สวัสดีครับ
จากประสบการณ์ของผมที่มีโอกาสพูดภาษาอังกฤษอยู่บ้างนิดหน่อย หรือไม่ก็ได้สังเกตคนอื่นพูดภาษาอังกฤษ ผมรู้สึกว่าคนจะพูดภาษาอังกฤษต้องทำได้อย่างน้อย 3 อย่าง คือ
1.พูดได้ (จะพูดได้อย่างลื่นไหลหรืออย่างถูไถ ก็ถือว่าพูดได้แล้วกันครับ)
2.มีเรื่องพูด (คือบางทีมันก็หาเรื่องพูดไม่ได้ หรือ ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรนั่นแหละครับ)
3.พูดรู้เรื่อง (คือพูดให้คนฟังรู้อย่างที่เรารู้, อย่ามีความภูมิใจที่สามารถทำให้คนฟังงง)
แต่ทั้งหลาย-ทั้งหมด-ทั้งสิ้น-ทั้งปวง-ทั้งมวล นี้ ก็ไม่ใช่เรื่อง serious คอขาดบาดตายอะไรหรอกครับ เพราะว่า
1.ถ้าได้ฝึกพูด ก็จะพูดได้ตามที่ฝึก
2.ถ้าแสวงหาและสะสมเรื่องไว้พูด ก็จะมีเรื่องพูด
3.ถ้าคิดเรียงลำดับคำพูดไว้ในหัวได้รู้เรื่อง ก็จะพูดออกมาทางปากตามลำดับอย่างรู้เรื่อง
ก็อย่างที่เขาว่าไว้แหละครับ practice makes perfect
วันนี้ผมขอพูดเรื่อง การแสวงหาและสะสมเรื่องไว้พูด ซึ่งจะทำให้เรามีเรื่องพูด เมื่อถึงเวลาจะพูด
ว่าไปแล้ว เรื่องที่เราจะสะสมไว้พูดนี้ เราก็ต้องสะสมไว้ทีละหน่อย และก็น่าจะเป็นเรื่องที่มีเนื้อหากลาง ๆ ที่คนทั่วไปสนใจจะฟังหรือสามารถร่วมพูดด้วยได้โดยไม่ยาก
ตามประสบการณ์ของผมที่ได้พูดคุยกับคนต่างชาติ ถ้าไม่นับเรื่องงานที่เมื่อเจอกันก็พูดอย่างเป็นทางการ เรื่องอื่น ๆ ที่สามารถหยิบขึ้นมาพูดได้ ก็มีดังต่อไปนี้ครับ
1.ถามสารทุกข์สุกดิบเกี่ยวกับประเทศของเขา
แต่ก็น่าจะถามแบบทั่ว ๆ ไป อย่าถามล้วงอย่างคนรู้ลึกมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการเมือง เพราะเราไม่รู้ว่าใครชอบใคร อาจจะทำให้ขัดใจโดยไม่จำเป็น เราสามารถเตรียมเรื่องพูดทำนองนี้ โดย
-ไปที่ http://news.google.com/ ,
-คลิก Advanced news search ,
-พิมพ์ชื่อประเทศของเขาลงไปในช่อง with all of the words,
-ตรงบรรทัด Return articles added to Google News คลิกเลือก past week หรือ past month, คลิก Search
ก็จะได้อ่านเหตุการณ์สด ๆ ใหม่ ๆ ในประเทศของเขาที่สามารถยกขึ้นมาคุยได้
สำหรับข้อมูลพื้นฐานของแต่ละประเทศหาได้ที่นี่ครับ
เป็นภาษาไทย จากเว็บไซต์กระทรวงการต่างประเทศ
- ทวีปเอเชีย
- ทวีปแอฟริกา
- ทวีปอเมริกาเหนือ
- ทวีปอเมริกาใต้
- ทวีปยุโรป
- ทวีปออสเตรเลีย
เป็นภาษาอังกฤษ จากเว็บไซต์ en.wikipedia.org คลิก
2.สะสมเรื่องที่สามารถยกขึ้นมาคุยได้ในทุกหรือหลายสถานการณ์
เรื่องนี้ผมถามตัวเองว่า มันมีเรื่องอะไรบ้างนะที่คนทั่วไปในโลกนี้ชอบพูด หรือชอบฟังมากที่สุด ถ้าจะให้ได้คำตอบอย่างเป็นวิชาการผมคงต้องไปค้นคว้ามากทีเดียว แต่ถ้าอนุญาตให้ผมเดา ผมก็ขอเดาตามข้อสังเกตว่า มีหนังสืออยู่ 2 ฉบับที่ขายดีติดอันดับโลกติดต่อกันมาหลายปีแล้ว คือ
1) Reader's Digest เป็นนิตยสารรายเดือนที่มียอดขายถึง 17 ล้านเล่มทั่วโลก
คลิกเว็บไซต์ของ Reader’s Digest http://www.rd.com/
2) http://www.guinnessworldrecords.com/ นอกจากติดอันดับหนังสือ best seller ขายดีตลอดกาลแล้ว ยังเป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ถูกขโมยมากที่สุดจากห้องสมุดสาธารณะในประเทศสหรัฐอเมริกา [คลิกอ่านเพิ่ม]
สำหรับ Reader’s Digest นั้น ผมคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ Guinness World Records (ชื่อเดิม The Guinness Book of Records หรือ The Guinness Book of World Records) ผมคุ้นเคยไม่มาก แต่อย่างหนึ่งที่สามารถพูดได้อย่างแน่ใจก็คือ การได้อ่านและสะสมข้อมูลจากหนังสือ 2 เล่มนี้ จะทำให้เรามีเรื่องพูดมากมาย จะไม่ค่อยติดขัดว่า หาเรื่องพูดไมได้ หรือ ไม่รู้จะพูดเรื่องอะไร
ถ้าจะให้เหตุผลง่าย ๆ ก็น่าจะเป็นเพราะว่า
-สำหรับ Reader’s Digest: เขานำเรื่องที่น่าสนใจ มาสรุปเล่า หรือย่อยให้ผู้อ่านได้อ่าน (=Reader’s Digest) ได้อย่างน่าสนใจ ท่านเคยสังเกตไหมครับ เรามักจะชอบฟังเรื่องที่น่าสนใจแต่คนเล่าก็ต้องเล่าได้อย่างน่าสนใจด้วย การได้อ่าน Reader’s Digest บ่อย ๆ ก็จะช่วยให้เรามีคุณสมบัติที่จะเป็นนักเล่าซึ่งมีคนชอบฟัง ไม่ใช่ทนฟัง
ผมเคยแนะนำ Reader’s Digest ไว้บ้างแล้วที่หัวข้อนี้
[79] นิตยสารที่มีคนอ่านมากที่สุดในโลก
-สำหรับ Guinness World Records: นั้น ผมคิดว่ามันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่ต้องการทำสถิติ และรู้สถิติ และ Guinness World Records ก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งทีเดียวในการเก็บสถิติให้คนรู้ และกระตุ้นให้คนสร้างสถิติให้คนเก็บ คนเราชอบสร้างเรื่องเด่น ๆ แต่ถ้าสร้างเองไม่ได้ก็ขอรู้เรื่องเด่น ๆ ที่คนอื่นสร้าง นี่เป็นเรื่องธรรมดาครับ เพราะฉะนั้นการนำเรื่องธรรมดาที่ใคร ๆ ก็สนใจเอามาคุย ก็อาจจะช่วยทำให้การสนทนาที่ถูไถกลายเป็นลื่นไหลไปได้
เว็บ http://www.guinnessworldrecords.com/
เมื่อเข้าไปในเว็บแล้ว ลองคลิกที่ปุ่มเหล่านี้ครับ
-Search the Site
-human body
-amazing feats
-natural world
-science and technology
-arts and media
-modern society
-travel and transport
-sports and games
เสียดายอยู่หน่อยนึงครับ ที่เว็บของ Guinness World Records มีสถิติให้น้อยเกินไป ไม่เต็มตามที่ตีพิมพ์ในหนังสือ ผมจึงไปหาเว็บที่มีลักษณะคล้าย ๆ กันข้างล่างนี้ มาให้ท่านได้อ่านเป็นทางเลือก เชื่อว่าท่านคงจะชอบ และมีเรื่องให้เก็บเอาไปพูดได้
-http://www.nationalgeographic.com/
[http://video.nationalgeographic.com/video/]
-http://www.guinnessworldrecords.com/kids/
-http://www.toptenz.net/most-popular-top-ten-lists
สำหรับน้อง ๆ ที่รู้สึกว่า เว็บที่นำเอามาแนะนำในวันนี้อ่านยากเกินไป พี่ขอแนะนำขั้นต้นอย่างนี้นะ
1.เข้าไปหาให้เจอเนื้อเรื่องตามแบบที่เราชอบ เพราะถ้าเราชอบ เรื่องที่ยากมากก็จะกลายเป็นยากไม่มาก เรื่องที่เราอาจจะต้องทนอ่าน เราก็จะอ่านได้โดยไม่ต้องทน
2.อย่าออกแรงมาก แต่ก็ต้องออกแรงบ้าง เช่น แทนที่จะตั้งเป้าว่าต้องอ่านให้ได้วันละ 1 เรื่อง ก็อาจจะเอาแค่สัปดาห์ละ 1 เรื่อง เมื่อความคล่องและความชอบมีมากขึ้น ก็จะอ่านได้มากขึ้นเอง แต่การไม่ตั้งเป้าไว้ซะเลย ก็จะทำให้เราเฉื่อยไปหน่อย
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น