สวัสดีครับ
ที่ลิงค์นี้ http://www.eltnews.com/features/fun_english/
เขานำบทสนทนาทางโทรศัพท์ระหว่าง room service (พนักงานบริการผู้เข้าพัก) และ guest (แขกที่เข้าพัก) ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในทวีปเอเชียมาให้อ่าน
ขอยอมรับอย่างตรงไปตรงมาเลยครับ อ่านแล้วผมขำแทบกลิ้งและแทบไม่รู้เลยว่า room service ในโรงแรมแห่งนี้เขาพูดอะไร ส่วนแขกก็มีความอดทนดีจังเลย
ท่านลองอ่านดูก่อนแล้วกันครับ
Room Service (RS): "Morrin. Roon sirbees."
Guest (G): "Sorry, I thought I dialed room-service."
RS: "Rye..Roon sirbees..morrin! Jewish to oddor sunteen??"
G:"Uh..yes..I'd like some bacon and eggs."
RS: "Ow July den?"
G:"What??"
RS: "Ow July den?...pryed, boyud, poochd?"
G:"Oh, the eggs! How do I like them? Sorry, scrambled please."
RS: "Ow July dee baykem? Crease?"
G:"Crisp will be fine."
RS: "Hokay. An Sahn toes?"
G:"What?"
RS: "An toes. July Sahn toes?"
G:"I don't think so."
RS: "No? Judo wan sahn toes??"
G:"I feel really bad about this, but I don't know what 'judo wan sahn toes' means."
RS: "Toes! toes!...Why jew don juan toes? Ow bow Anglish moppin we bodder?"
G:"English muffin!! I've got it! You were saying 'Toast.' Fine. Yes, an English muffin will be fine."
RS: "We bodder?"
G:"No...just put the bodder on the side."
RS: "Wad?"
G:"I mean butter...just put it on the side."
RS: "Copy?"
G:"Excuse me?"
RS: "Copy...tea...meel?"
G:"Yes. Coffee, please, and that's all."
RS: "One Minnie. Scramah egg, crease baykem, Anglish moppin we bodder on sigh and copy....rye??"
G:"Whatever you say."
RS: "Tenjewberrymuds."
G:"You're very welcome."
*********
โชคดี คุณ Wink เพื่อนผมช่วยแปลให้ เชิญท่านอ่านดูอีกครั้ง ข้างล่างนี้ครับ
Room Service (RS): "Morrin. Roon sirbees."
(Morning. Room Service.)
Guest (G): "Sorry, I thought I dialed room-service."
RS: "Rye..Roon sirbees..morrin! Jewish to oddor sunteen??"
(Right, Room service. You wish to order something?)
G:"Uh..yes..I'd like some bacon and eggs."
RS: "Ow July den?"
(How'd you like them?)
G:"What??"
RS: "Ow July den?...pryed, boyud, poochd?"
(How'd you like them? Fried? Boiled? Poached?)
G:"Oh, the eggs! How do I like them? Sorry, scrambled please."
RS: "Ow July dee baykem? Crease?"
(How'd you like the beacon? Crisp?)
G:"Crisp will be fine."
RS: "Hokay. An Sahn toes?"
(Ok. And some toast?)
G:"What?"
RS: "An toes. July Sahn toes?"
(And toast. Would you like some toast?)
G:"I don't think so."
RS: "No? Judo wan sahn toes??"
(No? You don't want some toast?)
G:"I feel really bad about this, but I don't know what 'judo wan sahn toes' means."
RS: "Toes! toes!...Why jew don juan toes? Ow bow Anglish moppin we bodder?"
(Toast Toast! Why you don't want toast? How about English muffins with butter?)
G:"English muffin!! I've got it! You were saying 'Toast.' Fine. Yes, an English muffin will be fine."
RS: "We bodder?"
(With butter?)
G:"No...just put the bodder on the side."
RS: "Wad?"
(What?)
G:"I mean butter...just put it on the side."
RS: "Copy?"
(Coffee?)
G:"Excuse me?"
RS: "Copy...tea...meel?"
(Coffee, tea, milk?)
G:"Yes. Coffee, please, and that's all."
RS: "One Minnie. Scramah egg, crease baykem, Anglish moppin we bodder on sigh and copy....rye??"
(One minute. Scramble egg, crips beacon, English muffin with butter on side and coffee... right??)
G:"Whatever you say."
RS: "Tenjewberrymuds."
(Thank you very much.)
G:"You're very welcome."
ท่านผู้อ่านครับ ที่ผมเอาเรื่องนี้มาให้อ่านไม่ใช่เพราะว่า จะให้ท่านช่วยกัน "ขำซ้ำเติม" room service คนนี้ที่พูดภาษาอังกฤษฟังไม่รู้เรื่อง ไม่ใช่เลยครับ ไม่ใช่ตั้งใจอย่างนั้นเลย คือเรื่องมันขำก็แค่ขำ แต่ไม่ได้ซ้ำเติมใคร
แต่เรื่องของเรื่องก็คือว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่อาจจะไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษเพราะกลัวถูกคนอื่นหัวเราะ ก็เลยไม่ได้ฝึกพูดซะที ไม่ได้ฝึกก็เลยไม่ได้พัฒนา ไม่ได้แก้ไข แต่ผมเชื่อว่าต่อให้พูดครั้งแรกแย่ขนาดไหนก็ตาม ถ้าฝึกพูดไปเรื่อย ๆ ก็จะพูดได้ดีขึ้น แต่ที่น่าเสียดายก็คือ เราอาจจะไม่ได้เน้นแง่มุมที่จะให้กำลังใจ แต่กลับเอาเรื่องขำมาพูดเล่นจนทอนกำลังใจของคนฝึกพูดที่ไม่ "หน้าด้าน" และแม้แต่คำว่า "หน้าด้าน" ที่เราเอามาพูดเล่น ๆ นี้ก็น่าจะใช้คำอื่นที่สร้างสรรค์มากกว่า เช่น เขาเป็นตัวของตัวเอง สร้างกำลังใจให้ตัวเอง และพัฒนาตัวเองอย่างน่าชื่นชม จาก ได้พูด เป็นพูดได้ พูดเป็น และพูดเก่ง
มีฝรั่งคนหนึ่งได้เมียไทยและอยู่เมืองไทยมานาน วันหนึ่งเดินเข้าไปซื้อของชิ้นหนึ่งที่ร้านห้องแถวในซอย เมื่อหยิบของมาได้แล้วก็ถามคนขายซึ่งเป็นหญิงชราชาวจีน (ซิ้ม)ว่า
ฝรั่ง: ฮาวเม้นนี่ ยี่เจ้ย เฮ้ยเท่าไหร่
ซิ้ม: สางสิกห้า ซาจั๊บโหงว เซอตี้ไฟ้
ฝรั่ง: ฮ่วย! แพงเกินไป ไอไม่เอา
ซิ้ม:เชิงยู เก๊กเอ้าต์ออกไปล่าย ไอล้งแค
เรื่องนี้ น่าจะเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาตลกเล่น ๆ แต่ประเด็นแง่คิดที่ได้ซึ่งผมอยากจะบอกก็คือ เรื่องการฝึกพูดภาษาอังกฤษนี่นะครับ อย่าไปซีเรียสอะไรมากเลย และไม่ต้องไปอายใครหรอกครับถ้าพูดผิด, ฝึกฟัง ฝึกพูด ผิด ๆ ถูก ๆ ไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้นมาเองแหละครับ และที่สำคัญที่สุดก็คือ หลายต่อหลายครั้ง ต่อให้พูดสำเนียงผิด ๆ ถูก ๆ ก็ยังสื่อสารกันรู้เรื่อง แต่ถ้าฝึกพูดไปเรื่อยๆ มันก็จะถูกต้องมากขึ้นทั้งเนื้อหาที่สื่อสาร และสำเนียงที่สื่อสาร
ในภาษาไทย ถ (ถูก) มาก่อน ผ (ผิด) และในภาษาอังกฤษ r (right) มาก่อน w (wrong) แต่ถ้าท่านจะฝึกพูดภาษาอังกฤษ ท่านต้องยอมครับ คือยอมผิดก่อนถ้ามันจะต้องพูดผิดบ้าง และก็ฝึกพูดใหม่ให้มันถูก, ยอม wrong ก่อนที่จะ right
คนไทยหลายคนพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ทั้ง ๆ ที่อยากจะพูดได้ก็เพราะเหตุนี้ น่าเสียดายนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ลงท้ายบทความได้ประทับใจจริงๆครับ
ตอบลบชอบมากเลยค่ะ
ตอบลบเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจที่ทำให้มีแรงมุมานะจะเรียนภาษาอังกฤษ
ชอบเวบไซต์นี้มากๆเลย ดูเป็นกันเองดีด้วย
น่ารักมากๆ ^^