วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1528] อ่านคำคมสร้างแรงบันดาลใจ แปลอังกฤษเป็นไทย

หมายเหตุ:
ทางเว็บ www.learningpune.com ได้แนะนำลิงค์ที่สามารถอ่านคำคมทั้งหมดพร้อมคำแปล
http://learningpune.com/?page_id=3588
ขอบคุณมากครับ

พิพัฒน์


สวัสดีครับ
วันนี้ผมมีเว็บที่ให้อ่านถ้อยคำเสริมสร้างกำลังใจหรือแรงบันดาลใจ เป็นถ้อยคำภาษาอังกฤษสั้น ๆและมีคำแปลภาษาไทยเทียบ
แต่ก่อนจะแนะนำเว็บ ผมขออนุญาตพูดอะไรนิดนึงนะครับ
คือเท่าที่มองดู หนังสือที่เกี่ยวกับการเสริมสร้างกำลังใจหรือแรงบันดาลใจแปลจากอังกฤษเป็นไทย มีวางขายมากมายพอสมควรในเมืองไทย และบางเล่มก็ขายดี หนังสือพวกนี้โดยมากฝรั่งแต่ง ในอินเทอร์เน็ตก็มีให้หาอ่านได้ไม่น้อย
เช่นที่นี่

จะดูวีดิโอ ที่ YouTube ก็มีเยอะ

หนังสือและวีดิโอพวกนี้ เมื่อใครได้อ่านก็คงจะรู้สึกคล้าย ๆ กันคือ เกิดกำลังใจที่จะสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้น

เมื่อมองย้อนดูสังคมไทย ถ้าถามว่าคนไทยโดยทั่วไปทุกวันนี้ใช้ความพยายามมากขึ้นหรือเปล่าเพื่อทำให้ตัวเองพบความสำเร็จ คำตอบก็น่าจะเป็น “ใช่” เราไม่ได้เพียงแข่งขันกับคนไทยกันเองเท่านั้น แต่โลกไร้พรมแดนเช่นทุกวันนี้ทำให้เราต้องแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านและโลกทั้งโลก

นักเรียนต้องแข่งขันกันเข้ามหาวิทยาลัยดังให้ได้ – ข้าราชการหรือพนักงานบริษัทต้องแข่งขันกันเพื่อให้ได้ตำแหน่งสูงกว่าคนอื่น – นักธุรกิจ นักการเมือง ต้องแข่งขันกันทั้งนั้น

การ “แข่งขัน” ที่มากขึ้น ทำให้เราต้อง “ขยัน” มากขึ้น ทำให้เราต้อง “แก่งแย่ง

หรือนี่จะเป็นวิถีชีวิตปกติของมนุษย์ในโลกยุคโลกาภิวัตน์นี้ หรือก่อนหน้านี้ด้วย?

คำถามข้อที่ 1 ของผมก็คือ หนังสือพวก inspiration ที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจหรือแรงบันดาลใจ มันออกมาแล้วมีประโยชน์อะไรต่อผู้คนบ้าง มีประโยชน์อะไรต่อมนุษยชาติโดยรวมบ้าง

ที่มองเห็นได้ชัด ๆ ประโยชน์ของหนังสือพวกนี้คือ มันทำให้คนที่ท้อแท้มีกำลังใจ ทำให้คนที่รู้สึกอ่อนแอกลับเข้มแข็งขึ้น ทำให้คนที่ล้มเหลวพบเส้นทางที่จะเดินไปสู่ความสำเร็จ

ในระยะหลัง ๆ มีศัพท์ใหม่ที่เกิดขึ้น คือ positive thinking ซึ่งบอกวิธีคิดที่สร้างสรรทำให้ใจเป็นสุขทำให้งานสำเร็จ แม้จะพบกับเหตุการณ์ที่ชวนให้ท้อแท้ – เป็นทุกข์ ก็ตาม

และคนไทยบางคนหรือหลายคนก็รับเทคโนโลยีทางความคิดเช่นนี้จากฝรั่ง นอกเหนือจากเทคโนโลยีทางวัตถุที่คนไทยแทบทุกคนก็รับเป็นปกติอยู่แล้ว

คำถามข้อที่ 2 ของผมก็คือ เทคโนโลยีทางความคิดเช่นนี้มีข้อบกพร่อง หรือ defect หรือเปล่า และ วัฒนธรรมของไทยเรามีสิ่งนี้หรือสิ่งที่ดีกว่านี้อยู่แต่เดิมหรือเปล่า?

ตามความเห็นของผม เทคโนโลยีทางความคิดของฝรั่งเช่นนี้ แม้จะมีข้อดีอยู่เยอะ แต่ก็มีข้อบกพร่อง หรือ defect แน่ ๆ เพราะมันน่าจะมีส่วนอยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย ที่ทำให้ 3 สิ่งข้างล่างนี้เป็นสิ่งปกติของสังคม คือ
1)-คนไร้น้ำใจตัวใครตัวมันมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมาย
2)- คนเอาเปรียบกันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายอีกเช่นกัน ถ้าสามารถเอาเปรียบในขอบเขตที่กฎหมายอนุญาต
3)- คนเคร่งเครียดมีความทุกข์มากขึ้น


ในประเทศขวัญใจคนไทยหลายคน คือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และจีน มีสถิติการฆ่าตัวตาย อยู่ในลำดับต้น ๆ คือ
คนญี่ปุ่น ฆ่าตัวตายมากเป็นอันดับ 4 ของโลก
คนเกาหลีใต้ ฆ่าตัวตายมากเป็นอันดับ 8 ของโลก
คนจีนแผ่นดินใหญ่ ฆ่าตัวตายมากเป็นอันดับ 19 ของโลก
(คนไทย ฆ่าตัวตายมากเป็นอันดับ 58 ของโลก)
ลิงค์อ้างอิง 1
ลิงค์อ้างอิง 2

และเมื่อถามว่า วัฒนธรรมของไทยเรามีสิ่งนี้หรือสิ่งที่ดีกว่านี้อยู่แต่เดิมหรือเปล่า? คำตอบของผมก็คือ มีครับ ก็คือคำสอนเรื่อง
อิทธิบาท 4 ฉันทะ-วิริยะ-จิตตะ-วิมังสา คือมี ใจรักและใจสู้ ที่จะผลักดันทุกสิ่งที่ทำเพื่อนำไปสู่ความสำเร็จ

แต่ควบคู่กับอิทธิบาท 4 เราก็ยังมี บุญกิริยาวัตถุ 3 (ทาน – ศีล – ภาวนา) เป็นหลักประคองใจให้การใช้ความพยายามดำเนินไปอย่างมนุษย์ผู้มีธรรม ไม่ใช่เพียงดำเนินไปตามสัญชาตญาณที่คนและสัตว์มีเหมือนกัน

ทาน คือ ความมีน้ำใจ ไม่ใช่เอาแต่ตัวใครตัวมัน
ศีล คือ การไม่เอาเปรียบกัน ไม่ว่าจะมองจากกรอบของศาสนา หรือกรอบของกฎหมายก็ตาม
ภาวนา คือการฝึกสติ (สมถะ-วิปัสสนา) เพื่อกำกับจิตใจมิให้ไหลไปตามความเครียดและความทุกข์


แต่น่าเสียดายที่หลายคนยุคนี้ทิ้งหลัก ทาน – ศีล – ภาวนา จนทำร้ายตัวเองและทำร้ายผู้อื่น ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว

ขอย้อนกลับไปถึงเรื่อง คำคมสร้างแรงบันดาลใจ ที่ผมพูดไว้ตั้งแต่ต้น ในความรู้สึกส่วนตัว ไม่ว่าคำคมเหล่านี้จะฟังดูดีลึกซึ้งน่าเลื่อมใสปานใดก็ตาม ผมก็ยังมีความรู้สึกอยู่เสมอมาว่า ในการเดินทางไปสู่ความสำเร็จใด ๆ ก็ตามที่เรามุ่งหวัง เรามิได้มีชีวิตอยู่คนเดียวในโลกนี้ เพราะฉะนั้น เส้นทางแห่งความสำเร็จของเรา
-ควรเป็นเส้นทางแห่งทาน คือ การมีน้ำใจต่อเพื่อนมนุษย์
-ควรเป็นเส้นทางแห่งศีล คือ การไม่เอาเปรียบเพื่อนมนุษย์
-ควรเป็นเส้นทางแห่งภาวนา คือ การไม่ปล่อยใจตัวเองให้ขาดสติจนเป็นทุกข์

ความสำเร็จในชีวิต ควรมีทั้งอิทธิบาทธรรม และบุญกิริยาวัตถุไปพร้อมกัน

ผมคงต้องขอหยุดการเกริ่นนำการเข้าไปยังเว็บ Inspirational Quote ไว้เพียงแค่นี้

ต่อจากนี้ก็ขอแนะนำเว็บนั้นเลยครับ คือ เรียนอินเดีย ปูเณ่

เมื่อเข้าไปแล้ว ให้ดูที่คอลัมน์ขวามือ ใต้คำว่า Inspirational Quote จะมีคำคมเป็นภาษาอังกฤษและคำแปลเป็นภาษาไทยให้อ่าน
เมื่ออ่านจบแล้วก็คลิก Next quote » ไปเรื่อย ๆ
ศึกษาเพิ่มเติม: quoteworld.org

ในเว็บเดียวกันนี้ ยังมีรวบรวมบทความ ฝึกภาษาอังกฤษ ให้เก่ง ณ วันนี้มีทั้งหมด 39 บทความ รวม 3 ลิงค์ 1 - 2 - 3
วันหน้าคงจะมีมากกว่านี้ คือ 4 - 5 - 6

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1527]เว็บประจำเรียนภาษาอังกฤษด้วยตัวเองทุกวัน

สวัสดีครับ
ในแง่หนึ่ง การฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเองนี่ก็คงจะคล้ายกับการกินอาหาร คือ เราก็คงมีอาหารที่เราชอบอยู่ประเภทหนึ่งที่กินบ่อยเป็นพิเศษ และเราก็คงมีเว็บอยู่จำนวนหนึ่งที่เราเข้าไปบ่อยเป็นพิเศษเพื่อฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง อย่างของผมเว็บที่เข้าบ่อยก็คือ Bangkok Post, และเว็บ ฟังข่าวสั้น CNN, BBC, NPR, VOA, NHK ที่ด้านซ้ายมือของบล็อกนี้

และมันก็แนะนำยากนะครับว่า เว็บไหนดี เว็บไหนน่าเข้าไปใช้บริการฝึกภาษาอังกฤษเป็นประจำทุกวัน แต่เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ผมขอแนะนำบางเว็บที่ผมเห็นว่าดี ตอนเหนื่อย ๆ กลับจากงาน มีเวลาว่างสักครึ่งชั่วโมง นึกไม่ออกว่าจะเข้าเว็บไหนก็เข้าไปทีเว็บนี้แล้วกันครับ

เกณฑ์ที่ผมใช้ในการคัดเลือกเว็บข้างล่างนี้ก็คือ เขามีบทเรียนใหม่พิ่มทุกวันหรือแทบทุกวันให้เราเรียน

เว็บไทย
[1] บทเรียนประจำวัน thai.langhub.com
เนื้อข่าวภาษาอังกฤษ – คำน่ารู้ – แปลเทียบเป็นภาษาไทย ประโยคต่อประโยค
ถ้าจะศึกษาเพิ่มเติมก็คลิกที่ หน้าแรก – ย้อนกลับ – ถัไป – สุดท้าย 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 .... ที่อยู่บรรทัดล่าง

เว็บฝรั่ง...

[2] Daily Page ของ manythings.org

[3] Daily Pronunciation Practice ของmanythings.org
อ่านแนะนำเว็บ manythings.org

[4] http://www.english-daily.com/
อ่านคำแนะนำ

[5] http://www.breakingnewsenglish.com/
เข้าไปแล้วคลิก ลิงค์ใต้ LATEST LESSON, และคลิก LISTEN mp3

[6] เว็บฟัง world headlines รายวัน

แนะนำเว็บเพิ่มเติมที่น่าสนใจ
100 บทเรียนภาษาอังกฤษ
http://www.englishspeak.com/th/english-lessons.cfm

เว็บไซด์ไทย – เว็บไซด์ต่างประเทศ เรียนภาษาอังกฤษ
http://www.english-home.20m.com/English%20On-line.htm
http://ict.moph.go.th/English/content/links.htm

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1526] แนะนำเว็บดี english07.com

สวัสดีครับ
Tuvien.com ได้แนะนำเว็บนี้ (ขอบคุณมากครับ)
http://www.english07.com/

Slogan ของเว็บนี้คือ The best solution for your English
ผมเข้าไปดูแล้ว ก็เห็นว่า เว็บนี้คณภาพดีสมคำโฆษณาจริง ๆ

เมื่อเข้าไปแล้ว ลองสำรวจก่อนก็ดีครับ โดย:
คลิกที่แถบขวางด้านบนของหน้า ซึ่งมีปุ่มดังนี้
Home - Games - Download - Listening - Speaking - Reading - Writing - Grammar - Vocabulary

และคลิกที่คอลัมน์ซ้ายมือ ซึ่งมีหัวข้อดังนี้
Games
Video
Listening
Speaking
Reading
Writing
Grammar
Vocabulary
Grade


ถ้าชอบใจหน้าไหนก็ทำ Favorite ไว้เลยครับ

สำหรับท่านที่ต้องการให้ Google ช่วยแปลคำศัพท์ให้เพียงแค่วางเมาส์บนคำศัพท์ อ่านวิธีการใช้บริการได้ที่นี่ครับ ให้Google แปลศัพท์ทุกคำเมื่อท่องเน็ต(ง่ายจัง)

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1525]ด/ล mp3 “เรียนพูดอังกฤษ 79 ชั่วโมงด้วยตนเอง”

สวัสดีครับ
สมัยผมเด็ก ๆ ผมเคยเห็นหนังสือ “เรียนพูดอังกฤษ 79 ชั่วโมงด้วยตนเอง” เขียนโดย “อาจารย์ แฟรงค์” ผมไม่รู้ว่าหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อไร แต่เดาว่าน่าจะเก่ามาก

จำได้ว่าลุงของผมก่อนจะไปทำงานที่ซาอุฯ ก็อ่านหนังสือเล่มนี้ ลุงบอกว่าใช้ได้

ตอนนี้หนังสือเล่มนี้ก็ยังมีวางขายอยู่ โดยขายคู่กับ CD หรือเทปผมก็ไม่แน่ใจ
คลิกที่นี่เพื่อดูหน้าปก หรือ คลิกที่นี่

อ่านคำแนะนำหนังสือและสารบัญบางบท คลิกที่นี่

ผมเองตอนอยู่ชั้นมัธยมก็เคยพลิกดูหนังสือเล่มนี้อยู่ 2 – 3 ครั้ง แต่ไม่สนใจ อาจจะเป็นเพราะผมขี้เกียจอ่าน และรู้สึกว่าวิธีสอนในหนังสือมันเชย ๆ ยังไงก็ไม่รู้ และหลังจากนั้นก็ไม่เคยสนใจมันอีกเลย

ตอนอยู่มหาวิทยาลัย วันหนึ่งผมนั่งรถเมล์เจอพี่ผู้หญิงคนหนึ่ง คุยด้วยแล้วได้ความว่าเพิ่งกลับจากเมืองนอกซึ่งไปขายแรงงาน เห็นแกถือหนังสือประเภทฝึกพูดภาษาอังกฤษเท่านั้นเท่านี้ชั่วโมงที่มีขายตามร้านหนังสือ (ผมเพิ่งนึกออกวันนี้ว่า คงจะเป็นเล่มนี้แหละ “เรียนพูดอังกฤษ 79 ชั่วโมงด้วยตนเอง”) ผมเข้าใจจากการพูดคุยว่าแกคงเรียนจบไม่สูงและไม่ค่อยรู้ศัพท์ภาษาอังกฤษ จึงตามแกว่า “แล้วพี่จำได้หมดหรือนี่ เล่มออกโตอย่างนี้?” แกก็ตอบผมตรง ๆ ว่า “ก็ไม่ต้องไปจำให้มันหมดหรอก ประโยคไหนใช้บ่อยก็ท่องเอา” - - ผมรู้สึกขอบคุณพี่สาวคนนี้ทันที เพราะช่วยให้หูตาผมสว่างขึ้นเยอะ

ผมเคยเล่าเรื่องนี้ไว้แล้วที่ ก้าวแรกของการพูดภาษาอังกฤษ

วันนี้บังเอิญมาก ผมเจอ mp3 ของเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ในเน็ต เมื่อคลิกฟังอยู่พักใหญ่ ความรู้สึกต่อหนังสือเล่มนี้ก็เปลี่ยนไป ซึ่งน่าจะเป็นเพราะว่า แต่เดิมผมพลิกอ่าน แต่ตอนนี้ผมคลิกฟัง และผมก็ชอบใจสำเนียงฝรั่งของทั้งหญิงและชายซึ่งชัดเจนมาก มีความเร็วตามธรรมชาติแต่ไม่เร็วเกินไป และแม้เนื้อหาบางประโยคจะสะท้อนถึงโลกยุคก่อนมีอินเทอร์เน็ต แต่ก็ถือว่าสามารถเป็นประโยคสนทนาที่สามารถจดจำและฝึกฝนเอาไปพูดได้ ไม่ว่าท่านจะเป็นนักเรียน นักศึกษา ข้าราชการ พนักงานสำนักงาน หรือคนไปทำงานเมืองนอก

ถ้าจะให้วิจารณ์ใหม่ ผมคงต้องขอยืมคำพูดของลุงมาพูด คือ mp3 ของเนื้อหาในหนังสือ “เรียนพูดอังกฤษ 79 ชั่วโมงด้วยตนเอง” เล่มนี้ ใช้ได้

และถ้าท่านถามต่อว่า ใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ผมก็ต้องขอยืมคำพูดของพี่สาวคนที่ผมเจอในรถเมล์มาดัดแปลงตอบท่านผู้อ่าน คือ ก็ไม่ต้องไปใช้มันหมดทุกประโยค ประโยคไหนมีโอกาสใช้ก็จำไปใช้ ประโยคไหนไม่ได้ใช้ก็ไม่ต้องใช้

ข้างล่างนี้เป็นลิงค์ mp3 ชั่วโมงที่ 7 – 79 ให้ท่านดาวน์โหลด (ชั่วโมงที่ 1- 6 ไม่มี mp3 ซึ่งเป็นการออกเสียงพยัญชนะ สระ วิธีการอ่านตัวสะกด และสรรพนาม ) ผมขอชวนให้ท่านลองดาวน์โหลดไปใช้ประโยชน์ โดยฝึก ฟัง พูดตาม (คลิก play, pause, ดึง slide bar ย้อนหลัง เดินหน้า ตามใจชอบ)

ลองดูนะครับ mp3 เล่มนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อท่านมาก ๆ ก็ได้

ลิงค์ชุดที่ 1
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 07-13
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 14-18
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 19-25
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 26-32
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 33-37
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 38-41
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 42-48
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 49-53
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 54-77
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 78-79


ลิงค์ชุดที่ 2
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 07-13
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 14-18
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 19-25
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 26-32
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 33-37
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 38-41
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 42-48
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 49-53
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 54-77
พูดอังกฤษ 79 ชั่วโมง ลำดับ 78-79

ลิงค์ชุดที่ 3
ถ้าท่านใดเน็ตแรง จะดาวน์โหลดลิงค์ใหญ่ข้างล่างนี้ก็ได้ครับ
ชั่วโมงที่ 7 – 25
ชั่วโมงที่ 26 – 41
ชั่วโมงที่ 42 – 79

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1524]ด/ล mp3 อัง-ไทย'เริ่มต้นฝึกพูดอังกฤษ 365 วัน'

สวัสดีครับ
ผมไปเจอ mp3 ชุด “เริ่มต้นฝึกพูดอังกฤษ 365 วัน” โดยบังเอิญ จึงนำมาฝาก

ไฟล์ชุดนี้เป็น mp3 มีทั้งหมด 20 unit ๆ ละประมาณ 3 นาที
เป็นประโยคสนทนาภาษาอังกฤษ ซึ่งตามด้วยคำแปลภาษาไทย ใน 20 สถานการณ์ที่มีโอกาสพูดบ่อย

ผมพยายามอยู่นานเพื่อหาหนังสือ แต่ก็หาไม่พบ จึงมีแต่ไฟล์ mp3 อย่างเดียวให้ฟังเสียง ซึ่งการไม่มีหนังสือนี้มองในอีกแง่หนึ่งก็ดีอยู่เหมือนกัน คือท่านจะได้ใช้สมาธิทั้งหมดไปกับการฟังจนชินหู และฝึกพูดตามจนชินปาก ฟังและพูดตามซ้ำแล้วซ้ำอีกจนจำได้และชำนาญ เพราะอันที่จริงเวลาที่เราพูด เราก็ไม่มีโอกาสเปิดตำราอ่านประโยคอยู่ดี เพราะฉะนั้น วิธีที่ดีที่สุดก็คือ
-ฟังให้ชินหู
-แปลให้เข้าใจ
-พูดให้ได้เหมือนที่ฟัง
-และจำให้ได้

พูดง่าย ๆ ก็คือ ในการฝึกพูดตาม 20 สถานการณ์ใช้บ่อยข้างล่างนี้ ท่านไม่ต้องอาศัยตาและมือ แต่ให้ใช้หูและปากเท่านั้นในการฝึก โดยคลิก play – pause – repeat [คลิกปุ่ม play เพื่อฟัง – คลิกปุ่ม pause เพื่อหยุด – และ repeat คือพูดตาม]

ตอนนี้พร้อมแล้วนะครับ

สำหรับท่านที่ต้องการดาวน์โหลดก่อนฟัง
คลิกที่ลิงค์ข้างล่างนี้
ลิงค์ที่ 1 หรือ ลิงค์ที่ 2
[ขนาดประมาณ 26 – 27 MB] เพื่อดาวน์โหลดไฟล์ mp 3 ทั้ง 20 ตอน

สำหรับท่านที่ต้องการฟัง online
เมื่อคลิกเข้าไปที่แต่ละ Unit ข้างล่างนี้แล้ว
ก็คลิกที่ปุ่ม Play (>) เหนือคำว่า ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้
[หรือ ถ้าต้องการดาวน์โหลดไฟล์ย่อยทีละไฟล์ก่อนฟัง ก็คลิก ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้ ]

Unit 1 –Greetings การทักทาย
Unit 2 - Introduction การแนะนำตัว
Unit 3 – Say Good-bye การกล่าวคำลา
Unit 4 - Describing People การบอกลักษณะของคน
Unit 5 – Describing Things การบอกลักษณะของสิ่งของ
Unit 6 – Describing Houses การบอกลักษณะของบ้าน
Unit 7 – Describing Abilities การบอกถึงความสามารถ
Unit 8 – Job Interview การสัมภาษณ์งาน
Unit 9 – Inviting Accepting Refusing การเชิญ การรับคำเชิญ และการปฏิเสธ
Unit 10 – Shopping การซื้อของ
Unit 11 - Apologizing การขอโทษ
Unit 12 – Comparing การเปรียบเทียบ
Unit 13 – Asking for Directions การถามทาง
Unit 14 – Asking for and Giving Information การถามและการให้ข้อมูล
Unit 15 – Making Plans การวางแผน
Unit 16 – Requesting Granting Declining การขอร้อง การอนุญาต และการปฏิเสธ
Unit 17 –Giving and Receiving Thanks การกล่าวและการรับคำขอบคุณ
Unit 18 – Giving Advice and Suggestions การแสดงความคิดเห็นและข้อเสนแนะ
Unit 19 – Giving and Receiving Compliments การกล่าวและการรับคำชมเชย
Unit 20 – Talking about Time การคุยเกี่ยวกับเวลา

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1523] ดู & ดาวน์โหลดวีดิโอ สอนการเขียน email

สวัสดีครับ
งานที่ผมรับผิดชอบทุกวันนี้ทำให้ผมต้องเขียนอีเมลเป็นภาษาอังกฤษติดต่อกับคนต่างชาติแทบทุกวัน ซึ่งโดยมากเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐในกลุ่มประเทศอาเซียน หรือเจ้าหน้าที่ขององค์การ WorldSkills หรือประเทศที่เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน WorldSkills

ถ้าถามว่าการเขียนอีเมลยากไหม ก็ขอตอบจากประสบการณ์ส่วนตัวว่า ถ้าเขียนให้ “ดี” ก็คงต้องใช้เวลาฝึกฝนอย่างใส่ใจพอสมควร ยกตัวอย่างเช่น
-บ่อยครั้งที่ผมกลัวว่า เนื้อหาของอีเมลจะไม่ชัดเจน ก็เลยเขียนมากเกินไปจนกลายเป็นเยิ่นเย้อ
-ผมกลัวว่าการใช้ภาษาจะไม่สุภาพ พอใช้ศัพท์ที่คิดว่าสุภาพแต่เผลอใช้มากไปหน่อย ก็อาจจะทำให้คนอ่านรู้สึกว่าเราไม่จริงใจ
-ส่วนเรื่องพื้นฐานกว่านี้ก็คือ เมื่อเป็น email ที่เป็นทางการ จึงต้องระวังไม่ให้ผิดเรื่อง grammar, spelling หรือ เครื่องหมายวรรคตอน

แต่ท่านผู้อ่านก็อย่าไปคิดว่ามันยากจนน่ากลัว ไม่หรอกครับ หลายคนที่ติดต่อกันจนคุ้นเคย จากที่เคยเขียนอย่าง formal ก็กลายเป็น informal คล้าย ๆ เป็นเพื่อนกัน ยิ่งถ้าได้เจอหน้ากันสักครั้งสองครั้ง เพราะเขามาเมืองไทยหรือเราไปเมืองเขา อาการเกร็งก็น้อยลง เหลืออยู่แต่ว่า จะเขียน email ยังไงให้ชัดเจน ครบถ้วน และตรงประเด็นมากที่สุด

ในบล็อกนี้ผมเคยแนะนำเว็บให้ศึกษาเรื่องการเขียน และดาวน์โหลดตำราการเขียน email หลายเล่ม ขอชวนให้ท่านที่มีหน้าที่ต้องเขียน email อย่างเป็นงานเป็นการเข้าไปศึกษาดู โดยเฉพาะ exercise ต่าง ๆ ซึ่งน่าจะช่วยปรับปรุงให้การเขียนของเราให้ดีขึ้น

ที่ลิงค์นี้ครับ
[1117]ภาษาอังกฤษสำหรับการเขียนอีเมล(Email English)

เว็บภาษาไทยก็มีครับ ที่ลิงค์นี้
[875] "ประโยคเด็ด – เคล็ดลับการเขียนอีเมล"

ผมเองเคยเข้ารับการอบรมเรื่องการเขียน email ที่จุฬาฯ ครั้งหนึ่ง อาจารย์ท่านสอนดีครับ แต่ผมก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า การเขียน email นี่นะครับเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ที่ต้องอาศัยอย่างน้อย 3 เรื่อง
1.การได้เขียนบ่อย ๆ กับคนจริง ๆ และ ได้ทำ exercise บ่อย ๆ ที่ช่วยจับจุดอ่อนของเราได้จริง ๆ
2.การได้อ่านตัวอย่าง email ที่เขียนดี ๆ บ่อย ๆ และ
3.การได้อ่านหรือได้ฟังคำชี้แจง อธิบายขยายความ จนเราเข้าใจ และจำได้

อย่างไรก็ตาม ผมมาคิด ๆ ดูแล้ว เรื่องการฝึกเขียน email นี้ นอกจากอ่านตำราแล้ว คงต้องฟังการอธิบายด้วยวีดิโอจึงจะเห็นชัด เพราะอาจารย์จะได้สามารถธิบายได้ว่า การใช้คำ วลี ประโยค อย่างนี้ ๆ ผิดหรือไม่เหมาะสมอย่างไร น่าจะเปลียนเป็นอย่างนั้น ๆ ด้วยเหตุผลอย่างนี้ ๆ เรื่องอย่างนี้อ่านหนังสืออย่างเดียวอาจจะรู้แต่สมองอาจจะไม่รับ
ผมก็เลยไปที่ http://www.youtube.com/ และพิมพ์คำว่า how to write an email ลงไป ก็ได้วีดิโอสอน email ตามลิงค์นี้ครับ

หลังจากเปิดดูคุณภาพของคลิปวีดิโออยู่พักใหญ่ ก็ได้พบคลิปวีดิโอชุด Email Tune-Up ซึ่งมีคุณภาพดีทีเดียว โดยเขามีเกณฑ์ว่า การเขียน email ให้ดีต้องดู 3 เรื่อง คือ
1.แกรมมาร์, เครื่องหมายวรรคตอน, การสะกดคำ, และ layout ของ email
Mechanics - the grammar, punctuation, spelling and layout of the email.

2.การใช้คำศัพท์ และลักษณะการผูกประโยค
Style - the use of vocabulary and the way sentences are structured.
3.องค์รวมซึ่งแสดงความรู้สึกของ email ที่เราเขียน

Tone - the overall impression, or feeling, the text creates.

ได้มา 6 คลิปข้างล่างนี้ครับ- คลิกดู online ไฟล์ YouTube
-ET 01 คลิก
-ET 02: Asking for Feedback
คลิก
-ET 03: An External Request Email
คลิก
-ET 04: Bad News Messages
คลิก
-ET 05 Email Tune-up -
คลิก
-ET 06 – Writing Requests to Senior Managers
คลิก

หรือคลิกดาวน์โหลดโดยตรงจากเว็บ businessenglishpod.com ก็ได้ครับ ข้างล่างนี้
Email Tune-up 01 – ESL Business Writing Video Podcast
Email Tune-up 02 – ESL Business Writing Video
Email Tune-up 03 – Business Writing: An External Request
Email Tune-up 04 – Business Writing: An Internal Bad News Message
Email Tune-up 05 – Email Tune-up: Discussing Design Changes
Email Tune-up 06 – Writing Requests to Senior Managers

ทั้ง 6 คลิป มาจากเว็บ businessenglishpod.com ข้างล่างนี้ครับ
http://www.businessenglishpod.com/?s=Email+Tune-up
http://www.businessenglishpod.com/business-english-podcast-lessons/

อ่านคำแนะนำวีดิโอ
หวังว่าท่านผู้อ่านคงได้รับประโยชน์ไม่มากก็น้อยจากวีดิโอชุดนี้

พิพัฒน์
gemTriple@gmail.com

วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1522]ด/ล ภาพศัพท์ ScreensaverตัวS–Z ที่ติดค้างไว้

สวัสดีครับ
ผมได้ทำไฟล์ภาพคำศัพท์ให้ท่านดาวน์โหลดไปใช้เป็น screensaver ที่ลิงค์นี้
[856] เชิญดาวน์โหลดภาพศัพท์ทำ Screen saver

แต่ทำได้แค่ตัว A – R
เนื่องจากผมต้องใช้เวลานานพอสมควรทีเดียว และก็ไม่สามารถตอบได้ว่า ตัวที่ค้างไว้ คือ S – Z เมื่อไรจะทำเสร็จ

คิดไปคิดมาเลยตัดสินใจว่า น่าจะเอาภาพศัพท์ภาษาอังกฤษตัว S – Z มาให้ท่านดาวน์โหลด โดยยังไม่มีคำแปลภาษาไทย เพราะหลายคำเพียงดูภาพก็น่าจะเดาคำแปลได้ และถ้าผมมีเวลาเมื่อไรก็จะมาผนวกคำแปลใส่ให้ หรือถ้าท่านใดมีเวลาจะช่วยทำและส่งลิงค์ดาวน์โหลดไฟล์ให้ผม เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านท่านอื่นด้วยก็จะวิเศษเลยครับ

ระยะนี้ใช้ตัว S – Z ที่ไม่มีคำแปลภาษาไทยไปก่อนแล้วกันนะครับ
ศัพท์ขึ้นต้นด้วยตัว S
ศัพท์ขึ้นต้นด้วยตัว T
ศัพท์ขึ้นต้นด้วยตัวU V W X Y Z

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1521]ไทยรัฐ แนะนำบล็อก e4thai.com

สวัสดีครับ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2553 ได้ลงแนะนำ e4thai.com ที่หน้า วิทยาการ
คลิกดูได้เลยครับ หรือ ลิงค์นี้ก็ได้ครับ

ที่ผมเอามาบอกอีกครั้งก็เพราะว่า เขาตัดข้อความที่ผมเขียนไว้ใน ตอบเรื่องที่ท่านผู้อ่านถามบ่อย มาลง ซึ่งเป็นการแนะนำการค้นเรื่องที่ต้องการหาในบล็อกนี้

บางท่านอาจจะยังไม่ทราบวิธีการค้นหาเรื่องจากบล็อกนี้ดีนัก เพราะจากคำตอบต่อคำถาม ท่านพบปัญหาใดบ้างในการใช้ Blog? มีผู้ที่ตอบว่า หาเรื่องที่ต้องการไม่พบ ถึง 23 %

ถ้าได้อ่าน ตอบเรื่องที่ท่านผู้อ่านถามบ่อย ก็น่าจะกระจ่างขึ้นนะครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1520] เพิ่มคำศัพท์จากคำคล้องจอง

สวัสดีครับ
ผมเคยนำศัพท์คำพ้อง 3,000 คำของอาจารย์ อ. พฤกษะศรี มาให้ท่านดาวน์โหลดไปท่อง และได้ทำตัววิ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ไว้ให้ท่านเหลือบดูเล่น ๆ นอกจากนี้ยังได้วานให้เพื่อนร่วมงานอัดเสียงทำเป็นไฟล์ mp3 ให้ท่านไปเปิดฟัง ทั้งหมดอยู่ ที่ลิงค์นี้

ถ้าถามว่าทำไมคำคล้องจองจึงช่วยทำให้จำศัพท์ได้มากขึ้นหรือนานขึ้น ผมเองก็ตอบไม่ได้ รู้แต่ว่ามันช่วยได้จริง ๆ

แม้แต่เว็บภาษาอังกฤษบางเว็บก็มีการนำเอาการคล้องจอง หรือ rhyming มาให้ฝึกคำศัพท์ ผมคิดว่ามันคงมีประโยชน์ทั้ง 2 ทางคือ
1.สำหรับศัพท์เก่า – คำคล้องจอง จะช่วยให้ลืมยาก
2.สำหรับศัพท์ใหม่ – คำคล้องจอง จะช่วยให้จำง่าย


และวันนี้ผมขอแนะนำ 3 เว็บที่ใช้คำคล้องจองเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคำศัพท์
เว็บที่ 1: http://www.wordcentral.com/
วิธีใช้งานเว็บ
-พิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการลงไปในบรรทัด Dictionary – Thesaurus – Rhyming, ติ๊กหน้า Rhyming, และ คลิก GO
-ที่ด้านซ้ายมือ เว็บจะแสดงคำทั้งหมด ที่คล้องจองกับคำที่เราพิมพ์ลงไป ตามลำดับ a, b, c, d….
-คลิกคำที่เราสนใจ ทางด้านซ้าย- - คำแปล เสียงอ่าน(ไอคอนรูปลำโพงสีแดง) ของคำนั้น จะปรากฏในด้านขวามือ
-ขอแนะนำว่า ก่อนที่จะคลิกคำใดเพื่อดูคำแปล ให้ท่านพยายามนึกหรือเดาก่อนว่า คำนั้น ๆ แปลว่าอะไร
ศึกษาเพิ่มเติม Dictionary ค่าย Merriam-Webster

เว็บที่ 2: http://www.rhymezone.com/
-พิมพ์คำศัพท์ที่ต้องการลงไป หลังคำว่า Word, คลิก Go get it!
-เว็บจะแสดงคำคล้องจอง โดยเรียงตามจำนวนพยางค์ของคำ จาก 1 syllableม 2 syllable, 3 syllable.. ไปตามลำดับ
-ถ้าท่านต้องการรู้คำแปลของคำใด ก็คลิกที่คำนั้น (พร้อมกับกด shift หรือ พร้อมกับกด Control) ก็จะเห็นคำแปลและประโยคตัวอย่าง (คำที่เป็นตัวเข้ม คือคำที่มีคนค้นหาบ่อย และน่าจะเป็นศัพท์ที่ใช้บ่อยด้วย )


เว็บที่ 3: http://www.writeexpress.com/online.html
คล้ายกับ 2 เว็บข้างบน แต่เขาจะแสดงคำคล้องจองเฉพาะคำที่ 1 – 2 พยางค์ ซึ่งก็ดีเหมือนกัน เพราะโดยทั่วไปคำที่มี 1-2 พยางค์คือคำที่ค่อนข้างจะใช้บ่อยกว่าคำยาว ๆ อยู่แล้ว

ผมอยากจะเรียนเพิ่มเติมว่า ถ้าท่านใดต้องการจะทำ ศัพท์คำพ้องอย่างที่ท่านอาจารย์ อ.พฤกษะศรี ทำ เว็บทั้ง 3 เว็บข้างบนนี้จะช่วยท่านได้อย่างมากเลยครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1519]เรียนภาษาอังกฤษกับวีดิโอ engvid.com

สวัสดีครับ
การเรียนภาษาอังกฤษกับวีดิโอทางเน็ตเป็นวิธีการเรียนที่ได้ผลและสนุก เพราะว่า
1.มีเนื้อหามากมายหลายประเภท ให้เราเลือกตามความชอบ
2.มีความยากง่ายหลายระดับ ให้เราเลือกตามทักษะที่เรามีอยู่
3.ไม่เสียเงินค่าเรียนกับครูหรือโรงเรียนสอนภาษา (เสียเฉพาะค่าเน็ต –ความเร็วสูง?) และไม่เสียเวลาในการเดินทางจากบ้านไปโรงเรียน
4.ถ้าเปรียบวีดิโอเป็นครู เพราะเราสามารถเห็นตัวครู-ฟังเสียงครู-ดูครูเขียนบนกระดานหน้าห้อง-เห็นสื่อที่ครูนำมาใช้ประกอบการสอน ในบางแง่มุมครูวีดิโออาจจะดีกว่าครูที่เป็นคนเสียอีก เพราะนอกจากเราไม่ต้องเสียเงินแล้ว เรายังสามารถบอกให้ครูหยุดสอนสักครู่ตอนที่เราจะลุกไปห้องน้ำ(กด pause), บอกให้ครูย้อนไปพูดเรื่องเดิมที่เราฟังไม่ทัน(ลากปุ่ม slide bar ย้อนกลับ), บอกให้ครูไปเร็ว ๆ เพราะเราไม่อยากฟังเรื่องที่รู้แล้ว (ลากปุ่ม slide bar ไปข้างหน้า) หรือบอกให้ครูพูดเรื่องเดิมซ้ำหลาย ๆ เที่ยวเพราะเราฟังแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ (คลิก link เดิม) ในแง่นี้ ถ้าเราเรียนกับครูเป็น ๆ ที่โรงเรียนสอนภาษาร่วมกับผู้เรียนคนอื่น เราอาจจะทำอย่างนี้ยาก เพราะครูไม่ได้สอนเราคนเดียว

การเรียนภาษาอังกฤษกับครูวีดิโอจึงดีด้วยหลายประการฉะนี้ และในบล็อกนี้ผมจึงได้รวบรวมวีดิโอสอนภาษาอังกฤษไว้มากพอสมควรที่ลิงค์นี้ วีดิโอ

และวันนี้มีท่านผู้อ่านแนะนำเว็บวีดิโอคุณภาพดีมาอีก 1 เว็บ ผมดูแล้วดีจริงจึงขอนำมาแนะนำ ขอบคุณท่านผู้แนะนำมากครับ
เว็บนี้ครับ: http://www.engvid.com/

ผมขอแนะนำว่า เมื่อเข้าไปแล้ว ที่แถบบนของหน้า ในท่านคลิกที่
All Lessons
และที่คอลัมน์ซ้ายมือ ท่านจะเห็นคำว่า English Lesson Finder
ให้ท่านคลิกเลือก ดังนี้
1. ระดับ Beginner, Intermediate, หรือ advanced
2. Topics มีทั้งหมด 15 หัวข้อให้ท่านเลือก
3. Teachers มี 5 คนที่ท่านสามารถเรียนด้วย เป็นชาย 2 คน หญิง 3 คน
4.เสร็จแล้วคลิก Find Lessons

จะมีลิงค์วีดิโอหลายลิงค์แสดงที่กลางหน้า (ตามระดับ, Topic, และครูที่ท่านเลือก) ให้ท่านคลิกเลือกลิงค์ที่ต้องการ อาจจะเริ่มตั้งแต่ลิงค์แรกบนสุดก็ได้
(ตอนคลิกเลือกลิงค์นี้ ผมขอแนะนำให้ใช้วิธี คลิกขวาที่ลิงค์, คลิกซ้าย Open in New Tab หรือ Open in New Window จะดีกว่า, เมื่อดูวีดิโอลิงค์นี้จบแล้ว ก็ close และดูลิงค์อื่น ๆ ถัดไป)
หมายเหตุ:ถ้าวีดิโอไม่ยอมทำงาน ลองแก้ปัญหาโดยดับเบิ้ลคลิกที่จอ
เมื่อดูจบแล้ว ท่านสามารถทำบททดสอบโดยคลิกที่ ? Quiz ที่ใต้จอ

นอกจากนี้ ท่านยังสามารถดูลิงค์วีดิโอที่โพสต์ใหม่ ๆได้ที่ลิงค์นี้ (แต่อาจจะยังไม่มี Quiz)
http://www.twitter.com/siamgold/english-helper

มีวีดิโออีกหลายเว็บที่คล้าย ๆ กับ engvid.com ถ้ายังไม่หมดแรงและมีเวลา ก็
เชิญคลิกดูที่นี่ครับ

แถม
1. American Accent
2. ไฟล์ดี ๆ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษมากมายให้ท่านดาวน์โหลดที่ ลิงค์นี้
เมื่อเข้าไปแล้วท่านจะเห็นที่คอลัมน์ซ้ายมือ มี 6 โฟลเดอร์ข้างล่างนี้ให้คลิก
English Language
Activities, Games
Grammar
Idioms
Reading and Writing
Vocabulary- English


ท่านผู้อ่านครับ บางครั้งผมก็รู้สึกเห็นใจท่านผู้อ่านที่บ่นมาว่า บทเรียนในบล็อกนี้มีเยอะจัด จนไม่รู้ว่าควรจะเลือกเรียนตรงไหนดีและให้ผมแนะนำ คำตอบสั้น ๆ ของผมก็คือ ไม่ทราบจริง ๆ ครับ

อย่างไรก็ตาม ท่าน ลองคลิกดูที่ลิงค์นี้ก็ได้ครับ อาจจะมีประโยชน์บ้าง

ขอให้ทุกท่านพบกับความสุขและความก้าวหน้าในการเรียนภาษาอังกฤษนะครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1518] ฝึกฟังครั้งละ 1 ประโยค (พร้อมดาวน์โหลดไฟล์)

สวัสดีครับ
ในการเรียนภาษาอังกฤษ ถ้ามีใครให้ผมสรุปอย่างสั้นที่สุดถึงวิธีฝึกที่ทำให้ท่านพูดได้ คำตอบของผมคือ ท่านได้พูด
ในทำนองเดียวกัน วิธีที่ทำให้ฟังได้(รู้เรื่อง) ก็คือ ได้ฟัง
วิธีที่ทำให้อ่านได้ ก็คือ ได้อ่าน
วิธีที่ทำให้เขียนได้ ก็คือ ได้เขียน
มันเหมือนกับภาษิตฝรั่งนั่นแหละครับ practice makes perfect
คือ if you do an activity regularly, you will become very good at it
จากปริมาณจะนำไปสู่คุณภาพเองแหละ ถ้าเราไม่ทอดทิ้งการฝึก

วันนี้ผมขอพูดเรื่องการฟัง...
หลายคนที่เรียนภาษาอังกฤษมาจากโรงเรียนซึ่งมีโอกาสน้อยในการสนทนา (ฟัง+พูด) และเน้นมากเรื่องแกรมมาร์ อ่าน และคำศัพท์ อาจจะรู้สึกรำคาญตัวเองเมื่อถึงเวลาทำงานที่ต้องฟังให้รู้เรื่อง เพราะรู้สึกว่าเมื่อไหร่มันจะรู้เรื่องน้า..... ?

คำแนะนำของผมก็ยังสั้น ๆ เหมือนเดิมครับ คือ ถ้าได้ฟังเรื่อย ๆ ก็จะค่อย ๆ ฟังรู้เรื่อง แต่ถ้าหยุดฟังก็จะค่อย ๆ ฟังไม่รู้เรื่อง

ถ้าถามอีกว่า ที่ว่าฝึกฟังไปเรื่อย ๆ นี้ให้ฝึกยังไง คำตอบของผมก็คือ ก็มีมากมายหลายวิธีครับ แต่ละคนอาจจะไม่เหมือนกัน เอาอย่างนี้แล้วกันครับ ผมรวบรวมเว็บไซต์และลิงค์มากพอสมควรให้ท่านได้เข้าไปเลือกฝึกฟังตามอัธยาศัย ถ้าถูกใจหรือได้ผลด้วยวิธีใดก็ใช้วิธีนั้นเถอะครับ ซึ่งอาจจะมีหลายวิธีใช้สลับกันไปสลับกันมาก็ได้ คลิกเข้าไปดูได้เลยครับ
รวมเว็บฝึก listening skill

แต่ถ้าท่านถามวิธีฝึกที่ผมใช้ ขอตอบว่าผมเองก็ใช้หลายวิธีครับ ในจำนวนนี้มีวิธีหนึ่งคือ การฝึกฟังครั้งละ 1 ประโยค ฟังซ้ำ ๆ จนคุ้นเคยมากขึ้น ๆ กับสำเนียง สำนวน และศัพท์ ในแต่ละประโยคที่ฝึกฟัง

และในการฝึกฟังเช่นนี้ ผมจะไม่รีบดู script คือผมจะให้หูของผมมันทำงานสักพักหนึ่งก่อน ให้มันสามารถแยกแยะได้ว่า เสียงคำใดที่มันฟังออก และคำใดที่ฟังไม่ออก หลังจากที่หูเริ่มเหนื่อยเล็กน้อย ผมก็ให้ตาเป็นตัวช่วย คืออ่าน script สัก 2 – 3 เที่ยว (อ่านและตีความให้เข้าใจ) หลังจากนี้ก็จะฟังใหม่โดยไม่อ่านตาม และดูซิว่าคราวนี้ฟังรู้เรื่องได้ครบถ้วนไหม ซึ่งโดยทั่วไปก็มักจะฟังได้ดีกว่าเดิม หรือรู้เรื่องหมดทุกคำ
หลังจากนี้ผมก็จะฝึกพูดตามที่ได้ฟัง ถ้ามีเวลาก็จะฝึกเขียนตามด้วย

สรุปก็คือ ใน 1 ประโยคที่อยู่เฉพาะหน้า ผมได้ฝึกครบทุกกระบวนท่า คือ ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน-ศัพท์-แกรมมาร์ (การทำความคุ้นเคยกับรูปประโยคทำให้เราเรียนรู้แกรมมาร์โดยไม่รู้ตัว)

และวันนี้ผมมีเว็บ Longman Dictionary มาแนะนำให้ท่านฝึก ฟัง-พูด-อ่าน-เขียน-ศัพท์-แกรมมาร์ ทีละประโยค อย่างที่ผมเล่าข้างบน โดยท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์เสียงอ่านแต่ละประโยค และนำเอาไปใส่เครื่องเล่น mp3 เพื่อฝึกฟังขณะเดินทางก็ได้

วิธีทำ
1.เข้าไปที่เว็บ Longman Dictionary http://www.ldoceonline.com/
2.พิมพ์คำศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว d หรือ s และคลิกเลือกคำศัพท์ที่เว็บโชว์
3.คลิกรูปลำโพงหน้าประโยคตัวอย่าง (อย่าเพิ่งอ่านประโยคนะครับ)

ขอเรียนว่า ขณะที่เขียนเรื่องนี้ ผมเปิดเว็บด้วยโปรแกรม Internet Explorer มันไม่มีเสียงให้ได้ยิน, ผมก็เลยลองเปิดด้วยโปรแกรม Firefox ก็ยังไม่สะดวกเพราะต้องคลิกที่ไอคอนลำโพงทุกครั้งจึงจะได้ยินเสียงอ่าน จนในที่สุดผมเปิดฟังด้วยโปรแกรม Google Chrome คราวนี้วิเศษเลยครับ เพราะว่าจะได้ยินเสียงอ่านประโยคซ้ำแล้วซ้ำอีกจนคุ้นเคย ไม่ต้องคลิกประโยคเดิมบ่อย ๆ

แต่ถ้าคลิกแล้วแต่ไม่ได้ยินเสียงอ่าน เพราะมีหน้าต่าง เล็ก ๆ ขึ้นข้อความว่า This site is attempting… Allow - - Deny ให้ท่านคลิก Allow ก็จะได้ยินเสียงอ่านครับ

ถ้าท่านไม่มีโปรแกรมดังกล่าว เชิญไปดาวน์โหลดข้างล่างนี้ และติดตั้งในคอมฯของท่าน
คลิกดาวน์โหลดโปรแกรม Google Chrome (19.02 MB)
คลิกดาวน์โหลดโปรแกรม RealPlayer (25.4 MB)

ส่วนในเรื่องการดาวน์โหลดไฟล์เสียงอ่านประโยคนี้ ขอเรียนว่า เมื่อท่านได้ยินเสียงอ่านผ่าน Google Chrome, ไฟล์เสียง mp3 ประโยคนั้น ๆ ได้ถูกดาวน์โหลดเรียบร้อยแล้ว โดยขอให้ท่าน
-คลิก My Documents
-คลิก Downloads
-คลิกที่ไฟล์ mp3 ที่ขึ้นต้นชื่อไฟล์ด้วยคำว่า MED.pronsentence
-ขอแนะนำให้ copy ไฟล์เหล่านี้ไปไว้ในโฟลเดอร์ที่ท่านตั้งขึ้นมาโดยเฉพาะ ท่านอาจจะ rename ชื่อไฟล์เสียใหม่ก็ได้ตามที่ท่านเห็นสมควร

สำหรับท่านอาจารย์ ผมเห็นว่าไฟล์ mp3 เหล่านี้เป็นสื่อการสอนที่ดีมาก ๆ ในการสอนภาษาอังกฤษ
สำหรับท่านที่ยังข้องใจว่า เราก็ได้ฝึกเฉพาะศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว d และ s เท่านั้น มันน้อยเกินไป ผมขอเรียนว่า จริง ๆ แล้วเราได้ฝึกกับศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วยตัว a ถึง z แหละครับ เพราะนอกจากคำศัพท์นี้ที่ขึ้นต้นด้วย d หรือ s, คำอื่น ๆ ในประโยคก็มีตั้งแต่ a ถึง z

คำแนะนำที่เล่ามาตั้งแต่ต้น อาจจะดูยุ่งยากสักนิด และถ้าท่านลองทำดูให้ได้สัก 1 รอบก็จะเห็นเองว่า ง่ายมาก ๆ เลยครับ และเราก็จะได้สื่อที่คุ้มค่ากับการฝึกภาษาอังกฤษของเรา

ศึกษาเพิ่มเติม:
[910]ฝึก ฟัง–พูด,ทีละคำ–ทีละประโยคกับ Talking Dict

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1517]วิธีหาความหมายศัพท์เฉพาะ,คำย่อ,วลี,สำนวนฯลฯ

สวัสดีครับ
เมื่อนั่งหน้าเน็ต การติดศัพท์ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะมี dictionary มากมายให้เราพิมพ์คำศัพท์ลงไปเพื่อหาคำแปล จะแปลเป็นไทยหรือแปลเป็นอังกฤษก็ได้ และในบล็อกนี้ผมได้รวบรวมดิกแนวหน้าของโลกไว้ที่ลิงค์นี้
เปิดดิก

แต่ผมเดาเอาว่าเรื่องที่อาจจะทำให้บางท่านขัดข้องก็คือ การหาความหมายของ
-ศัพท์เฉพาะ เช่น ชื่อคน ชื่อสถานที่ ชื่อเหตุการณ์ ชื่อสิ่งของ ชื่อหนังสือ
-วลี สำนวน
-คำย่อ
ฯลฯ
ศัพท์ดังกล่าวนี้อาจจะไม่มีอยู่ในดิกทั่ว ๆ ไป

แต่วันนี้ผมขอแนะนำวิธีที่ง่ายที่สุด ในการหาความหมายของ ศัพท์เฉพาะ วลี สำนวน คำย่อ ฯลฯ เหล่านี้
ทำอย่างนี้ครับ
-ไปที่ http://www.google.com/ หรือ http://www.google.co.th/
-พิมพ์ define:คำศัพท์ภาษาอังกฤษ (อย่าลืมเครื่องหมาย : นะครับ, พิมพ์โดยไม่ต้องเว้นวรรค ทั้งข้างหน้าและข้างหลัง)
เท่านี้เองครับ

Google จะหาความหมายที่ท่านต้องการให้อย่างรวดเร็ว และขอเรียนว่า
1.ด้วยวิธีนี้ ไม่ว่าจะเป็นคำเฉพาะ หรือ ศัพท์ทั่วไป Google ก็สามารถหาความหมายให้ได้หมด

2.แม้ว่าท่านอาจจะไม่แน่ใจในตัวสะกด ก็พิมพ์ลงไปเถอะครับ ถ้าผิดและ Google พอเดาได้ มันก็จะถามเราว่าสะกดอย่างนี้ใช่หรือไม่ ถ้าใช่ก็คลิกตัวสะกดที่ Google เสนอเลย

3.ศัพท์บางคำ เช่น superman เป็นทั้งศัพท์ศัพท์ทั่วไปและคำเฉพาะ และอาจจะมีอย่างละหลายความหมาย Google ก็จะแสดงให้เราเห็นทั้งหมด

4.ถ้าต้องการอ่านละเอียดยิ่งขึ้น ก็คลิกที่ลิงค์ใต้ความหมายนั้น และบ่อยครั้งที่เราจะได้อ่านบทความยาว ๆ เกี่ยวกับศัพท์คำนั้นจาก สารานุกรมวิกิพีเดีย (en.wikipedia.org) หรือเว็บอื่นที่มีรายละเอียดเกี่ยวกับศัพท์นั้น ๆ เห็นได้ชัดเลยว่า ด้วยวิธีค้นแบบ define:xxx เราสามารถหาความหมายของคำศัพท์ วลี สำนวน ฯลฯ จากเว็บทั่วโลก ซึ่งน่าสนใจมาก เพราะเราสามารถหารายละเอียดที่ลึกลงไปในคำศัพท์ที่เราอาจจะรู้จักมานานแล้ว แต่ไม่รู้ที่มาที่ไปของมัน

5.บางครั้งเราอาจจะลองเล่น ๆ ก็ได้ โดยพิมพ์คำอะไรก็ได้ที่เราสงสัยลงไปเพื่อดูว่า คำ ๆ นี้เป็นชื่อเฉพาะหรือเป็นคำย่อของอะไรหรือเปล่า ถ้าเป็น Google ก็จะแสดงให้เห็น

เอาละครับ ลองดูตัวอย่างนิดหน่อยได้เลยครับ

ชื่อหนังสือ
define:da vinci code

ชื่อคน
define:hilary Clinton

คำย่อ
define:asean
define:swot
define:url
define:fifa

ชื่อสถานที่
define:phuket
define:Johannesburg
define:Bermuda

สำนวน
define:face the music

ชื่อยี่ห้อสินค้า
define:pepsi
define:colgate
define:Carrefour
define:nokia

ลองใช้งาน define:xxxx ดูนะครับ มีประโยชน์มากจริง ๆ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1516]ศิลปะแห่งความสุข:คู่มือการดำเนินชีวิต(ดาไล ลามะ)

เพิ่ม 12 ธันวาคม 2553
http://www.dalailama.com/webcasts
http://fpmt.org/teachers/hhdl/speeches.php
http://www.holybooks.com/

สวัสดีครับ
ผมเคยอ่านหนังสือเรื่อง The Art Of Happiness: A Handbook For Living (ศิลปะแห่งความสุข:คู่มือการดำเนินชีวิต) หลายปีแล้ว และเห็นว่าเป็นหนังสือที่มีคุณค่าให้สาระแก่ชีวิตสมกับชื่อหนังสือ

ขอเชิญท่านคลิกเข้าไปดูหน้าปกหนังสือ พร้อมกับคำแนะนำย่อ ๆ ได้ที่
ลิงค์นี้ หรือ ลิงค์นี้

ผมพยายามหาไฟล์หนังสือ แต่หาไม่พบ

แต่วันนี้ผมได้ไฟล์ audiobook ของหนังสือเล่มนี้
ลิงค์ที่ 1
ลิงค์ที่ 2

เมื่อคลิกที่ลิงค์แล้ว
-ถ้าต้องการฟังขณะต่อเน็ต ก็คลิกปุ่มสามเหลี่ยม (play) ที่อยู่เหนือคำว่า ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้
-ถ้าต้องการดาวน์โหลดไฟล์ เพื่อเก็บไว้ฟังซ้ำโดยไม่ต้องต่อเน็ต ก็คลิก ดาวน์โหลดเดี๋ยวนี้

ขอแนะนำให้ฟังซ้ำหลาย ๆ ครั้งครับ เพราะเป็นการฝึกทั้ง listening skill และ dhamma skill ไปพร้อมกัน

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1515] วิธีหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

สวัสดีครับ
ในยุคอินเทอร์เน็ตนี้ ดูเหมือนว่าการหาข้อมูลเกี่ยวกับประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นเรื่องง่ายมาก เพียงแค่พิมพ์ชื่อประเทศลงไปก็ได้แล้ว เช่น
หาเรื่องอ่านเกี่ยวกับประเทศนั้น พิมพ์ชื่อประเทศลงไปที่ http://www.google.com/
หาภาพดูเกี่ยวกับประเทศนั้น พิมพ์ชื่อประเทศลงไปที่ http://images.google.com/
หาวีดิโอชมเกี่ยวกับประเทศนั้น พิมพ์ชื่อประเทศลงไปที่ http://video.google.com/

และถ้าต้องการหาข้อมูลที่เป็นภาษาไทยเกี่ยวกับประเทศใดประเทศหนึ่ง จะไปหาที่ไหนดี ขณะที่พิมพ์อยู่นี้ ผมนึกออก 2 เว็บ คือ
-เว็บวิกิพีเดีย ภาษาไทย http://th.wikipedia.org/
-เว็บกระทรวงการต่างประเทศของไทย
ประเทศในทวีปเอเชีย
ประเทศในทวีปแอฟริกา
ประเทศในทวีปอเมริกาเหนือ
ประเทศในทวีปอเมริกาใต้
ประเทศในทวีปยุโรป
ประเทศในทวีปออสเตรเลีย

และถ้าเป็นข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษล่ะ ควรจะหาจากเว็บไหน?
ตามความเห็นของผม ข้อมูลของแต่ละประเทศนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
1.ข้อมูลที่เป็นข่าว หรือสถานการณ์ปัจจุบัน ควรหาจากเว็บข่าว ซึ่งมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1.1 เว็บแหล่งข่าวทั่วโลก
-ไปที่ http://news.google.com/
-คลิก Advanced news search
-พิมพ์ชื่อ ประเทศ หรือ เมืองหลวง หรือ คำคุณศัพท์ประเทศนั้น (เช่น Thailand หรือ Bangkok หรือ Thai) ลงในช่อง Find results
-ตรงบรรทัด Date Return articles added to Google News ให้คลิกเลือก last hour/last day/past hour/past week ตามต้องการ หรือจะเลือกช่วงเวลา โดยคลิกเลือก Return articles added to Google News between ก็ได้
-คลิก Search

1.2 เว็บแหล่งข่าวในประเทศนั้น ๆ
ก็คือไปที่เว็บหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของประเทศนั้น ๆ เช่นที่เว็บต่อไปนี้
http://ipl.org/div/news/
และที่ลิงค์นี้ ซึ่งรวมเว็บหนังสือพิมพ์ทั่วโลก - คลิก
การอ่านหนังสือพิมพ์ของประเทศนั้น จะทำให้เราได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกับที่คนในประเทศนั้นอ่าน ซึ่งทำให้ได้ข้อมูลที่ใกล้ชิด

2.ข้อมูลซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานของประเทศนั้น ๆ
ข้อมูลพื้นฐานนี้มีมากมายหลายประเภท เช่น ภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สังคม เศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม การศึกษา การท่องเที่ยว สถิติที่น่าสนใจ ฯลฯ
ในเรื่องนี้ ผมเข้าใจว่า หลายคนจะคิดถึงเว็บ http://en.wikipedia.org/ เป็นอันดับแรก
ซึ่งมีลิงค์ต่อไปนี้ให้ค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ
List of sovereign states
List of dependent territories
Lists of countries and territories

ขอแถมอีก 1 ชุดเป็นของ answers.com ซึ่งนำข้อมูลทั้งจาก Wikipedia และแหล่งอ้างอิงอื่น ๆ มารวมไว้ด้วยกัน
lists-of-countries
list-of-sovereign-states
dependent-territory

แต่ถ้าถามว่านอกจาก Wikipedia แล้ว ยังมีเว็บอื่นอีกหรือไม่ ขอตอบว่า มีครับ มีมากพอสมควรทีเดียว เรื่องของเรื่องก็คือว่า มีหน่วยงานจำนวนมากในโลกนี้ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์การระหว่างประเทศ สื่อมวลชน ฯลฯ ซึ่งมีภารกิจหรือธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก และเขาก็มีข้อมูลเกี่ยวกับประเทศต่าง ๆ เก็บไว้ และหลายแห่งก็เผยแพร่ข้อมูลนี้ให้สาธารณชนทั่วโลกได้ทราบผ่านเว็บไซต์ของเขา และข้อมูลที่เผยแพร่นี้บางแห่งก็คล้าย ๆ กับ Wikipedia คือเป็นข้อมูลเชิงความรู้ทั่ว ๆ ไป หยาบบ้าง ละเอียดบ้าง แต่บางแห่งก็ต่างไป เนื่องจากหน่วยงานของเขาอาจจะมีภารกิจในด้านใดด้านหนึ่งโดยเฉพาะ ข้อมูลของแต่ละประเทศที่เขาเก็บรวบรวมและเผยแพร่จึงอาจจะ “ลึก” เป็นพิเศษในด้านนั้น ๆ ลึกกว่าที่เว็บไซต์ทั่วไปมีให้อ่าน

ผมรวบรวมเว็บไซต์พวกนี้จำนวนหนึ่งมาไว้ข้างล่างนี้ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านที่สนใจ หรือต้องทำงานศึกษาวิจัยในบางเรื่องโดยเฉพาะ ลองเข้าไปชมได้เลยครับ ในหน้าเว็บมักมีให้เลือกคลิกประเทศที่ต้องการค้นคว้า (พยายามนิดนะครับ เดี๋ยวก็หาจอ) และมีช่อง Search ให้พิมพ์ค้นด้วย

เว็บของประเทศสหรัฐอเมริกา
The Library of Congress
http://www.loc.gov/rr/international/portals.html

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกา
http://travel.state.gov/travel/cis_pa_tw/cis/cis_1765.html
http://www.state.gov/

เว็บ IMF
http://www.imf.org/external/country/index.htm

-เว็บ CIA
https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/
-เว็บธนาคารโลก
worldbank.org
-เว็บองค์การสหประชาชาติ
http://data.un.org/
http://data.un.org/CountryProfile.aspx
-เว็บของ WTO องค์การค้าระหว่างประเทศ
http://www.wto.org/english/info_e/site_e.htm
-เว็บ Foreign & Commonwealth Office ประเทศอังกฤษ
fco.gov.uk
-เว็บองค์การนิรโทษกรรมสากล
http://www.amnesty.org/
-เว็บสำนักข่าว BBC
http://news.bbc.co.uk/2/hi/country_profiles/default.stm

และข้างล่างนี้เป็นเว็บอ้างอิงที่น่าสนใจ
http://www.ipl.org/
http://www.eldis.org/country/
http://www.infoplease.com/countries.html
http://www.nationsonline.org/oneworld/
http://www.globaltower.com/
http://www.countrywatch.com/country_profile.aspx
http://www.lonelyplanet.com/destinations
http://dir.yahoo.com/regional/countries/

ก่อนจบ ผมขอแถมสารานุกรมประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกให้ท่านดาวน์โหลดไปเปิดอ่าน โดยไม่ต้องต่อเน็ต เนื้อหาน่าสนใจทีเดียวครับ
ชุดที่ 1 Encyclopedia of the World's Nations And Cultures
คลิกดาวน์โหลด

ชุดที่ 2 Worldmark Encyclopedia of the Nations
คลิกดาวน์โหลด


ชุดที่ 3 Junior Worldmark Encyclopedia of the Nations, 5th Edition (10 Volumes Set)
vol 1-3
vol 4-6
vol 7-10

ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ หวังว่าท่านผู้อ่าน จะมีแหล่งค้นคว้ามากขึ้นที่จะช่วยให้รู้จักประเทศต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้นนะครับ
พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1514] หนังสือไร้สารานุกรมที่อุดมไปด้วยสาระ

สวัสดีครับ
ถ้าท่านรู้สึกว่า encyclopedia หรือ สารานุกรมมีแต่เรื่องน่าเบื่อ ลองอ่านคำแนะนำ
The Encyclopedia of Useless Information ที่ลิงค์นี้
http://englishtips.org/index.php?newsid=1150835664

เพราะว่าแม้จะมีชื่อว่า The Encyclopedia of Useless Information แต่สารานุกรมเล่มนี้มีเรื่องราวที่น่าสนใจโดยฉพาะเรื่องที่สามารถจำเอาไปพูดคุยในกลุ่มเพื่อนได้เป็นอย่างดี และเนื่องจากมีการเรียงชื่อเรื่องตามลำดับตัวอักษร A, B, C, D….. ท่านจึงสามารถเลือกอ่านเฉพาะเรื่องที่ท่านสนใจก่อน เรื่องที่กล่าวถึงชื่อบุคคล สถานที่ สิ่งของที่ท่านไม่รู้จัก หรือไม่สนใจ ท่านก็ข้ามไปก่อนก็ได้

สิ่งที่ผมชอบมากที่สุดของหนังสือเล่มนี้ก็คือ เขาเล่าเรื่องราวที่ผิดปกติของสิ่งปกติ เรื่องที่น่าทึ่ง-น่าสนใจที่เราไม่เคยได้ยินมาก่อน ทำให้เรามีเรื่องราวเอาไปเล่าต่อได้ และเป็นเรื่องราวที่หาอ่านไม่ได้ง่าย ๆ

เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ
http://www.4shared.com/file/nzJ67d35/Encyclopedia_of_Useless_Inform.html

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอาทิตย์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1513] สนุกกับ 1000 คำถาม อะไรเอ่ย? (Riddles)

ท่านผู้อ่านครับ
เราทุกคนมีความเห็นเหมือนกันว่า ภาษาอังกฤษเป็นของดี น่าเรียน น่าศึกษา ถ้าเข้าใจและใช้เป็นจะมีประยชน์มาก ข้อนี้ไม่มีใครเถียง แต่คำถามที่ยังไม่ลงรอยกันก็คือ จะเรียนด้วยวิธีไหนล่ะจึงจะได้ผลดีที่สุด
ผมเคยถูกถามเช่นนี้หลายครั้ง และคำตอบที่ดีที่สุดของผมก็คือ
ผมไม่ทราบครับ

ทั้งนี้ก็เพราะว่าคนเราแต่ละคนนั้นต่างกัน วิธีเรียนที่ดีที่สุดก็คงต้องต่างกันไปเป็นธรรมดา ยกตัวอย่างง่าย ๆ ในบล็อกนี้ แม้ผมจะพยายามจัดหาเนื้อหาให้หลากหลายมากที่สุด เพื่อตอบสนองความชอบและวิธีการเรียนอันหลากหลายของท่านผู้อ่าน แต่ถ้าท่านเป็นแฟนพันธุ์แท้ของบล็อกนี้ก็อาจจะสังเกตได้ว่า เนื้อหาที่เกี่ยวกับการเรียนภาษาอังกฤษจากเพลงฝรั่ง หรือหนังฝรั่ง หรือจากการ chat มีน้อย ทั้งนี้ก็เพราะว่าผมเองมีประสบการณ์ในด้านนี้น้อย จึงพูดไม่ได้มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวิธีที่ไม่ได้แนะนำมีประสิทธิภาพน้อยกว่าวิธีที่แนะนำ

ผมเคยเดินขึ้นภูกระดึง และขอเปรียบเทียบการเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกับการเดินขึ้นภู จะสังเกตได้ว่าแต่ละคน แต่ละกลุ่ม มีวิธีเดินที่เหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้าง เช่น บางคนตั้งหน้าตั้งตาเดินให้ถึงเร็ว ๆ พักน้อยหรือแทบไม่ได้พักเลย บางคนไปเป็นกลุ่มเดินอย่างเอ้อละเหยลอยชาย ชมนกชมไม้ กินลมชมวิวไปตลอดทาง และยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกเยอะแยะ

ถ้าถามว่าวิธีใดดีที่สุด ก็ต้องตอบว่าวิธีดีที่สุดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่ละคนจะต้องตอบตัวเองว่าวิธีใดดีที่สุดสำหรับตนเอง เพราะแต่ละคนมีเรี่ยวแรงและสังขาร มีเวลาที่จะใช้เดินและอยู่บนภู มีเงินที่ใช้จ้างลูกหาบ มีเพื่อนร่วมเดินขึ้นภู มีความอดทน มีอารมณ์ความใจร้อนใจเย็น ฯลฯ ต่างกัน และที่สำคัญที่สุด แต่ละคนอาจจะตั้งความสำเร็จในการเดินไว้ต่างกัน บางคนต้องเดินให้ถึงยอดดอยแล้วเท่านั้นจึงจะเรียกว่า ‘สำเร็จ’ แต่สำหรับบางคนทุกก้าวที่ย่างไปคือความสำเร็จที่มากขึ้นอีก 1 ก้าว เพราะว่าถ้าไม่มีก้าวที่ 1 ก็จะไม่มีก้าวที่ 10, ถ้าไม่มีก้าวที่ 10 ก็จะไม่มีก้าวที่ 100, ถ้าไม่มีก้าวที่ 100 ก็จะไม่มีก้าวที่ 1000, ถ้าไม่มีการพักระหว่างทางเพื่อเรียกแรงให้กลับคืนมาก็จะไม่มีแรงสำหรับการเดินทางต่อไป

แต่ไม่ว่าจะต่างกันอย่างไร สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันก็คือ ทุกคนต้องเลือกวิธีเดินด้วยตัวเอง และเมื่อเลือกแล้วก็ต้องเดินด้วยขาของตัวเอง

การเรียนภาษาอังกฤษก็เช่นกันครับ ทุกคนต้องเลือกวิธีเรียนด้วยตัวเอง และเมื่อเลือกแล้วก็ต้องเรียนด้วยความพยายามของตัวเอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมอยากจะบอกในวันนี้ก็คือ เราไม่จำเป็นต้องเรียนภาษาอังกฤษด้วยวิธีเดียวตั้งแต่ต้นจนจบ เราสามารถใช้วิธีที่สนุก ๆ เล่น ๆ ควบคูไปกับวิธีที่ serious จริงจังก็ได้

ผมขอยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างนี้ครับ ท่านผู้อ่านไปที่ Google และพิมพ์คำว่า "funny English" ลงไป อาจจะเติมด้วยคำอื่น ๆ ด้วยก็ได้ ก็จะพบว่ามีเว็บมากมายให้ท่านได้เรียนภาษาอังกฤษอย่างสนุก ๆ ท่านลองคลิกดูข้างล่างนี้ดูซีครับ

"funny English"
sentences "funny English"
jokes "funny English"
signs "funny English"
songs "funny English"
video "funny English "
indian-highways road signs
funny English in Thailand 1 - 2 -3 -4 -5
Funny Signs and Sentences from Different Countries 1 -2 -3

ที่พูดมาทั้งหมดนี้คือตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการเรียนภาษาอังกฤษอย่างสนุก ๆ

และยังมีอีก 1 วิธีที่ผมขอแนะนำเป็นพิเศษในวันนี้ คือ การสนุกกับคำถามประเภท อะไรเอ่ย ที่ฝรั่งเรียกว่า riddle

เรื่องนี้ผมเคยคุยไว้ครั้งหนึ่งแล้วที่ลิงค์นี้
[382] สนุกกับคำถามกวน ๆ ประเภท ‘อะไรเอ่ย?’
ถ้าท่านยังไม่เคยเข้าไปเล่น ผมขอชวนครับ

และวันนี้ผมไปเจออีกลิงค์หนึ่ง คือ
1000 great riddles

เขามี riddle ให้เราฝึกสมองประลองภาษา(อังกฤษ)อย่างน่าสนุกทีเดียวครับ โจทย์ที่ให้มานั้นวัดทั้งความเฉลียว ความฉลาด ความสามารถทางภาษา และสนุกอีกต่างหาก เมื่ออ่านแล้วบางข้อเราอาจจะไม่เข้าใจ เมื่อคิดอีกครั้งก็ยังไม่เข้าใจอยู่นั่นเอง ก็ไม่เป็นไรครับ ถ้ามีโอกาสอาจจะเอาไปถามเพื่อนที่เก่ง ๆ หรือถามครู

ลองดูคำถามและคำตอบ riddle ข้างล่างนี้เป็นตัวอย่าง และเมื่ออ่านตัวอย่างจบแล้ว ผมขอชวนให้ท่านเข้าไปอ่านที่เว็บของเขา มี riddle อีกมากมายให้ ฝึกสมองประลองภาษา สนุกครับ... ขอรับรอง

Invisible Apple
There are 20 people in an empty, square room. Each person has full sight of the entire room and everyone in it without turning his head or body, or moving in any way (other than the eyes). Where can you place an apple so that all but one person can see it?
Answer: Place the apple on one person’s head.

Carnival Trick
A boy was at a carnival and went to a booth where a man said to the boy, “If I write your exact weight on this piece of paper then you have to give me $50, but if I cannot, I will pay you $50.”
The boy looked around and saw no scale so he agrees, thinking no matter what the carny writes he’ll just say he weighs more or less.
In the end the boy ended up paying the man $50. How did the man win the bet?
Answer:The man did exactly as he said he would and wrote “your exact weight” on the paper.

Days of the Week
Can you name three consecutive days without using the words Monday, Tuesday, Wednesday, Thursday, Friday, Saturday, or Sunday?
Answer:Yesterday, Today, and Tomorrow.

What are we?
We are little creatures;
all of us have different features.
One of us in glass is set;
one of us you’ll find in jet.
Another you may see in tin,
and the fourth is boxed within .
If the fifth you should pursue,
it can never fly from you.
What are we?
Answer:We are vowels.

Think Family
What relation would your father’s sister’s sister-in-law be to you?
Answer:This person would be your mother.

Half of That?
If you’re 8 feet away from a door and with each move you advance half the distance to the door. How many moves will it take to reach the door.
Answer:You will never reach the door, it will always be half the distance, no matter how small!

Lucky to be…
Samuel was out for a walk when it started to rain. He did not have an umbrella and he wasn’t wearing a hat. His clothes were soaked, yet not a single hair on his head got wet. How could this happen?
Answer:This man is bald!

And what’s higher than God…
What does man love more than life
Fear more than death or mortal strife
What the poor have, the rich require,
and what contented men desire,
What the miser spends and the spendthrift saves
And all men carry to their graves?
Answer:Nothing.

Behead for Benefits
As a whole, I am both safe and secure.
Behead me, and I become a place of meeting.
Behead me again, and I am the partner of ready.
Restore me, and I become the domain of beasts.
What am I?
Answer:A Stable.

Quick, no time!
My life can be measured in hours,
I serve by being devoured.
Thin, I am quick
Fat, I am slow
Wind is my foe.
Answer:I am a candle.

Make up your Mind
Whoever makes it, tells it not.
Whoever takes it, knows it not.
And whoever knows it wants it not.
Answer:Counterfeit money.

เชิญคลิกเข้าไปเล่นได้เลยครับ:
1000 great riddles

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1511] ชีวิต รอยยิ้ม กำลังใจ ของคนไร้แขน

สวัสดีครับ
ชีวิตของคนไร้แขน 2 คน

คนที่หนึ่งเป็นผู้ชายชื่อ Nick Vujicic
อ่านชีวิตของเขา คลิกที่นี่
และดูวีดิโอชีวิตของเขาที่ลิงค์ข้างล่างนี้
Are you going to finish strong
"No arms, No legs, No worries!"
I Love Living Life. I Am Happy.


คนที่สองเป็นผู้หญิงชื่อ Barbara Guerra
ดูวีดิโอชีวิตของเขาที่ลิงค์ข้างล่างนี้
Armless mother
Barb Guerra on Medical Incredible

ท่านผู้อ่านคงพอจะเดาได้ว่า ผมนำวีดิโอของคนทั้งสองนี้มาให้ท่านชมก็เพื่อจะบอกว่า คนเราทุกคนในโลกนี้มีพลังกายและพลังใจมากกว่าที่เขาคิด หากเขาพร้อมที่จะดึงพลังนั้นออกมาใช้ เขาก็จะได้ใช้มัน แต่ถ้ายอมแพ้ก็จะแพ้อย่างที่ยอม... เรื่อยไป

การใช้ชีวิต การเรียนภาษาอังกฤษ หรือการพยายามทำสิ่งใดในชีวิตให้สำเร็จ ก็คงเป็นเช่นเดียวกันนั่นแหละครับ

เมื่อดูวีดิโอชีวิตของ Nick Vujicic และ Barbara Guerra เราคงได้กำลังใจจากการไม่ยอมแพ้ชีวิตของเขา แต่ชีวิตของเรา – เราต้องเป็นกำลังใจให้ตัวเอง ตัวเองเท่านั้นจึงจะเป็นกำลังใจที่แท้จริงให้แก่ตัวเองได้

อยากให้ทุกท่านบอกตัวเองทุกวันว่า ด้วยใจรักและใจสู้ เราจะเดินสู่ความสำเร็จ
ไม่ว่าในการเรียนภาษาอังกฤษ หรือการใช้ชิวิตในเรื่องใดก็ตาม

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1510] ดูวีดิโอแสดงการ search Google

สวัสดีครับ
อันที่จริงการ search Google ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร และมีคนเขียนแนะนำไว้มากแล้ว ถ้าเป็นภาษาไทยก็
คลิกลิงค์นี้ครับ

ในบล็อกนี้ ผมได้รวบรวมไว้บ้างที่ลิงค์นี้
เคล็ดการ Search

แต่ผมมานึกดู การอ่านคำอธิบายอาจจะเห็นภาพไม่ชัดเท่าการดูวีดิโอ จึงหามาให้ท่านผู้อ่านได้ดูกัน ข้างล่างนี้ครับ

วีดิโอ ภาษาอังกฤษ
How to search google
how to use google advanced search

How to search Google in 7 really cool secret ways
1) http://maps.google.com/
2) http://books.google.com/
3) http://labs.google.com/sets
4) http://www.google.com/squared
5) http://newstimeline.googlelabs.com/
6) http://similar-images.googlelabs.com/
7) GAudi - Google Audio Indexing (ไม่มีบริการแล้ว)

วีดิโอ ภาษาไทย
Search อย่างเซียน
1/5 ลิงค์ตาย
2/5
3/5
4/5
5/5

แถม: http://www.bestofgooglevideo.com/index.php

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1509]ช่วย ด/ล Encyclopedia of Scienceให้หน่อยครับ


ตอนนี้ดาวน์โหลดได้แล้วครับ ที่ลิงค์นี้
[1512]เชิญด/ล Encyclopedia of Science & Technology

* * * * *

สวัสดีครับ
ผมไปพบไฟล์ pdf หนังสือ Encyclopedia of Science & Technology, 10-th Edition ซึ่งมี 20 volume

ผมอ่าน คำแนะนำ ดูแล้ว มีเนื้อหาที่กว้างขวางน่าสนใจมาก มีบทความถึง7,000 บทความ และมีภาพประกอบถึง 12,000 ภาพ

แต่ปัญหาก็คือ แม้จะลองหลายครั้งแล้วแต่ก็ดาวน์โหลดไม่สำเร็จ เข้าใจว่าเพราะเน็ตที่ผมใช้มันช้าเกินไป

จึงขอความกรุณาว่า ถ้าท่านใดสามารถดาวน์โหลดได้ และทำเป็นไฟล์ WinRar ย่อยขนาดไฟล์ละไม่เกิน 15 MB และนำไปฝากไว้ที่ http://www.4shared.com/ (ลงทะเบียนก่อน)หรือ http://www.mediafire.com/ และส่งลิงค์ให้หน่อยได้ไหมครับ เพื่อผมจะได้นำมาลงในบล็อกนี้ให้นักเรียนนักศึกษาที่สนใจได้ดาวน์โหลดไปใช้ประโยชน์

ไฟล์ดาวน์โหลดมี 2 ชุด ท่านจะดาวน์โหลดชุดใดชุดหนึ่งก็ได้ครับ
(เขามีให้เราดาวน์โหลด volume ที่ 1 – 18 )

ชุดที่ 1
ไฟล์ที่ 1 Vol.1-5 ขนาด 103.4 MB
ไฟล์ที่ 2 Vol.6-18 ขนาด 283.5 MB

ชุดที่ 2
ไฟล์ที่ 1 Vol.1-5 ขนาด 103.4 MB
ไฟล์ที่ 2 Vol.6-18 ขนาด 283.5 MB

ตอนดาวน์โหลดเสร็จ ถ้าตอน extract เขาถามหาโค้ด ก็ให้ใส่ englishtips.org

ขอบคุณมากครับ

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1508]โปรแกรม Language Leader–Pre-Intermediate

หมายเหตุ: รู้สึกว่าโปรแกรมที่ให้ไว้ มันจะดาวน์โหลดไม่ได้แล้ว  ใช้อันใหม่นี้แทนแล้วกันครับ


สวัสดีครับ
วันนี้มีน้องรักเอาโปรแกรมของ Longman ชื่อ Language Leader ระดับ Pre-Intermediate มาโชว์ ผมลองเล่นดูและก็เห็นว่ามีประโยชน์ในการฝึกภาษาอังกฤษทีเดียว ทั้งการฟัง อ่าน เขียน ไวยากรณ์ และศัพท์ ก็เลยขอเอามาให้ท่านผู้อ่านด้วย

ผมทำเป็นไฟล์ย่อย 8 ไฟล์ ๆ ละประมาณ 10 MB ให้ท่านดาวน์โหลดข้างล่างนี้
part01.exe
part02.rar
part03.rar
part04.rar
part05.rar
part06.rar
part07.rar
part08.rar

เมื่อดาวน์โหลดและติดตั้งโปรแกรมเรียบร้อยแล้ว ให้คลิกดูที่ 7 ปุ่มนี้ มีอะไรให้เรียนเยอะเลยครับ สนุกด้วย
UNITS
Writing
Review

Language Reference
Phonetics
Irregular Verb Chart
Dictionary


พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

[1507] แนะนำเว็บ “ โทรทัศน์ครู ”

สวัสดีครับ
ขอแนะนำสั้น ๆ 2 เว็บนี้
[1] เว็บ Thai Teachers TV - โทรทัศน์ครู
http://www.thaiteachers.tv/index.php
อ่านแนะนำเว็บ

[2] เว็บ Teachers TV จากประเทศอังกฤษ
http://www.teachers.tv/

ทั้ง 2 เว็บมีประโยชน์มาก ๆ สำหรับครู ขอชักชวนให้คณครูเข้าไปใช้บริการ ลองสำรวจทั่ว ๆ นะครับ

ถ้าเจอวีดิโอและต้องการดาวน์โหลด ทำได้ 2 วิธี
เว็บ Thai Teachers TV
วิธีที่ 1.
ดาวน์โหลดโดยใช้โปรแกรม RealPlayer
วิธีที่ 2.คลิกขวาที่คำว่า ดาวน์โหลดซึ่งอยู่ใต้จอวีดิโอ, คลิกซ้าย Save Target As…, หาที่ Save

เว็บ Teachers TV
คลิกที่คำว่า Download (free) ใต้จอวีดิโอ แต่ต้อง Register ก่อน

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com

วันอังคารที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

[1506]ด/ล 'audio book' หลายร้อยเล่ม ชุดที่ 1–4

5 ตค 54
หลายลิงค์ข้างล่างนี้อาจจะตายและดาวน์โหลดไม่ได้  ขอแก้ตัวด้วย 2 ลิงค์นี้แล้วกันครับ
http://english-phonics.blogspot.com/search/label/Multimedia พิพัฒน์
*****

สวัสดีครับ
เรื่องที่จะแนะนำต่อไปนี้มีเนื้อหาต่อจากบทความก่อน จึงขอให้ท่านอ่านบทความก่อนครับ คลิกที่นี่

วันนี้ผมมีชุดที่ 4 ให้ท่านดาวน์โหลดอย่างสมบูรณ์มากขึ้น และขอเรียนว่า
-แต่ละไฟล์อาจจะใหญ่สักหน่อย ถ้าเน็ตช้าการดาวน์โหลดอาจมีปัญหา
-ต้องทิ้งช่วงการดาวน์โหลดแต่ละไฟล์อย่างน้อย 15 นาที
-เมื่อดาวน์โหลดเสร็จ ตอนแตกไฟล์ (extract) ให้ใส่ โค้ด
englishtips.org
-ควรมีทั้งโปรแกรม RealPlayer , Foxit-Reader และ Adobe-Reader
ติดตั้งไว้ในเครื่องคอมฯของท่าน ถ้าโปรแกรม Adobe มันไม่ยอมอ่านออกเสียงไฟล์ pdf ก็ให้เปิดด้วย Foxit

-แต่ละ grade ข้างล่างนี้ ถ้ามีครบชุดก็จะมีทั้ง 4 ระดับ คือ
ELL (English for Language Learner-เฉพาะอ่าน),
Above,
On
Below

เชิญดาวน์โหลดได้เลยครับ...

Grade K = kindergarten อนุบาล
คำแนะนำระดับ Above
คลิกดาวน์โหลด Above

คำแนะนำระดับ On
คลิกดาวน์โหลด On หรือ On

Grade 1
คำแนะนำระดับ ELL
คลิกดาวน์โหลด ELL

คำแนะนำระดับ Above
คลิกดาวน์โหลด Above

คำแนะนำระดับ On
คลิกดาวน์โหลด On

คำแนะนำระดับ Below
คลิกดาวน์โหลด Below part 1 และ Below part 2

Grade 2
คำแนะนำระดับ Above
คลิกดาวน์โหลด Above part 1 และ Above part 2

คำแนะนำระดับ On
คลิกดาวน์โหลด On part 1 และ On part 2

Grade 3
คำแนะนำระดับ ELL
คลิกดาวน์โหลด ELL

คำแนะนำระดับ Above
คลิกดาวน์โหลด Above part 1 และ Above part 2

คำแนะนำระดับ On
คลิกดาวน์โหลด On

Grade 4
คำแนะนำระดับ ELL
คลิกดาวน์โหลด ELL

คำแนะนำระดับ Above
คลิกดาวน์โหลด Above

คำแนะนำระดับ On
คลิกดาวน์โหลด On

คำแนะนำระดับ Below
คลิกดาวน์โหลด Below

Grade 5
คำแนะนำระดับ Above
คลิกดาวน์โหลด Above

คำแนะนำระดับ On
คลิกดาวน์โหลด On

คำแนะนำระดับ Below
คลิกดาวน์โหลด Below

Grade 6
คำแนะนำระดับ Above
คลิกดาวน์โหลด Above

คำแนะนำระดับ On
คลิกดาวน์โหลด On

คำแนะนำระดับ Below
คลิกดาวน์โหลด Below

พิพัฒน์
GemTriple@gmail.com