สวัสดีครับ
วันนี้ผมขอคุยอะไรที่ไม่เกี่ยวกับภาษาอังกฤษสักเรื่องนะครับ คือจะคุยเรื่อง “ความสุข”
ดู ๆ ไปแล้ว เรื่องความสุขนี่เป็นเรื่องที่ทุกคนในโลกนี้สนใจ ผมลองให้ Google หาว่า ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีคนเขียนข้อความลงเน็ต โดยใช้คำว่า happiness เป็นชื่อเรื่อง มีทั้งหมดกี่ข้อความ คำตอบที่ได้คือ 163,000 ข้อความ คลิก
ถ้าพูดถึงคำบอกเล่าหรือคำแนะนำ ก็มีคนพูดอยู่เสมอเกี่ยวกับวิธีการได้มาซึ่งความสุข ซึ่งบ่อยครั้งก็พูดไม่ตรงกัน มันไม่ง่ายเหมือนกับถามว่า จะเดินทางจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ต้องทำอย่างไร คำถามนี้ตอบง่าย แต่ถ้าถามว่า จะเดินทางไปให้ถึงความสุขต้องทำอย่างไร คำถามนี้ตอบยากมากครับ เพราะหลายคนก็เห็นไม่ตรงกันว่า ความสุขอยู่ที่ไหน และแม้บางคนอาจจะเห็นตรงกันเรื่องสถานที่ของความสุข ก็ยังอาจจะเถียงกันอยู่นั่นเองว่า ควรจะเดินทางไปให้ถึงความสุขได้อย่างไร
ในบรรยากาศของเมืองพุทธเช่นเมืองไทยนี้ ผมเชื่อว่าหลายท่านคงจะได้ยินคำแนะนำเรื่องความสุขแบบพุทธมาบ้างไม่มากก็น้อย เช่น ต้องมีสติในการใช้ชีวิต ต้องทำบุญเยอะ ๆ อย่าทำบาป ต้องขยันทำมาหากิน ต้องคิดในเชิงบวก ต้องมี positive thinking ฯลฯ และอื่น ๆ ในทำนองนี้ซึ่งอาจจะใช้ wording ที่ต่างไปจากนี้บ้าง
คำสอนเหล่านี้ไม่ผิดครับ แต่ก็อาจจะไม่มีประโยชน์สำหรับเรา คือเราอาจจะไม่เก็บมาคิด หรือไม่เก็บมาทำตาม เพราะคำแนะนำหรือคำสอนที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนใดคนหนึ่ง จะต้องทั้งถูกต้องและถูกใจคน ๆ นั้น ถ้าถูกต้องแต่ไม่ถูกใจก็มักไม่สนใจ นี่เป็นเรื่องธรรมดาครับ
ประโยชน์อย่างยิ่งของอินเทอร์เน็ตก็คือ เราสามารถเข้าไปหาสิ่งที่เราสนใจได้อย่างมากมาย ยกตัวอย่างเรื่องความสุขที่เรากำลังพูดถึงนี้ เพียงเราให้ Google หาบทความที่มีคำว่า ความสุข หรือ happiness เป็นชื่อเรื่อง ก็จะมีให้เราได้อ่านทันทีมากมายมหาศาล ลองคลิกดูก็ได้ครับ
ความสุข - Happiness
ในบล็อกนี้ ผมเคยพูดเกี่ยวกับเรื่องความสุขไว้อยู่บ้าง คลิก
แต่เรื่องที่ผมอยากจะคุยกับท่านผู้อ่านในวันนี้เป็นพิเศษก็คือว่า เมื่อเราศึกษางานเขียนของฝรั่งเกี่ยวกับเรื่องความสุข เรารู้สึกเลยว่า สิ่งที่เขาเขียนกับสิ่งที่พระไทยเทศน์ มีบางอย่างที่ต่างกัน เช่น
1.งานเขียนของฝรั่งจำนวนไม่น้อยมีพื้นฐานอยู่บนหลักวิชาจิตวิทยาและการเก็บข้อมูลในลักษณะงานวิจัย ฝรั่งผู้เขียนไม่จำเป็นต้องเป็นผู้รู้แจ้ง หรือไม่จำเป็นต้องเป็นคนที่มีความสุขด้วยซ้ำไป แต่เรื่องที่เขาเขียนมาจากข้อเท็จจริง หรือ fact ซึ่งเมื่อเราอ่านแล้วอาจได้รับประโยชน์
2.เราต้องยอมรับว่า การศึกษาที่เจริญแล้วของฝรั่งมีกระบวนการคิด การจัดการ การหาข้อมูล การทดสอบ การสรุป ฯลฯ ที่เป็นระบบ เขาใช้วิธีการเช่นนี้ในการพัฒนาเทคโนโลยีทางวัตถุ และก็ใช้ในเรื่องจิตใจด้วย และเมื่อพูดถึงความสุข ในขณะที่พระไทยอาจจะเน้นเรื่องการทำใจ แต่ฝรั่งหลายคนมีคำแนะนำในการปฏิบัติทางกาย มีการยกตัวอย่างที่เห็นจริงเห็นจัง ร่วมสมัย และเอาไปทดลองทำตามได้
ผมว่าคำแนะนำของหนังสือฝรั่งหลายเล่ม หลายครั้งในเรื่องจิตใจแม้จะอธิบายเข้าท่าแต่ก็ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรนักหนา แต่ส่วนที่น่าสนใจก็คือ เขามีการยกตัวอย่างจากของจริง จากคนจริง ๆ ซึ่งน่าสนใจและชวนให้ถูกใจ เพราะอ่านแล้วหยิบเอาไปใช้ได้ทันที
ที่เว็บ Reader’s Digest http://www.rd.com/
มีบทความเรื่องความสุขในทำนองนี้อยู่มากพอสมควร ท่านลองคลิกดูที่ 2 ลิงค์นี้ก่อนก็ได้ครับ
ลิงค์ที่ 1
ลิงค์ที่ 2
และมีบทความอยู่เรื่องหนึ่ง คือ
20 Simple Ways to Get Happy
โดยเขาบอกว่าเป็นวิธีที่ Take control of your mood and improve your health. และ 20 วิธีที่เขาแนะนำ คือ
State of Mind
1. Practice mindfulness.
2. Laugh out loud.
3. Go to sleep.
4. Hum along.
5. Declutter.
Block and Focus
6. Just say no.
7. Make a list.
8. Do one thing at a time.
9. Garden.
10. Tune out the news.
11. Take a dog for a walk.
12. Scent the air.
13. Ignore the stock market.
14. Visit a quiet place.
15. Volunteer.
16. Spend time alone.
17. Walk mindfully.
18. Give priority to close relationships.
19. Take care of the soul.
20. Count your blessings.
ผมเองอ่านจบแล้วและรู้สึกว่า คำแนะนำบางข้อดีและอาจจะถูกใจท่านผู้อ่าน และเอาไปปฏิบัติได้ จึงขอนำมาฝาก
เชิญครับ
ลิงค์ที่ 1 อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ
ลิงค์ที่ 2 อ่านต้นฉบับภาษาอังกฤษ ที่ดับเบิ้ลคลิกคำศัพท์ จะแสดงคำแปลเป็นภาษาไทย
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ถูกใจมากเลยครับคุณพิพัฒน์ กำลังหาเวบพวกนี้อยู่
ตอบลบเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตนะ บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเรากำลังหาอะไรอยู่ แต่ที่แน่ ๆ เราทุกคนชอบความสุขกันทั้งนั้น วิธีการหาความสุขมียิ่งเยอะยิ่งดี ดีกว่าหาความทุกข์มาใส่ตน
ขอบคุณอีกครั้งหนึ่งครับ