สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษ ประมาณ 50 เล่ม มาให้ท่านเลือกอ่าน ส่วนใหญ่เป็นข้อเขียนหรือคำเทศน์ของปราชญ์ต่างชาติ แต่หลายเล่มก็เป็นผลงานของปราชญ์ชาวไทยที่แปลเป็นภาษาอังกฤษ หรือภิกษุต่างชาติที่เคยมาบวชปฏิบัติธรรมกับพระสุปฏิบัติในเมืองไทยและกลับไปเผยแพร่ธรรมยังต่างประเทศ
การอ่านหนังสือธรรมะที่เป็นภาษาอังกฤษดีอย่างไร? ตามความเห็นของผมมีข้อดีอย่างน้อย 2 อย่างครับ
1. ในด้านการฝึกภาษาอังกฤษ – ภาษาธรรมะเป็นภาษาสุภาพ และแม้ว่าบางเล่มอาจจะอ่านยากสักหน่อย แต่หลายเล่มก็อ่านง่ายเพราะผู้เรียบเรียงพยายามพูดเพื่อให้คนฟังหรือคนอ่านเข้าใจได้ง่าย ๆ ความเรียงจากภาษาธรรมะจึงเป็นสิ่งที่สามารถจดจำถ้อยคำสำนวน การใช้ศัพท์ และการผูกประโยค เอาไปใช้พูดและเขียนได้ในการสนทนาเรื่องทั่ว ๆ ไปในชีวิตประจำวัน
2. ในด้านคติธรรมดำเนินชีวิต – แม้บางท่านอาจจะรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอ่านธรรมะภาษาอังกฤษให้ยากลำบาก เพราะธรรมะภาษาไทยก็มีให้อ่านมากมายอยู่แล้ว แต่กระนั้นก็ตาม ผมยังเห็นว่า การอ่านธรรมะภาษาอังกฤษทำให้เราได้รับบางสิ่งบางอย่างเพิ่มเติมจาการอ่านธรรมะภาษาไทย เช่น
-ถ้าปราชญ์ชาวพุทธท่านนั้นเป็นชาวคริสต์มาก่อน เราอาจจะได้แง่มุมการอธิบายธรรมะที่แปลกใหม่จากคนที่เคยนับถือคริสตศาสนามาก่อน และเป็นประโยชน์เพิ่มเติมจากที่ปราชญ์พุทธชาวไทยอธิบายธรรมะ หรือถ้าปราชญ์ชาวพุทธท่านนั้นเติบโตในวัฒนธรรมที่ต่างจากวัฒนธรรมไทยมาก ๆ เช่น วัฒนธรรมฮินดู วัฒนธรรมตะวันตก ฯลฯ เราอาจได้รับการแนะนำให้แก้ไขปัญหาหรือใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ในแง่มุมที่ใหม่สด และใช้ได้ผล และก็สอดคล้องกับพุทธพจน์อีกด้วย
- เราสามารถจดจำศัพท์ สำนวน และวิธีการอธิบายธรรมะ ไปแนะนำชาวต่างชาติให้เข้าใจพุทธศาสนา เพราะทักษะที่เราได้รับจากการอ่านหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษ
เอาละครับ ขอเชิญได้เลยครับ
ต้องการอ่านเล่มใดก็คลิกที่ชื่อเรื่องหรือหน้าปกเพื่อดาวน์โหลด
คลิก: ดูหน้าปกหนังสือ
คลิก: ดูชื่อหนังสือ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com
ช่วงนี้มีอะไรมาให้โหลด ให้อ่านเยอะจังเลยนะครับ
ตอบลบตอนนี้เปิดเทอมแล้วครับ ต้องเรียนหนักเลย แต่ผมก็พยายามหาเวลามาฝึกภาษาอังกฤษทุกวันครับ
แล้วไม่ทราบว่าช่วงนี้ ลุงพิพัฒน์เป็นอย่างไรบ้างครับ
Ddy
ตอบลบถ้าพอมีเวลา, มีของอยู่ใกล้มือ, และมีแรง ลุงก็อยากจะเอามาฝากเรื่อย ๆ เผื่อไว้ตอนที่ไม่มีเวลา ไม่มีโอกาส และไม่มีแรงทำ จะได้มีความสุขว่าตอนมีโอกาสทำก็ได้ทำแล้ว
ส่วนสุขภาพของลุงก็เรื่อย ๆ นะ ไม่แข็งแรงนัก ต้องพยายามดูแลตัวเอง
Ddy เล่าเรื่องของตัวเองให้ลุงฟังหน่อยซี เช่นตอนนี้เรียนอะไรอยู่นะ
ลุงพิพัฒน์
ตอนนี้ผมอยู่ปี3ครับ เรียนนิติศาสตร์อยู่มหาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่ที่จะตั้งใจเข้าแต่แรก แต่เนื่องจากมหาลัยที่ผมไปสอบตรง นั้นมีข้อสอบภาษาอังกฤษ ซึ่งสำหรับผมแล้วตอนนั้นมันยากมาก ผมเลยสอบไม่ผ่านต้องมาอยู่มหาลัยนี้
ตอบลบแต่นั้นมาเลยได้บทเรียนว่า ภาษาอังกฤษนั้นถ้ายิ่งเก่งไว้แต่เนิ่นๆจะดีกว่าตอนถึงเวลาจะต้องใช้ก็เรียนไม่ทันเสียแล้ว เหมือนที่คนส่วนใหญ่มักจะเป็นกัน ก็เลยฝึกภาษาอังกฤษมาเรื่อยๆนี่แหละครับ เป้าหมายตอนนี้คือการฟังกับพูดครับ
ขอให้ลุงพิพัฒน์แข็งแรงๆนะครับ