจริงๆ
ตอบลบถ้าเมืองไทยมีผมว่าคงไม่ค่อยมีคนมาพูดนะ บ้านเรามักไม่ค่อยพูดถึงเรื่องของตัวเองมาก (จะหาว่าโม้)
แต่ถ้าเป็นเรื่องของคนอื่นพูดได้เป็นวันๆ ฮ่าๆ (ขำๆ นะครับ)